 |
ส่วนตัวผมคิดว่าไม่ครับ เพราะสถานการณ์ทางการเมืองภายในต้าชิงเองตอนนั้นก็ใช่ว่าจะนิ่ง
เมื่อจักรพรรดิไท่จู่สวรรคตกะทันหัน พระองค์ไม่ได้ตั้งใครเป็นรัชทายาทอย่างแท้จริงเลยครับ และเหล่าอ๋องกองธงที่เป็นพี่น้องของจักรพรรดิไท่จู่ก็มองราชสมบัติตาเป็นมันอยู่เช่นกัน ทั้งตวนเอ่อร์กุนและเหล่าพี่น้องในสายของอาปาไฮ่, ไต้ซ่านไต้อ๋องใหญ่, องค์ชายใหญ่เฮ่อก่า, กองทัพธงน้ำเงิน ฯลฯ ตอนนั้นเกือบจะเกิดสงครามกลางเมืองรอมร่อครับ แต่มาได้ตรงที่เซียวจวงไทเฮาและกองทัพมองโกลที่เป็นญาติกับเซียวจวงไทเฮา ยกเข้ามาเพื่อช่วยกันคานอำนาจเหล่าอ๋อง สุดท้ายก็เลยจำเป็นต้องเจรจากัน ให้โอรสของเซียวจวงไทเฮาที่เป็นเด็กอมมืออย่างฟูหลินขึ้นเป็นจักรพรรดิครับ ทำให้หลายฝ่ายไม่กล้าชิงลงมือ
ทีนี้ ลึกๆผมมองว่า ทุกฝ่ายต่างไม่พอใจที่ตนไม่ได้เป็นจักรพรรดิครับ และฟู่หลินหรือจักรพรรดิซุ่นจื้อในตอนนั้นก็มีแค่กำลังของฝ่ายใน (นำโดยไทเฮาทั้งสอง) และเผ่ามองโกลหนุนหลังเท่านั้น เหล่าอ๋องกองธงไม่ได้จงรักภักดีและพร้อมจะก่อการทุกเมื่อ หากราชสำนักเดินเกมผิดพลาด
ทว่าการเข้ามาของหวู๋ซานกุ้ย ทำให้เหล่าขั้วอำนาจทั้งหลายของแมนจูหันมาปรองดองกัน เพื่อสร้างเป้าหมายเดียวกันคือการครอบครองจงหยวนครับ และพอเข้าจงหยวนได้ ก็ต้องกรำศึกกับฝ่ายต้าหมิงหรือหลี่จื้อเฉิง และสารพัดกองกำลังอิสระในจีนเหนือ ทำให้พวกแมนจูไม่ว่างมาตีกันเอง (แถมเป็นช่องว่างให้ตวนเอ่อร์กุนยึดกุมอำนาจเบ็ดเสร็จไว้ในมืออีกด้วย) สุดท้ายพวกแมนจูเลยไม่ต้องออกแรงตีกัน เพราะเอาแรงไปปราบชาวบ้านก็หัวปั่นแล้วนั้นแล
ผมเลยมองว่า หากไม่มีการเปิดด่านของหวู๋ซานกุ้ยแล้วไซร้ ไม่ตวนเอ่อร์กุน ก็ไต้ซ่าน จะต้องลุกขึ้นชิงราชสมบัติแน่นอน และนำมาซึ่งสงครามกลางเมืองของต้าชิงครับ
จากคุณ |
:
อุ้ย (digimontamer)
|
เขียนเมื่อ |
:
13 พ.ย. 55 20:38:37
|
|
|
|
 |