ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อเช้าเพิ่งสัมภาษณ์เด็กคนหนึ่ง   จบปริญญาโทจากออสเตรเลีย   ใช้เวลาอยู่ต่างประเทศ เกือบ 3 ปี แต่ภาษาอังกฤษไม่เอาไหนจนน่าสงสัยว่าผ่าน oral exam มาได้อย่างไร เพราะฉะนั้นการไปเรียนต่างประเทศ   โดยเฉพาะในมหาวิทยาลัยที่มีคนไทยเยอะ   ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าภาษาจะดี ถ้าตั้งเป้าว่าจะใช้ภาษาเป็นเครื่องมือหากิน   ก็เรียนภาษาไปเลยครับ   เลือกเรียนภาษาที่ 3 ไปด้วยพร้อมกันจะดีกว่า จากคุณ : Tanis เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 55 13:59:55

ความคิดเห็นที่ 2 จริงๆ แล้ว การเรียนมหาลัย อยากให้คิดว่ามันเป็นการเรียน "เฉพาะทาง" มากกว่าครับ การจะเก่ง แบบ รวมๆ คือใช้งานได้ พูดคุยในชีวิตประจำวันได้น่ะ ทำไม่ยากหรอกครับ ดูซีรีย์ อ่านนิยาย อ่านเวบบอร์ดฝรั่ง ก็สามารถพัฒนาตัวเองในส่วนนั้นได้ หลังจากนั้นมันจะเป็นเรื่องของการพัฒนาอะไรเฉพาะทางมากกว่า อย่างผม ชอบอ่านนิยายย้อนยุค แฟนตาซี นิยายสงคราม ผมก็จะอ่านพวกนี้ได้คล่อง รู้เรื่อง ไม่ค่อยต้องเปิดดิกอะไร แต่ผมไม่ชอบอ่านข่าว อ่านหนังสือพิมพ์ทีก็ต้องเปิดดิกกันเยอะเหมือนกัน การเรียนมหาลัยก็คล้ายๆ กันน่ะครับ ให้คิดซะว่าเป็นการต่อยอดจากการใช้งานพื้นฐาน เจาะลึกลงไปในทางใดทางหนึ่ง เช่น เรียนอักษร สาขาที่เน้นการอ่านนิยายโบราณ หรือเรียนการทำเอกสารเป็นทางการ หรือเรียนการแปล คุณก็จะเก่งในส่วนนั้นๆ เพราะงั้น เวลามองคณะอักษร ลองเข้าไปดูหลักสูตรเค้าก่อนดีกว่าครับ ว่า เป็นการ เจาะ เฉพาะทาง ที่ตรงกับใจคุณรึเปล่า จากคุณ : J-Renderer เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 55 16:23:49

ความคิดเห็นที่ 3 ค่ะ เดี๋ยวต้องหาหลักสูตรอักษรอีกที ไม่รู้ต่างจากมนุษย์ไหม มีพี่ที่รู้จักเค้าเรียนมนุษย์ ม.เกษตร เค้าส่งหลักสูตรมาให้ดู รู้สึกว่ามันลงลึกไป ถึงรากเหง้าภาษา ประวัติศาสตร์ วรรณคดี เชคสเปียร์ แล้วเราก็ไม่ได้อยากรู้ขนาดนั้น เน้นด้านนำไปใช้สื่อสาร มากกว่าวิชาการ ภาษาที่3มีแค่6หน่วยกิต ไม่รู้แน่นรึเปล่า จากคุณ : จขกท เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 55 16:46:45 A:118.174.113.148 X: TicketID:381610

