Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
พลังแห่งความแค้น ติดต่อทีมงาน

สามก๊กฉบับลายคราม

ชุดที่ ๒ ผู้พนมมือถือดาบ

ตอน พลังแห่งความแค้น

เล่าเซี่ยงชุน

เมื่อเล่าปี่ได้ครอบครองเมืองเสฉวน และกำลังจัดระเบียบการปกครองอยู่นั้น โจโฉก็ยกกองทัพไปตีเมืองฮันต๋งได้ และเนรเทศเตียวฬ่อเจ้าเมืองไปอยู่ที่เมืองปาต๋ง และได้ตัวบังเต๊กไว้เป็นนายทหารของตน ต่อมาเล่าปี่ก็ยกทัพไปตีเมืองฮันต๋งจากโจโฉ จนโจโฉต้องถอยออกไป เมื่อเล่าปี่ได้ยึดครองเมืองฮันต๋งแล้ว ชาวเมืองทั้งหลายก็ยกให้เป็นอ๋องของเมืองฮันต๋ง

ในขณะเดียวกันโจโฉก็หันไปร่วมมือกับซุนกวน เข้าตีเมืองเกงจิ๋วที่กวนอูรักษาอยู่ กวนอูสามารถฆ่าบังเต๊กและตีกองทัพโจโฉแตกไปได้ แต่ตนเองก็บาดเจ็บสาหัส สุดท้ายก็พ่ายแพ้แก่กองทัพของซุนกวน ถูกจับตัวได้ จึงประหารชีวิตเสียแล้วส่งศีรษะไปให้โจโฉ

ต่อมาโจโฉป่วยถึงแก่ความตาย โจผีบุตรชายคนโตก็ล้มราชบัลลังก์ของพระเจ้าเหี้ยนเต้ สถาปนาตนเองเป็นฮ่องเต้ ตั้งราชวงศ์วุย เรียกแผ่นดินของตนว่าวุยก๊ก

ขงเบ้งกับชาวเมืองเสฉวน จึงยกเล่าปี่ขึ้นเป็นฮ่องเต้ สืบต่อราชวงศ์ฮั่น และเรียกแผ่นดินของตนว่าจ๊กก๊ก เมื่อได้เป็นฮ่องเต้แล้วก็ได้ทราบข่าวว่า กวนอูถูกฆ่าตายก็มีความเศร้าโศกเสียใจมาก และระลึกถึงคำสาบาน ที่ให้ไว้ต่อกันเมื่อสามสิบปีก่อน ตอนที่ได้พบกันเป็นครั้งแรกในบ้านของเตียวหุยขึ้นมาได้คำสาบานนั้นมีว่า

ข้าพเจ้าเล่าปี่ กวนอู เตียวหุย ทั้งสามคนนี้อยู่ต่างเมือง วันนี้ได้มาพบกัน จะตั้งสัตย์สบถเป็นพี่น้องร่วมท้องกัน เป็นน้ำใจเดียวซื่อสัตย์ต่อกันสืบไปจนวันตาย จะได้ช่วยทำนุบำรุงแผ่นดินให้อยู่เย็นเป็นสุข ถ้ามีภัยอันตรายสิ่งใด แลรบศึกเสียที ข้าพเจ้ามิได้ทิ้งกัน จะแก้กันจนกว่าจะตายทั้งสาม แลความสัตย์นี้ข้าพเจ้าได้สาบานต่อหน้าเทพดาทั้งปวงจงเป็นทิพย์พยาน ถ้าสืบไปภายหน้าข้าพเจ้าทั้งสามมิได้ซื่อตรงต่อกัน ขอให้เทพดาสังหาญผลาญชีวิตให้ประจักษ์แกตาโลก

ดังนั้นราชกิจแรกของพระเจ้าเล่าปี่ต้องการจะกระทำให้ได้ ก็คือการยกกองทัพไปตีเมืองกังตั๋งของซุนกวนแห่งง่อก๊ก เพื่อแก้แค้นแทนกวนอู น้องร่วมสาบานที่รบแพ้ ถูกจับตัวไปประหารชีวิตที่เมืองเป๊กเต้เสียเมื่อสองปีก่อน แม้ใครจะทัดทานประการใดก็ไม่ฟัง

จูล่งทหารเอกคู่ใจเสนอว่า โจผีซึ่งเป็นขบถต่อพระเจ้าเหี้ยนเต้นั้น เป็นเรื่องใหญ่มาก มิใช่ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินจะเจ็บแค้นเท่านั้น แม้เทวดาก็มีความแค้น จึงขอให้ยกกองทัพไปกำจัดโจผีก่อน พระเจ้าเล่าปี่ก็ว่า

