ความคิดเห็นที่ 1 ไอซ์เองก็ได้ให้คคห.ไปบ้างแล้ว ขออนุญาตยกคคห.ที่ เกี่ยวข้องมาให้อ่านกันนะคะ ............... ความคิดเห็นที่ 37 ขออกความเห็นด้วยคนนะคะ ก่อนอื่นขอบคุณคุณ friend ที่เอาลิงค์น่าสนใจมาฝากกันอ่าน พัทเห็นด้วยค่ะว่าถ้าอ่านต้นฉบับได้ก็น่าอ่าน เพราะมันจะได้ใจความสมบูรณ์ที่สุด อย่างเจ้าชายน้อยเองหลายคนก็บอกว่าฉบับภาษาอังกฤษแปลได้ความไม่ครอบครบ แต่ก็บ่อยครั้งถึงแม้เราจะอยากอ่านจากต้นฉบับเราก็ไม่สามารถอ่านได้ ถ้ามีการแปลแล้วก็น่าจะดี หากเป็นงานที่มีคุณภาพ ใช่ไหมคะ ที่ไอซ์บอกว่าการแปลขึ้นอยู่กับการตีความทางอารมณ์ของผู้แปล พัทคิดว่าเมื่อเราอ่านหนังสือแต่ละเล่ม แน่นอนว่าเราจะได้ความคิด ความเข้าใจและความรู้สึกที่แตกต่างกัน เพียงแต่ว่าผู้แปลเป็นผู้ที่ถ่ายทอดสารที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อออกมาและน่าจะทำให้ตรงไปตรงมาและซื่อสัตย์กับงานของผู้เขียนที่สุด แต่ว่าระหว่างที่ผู้แปลอ่านและถ่ายทอดงานออกมา ผู้แปลเองก็จะต้องตีความงานเขียนนั้นๆไปด้วย และในการตีความ ความคิด ประสบการณ์และ perception ก็ของผู้แปลก็อาจแตกต่างออกไปหรืออาจเข้ามาสอดแทรกไปกับงานเขียนได้โดยไม่ตั้งใจ จุดนี้อาจทำให้งานแปลออกมาไม่ตรงเป๊ะกับงานเขียนเสียทีเดียว เพราะถึงแม้ผู้แปลจะเป็นกลางและเคารพต้นฉบับอย่างที่สุด บางประโยค บางใจความก็อาจตีความหมายออกมาได้ไม่ตรง เพราะฉะนั้นหลายคนถึงบอกว่าต้องทำการบ้าน ทำการค้นคว้ากันมากๆ พัทว่าเมื่อเราอ่านหนังสือแปลเหมือนกับใส่แว่นสองชั้นนะคะคือหนึ่งแว่นของคนแปลที่มองผ่านแว่นของคนเขียนไปยังเรื่องราวในหนังสืออีกที แต่ในลิงค์ที่ตามไปอ่าน พัทคิดว่าผู้แปลพยายามทำให้งานออกมา sensational มากขึ้นนะคะ ต้องขอบอกก่อนว่ายังไม่ได้อ่านเลยทั้งภาษาไทยและอังกฤษ แต่เท่าที่อ่านแล้วคิดว่าในตัวอย่างที่เวป felicity ยกให้เห็นเป็นการแปลเพื่อบีบคั้นอารมณ์คนอ่าน (ซึ่งจะบีบคั้นเพื่ออะไร อันนี้ก็ไม่เข้าใจค่ะ) แต่โดยรวมแล้วกระบวนการผลิตหนังสือแปลมีความถี่ถ้วนและกลั่นกรองที่ดีก็น่าจะลดความผิดพลาดได้อย่างที่ไอซ์บอกนะคะ จากคุณ : พัท (Il Maze) - [ 17 ม.ค. 47 01:05:35 ] .............. ความคิดเห็นที่ 38 ... การี๊ดดดด ขอแก้ความเข้าใจผิดให้คุณ friend นิดนึงนะคะ สงสัยไอซ์จะอธิบายได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ... นักแปลก็ต้องคำนึงถึง ต้นฉบับเป็นหลักอยู่แล้วล่ะค่ะ แต่ว่าภาษาอังกฤษบางคำเนี่ย มันแปลเป็นไทยได้หลายคำ นักแปลก็ต้องเป็นคนเลือกคำให้ เหมาะสมใช่ไหมคะ? ทีนี้ล่ะค่ะ มันก็ขึ้นอยู่กับว่านักแปลจะเลือก คำไหนมา ให้ทั้งสละสลวย แล้วก็ใกล้เคียงกับความหมายมาก ที่สุด - อันนี้ล่ะค่ะ ที่ไอซ์บอกว่า ขึ้นอยู่กับว่านักแปลจะตีความ ทางอารมณ์ว่าอย่างไร ยกตัวอย่างจากลิงก์ที่คุณ friend แปะมา [เขา]ระเบิดออกมาว่า (หน้า 336) ต้นฉบับ he announced คำว่า he announced เนี่ย มันแปลได้หลากหลายนะคะ ให้ตรง ตามต้นฉบับมากที่สุดเนี่ย ก็คงจะเป็น "เขาประกาศออกมาว่า" แต่ว่าในใจความรอบ ๆ ประโยคนั้นมันเป็นอะไรล่ะคะ? ไอซ์ก็ไม่ได้ อ่านหนังสือเล่มนี้ ทั้งต้นฉบับ ทั้งฉบับแปล แต่เข้าใจว่า นักแปลตีอารมณ์รอบข้างแล้ว คิดว่า ใช้คำว่า "เขาระเบิดออกมา" มันให้อารมณ์เหมาะสมมากกว่า หรือ บนเรือลำนั้นคลาคล่ำด้วยชาวญี่ปุ่นที่กระหายใคร่ได้รู้เห็น (หน้า 227) ต้นฉบับ crowded with Japanese sightseers จะแปลตรง ๆ ว่า "เต็มไปด้วยชาวญี่ปุ่นมุง" หรือ "คลาคล่ำไปด้วยชาวญี่ปุ่น ที่ให้ความสนใจ" หรือคะ? ... ส่วนตัวแล้วรู้สึกว่ามันทื่อชะมัดเลยค่ะ การแปลให้ทื่อ ๆ ก็ทำได้ค่ะ ตรงตามต้นฉบับเปี๊ยบ ๆ อย่างเช่น he said - ในหนังสือเล่มหนึ่ง มันใช้เป็นสิบเป็นร้อยที่ จะให้นักแปล แปลว่า "เขาพูดว่า" อย่างเดียวมันก็ได้ แต่อ่านซ้ำ ๆ กันไป มันลื่นไหม? น่าเบื่อหรือเปล่า? หรือถ้าจะพลิกแพลงเป็น "เขาเอ่ยว่า" "เขาถามว่า" ((ถ้าข้างในเครื่องหมายคำพูดเป็นประโยคคำถาม)) "เขากล่าวว่า" ฯลฯ มันจะหลากหลายกว่าไหม? การจะจับผิดการแปล ไอซ์ว่า จับเอามาประโยคต่อประโยค มันไม่ค่อย แฟร์เท่าไหร่ง่ะค่ะ ไอซ์คิดว่าถ้าจะวิพากษ์วิจารณ์อะไร คนที่วิพากษ์วิจารณ์นั้น ควรจะได้อ่านโดยละเอียดทั้งสองเล่ม ทั้งต้นฉบับและฉบับแปล ไม่ใช่จับ เอามาเป็นท่อน ๆ โดยไม่ได้ดูเจตนาของต้นฉบับหรือฉบับแปลให้ถ่องแท้ เสียก่อน ... นี่เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของไอซ์นะคะ ^^ สารภาพว่าจริง ๆ แล้วอ่านลิงก์ที่เอามาแปะไม่ละเอียดค่ะ เดี๋ยวจะไปอ่าน อีกทีดีกว่า จากคุณ : Clear Ice - [ 18 ม.ค. 47 06:45:50 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ความคิดเห็นที่ 41 เอาล่ะค่ะ ไปอ่านลิงก์ที่คุณ friend เอามาฝากอีกรอบแล้ว อื้อหือ ... เหอ ๆๆๆ บางส่วนก็เห็นด้วย แต่บางส่วนก็อ่านแล้ว ก็รู้สึกว่าแรงไปนิดน่ะค่ะ^^" ขอเน้นว่าผู้เขียนบทความนี้ เขียน จากการอ่านเพียงบางตอน แต่ไม่ได้อ่านทุกหน้า แต่วิจารณ์ออกมาได้เป็นฉาก ๆ เลยอ่าาาา พูดถึงน้ำเสียงแสดงอารมณ์ของนักแปลก่อนนะคะ หนังสือชื่อ THE RAPE OF NANKING ... ไอซ์ไม่เคยอ่านง่ะ แต่ ดู ๆ จากชื่อแล้ว ท่าทางเรื่องมันจะบีบคั้นอารมณ์นะคะ อันนี้เข้าใจว่า ผู้แปลอ่านแล้วรู้สึกอย่างนั้น - คนแต่ละคนอ่าน หนังสือแต่ละเล่มแล้ว รู้สึกไม่เหมือนกันหรอกค่ะ - โดยรวมแล้ว การเลือกใช้คำเพื่อให้สละสลวย อ่านลื่น เลยออกไปในแนวนั้น หรือเปล่า ไอซ์ไปอ่านประโยคที่ผู้เขียนบทความยกมาให้ดูแล้ว รู้สึกว่า ผู้แปลแปลใช้คำสวยดีอะค่ะ ตรงนี้เป็นทักษะเหมือนกันนะคะ จะแปลให้ตรงเป๊ะก็ได้ แต่ส่วนตัวแล้ว ไอซ์ว่ามันน่าจะอ่านแล้ว ทื่อนะคะ ไอซ์ไม่ได้อ่านทั้งสองฉบับ ((ย้ำอีกที)) แต่ดูที่เปรียบเทียบแล้ว มันก็ไม่ได้หนีกันเท่าไหร่ง่ะนะ เรื่องการเน้นตัวหนาและเพิ่ม ! การตัดซอยย่อหน้า การตัดซอยบทในหนังสือออกเป็นหลายบทย่อย การปรับภาค ... ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับการตีความของนักแปลกระมังคะ? ((เดา)) บอกตามตรงเลย บางครั้งอ่านหนังสือเอง ไอซ์ยังอดนึกไม่ได้เลยว่า ทำไมมันถึงไม่ตัดบทตรงนี้((ฟะ))? ทำไมไม่ซอยย่อหน้าตรงนั้น เพราะเนื้อหามันไม่เห็นจะเกี่ยวข้องกันเลยยยยยย อิอิ เข้าใจนักแปลอะค่ะ แต่ว่าตัวเองไม่ได้ทำ ไม่เห็นด้วย รวมทั้งบก.ที่ทำงานอยู่ด้วยท่านก็ห้ามขาด ให้ยึดต้นฉบับไว้ก่อน ^^ ส่วนอื่น ๆ ไม่ขอออกความเห็นอะค่ะ เรื่องแปลผิด แปลขาด นี่ ต้องเทียบต้นฉบับกันดู - แต่เข้าใจว่า ไม่มีนักแปลคนไหน อยากแปลผิดหรือแปลขาดหรอกค่ะ แต่บางทีมันอาจจะเบลอ อ่านเป็นร้อย ๆ หน้า ตาดูต้นฉบับ สมองแปล มือพิมพ์ มันพลาดกันได้ง่ะค่ะ นอกจากผู้แปลจะต้องตรวจสอบต้นฉบับ หลังจากแปลเสร็จแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของบก. ที่จะตรวจสอบ อีกขั้นตอนหนึ่งด้วย ((บก.คนอื่นทำยังไงไอซ์ไม่รู้ แต่บก.ของไอซ์ ที่กำลังตรวจอยู่ตอนนี้ ตรวจประโยคต่อประโยคเลยง่ะ เอิ๊กส์)) เห็นด้วยกับผู้เขียนบทความว่า ผู้แปลควรจะซื่อสัตย์ต่อต้นฉบับ ให้มากที่สุด แต่คำว่า "ซื่อสัตย์" นี้มันก็ตีความหมายยากง่ะค่ะ สำหรับเท่าที่อ่านในบทความนี้ ก็เป็นไปได้ที่ผู้แปลคิดว่า ซื่อสัตย์ กับต้นฉบับแล้ว เพราะอ่านแล้วก็รู้สึกอย่างนี้ ตีความออกมา เป็นอย่างนี้ ก็เลยถ่ายทอดออกมาเป็นอย่างนี้น่ะค่ะ ^^" - อันนี้ไอซ์ให้ความคิดเห็นอย่างกลาง ๆ นะคะ อ่านแล้วบทความแล้วรู้สึกว่า ผู้เขียนบทความชอบต้นฉบับภาษา อังกฤษมาก ๆ เลยนะคะ ชักอยากไปหามาอ่านแล้วสิ ^^ ((ว่าแล้วก็ส่งเข้าลิสกองดองทันที แฮ่ ๆๆ ตายแระ ได้หนังสือเพิ่มอีก โอ้วว)) นี่ก็เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของไอซ์เอง ที่ชอบอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ แล้วก็ริแปลหนังสือด้วยเหมือนกัน เลยให้ความคิดเห็นเป็นกลาง ๆ น่ะค่ะ พอจะเข้าใจนักแปลเวลาแปลหนังสืออยู่บ้างเหมือนกัน บางครั้ง มันแปลให้ตรงไม่ได้ ((ภาษาไทยไม่มี หรือ คนไทยเค้าไม่พูดกัน)) มัน ก็ลำบากใจอะค่ะ การอ่านหนังสือแปล ก็อย่างที่พี่พัทว่าล่ะค่ะ คุณอ่านสิ่งที่ผู้แปล "ถ่ายทอด" มาอีกทีง่ะ เหมือนที่ตอนเด็ก ๆ เล่นเกมส์ บอกต่อกัน คนแรกกระซิบประโยคไปที่คนที่สอง ... พอไปถึงคนที่ร้อย มันก็เปลี่ยนไปเป็นโยชน์แล้วล่ะค่ะ ^^" ก็อย่างที่บอกนะคะ ถ้าอ่านต้นฉบับได้ ก็อ่านต้นฉบับเถอะค่ะ การตีความก็จะได้ขึ้นอยู่กับคุณเอง ^^ จากคุณ : Clear Ice - [ 17 ม.ค. 47 02:43:14 ] ................ ความคิดเห็นที่ 46 อะแฮ่ม เป็นนักแปลแล้วจะไม่ออกความเห็นเรื่องการแปลเลยก็กระไรอยู่ ขออธิบายสั้นๆแล้วกันเนอะว่า คนแปล แท้จริงแล้วก็คือคนอ่านคนหนึ่ง ที่มิได้ไปนั่งอยู่ในใจของผู้เขียน จึงมิแปลกหากคนแปลจะตีความทางอารมณ์ผิดเพี้ยนไปบ้าง เคยไหมคะ บางครั้งหนังสือที่คนอื่นบอกว่าสนุกนักหนาฮาโลกแตก แต่เราอ่านแล้วไม่ขำเอาเสียเลย นี่คือผลจากการตีความที่ต่างกัน ตราบใดที่คนเขียนไม่ได้แปลเอง การผิดเพี้ยนทางอารมณ์ย่อมมีสิทธิ์เกิดขึ้นได้ หรือต่อให้เป็นคนแปลคนเดิม แปลสิบครั้งอ่านสิบรอบ การตีความก็ใช่จะเหมือนเดิมเป๊ะๆ เหมือนกับที่หลายคนเคยเจอ เคยอ่านเล่มนี้แ้ล้วง่วงไม่ชอบเลย ผ่านมาระยะนึงมาอ่านอีกที กลับกลายเป็นหนังสือในดวงใจไปได้ ทั้งที่มันก็เป็นหนังสือเล่มเดียวกัน ส่วนเรื่องตัดทอน ซอยย่อหน้า ตัวหนาตัวบาง ไม่ขอพูดถึงนะจ๊ะ เข้าใจว่าคงมีเหตุผลในระดับหนึ่ง กรี๊ด ว่าจะพูดสั้นๆ ไหงยาวอย่างนี้หนอ เหมือนร้อนตัวเลยนะเนี่ยเรา เอิ๊กส์ๆ จากคุณ : ปุ๋ย (มณฑารัตน์) - [ 17 ม.ค. 47 09:32:35 ] ......................... ความคิดเห็นที่ 54 คุณไอซ์ค่ะ เจ้าของเว็บนั้นบอกว่า "จากการอ่านเพียงบางตอน แต่ไม่ได้อ่านทุกหน้า" "แต่วิจารณ์ออกมาได้เป็นฉาก ๆ" ตามที่คุณไอซ์กล่าวเป็นลำดับต่อมา ดิฉันอ่านบทความนั้นจบสองรอบ ถึงทึ่งค่ะว่าขนาดคนที่ เป็นนักอ่านเข้าใจในภาษาแต่ไม่เคยแปลเป็นอาชีพ ยังแยกแยะได้ละเอียด ชัดเจนมีเหตุผล ถูกต้องในภาษา จนสามารถหยิบยกความหมายมาอธิบายให้ดูนี้ ก็ต้องดีใจค่ะที่เขาอ่านไม่ละเอียด ไม่งั้นคงเห็นจรรณยาบรรณมากกันกว่านี้ ดิฉันเห็นจะอายเองแทนนักเขียนนะค่ะ ขนาดตัวเองเป็นนักอ่านแท้ๆ ไม่ซีเรียสกันค่ะ เอาบทความดีๆมาฝากเท่านั้นเอง เพราะเข้าใจนักแปลพอสมควรในบ้านเราค่ะ จากคุณ : friend - [ 17 ม.ค. 47 22:13:13 A:203.151.227.150 X: ] ....................... จากคุณ : Clear Ice - [ 18 ม.ค. 47 06:48:29 ]

