ความคิดเห็นที่ 1 เคยทำหน้าที่ล่ามในการประชุัมนานาชาติ ส่วนแปล หาเงินมามากต่อมาก ศึกษาด้วยตนเอง รับรองได้อยู่แล้ว ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร คร่าวๆ นะครับ ระดับการอ่านคุณต้องสามารถอ่านพวกเวปไชต์ต่างประเทศเช่น BBC, CNN ข่าวดังระดับโลก ข่าวเศรษฐกิจ รู้เรื่องเหมือนกับคุณอ่านไทยรัฐโดยไม่ต้องเปิดดิก การฟังก็เช่นกัน ฟัง clip BBC, CNN ได้รู้เรื่องเหมือนกับคุณฟังข่าวโทรทัศน์ไทย การพูด คุณสามารถพูดให้ฝรั่งฟังรู้เรื่องโดยที่เขาไม่ต้อง I beg your pardon ถ้าเป็นระดับนี้ คุณทำงานล่าม ทำงานแปลได้แน่นอน การฝึกยากมาก คนส่วนใหญ่ 99.99% ทำไม่ได้ครับ เพราะคุณต้องทุ่มอย่างน้อย 8-10 ชม ต่อวัน เป็นเวลาหลายปี อ่านให้มาก เปิดดิกใช้ Oxford Advanced จนถึงระดับไม่ต้องเปิดก็อ่านรู้เรื่อง ถ้าถึงระดับนั้นแล้ว การฟังน่าจะไม่เป็นปัญหา ส่วนการพูด ต้องอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่พูดอังกฤษตลอดเวลา อาจสมัครทำงานโรงแรม ร้านอาหาร หรือทำงานไกด์ก็ได้ จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 55 10:21:34

ความคิดเห็นที่ 2 ต่อให้คุณไปเรียนเสียเงิน โอกาสจะเก่งแทบศูนย์ถ้าคุณไม่มีเวลาทุ่ม 8-10 ชม ต่อวัน เป็นเวลาหลายปี ผมไม่ได้ไปเรียน แต่ผมเก่งได้เพราะอยู่ในสิ่งแวดล้อมภาษาอังกฤษ 24 ชม เป็นเวลา 7-8 ปี ระดับการศึกษาชั้นสูงเรียนกับฝรั่งมังค่าครับ แต่ไม่ใชว่าคนอยู่ในสิ่งแวดล้อมอังกฤษ 24 ชม จะทำงานแปล ล่าม ได้นะครับ ที่เห็นบ่อยๆ คือพวกไปแบก job ในสหรัฐ อยู่ 10-20 ปี พูดเก่ง ฟังรู้เรื่อง แต่อ่านข่าวระดับ The Economist ไม่รู้เรื่อง แบบนี้ก็ทำงานล่าม/แปลไม่ได้ครับ จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 55 10:27:54

ความคิดเห็นที่ 3 - ว่างๆก็นั่นอ่านนั่งฟังออดิโอ้บุค(วรรณกรรม)ไปเรื่อยๆอะ http://www.youtube.com/user/CCProse?feature=watch - เรื่องการแปลก็หาหนังสือมาอ่านไปพลางๆ สอบถามการทำงานด้านการแปล http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2012/06/K12292852/K12292852.html จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 55 10:33:26

ความคิดเห็นที่ 4 อย่างที่คุณ K.Senior บอกครับ ถ้าจะเก่ง ต้องใช้ภาษาได้จนฝันเป็นภาษาอังกฤษได้ คิดเป็นภาษาอังกฤษได้ ทีนี้เพื่อความเข้าใจ คำว่า "แปล" ที่ผมจะเขียนต่อไปนี้ รวมถึงการเป็นล่ามด้วยนะครับ สิ่งที่ "สำคัญที่สุด" ของการแปล คือคุณต้องเข้าใจ "ความหมาย" ไม่ใช่แค่ศัพท์ แต่ไม่ใช่ว่าศัพท์ไม่สำคัญ เพราะแต่ละคำในแต่ละวิชาก็มีความหมายต่างกันอีก และการแปลนั้น ยากที่สุดคือการแปลสิ่งที่คนไทย (ส่วนใหญ่) พูด เพราะเยิ่นเย้อ มั่ว ใช้ภาษาไม่เป็นระบบ ครั้งนึงที่ทำล่ามสด (simultaneous) เจอคนไทยพูดวกไปวนมาจับประเด็นไม่ได้ จนผมก็แปลให้เป็นภาษาที่ "พูดรู้เรื่อง" ไม่ได้ ต้องหยุดแปลแล้วพูดในไมค์ (เข้าหูฟังที่ฝรั่งใช้) ไปเลยว่า "Please wait for a proper translation. The speaker is going up and down and all over the place." เล่นเอาฝรั่งฮาเลย ... ถามว่าศึกษาเองได้มั้ย ... ? ได้ครับ ผมไม่เคยฝึก จบนิเทศฯ มาถึงก็เป็นล่ามเลย เพราะใช้ภาษามาจนจะกลายเป็น native speaker ไปแล้ว และผมก็เคยเจอคนที่บอกว่าเป็นล่ามมาเป็นสิบ ๆ ปี บางคนจบสูง แต่แปลไม่ได้เรื่องเลยผิด ๆ ถูก ๆ หลงประเด็นมากมายก็มี จากคุณ : เศียรนาคา ... เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 55 13:44:25 A:125.24.35.133 X: TicketID:255126