“ อ้ายซุนกวนกับเปาสูหยิน บิฮอง พัวเจี้ยง ม้าต๋ง มันทำร้ายน้องเรา เรารำลึกขึ้นมาแล้วให้ขบฟัน ใคร่จะกินเนื้อให้ได้ จะฆ่าอ้ายเหล่านี้เสียทั้งโคตรแล้วจึงจะหายแค้น “

จูล่งก็ท้วงอีกว่า ความแค้นข้างโจผีนี้เป็นที่เจ็บใจทั่วกัน ทั้งขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยและราษฎรทั้งปวง ส่วนความแค้นข้างซุนกวนนั้นเจ็บใจแต่พระองค์เอง ซึ่งเป็นเรื่องของพี่น้องเท่านั้น เล่าปี่ก็ยืนยันว่าถ้าเราไม่แก้แค้นแทนน้องเราได้ คนทั้งปวงก็จะเห็นว่าเราหามีความสัตย์ไม่

ว่าแล้วก็สั่งจัดกองทัพใหญ่ เตรียมจะยกไปตีเมืองกังตั๋งให้ราบเรียบ

ฝ่ายเตียวหุยน้องร่วมสาบานคนสุดท้องของเล่าปี่ ซึ่งได้เป็นเจ้าเมืองลองจิ๋ว เมื่อรู้ข่าวว่าซุนกวนฆ่ากวนอูเสียแล้ว ก็ร้องไห้ทั้งวันทั้งคืนจนน้ำตาเป็นสายเลือด ขุนนางตกใจกลัวว่าจะตายไป ก็เข้ามาปลอบโยนเอาใจ ชวนให้เสพสุราหวังจะให้คลายความโศกเศร้า

แต่ครั้นเมาสุราได้ที่แล้ว เตียวหุยก็อาละวาดเตะต่อยถูกทหารศีรษะแตกบ้าง แขนขาหักบ้าง บางคนก็ถึงตายไปเลย แล้วก็ออกเดินทางจากเมืองลองจิ๋วไปเฝ้าพระเจ้าเล่าปี่

เมื่อถึงลงกราบพระบาทพระเจ้าเล่าปี่แล้วก็ร้องไห้ พระเจ้าเล่าปี่ก็ทรงกรรแสงด้วย เตียวหุยทูลถามว่า

“ พระองค์ได้เสวยราชสมบัติ แล้วลืมความสัตย์ซึ่งให้กันไว้แต่ก่อนเสียแล้วหรือ พระองค์จึงไม่คิดแค้นแทนกวนอูเลย “

พระเจ้าเล่าปี่ก็ตรัสว่าพระองค์เองก็คิดจะยกทัพไปแก้แค้น แต่ขุนนางทั้งปวงรวมทั้งขงเบ้งก็ห้ามเอาไว้ เตียวหุยก็ว่า

“ ถ้าพระองค์ไม่ยกไปแล้ว ข้าพเจ้านี้หาคิดชีวิตไม่เลย จะขอยกกองทัพไปแก้แค้น ถ้าแก้แค้นมิได้ ก็ตายเสียดีกว่ากลับมาเห็นหน้าพระองค์ “

พระเจ้าเล่าปี่จึงยืนยันที่จะยกกองทัพไปด้วย และให้ยกทัพไปบรรจบกันที่เมืองเกงจิ๋ว และพร้อมกันนั้นก็เตือนให้เตียวหุยรู้จักโอบอ้อมเอาใจทหาร อย่าเอาแต่ดุดันหยาบคายเหมือนครั้งก่อน

เมื่อเตียวหุยกลับมาถึงเมืองลองจิ๋วแล้ว ก็รีบสั่งให้ทหารเตรียมเครื่องศัตราวุธ ม้าขาว ธงขาว และเครื่องนุ่งห่มขาว ให้พร้อมภายในสามวัน จะให้ทหารแต่งกายชุดขาวทั้งกองทัพยกไปรบกับซุนกวน สำหรับเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายก็พอจะทำได้ทัน แต่ม้าขาวนี่จะไปเกณฑ์มาแต่ไหน