ความคิดเห็นที่ 4 สมัยยังไม่มี Internet ใครเรียนเอกอังกฤษในมหาลัยจะได้เปรียบเพราะรู้ข้อมูลหลายๆอย่างที่คนอื่นไม่รู้ แต่สมัยนี้มี Internet คุณใช้ google เก่งๆคุณก็ค้นเจอได้หมดว่าคนเรียนเอกอังกฤษเขาเรียนอะไรกัน แล้วยิ่งคุณค้นเก่งระดับเจาะทะลุทะลวงไปเจอว่าคนเรียนเอกอังกฤษในมหาลัยฝรั่งเขาเรียนอะไรกัน คุณเรียนด้วยตัวเองโดยอาศัยค้นข้อมูลเก่งคุณมีทางชนะคนเรียนเอกอังกฤษในมหาลัยไทย ภาษาอังกฤษตอนนี้เริ่มคล้ายคอมพิวเตอร์ซะแล้วคือคนเรียนอังกฤษด้วยตัวเองหรือคนเรียนคอมพิวเตอร์ด้วยตัวเองเก่งระดับเทพๆเป็นไปได้ แต่สาขาบางอย่างเช่นแพทย์แผนปัจจุบันหรือ nuclear physics เรียนด้วยตัวเองเป็นไปไม่ได้เพราะผู้เรียนไม่มีปัญญาซื้ออุปกรณ์แพงๆ และข้อมูลมันลึกมากๆ ไม่พึ่งมหาลัยไปไม่รอด แต่ในอนาคตก็ไม่แน่นะ เพราะตอนนี้เริ่มมี digital media สอนศาสตร์ต่างๆยากๆผลิตออกมา จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 55 17:38:01

ความคิดเห็นที่ 5 ประเด็นนี้น่าสนใจ จขกท บอกว่า "มีพี่ที่รู้จักเค้าเรียนมนุษย์ ม.เกษตร เค้าส่งหลักสูตรมาให้ดู รู้สึกว่ามันลงลึกไป ถึงรากเหง้าภาษา ประวัติศาสตร์ วรรณคดี เชคสเปียร์ แล้วเราก็ไม่ได้อยากรู้ขนาดนั้น เน้นด้านนำไปใช้สื่อสาร มากกว่าวิชาการ ภาษาที่3มีแค่6หน่วยกิต ไม่รู้แน่นรึเปล่า" ^ เราก็ไม่เคยสนใจ Shakespeare หรือ classic literature เลย อย่าง Oliver Twist ให้เราอ่านเราหลับแล้วหลับอีก แล้วหลับแบบนี้จะไปเรียน reading comprehension ได้ไงกัน? เราเลยเปลี่ยนเป็นอ่านหนังสือโป๊ ความตื่นเต้นมันกระตุ้นให้อยากเปิด dictionaries เรียนศัพท์ แล้วเราก็อ่านภาษาอังกฤษได้แตกฉาน ถ้าใครมาให้เราแปลเรื่องพวก Shakespeare หรือ classic literature เราใช้ google ค้นข้อมูลแปลได้ เมื่อก่อนเพื่อนรุ่นพี่เรา (ล่วงลับไปแล้ว) ที่เคยใช้ login คือ nickycharles ซึ่งจบวิศวกรรมไฟฟ้ามา ก็แปล Paradise Lost ได้ ทั้งๆที่มันยากไม่แพ้ Shakespeare หรือ classic literature เรื่องอื่นๆ เพราะพี่ nickycharles ใช้ google เก่ง พี่ nickycharles ช่วยนักแปลรุ่นน้องที่เรียนปริญญาโทการแปลจุฬาแปล Paradise Lost จนรุ่นน้องได้รับปริญญาโทาการแปลจุฬาๆไป ถ้าไม่มีพี่ nickycharles รุ่นน้องเรียนไม่จบปริญญาโทหรอก เพราะดันไปเลือก thesis ยากเกินไป! เมื่อเราไม่สนใจเรื่อง Shakespeare หรือ classic literature เลย เราเรียนด้วยตัวเองเรื่อง phonetics กับ syntax (ที่มันแบ่งโครงสร้างประโยคเป็น tree) และเรียนแค่บาง topics ในสาขา English studies (แค่เพื่อแก้ไขจุดอ่อนของเราเท่านั้น) แต่ก่อนเราเรียนเรื่องพวกนี้เราอยู่ในสภาพแวดล้อมของการพูดอังกฤษและฝึกเขียนภาษาอังกฤษให้คล่องเป็นธรรมชาติได้ไปแล้ว ไม่ใช่อยู่ในสภาพที่พูดเขียนอังกฤษแบบผิดๆแบบไทยๆแล้วไปเรียนเรื่องยากๆ แบบที่ว่า ""มีพี่ที่รู้จักเค้าเรียนมนุษย์ ม.เกษตร เค้าส่งหลักสูตรมาให้ดู รู้สึกว่ามันลงลึกไป ถึงรากเหง้าภาษา ประวัติศาสตร์ วรรณคดี เชคสเปียร์ " ซึ่งเราเชื่อว่าการเรียนด้วยตัวเองแบบเรา โดยเลือกเรียนเฉพาะที่อยากเรียน เราใช้งานอังกฤษไม่ด้อยกว่าคนจบมนุษย์ ม.เกษตรหรอก ถ้าใครบอกว่า "รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม" ทำไมไม่เรียน Shakespeare หรือ classic literature เลย? เราตอบว่ "ไม่อยากเรียน เพราะไม่สนใจ" แต่ถ้าจำเป็นต้องแปลหรือให้ lecture  เรื่องพวกนี้ ขอค้นข้อมูลแค่ไม่กี่วัน แล้วจะทำให้ดู สิ่งที่เราสนใจมาจากแรกเริ่มเราอ่อนภาษาอังกฤษ วันๆเราก็ได้แต่เล่นหมากรุกฝรั่งกับอ่านตำรา logic และฝึกทำข้อสอบ iq และอ่านหนังสือ howtos วิธีเพิ่ม iq และเราเอาสิ่งที่เรียนรู้เหล่านี้ "มาใช้เรียนภาษาอังกฤษ" ^ นั่นก็คือสมองเราที่ถูกฝึกแบบนี้กลายเป็นทดสอบและใช้งาน computer software ได้คล่องมากๆ เราใช้ computer software ช่วยเรียนภาษาอังกฤษจนเราใช้ภาษาอังกฤษประกอบอาชีพได้ประสบความสำเร็จ แต่ละคนมีวิธีของตนเอง การแข่งขันกันในเรื่องการใช้ภาษาอังกฤษประกอบอาชีพ ไม่มีกติกาจำกัดว่าคุณจะต้องเรียนภาษาอังกฤษมาแบบไหน จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 55 18:03:17

