 |
กระทู้เก่ามีเยอะแล้วนี่นา ลองใช้ smart search สิครับ
แต่ตั้งข้อสังเกตไว้ตามนี้
๑. สถานะสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีตลอดรัชกาลพระองค์คือ "กบฏต่อราชวงศ์เก่า" ทำให้จักรพรรดิเฉียนหลงไม่ยอมรับ จนกระทั่งปีสุดท้ายของรัชกาล จักรพรรดิเฉียนหลงเห็นว่า ไม่มีเชื้อสายเดิมของเจ้าราชวงศ์บ้านพลูหลวงเหลืออยู่แล้ว และทางสมเด็จพระเจ้ากรุงธนฯ ก็แต่งราชทูตไปเจริญสัมพันธไมตรีมาตั้งหลายครั้ง จักรพรรดิเฉียนหลงจึงยอมรับสถานะของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี
๒. ก่อนหน้านั้น มีเจ้าจากราชวงศ์บ้านพลูหลวงเหลืออยู่เด่น ๆ ๒ องค์ที่มีสิทธิอ้างเป็นพระเจ้าแผ่นดินคือ กรมหมื่นเทพพิพิธ กับ เจ้าจุ้ย
รายแรกโดนเช็คบิลไปเรียบร้อย รายที่สองหนีไปอาศัยเจ้าเมืองพุทไธมาศในเขมร เป็นจีนคือ ม่อซื่อหลิน หรือพระยาราชาเศรษฐี ในการบันทึกของประวัติศาสตร์ฝ่ายไทย
๓. ม่อซื่อหลิน มีปัญหาเป็นไม้เบื่อไม้เมากับสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีมาตั้งแต่ก่อนปราบดาภิเษก และก็ได้ส่งสาสน์ไปฟ้องต่อจักรพรรดิเฉียนหลงมาตลอดรัชกาล และข้อหาหนึ่งของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ก็คือเป็นกบฏต่อราชวงศ์เก่านั่นเอง
๔. สถานการณ์ตอนสร้างกรุงธนบุรี ถ้าเอาตามพระราชพงศาวดารฉบับความพิศดาร บอกไว้ว่า สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ต้องทรงจ่ายพระราชทรัพย์ซื้อข้าวแจกให้กับทหารและชาวบ้านที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ซึ่งก็บอกว่า ข้าวถังละหลายบาท( ถ้าจำไม่ผิด ๓ , ๔, ๕ บาทแล้วแต่)
ไม่แน่ใจว่าสถานะการคลังของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีเป็นอย่างไร ถ้าทรงใช้พระราชทรัพย์ซื้อแจกแบบไม่อั้นอย่างนี้ ถ้าคิดคร่าว ๆ อย่างน้อย ๆ ก็ต้องมีคน ๓ พันคนขึ้นไป ที่อยู่กับพระองค์ ก็คือทหารที่มาตีสุกี้พระนายกองแตกพ่ายไป ไม่รวมเชลยที่รออยู่ระหว่างการส่งไปพม่า และชาวบ้านในเขตธนบุรีและใกล้เคียง
๕. บางท่านอาจจะบอกว่า ก็มีทรัพย์สินที่ได้จากการปล้นเรือจีนที่เมืองตราด ตรงนี้ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะได้มากน้อยแค่ไหน และจะเพียงพอต่อปัญหาในข้อ ๔ หรือเปล่า ?
๖. ตลอดรัชกาลของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี มีแต่การพระราชสงครามอยู่เสมอ ปัญหาก็คือภาวะการคลังจะเป็นอย่างไร ?
ในเมื่อค้าขายกับจีนก็ยังไม่ได้ชัดเจน ฝรั่งต่าง ๆ ก็ยังไม่กลับมาค้าขายมากนัก และยังต้องทำสงครามกับพม่าตลอดเวลา คำถามก็คือจะเอาเงินมาจากไหน ?
๗. จากข้อ ๖ ถ้าจะว่าไปปล้นเอาจากก๊กต่าง ๆ ได้จริง หรือแม้แต่ขูดรีดจากมรดกของชาวบ้านที่ขุดขึ้นมาได้จริง ถ้าสมมติฐานเหล่านี้เป็นจริง ว่าท้องพระคลังมีรายได้มากมายจากที่ว่ามานี้ มันก็น่าจะทำให้ในสมัยต่อมาก็คือสมัย ร.๑ น่าที่จะสามารถสร้างบ้านแปลงเมืองได้ดีกว่านี้
ไม่น่าถึงกับต้องไปรื้อซากอิฐกำแพงเมืองโบราณ หรือแม้แต่ซากอิฐในวัดเก่าที่อยุธยามาก่อเป็นกำแพงพระนครแต่อย่างใด
แก้ไขเมื่อ 20 พ.ย. 55 22:23:07
จากคุณ |
:
ผ้าพับไว้
|
เขียนเมื่อ |
:
20 พ.ย. 55 22:05:01
|
|
|
|
 |