ความคิดเห็นที่ 1 เหมือนเคยได้ยินว่ามี หรือจำปนกับของอังกฤษก็ไม่ทราบนะคะ นึกถึงลูก (ขออภัยนะคะ นึกราชศัพท์ไม่ออก เพราะจำเพศของพระองค์ไม่ได้ น่าจะเป็นพระธิดา) ของพระราชชายาเจ้าดารารัศมี เห็นว่าสิ้นพระชนม์ตอนได้ 3 ชันษาเอง ป.ล. ใช้คำราชาศัพท์ผิดระดับ ผิดพลาด ต้องขออภัยนะคะ รบกวนท่านผู้รู้มาช่วยแก้ด้วยก็จักเป็นวิทยาทาน จากคุณ : อวัยวะชิ้นนั้น เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 55 09:50:04

ความคิดเห็นที่ 2 เอาจริงๆโอรส-ธิดาของร.5เกือบทุกคนอายุไม่ค่อยยืนทั้งนั้นครับ   ส่วนใหญ่จะไม่เกิน 60 ทั้งนั้น       เทียบกับโอรส-ธิดาของร.4ที่อายุเกิน 70-80 มีหลายคนเลย ซึ่งก็คาดว่าสาเหตุมาจากการแต่งงานกับเครือญาติ   ทำให้พันธุกรรมด้อยแสดงผลออกมามาก สังเกตว่าพอมาทายาทรุ่นหลัง    ไม่ว่าจะเป็นเจ้าฟ้าเพชรรัตน์   พระพี่นาง   พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว   พระองค์เจ้าอินทุรัตนา    ที่มารดาไม่ได้เป็นเจ้ามาก่อน      ก็ส่งผลให้สุขภาพดีและอายุค่อนข้างยืนกัน   เกิน 80 ทุกพระองค์ ส่วนโรคประจำราชวงศ์ไม่มีให้เห็นชัด    แต่เท่าที่เห็นส่วนใหญ่ที่สุขภาพไม่ดี    มักจะเกี่ยวแก่อวัยวะภายในอย่างไตเป็นส่วนมาก จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 55 14:02:22

ความคิดเห็นที่ 3 นอกจากโรคที่เกิดจากพันธุกรรมเพราะแต่งงานกับญาติใกล้ชิดแล้ว    อาหารชาววังสมัยก่อนก็น่าจะมีผลมาก   เพราะดูแต่ละกว่าจะทำออกมาเป็นจานต้องผ่านการขัดสี   จนขาดสารอาหารที่มีประโยชน์         โรคบางอย่างไม่แสดงออกทางร่างกาย  แต่ผ่านทางจิตใจ  ก็เห็นคนที่มีเชื้อสายเป็นกันหลายคนนะคะ จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 55 22:35:31

ความคิดเห็นที่ 4 โรคไต ที่เป็นมาก ถ้าให้ผมคาด อาจจะเนื่องจากการเป็นเจ้านาย จะเสด็จไปไหน สมัยก่อนการจะเข้าห้องสรง หรืออะไรจะเป้นเรื่องยาก ทำให้พระราชวงศ์ต้อง "ทนกลั้นเอาไว้" ครับ แม้แต่อย่างปัจจุบัน ในอดีต จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่า แทบจะไม่มีเลยที่พระองค์จะเข้าห้องสรง จะเริ่มเห็นมีการพักเบรกกันก็เมื่อเริ่มมีพระชนมายุเพิ่มขึ้น อันนี้ ก็น่าเห็นใจทางฝั่งราชวงศ์มาก ส่วนเรื่องอาหารนั้น ในอดีตอย่าว่าแต่ชาวรั้วชาววัง แม้แต่ชาวบ้านก็ไม่ใคร่ดีเพราะว่าขาดความรู้ทางโภชนาการ จะเห็นได้ว่า ในอดีต อาหารไทย ก็มักมีการปรุงแต่งที่ผิดไปจากธรรมชาติ เช่น การใช้ดินประสิว ฯลฯ หรือขนมไทย อย่างพวกเชื่อม อย่างกระท้อนลอยแก้วสมัยโบราณจะเชื่อมจนน้ำตาลเป็นเกล็ด ซึ่งสมัยนี้จะหวานแสบคอมาก (แม้แต่ปัจจุบันก็ยังหวานอยู่) แต่เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องปกติ ที่เกี่ยวกับความเชื่อผิด ๆ อย่างของจีน ก็ใช้ปรอทในการทำเป็นยาอายุวัฒนะเพื่อเชื่อว่าเป็นธาตุมหัศจรรย์ แต่อันที่จริง ทำให้ตายเร็วกว่าปกติเสีด้วยซ้ำ การเป็นเจ้านาย หรือเรื่องในรั้วในวัง เดี๋ยวนี้ก็มีคนมาเล่ากันเป็นตุเป็นตะ แต่อันที่จริง ไม่ว่าจะเป็นไพร่หรือเจ้า ก็มีเรื่องปวดหัว เศร้าโศกเสียใจ หรือต้องอดทนแบบกลืนเลือดก็มากมาย เพียงแต่คงต้องคิดตรึกตรองกันว่า เพราะเหตุใดถึงได้เป็นเช่นนั้น เราก็ใช้เป็นอุธาหรณ์ได้ จากคุณ : bangkokguy เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 09:20:33