ความคิดเห็นที่ 3 รายละเอียดการถกกันในส่วนนี้ อยู่ในกระทู้ของลิงก์อันบนสุดนะคะ อ่าน ๆ ดูแล้ว ก็อยากได้คคห.ของ พี่ ๆ เพื่อน ๆ น้อง ๆ ห้องนี้ ด้วยค่ะ ส่วนหนึ่งก็อยากได้เป็นวิทยาทานสำหรับนักแปล หน้าใหม่ ((กริกริ)) เพื่อที่จะได้เอาไปปรับปรุงงานแปล ต่อไปในภายภาคหน้าด้วยค่ะ ((ถ้าบก.ท่านไม่ปวดหัว จนไล่ออกเสียก่อน ก๊ากกกกก)) ขอบคุณค่า ^^ จากคุณ : Clear Ice - [ 18 ม.ค. 47 06:50:32 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้าอ่านเท่าที่คุณ fay เธอยกมา ก็เห็นด้วยเป็นส่วนใหญ่ครับว่าแปลเกินต้นฉบับไปนิด และบางจุดก็เคลื่อนจากความหมายในต้นฉบับไป (เช่น ตรง killing and raping ที่แปลไว้ว่า การข่มขืนแล้วฆ่า เป็นต้น) ยังไงก็ตาม ก็ยังต้องอ่านทั้งหมด (หรือถ้าไม่ถึงกับทั้งหมดก็เอาทั้งย่อหน้า) แล้วมาเทียบกันดู เพราะคำพูดหรือประโยคในบทที่หนึ่ง อาจมีผลให้ต้องแปลคำพูดหรือประโยคในบทที่สิบเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ก็ได้ (ผมหมายถึงมันอาจเป็นบริบท หรือการปูพื้นให้กับบทหลังๆ) คงให้ความเห็นเท่านี้ล่ะครับ จากคุณ : บูมเมอร์ - [ 18 ม.ค. 47 10:16:41 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อ่านมาหน่อยแล้วครับ ผมว่าคนแปลคงมันมือไปนิด แต่ทั้งหมดนี้ก็อาจเป็น direction ของตัว editor ด้วยนะครับ ที่เห็นดีเห็นชอบด้วยกับการกระทำดังกล่าว การแปลนั้นบางครั้งก็ต้องใช้การตีความตามมุมมองของคนแปลเองด้วย ซึ่งแต่ละคน ย่อมมองไม่เหมือนกัน อันนี้แล้วแต่ คือผมเองก็ไม่ได้อ่านต้นฉบับ ไม่มี feeling กับหนึ่งสือเล่มนี้ เลยพูดยาก แต่ที่แปลผิดๆ แบบเจ๊งๆเลยนี่ ควร keep ให้ minimum ครับ ผมว่านะ จากคุณ : Pee Kay - [ 18 ม.ค. 47 11:44:30 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เข้าไปอ่านที่คุณ fay วิจารณ์แล้วโดยละเอียด......ตรงหลายๆส่วนที่เธอบอกว่า แปลเกินต้นฉบับไปนิด อันนี้เห็นด้วย.....แต่นักแปลยังพอกล้อมแกล้มแก้ตัวไปได้.....ว่าต้องการใส่อารมณ์... แต่พอไปอ่านตรงที่เธอบอกว่า หาที่แปลผิดโดย "สุ่มมาโดยไม่ได้อ่านละเอียดทั้งเล่ม" ผู้แปลควรขอบคุณเธอ เพราะถ้าเธออ่านละเอียดทั้งเล่ม เธอจะเจอผิดมากกว่านี้อีกหลายเท่า .....ในส่วนนี้ตามความเห็นส่วนตัวคิดว่า แปลผิดมากหลายแห่งเกินไป.....อันนี้นักแปลแก้ตัวไม่ได้เลย......และขอแสดงความเห็นว่า ภาษาอังกฤษของคุณ fay "ไม่ใช่ธรรมดา" เธอเข้าใจมันแตกฉานมากว่านักแปลที่แปลหนังสือเล่มนั้นหลายเท่า! ผู้แปลหนังสือเล่มนั่นไม่ควรโกรธคุณ fay แต่ควรขอบคุณที่เธอชี้ข้อบกพร่องให้...... ส่วนเรื่องการแปลตก....ตัวเองไม่สามารถออกความเห็นได้เนื่องจากไม่ได้เทียบต้นฉบับกับคำแปลบรรทัดต่อบรรทัด......แต่จะบอกว่า จากการทำงานแปลด้วยตนเองและพบกับนักแปล, เจ้าของบริษัทแปล, คนตรวจงานแปล ....ทุกคนต่างลงความเห็นเหมือนกันหมดว่า "นักแปลทุกคน ไม่ว่าจะหน้าใหม่หน้าเก่า ต่างก็แปลตกกันทั้งนั้น แต่จะตกมากตกน้อยแค่ไหนมันอีกเรื่องหนึ่ง" ......วิธีการที่ตนเองทำก็คือพยายามจัดหน้าคำแปลให้เหมือนกับต้นฉบับ (ถ้าทำได้) และนับจำนวน paragraphs ในแต่ละหน้าก่อนส่งงาน.......มันช่วยลดจำนวนการแปลตก ....แต่บางทีก็ยังไม่วายหลงมีตกอีก....... สรุป: ในหยางมีหยิน = ในสิ่งที่ดีมีสิ่งที่ไม่ดีแอบแฝงอยู่ ในสิ่งดีๆของการได้แปลงานแล้วตีพิมพ์แล้วมีชื่อเสียง ก็มีสิ่งไม่ดีแอบแฝงอยู่ เพราะเมื่อแปลไปแล้วนักแปลเป็นเป้านิ่งให้โดนวิจารณ์ และถ้าคำวิจารณ์เป็นจริงและมีน้ำหนักมาก มันสามารถทำลายชื่อเสียงและเกียรติภูมิของผู้แปลได้ .......(ข้อคิด อย่าพยายามแปลเรื่องที่มันยากเกินความสามารถของตัวเอง) ในหยินมีหยาง = ในสิ่งที่ไม่ดีมีสิ่งที่ดีแอบแฝงอยู่ ทีแรกตัวเองเคยเสียใจว่าติดต่อสำนักพิมพ์ทีไรก็ไม่เคยได้แปลงานเพื่อตีพิมพ์และไม่เคยมีชื่อเสียงกับเขาสักที ...เลยได้แต่แปลงานให้บริษัทแปล (แบบปิดทองหลังพระ เป็นนักแปล no name) แต่ตอนนี้กลับคิดว่า มันก็มีสิ่งดีๆแอบแฝงอยู่นั่นก็คือ ตัวเองนอนตาหลับ ไม่ต้องสะดุ้งผวา ว่าจะเป็นเป้านิ่งให้วิจารณ์.....เนื่องจากงานที่ตนเองทำลูกค้าให้เวลาน้อยมาก ถ้าแปลผิดจะมีข้อแก้ตัวเพียบเลย......ไม่โดนจับมัดกับเสาแล้วโดนคนรุมเอาก้อนหินขว้างแน่ๆ...... จากคุณ : tansy - [ 18 ม.ค. 47 11:55:37 A:202.129.0.164 X: ]