จึงมีนายทหารสองคนชื่อฮอมเกียงกับเตียวตัด เข้ามาแจ้งแก่เตียวหุยว่า ที่สั่งนั้นเร็วเกินไปทำไม่ทัน ขอให้เนิ่นออกไปสักหน่อยหนึ่งเถิด เตียวหุยก็โกรธว่าจะเร่งยกกองทัพไปให้ทันตามกำหนด แต่การเท่านี้สิว่าไม่ทันเล่า ว่าแล้วก็สั่งให้ทหารจับตัวนายผู้เคราะห์ร้ายทั้งสองมัดติดกับต้นไม้เฆี่ยนเสียคนละห้าสิบที จนเลือดไหลออกทางปาก พร้อมกับสำทับว่าถ้าการนี้ไม่ทันตามกำหนดในพรุ่งนี้ จะฆ่าเสียทั้งสองคน แล้วก็ปล่อยตัวไป

ทั้งสองนายกลับมาถึงที่อยู่ก็ปรึกษากันว่า เตียวหุยนี้เมื่อโมโหขึ้นมาแล้วเหมือนไฟไหม้ วันนี้เฆี่ยนเราเสียหนักหนา ถ้าพรุ่งนี้ทำตามคำสั่งไม่สำเร็จก็คงจะตายเป็นแน่นอน

เตียวตัดจึงว่า ถ้าอย่างนั้นอย่าให้มันฆ่าเราเลย เรารีบฆ่ามันเสียก่อนจะดีกว่า ฮอมเกียงก็ว่าเราจะเข้าไปใกล้ตัวได้อย่างไร เตียวตัดก็ว่าถ้าบุญของเราจะไม่ต้องตาย มันก็คงจะกินเหล้าเมาแล้วออกมานอนอยู่ที่ว่าราชการเหมือนเคย แต่ถ้ามันไม่เมาเหล้าก็กรรมของเรา

และก็เป็นจริงอย่างที่สองเกลอคาดเอาไว้ เพราะเตียวหุยเกิดกระวนกระวายใจนอนไม่หลับ ต้องออกมาคุยกับทหารที่รักษาที่ว่าราชการ แล้วก้เลยเรียกเอาสุรามากินกัน จนเมาแทบไม่รูสึกตัว ลงนอนปนอยู่กับทหารทั้งปวงในที่นั้นเอง

ฮอมเกียงกับเตียวตัดก็ย่องเข้าไปตอนสองยาทพร้อมกับซ่อนกระบี่เอาไว้ในเสื้อ กะว่าถ้าตื่นอยู่ก็จะเข้าไปปรึกษาราชการ แต่เจอเอาเตียวหุยนอนตาค้างหนวดสั่นอยู่ ไม่รู้ว่าตื่นหรือตายไปแล้ว พอดีได้ยินเสียงกรนดังสนั่นจึงรู้ว่าหลับแน่ ทั้งสองจึงช่วยกันจ้วงกระบี่แทงที่ซอกคอและที่ท้อง เตียวหุยสะดุ้งร้องออกมาคำเดียวก็ตายคาที่

ทั้งสองก็ตัดศีรษะเตียวหุย พาพรรคพวกประมาณสามสิบคน หนีไปเมืองกังตั๋งในคืนนั้น แล้วเอาศีรษะเตียวหุยไปถวายพระเจ้าซุนกวน พร้อมกับแจ้งข่าวที่พระเจ้าเล่าปี่จะยกทัพเจ็ดสิบหมื่นมาตีเมืองกังตั๋งให้ทราบ

ข้างพระเจ้าเล่าปี่ ครั้นได้ฤกษ์ดีก็ยกกองทัพออกจากเมืองเสฉวน แต่ไปไม่ได้ไกลนักก็ปลงทัพลง และเกิดไม่สบายใจนอนไม่หลับเหมือนกัน จึงยังไม่เคลื่อนพลต่อไป สามวันต่อมาจึงมีลิ่วล้อจากเมืองลองจิ๋วแจ้งว่า   เตียวหุยตายเสียแล้ว ก็ทรงพระกรรแสงจนสลบไป ขุนนางทั้งปวงก็แก้ไขจนฟื้น

พอรุ่งขึ้นเตียวเปาบุตรของเตียวหุยก็นุ่งขาวห่มขาวควบม้ามาเฝ้า กราบทูลเรื่องบิดาถูกฆ่าตายให้ฟังโดยละเอียด พระเจ้าเล่าปี่ก็กรรแสงอีกอย่างหนัก จนไม่เสวยอาหารเลย ขุนนางก็กราบทูลให้ระงับความเศร้าโศก และเสวยอาหารเพื่อจะได้ไปทำศึกกับศัตรูต่อไป

รุ่งขึ้นอีกวันหนึ่ง กวนหินบุตรของกวนอู ก็นุ่งขาวห่มขาว ควบม้าขาวมาเฝ้าอีกคนหนึ่ง พระเจ้าเล่าปี่และหลานทั้งสองก็ร้องไห้รำพันถึงความหลังว่า