ความคิดเห็นที่ 5 และเป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่า ในช่วงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น พระบรมมหาราชวัง เป็นศูนย์กลางการปกครอง ทั้งฝ่ายหน้าและฝ่ายใน ต่างแออัดกันอยู่ภายในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งแม้ว่าจะได้สร้างมาเพียงแค่ 100 กว่าปีเท่านั้น แต่ว่า เป็นการสร้างแบบแผนดั้งเดิมครั้งแต่สมัยอยุธยา หาได้มีการวางแผนสำหรับการขยายตัวเพื่อรองรับคนจำนวนมากได้ หมอฝรั่งชาวต่างชาติได้บันทึกว่า มีความแออัดมาก ในสมัยเด็ก ผมได้มีโอกาสได้เข้าไปในส่วนฝ่ายใน แม้จะผ่านมาถึงสมัยปัจจุบัน ก็ยังพบร่องรอยของความแออัด ในสมัยนั้น คือประมาณ ปี 2525 ซึ่งเป็นปีที่ฉลองครบรอบกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปีนั้น ได้มีการปรับปรุงใหญ่ ในส่วนฝ่ายในก็ยังมีคนอยู่มากมาย ความเป็นอยู่ ผมอยากจะเรียนว่า เหมือนๆ บ้านชาวบ้านทั่วไป อาจจะแย่กว่าด้วยซ้ำ มีความชื้นมาก การหุงหายังเป็นการใช้ถ่านกันอยู่เลยครับ ปล. อันนี้ผมอยากจะเล่าให้ฟังด้วยถึงความเป็นอยู่ของฝ่ายในแม้แต่ในปัจจุบันในสวนจิตรเอง ผมว่าก็ค่อนข้างแออัด ในส่วนของตึกคุณข้าหลวง ก็หนาแน่น ในส่วนที่อยู่โดยรอบ ก็มีพนักงานศิลปาชีพ รวมถึงนักเรียนต่างๆ ของศูนย์เองจำนวนมากในสวนจิตร (อาจจะรวมถึงนักเรียนโรงเรียนจิตรลดาด้วย) ทำให้ในสวนจิตรเองในปัจจุบันก็แออัด อย่างแพทย์หลวงเอง เวลามีผู้ป่วยมาพบแพทย์ก็มีจำนวนผู้ป่วยจำนวนมาก ซึ่งใครได้เข้าไปพบ จะได้เห็นเลยถึงพระมหากรุณาธิคุณของเจ้านาย ที่พระองค์ทรงคำนึงถึงผู้อื่นมากกว่าพระองค์เอง (ผมไม่แน่ใจว่า อย่างโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา เขาเปิดให้บุคคลภายนอกเข้าไปเยี่ยมชมได้หรือเปล่า อันที่จริง ถ้าจัดให้บุคคลภายนอกเข้าไปดูได้ โดยเปิดประตูตรงด้านสนามม้า ผมว่า จะทำให้คนสามารถเข้าไปรู้จักใกล้ชิดกับการดำเนินพระราชกรณีกิจเพื่อคนไทยทั้งปวงของพระบรมราชวงศ์ได้เป็นอย่างดี) จากคุณ : bangkokguy เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 10:53:45

ความคิดเห็นที่ 6 ที่จริงผมก็มีหลายคำถามที่เกียวกับ โรคราชวงศ์ เเต่คงจะถามในนี้ มิได้  -*- จากคุณ : นินจามังกร เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 13:29:23

ความคิดเห็นที่ 7 โรคเด่นๆไม่มีเหมือนราชวงศ์ยุโรปที่มักเป็นฮีโมฟีเลีย ถ่ายทอดทางแม่ผ่านไปยังลูกชาย เพราะเป็นยีนด้อย อยู่ในลูกสาวจะไม่แสดงอาการแต่เป็นพาหะ ของไทยไม่มีแต่น่าจะเป็นตามกฏเมนเดลที่ผสมกันเองพันธ์ุจะด้อยลงไปเรื่อยๆ พอเข้ารุ่นที่3 ก็จะมีความอ่อนแอต่างๆแสดงออกมา จากคุณ : superkoy เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 22:27:15