ความคิดเห็นที่ 7 หมายเหตุ คุณบูมเม่อร์ กับ คุณ Pee Kay คงอ่านไปไม่ถึงช่วงท้ายๆ ที่ว่านี้หมายถึง link นี้นะ http://www.faylicity.com/book/book1/nankingth.html เลยไม่ได้เห็นส่วนที่คุณ fay เอามาชำแหละให้ดูว่าผู้แปลแปล แปลผิดเพียบเลย.......... คุณ fay บอกว่าสุ่มมานะ ถ้าเจอผิดมากขนาดนี้ แล้วถ้าเธอชำแหละโดยเทียบต้นฉบับกับคำแปลประโยคต่อประโยคละ...นักแปลไม่เละหรือ???.....ลองกลับไปอ่านช่วงท้ายๆดูใหม่ดิ.... จากคุณ : tansy - [ 18 ม.ค. 47 12:00:37 A:202.129.0.164 X: ]

ความคิดเห็นที่ 8 ผมอ่านหมดแล้วล่ะครับเฮียแท่น แต่ขี้เกียจเขียนยาวน่ะ (เลยเขียนแค่ "และบางจุดก็เคลื่อนจากความหมายในต้นฉบับไป") แต่ที่คุณ fay เขียนไว้ว่า "The tone of the book was changed drastically, from a detached and passionate to an emotional, short attention-span, bleeding and manipulative story". นั่น น่าคิดนะครับ หนังสือเล่มนี้ผมเงื้อๆง่าๆจะซื้ออยู่หลายทีตอนที่เดินเล่นรอเครื่องบินอยู่ในสนามบินฮ่องกง หยิบวางหยิบวาง แล้วก็เลยวางไปเลยเพราะนึกได้ว่า ในกระเป๋าเป้สองใบที่แบกอยู่นั่นก็มีหนังสือเล่มหนาๆอยู่อีกสองเล่ม (เล่มนึงรอการแปล แต่คนที่เงื้อจะแปลมันยังขี้เกียจอยู่) ยังไม่นับอีกกองนึงอยู่ข้างเตียง ก็เลยยังไม่ซื้อครับ เฮียพีเคไม่ออกไปถ่ายรูปที่ไหนเหรอครับวันนี้ (แซวคนขาเจ็บ vb vb) แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 47 12:24:02 แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 47 12:21:44 จากคุณ : บูมเมอร์ - [ 18 ม.ค. 47 12:14:08 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ข้อสังเกตก็คือ ส่วนที่นักแปลผู้นั้นแปลผิด (โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ตีความผิดตรง appositions) เกิดจากการอ่านเรียงตัวจากซ้ายไปขวา ถ้าอ่านหนังสือให้จบและเข้าใจเนื้อเรื่องก่อนแปลจะลดข้อผิดพลาดลงได้ ..มีตัวอย่างดีๆให้ดูข้างล่าง (งานตัวเองที่กำลังแปลอยู่ ..เป็นงานที่ไม่ต้องใส่อารมณ์แต่ต้อง get the facts right) ลองดู Source language (ภาษาต้นทาง): A deduction shall be allowed for charitable contributions to an organization as provided in Article 9 of this law, but it shall not exceed 5 per cent of taxable profit determined before taking the charitable contribution deduction. คำแปล (ที่แกล้งแปลผิด) โดยการอ่านแล้วแปลจากซ้ายไปขวาโดยทันที: การหักออกจะได้รับอนุญาตสำหรับการบริจาคเพื่อการกุศลให้แก่องค์กรตามที่จัดหาให้ในมาตรา 9 แห่งกฎหมายนี้ แต่มันจะต้องไม่เกิน 5 เปอร์เซ็นต์ของกำไรที่ต้องเสียภาษีที่ตัดสินใจก่อนทำการหักการบริจาคให้การกุศล จากคุณ : tansy - [ 18 ม.ค. 47 12:28:30 A:202.129.0.164 X: ]

ความคิดเห็นที่ 10 ทีนี้ลองอ่านต้นฉบับให้เข้าใจก่อนแปล จะเห็นได้ว่า deduction = ส่วนลด (ภาษี) provided = กำหนด (ระบุเอาไว้ในมาตรา) determined = คำนวณ charitable contribution deduction = การนำเงินจำนวนที่บริจาคไปหักเป็นส่วนลด จากคุณ : tansy - [ 18 ม.ค. 47 12:30:03 A:202.129.0.164 X: ]

ความคิดเห็นที่ 11 ทีนี้ลองแปลใหม่ Source language (ภาษาต้นทาง): A deduction shall be allowed for charitable contributions to an organization as provided in Article 9 of this law, but it shall not exceed 5 per cent of taxable profit determined before taking the charitable contribution deduction. Destination language (ภาษาปลายทาง): จำนวนเงินที่บริจาคเพื่อการกุศล ให้แก่องค์กรตามที่ระบุเอาไว้ในมาตรา 9 ของกฎหมายนี้ ให้นำมาหักเป็นส่วนลดภาษีได้ (สลับลำดับคำเพื่อฆ่า passive voice ให้ตายซากไปเสีย) แต่เงินจำนวนดังกล่าว (คำแปลของ it) จะต้องไม่เกินกว่า 5 เปอร์เซ็นต์ของกำไรที่จะต้องเสียภาษี ซึ่งคำนวณได้ก่อนหน้าที่จะนำเงินส่วนที่บริจาคเพื่อการกุศล มาหักเป็นส่วนลดภาษี หมายเหตุ ให้สังเกตว่า คำแปลต้องสลับลำดับคำและต้องเพิ่มเติมคำในภาษาไทย มากกว่าจำนวนคำในภาษาอังกฤษ แต่มันทำให้ความหมายชัดเจนขึ้น .อย่างนี้ถือว่า ไม่แปลเกินความจริง และไม่แปลผิดความจริง แต่แปลโดยตีความต้นฉบับให้ดีๆก่อน แล้วเขียนให้อ่านเข้าใจง่าย จากคุณ : tansy - [ 18 ม.ค. 47 12:30:48 A:202.129.0.164 X: ]

ความคิดเห็นที่ 12 แก้คำผิดใน คคห 10 charitable contribution deduction = การนำเงินจำนวนที่บริจาคไปหักเป็นส่วนลด แก้เป็น charitable contribution deduction = การนำเงินจำนวนที่บริจาคเพื่อการกุศล ไปหักเป็นส่วนลดภาษี จากคุณ : tansy - [ 18 ม.ค. 47 12:36:52 A:202.129.0.164 X: ]

ความคิดเห็นที่ 13 หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ต้องการจะป่าวประกาศให้โลกรู้ถึงพฤติกรรมทารุณโหดร้ายที่เกิดในเมืองนานกิงด้วยน้ำมือทหารญี่ปุ่น ผมไม่ได้อ่านต้นฉบับภาษาอังกฤษ จึงไม่สามารถบอกได้ว่าเขาใช้ถ้อยคำอย่างไร แต่ผมมีฉบับแปลเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องน่าสนใจ ตอนอ่านนั้นก็เห็นว่าผู้แปลสามารถใช้ถ้อยคำได้ดีอย่างที่ผู้วิจารณ์ว่า และรูปเล่มก็ทำได้ดี ประเด็นของเรื่องก็คือ ฉบับแปลนั้นได้บิดเบือนไปจากต้นฉบับหรือไม่ หลักการของการแปลนั้นมีอยู่ว่า ผู้แปลจะต้องสามารถถ่ายทอดความคิดและอารมณ์ของผู้เขียนได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน ไม่มีขาด ไม่มีเกิน จึงจะเป็นการแปลที่ดี ข้อบกพร่องอย่างที่ผู้วิจารณ์ยกมานั้น บางอย่างถ้าเป็นจริงผมก็เห็นว่าเป็นข้อบกพร่องฉกรรจ์อย่างที่เรียกว่า critical error ครับ บางอย่างก็เป็นข้อบกพร่องแต่ไม่ฉกรรจ์ สิ่งที่ผมถือว่าเป็น critical error ก็คือ การละเว้นไม่แปลข้อความหลายๆวรรคตอนในต้นฉบับ อย่างนี้ยอมรับไม่ได้ครับ มันทำให้บทแปลขาดเนื้อความที่ผู้เขียนเข้าตั้งใจสื่อไป ถ้าจะละเว้นไม่แปลกันเป็นประโยคหรือเป็นวรรคอย่างนี้จะแปลไปทำไม ผู้วิจารณ์เขาบอกว่าแค่เขาสุ่มๆก็ยังยกตัวอย่างมาได้หลายตอน แล้วถ้าทั้งเล่มจะไม่ไปกันใหญ่หรือ ข้อบกพร่องอย่างอื่นๆที่ผู้วิจารณ์ยกมายังเป็นข้อบกพร่องรองๆ การแปลผิดความหมายนั้นก็เป็นกันได้ แต่ถ้ามากเกินไปก็ไม่ไหว การสับแบ่งวรรคตอนใหม่นี่ที่จริงก็ไม่น่าทำ เรื่องการเลือกใช้ถ้อยคำนั้นเป็นอัตวิสัยครับ ไม่วิจารณ์ สรุปแล้ว ถ้ามีการละเว้นไม่แปลในส่วนที่ต้องแปลแล้วละก็ หนังสือเล่มนี้ใช้ไม่ได้ครับ สงสัยต้องติดตามไปหาต้นฉบับจริงมาอ่านเสียแล้ว จะได้วิจารณ์ถนัดถนี่หน่อย จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 18 ม.ค. 47 13:56:40 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ตามเข้าไปในเวปเฟย์เห็นมีตัวอย่างหนังสือและบทแปลตรงบทนำก็ลองอ่านดู แค่ย่อหน้าแรกก็พบว่ามีความแตกต่างระหว่างการแปลกับต้นฉบับ ตรงที่ ต้นฉบับบอกว่า then few atrocities แต่ว่าบทแปลแปลว่าทั้งสิ้น ดูที่คัดมา The chronicle of humankind's cruelty to fellow humans is a long and sorry tale. But if it is true that even in such horror tales there are degrees of ruthlessness, then few atrocities in world history compare in intensity and scale to the Rape of Nanking during World War II. ฉบับแปลไทย โดย ฉัตรนคร องคสิงห์ คำนำของ 'ไอริส จาง' บันทีกเรื่องราวเหี้ยมโหดที่มนุษย์กระทำต่อกันล้วนเป็นเรื่องน่าเศร้า แต่กระนั้น หากจะนำความอำมหิตรุนแรงโหดร้ายน่าสะพรึงกลัวที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ตอนอื่นๆ มาเปรียบเทียบกับการสังหารโหดชาวนานกิง ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ ๒ แล้ว เรื่องอื่นๆ ยังนับว่าเป็นรองอยู่มากทั้งสิ้น .......................................................................... เคยอ่านแต่ต้นฉบับไม่ได้มีฉบับแปลอยู่ในมือก็เลยไม่รู้จะเทียบอย่างไร แต่โดยทั่วไปแล้วจะแปลให้มันเข้มข้นมีรสชาติเกินต้นฉบับก็คิดว่าไม่ควรเสียทีเดียวโดยเฉพาะเรื่องแบบนี้ที่ค่อนข้างจะเซนซิทีฟ จากคุณ : lilymay - [ 18 ม.ค. 47 15:31:19 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เอ ต้นฉบับเขาว่ามันยังมีอีกหลายเรื่องที่เหี้ยมพอๆกัน แต่ทำไมคนแปลท่านไปยกตำแหน่งแชมเปี้ยนให้เรื่องที่นานกิงเสียแล้ว ผมว่าอย่างนี้คนแปลท่านแปลเกินนะ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 18 ม.ค. 47 21:12:50 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เข้ามาธุสวัสดีก่อนค่ะ ได้เห็นชื่อของหลาย ๆ คนแล้วตื่นเต้นจัง เพราะว่าแอบรู้จักข้างเดียวมานานแล้ว เอิ๊กส์ ๆๆ ^^ ไอซ์ขอบคุณ คุณบูมเมอร์ อยู่เสมอเลยค่ะ จำได้ว่าเคยมา ตั้งกระทู้ในห้องนี้เมื่อนานมาแล้ว ((จำไม่ได้แล้วว่าถามอะไรไป แหะ ๆๆ)) แล้วคุณบูมเมอร์ก็เข้ามาตอบให้ละเอียดมากเลย ช่วยชีวิต ไอซ์ไปอีกวัน อิอิ คุณ Pee Kay ที่ตอบกระทู้ให้ความรู้มากมาย คุณ tansy ที่น่ารักมาก ๆ ก๊ากก ไอซ์ยังเป็น hay fever อยู่เลยนะคะ กิกิ คุณลุงแอ๊ด ((ขออนุญาตเรียกลุงตามคนอื่น ๆ ได้ไหมคะ? แฮ่ ๆๆ)) ที่เห็นหน้าเห็นตากันมาหลายห้อง เพิ่งรู้ว่าลุงแอ๊ดอารมณ์ละเมียด ละไมก็ตอนได้อ่านแปลเพลงเป็นกลอนในห้องถนนฯ นั่นล่ะค่ะ คุณ lilymay นี่ไอซ์ก็เคยตามลิงก์ไปอ่านกระทู้เรื่องการจะเป็น นักแปลด้วย .... แหะ ๆ รู้สึกเหมือนตัวเองทำตัวเป็น stalker เลยแฮะ ก๊ากกก ... ขอเผ่นไปดูหนังก่อนนะคะ กลับมาแล้วจะมาขอแสดงความคิดเห็น เพิ่มเติมบ้างค่ะ ^^ จากคุณ : Clear Ice - [ 18 ม.ค. 47 21:15:18 ]

