 |
1. จักรพรรดิซ่งหวู่ตี้ หรือ หลิวอิ้ว สวรรคตในปี ค.ศ.422 ครับ หลังจากเป็นจักรพรรดิได้ 3 ปี โอรสของเขาคือ หลิวอี้ฟุ ก็ขึ้นเป็นจักรพรรดิแทน นักประวัติศาสตร์ให้นามแต่งตั้งของพระองค์ว่า จักรพรรดิส้าวตี้ พระองค์ครองราชสมบัติแค่ 1 ปี ครับ ตลอดรัชสมัยนั้นพระองค์ปกครองอย่างอ่อนแอและไม่ค่อยสนใจราชกิจ พวกขุนนางไร้สามารถได้ตำแหน่งใหญ่โตเต็มราชสำนัก สุดท้ายพระองค์เลยโดนเหล่าขุนนางนำโดย ตานเต้าจี๋, หวางหง, และ เซี่ยฮุย ก่อกบฎ ยกทัพเข้าไปจับกุมตัวพระองค์คาพระตำหนัก และบีบให้สละราชสมบัติไปในที่สุด ก่อนจะโดนเนรเทศไปชนบท และถูกนักฆ่าที่สวีเซียนจื้อขุนนางอีกคนที่รวมหัวกันถอดพระองค์จากราชสมบัติจ้างมา ลอบปลงพระชนม์ไปในปี 429 ครับ
2. เมื่อจักรพรรดิส้าวตี้ถูกปลดจากราชสมบัติ พวกขุนนางก็หันไปตั้ง องค์ชายหลิวอี้หลง พระอนุชาของจักรพรรดิส้าวตี้ขึ้นครองราชย์แทนในปี ค.ศ.424 นักประวัติศาสตร์ให้นามแต่งตั้งของพระองค์ว่า จักรพรรดิเหวินตี้
จักรพรรดิเหวินตี้นั้นเป็นจักรพรรดิที่ครองราชย์นานที่สุดของหลิวซ่งครับ คือตั้งแต่ปี 424-453 (30 ปี) ตลอดรัชกาลพระองค์ถือว่าปกครองอย่างเข้มแข็งครับ แม้จะมีเละเทะไปบ้าง แต่ก็ทำให้หลิวซ่งเข้มแข็งและรุ่งเรือง ทว่าก็ต้องเผชิญกับการรุกรานของราชวงศ์เป่ยเว่ยทางเหนืออยู่เป็นเนืองนิจ
3. จักรพรรดิเหวินตี้สวรรคตเพราะถูกพระโอรสคือ หลิวส้าวปลงพระชนม์ในปี 453 ครับ และหลิวส้าวก็ตั้งตนเป็นจักรพรรดิแทน แต่อยู่ได้แค่ไม่กี่วันก็โดนหลิวจวิ้นเข้ามายึดอำนาจ หลิวส้าวก็ถูกสำเร็จโทษไป
4. จักรพรรดิองค์ต่อมาคือ จักรพรรดิเซียวหวู่ตี้ หรือหลิวจวิ้น ครับ หลังจากเขายึดอำนาจจากหลิวส้าวแล้ว ก็กวาดล้างขุมกำลังเดิมๆของพวกหลิวส้าวจนหมด และขึ้นเป็นจักรพรรดิแทน แต่ทว่าตลอดรัชกาลต้องเผชิญกับการก่อกบฎจากญาติติโกโหติกาทั้งหลายเป็นเนืองนิจ พระองค์ครองราชได้ 10 ปี จนถึงปี ค.ศ. 464 ก็สวรรคต
5. จักรพรรดิองค์ต่อมาคือ จักรพรรดิเฉียนเฟยตี้ หรือ หลิวจือเหย่ ครับ จักรพรรดิองค์นี้เข้าขั้นนิสัยวิปริต ชอบทรมาณคน สั่งประหารขุนนางเพียงเพราะเหม็นขี้หน้า เป็นพวกรักร่วมเพศแบบวิตถาร เนื่องจากทรงปกครองแบบโหดร้ายและมั่วซั่ว เลยถูกพวกขุนนางลอบสังหารในปี ค.ศ.465 ครับผม