“ เรากับกวนอู เตียวหุยก็ได้ให้สัตย์กันไว้แต่ยังยากจนกันอยู่ด้วยกัน ก็เป็นเพื่อนทุกข์เพื่อนยาก ช่วยกันทำสงครามมาจนได้เมืองมากมายถึงเพียงนี้ เราได้เป็นเจ้าคิดว่าน้องเราจะได้ความสุขด้วยกัน บัดนี้น้องเราทั้งสองก็ตายเสียแล้ว ยังแต่เราผู้เดียวจะเสวยราชย์เป็นสุข จะควรหรือ “

ขุนนางต้องขอให้เตียวเปากับกวนหินออกไปจากหน้าที่นั่งเสียก่อน พระเจ้าเล่าปี่จะได้มีสติบ้าง

พอถึงเวลาที่จะเคลื่อนทัพ เตียวเปาก็บอกว่างอปั้นคุมทหารจากเมืองลองจิ๋วมาถึงแล้ว พระเจ้าเล่าปี่ก็ให้เป็นทัพหน้ายกไปก่อน เตียวเปาใจร้อนก็จะตามไปด้วย กวนหินก็บอกว่าอย่าไปเลย ขอให้ตนเป็นทัพหน้าไปเอง เตียวเปาก็ไม่ยอมเลยเกิดเถียงกันจนถึงขั้นจับอาวุธเข้าลองฝีมือกันเป็นพัลวัน

พระเจ้าเล่าปี่เห็นดังนั้นก็ว่า เหตุใดจึงมาทำเช่นนี้ต่อหน้าที่นั่ง โดยไม่เกรงกันเลยโทษถึงตาย ทั้งสองจึงลงจากหลังม้าทูลขออภัยโทษ พระเจ้าเล่าปี่ก็ตรัสว่า

“ บิดาของท่านทั้งสองมิใช่แซ่เดียวกันก็จริง แต่รักใคร่กันเหมือนหนึ่งพี่น้องร่วมอุทร ท่านทั้งสองก็เหมือนพี่น้องกัน ชอบแต่จะพร้อมใจกัรนช่วยกันกำจัดศัตรูของบิดา ควรแล้วหรือจะมารบกันเองอีกเล่า แต่ต่อหน้าเรายังทำดังนี้ ถ้าลับหลังเราจะมิฆ่ากันเสียหรือ “

ทั้งสองหนุ่มใจเร็วก็กราบรับสารภาพโทษ พระเจ้าเล่าปี่จึงให้กวนหินเรียกเตียวเปาว่าพี่ และให้ทั้งสองสาบานตัวเป็นพี่น้องกัน จากนั้นก้เคลื่อนทัพไปโดยมีงอปั้นเป็นทัพหน้า เตียวเปาเป็นปีกซ้าย กวนหินเป้นปีกขวา มุ่งไปถล่มเมืองกังตั๋ง ด้วยความแค้นที่อัดแน่นอยู่ในใจของแม่ทัพทั้งสามคน

เมื่อพระเจ้าเล่าปี่ยกกองทัพอันมหึมา พอ ๆ กับกองทัพของโจโฉเมื่อครั้งกระโน้น มาถึงด่านกุยก๋วนเมืองเป๊กเต้ ก็หยุดพักไพร่พลไว้ก่อน โดยให้ทัพหน้าตั้งอยู่ที่ตำบลชอนเค้า

จูกัดกิ๋นพี่ชายของขงเบ้งซึ่งทำราชการอยู่ที่เมืองกังตั๋งก็มาเฝ้า และได้พยายามปลอบโยนพระเจ้าเล่าปี่ให้ระงับการเข้าตีเมืองกังตั๋ง และบอกถึงความคิดของซุนกวนว่า

“ กวนอูไปตีเมืองซงหยงของโจโฉ โจโฉโกรธให้หนังสือไปถึงซุนกวนเป็นหลายครั้งให้ไปตีเมืองเกงจิ๋ว ซุนกวนก็มิไป แต่ลิบองเป็นคนมีความผิดกับกวนอู คิดอุบายไปตีเมืองเกงจิ๋ว กวนอูจึงเสียที ความทั้งนี้ซุนกวนจะคิดเองหามิได้ บัดนี้ลิบองคนผิดก็ตายเสียแล้ว อนึ่งนางซุนฮูหยินคิดถึงพระองค์นัก ซุนกวนใช้ข้าพเจ้ามาครั้งนี้ ให้แจ้งเนื้อความแล้ว ให้กลับไปเอานางซุนฮูหยินมาถวาย “