ความคิดเห็นที่ 17 จะรอฟังความเห็นเพิ่มเติมจากเจ้าของกระทู้ก่อน แต่ตอนนี้ เกิดอาการชักคันๆ แล้ว vb vb vb จากคุณ : o;] - [ 18 ม.ค. 47 21:23:56 A:203.156.73.212 X: ]

ความคิดเห็นที่ 18 เอาความคิดเห็นคุณ Clear Ice จากกระทู้เก่ามาประกอบความเห็นด้วยค่ะ ... คุณ friend คะ ส่วนตัวแล้ว ไอซ์คิดว่าคนที่ไม่ได้อ่านละเอียด แล้วเอามาวิจารณ์สับเป็นส่วน ๆ นั้น บอกว่ารู้จริงไม่ได้หรอกค่ะ ขาดจรรยาบรรณของนักวิจารณ์อีกต่างหาก ((แต่ผู้เขียนบทความ บอกว่าแค่ออกคคห. นิ อิอิ)) เคยคุยกับนักวิจารณ์จริง ๆ เค้าจะ บอกเสมอว่า จะวิจารณ์งานแต่ละชิ้นให้ได้โดยไม่มีความลำเอียง และละเอียดลออนั้น ยกตัวอย่างเช่น งานเขียน นักวิจารณ์ท่านนั้น อ่านอย่างละเอียดสามรอบค่ะ โฮ่ ๆๆๆ และท่านนั้นก็เป็นนักวิจารณ์ ที่ไอซ์นับถือเสียด้วยสิคะ ส่วนตัวแล้ว อ่านแล้วชอบใจในความคิดเห็นละเอียดในบางจุด แต่ไม่ "ทึ่ง" ค่ะ เพราะแค่จับจุดมาพูด ๆ น่ะ ใคร ๆ ก็ทำได้ค่ะ ... ไม่ได้ยากหรอก หุหุ ขอบคุณที่เอาบทความที่ "น่าสนใจ" มาฝากค่ะ แต่ส่วนตัวแล้ว ไม่คิดว่า เป็นบทความที่ "ดี" เท่าไหร่ง่ะ เป็นความคิดเห็นส่วนตัว ของผู้เขียนบทความเท่านั้นเอง เป็นการ "ตีความ" ของผู้เขียน บทความน่ะค่ะ ... ความคิดส่วนตัวค่ะ ^^ จากคุณ : นิว - [ 18 ม.ค. 47 21:43:28 A:169.210.28.176 X: ]

ความคิดเห็นที่ 19 ก๊ากกกก คุณ Clear Ice เป็น stalker ? อพิโธ่ อพิถัง stalker เก่งๆสวยๆน่ารักอย่างนี้ขอให้มีอีกเยอะๆ ฮ่าๆๆๆๆ ที่ห้องนี้เคยมี stalker ตัวจริงสิงอยู่นะ จะบอกให้ ไม่ได้เจอน่ะดีแล้ว ถ้าเจอแล้วจะหนาว บรื๋ออออออ นี่เห็นสบถสาบานว่าจะไม่เข้ามาที่นี่เพราะเกลียดระบบบัตรผ่าน ป้าแกขยับๆ แบบนี้แสดงว่าเดี๋ยวต้องมีใครหัวร้างข้างแตกกันบ้าง เผ่นดีกว่า จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 18 ม.ค. 47 21:49:01 ]

ความคิดเห็นที่ 20 คุณไอซ์ค่ะ ดิฉันเคยอ่านต้นฉบับก่อนด้วยความชอบและได้เป็นเจ้าของฉบับแปลโดยบังเอิญค่ะ (เพราะสามีซื้อมา) ดิฉันถึงทึ่งและเห็นด้วยกับข้อความในเว็บคุณเฟย์หลายประการ ในแง่การแปลความหมายในภาษาจากต้นฉบับ ไม่ใช่การตีความเอาตามใจชอบนะคะ (ตีความกับการแปลต่างกัน คุณนักแปลจะใช้คำอย่างไร เป็นอัตวิสัยอย่างคุณแอ็ดปากเกร็ดบอกค่ะ) แต่ก็มองผ่าน คิดว่าเราคิดอยู่คนเดียว ดิฉันถึงอุกอาจพูดคุยตามประสา บ่นแบบ คนไม่คิดอะไรนะคะ ก็ขอโทษด้วยในกระทู้นั้น แต่ดิฉันก็ยังคิดเหมือนเดิมค่ะว่า การเป็นผู้เสียสตังค์ซื้อหนังสือ ภาระอยู่กับคนจ่ายเงิน ผู้บริโภคฝ่ายเดียว ใครมารับผิดชอบคนอ่านละค่ะ สำนักพิมพ์หรือ? ดิฉันถึงต้องคิดมากหน่อย ถ้าซื้อหนังสือแปลในบ้านเราสมัยนี้ ภาระตกอยู่กับผู้ซื้อมาก จะว่าไม่คิดอะไรเลย ยกประโยชน์ให้ผู้ผลิตฝ่ายเดียว ก็กระไรอยู่ แต่คิดได้เลยค่ะ ว่าผู้อ่านอย่างดิฉันโง่(พูดตรง ไม่ได้ประชดนะค่ะ ดิฉันแค่แม่บ้าน) ซื้อหนังสือเพื่อเสพตลอดเวลานะคะ ดังนั้นอะไรที่คิดว่าดีก็ซื้อ ดิฉันต้องขอบคุณค่ะว่า เรื่องนี้ทำให้มองโลกใหม่ หันไปอ่านต้นฉบับถ้าอ่านได้ และอ่านหนังสือแปลถ้าพอใจจะซื้อ ขอบคุณค่ะที่ให้โอกาสให้แสดงความเห็นที่ต่างไป จากคุณ : friend - [ 18 ม.ค. 47 22:10:53 A:203.151.227.91 X: ]

ความคิดเห็นที่ 21 อีกอย่างหนึ่งค่ะ รับรองในฐานะผู้เสียสตังค์ซื้อหนังสือแปลมาสม่ำเสมอ เวลาคนซื้อหนังสือ ซื้อเพราะอยากอ่านเนื้อหาของนักเขียนค่ะ ไม่ใช่นักแปล ดิฉันคงแก่แล้ว พูดอะไรตรงไปตรงมาพอสมควร อย่าถือสานะคะ ด้วยความเคารพทุกคนในที่นี้ค่ะ จากคุณ : friend - [ 18 ม.ค. 47 22:43:38 A:203.151.227.91 X: ]

ความคิดเห็นที่ 22 คุณข้างบนน่ะ อยากขอบคุณมากเลยที่นำข้อความดีๆมาฝาก เป็นบทวิจารณ์ที่ดีนะ แต่ผิดกาละเทศะไปหน่อย ตอนนี้ทู้นี้เขาคุยอะไรกัน เขาแนะนำหนังสือดีกันอยู่ แล้วคุณโผล่มาพูดเรื่องอะไรไม่รู้เนี่ย มันก็นเป็นประโยชน์นะ แต่มันไม่เห็นเกี่ยวกับที่เขาคุยกันอยู่เลย ถ้าไม่แนะนำหนังสือก็ไม่เป็นไรหรอก แต่อย่าเอาเรื่องที่ไม่เกี่ยวมาแทรกเลย เรื่องแบบนี้น่าจะอยู่ที่ห้องรวมพลนักแปลมากกว่า ปากก็บอกไม่ซีเรียส แต่สำนวนน้ำเสียงคุณเหน็บอย่างแรงเลยนะ ตลกน่ะ นักแปลบ้านเราก็เข้าใจนะ แต่นักอ่านบางจำพวกก็น่าสงสารซะจริง ถ้าไม่รู้จะบอกให้ การแปลมีหลายประเภท ไม่จำเป็นต้องแปลให้มันครบทุกเม็ดเหมือนต้นฉบับเป๊ะ ขึ้นอยู่กับต้นฉบับ วัฒนธรรมของภาษาปลายทางด้วย จะแปลครบความหรือถอดความ ก็ถือว่าแปลเหมือนกัน มันมีหลายปัจจัยน่ะคุณ ถ้าไม่กระจ่างโปรดหาข้อมูลเพิ่มเติมเอง เข้ากุเกิ้ลแล้วเสิร์ชชื่อ Newmark เจ้าพ่อแห่งศาสตร์การแปล ทำความเข้าใจเสียหน่อย เห็นมาเยอะแล้ว อ่านเป็นตั้ง คิดว่าแตกฉาก พอลงมือแปล ไปแทบไม่รอดสักคน การอ่านให้ตัวเองรู้เรื่องคนเดียวนะ ไม่ได้เสี้ยวความยากของการถ่ายทอดให้เป็นภาษาที่คนทั่วไปเข้าใจได้ภายในเนื้อที่อันจำกัดหรอกนะคุณ สรุปว่าไม่ได้อยากเข้าข้างใคร แต่รำคาญพวกความเห็นที่ล่อเป้าไม่เข้าประเด็น ไม่อยากเห็นทู้ที่เขาถ้อยทีถ้อยอาศัยกันมานานต้องกระดำกระด่าง ก็เลยต้องออกมาพูดหน่อย เท่านี้ละ สวัสดี จากคุณ : คนที่ตามอ่านมานาน - [ 17 ม.ค. 47 22:55:54 A:203.145.14.180 X: ] ผมเป็นบ่าง...ตามไปอ่านลิ๊งค์แล้วสะดุดกับความเห็นนี้เลยก็อบมาฝากกัน ไม่ได้อ่านทั้งเล่มแปลและเล่มจริง จึงไม่อาจหาญวิจารณ์ใครได้ แต่นึกถึงเมื่อเกือบชาติที่แล้วที่ผมเปิดเหตุเรื่องหนังสือแปลในห้องนี้ จนมีไม้หน้าสามออกมาปลิวกันว่อน ไปละคร้าบ ไปเล่นแฟนตาซีเทนนิสดีฝ่า จากคุณ : โทเมอิ - [ 18 ม.ค. 47 22:50:37 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ข้อคิดอย่างหนึ่งเกี่ยวกับการแปลหนังสือเพื่อตีพิมพ์.....เมื่อสมัยก่อน ตนเองเคยคิดอยากแปลหนังสืออังกฤษ-ไทยเพื่อตีพิมพ์....แต่สมัยก่อนมันติดต่อยังไงก็ได้รับการตีพิมพ์ง่ายๆ ....แต่ก็ไม่พยายามมากนักเพราะถึงมั่นใจว่าอ่านต้นฉบับได้แตกฉาน แต่ก็ยังแปลออกมาไม่ค่อยได้เรื่อง.......... หลังจากทำงานแปลกับบริษัทแปลมานาน ก็คิดว่าตัวเองอินทรีย์แก่กล้าขึ้น ก็เลยอยากลองติดต่อสำนักพิมพ์ใหม่ สมัยนี้ (เห็นเขาว่า) ติดต่อง่าย....(ไม่ต้องใช้เส้น) ......ไม่รู้เท็จจริงเป็นไง....??? ไม่กล้าแสดงความคิดเห็น.......แต่ตัวเองติดต่อไม่เคยได้เลย......??? แต่รู้ใหมว่าอะไรเกิดขึ้นในใจตัวเอง .....คือ globalization ที่รวดเร็วมาก ทำให้ตัวเองเห็นเอกสารที่แปลทุกวัน (งานบริษัทแปล) มีเรื่องอะไรที๋ซับซ้อนมากๆจนบางทีหลีกเลี่ยงที่จะแปลผิดแทบจะไม่ได้ ...และครั้นเมื่อลองจับหนังสือภาษาอังกฤษที่มาใหม่ในร้านหนังสืออ่านดูผ่านๆตาก็พบว่ามีเรื่องราวอะไรและมีศัทพ์ใหม่ๆเกิดขึ้นจนคิดว่า ถ้าตัวเองไปรับงานแปลจากสำนักพิมพ์แล้วต้องแปลอะไรก็ได้ที่เขายื่นมา ก็คิดแบบ "ใจไม่ค่อยกล้าเสี่ยง" ว่า ไม่เอาดีกว่า ....ก็เลยเลือกเฉพาะหนังสือที่ตนเองชอบและอ่านจบแล้ว และยื่นให้สำนักพิมพ์เขาขอลิขสิทธิ์มาให้เราแปล แต่ก็ขอไม่ได้ซักที.....เขาว่าบางทีใช้เวลาเดือนเดียว, 2-3เดือนหรือหลายปี.......แต่ถ้าจะให้แปลเรื่องอะไรที่สำนักพิมพ์ได้ลิขสิทธิ์มาแล้ว คือไปขอเขามาแปลดะไปหมด ขอบอกตรงๆว่า "ไม่กล้าเสี่ยง" เว้นเสียแต่จะมี e-mail ของผู้ประพันธ์ให้เราเขียนไปถามเรื่องที่เราไม่เข้าใจ ......ดังนั้นจนป่านนี้ เมื่อรอลิขสิทธิ์ที่ขอไป ก็ยังไม่ได้แปลเพื่อตีพิมพ์ซักกะเล่ม ......แล้วทีนี้ขอย้อนกลับไปพูดเรื่องคนที่แปลให้สำนักพิมพ์แบบ "นักแปลไม่เลือกหนังสือเองนะ" ......ถ้าจะแปลแบบไม่เลือก หากนักแปลไม่อิททรีย์แก่กล้าพอแล้ว รับรองว่าเนื่องจากสถานการณ์โลกและเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การแปลหนังสือดะทุกเล่ม คงต้องเจอของแข็งบ่อยๆ....และถ้ามีใครเอานักแปลไปวิจารณ์ ชื่อเสียงที่สร้างสมมาคงหายไปในพริบตา ...... ดังนั้นจึงเป็น dilemma คือ ถ้าจะแปลส่งสำนักพิมพ์เป็นอาชีพ แบบขอลิขสิทธิ์เฉพาะเรื่องที่เราชอบและมั่นใจ ก็บางทีขอไม่ได้ หรือทำเป็นงาน full time ไม่ได้.....เนื่องจากจำนวนเล่มมีน้อย... แต่ถ้าจะแปลต่อเนื่องคือมีหนังสือใหม่อะไรเข้ามาก็แปลดะไปหมด ก็คงต้องเสียงต่อการแปลผิด....(ใครอยากมีชื่อเสียงก็ต้องเดิมพันว่าตัวเองอินทรีย์แก่กล้าแค่ไหนกัน ซึ่งก็นับว่ายุติธรรม)....!!! ... จากคุณ : tansy - [ 19 ม.ค. 47 00:01:46 A:203.170.229.241 X: ]

