ความคิดเห็นที่ 1 over ในที่นี้เป็น adjective มีความหมายว่า upper, higher เพราะฉะนั้นเราจึงต้องการ preposition มาอยู่หน้า over อีกทีนอกจากนี้ส่วนนี้ (ที่โจทย์ถามถึง) ไม่ใช่ประโยคจึงต้องการ preposition มาอยู่ด้านหน้าครับ  ถ้ายังสงสัยว่าทำไมข้อสี่ถึงไม่ใช่ เพราะข้อสี่มี v. to be และ despite ไม่นิยมใช้กับ over ด้วยครับ ส่วนมาก native speaker จะนิยมใช้ with over มากกว่าครับ จากคุณ : ยกมือชี้ฟ้า เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 15:50:41

ความคิดเห็นที่ 2 เอ่อ.... อ่านโจทย์แล้ว ผมต้องคิดว่า ข้อสอบยากไปป่าวววววววววว ใครให้ข้อสอบนี้คุณมาเนี๊ยยยยยยย โหดร้ายมั่กๆ ผมเดาๆ อะนะ ว่าคุณเป็นนักเรียนปกติทั่วไป (ไม่ใช่กำลังเรียนเอกภาษาอังกฤษหรือไรทำนองนั้น) และปกติสำหรับนักเรียนไทยทั่วไป ไม่น่าจะตอบคำถามนี้ได้ เพราะมันลึกเกินไปสำหรับคนที่ไม่ได้บ้าไวยากรณ์ ต่อให้อยู่เมืองนอกมา 10 ปี ก็ไม่แน่จะตอบได้ มาดูกันว่าตามหลักวิชาหมู่บ้านมีดบิน แล้วมันเป็นไงกันแน่ Over 50% of communication is through body language, it's a little wonder that we do better international business face-to-face. ประโยคนี้ผิด คนที่จะรุว่าทำไมมันผิด คนนั้นต้องเข้าใจหลักการอันยากแค้นแสนเข็ญประการหนึ่ง ซึ่งนั่นก็ครือ..... การสร้างประโยคอย่างง่าย กร๊ากกกก หลักการสร้างประโยคอย่างง่าย (Simple Sentence) มีดังนี้ สอนซะเลย กร๊ากก 1. ประโยคอย่างง่าย มีรูปเป็นไปได้ 2 รูปครือ 1.1  ประธาน + กริยาแท้ 1 ตัว: เช่น I eat. 1.2 ประธาน + กริยาแท้ 1 ตัว + กรรม: เช่น  I eat lunch. ง่ายมะ แต่เชื่อไหม นักเรียนไทยไม่รุตรงนี้เยอะ และที่สำคัญหลักการข้างบน สามารถพูดในรูปอื่นได้ดังนี้ 1. ประโยคอย่างง่าย ต้องมีประธานตัวเดียวเท่านั้น 2. ประโยคอย่างง่าย ต้องมีกริยาแท้ ตัวเดียวเท่านั้น 3. ถ้าประโยคใด มีประธานมากกว่า 1 ตัว มันผิด หรือไม่ก็ ไม่ได้เป็นประโยคอย่างง่าย 4. ถ้าประโยคใด มีกริยาแท้มากกว่า 1 ตัว มันผิด หรือไม่ก็ ไม่ได้เป็นประโยคอย่างง่าย สำหรับ กริยาแท้ ในที่นี้เพื่อความง่ายไม่ตำรามากนัก ขอนิยามว่า กริยา V1 (present) กับ V2 (past) ก็แล้วกัน มาดูประโยคอีกที Over 50% of communication is through body language, it's a little wonder that we do better international business face-to-face. ประโยคนี้ผิด เพราะดันมีประธาน 3 ตัว ครือ Communication, it, we ประโยคนี้ผิด เพราะดันมีกริยา V1 3 ตัว ครือ is, 's (is), do ทำให้มันกลายเป็นผิดในฐานะไม่ใช่ประโยคอย่างง่าย หรือไม่ผิด แต่มันเป็นประโยคอย่างยาก (ไม่ง่าย) กร๊ากกก จากคุณ : Ensign เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 17:26:32

