|  | 
เรื่องราวที่คุณกุหลาบแวร์ซายรับทราบมา  นี่คือการปลูกฝังความเชื่อแบบผิดๆ ที่จะต้องช่วยกันปรับแก้ให้ถูกต้อง
 เรื่องกวาดต้อนครัวเรือนนั้น  เป็นธรรมดาของการศึกสงครามในยุคนั้น  ที่ต้องกวาดต้อนผู้คนไปเพื่อกำลังพลเมือง  และป้องกันมิใหเมีการแข็งเมืองในภายหลัง
 
 เรื่องส่งส่วยและเรียกว่าราษฎรว่าไพร่นั้น  ในภาษาล้านนาไม่มีคำนี้ก็จริง  แต่ในข้อเท็จจริงนั้น  มีเอกสารจดหมายเหตุบันทึกไว้ว่า พระเจ้าอินทวิชยานนท์ได้กล่าวถึงการที่เจ้าน้อยเลาแก้ว บุตรเจ้าอินทวโรรสฯ ลงโทษบริวารของตนจนปางตาย  จนนายหลุย ทัี เสียวโนเวนส์ ต้องไปฟ้องข้าหลวงใหญ่ฯ  เมื่อข้าหลวงใหญ่ฯ ไปถามพระเจ้าอินทวิชยานนท์  กลับได้รับคำตอบว่า ประเพณีบ้านเมืองมีอยู่  ถ้าเจ้านายไม่พอใจบริวารของตนจะลงทัณฑ์ไพร่บ้านพลเมืองอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น  แม้จะเอาตัวไปฆ่าเสียให้ตายก็ได้  เรื่องของเจ้านายเมืองเชียงใหม่นึกจะฆ่าคนตายก็ฆ่านั้นมีหลายเรื่อง  จนบางคราวเลยเถิดไปเป็นความบาดหมางระหว่างเจ้านครเชียงใหม่และลำพูนก็เมีมาแล้ว
 
 เรื่องส่วยที่ต้องส่งลงมากรุงเทพฯ นั้น  ไม่เคยมีหลักฐานว่าเจ้านายล้านนาส่งส่วยลงมากรุงเทพฯ  นอกจากเครื่องราชบรรณาการที่ส่งทุก ๓ ปี  บางทีก็ล่าไปถึง ๔ หรือ ๕ ปีก็มี  เครื่องราชบรรณาการที่ส่งมาก็มีต้นไม้ทองเงินขนาดไม่เท่ากันตามแต่จะจัดมา  และสิ่งของในพื้นถิ่น เช่น นอแรด ฯลฯ  เมื่อจะเดินทางกลับก็จะพระราชทานเสื้อผ้าแพรพรรณและของอื่นๆ ที่เป็นสินค้าของกรุงเทพฯ กลับไป
 