ความคิดเห็นที่ 5 ศึกษาเองได้ไหม  ได้ เรียนเองได้ไหม   ได้ แล้วจะเป็นล่ามได้ไหม   ได้มั๊ง  โอกาสสัก ไม่เกินร้อยละ 3-5 เหมือนว่ายน้ำอ่ะ   คุณคิดว่าจะเรียนเอง โดยไม่มีเทรนเนอร์ได้ไหมหล่ะ  หากอยากจะว่ายได้ครบทั้ง  ฟรีสไตล์ กบ กรรเชียง และผีเสื้อ ล่ามและแปล  เป็นการทำงานเชิงปฏิบัติ มิใช่แค่มีเพียงทฤษฏีแล้วจะทำได้  คุณจะต้องฝึกฝนมาก จนกระทั่งความผิดพลาดใกล้เคียงกับศูนย์ ถึงจะมีโอกาสลงเวทีได้ จากคุณ : ปากอย่างนี้ เดี๋ยวได้ดีแน่ (ปรารถนาดี ไม่มีแอบแฝง) เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 55 14:13:10

ความคิดเห็นที่ 6 สำหรับเรา แค่เข้าใจภาษาอังกฤษ เขียนเป็นภาษาไทยได้ หรือพูดเป็นภาษาไทยได้ก็ทำได้แล้ว ยกตัวอย่างง่าย ๆ I am a girl. You're a boy. แปลว่า ฉันเป็นเด็กผู้หญิง เธอเป็นเด็กผู้ชาย คุณทำได้ใช่มั้ย ไม่เห็นต้องไปเรียนการแปลเลย เพียงแต่แปลหนังสือ มันยาวกว่า ยากกว่าเท่านั้นเอง คุณเข้าใจหนังสือที่อ่านได้ ก็แปลได้ ถ้าคุณเข้าใจหมด แต่เขียนออกมาไม่ได้ ก็ไปทำอย่างอื่นดีกว่า มันเป็นเรื่องของ sense จากคุณ : ... เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 55 14:15:58 A:58.8.76.113 X: TicketID:098315

ความคิดเห็นที่ 7 คห .ที่ 5 โอกาสสัก ไม่เกินร้อยละ 3-5 อืมๆ โอกาสน้อยจังเลยครับ 555 คือที่ถามคือว่าไม่รู้จะเริ่มอย่างไร เพราะไม่มีคนรู้จักให้ถาม ส่วนตัวไม่ได้สนใจเรื่องวุฒิปริญญาโทหรอกครับ เพียงแต่คิดว่าถ้าเข้ามาก็อาจจะมีโอกาสรู้อะไรเยอะขึ้นเท่านั้นเอง ถ้ามันมีโอกาสศึกษาด้วยตัวเองได้ก็อยากจะลองดู ถ้ามันมีแนวทางน่ะครับ ปล. น้าผมก็ว่ายน้ำได้ครบทุกท่าเลยนะครับ อดีตนักกีฬาระดับจังหวัด หัดเองจากคลองหน้าบ้าน ไม่มีเทรนเนอร์ครับ 555 จากคุณ : อยากทราบ เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 55 16:02:37 A:115.87.163.44 X: TicketID:289560