ความคิดเห็นที่ 3 เอาละ ยังไม่จบ เรามาแยกว่า ประโยค Over 50% of communication is through body language, it's a little wonder that we do better international business face-to-face. มีประโยคอย่างง่ายกี่ประโยค คำตอบครือ  3, ขอเรียกว่า A, B, C ดังนี้ A = Over 50% of communication is through body language. (ประธาน + V1) B =  It's a little wonder. (ประธาน + V1) C = We do better international business face-to-face. (ประธาน + V1 + กรรม) ทั้ง 3 ประโยคนี้ เข้าหลัก ประธาน + V1 + (กรรม ถ้ามี) ทั้งนั้น จึงเป็นประโยคอย่างง่าย 3 ประโยคเมื่อแยกกัน ----------------------------------------------- มาต่อว่า แล้วประโยคภาษาอังกฤษ มีประธาน 3 ตัว และ V1 3 ตัวไม่ได้หรือ ตอบว่าได้คัฟ ได้ แต่มันต้องเป็นประโยคอย่างยาก ไม่ใช่ประโยคอย่างง่าย!!! แล้วประโยคอย่างยากครืออะไร ตอบว่า ครือการเอาประโยคอย่างง่าย มากกว่า 1 ประโยค มาต่อกัน ต่อกันตามกฎที่อนุญาตไว้เท่านั้น ผมยกให้ 3 กฎก็พอนะคัฟ เอาเฉพาะที่เกี่ยวข้อง เป็นกฎการเชื่อมประโยคอย่างง่าย 2 ประโยคเข้าด้วยกัน ถ้าคุณต้องการเชื่อม 3 ประโยค ใช้กฎนี้เชื่อมหลายครั้งซ้ำ ก็เท่านั้นเอง สมมุติว่า คุณมีประโยคอย่างง่าย A, B, ข้างต้น ต้องการทำเป็นประโยคอย่างยาก จะทำอย่างไร เชื่อม B กับ C ก่อน 1. เชื่อมด้วย that ถ้าทำได้ กลายเป็น B that C  ตัวอย่าง: B = It's a little wonder. C = We do better international business face-to-face. B that C =  It's a little wonder that we do better international business face-to-face. !!!!! ดังนั้นทุกข้อ ท่อนหลังถูกต้องแล้ว จากคุณ : Ensign เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 17:39:48

ความคิดเห็นที่ 4 โจทย์ในหัวกระทู้ผิดเพราะมี 2 ประโยคที่สมบูรณ์คั่นด้วย comma (,) ซึ่งผิดหลัก ควรแยกออกเป็น 2 ประโยคด้วย period (.) หรือไม่ก็เชื่อมประโยคสมบูรณ์ 2 ประโยคด้วย conjunction เพราะฉะนั้นตัดข้อ 2-4 ออกไปได้เลย เพราะล้วนแต่เป็นประโยคที่มีกริยาแท้ เหลือข้อ 1 กับข้อ 5 ซึ่งคำตอบที่ถูกคือข้อ 5 เพราะมี preposition (with) เชื่อมวลีเข้ากับประโยค แต่ข้อ 1 ไม่มี preposition สำหรับเชื่อม จากคุณ : นายชัย เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 17:43:11