ความคิดเห็นที่ 24 ตามความคิดเห็นของตนเองจากการพบปะคนไทยในตลาดงานที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษมานับไม่ถ้วน ตนเองลงความเห็นว่า "ในขณะนี้มีคนไทยเพียงไม่กี่คนเท่านั้น (แบบนับตัวคนได้เลย) ที่อินทรีย์แก่กล้าพอที่จะแปลดะได้เกือบทุกสาขา" การที่มีนักแปลผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด มันเกิดจากการที่คนหลายๆคนเข้าใจผิด หลงคิดว่าตัวเองอ่านภาษาอังกฤษแล้วเข้าใจ แต่จริงๆแล้วในภาษาอังกฤษ มันมีรูปประโยคและลีลาการเขียนหลายระดับชั้นมากๆ ซึ่งนักแปล (ที่น่าสงสาร) เหล่านั้น แทบจะไม่รู้เลยว่าพวกเขา จริงๆแล้วยังอ่านต้นฉบับไม่รู้เรื่องเสียด้วยซ้ำไป......และทักษะเท่าที่พวกเขามีอยู่ ไม่ใช่แต่จะต้องใช้เวลาแค่ 2-3 ปีเพื่อเรียนรู้เพิ่มเท่านั้น แต่บางทีอาจต้องใช้ 5 ปีหรือมากกว่านั้นเพื่อที่จะเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มให้เก่งพอก่อนที่จะเข้ามาจับงานแปล .............บางทีการที่มีใครไปชี้ทางสว่างให้นักแปลที่ประเมินความสามารถของตนเองสูงเกินไปแบบนี้ มันยิ่งทำให้พวกเขางงใหญ่ว่า จนอาจถึงกับย้อนออกมาได้ว่า "เอ็งพูดเรื่องอะไรกันวะ...???" จนถึงกับว่า ในขณะนี้ (เหตุการณ์นี้เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นานใน yumpasa) มีนักแปลมาบ่นว่า "หวาดผวาว่าจะถูกประจานบนเว็บว่าแปลผิด.....ทำไมทำร้ายจิตใจกัน ทำไมไม่ให้กำลังใจคนทำงานกัน" ..... คำตอบก็คือ: "คุณมีความรู้สึกเช่นนั้นก็เพราะว่าคุณอาจหาญเข้ามาทำงานแปลเพื่อต้องการประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงเร็วเกินไป จริงๆแล้วคุณควรเป็นนักอ่านที่ดีให้หลายๆปีมากกว่านี้ก่อน ให้อินทรีย์แก่กล้าแล้วจึงค่อยมาแปล ปัญหาก็จะหมดไป" จากคุณ : tansy - [ 19 ม.ค. 47 00:03:11 A:203.170.229.241 X: ]

ความคิดเห็นที่ 25 การที่มีคนเองผลงานไปวิจารณ์บนเว็บมีสาเหตุหลายประการคือ 1. นักวิจารณ์ชอบอ่านหนังสือกำลังภายใน ชอบท้าดวลกับจอมยุทธ์ที่ดำรงตำแหน่งยอดฝีมืออยู่ เพื่อชิงตำแหน่งในยุทธภพการแปล 2. คนวิจารณ์รักหนังสือเล่มนั้นโดยเป็นการส่วนตัว 3. ติเพื่อก่อด้วยความบริสุทธิ์ใจ 4. ติเพื่อทำลาย (อาจเป็นคู่แข่งคอยจับผิดอยู่) 5. เป็นคนที่อยากแปลหนังสือแต่ติดต่อสำนักพิมพ์แล้วไม่ได้แปลซักที ก็เลยคิดว่าจะแปลเองแจกฟรีบนเว็บ ถึงมีเวลาและมีเงินพอ แต่ก็ติดขัดตรงที่ว่า จะโดนเจ้าของลิขสิทธิ์เขามาฟ้องเอา ดังนั้นการนำผลงานคนอื่นมาวิจารณ์จึงเป็นการแก้ความคันไม้คันมือของผู้ที่คิดว่าแปลได้ดีกว่านักแปลที่มีอยู่มากมายในท้องตลาด แต่เขาติดต่อสำนักพิมพ์ทีไรก็ไม่ได้แปลซักกะที ก็เลยหาทางมีส่วนร่วมกิจกรรมการแปล โดยการ "แปลใหม่" และชี้ข้อผิดพลาดของนักแปลที่กำลังดังอยู่...มันก็เป็นความสุขใจชนิดหนึ่ง ..... ยอมรับว่า ตนเองจัดอยู่ในประเภทที่ 5. แต่ที่ยังไม่เอาผลงานใครมาชำแหละและวิจารณ์บนเว็บก็เพราะว่า "มันเสียเวลาโดยไม่ได้เงิน.....!!!!!" ....สู้เอาเวลาไปแปลงานให้บริษัทแปลดีกว่า แปลเสร็จเขาโอนเงินเข้าบัญชีภายใน 1-2 วัน ไม่ต้องรอเป็นเดือนๆเหมือนแปลให้สำนักพิมพ์........แต่ก็ไม่แน่นะ ถ้าช่วงไหนเงินเหลือใช้แล้ว และยื่นเรื่องขอลิขสิทธิ์หนังสือไม่ได้ซักเล่มหนึ่ง.... ก็อาจนำผลงานนักแปลท่านอื่นมาชำแหละบนเว็บตัวเองบ้างก็ได้ .......ก็ทำไมล่ะ ทีคนอื่นยังได้ตีพิมพ์ ...ถ้าตัวเองขนาดจะแปลให้ฟรียังจะโดยฟ้อง ทำไมจะนำผลงานคนอื่นมาวิจารณ์ไม่ได้ ถ้าวิจารณ์แบบไม่ลำเอียง......มันแก้คันไม้คันมือ และมันเป็นยาแก้อาการซึมเศร้า ที่เกิดจากการติดต่อสำนักพิมพ์แล้วไม่ได้แปล ซักที... ขอบคุณ อินเตอร์เน็ต ที่ทำให้ทุกคนมีปากกา (= คอมพิวเตอร์) เป็นอาวุธอยู่ในมือเท่าๆกัน ......ไม่ใช่บางคนมีสำนักพิมพ์เป็นกระบอกเสียง คอยสนับสนุนอยู่ คนอื่นเขาไม่มีเขาก็ตายสิ แจ้งเกิดไม่ได้เลย....!!!....เอาไว้ถ้าทั่วโลกเปลี่ยนระบบใหม่ ให้คนเล่นเน็ตทุกคนต้องเสีย 1 cent ต่อทุกหน้าเว็บที่เปิดได้ สำนักพิมพ์กับนักแปลหรือนักเขียนที่แจ้งเกิดได้จะหนาว.....เพราะยังมีคนที่มีความสามารถอีกมากมายหลายล้านคน ที่แจ้งเกิดไม่ได้ ก็จะแจ้งเกิดได้หมดโดยอาศัยอินเตอร์เน็ต โหหน้าละ 1 cent ถ้าคนอ่านเยอะๆนะ ไม่ต้องไปรอรับเงินจากสำนักพิมพ์เลย......สังคมของโลกจะได้อ่านงานเขียนดีๆเป็นจำนวนมาก เพราะนักเขียนหรือนักแปลจะแจ้งเกิดได้ โดยให้ประชากรของโลกตัดสิน ไม่ใช่ให้คนเพียงคนเดียวหรือ 2-3 คนในสำนักพิมพ์ทำการตัดสิน ว่าควรแจ้งเกิดได้หรือไม่....?! จากคุณ : tansy - [ 19 ม.ค. 47 00:04:32 A:203.170.229.241 X: ]

ความคิดเห็นที่ 26 แก้คำผิดใน คคห 23 "......แต่สมัยก่อนมันติดต่อยังไงก็ได้รับการตีพิมพ์ง่ายๆ......" แก้เป็น "......แต่สมัยก่อนมันติดต่อยังไงก็ไม่ได้รับการตีพิมพ์ง่ายๆ ........" ศัทพ์ แก้เป็น ศัพท์; "อิททรีย์" แก้เป็น "อินทรีย์" จากคุณ : tansy - [ 19 ม.ค. 47 00:13:01 A:203.170.229.241 X: ]

ความคิดเห็นที่ 27 ว่าแล้วว่าเห็นสีนี้ต้องมาเป็นชุด ฮ่าๆๆๆ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 19 ม.ค. 47 01:28:39 ]