ความคิดเห็นที่ 8 อยากให้คุณ K.Senior ช่วยขยายความให้หน่อยครับว่า 8-10 ชม ต่อวันที่ต้องฝึกนั้นเป็นอย่างไรครับ ตอนนี้ผมทำงานประจำไปด้วย ไม่งั้นไม่มีกินครับ 555 ฝึกที่ว่าหมายถึงทำชีวิตประจำวันทุกอย่างให้เป็นภาษาอังกฤษไช่มั้ยครับ ? เช่นว่าตื่นนอนมาก็ฟังวิทยุภาษาอังกฤษ ฟังเพลงภาษาอังกฤษ ดูหนังภาษาอังกฤษ ดูี่รายการทีวีภาษาอังกฤษ อ่านหนังสือทุกอย่างที่เป็นภาษาอังกฤษให้มากที่สุด (ปกติชอบอ่านหนังสือมากๆอยู่แล้วแต่ส่วนมากเป็นวรรณกรรมภาษาไทย) คิดในหัวเป็นภาษาอังกฤษ ฝึกเขียนเป็นภาษาอังกฤษ พูดง่ายๆคืออยู่กทม. แต่ต้องทำเหมือนกับว่าเราอยู่นิวยอร์ค หรือ ลอนดอน ไช่มั้ยครับ หรือต้องลาออกจากงานเก่าไปหางานที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษทำด้วยหรือเปล่าครับ ตอนนี้เงินเก็บยังมีไม่มาก ถ้าลาออกกลางคันคงต้องตุนมาม่าเป็นลัง ประมาณนี้หรือเปล่าครับ จะได้ลองทำเลย มีอะไรเพิ่มเติมก็บอกได้นะครับ จักเป็นพระคุณยิ่ง จากคุณ : อยากทราบ เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 55 16:27:03 A:115.87.163.44 X: TicketID:289560

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้าคุณพื้นฐานภาษาอังกฤษและภาษาไทยดีมากระดับหนึ่ง ดีในที่นี้หมายถึงพูดและเขียนในระดับใช้ความคิดวิเคราะห์และเป็นทางการได้ คุณก็เรียนด้วยตัวเองได้ ยกตัวอย่างแนวทางการเรียน เช่น 1. อ่านข่าวภาษาอังกฤษแล้วบรรยายสรุปเป็นภาษาอังกฤษ 2. อ่านข่าวภาษาอังกฤษแล้วบรรยายสรุปเป็นภาษาไทย 3. อ่านข่าวภาษาไทยอีกแล้วบรรยายสรุปเป็นภาษาอังกฤษ ยากขึ้นอีกหน่อย 4. ตาอ่านข่าวภาษาอังกฤษไป ปากก็พูดบรรยายให้ครบความเป็นภาษาไทยไปด้วย 5. ตาอ่านข่าวภาษาไทยไป ปากก็พูดบรรยายให้ครบความเป็นภาษาอังกฤษไปด้วย ยากขึ้นไปอีก 6. ฟังข่าวภาษาอังกฤษไป ปากก็พูดบรรยายให้ครบความเป็นภาษาไทยไปด้วย 7. ฟังข่าวภาษาไทยไป ปากก็พูดบรรยายให้ครบความเป็นภาษาอังกฤษไปด้วย ถ้าพื้นฐานภาษาอังกฤษภาษาไทยแน่นพอคุณจะฝึกและแก้ไขข้อพกพร่องตัวเองได้ไม่ยาก ทำทุกวันจากวันเป็นเดือนจากเดือนเป็นปี สลับสับเปลี่ยนเนื้อหาที่ฝึกล่ามในบริบทอื่นเช่น เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ กฎหมาย วรรณกรรม ฯลฯ สักวันคุณก็เก่งได้เองโดยไม่ต้องไปเรียนปริญญาการแปลการล่ามที่ไหน พูดถึงปริญญา จริงๆ ก็มีประโยชน์อยู่มาก ในสังคมที่เห่อใบประกาศอย่างสังคมไทย ถ้ามีเวลามีงบมีกำลังเรียนให้จบก็เป็นพลัสให้ชีวิตอย่างหนึ่ง ประสบการณ์ในชั้นเรียนทำให้เราเรียนรู้อะไรมากมายในด้านที่การเรียนด้วยตัวเองให้ไม่ได้เช่นกัน จากคุณ : โจโฉ (joechou) เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 55 17:17:33

