ความคิดเห็นที่ 2 อืม...ความเห็นเราถูกลบซะงั้น สงสัยเพราะใส่ลิงค์ไปที่เว็บเด็กดีที่เคยคุยกันเรื่องนี้มาก่อน จากคุณ : อิมาอิซัง เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 18:25:59

ความคิดเห็นที่ 3 สำหรับนักเขียนที่มีชื่อแล้วเนี่ย ที่มักบอกว่าไม่ทำอาชีพอื่น ทำอาชีพนักเขียนอย่างเดียว อันที่จริงนอกจากรายได้จากงานเขียนแล้ว หลายคนก็รับทรัพย์เรื่อยๆ จากการเป็นวิทยากร ซึ่งปัจจุบันสถาบันการศึกษาจัดอบรมเรื่องการเขียนกันเยอะมาก เพราะฉะนั้นมีรายได้ไม่ขาดมือหรอกครับ (พวกที่ชื่อดังแล้วน่ะนะ) จากคุณ : Varalbastra เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 18:50:10

ความคิดเห็นที่ 4 ความหมายของนักเขียนจริงๆแล้ว ดูเหมือนแคบ แต่กว้างมากเหมือนกัน ส่วนตัว ไม่ได้ศึกษามาทางนี้ ไม่ค่อยเข้าใจถึงการแบ่งบริบทความหมายของคำว่า นักเขียน มากมายนัก แต่หากจะแบ่งเกณฑ์ตามลักษณะของการประกอบอาชีพ ของนักเขียนชาวไทย ก็คงบอกได้ว่า ต้องถือลักษณะของการทำงานเขียนทีสามารถเผยแพร่ได้อย่างต่อเนื่อง  เพื่อได้รับค่าจ้างต่อเนื่องได้ เช่น รูปแบบของการเขียนคอลัมภ์ บทวิเคราะห์ วิจารณ์ ตามหน้าหนังสือพิมพ์ หรือนิตยสารที่มีกำหนดออกแน่นอน เมื่อคอลัมภ์ประจำเหล่านั้นได้รับการรวมเล่มก็ได้รายได้จากการรวมเล่มอีกส่วนหนึ่ง ดังนั้น ถ้าหากมีพื้นที่นิตยสารหรือหนังสือพิมพ์ให้เขียนงานลงต่อเนื่อง   แล้วสามารถนำเรืองมารวมเล่ม  ก็จะได้รายได้สองทางคือ จากการลงนิตยสารประจำ และการรวมเล่ม หากมีรูปแบบการทำงานได้อย่างนี้... (หมายถึงมีสำนักพิมพ์ที่รับพิมพ์งาน หรือพิมพ์งานออกมาเองรองรับ)  ก็สามารถประกอบอาชีพนี้ได้ ด้วยรายได้ที่ต่อเนื่อง อันนี้ไม่นับการขายเรื่องทำละคร ละครเวที หรือภาพยนตร์ ก็จะได้รับรายได้อีกทางหนึ่งเช่นกัน จากคุณ : โตมิโต กูโชว์ดะ เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 18:52:37