ความคิดเห็นที่ 6 อยากเก่งภาษาอังกฤษ ไม่จำเป็นต้องเรียนเอกอังกฤษในมหาวิทยาลัย คนที่เก่งภาษาอังกฤษต้องเก่งภาษาอังกฤษตั้งแต่ชั้นมัธยมแล้ว คือพื้นฐานภาษาอังกฤษต้องแน่นตั้งแต่ชั้นมัธยมแล้ว คนที่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษแน่นตั้งแต่ชั้นมัธยม สามารถเรียนสาขาไหนก็ได้ในระดับมหาวิทยาลัย แต่ต้องใช้ภาษาอังกฤษบ่อยๆ ทั้งการอ่าน เขียน ฟัง และพูด เพื่อให้ไม่ลืมภาษาอังกฤษ อย่างเจ้าของกระทู้ถ้าพื้นฐานภาษาอังกฤษแน่นตั้งแต่มัธยมแล้ว ไม่ต้องเรียนเอกอังกฤษก็ได้ จากคุณ : นายชัย เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 55 19:46:07

ความคิดเห็นที่ 7 เรียนgiftedภาษาอังกฤษค่ะ ม.4-6 แต่ก็ไม่ได้เก่งอะไรมาก ทั้งสี่สกิลก็ยังผิดๆถูกๆอยู่ ชอบดูสื่อภาษาอังกฤษ ฟังเพลง อ่านนิยายeng ตามบทความสอนภาษาอยู่แล้วค่ะ เคยสอบtoeflได้530เอง ถ้ายื่นจุฬาอินเตอร์ก็550ขึ้น จากคุณ : จขกท เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 55 20:25:31 A:118.174.119.78 X: TicketID:381610

ความคิดเห็นที่ 8 เข้ามายกมือว่า ไม่จำเป็น! เริ่มเรียนภาษาอังกฤษจริงจังตอนมหาลัยปี 2 เรียนเองค่ะ เราเรียนมหาลัยราชภัฎธรรมดา เอกรัฐประศาสนศาสตร์ แทบไม่มีภาษาอังกฤษไหลเข้ามาในสมอง เริ่มต้นทำเอง ศึกษาเอง เรียนเอง ไขว่คว้าเอง ตอนนี้อ่านออก เขียนเป็น และทำงานต่างประเทศค่ะ :) สู้ๆ จากคุณ : สวย ล่ำ ดำ ถึก เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 55 22:02:28