ความคิดเห็นที่ 5 มาดูประโยคโจทย์ซ้ำอีกที Over 50% of communication is through body language, it's a little wonder that we do better international business face-to-face. ประโยคนี้ อยู่ในรูปที่ผิด ครือ A, B that C.   ครือเอา A เชื่อมข้างหน้า ด้วยการคั่นด้วยคอมม่า เฉย ๆ เรียกว่า comma splice ซึ่งต้องห้าม!!! หรืออย่างน้อย ถ้าคุณทำคุณต้องมีชื่อเสียงมากๆ จึงจะถือว่าถูก กร๊ากกก คนสวยทำอะไรก็ไม่ผิด คนรวยทำอะไรก็ดูดี ประมาณนั้น แต่ถ้าคุณไม่ใช่ ให้ทำต่อไปนี้ (ผมตั้งใจไล่ตามข้อ 1-4 ที่เป็นคำเฉลย เพื่อให้ดูว่า ที่ถูกควรเป็นอย่างไรในคราวเดียว) ประโยคเดิมจากโจท์ที่ผิดท่อนหน้าท่อนเดียว Over 50% of communication is through body language, it's a little wonder that we do better international business face-to-face. 1. เอา V1 ออก ในเมื่อท่อนหน้าผิดเพราะมันมี is เป็น V1 แล้วเชื่อมด้วยคอมมา  เราก็เอา V1 ออกสิ! กลายเป็น ข้อ 1 ครือ Over 50% of communication through body language, it's a little wonder that we do better international business face-to-face. เออ จริงของน้องด้วยนะ กร๊ากกก ตอนแรกผมว่าข้อนี้ผิด แต่เมื่อคิดดูผมก็ไม่เห็นว่ามันจะผิดตรงไหน เท่าทีทราบไม่มีกฎข้อไหนห้ามทำแบบนี้ ฟันธงว่าถูก (แต่ไม่นิยม ดูข้ออื่นต่อไป) ผมก็เลยกลายเป็นอีกคนที่อยู่เมืองนอกนานเกือบ 10 ปี แต่อธิบายไม่ได้ว่าทำไมมันต้องผิด เพราะผมว่ามันไม่ผิด เพียงแต่ไม่เคยได้ยินใครเขาพูดกันในทำนองนี้ แต่ใช่ว่าจะไม่มีประโยคทำนองนี้ ที่ขึ้นต้นด้วยกลุ่มคำนาม (noun phrase) เพียงอย่างเดียวแล้ว คอมม่า เช่น A man of his words, James won every body's admiration. ที่นิยม ก็ครือ เขาจะใส่ With นำหน้ากลุ่มคำนาม noun phrase  เมื่อ With มีความหมายคร่าวๆ ว่า โดยที่มี/ในสถานการณ์ที่มี กลายเป็น ข้อ 5 ที่ถูกต้องและฟังเป็นธรรมชาติและนิยมมากกว่า ครือ With over 50% of communication through body language, it's a little wonder that we do better international business face-to-face. ----------------------------------------------------------- หรือที่นิยมอีกอันหนึ่ง ครือทำเป็น Absolute construction ในเมื่อ is มันเป็น V1 ต้องห้ามใช่ไม๊ เราแค่เปลี่ยนรูปจาก V1 เป็น Ving ก็พอ ก็จะทำให้ V1 หายไป ไม่ผิดกฎห้ามมี V1 มากกว่า 1 ตัวแล้ว กร๊ากกก นี่เรียกว่าเคล็ดวิชา Absolute construction กลายเป็น Over 50% of communication being through body language, it's a little wonder that we do better international business face-to-face. ซึ่งไม่มีข้อนี้ให้เลือก จากคุณ : Ensign เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 18:07:00

ความคิดเห็นที่ 6 สำหรับข้อ 2.Body language represents over 50% of what we communicate และ 4.Despite over 50% of communication is through body language ไม่ผิด แต่ไม่ถูก กร๊ากกกก ที่ว่าไม่ผิด เพราะมันมีวิธีทำให้ถูก ถ้าคุณทำเป็น และวิธีนั้นครือ หลักการที่ว่า การเชื่อม A กับ B เข้าด้วยกัน โดยมี V1 ในทั้งคู่ ทำได้ถ้าคุณทำให้ประโยคหนึ่งเป็น Subordinate clause, ด้วยการเติม Because, Despite of the fact that, หรือ conjunction อื่นๆ ที่เติมได้ แต่เติมแล้วต้องได้ความหมายด้วยนะ ขี้เกียจอธิบายยาว แค่จะยกที่ถูกให้ฟังว่า 2.Body language represents over 50% of what we communicate จะถูกถ้าคุณทำแบบนี้ Because body language represents over 50% of what we communicate,  it's a little wonder that we do better international business face-to-face. และ 4.Despite over 50% of communication is through body language จะเกือบถูก ถ้าคุณทำแบบนี้ (แต่มันจะไม่มีวันถูกเพราะความหมายไม่ให้) 4.Despite over 50% of communication (being) through body language,  it's a little wonder that we do better international business face-to-face. หรือ 4.Despite of the fact that over 50% of communication is through body language, it's a little wonder that we do better international business face-to-face. ที่ว่าเกือบถูกเพราะมันแค่ดูเหมือนถูกแต่จริงๆ ความหมายมันไม่ได้ ประโยค 4 จะไม่เคยถูก เพราะ Despite เป็นคำที่ไม่เหมาะ เนื่องจาก Despite แสดงความหมายว่า ท่อนแรก จะขัดกับท่อนหลัง ซึ่งกรณีนี้ไม่ใช่ ท่อนแรก สอดคล้องกับท่อนหลัง ดังนั้น Despite ใช้่ไม่ได้ แต่ Because ใช้ได้เพราะแสดงความสอดคล้องกัน โอยย เหนื่อย!!! จากคุณ : Ensign เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 18:18:29

ความคิดเห็นที่ 7 ตอบแบบคนไม่รู้แกรมม่าเลยนะครับ เอา 1-4 ไปแทนข้างหน้า ถ้าอ่านผ่านตามาเยอะ มันรู้เองครับว่าผิด อยากทำได้ง่ายๆ ไม่ต้องแกรมม่า ก็อ่านหนังสือเยอะๆ ครับ นิยายก็ได้ หนังสือพิมพ์ก็ได้ จากคุณ : J-render เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 55 16:08:58