ความคิดเห็นที่ 1 มาบอกเรื่องจริง เมื่อ 30+ ปีก่อน มี สาวคนหนึ่ง พยายามสองปี จนสอบ Toefl ผ่าน 550 ไปเรียน MBA ที่สหรัฐได้ แต่ก็เรียนไม่รู้เรื่อง เพราะทักษะพื้นฐานอังกฤษน้อยเกินไป เรียนเพื่อสอบให้ผ่าน เพื่อไปเรียนเมืองนอก เป็นสิ่งที่เสียเงินพ่อแม่เปล่าๆ ถ้าอ่าน text ไม่รู้เรื่อง หรือรู้ไม่พอครับ สรุป ง่ายๆ ถ้าคุณยังอ่านบทความหรือข่าวทางด้าน Business/Economy ในเวปดังๆ พวก ฺBBC, The Economist ไม่รู้เรื่อง ต่อให้คุณสอบ Toefl ผ่าน มหาวิทยาลัยรับไปเรียน ผมรับประกันว่า คุณก็เรียนไม่รู้เรื่อง เหมือนกับสาวที่ไปเรียน MBA ในสหรัฐที่ผมเคยรู้จัก แต่เรียนไม่จบ เพราะอ่าน text/case studies มากมายไม่รู้เรื่องครับ ภาษามันต้องปูพื้นฐานนานๆ และต้องมีหัวทางวิชาการประกอบด้วยครับ เข้าใจผิด เข้าใจใหม่ได้ ไม่ใช่จะเรียนให้ผ่านแค่ Toefl/IELTS แต่ความรู้ไม่มีในสาขาที่จะไปเรียนถ้าเป็นรูปภาษาอังกฤษ จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 14:14:32

ความคิดเห็นที่ 2 ที่บอกมี 7-8  เดือนแปลว่าอะไรครับ จากคุณ : WanderFoolLife (meanamide) เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 15:06:35

ความคิดเห็นที่ 3 พยายามทำใจให้รักภาษาอังกฤษครับ ถ้าทำได้ทุกอย่างจะมาครับ เช่น เปิด CNN BBC หรือหารายการที่ชอบฟังไปเรื่อยๆ ได้ยินคำไหนลองมาเปิด dict หรือ search google ดู ถ้าอยากแค่สอบผ่านไม่ยากหรอกครับ 7-8 เดือนถ้าเต็มที่กับมัน ละก็ผมว่าได้ แต่ที่ยากกว่า คือตอนเวลาไปเรียนครับ อันนั้นสำเนียงก็ไม่เป๊ะ ฟังก็ไม่รู้เรื่อง หลายอย่าครับ จากคุณ : Robyboon เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 16:28:31

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณทั้ง 2 คห.นะคะ คห.1 เรื่องอ่าน text ทุกวันนี้ก็อ่านอยู่นะคะ เพราะตอนนี้เราก็เรียนอยู่ มีอ่านเอกสารภาษาอังกฤษเสริมด้วยเหมือนกัน แต่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักค่ะ เรื่องเรียนไม่รู้เรื่องไม่กลัวค่ะ เราเชื่อว่าถ้าเราตั้งใจ ให้เวลากับมันมากๆ มันจะผ่านไปได้ด้วยดี ตอบคห.2 นะคะ เวลา 7-8 เดือนคือเวลาในการเตรียมภาษาค่ะ ตอนนี้ตั้งใจว่าจะอ่านเองไปก่อน ปีหน้าถึงจะไปเรียน จริงๆ นับไปนับมา น่าจะมีเวลาเตรียม 10-11 เดือนค่ะ เพราะสมัครเรียนปลายปี จากคุณ : KK1985 เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 16:38:35