นางซุนฮูหยินผู้นี้เป็นน้องสาวของซุนกวน ที่แต่งงานกับเล่าปี่เพราะเหตุผลทางการเมือง แต่ทั้งสองก็มีความรักใคร่ผูกพันกันมาก ซุนกวนจึงหาอุบายพรากมาจากกันเสีย

จากนั้นจูกัดกิ๋นก็บรรยายถึงข้อเสนอของซุนกวนต่อไปอีกว่า จะจับตัวผู้ที่ทำร้ายกวนอู คือจูเหียนกับพัวเจี้ยงซึ่งเป็นทหารของซุนกวนเอง และฮอมเกียงกับเตียวตัดซึ่งลงมือฆ่าเตียวหุย มาส่งให้ แถมคืนเมืองเกงจิ๋วตัวต้นเหตุให้อีกด้วย เพื่อจะขอเป็นไมตรีดังเดิม จะได้ช่วยกันกำจัดโจผีศัตรูของแผ่นดินต่อไป

แต่พระเจ้าเล่าปี่ไม่ยอมรับข้อเสนอ และยืนยันความตั้งใจเดิมอย่างหนักแน่นว่า

“ ศัตรูฆ่าน้องเราเสียครั้งนี้ เรามีความแค้นเท่าแผ่นดินแผ่นฟ้า...........เราจะยกทัพมาแก้แค้นให้ได้ เรามีชีวิตอยู่ตราบใดจะไม่ถอยทัพกลับเลย ถ้าเราตายแล้วทัพนี้จึงจะกลับ นี่หากว่าเราคิดถึงขงเบ้ง หาไม่จะฆ่าท่านเสีย ท่านจงกลับไปบอกซุนกวนให้ล้างคอไว้ท่าดาบเราเถิด “

เมื่อพระเจ้าซุนกวนหาทางประนีประนอมกับพระเจ้าเล่าปีไม่สำเร็จ ก็ต้องจำใจต่อสู้ โดยขอเป็นพันธมิตรกับพระเจ้าโจผี แต่พระเจ้าโจผีก็ไม่ได้ช่วยด้วยใจจริง คอยจะซ้ำเมื่อฝ่ายใดเพลี่ยงพล้ำ

กองทัพของพระเจ้าเล่าปี่จึงลุยกองทัพของพระเจ้าซุนกวน แตกพ่ายยับเยินทุกสมรภูมิ และทหารเอกของเมืองกังตั๋งถูกฆ่าตายไปถึงห้าคน รวมทั้งพัวเจี้ยงผู้พิชิตกวนอูด้วย โดยฝ่ายเมืองเสฉวนเสีย ฮองตงทหารเอกผู้เฒ่าไปเพียงคนเดียว

ซุนกวนได้พยายามจะบรรเทาความแค้นของพระเจ้าเล่าปี่เป็นครั้งสุดท้าย ด้วยการส่งมอบตัวฮอมเกียงและเตียวตัดมาให้พระเจ้าเล่าปี่ประหารเซ่นศีรษะเตียวหุยเสียทั้งคู่ แต่ก็ไม่ทำให้พระเจ้าเล่าปี่ใจอ่อนลง ยังคงยืนยันที่จะรบเอาเมืองกังตั๋ง และฆ่าพระเจ้าซุนกวนให้จงได้

อันความโกรธแค้นอาฆาตพยาบาทนั้น เมื่อบังเกิดแก่ผู้ใดแล้วก็ย่อมจะบดบังความรู้สึกผิดชอบให้มืดมนไป

พระเจ้าเล่าปี่ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้สุภาพอ่อนน้อม และมีน้ำใจโอบอ้อมอารี เมื่อถูกความเคียดแค้นครอบคลุมจิตใจ จึงกลายเป็นผู้ดุร้ายเหี้ยมโหด แม้จะได้ศ๊รษะของศัตรูมาแล้วถึงเจ็ดคนก็ยังไม่จุใจ คงดึงดันที่จะเอาชนะให้ถึงที่สุดจนได้

และจะต้องเสียเลือดเนื้อของทั้งสองฝ่ายไปอีกสักเท่าใด จึงจะตีเมืองกังตั๋ง ที่ไม่เคยมีผู้ใดตีแตกได้ ดังคำประกาศิตที่ได้ลั่นวาจาเอาไว้.

##########

จากคุณ : เจียวต้าย
เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 08:45:59




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com