ความคิดเห็นที่ 5 นักเขียนสมัยก่อนลำบากกว่าสมัยนี้เยอะ โดยเฉพาะนักเขียนแนวทีี่จขกท.ว่ามา  ส่วนใหญ่มีอาชีพหลักอยู่แล้วกันทั้งนั้น บางคนรับราชการ เป็นครู บางคนเป็นนักหนังสือพิมพ์ บางคนเขียนคอลัมน์ประจำให้นิตยสาร หนังสือพิมพ์   บางคนภรรยามีงานเป็นหลักเป็นฐาน  รายได้จากการเขียนหนังสือเป็นรายได้รอง แม้แต่คนที่ดังแล้วก็ตาม อันนี้ยกเว้นนิยาย เพราะนักเขียนนิยายรุ่นก่อนเขียนนิยายลงนิตยสารก่อน แล้วค่อยรวมเล่ม สมัยก่อนไม่มีใครเอาต้นฉบับนิยายที่ไม่เคยลงนิตยสารมารวมเล่มเหมือนสมัยนี้ คุณชาติ ก็ทำงานอื่นไปด้วย(ลองไปหาอ่านประวัติได้) ก่อนจะมาเปิดสนพ.ของตัวเอง คุณวินทร์ เคยทำงานบริษัทโฆษณาก่อน ภายหลังจึงเปิดสนพ.ของตัวเองเช่นกัน สมัยก่อน ตลาดหนังสือแคบมาก จำนวนพิมพ์ปกติที่พิมพ์กันคือ 3000 เล่ม แล้วไม่มีมีหนังสือออกทุกวันเหมือนสมัยนี้ มีแต่เฉพาะหนังสือที่รางวัลซีไรท์ในยุคแรก ๆ เท่านั้น ขายได้มากกว่านั้น หรือหนังสือเล่มนั้นต้องเป็นหนังสืออ่านนอกเวลา เบสต์เซลเลอร์สมัยก่อน 10,000 เล่มก็หรูแล้ว  ปีหนึ่งมีให้เห็นไม่กี่เล่มหรอก สมัยนี้ต่างหากที่นักเขียนแบบที่จขกท.หมายถึง ที่อยู่ได้ง่ายกว่า มีเวทีมากกว่า มีแฟนคลับมากกว่า แก้ไขเมื่อ 13 พ.ย. 55 22:32:11 แก้ไขเมื่อ 13 พ.ย. 55 22:23:20 จากคุณ : tomatolatte เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 22:20:14

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าอย่าง วิน กับ ประชาคม เป็นนักเขียนรุ่นเก่า เราก็วัตถุโบราณ แน่นอน จากคุณ : LUCKPOWERRICH เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 22:33:20

ความคิดเห็นที่ 7 นักเขียนถ้าจะอยู่ได้ด้วยการเขียนหนังสืออย่างเดียว อย่างน้อยต้องมี 1. มีผลงานสม่ำเสมอ 2. มีชื่อเสียง มีแฟนประจำเป็นจำนวนมากพอสมควร อย่างน้อยแต่ละปกควรขายได้เป็นหมื่นหรือใกล้เคียง ถ้าไม่มีข้อใดข้อนึงในสองข้อนี้ ยากมากครับที่จะอยู่ได้ด้วยงานเขียนอย่างเดียว จากคุณ : เกียรตินำ เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 55 00:22:33

ความคิดเห็นที่ 8 คิดว่าสมัยนี้ มีช่องทางโอกาสให้คนที่เป็นนักเขียนได้หาเงิน ไม่ได้จำกัดแค่เป็นนักเขียนลงหนังสือเล่ม(ที่เป็นกระดาษ) นักเขียนที่เขียนบทความขายให้กับเจ้าของเว็บไซต์อีก ก็เป็นอีกช่องทางของคนชอบเขียน หากนักเขียนไทยสามารถเขียนภาษาอังกฤษได้ ก็ยิ่งดีเพราะจะเขียนบทความให้กับเว็บไซต์ที่เป็นต่างชาติได้ สมัยนี้นักเขียนสามารถจ้างพิมพ์หนังสือเองได้ แล้วก็ขายหนังสือได้เองตามอินเตอร์เน็ทเท่าไป จากคุณ : ณจัน เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 55 12:59:01

ความคิดเห็นที่ 9 เพื่อนรุ่นน้องเราตั้งแต่จบมาก็เขียนนิยายให้แจ่ม...มาตลอดไม่ได้ทำอาชีพอื่นเลย แต่รายได้มากกว่าเราทำงานทั้งปีอีก --* เห็นบอกว่า พอพิมพ์ซ้ำก็ได้เงินด้วย แล้วเขาเขียนมาหลายเล่มแล้ว ก็มีเงินเข้ามาเรื่อยๆอะค่ะ จากคุณ : ตาแพนด้า หน้ามารุโกะ เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 13:01:56