ความคิดเห็นที่ 10 7. ฟังข่าวภาษาไทยไป ปากก็พูดบรรยายให้ครบความเป็นภาษาอังกฤษไปด้วย นี่แหละสุดยอดของการเป็นล่ามนานาชาติ ทำมาแล้วประชุมวิชาการนานาชาติ แทบตาย คือพูดง่ายๆ ภาษาไทยคุณต้องรู้ในสาขาที่เป็นล่าม ยิ่งทางวิชาการยิ่งยากมาก แล้วต้องมีความรู้่ภาษาอังกฤษระดับวิชาการด้วย เพื่อจะถ่ายข้อความให้ฝรั่งระดับนักวิชาการฟังรู้เรื่อง ผมเป็นล่ามระดับนี้ ทำ 3 ชม เมื่อ 30 ปีก่อน เหนื่อยกว่าวิ่ง 10 กม อีก วันรุ่งขึ้นลาป่วยเลยครับ ทำครั้งเดียวแล้วไม่รับทำอีก กลัวตายเร็วครับ แต่เคยทำงานล่ามให้นักธุรกิจ แบบนี้หมูครับ เขาจะหยุดให้เราแปลครับ แบบนี้ไม่เหนื่อย สบายๆ เงินก็ดีพอควร จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 55 17:49:52

ความคิดเห็นที่ 11 ฝึกที่ว่าหมายถึงทำชีวิตประจำวันทุกอย่างให้เป็นภาษาอังกฤษไช่มั้ยครับ ? เช่นว่าตื่นนอนมาก็ฟังวิทยุภาษาอังกฤษ ฟังเพลงภาษาอังกฤษ ดูหนังภาษาอังกฤษ ดูี่รายการทีวีภาษาอังกฤษ อ่านหนังสือทุกอย่างที่เป็นภาษาอังกฤษให้มากที่สุด (ปกติชอบอ่านหนังสือมากๆอยู่แล้วแต่ส่วนมากเป็นวรรณกรรมภาษาไทย) คิดในหัวเป็นภาษาอังกฤษ ฝึกเขียนเป็นภาษาอังกฤษ พูดง่ายๆคืออยู่กทม. แต่ต้องทำเหมือนกับว่าเราอยู่นิวยอร์ค หรือ ลอนดอน ไช่มั้ยครับ.. ใช่เลยครับ พูดง่ายๆ เน้นอ่านให้มากๆ เรื่องทางวิชาการ ทางเศรษฐกิจ และฟัง BBC, CNN clip ทางด้านเศรษฐกิจ เพราะงานล่ามส่วนใหญ่ก็จะเป็นทางด้านธุรกิจมากถึงมากที่สุด และฝึกแบบที่คุณโจโฉแนะนำด้วย แต่ก่อนจะถึงระดับนั้น คุณอ่าน The Economist โดยไม่เปิดดิกได้หรือยัง? ได้ในระดับอ่านไทยรัฐ มติชน? จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 55 17:52:53

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณ คุณ K.Senior คุณ โจโฉ (joechou) และทุกๆท่านทั้งก่อนหน้าและหลังด้วยนะครับ สำหรับคำแนะนำ คห.ที่ 11 ผมยังอ่านไปไม่ถึงระดับนั้นครับ ถ้าจะต้องพยายามอีกมากๆ จากคุณ : อยากทราบ เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 55 19:26:56 A:115.87.163.44 X: TicketID:289560

ความคิดเห็นที่ 13 คห.ที่ 12 ขอแก้ไขคำว่า "ถ้า" เป็น "ท่า" ขออภัยด้วยครับ จากคุณ : อยากทราบ เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 55 19:29:20 A:115.87.163.44 X: TicketID:289560

ความคิดเห็นที่ 14 ขอถามอีกนิดนึงได้มั้ยครับถ้าไม่เป็นการรบกวนเมื่อกี้ผมลืมถามไป ขออภัยด้วยครับ ถ้าเอาจริงๆ การแปล กับ ล่าม ถือว่าแตกต่างกันไช่มั้ยครับ (ลักษณะงาน หรือ กระบวนการของการฝึกฝน) แล้วสามารถฝึกไปควบคู่กันได้หรือเปล่าครับ? หรือว่าอยากเป็นนักแปลต้องเรียนแปลอย่างเดียว ส่วนวิชาล่ามนั้นต้องฝึกอีกแบบ คนล่ะส่วนกัน อย่างนี้หรือเปล่าครับ แต่ก็เคยอ่านเจอว่า มีหลายท่านที่เป็นทั้ง นักแปล และ ล่าม พร้อมกัน เพราะเอาจริงๆผมก็สนใจการ การแปล พวกแปลวรรณกรรม บทกวี หรือบทความต่างๆ เพราะเป็นคนชอบอ่านวรรณกรรมมากๆ ขอบคุณมากๆอีกครั้งครับ จากคุณ : อยากทราบ เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 55 19:54:26 A:115.87.163.44 X: TicketID:289560