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณคห.3 เช่นกันนะคะ ตอนนี้เราพยายามทำสิ่งแวดล้อมให้เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดเลยค่ะ เมื่อก่อนว่างแล้วชอบดูละครไทย ละครไต้หวัน คลายเครียด ตอนนี้อยากดูแรงเงา กับปัญญาชนก้นครัวมาก เห็นกระแสแรง แต่ก็อดทนก็ไม่ดู เหอๆ ดูซีรี่ย์ฝรั่งแทน เพลงก็ฟังแต่เพลงภาษาอังกฤษ อยู่ห้องก็ฟังข่าวภาษาอังกฤษตลอด รู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง ค่อยๆฝึกฟังไป ขอบคุณทุกท่านอีกครั้งนะคะที่เข้ามาตอบ เรื่องเรียนจะเป็นยังไงก็ค่อยว่ากันค่ะ ตอนนี้ยังไปไม่ถึงจุดนั้น สิ่งแรกที่ต้องทำตอนนี้คือเตรียมภาษาให้ได้ดีที่สุดก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากันอีกที แต่หากเราสอบได้คะแนนภาษาตามเกณฑ์ เรื่องอื่นเราก็ไม่กลัวแล้วค่ะ อย่างที่บอกว่าเรามีความตั้งใจและความพยายามเต็มเปี่ยม ลำบากแค่ไหนก็ไม่หวั่น ^^ จากคุณ : KK1985 เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 16:48:33

ความคิดเห็นที่ 6 คนที่ผมว่า เธอก็มีความตั้งใจขยันมาก แต่ text มีมากมายเหลือเกิน ถ้าอ่านไม่รู้เรื่อง/ไม่ทันก็เรียนไม่ได้ครับ อภิปรายในคลาสก็ไม่ได้ เพราะไม่มีข้อมูลพอ เขียนก็ระดับแย่สุดๆ ผมรู้เพราะแก้ให้ผ่านมาสองสามครั้งแล้ว แต่การสอบไม่ผ่านนี่เป็นอะไรที่ช่วยไม่ได้ครับ ภาษาเตรียมก็ใช้ได้ แต่ควรเตรียมในระดับอ่านตำราวิชาการสาขาที่คุณจะไปเรียนให้รู้เรื่องให้ได้ครับ ไม่ใช่แค่เตรียมอังกฤษอย่างเดียว ต้องพูดเป็น/เขียนเป็นด้วย สิ่งเหล่านี้มันต้องใช้เวลาพอควร ผมเล่าให้ฟังก็เป็นอุทาหรณ์ก็แล้วกัน ความขยัีนสุดๆ ถ้าพื้นฐานไม่ดีมันก็ยากที่จะเอาชนะอุปสรรคได้ครับ สรุปทดสอบตัวเองก่อนไปเรียนเมืองนอก อ่านบทความ The Economist โดยไม่เปิดดิกรู้เรื่องไหม? จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 19:15:31

ความคิดเห็นที่ 7 โทเฟิลสมัยนี้ ไม่ต้องตกใจครับ ถ้าทักษะทางภาษาไม่ดีจริงๆก็ไม่มีทางจะได้คะแนนสูงๆแน่นอน เพราะ ETS มันเอาข้อเสียของข้อสอบโทเฟิลรุ่นดึกดำบรรพ์พวก สอบด้วยกระดาษ มาแก้ไข เพราะมันมีคนจำนวนเยอะมาก ที่สอบด้วยกระดาษแล้วได้คะแนนดี(เพราะเก็งข้อสอบเก่ง ท่องเก่ง จำเก่ง ไวยากรณ์เป๊ะ)หลุดไปเรียนมหาลัย ตปท.แล้วเรียนไม่ได้ มันจะลดพวกศัพท์ประหลาดๆลง แต่เน้นการสื่อสารแบบบูรณาการสี่ทักษะที่เป็นไปได้จริงในชีวิตประจำวันเข้ามาแทนที่ จากคุณ : อืม เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 19:16:11 A:115.87.168.80 X: TicketID:376869

