ตอนแรกเรียนแบบครูสอนในเมืองไทยแบบให้ท่องศัพท์เป็นคำๆแล้วบรรยาย grammar ยาวๆ เราเลยฟังไม่รู้เรื่องแล้วพูดไม่ได้ ยิ่งอ่านกับเขียนหละใบ้รับประทานเลยหละ!
พอไปอยู่ในสภาพแวดล้อมของการฟังกับพูดอังกฤษเยอะๆ พอได้ยินประโยคพลิกแพลงเรื่อยๆมันเข้าใจไปเอง
แต่จริงๆแล้วทักษะสะสมที่ทำให้อ่านข้อความยากๆเข้าใจมากขึ้นเรื่อยๆคือ
"เปิด dictionaries อังกฤษเป็นอังกฤษบ่อยๆมากๆ"
การพยายามตีความนิยามศัพท์แต่ละคำบ่อยๆ เป็นการพัฒนาทักษะการอ่านในระดับพื้นฐานที่สุด
ถ้าคุณชินแต่กับการเปิด dictionaries อังกฤษ-ไทย (ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีตัวอย่างประโยคให้) ทักษะการอ่านคุณจะตายเน่าอย่างแรงเพราะคำศัพท์ภาษาอังกฤษมันแปลเป็นกลุ่มคำ (collocation) ซะเป็นส่วนใหญ่ ไม่ได้แปลเป็นคำๆโดดๆเหมือนภาษาไทยหรือภาษาจีน
ก็เลยจำเป็นต้องเปิด dictionaries อังกฤษเป็นอังกฤษ (ที่ให้ตัวอย่างประโยคเยอะๆ) บ่อยๆมากๆ เพื่อจำตัวอย่างประโยคอันหลากหลาย เพื่อช่วยทั้งทักษะการอ่านและเขียน
เวลาเราสอนนักเรียนที่อ่อนมากๆ เราสอนฟังกับพูดก่อน พอนักเรียนพอฟังรู้เรื่องหน่อยๆกับพูดประโยคง่ายๆได้เป็นเรื่องเป็นราว เราจะเริ่มตะลุยสอนศัพท์ แต่สอนเป็นประโยคหมด (คือสอน grammar โดยไม่สอน grammar โดยตรง แต่เป็นสอน grammar แบบให้หัดสร้างประโยคพลิกแพลงแบบเป็นธรรมชาติ)
เผอิญโชคดีเราหาสื่อการสอนจากต่างประเทศดีๆได้ มันมี audio เสียงฝรั่งพูดคำศัพท์คำโดดๆให้ แล้วฝรั่งคนเดียวกันพูดนิยามศัพท์ตัวนั้น แล้วฝรั่งอีกคนพูดประโยคที่ใช้ศัพท์ตัวนั้นสร้างขึ้นมา เราเลยให้นักเรียนฝึกฟังแล้วพูดตาม (ซึ่งในช่วงนี้เราจะสอนทักษะการฟังและแก้ไขการออกเสียงให้นักเรียนไปพร้อมๆกันเลย) จากนั้นเราเอาศัพท์ตัวที่ว่านัั้นมาสร้างประโยคพลิกแพลงให้ดู (ซึ่งกระบวนการนี้เป็นการจำลองการหัดเปิด dictionaries อังกฤษ-อังกฤษ แต่ไม่ยากระดับกระอักเลือด) แล้วให้นักเรียนหัดใช้ dictionaries อังกฤษ-อังกฤษหาตัวอย่างประโยคไปเรื่อยๆ แล้วลองเอาไปหัดพูดหัดเขียนประโยคพลิกแพลง แล้วเอากลับมาพูดให้เราฟัง และเขียนให้เราดูว่าพูดเขียนมาฟังกับอ่านรู้เรื่องหรือเปล่า ซึ่งจะเป็นระดับยากขึ้นเรื่อยๆ สรุปแล้วเราพยายามสอนให้ครบทุกทักษะในการสอนแต่ละครั้งคือฟัง พูด อ่าน เขียน และ grammar + กับ phonetics ภาคปฏิบัติผสานกันไปเลย ไม่ใช่สอนแต่ grammar หรือแต่ศัพท์อย่างเดียว...
เราใช้เวลาหลายปีนั่งคิดค้นวิธีการสอนภาษาอังกฤษแบบใหม่ๆขึ้นมา ด้วยความสนใจโดยเป็นการส่วนตัว แล้วทดลองสอนดูเล่นสนุกๆ แต่ไม่ได้สอนเป็นอาชีพ แต่ช่วงนี้เรางดการสอนภาษาอังกฤษหมดเพราะมีงานแปลเอกสารด่วนๆราคาแพงๆเยอะมากๆ (ซึ่งเป็นงานหลักของเรา) จนไม่มีเวลาออกไปสอนใคร (ยกเว้นสอนอยู่รายเดียวที่อ่อนมากที่สุด เพราะไม่อยากทิ้งเขาไปกลางคัน)
ลองไปอ่านกระทู้เก่าอันหนึ่ง แล้วดูเราสาธิตคำว่า raise ว่ากว่าคุณจะตีความได้ (อ่านเข้าใจ) และใช้มันเขียนประโยคได้ถูกต้องนั้นคุณต้องจำ collocations (การใช้ศัพท์เป็นกลุ่มคำ) มากแค่ไหน ถ้าไม่เรียนแบบจำ collocations เวลาเรียน writing คุณจะมีปัญหาอย่างแรง
^
กรณีที่ต้องจำอะไรเยอะจนสมองบานนี้ เราแก้ปัญหาโดยการทดสอบ software ดีๆไว้หลายตัว และเอามันมาช่วยในการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ ก็เลยทำให้เบาแรงหน่อย
เรื่อง collocations ของ raise มันคือกระทู้เก่าอันนี้
http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2011/01/K10134013/K10134013.html
แก้ไขเมื่อ 27 ต.ค. 55 01:04:45
แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 55 22:41:15
แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 55 22:38:37
แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 55 22:27:37