ความคิดเห็นที่ 28 อ่านความเห็นของคุณไอซ์ที่คุณนิวยกมาแปะ (หรือมีความเห็นของคุณนิวเองผสมด้วยคะ) ความเห็นของคุณคนที่ตามอ่านมานาน ที่คุณโทเมอิยกมาแปะแล้ว พูดได้แต่ว่า เฮ้อ.. เฮ้อ.. เฮ้ออออออออออ.. เฮ้อ..นะคะ คิดไปคิดมายังเสียดายเงินสองร้อยบาทที่ไปซื้อไอ้หนังสือแปล(แย่ๆ)เล่มนั้นมาไม่หายเลยนะเจงๆ คุณแท่น เขียนเว้นวรรค ขึ้นย่อหน้าให้อ่านง่ายกว่านี้หน่อยได้มั้ยอ่ะ ลายตาเจงๆ ยิ่งตีหนึ่งตีสองยังงี้ด้วย เอ่อ... ตามประสาคนชอบตีความนะ ครือว่าประโยคนี้นะ ไม่แน่ใจสักเท่าไรว่ามันตีความได้อย่างนี้หรือเปล่า <<สรุปว่าไม่ได้อยากเข้าข้างใคร แต่รำคาญพวกความเห็นที่ล่อเป้าไม่เข้าประเด็น ไม่อยากเห็นทู้ที่เขาถ้อยทีถ้อยอาศัยกันมานานต้องกระดำกระด่าง ก็เลยต้องออกมาพูดหน่อย >> คือตึความได้ว่า <กระทู้นี้ ชมได้อย่างเดียว ห้ามติ ห้ามวิจารณ์เด็ดขาด ห้ามมีความเห็นแตกต่างไปจากคนอื่น หากมีความเห็นที่แตกต่างไป กรุณาไปตั้งกระทู้เอง> อ่ะป่ะ หรือเขาหมายถึงอย่างอื่นอ่า..... หาววววววววววววววววววววววววววววว Zzzzzzzzzzzzzzz แล้วอ่ะ จากคุณ : o;] - [ 19 ม.ค. 47 02:00:28 A:203.156.76.22 X: ]