 เรื่องคุกนั้นเหมือนกัน  ขอให้ย้อนไปอ่านที่ผมเขียนไว้ข้างบน  แล้วหาคำตอบให้ได้ก่อนว่า
 ๑) เหตุใดเชียงใหม่จึงไม่มีคุ้มหลวงเช่นเมืองอื่นๆ  แต่มีเวียงแก้วแทน
 ๒) เหตุใดพระเจ้าอินทวิชยานนท์จึงย้ายจากคุ้มท่ามาสร้างคุ้มหลวงใหม่ที่กลางเวียงตรงที่เป็นสนามฟุตบอลและตึกยุพราชในโรงเรียนยุพราชปัจจุบัน  ทำไมไม่ย้ายไปอยู่ที่เวียงแก้วเช่นเจ้านครเชียงใหม่ทั้ง ๖ ตนก่อนหน้า
 ๓) เหตุใดจดหมายเหตุเมืองเชียงใหม่จึงระบุว่า
 ปีมะเมียโทศก วันพฤหัสบดี  เดือน ๘ ขึ้น ๑๑ ค่ำ   เจ้าอุปราช (อินทนนท์)  ได้สร้างวิหารหลวงวัดกิตติ (ทิศใต้วัดเจดีย์หลวง) เอาโรงพระเจ้ากาวิโรรส ฯ มาสร้าง
 ฯลฯ
 จุลศักราช ๑๒๓๗ (พ.ศ. ๒๔๑๘) ปีกุนสัปตศก...  วันเสาร์เดือน ๑๐  ขึ้น ๘ ค่ำ   ปกวิหารวัดพันเต่ากลางเวียงเชียงใหม่  ที่เจ้าอินทวิไชยานนท์  หื้อรื้อเอาหอคำของพระเจ้ามโหตรประเทศไปสร้าง ฯ
 ฯลฯ
 จุลศักราช ๑๒๓๙ (พ.ศ. ๒๔๒๐)  ปีฉลูนพศก  ปกวิหารวัดแสนฝาง  ข้าประตูท่าแพชั้นนอก ข้างใน  เจ้าอินทวิไชยานนท์ เจ้านครเชียงใหม่ให้รื้อเอาโงเจ้ากาวิโรรสไปสร้าง...
 ฯลฯ
 ปีมะแมเบญจศก  วัเสาร์เพ็ญ  เดือน ๕  พระเจ้าชีวิตอินทวิไชยานนท์  ทำบุญฉลองวิหารวัดเชียงยืน  เหนือเวียงนครเชียงใหม่  ที่ได้รื้อเอาโรงพระเจ้ากาวิโรรสไปสร้าง ฯ
 ฯลฯ
 จุลศักราช ๑๒๔๘ (พ.ศ. ๒๔๒๙)  ปีจออัฐศก  วันอาทิตย์  เพ็ญเดือน ๗   พระเจ้าชีวิตอินทวิไชยานนท์ทำบุญฉลองวิหารวัดเจดีย์หลวงแห่งหนึ่ง  ฉลองพระวิหารวัดพันเตากลางเวียงที่รื้อเอาหอคำ  ของพระเจ้าชีวิตมโหตรประเทศมาสร้างแห่งหนึ่ง, วิหารวัดสบขมิ้นแห่งหนึ่ง, วิหารวัดหอธรรมแห่งหนึ่ง ...
 ๔) เมื่อรื้อหอคำไปสร้างวิหารต่างๆ แล้ว  ยังจะมีผู้คนพักอาศัยอยู่ในเวียงแก้วอีกหรือ?
 ๕) เมื่อดจ้าอินทวโรรสฯ ได้รับสถาปนาเป็นเจ้านครเชียงใหม่  เหตุใดจึงไม่เข้าไปพำนักในเวียงแก้วตามประเพณี  แต่เลือกมาอยู่ที่คุ้มหลวงกลางเวียงของพระเจ้าอินทวิชยานนท์
 ๖) เมื่อเจ้าแก้วนวรัฐฯ ได้รับสถาปนาเป็นเจ้านครเชียงใหม่  เหตุใดจึงไม่ย้ายมาพำนักที่คุ้มหลวงกลางเวียงตามประเพณี  แต่เลือกที่จะอยู่ที่คุ้มริมปิงที่เดิมเป็นบ้านหมอชีค
 
 ตอบคำถาม ๖ ข้อนี้เสียก่อนครับ  แล้วคำถามต่อไปคือ พระราชชายาฯ ทรงเล่าไว้ว่า เวียงแก้วนั้นเจ้าอินทวโรรสฯ แบ่งเป็น ๓ ส่วน  แจกญาติวงศ์และบริวารไปส่วนหนึ่ง  ทำเป็นสวนสัตว์ตรงที่เป็นบ้านพักข้าราชการคลังและโกดังยาสูบส่วนหนึ่ง  อีกส่วนหนึ่งเอามาทำเป็นคุก
 
 คำถามต่อไปถ้าจะเอาเวียงแก้วคืนมา  แล้วจะจัดการอย่างไรก็บพื้นที่แีก ๒ ส่วน  การเอาพื้นที่เวียงแก้วไปทำสวนสัตว์หรือแจกญาติวงศฺและบริวารให้ไปอยู่อาศัย  แตกต่างกันอย่างไร?
 
				 
				
					| จากคุณ | : 
V_Mee   |  
					| เขียนเมื่อ | : 
5 พ.ย. 55 07:07:33 |  
					|  |  |  |  |