ความคิดเห็นที่ 15 คนทั่วไปจะเข้าใจคำว่า "แปล" ว่าหมายถึงการถ่ายทอดความหมายจากภาษาหนึ่งไปเป็นอีกภาษาหนึ่งโดยการพูดก็ได้ การเขียนก็ได้ แต่ที่อักษรฯ จุฬาฯ จะให้คำจำกัดความ "แปล" กับ "ล่าม" แยกขาดจากกันว่า แปลเป็นเรื่องของเขียน ส่วนล่ามเป็นเรื่องของการพูด ตามความเห็นคิดว่า นักแปลต้องเน้นเก่งที่การอ่านการเขียนเป็นหลัก ขณะที่ล่ามต้องเน้นเก่งที่การฟังและการพูดเป็นสำคัญ แน่นอนว่านักแปลต้องละเอียด ช่างสังเกต ตรวจทานแก้ไขจนกว่างานจะออกมาดี เพราะยังพอมีเวลาให้ตรวจสอบแก้ไข นิสัยจึงต้องรอบคอบ ช่างพินิจพิจารณา ส่วนล่ามต้องไหวพริบดีเพราะเน้นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า มีความรวดเร็วฉับไว นิสัยจึงกล้าได้กล้าเสี่ยง(ไม่ใช่มั่ว) จะว่าไปมันก็ยากกันคนละอย่าง เห็นว่าคงอยู่ที่ความถนัดและความชอบด้วยส่วนใหญ่ส่วนหนึ่ง แต่บางคนก็เป็นได้ทั้งนักแปลและล่ามในคนๆ เดียวกัน คนแบบนี้ไม่ธรรมดา แต่ที่แน่ๆ งานทั้งสองต้องมีความรู้ภาษาระดับสูง+ความรู้ในเรื่องที่จะแปลหรือล่ามต้องดี ไม่งั้นไปไม่รอด จากคุณ : โจโฉ (joechou) เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 55 20:17:33

ความคิดเห็นที่ 16 แน่นอนว่าการฝึกก็คงต้องต่างกัน ล่ามก็มีวิธีฝึกอย่างเล่าให้ฟัง ส่วนแปลนี้วิธีฝึกก็มีได้หลากหลาย อย่างที่นิยมทำกันก็อย่างเช่น 1. หาบทแปลเทียบสองภาษามาศึกษา เช่น นวนิยายที่มีคนแปลไว้แล้วทั้งจากอักกฤษเป็นไทย และไทยเป็นอังกฤษ ดูวิธีการแปลว่ามีรูปแบบการแปลยังไง การสรรคำ โครงสร้างภาษา วัจนลีลาที่แปลออกมา ถ้าต้นทุนภาษาคุณดีอย่างที่ให้คำนิยามไว้ก็จะศึกษาได้ไม่ยากว่าตัวบทที่เอามาศึกษานั้นมีข้อดีข้อด้อยยังไง (ตัวบททั้งที่แปลดีและแปลห่วยล้วนเป็นตัวอย่างในการศึกษาที่ดีทั้งสิ้น) ส่วนไหนที่แปลดีก็ดูไว้เป็นตัวอย่าง ส่วนไหนไม่ดีก็อย่าได้เอาเยี่ยงอย่าง 2. อ่านแหลกทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษที่ดีเพื่อดูดซับเอารูปแบบภาษาตั้งแต่ คำ วลี ประโยค การเชื่อมโยงความ วัจนลีลาปราๆๆ ยิ่งอ่านมากเท่าไรคุณก็จะพัฒนาทักษะการเขียนซึ่งนำไปสู่ทักษะการแปลในที่สุด อย่างคนที่จะแปลกฎหมาย ก็ต้องอ่านเอกสารกฎหมายมาเป็นจำนวนที่มากพอจนคุ้นเคยกับภาษากฎหมาย เวลาแปลก็จะเข้าใจและรู้ว้าจะแปลภาษากฎหมายยังไงให้ดี หลายคนละเลยข้อนี้ มาถึงก็กระโจนแปลเลยผลงานแปลที่ได้จึงได้แค่การถอดความหมายประจำคำ แต่รูปแบบทำเนียบภาษา วัจนลีลาที่ได้ออกมาเละเป็นโจ๊ก แต่ที่น่าเศร้ากว่าคือเข้าใจผิดว่าตัวเองแปลได้ดีแล้ว แต่จริงๆ ไม่ใช่ อาการนี้มักเกิดกับนักแปลมือใหม่ที่เชื่อว่าตัวเองแปลได้ทุกอย่างขอให้มีพจนานุกรมเพียงเล่มเดียว 3. ลงมือแปล ฝึกแปลบ่อยๆ แต่การจะลงมือได้ก็ควรฝึกจากข้อหนึ่งข้อสองให้เข้มข้นมากพอซะก่อน แปลเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้วก็อย่าลืมเติมความรู้จากข้อหนึ่งและสองไปด้วยพร้อมกัน มั่นใจสุดๆ แล้วก็ลองรับงานมาแปล ถ้าแปลได้แปลดีก็จะมีงานเข้ามาต่อเนื่องเองนั่นแหละ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการเป็นนักแปลก็อาจไม่ใช่เรื่องสนุกเพราะมีปัจจัยอื่นที่นักแปลควบคุมไม่ได้เช่น งานห้าสิบหน้าจะเอามะรืน = รักพ่อ อย่าทะเลาะกัน =ย! กดราคา ทำก่อนจ่ายทีหลังเผลอๆ ก็เบี้ยวอีก ดับเบิ้ล= รักพ่อ อย่าทะเลาะกัน =ยยเลย! ฉะนั้นแปลเก่งอาจไม่รุ่งถ้าวาสนาไม่ดีพอที่จะรู้จักคนจ้างแปลดีๆ ได้งานราคาแพงและต่อเนื่อง แก้ไขเมื่อ 17 พ.ย. 55 20:51:32 จากคุณ : โจโฉ (joechou) เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 55 20:48:58