ความคิดเห็นที่ 29 กลับเข้ามาแล้วค่ะ อิอิ ไปดูเรื่อง The last samurai มา ชอบมากกกค่ะ ((นอกเรื่องเล็กน้อย โปรดอภัยค่ะ)) ขอตอบแบบรวม ๆ ก็แล้วกันนะคะ ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่า เชื่อใจค่ะว่าภาษาอังกฤษของคุณ Fay ผู้เขียนบทความนั้นดี และไอซ์เองก็เป็นแฟนเวปของคุณเฟย์ เหมือนกันค่ะ ได้เสียตังส์เพราะอ่านความคิดเห็นของคุณเฟย์ จนกระเป๋าเบาอยู่ เอิ๊กส์ ๆๆ แล้วก็ต้องขอบอกความคิดเห็น และความเชื่อส่วนตัวว่า การจะวิจารณ์งานอะไรนั้น ไอซ์เชื่อว่า ผู้วิจารณ์ควรจะอ่าน งานชิ้นนั้นอย่างละเอียดลออก่อนน่ะค่ะ ส่วนตัวนะคะ ((ย้ำ)) ว่า เมื่อได้อ่านตอนแรกว่าผู้เขียนบทความไม่ได้อ่าน ฉบับแปลโดยละเอียดแล้ว ไอซ์จึงไม่คิดว่า บทความนั้นได้รับ ข้อมูลมาอย่างสมบูรณ์ ไอซ์จึงได้บอกว่า เป็นบทความที่ "น่าสนใจ" แต่ไม่ขอบอกว่า "ดี" เพราะตัวไอซ์เองก็ไม่ได้รับข้อมูล มาพอที่จะให้ความคิดเห็นอย่างสมบูรณ์ได้เช่นกัน ((ขอเชิญคุณนิว ไปอ่านคคห. ที่ 54 และอ่านคคห.ในกระทู้ นั้นโดยละเอียด จะเข้าใจว่า ทำไมไอซ์ถึงตอบไปอย่างนั้นนะคะ ไม่ได้คิดจะชวนใครทะเลาะหรอกค่ะ แต่นั่นก็เป็นความคิดเห็น ส่วนตัวของไอซ์เอง ที่ไม่เห็นด้วย ไม่มีใครผิดหรือถูกไม่ใช่หรือคะ? ต่างคนต่างก็มีความคิดเห็นของตัวเอง โลกนี้ถึงได้หลากหลาย)) เชื่อว่าผู้แปลหนังสือคงจะไม่โกรธคุณเฟย์หรอกค่ะ และเห็นด้วยว่า น่าจะขอบคุณเธอด้วยซ้ำ ที่ชี้ข้อบกพร่องที่เห็นได้ ((ถ้าเป็นไอซ์ ไอซ์คงจะดีใจค่ะ ที่มีคนมาชี้ให้เห็นข้อบกพร่องที่สามารถนำเอาไป แก้ไขได้อย่างนี้)) ไอซ์เห็นด้วยกับคุณเฟย์ในจุดที่ว่า การแปลผิด แปลตก แปลพลาด นี้ เป็นความผิดของ ผู้แปล บก.ผู้ดูแล และสนพ. โดยตรง ไม่มีข้อ แก้ตัวเลยค่ะ แต่จุดที่กลายเป็นข้อถกเถียงขึ้นมา ตามความเข้าใจของไอซ์ก็คือ เรื่อง "น้ำเสียง" ของผู้แปล ในกระทู้ข้างบนนั้น ไอซ์อ่านแล้วได้บอกอย่างกลาง ๆ ไปว่า คิดว่า น่าจะขึ้นอยู่กับการ "ตีความ" ของผู้แปลหรือเปล่า "ย้ำ" อีกครั้งว่า ไม่ได้อ่านทั้งต้นฉบับ ไม่ได้อ่านหนังสือแปล ได้แต่อ่านบทความ ข้างบนเท่านั้นเอง เลยให้ความคิดเห็นเป็นกลาง ๆ ว่า มันเป็นไปได้ ที่ว่า ผู้แปลอ่านหนังสือเล่มนั้นแล้ว รับรู้สึกถึงอารมณ์ของเรื่องว่า เป็นอย่างนั้น ยกตัวอย่างเช่น ... อืม นาย A และนาย B เป็นผู้มีความรู้ทางด้าน ภาษาอังกฤษเท่ากัน แต่พื้นฐานประสบการณ์ต่างกัน อ่านหนังสือ เล่มเดียวกัน ย่อมเป็นไปได้ว่า จะมีการตีความทางด้านอารมณ์ ต่างกัน และถ้าให้นาย A และ B มาแปลหนังสือเล่มนั้น ฉบับแปล ย่อมจะต่างกันแน่นอน ... จะบอกได้หรือคะว่า นาย A หรือ นาย B แปลผิด "น้ำเสียง" ของต้นฉบับ?? ((อ่านแล้วงงไหมคะเนี่ย แหะ ๆ)) ... แปะก่อน เดี๋ยวหาย จากคุณ : Clear Ice - [ 19 ม.ค. 47 02:36:57 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ขออนุญาตตอบความคิดเห็นของคุณ friend ในคคห.ที่ 20 นิดนะคะ ตรงที่บอกว่า "การเป็นผู้เสียสตังค์ซื้อหนังสือภาระอยู่กับคนจ่ายเงิน ผู้บริโภคฝ่าย เดียว ใครมารับผิดชอบคนอ่านละค่ะสำนักพิมพ์หรือ?" อืม ... อันนี้ไอซ์ขอออกความคิดเห็นอย่างนี้ค่ะ ส่วนตัวแล้วคิดว่า "ผู้แปล" คือ ผู้ที่ทางสนพ. ให้ความไว้วางใจให้มา "ถ่ายทอด" งานเขียนต้นฉบับ ผู้บริโภคมี "สิทธิ" ที่จะ "เลือก" ว่าจะซื้องานแปลชิ้นนั้น ๆ หรือเปล่า เมื่อซื้อมาอ่าน ก็น่าจะแปลว่า ผู้บริโภค ตัดสินใจ ให้ความไว้วางใจ ผู้แปล และสนพ.นั้นว่า จะถ่ายทอดงานออกมาได้ตรงอย่างที่สุด คำถามที่ว่า ใครจะมารับผิดชอบคนอ่านนั้น ... ไอซ์ขอไม่ตอบ อยากให้ลองพิจารณากันนะคะ ส่วนตัวแล้ว ไอซ์เองเนี่ย ไม่อ่านหนังสือแปลอะค่ะ อย่างที่ได้ให้ คคห. ไปก่อนหน้าที่แล้ว เหมือนเด็กเล่นเกมส์พรายกระซิบกัน สมมตินะคะ งานชิ้นหนึ่ง ต้นฉบับเป็นภาษาสเปน ได้รับการแปล มาเป็นภาษาอังกฤษ แล้วต้นฉบับภาษาอังกฤษก็ได้รับการแปลเป็น ภาษาไทย ... ลองคิดเล่น ๆ ว่า ต้นฉบับภาษาไทยนั้น ได้รับการแปล กลับเป็นภาษาอังกฤษ แล้วกลับไปเป็นภาษาสเปนอีกรอบ ... ไอซ์เชื่อง่ะค่ะว่า ผู้แต่งเรื่องคนแรกมาอ่านแล้ว จำไม่ได้แน่นอน การแปล ก็เหมือนกับการถ่ายทอด มันไม่มีทางถ่ายทอดออกมา ได้ตรงเป๊ะ ๆ หรอกง่ะ ดังนั้นไอซ์จึงบอกกับใครต่อใครอยู่เสมอว่า ถ้าอยากเป็นผู้ตีความ คนแรก และได้ข้อมูลที่ถูกต้องที่สุดแล้ว ก็อ่านจากต้นฉบับภาษา เดิมนั่นล่ะค่ะ จะดีที่สุด เกือบลืมบอกว่า ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะคุณ friend ไอซ์ถือว่า มาคุย แสดงความคิดเห็นกันอะค่ะ ไอซ์เองก็เป็นคนพูดตรง เหมือนกัน บางทีก็อาจจะแรงไปบ้าง ถ้าทำให้ระคายใจ ก็ต้องขอโทษด้วยเช่นกันนะคะ ^^ ........ ขำ คุณบ่างโทเมอิ และก็คุณ o;] ((ไอซ์ยังอ่านชื่อไม่ออกเลยค่ะ ฮือ ๆๆ)) ก๊ากกกกก ... ไอซ์เชื่อว่าในเวปบอร์ดน่ะ ต่างคนต่างมีเสรีที่จะให้ ความคิดเห็นน่ะค่ะ ไม่อยากให้อ่านคคห. นั้นคคห. เดียวแล้ว "ตีความ" กระทู้ ไปเป็นอย่างนั้นเลยจริง ๆ อยากจะขอเชิญไปอ่าน คคห. ของผู้ร่วมกระทู้โดยละเอียดสักนิด ถ้ามีเวลา ไอซ์เชื่อว่า จะได้เห็นว่า ผู้ร่วมกระทู้ส่วนใหญ่ ยอมรับความคิดเห็นทุกอย่าง อยู่แล้วล่ะค่ะ ... เนี่ยล่ะค่ะ ไอซ์ถึงบอกว่า ไม่ชอบการ "ตัด" เอามา "สับ" ไงคะ ถึงได้เชื่อเสมอว่าจะ "ตีความ" อะไรให้ถูกต้องน่ะ ควรจะได้อ่าน ทุกอย่างโดยละเอียดก่อน ... กิกิ ย้อนกลับไปตอนต้นอีกรอบและ ฮี่ ๆๆ ....... แปะก่อนอีก แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 47 02:48:02 จากคุณ : Clear Ice - [ 19 ม.ค. 47 02:43:49 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ขอคุยกับคุณ tansy ต่อบ้าง ... ที่บอกว่าสนพ.ติดต่อง่ายนั้น ขอชูจั๊กกะแร้ว่า ไม่คิดว่าจริงเลยง่ะ เอิ๊กส์ ๆๆ ตัวไอซ์เองนั้น ก็มีหนังสือที่อ่านแล้ว คิดอยากจะแปลอยู่หลายเล่มเหมือนกัน แต่เสนอไปทีไร ลิขสิทธิ์มันก็หายแว๊บไปแล้วทุกทีให้ช้ำใจ กาซิก ๆ เพราะฉะนั้น ไม่คิดว่าง่ายจริง ๆ ค่ะ ไอซ์เห็นด้วยตรงที่ว่า "นักแปลควรจะเป็นผู้เลือกหนังสือ" เองอะค่ะ เพราะตัวผู้แปลเองจะเป็นคนที่ทราบดีที่สุดว่า ตีความจากต้นฉบับ ได้กระจ่างขนาดไหน และมั่นใจพอที่จะถ่ายทอดออกมาได้หรือเปล่า ตัวไอซ์เองเพิ่งรับงานแปลนิยายเล่มแรกมา ก่อนจะรับ ไอซ์บอกกับ บก. ก่อนเลยว่า ขออ่านดูก่อนค่ะ ถ้ามั่นใจแล้วถึงจะรับ ไม่ได้หยิ่งหรือว่าอะไร ((ออกจะโนเนมขนาดนี้)) แต่ว่าอยากจะ แน่ใจก่อนว่า ฝีมือที่มีอยู่นี้ แปลได้ใกล้เคียงต้นฉบับมากที่สุด ... มีหลายเล่มค่ะ ที่ไอซ์อ่านแล้วชอบ มั่นใจว่า อ่านได้แตกฉาน แต่ถ้าให้แปล สงสัยตายอยู่ตรงนั้นเลยชัวร์ ๆ ไม่งั้นจะมีหรือคะว่า นักแปลเก่ง กับ นักแปลไม่เก่งเท่า แต่ในความเป็นจริงแล้ว จะมีนักแปลกี่คนคะ ที่สามารถเลือก หนังสือได้? ... นี่สงสัยจริง ๆ นะคะเนี่ย ... .............. ไอซ์เองน่ะ ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับผู้แปล ต้นฉบับ หรือผู้เขียนบทความเลยสักนิดเดียว ดังนั้นเลยอยากจะย้ำว่า สิ่งที่เขียนลงไป เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของตัวเอง โดยที่ไม่ได้ ลำเอียงไปข้างไหนทั้งนั้นล่ะค่ะ และตัวไอซ์เองนี่ก็คงจะไม่ไปซื้อหนังสือเล่มนี้ฉบับแปลมาอ่าน อยู่แล้ว ถ้าจะซื้อก็คงจะซื้อฉบับภาษาอังกฤษมาอ่านล่ะค่ะ เพราะแม้ว่าภาษาอังกฤษของไอซ์ อาจจะไม่แตกฉานเหมือนกับ เจ้าของภาษา แต่ถ้าทำได้ก็ขอ "เลือก" ที่จะเป็น "ผู้ตีความ" คนแรก เหมือนอย่างที่ผ่าน ๆ มา ^^ ขอน้อมขอบคุณทุกความคิดเห็น ที่ได้เข้ามาพูดคุย ถกเถียงกัน เปิดโลกทัศน์ให้กว้างขวางขึ้นอย่างนี้นะคะ เงยหน้าขึ้นไปอ่านอีกรอบ แล้วก็เห็นว่า ประเด็นมันแยะเหลือเกินแฮะ เอิ๊กส์ ๆ ^^" แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 47 03:12:14 จากคุณ : Clear Ice - [ 19 ม.ค. 47 03:08:52 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ขอสรุปจุดที่ไอซ์อ่านบทความแล้วสงสัย เลยอยากได้ความ คิดเห็นก็คือ ในส่วนของ "น้ำเสียงในฉบับแปล" จากบทความ ของคุณเฟย์น่ะค่ะ ((ส่วนอื่น ๆ ขอไม่เอ่ยถึงนะคะ เพราะอย่างที่บอกไปแล้วว่า การแปลขาด แปลผิด ฯลฯ เป็นความผิดโดยไม่มีข้อโต้แย้ง)) .............. จากย่อหน้าแรกที่ไอซ์สนใจก็คือ "อารมณ์ในการอ่าน" น่ะค่ะ จุดนี้ถือว่าเป็นความผิดในแง่ของการแปลหนังสือแค่ไหนคะ? อย่างที่เขียนไว้ข้างบนว่า คนอ่านสองคนที่มีความรู้ด้านภาษา อังกฤษเท่ากัน แต่พื้นฐานของคนต่างกัน อ่านหนังสือเล่มเดียวกัน มันก็เป็นไปได้ว่า "อารมณ์ในการอ่าน" ผิดกัน ... จริง ๆ แล้ว ส่วนตัวอดคิดไม่ได้ว่า เอ .. มันยากที่จะบอกว่าใครถูกใครผิดนะ สมมติว่า งานแปลชิ้นหนึ่งนั้น แปลตามความหมายได้ถูกต้องทั้งหมด ไม่มีตกไม่มีขาด แต่ว่า "อารมณ์ในการอ่าน" อาจจะไม่เหมือนกับ ตอนที่อ่านต้นฉบับเป๊ะ ๆ นี่ พอยอมรับกันได้ถึงระดับไหน? หนังสือหนึ่งเล่ม คนอ่านสองคน อ่านแล้วตีความทางอารมณ์ต่างกันนี่ ในแง่ของการแปลซีเรียสระดับไหนคะ? ^^ จากคุณ : Clear Ice - [ 19 ม.ค. 47 03:40:21 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ไม่ทราบว่าตามอ่านกระทู้ต้นเหตุทุกคนหรือไม่ เลยนำความเห็นคุณเฟรนด์มาให้ดูด้วย ฟังความหลายๆ ข้างละกันนะคะ #28 วันนี้เจอความเห็นน่าสนใจเกี่ยวกับการแปล http://www.faylicity.com/book/book1/nankingth.html เอามาฝาก #34 เห็นด้วยค่ะควรอ่านต้นฉบับถ้าอ่านได้ คุณไอซ์ทำให้อึ้งกิ่มกี่กับการแปลในประเทศเราถ้า บอกว่าการแปลขึ้นอยู่กับ"การตีความทางอารมณ์ของนักแปล" ดิฉันนึกว่าขึ้นกับนักเขียน อารมณ์ของต้นฉบับเสียตั้งนาน ส่วนสำนักพิมพ์พอจะเข้าใจคะเพราะโทษได้เต็มๆ อยู่แล้ว โชคดีนะคะที่อ่านต้นฉบับพอออก เลยซื้อต้นฉบับเลยเพราะหนังสือแปลเดี๋ยวนี้ราคาเกือบเท่าต้นฉบับ #54 คุณไอซ์ค่ะ เจ้าของเว็บนั้นบอกว่า "จากการอ่านเพียงบางตอน แต่ไม่ได้อ่านทุกหน้า" "แต่วิจารณ์ออกมาได้เป็นฉาก ๆ" ตามที่คุณไอซ์กล่าวเป็นลำดับต่อมา ดิฉันอ่านบทความนั้นจบสองรอบ ถึงทึ่งค่ะว่าขนาดคนที่ เป็นนักอ่านเข้าใจในภาษาแต่ไม่เคยแปลเป็นอาชีพ ยังแยกแยะได้ละเอียด ชัดเจนมีเหตุผล ถูกต้องในภาษา จนสามารถหยิบยกความหมายมาอธิบายให้ดูนี้ ก็ต้องดีใจค่ะที่เขาอ่านไม่ละเอียด ไม่งั้นคงเห็นจรรณยาบรรณมากกันกว่านี้ ดิฉันเห็นจะอายเองแทนนักเขียนนะค่ะ ขนาดตัวเองเป็นนักอ่านแท้ๆ ไม่ซีเรียสกันค่ะ เอาบทความดีๆมาฝากเท่านั้นเอง เพราะเข้าใจนักแปลพอสมควรในบ้านเราค่ะ #63 การชวนอ่านบทความเกี่ยวกับหนังสือนี้ผิดกาละเทศะหรือค่ะ ดิฉันคิดว่าการแสดงความเห็นออกมา ถึงต่างกันไม่น่าแปลกค่ะ น่าจะเป็นวัฒนธรรมที่น้อมรับกันได้ โดยเฉพาะกระทู้นี้เห็นคุยเรื่องหนังสือตลอด ดิฉันเองก็ตามอ่านกระทู้นี้บ่อย ทุกครั้งที่มีโอกาสเปิดเน็ตเพราะชอบในหนังสือ ถ้าผิดกาละเทศะคงเป็นเพราะดิฉันลืมค่ะว่าในนี้มีนักแปลอยู่ด้วย และผิดที่ดิฉันไม่ได้ตอบเป็นประจำในนี้ เลยกลายเป็นกวนน้ำให้ขุ่น ตอนแรกแค่ตั้งใจจะคุยเรื่อง Boxset ค่ะ สะสมไว้หลายชุด แต่อ่านที่คุณไอซ์แปะไม่ทัน เลยเข้ามาทักแบบผิดแนวไปมั้งคะ ถ้าดิฉันแสดงวาจาเหน็บแนม ขอโทษด้วยค่ะ ยังไงเสียยืนยันว่าไม่ซีเรียสค่ะ เรื่องนักแปลไกลตัวดิฉันค่ะ ดิฉันเป็นแค่นักอ่าน และคิดว่าเป็นนักอ่านที่มีเหตุมีผลพอสมควร ลาแล้วล่ะค่ะ ไม่เป็นไร สวัสดี คือถ้าอ่านแต่ต้นจะเห็นว่าคนในทู้ได้พยายามเบี่ยงประเด็นกลับเข้าสู่การแนะนำหนังสือบ๊อกเซ็ทแล้ว แต่คุณเฟรนด์ก็ยังคงติดใจอยู่ ที่สำคัญดิฉันว่าเธอใช้คำพูดไม่ค่อยลื่นหูเลย โดยเฉพาะที่ว่า "เพราะเข้าใจนักแปลพอสมควรในบ้านเราค่ะ" "ถ้าผิดกาละเทศะคงเป็นเพราะดิฉันลืมค่ะว่าในนี้มีนักแปลอยู่ด้วย" อ่านแล้วไม่น่ารักเลยค่ะ ดิฉันอ่านแล้วขนาดตัวเองไม่เกี่ยวอะไรด้วยยังอดสะอึกนิดๆไม่ได้ เพราะดิฉันรู้สึกว่าคนในกระทู้พูดดีกับคุณเฟรนด์มากทีเดียว ไม่รู้ว่าคุณหมายถึงคุณมณฑารัตน์หรือเปล่านะ แต่เท่าที่ดูเธอก็ตอบสุภาพ คุณไอซ์ก็สุภาพ ซึ่งแม้คุณเฟรนด์จะตอบมาแบบนี้แต่ทุกคนก็ยังอยากให้คุณเฟรนด์มาร่วมทู้ ดิฉันไม่ทราบนะคะว่าุคณเคยเจอนักแปลที่แย่ขนาดไหนมา แต่สองท่านนี้ดิฉันว่าเธอมีน้ำใจมากๆ กับชาวพันทิบ ทั้งเรื่องหนังสือและการแปล พูดแบบนี้สงสารเธอนะคะ ดิฉันเองถ้าเจอแบบนี้ก็คงอดท้อไม่ได้ ส่วนตัวดิฉันว่าคุณเฟรนด์มาแปลกอยู่เหมือนกัน คือมันเหมือนคนกลุ่มนึงเขาคุยเรื่องนึงกันอยู่ แล้วมีคนไปคาดคั้นถามในสิ่งที่ค่อนข้างนอกเรื่องในตอนนั้น แต่ไม่คิดมาก คิดว่าคงอยากเสนอบทความที่น่าสนใจจริงๆ และเธอก็ยืนยันว่าแค่เสนอความเห็นที่ต่างไป(แม้จะไม่เกี่ยวกับเรื่องเท่าไหร่ก็ตาม) แต่พออ่านท่อนนี้ "ตอนแรกแค่ตั้งใจจะคุยเรื่อง Boxset ค่ะ สะสมไว้หลายชุด แต่อ่านที่คุณไอซ์แปะไม่ทัน เลยเข้ามาทักแบบผิดแนวไปมั้งคะ" บอกตามตรงว่าคิดตามแล้วงงน่ะค่ะ มันทะแม่งอย่างไรไม่ทราบ ปกติฉันอ่านไม่ทันก็จะอ่านช้าๆ จะไม่หาทางออกโดยการแทรกลิงค์นอกเรื่องลงไปแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ถือว่ากระทู้ยังอยู่อีกนาน ค่อยๆอ่านให้เข้า่ใจแล้วแปะความเห็นที่เป็นประโยชน์ดีกว่า คงไม่น่าสายเกินไป สรุปดิฉันว่าที่เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาน่าจะมาจากน้ำเสียงในการคุยกันแล้วละค่ะ คงไม่ใช่แค่เรื่องแปลผิดแปลถูกอย่างเดียว เป็นคนรักการอ่านเหมือนกัน คุยกันด้วยความใจเย็นดีกว่านะคะ อย่าทะเลาะกันด้วยเรื่องน้ำผึ้งหยดเดียวเลย ปล. คุณแอ๊ดคะ ไม่ได้คุยกันนาน สบายดีนะคะ ยังตามอ่านตลอดแต่ไม่ค่อยได้แปะความเห็น รักษาสุขภาพด้วยค่ะ จากคุณ : พิม - [ 19 ม.ค. 47 09:26:44 A:203.145.14.72 X: ]