ความคิดเห็นที่ 9 ไม่จำเป็นค่ะ เราไม่ได้เรียนเอกอังกฤษแต่สอบได้คะแนนเยอะกว่าเด็กเอกอังกฤษเพราะเราเป็นคนชอบอ่านนิยาย กอปรกับโดนอัดภาษามาตั้งแต่มัธยมเพราะเรียนสายศิลป์ แต่เรามีจุดอ่อนตรงที่ฟังภาษาอังกฤษทางโทรศัพท์ไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ถ้าพูดต่อหน้าไม่มีปัญหา จากคุณ : Friday13th เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 55 22:37:07

ความคิดเห็นที่ 10 คนเก่งอังกฤษตั้งแต่มัธยมแล้วเรียนสาขาไหนก็เก่งอังกฤษได้ ซึ่งก็เป็นจริงอย่างที่ นายชัยบอกใน คคห 6 แต่จะยกตัวอย่างคนเก่งอังกฤษตั้งแต่มัธยม 3 คน ที่ 2 เลือกเรียน และ 1 คนไม่เลือกเรียนเอกอังกฤษให้ฟัง โดยจะบอกเหตุผลของแต่ละคนให้ฟัง ซึ่งเราว่าน่าสนใจนะ รายแรกคือแฟนเราเอง เก่งอังกฤษตั้งแต่มัธยมเพราะมีพ่อที่เก่งอังกฤษระดับเทพๆๆๆมากๆ คอยสั่งสอนมาตั้งแต่เด็กๆ แต่แฟนเราเลือกเรียนอักษรศาสตร์จุฬาเอกอังกฤษเพราะเธอทั้งเกลียดทั้งกลัวคณิตศาสตร์กับวิทยาศาสตร์ คือพยายามเรียนเอกอะไรก็ได้ให้หลีกไปไกลๆคณิตศาสตร์กับวิทยาศาสตร์ รายที่สองคือเพื่อนแฟนเราเอง เก่งอังกฤษตั้งแต่มัธยม เลือกเรียนอักษรศาสตร์จุฬาเอกอังกฤษเพราะคิดว่าออกแรงน้อยดีเรียนวิชาที่เก่งอยู่แล้วต้อนหมูสบายๆ รายนี้ขนาดเรียนแบบขี้เกียจๆ จบมาได้เกืยรตินิยมอันดับสอง ต่อปริญญาโทสาขาอื่นที่ไม่ใช่ภาษา แต่ใช้ภาษาอังกฤษทำงานจนร่ำรวย ตอนอายุ 30 ต้นๆลาออกจากงานประจำมีเงินไปตั้งบริษัทตัวเอง รายที่ 3 เป็นเด็กเพิ่งจบ ม.6 มาจากจังหวัดทางใต้ เพิ่งเข้ามา กทม มาเรียนต่อ เขาให้เราติวภาษาอังกฤษให้ ตอนเราทดสอบเขานะ น่าทึ่งมากๆ เขาฟังกับพูดอังกฤษได้คล่องระดับเทพๆๆๆ ไม่มีผิด grammar เลย (พูดยังกับไปอยู่เมืองนอกมาตั้งนาน) เราถามเขาว่าเรียนโรงเรียนแบบไหนมาถึงเก่งขนาดนี้ เขาตอบว่า เขาเป็นหนึ่งในเด็กที่เก่งอังกฤษเป็นพิเศษจนครูล็อคตัวไปติวเข้มเพื่อไปล่ารางวัลในการประกวดแข่งภาษาอังกฤษ ไปแข่งมาแล้วหลายเวที เด็กคนนี้เก่งระดับสอบเข้าเรียนอักษรศาสตร์จุฬาเอกอังกฤษแล้วจบมาเกียรตินิยมได้สบายๆ แต่เขาบอก "อยากเรียนเอกภาษาสเปนที่รามคำแหง!" เราถามว่่า "เพราะอะไร?" เขาตอบได้น่าสนใจมากๆ เขาบอกว่า "อังกฤษเรียนด้วยตัวเองและหรือหาติวเตอร์เก่งๆช่วยนิดหน่อยเองก็ต้อนหมูสบายๆอยู่แล้ว เอาเอกเสปนเป็นอีกภาษาหนึ่งเพราะรักภาษานี้ และเลือกเรียนรามโดยไม่ไปสอบเข้ามหาลัยปิดดังๆแย่งกับใครก็เพราะว่า "ชอบรามฯที่ค่าเรียนรามฯถูกสุดๆ" และเขาคิดว่า "เป็นการฉลาดที่จ่ายเงินน้อยๆกับการศึกษา" และเขาไม่สนใจเรื่องชื่อเสียงมหาลัยเพราะมั่นใจสูงมากๆว่าความเก่งอังกฤษของจริงในชีวิตจริงของเขาเข้าไปแข่งขันในตลาดงานได้สบายๆหายห่วง คือไม่กลัวคนจบมหาลัยปิดดังๆ ว่างั้นเหอะ!" แก้ไขเมื่อ 27 พ.ย. 55 22:52:14 แก้ไขเมื่อ 27 พ.ย. 55 22:50:26 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 55 22:45:58

