จากนางฟ้ากลายเป็นผู้พิการขั้นรุนแรง

    เพิ่งได้คุยกับน้องคนหนึ่งค่ะ เลยอยากเอามาเล่าให้เพื่อนๆฟัง ต้องเริ่มจากตัวเองได้ดูรายการเจาะใจในวันที่น้องคนนี้เป็นแขกรับเชิญ รู้สึกทึ่งกับความคิดและการกระทำของน้องคนนี้ เลยกระเสาะแสวงหาเรื่องราวของเธอจากหนังสือพิมพ์ฉบับเก่าๆมาประติดประต่อเป็นเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟัง ลองอ่านกันดูนะคะว่าคุณจะรู้สึกเหมือนกันหรือเปล่า พล่ามมานาน เริ่มดีกว่า
    ชีวิตอิสระ และอาชีพที่มั่นคง ประกอบกับรายได้ดี คงไม่มีใครปฏิเสธ อาชีพพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ไหม-สุภัทราพร ตันอธิคม ก็จัดเป็นหนึ่งในนั้น ชีวิตของไหมเรียกได้ว่าคงไปได้ไกลกับอาชีพนี้ แต่ใครจะนึกว่าไหมจะพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต
    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ 14 พ.ค. 2542 ขณะที่ไหมกำลังเดินทางไปท่องเที่ยวต่างจังหวัด รถตู้ที่นั่งโดยสาร ชนกับรถกะบะที่วิ่งตัดหน้าชนิดเลี่ยงไม่ได้ แต่โชคยังเข้าข้างเธอ มีผู้หวังดีนำไหมส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด แต่โชคร้ายกระดูกต้นคอข้อที่ 4 หักอย่างสมบูรณ์แบบ มีผลให้ไหมเป็นอัมพาตในระดับสูงมากที่สุด อาการคือ พิการรุนแรงระดับสูงตั้งแต่หัวไหล่จรดปลายเท้า ขยับไม่ได้เลย มองโดยทั่วไปเป็นอัมพาต แต่จริงๆแล้ว เพราะสาเหตุเกิดจากกระดูกต้นคอหัก กดทับไขสันหลังซึ่งไขสันหลังนับเป็นแหล่งรับทุกอย่างจากสมอง ซึ่งควบคุมทุกอย่างของร่างกาย เป็นผลให้เธอสามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้เฉพาะศีรษะเท่านั้น ไหมเข้าทำการรักษาที่โรงพยาบาลนานนับปี จากนั้นก็เข้าศูนย์สิรินธรเพื่อการเปลี่ยนแปลงสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติอีก 1 ปีก่อนที่จะออกมาใช้ชีวิตต่อที่บ้าน
    จากอาชีพของไหมการได้เดินทางท่องโลกกว้าง เมื่อเจอกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ไหมยอมรับว่าเหมือนตกจากยอดเขาสูงที่ไม่เหลืออะไรเลย ทุกอย่างในชีวิตต้องเริ่มใหม่ เมื่ออายุ 29 ปี แม้ไหมจะไม่สามรถหยิบจับอะไรได้ และขยับได้เพียงแค่ศีรษะ แต่สิ่งที่เธอมีคือความคิดและการตัดสินใจด้วยตนเอง เธอย้ำว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น ต้องเปลี่ยนการดำเนินชีวิตใหม่ด้วยการถ่อมใจลงและปรับการใช้ชีวิตให้เคยชิน ควรมองให้มันเป็นเรื่องเล็กอย่ามองเป็นเรื่องใหญ่ ประกอบกับการเลือกที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป ไหมบอกกับทุกๆคนว่าไม่เคยเศร้าที่ร่างกายเป็นอย่างนี้ มีบ้างที่อาจหงุดหงิดเนื่องจากทำอะไรได้ไม่เหมือนเดิม แต่เธอคิดว่าชีวิตคนเราสามารถเกิดอุบัติเหตุได้ทุกวินาที ไม่มีใครอยากให้เกิด จึงไม่คิดโทษใคร และเชื่อว่าพระเจ้าเป็นผู้ให้กำลังใจเธอ ไม่ว่าจะทุกข์จะสุขก็ตาม
    ตอนนี้ไหมได้ถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆที่ต้องต่อสู้กับโรคร้าย เรื่องราวของไหมไม่เพียงแค่น่าสนใจเท่านั้น แต่ขั้นตอนการสร้างสรรค์ผลงานก็น่าประทับใจไม่น้อย ไหมใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่า แฮนดี้คีย์ (Handikeys) ซึ่งโปรแกรมนี้จะทำการจำลองแป้นพิมพ์ขึ้นบนหน้าจอ และใช้ร่วมกับอุปกรณ์ที่คนพิการสามารถใช้อวัยวะที่เหลือในการควบคุมการใช้คอมพิวเตอร์ เช่นปากในการเลือกและพิมพ์คีย์บอร์ดบนหน้าจอ เรียงร้อยออกมาเป็นถ้อยคำโดยใช้เวลาตั้งแต่ มกราคม-มิถุนายน 2546 หนังสือของไหมนับว่าเป็นหนังสือที่ราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับความพยายามในการสร้างสรรค์ผลงาน เพราะมีราคาเพียง 180 บาทเท่านั้น
    ทุกวันนี้ ไหมในวัย 33 ปี ยังใช้ชีวิตกับการเดินทางไปสถานที่ต่างๆโดยมีผู้ช่วยคอยดูแล ที่สำคัญไหมเป็นอาสาสมัครให้องค์กรณ์ระหว่างประเทศที่ชื่อว่า Disable People International ซึ่งสิ่งที่ไหมเข้าไปมีส่วนร่วมใน ขณะนี้คือ โครงการ Independent Living เนื่องจากไหมนับได้ว่าเป็นหญิงที่พิการระดับสูงที่สุดของประเทศ และใช้ชีวิตอิสระกับคนเฝ้าไข้ เพียง 2 คนเท่านั้น ความหมายของคำว่าอิสระก็คือ สามารถใช้ชีวิตได้อย่างที่ต้องการ สามารถตัดสินใจชีวิตตนเองได้ในระดับหนึ่ง และไม่ปลีกตัวจากสังคม ไหมยังเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ทุกวันนี้ยังมีเพื่อนๆแวะเวียนมาพูดคุยและไปดูหนัง ทานอาหารตามศูนย์การค้าต่างๆอย่างคนปกติทั่วไป เป็นไงล่ะ
    อ่านแล้วทึ่งเหมือนเราหรือเปล่า แต่ตอนนี้เราบอกได้เลยว่าทั้งอึ้ง และทึ่งกับน้องคนนี้ ยิ่งได้พูดคุยกับไหมแล้วด้วย เลยอยากแบ่งปันความรู้สึกนี้ออกไปให้คนอื่นๆรับรู้บ้าง เผื่อจะมีใครรู้สึกอย่างเรา ปลอบ

    จากคุณ : mengmi - [ 16 ก.ย. 46 20:45:30 ]