ความคิดเห็นที่ 8 อีกอย่าง ผมคิดว่าในชีวิตประจำวันของเรา ไม่ได้เอาศัพท์จากลิลิตพระลอ สมุทรโฆษคำฉันท์ กามนิต-สาสิฏฐี มาใช้ในชีวิตประจำวันนะครับ เราใช้คำปกติๆ ธรรมดาๆ ที่สื่อสารกับคนทั่วไปรู้เรื่องมาพูด เราคงไม่บอกว่า "ผมรู้สึกอุทัจมาก" คนฟังมันคงงง และสงสัยว่าคนพูดบ้าแน่ๆ แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นบอกว่า "ผมรู้สึกอายมาก" ค่อยดูเป็นคนที่อยู่ในสังคมปัจจุบันขึ้นมาหน่อย ภาษาอังกฤษก็เช่นเดียวกัน พวกศัพท์เทพๆ ศัพท์ประหลาด เก็บเอาไว้ท่องตอนเตรียมสอบ GRE เหอะครับ จากคุณ : อืม เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 19:20:55 A:115.87.168.80 X: TicketID:376869

ความคิดเห็นที่ 9 แม้แต่สมัยนี้ผ่านระดับที่รับได้ แต่ถ้ายังอ่านพวก The Economist โดยไม่เปิืดดิกแล้วไม่รู้เรื่อง เป็นเรียน MBA ลำบากแน่นอนครับ ภาษาระดัึบ MBA มันยากกว่าที่สอบ Toefl สมัยใหม่ีอีก เพราะผมโหลดพวกใหม่ๆ มาดูแล้ว มันก็ยังง่ายเกินไป ถ้าแค่ Toefl คุณต้องไปเรียนติวเพื่อสอบให้ผ่าน ผมรับรองถ้าคุณไปเรียน MBA โอกาสตกสูงมาก เพราะภาษามันยากกว่า และเราต้่องอ่านเอง อ่านมากๆ ด้วย พวก case studies ที่ใช้่ภาษาระดับ The Economist ครับ แต่ถ้าคุณศึกษาด้วยตนเอง แล้วสอบผ่าน ผมว่า ทักษะการเรียนด้วยตนเองคุณมีแน่ๆ เรียนได้แน่ๆ เพราะคนไทยที่ผมเห็นเรียน MBA สมัยเมื่อ 30+ ปีก่อนแล้วผ่าน ไม่ได้ไปเรียนติวอังกฤษที่ไหนครับ ศึกษาด้วยตนเองครับ อ่านตำราเอง รู้เรื่อง สอบผ่าน จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 20:56:20

ความคิดเห็นที่ 10 สอบผ่านแต่คะแนนไม่เคยเยอะมาก แต่กลับอ่านบทความ อ่านข่าว ฟังพูดใช้ได้ในระดับเชิงวิชาการ สื่อสารเข้าใจ งง ไหมครับแบบนี้ มันมีปัจจัยหลายอย่างในการสอบด้วย ไม่ใช่แค่เพียงทักษะด้านภาษานะครับ บางทีไม่ผ่านอาจจะเพราะสมาธิไม่ดี กังวลมากเกินไป ก็ได้ จากคุณ : นายวุ้นกะทิ เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 22:29:26