ความคิดเห็นที่ 17 เท่าที่ผมสังเกตุมานะครับ คนเป็นล่ามส่วนใหญ่จะเรียนจบมหาวิทยาลัยต่างประเทศใช้เวลานานหลายปีในต่่างประเทศครับ ส่วนนักแปล จบไทยเก่งๆ มีมากถึงมากที่สุด การไปใช้ชีวิตในต่างประเทศมันได้เปรียบตรงนี้ ตรงทำงานล่ามนี่แหละครับ แต่ที่เล่าให้ฟัง การเป็นล่ามแบบนักวิชาการประชุมนานาชาติ เป็นสิ่งที่หินที่สุดแล้วในชีวิต ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ ทำได้ครับ แต่มันเครียดมาก เพราะผู้ฟังคือระดับอาจารย์มหาวิทยาลัย เราจะถ่ายถอดผิดนิดหน่อยเขาก็รู้แล้ว ความกดดันตัวเองมีมากครับ ที่ง่ายสุดๆ คือเป็นล่ามทางด้านธุรกิจ เพราะผมชอบอ่านพวก Newsweek Time The Economist มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว และผมเรียนมาทางด้านเศรษฐศาสตร์ทั้งปริญญาตรี-โท จากเมืองนอก นักเรียนทุนครับ จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 55 20:53:31

ความคิดเห็นที่ 18 อ่อๆ ลืมแนะอีกเรื่อง ถ้าคุณสนใจการแปลมากๆ อาจหางานวิจัยด้านการแปลเช่น บทความวิจัย วิทยานิพนธ์ สารนิพนธ์ มาอ่านดู งานเหล่านี้เป็นการศึกษาสำเร็จรูปพร้อมป้อนให้ผู้ใฝ่รู้อยู่แล้ว ยิ่งอ่านมากก็จะรู้มากว่า การแปลดีๆ เขาแปลกันยังไง แต่แปลกอยู่อย่างคือในประเทศไทย การแปลสามารถสร้างเป็นงานวิชาการได้นับไม่ถ้วน แต่การล่ามงานวิจัยแทบไม่มีเอาซะเลย ที่มีอยู่ก็แทบเรียกงานวิจัยไม่ได้ด้วยซ้ำ (บางคนตั้งข้อสังเกตว่าการล่ามนี้เน้นผลผลิตในเชิงวิชาชีพสูงซะจนไม่เห็นประโยชน์อันใดในการทำเป็นผลงานเชิงวิชาการ) จากคุณ : โจโฉ (joechou) เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 55 21:01:05

ความคิดเห็นที่ 19 ขอขอบคุณ คุณ โจโฉ (joechou) และ คุณ K.Senior มากๆอีกครั้งครับ จากคุณ : อยากทราบ เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 55 21:08:00 A:115.87.163.44 X: TicketID:289560

ความคิดเห็นที่ 20 อ่านเพลินดี จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 55 07:33:22