ความคิดเห็นที่ 11 "รู้สึกว่ามันลงลึกไป ถึงรากเหง้าภาษา ประวัติศาสตร์ วรรณคดี เชคสเปียร์ แล้วเราก็ไม่ได้อยากรู้ขนาดนั้น เน้นด้านนำไปใช้สื่อสาร มากกว่าวิชาการ" ขอตอบแบบมิได้ดูถูกดูแคลนอะไรกันนะ คือ หลักสูตรที่ว่าของเกษตร ก็ไม่ได้ต่างไปจากที่อักษรฯ จุฬา สักเท่าไหร่   ดังนั้น ดูท่า คุณ จขกท จะไม่เหมาะกับการเรียนภาษาอังกฤษในมหาวิทยาลัย แบบตักศิลา คือเรียนแบบเจาะลึก ทะลุทะลวง รู้ที่มาที่ไป ไม่ใช่เรียนแค่ ตื้นๆ ผิวๆ แบบพูดเขียนอ่านฟัง เท่านั้น (มี มหาวิทยาลัย หลายแห่งเรียนแบบนี้  โดยเฉพาะที่เคยเป็นพวก "สถานบัน" มาก่อน) เรียนภาษาในระดับที่ใช้การได้  มันมีแบบระดับ พอไหว  พอรู้เรื่อง พอเข้าใจ กระจ่างชัด เทียบเท่าเจ้าของภาษา หากมุ่งหวังจะเก่ง  เรียนเท่าไหร่ ก็ไม่จบ ไม่หมด ไม่สิ้น แม้จะหลุดออกมาจากรั้วจุฬา ก็ใช่เวลาภาษาอังกฤษจะได้ขั้นเทพ หรือเทียบเท่าเจ้าของภาษา ก็ฝากให้คิดต่อไปว่า  อยากได้ความสามารถระดับไหน  อยากได้ติ้น หรืออยากได้ลึก แต่ให้จำไว้ว่า  คนที่จะจ้างเราทำงาน เขาอยากได้คนที่รู้ลึก รู้จริง  ทำเป็น รู้พลิกแพลง  แบบรู้ตื้นๆผิวๆ เขาคงไม่อยากจ้างให้เปลืองตังค์เขาหรอก จากคุณ : ปากกัดตีนถีบ จีบไม่ลง (ปรารถนาดี ไม่มีแอบแฝง) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 00:01:00

ความคิดเห็นที่ 12 เราเป็นเด็กอักษรนะคะ อักษรศาสตร์มีอะไรมากกว่าแค่ภาษาค่ะ นอกคุณจะได้เรียนเกี่ยวกับการใช้ภาษาในทุกๆด้านแล้ว คุณยังต้องเรียนเกี่ยวกับพวกประวัติศาสตร์ วรรณคดี วัฒนธรรมต่างๆของประเทศเจ้าของภาษา รวมถึงวิชาต่างๆที่เกี่ยวข้องกับความเป็นมนุษย์ ซึ่งค่อนข้างละเอียดอ่อน ถ้ารักที่จะใช้ภาษาเรียนอะไรก็ได้ที่เราสนใจจริงๆ แล้วค่อยไปเสริมเอาได้ค่ะ ไม่มีความจำเป็นต้องจบอักษรเอกอิ๊งเลย จากคุณ : hiccup-freak?* เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 00:20:14

ความคิดเห็นที่ 13 เสียดายที่ผมไม่ได้เรียนอักษรจุฬา เอกอังกฤษ ไม่อย่างนั้นชีวิตการทำงานผมคงก้าวหน้ากว่านี้เยอะ จากคุณ : pokemon trainer เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 00:45:04 A:49.49.184.21 X: TicketID:000119