ความคิดเห็นที่ 11 เห็นด้วยกับคุณ K.senior คือ...อ่านตั้งใจมันอ่านได้แต่มันอ่านไม่ทันค่ะ ยกตัวอย่าง...เราเรียน 5 วิชา 1 เทอม ใน 1 เทอมของ UK มี 10 สัปดาห์ หนังสือ 1 เล่มตีเอาคร่าวๆประมาณ 15-20 บท สรุปว่า... ในหนึ่งวิชาคุณต้องอ่านอาทิตย์ละ 2 บท บทละประมาณ 50 หน้า ก็ร้อยหน้า... 5 วิชา 500 หน้า ไม่รวม case studies อื่นๆ ทำรายงานแต่ละวิชาทั้งงานเดี่ยวและงานกลุ่ม แบ่งเวลา meeting กับเพื่อนร่วมกลุ่ม วิชามีทั้ง lecture และ tutorial ซึ่งต้องมีการอภืปรายหน้าชั้น ก่อนเรียนจะมี slide ให้โหลดอ่านก่อนแต่มันไม่เข้าใจคือต้องอ่านล่วงหน้าคร่าวๆไปบ้างแล้ว... บางวิชาระบุเลยว่าต้องอ่านมาก่อน และมา discuss ในห้อง...เนียนก็ไมไ่ด้ เพื่อนจะเหยียดเอา ระดับโทแล้ว T.T สำหรับเรา เราว่าเราเองก็ยังไม่ดีพอค่ะ คือแบบ...ถ้าได้อิ้งมาก ก็จะได้มากกกกว่านี้ ยิ่งอิ้งแม่นก็จะได้เปรียบ เวลาฟังบรรยายอีก มันจะแบบเข้าใจกว่าเยอะ ยิ่งถ้าเขาเชิญคนดังๆมาพูด บางทีอยากเข้าใจทั้งหมดที่เขาพูดแต่เราจับได้บางจุด บางทีเราเสียดายมากค่ะ ทำไมเราโง่แบบนี้(ฟระ) เราเชื่อว่าเรียนได้นะ แต่วิชาที่ได้จากการเรียนมันจะแน่นไม่เท่ากับคนที่เขาได้อิ้งเก่งๆอ่ะค่ะ เฮ้ออ~ เสียเงินไปเรียนก็ต้องตักตวงให้คุ้มค่าเงินอ่ะเนอะ...^^ การเขียนรายงานเองก็เช่นกัน หากใช้ศัพท์ที่มันตรงตัวไม่ต้องบรรยายเวิ่นเว้อสองบรรทัด มันจะเข้าใจได้มากกว่า และก็จะได้คะแนนมากกว่าด้วย การให้เหตุผลของตัวเองอ้างอิงทฤษฏี หรือแม้แต่การเขียนขัดแย้งแล้วชี้แจงประเด็นใหม่ๆ พร้อมเสนอทางแก้ไข สรุปสุดท้ายด้วย conclusion มันแบบ...สำคัญมากจริงๆสำหรับการเรียนโทค่ะ โดยเฉพาะบริหาร ยกตัวอย่างง่ายๆเลย...สำหรับมหาลัยเรา วิชาหนึ่งอย่างน้อยต้องเขียนประมาณ 2000-4000 คำค่ะ (งานเดี่ยว) ไม่นับงานกลุ่มนะคะ ยิ่งช่วงทำ dissertation หนังสืออ้างอิงเยอะพอสมควรอ่ะค่ะ อ่านกันแบบนอนวันละ 3 ชม. แก้ไปอ่านไปร้องไห้ไปใน library บางทีอ่านๆไป มันเอามาใช้ไมไ่ด้ด้วย -_-" เราเพิ่งจบโทสดๆร้อนๆเลย แบบยังจำ feeling ได้แม่น... ปล. อยากให้เตรียมอิ้งให้พร้อมก่อนไปเรียนค่ะ ความเห็นส่วนตัวนะคะ ------edit------ เราสอบ ielts ครั้งแรกได้ 6 ค่ะ ครั้งที่ 2 หลังจากเรียนภาษาครึ่งปีได้ 7 ครั้งที่ 3 ก่อนยื่น U เข้ามหาลัยเราได้ 7.5 สำหรับเรา part ที่แย่ที่สุดคือ writing มหาลัยกำหนดเลยว่า overall เกิน 7 writing ไม่ต่ำกว่า 6 สอบครั้งที่สองเราได้ writing แค่ 6 นั่นคือเหตุผลที่เราสอบอีกรอบค่ะ จนสุดท้ายได้ 7 ไปแบบ...นะ แต่ก็ค้นพบว่าพอมาเขียนรายงานจริงๆ T___________T มันแบบ เขียนไม่ออก ไม่รู้จะขึ้นต้นยังไง เฮ้ออ~ แก้ไขเมื่อ 05 พ.ย. 55 06:40:42 จากคุณ : ตะไคร้ใส่ใบชา เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 06:22:07