6. พอจักรพรรดิเฉียนเฟยตี้ถูกลอบปลงพระชนม์แล้ว พวกขุนนางก็พร้อมใจกันยกให้ หลิวอวี่ ที่เป็นโอรสองค์หนึ่งในจักรพรรดิซ่งเหวินตี้ขึ้นเป็นจักรพรรดิแทน นักประวัติศาสตร์ให้นามพระองค์ว่า จักรพรรดิซ่งหมิงตี้ ครับ แรกๆจักรพรรดิหมิงตี้ก็ทรงปกครองดีอยู่ พยายามใช้ขุนนางดี ห่างขุนนางถ่อย แต่คงเป็นเวรเป็นกรรมของราชวงศ์นี้ เพราะพอปกครองไปนานๆ จักรพรรดิก็ชักจะไม่ไว้ใจขุนนาง และขุนนางก็หาทางเลื่อยบัลลังก์จักรพรรดิครับ ราชวงศ์ซ่งก็เข้าวงเวียนเดิมคือ จักรพรรดิและขุนนางถือมืดหันมาจ่อกัน แย่งอำนาจกันเองเละเทะ สุดท้ายพระองค์ป่วยและสวรรคตในปี ค.ศ. 472 ทิ้งรัชทายาท หลิวอวี้ เอาไว้ในวัยเพียง 8 ชันษา
ในยุคของจักรพรรดิหมิงตี้นี้ มีขุนศึกคนหนึ่งที่โดดเด่นก้าวพุ่งแรงขึ้นมาครับ เขาคือ เซียวเต้าเฉิง ที่สามารถฝ่ามรสุมความไม่ไว้วางใจระหว่างจักรพรรดิและขุนนาง กระโดดจากขุนพลประจำเขตทหารเล็กๆ มาเป็นนายทหารใหญ่ได้แบบเต็มภาคภูมิ และเป็นหนึ่งในคนที่จักรพรรดิหมิงตี้ไว้วางพระทัย
7. หลิวอวี้ก็ขึ้นสืบราชสมบัติเป็นจักรพรรดิโฮ่วเฟยตี้ครับ แต่แน่นอนว่ายุวกษัตริย์อย่างพระองค์อยู่รอดได้ไม่นาน ท่ามกลางกระแสชิงอำนาจที่ดุเดือด และคนที่ลงมือก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เซียวเต้าเฉิงนั่นเอง เขาปลดและสำเร็จโทษจักรพรรดิโฮ่วเฟยตี้ในปี ค.ศ. 477 และหันไปตั้งพระอนุชาของจักรพรรดิโฮ่วเฟยตี้คือ หลิวจุ้น ขึ้นเป็นจักรพรรดิแทน
8. หลิวจุ้น ก็โดนเซียวเต้าเฉิงเชิดเป็นจักรพรรดิชุนตี้ในปี 477 ครับ แต่แน่นอนว่าเขาไร้อำนาจใดๆ พวกขุนศึกหลายคนที่ภักดีต่อราชวงศ์ซ่ง (หรืออยากชิงอำนาจเอาไว้แข่งกับเซียวเต้าเฉิงก็เป็นได้) เช่น เสิ้นโหย่วจือ ก็พยายามก่อการช่วยพระองค์ปราบเซียวเต้าเฉิงครับ แต่เนื่องจากเสิ่นโหย่วจือเขี้ยวลากดินไม่พอ เลยโดนคนเขี้ยวใหญ่กว่าเช่น เซียวเต้าเฉิงกำจัดไป
คราวนี้เซียวเต้าเฉิงก็ตั้งหน้าตั้งตาแผ่ขยายอิทธิพลอย่างเต็มที่ครับ โดยมามุขเดียวกับพวก โจโฉ, สุมาเจียว และหลิวอิ้วเลย ค่อยๆกำจัดคนที่ภักดีต่อจักรพรรดิซ่งไปทีละรายสองราย อวยยศตัวเองให้ใหญ่ขึ้นเทียบเคียงจักรพรรดิเรื่อยๆ หาคนของตนมาใส่ในราชสำนักจนเต็มไปหมด และแล้วในปี ค.ศ. 479 เซียวเต้าเฉิงเห็นว่ากรุยทางเรียบเป็นถนนลาดยางแล้ว ก็จับจักรพรรดิชุนตี้ไปสำเร็จโทษ และตั้งตนเป็นจักรพรรดิฉีเกาตี้ เปลี่ยนราชวงศ์จากซ่งเป็นฉีนับแต่นั้นมา
แก้ไขเมื่อ 17 พ.ย. 55 06:31:38
จากคุณ |
:
อุ้ย (digimontamer)
|
เขียนเมื่อ |
:
16 พ.ย. 55 21:09:44
|
|
|
|
 |