ความคิดเห็นที่ 34 ที่คุณ Clear Ice บอกว่า "...ขอคุยกับคุณ tansy ต่อบ้าง ... ที่บอกว่าสนพ.ติดต่อง่ายนั้น ขอชูจั๊กกะแร้ว่า ไม่คิดว่าจริงเลยง่ะ เอิ๊กส์ ๆๆ ....." ตอบว่า จริงๆแล้วพิมพ์ผิด ตั้งใจจะพิมพ์ว่า "......แต่สมัยก่อนมันติดต่อยังไงก็ไม่ได้รับการตีพิมพ์ง่ายๆ ........" (แก้ไว้แล้วในคคห26) แต่ฟุ้งซ่านเพราะเจองานยากแล้วทำไม่ทัน..ก็เลยพิมพ์ไว้คลายเครียดจน เละเทะ อ่านลำบาก (แบบที่เจ๊ o;] ติ) ขอโทษด้วย..... แต่เรื่อง "การตีความด้วยอารมณ์ที่แตกต่างกัน" ตามที่คุณ Clear Ice พูดนั้น ถ้าหมายถึงหนังสือ The Rape of Nanking แล้ว......ตามความคิดเห็นของตนเองก็คือ หากว่าคำแปลเป็นเช่นนั้นจริงๆตามที่คุณ fay วิจารณ์ ก็ต้องถือว่า เมื่อพิจารณาถึง การแปลของนักแปลผู้นั้น น่าจะพูดได้ว่า "ใช้ภาษาไทยเก่งลื่นไหล" แต่ "The ability to convey the subtle nuances of meaning of each word." ของนักแปลผู้นั้นยังไม่ดีพอ.....คือแปลแล้วคลาดเคลื่อนไปจากเจตนารมย์ของผู้ประพันธ์ (นั่นคือส่วนที่ใช้อารมณ์) แต่ส่วนที่เป็น critical errors ของผู้แปล มีความน่าจะเป็นไปได้ 2 ทางคือ 1 เป็น blunders จริงๆคือสัพเพร่าจริงๆ 2 ผู้แปลไม่รู้ภาษาอังกฤษอย่างแตกฉานจริงๆแต่อาศัยภาษาไทยที่ลื่นไหลของตัวเองมาแต่งเรื่องใหม่เพื่อให้ได้คำแปลที่งดงาม....... วิธีพิสูจน์มีอยู่ แต่โชคดีเป็นของนักแปล เพราะคงไม่มีสำนักพิมพ์ที่ไหนบ้าพอที่จะทำ.....ทำได้ง่ายคือ ....หาหนังสืออีกเล่มหนึ่งที่มีความยากง่ายในระดับเดียวกันมา 1 เล่มแต่ 2 copies เอา 1 copy ให้ฝรั่งเจ้าของภาษา อีก 1 copy ให้นักแปล แล้วนั่งใกล้ๆกันคุยกัน ให้ฝรั่งเปิดทั้งเล่มกระโดดไปกระโดดมา พอเจอข้อความที่คนซึ่งไม่ใช่เจ้าของภาษาน่าจะตีความผิดพลาดได้ ก็ให้ฝรั่งลองภูมินักแปลโดยการถามให้นักแปลอธิบายว่าเขาเข้าใจว่าอย่างไร......แล้วจดบันทึกไว้ว่า นักแปลตีความผิดพลาดกี่แห่งต่อคำถามกี่คำถาม (ในขณะที่ถามยอมให้นักแปลใช้ดิกชั่นนารี ทั้งเป็นเล่ม, เป็นซอฟต์แวร์และใช้คอมพิวเตอร์หาความหมายของคำในอินเตอร์เน็ตได้...หรือถ้านักแปลอาจหาญมาให้ทดสอบมือเปล่าโดยไม่มีดิกไม่มีคอมฯ ก็ให้คะแนนพิเศษเพิ่ม) ......แค่นี้ก็รู้ดำรู้แดงกันแล้ว...... ถ้าสำนักพิมพ์ทุกแห่งทำการ screen นักแปลด้วยวิธีการเช่นนี้ ก็จะเป็นการจัดลำดับนักแปลได้อย่างถูกต้องเหมือนที่ยุทธภพของจีนจัดอันดับนักวรยุทธ์ (ในหนังสือจีนหรือหนังจีน) .....ส่วนความสละสลวยของภาษาไทย เมื่อหนังสือตีพิมพ์ออกไป ผู้อ่านชาวไทยทั้งประเทศจะตัดสินได้.......หากสำนักพิมพ์ทุกแห่งเห็นความสำคัญของการแก้ไขปัญหาในการแปลผิด แล้ว screen นักแปลแบบนี้ นักแปลที่เก่งๆหลายคนที่ยังแจ้งเกิดไม่ได้ ก็จะแจ้งเกิดได้ ส่วนนักแปลที่ enjoy ชื่อเสียงมานานทั้งๆที่แปลผิดเพียบเลย ก็จะค่อยๆหายไปจากท้องตลาดการแปล เพื่อกลับไปเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมใหม่ ก่อนที่จะกลับมาแปลใหม่หรือหันไปเลี้ยงกุ้งกุลาดำแทน...... การที่สำนักพิมพ์มีที่ปรึกษาเป็นฝรั่งที่เก่งมาช่วย จะทำให้นักแปลสามารถแปลหนังสือได้มากประเภทด้วย นั่นก็คือเมื่อผ่านการทดสอบไปแล้ว หากในขณะแปลติดขัดตรงไหนก็ยังขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญฝรั่งได้ด้วย....... จากคุณ : tansy - [ 19 ม.ค. 47 10:04:44 A:202.129.0.164 X: ]

ความคิดเห็นที่ 35 คุณไอซ์คะ มาขอแย้งในประเด็นหลักค่ะ <อย่างที่เขียนไว้ข้างบนว่า คนอ่านสองคนที่มีความรู้ด้านภาษา อังกฤษเท่ากัน แต่พื้นฐานของคนต่างกัน อ่านหนังสือเล่มเดียวกัน มันก็เป็นไปได้ว่า "อารมณ์ในการอ่าน" ผิดกัน ... จริง ๆ แล้ว ส่วนตัวอดคิดไม่ได้ว่า เอ .. มันยากที่จะบอกว่าใครถูกใครผิดนะ สมมติว่า งานแปลชิ้นหนึ่งนั้น แปลตามความหมายได้ถูกต้องทั้งหมด ไม่มีตกไม่มีขาด แต่ว่า "อารมณ์ในการอ่าน" อาจจะไม่เหมือนกับ ตอนที่อ่านต้นฉบับเป๊ะ ๆ นี่ พอยอมรับกันได้ถึงระดับไหน?> >> รับได้ในระดับว่าเป็น "imprecise precision" ค่ะ นักแปลสามารถ "ดิ้น" ได้ในการเลือก "คำ" มาใช้ (อย่างที่คุณกล่าวไว้) แต่ไม่สามารถ "ดิ้น" และ "เลือก" อารมณ์ของตัวเองมาใช้ แก่นของหนังสือ หรือนวนิยายหนึ่งเล่ม คือ "อารมณ์" ของหนังสือเล่มนั้นว่าพยายามถ่ายทอดอะไรมาให้คนอ่าน ว่ากันง่ายๆ ว่า หนังสือ "ก" เขียนเกี่ยวกับเซกซ์ที่สวยงาม แต่คนแปลกลับอ่านแล้วได้อารมณ์ว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับ เซกซ์ลามก จึงแปลออกมาในแนวนั้น - ถูก หรือ ผิด ทั้งๆ ที่เกี่ยวกับเซกซ์เหมือนกัน ????? คนอ่านยังสมควรที่จะให้เครดิตกับผู้แปลหรือไม่ ??? การแปลให้ดี คนแปล "ควรจะ" เข้าให้ถึงคนเขียน ไม่ใช่จะบอกว่า ก็ไม่ใช่คนเขียนนี่ จะไปอ่านใจเขาออกได้ยังไง ความท้าทายมันอยู่ที่ จะตีโจทย์แตกหรือไม่ ถ้าตีโจทย์ไม่แตก ต่อให้ภาษาที่ใช้สวยงามเพียงใด มันก็ไร้ค่าค่ะ (อาจอ่านสนุก เพราะลื่นไหล) ส่วนที่คุณพิมเขียนมานั้น เข้าใจว่าคงสื่อให้อิฉันแน่นอน(หรือไม่แน่ vb vb vb) อยากจะขอพูดว่า หากใครสักคนคิดจะกระโจนเข้าสู่วงการน้ำหมึก แล้วทนต่อเสียงนกเสียงกาเสียงพูดตรงๆ เสียงวิจารณ์ไม่ได้ ก็อย่าเข้ามาเลยค่ะ เพราะใครคนนั้นอาจลืมไปว่า เมื่อได้เก็บเกี่ยวเม็ดเงินจากสาธารณะชนแล้ว คนเหล่านั้นก็ย่อมมีสิทธิมีเสียงกับสินค้าของเขาได้ และการที่มี"น้ำใจ" มากหลายนั้น มันเกี่ยวอะไรกับผลงานล่ะคะ หรือเพราะมีการ "ถนอม" น้ำใจกันเช่นนี้ จึงส่งผลให้มาตรฐานการแปลไม่ได้มาตรฐานเท่าที่ควร หรือเปล่า?? ใครก็ตาม หากคิดจะส่งผลิตภัณฑ์สู่สาธารณะ สมควรจะร้องเพลงของเนสกาแฟให้ติดปากค่ะ open your eyes, open your ears, open up your mind. สิ่งที่คุณ friend พลาดไป ก็คือเธอนำเสนอในสิ่งที่เธอคิดว่า "น่าสนใจ" สำหรับนักอ่าน "ผิด" กลุ่ม และ "ผิด" กระทู้ ก็เท่านั้นเอง จากคุณ : o;] - [ 19 ม.ค. 47 11:38:15 A:203.156.78.147 X: ]

ความคิดเห็นที่ 36 ตอบคุณนวลนะคะ ประการแรกดิฉันพูดโดยรวม แสดงความเห็นตามที่คิด ไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าพูดกับคุณค่ะ ประการที่สอง ดิฉันเห็นใจสองท่านนั้น ในฐานะที่เธอแสดงความเห็นอย่างสุภาพต่อคุณเฟรนด์ แต่ได้รับคำตอบที่ไม่ค่อยลื่นเท่าไหร่ ก็เท่านั้นเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการแปลอะไรเลยค่ะ ดิฉันเชื่อว่าการมีความเห็นต่างกันเป็นเรื่องยอมรับได้ สำคัญต้องพูดกันด้วยความสุภาพ ใครพูดดีมาต้องดีตอบ ดังนั้น ถึงไม่ใช่คุณนักแปล ดิฉันก็ต้องเห็นใจอยู่ดี แต่ดิฉันยกคุณนักแปลขึ้นมา ก็เพราะเห็นเป็นบุคคลที่คุณเฟรนด์เธอพาดพิงถึง น้ำใจที่ว่า หมายถึงน้ำใจตอบคำถามด้วยมิตรจิตอันดีในฐานะมนุษย์คนนึง ช่วยกันตอบข้อสงสัยเวลามีใครใคร่ถามเรื่องหนังสือหรือการแปล เหมือนกับที่ขาประจำในห้องรวมพลนี้ทำอยู่ ไม่ใช่เพราะเธอมีน้ำใจแปลหนังสือให้เราได้อ่านกัน กรุณาอย่าเอามาเหมารวมกันค่ะ ขอเรียนอีกครั้งนะคะว่าความพลาดของคุณเฟรนด์ไม่ใช่เรื่องแปะทู้ผิดที่ผิดทาง แต่เป็นเรื่องน้ำเสียงเสียมากกว่า ดิฉันเป็นคนตรง ชอบให้คุยกันแบบตรงไปตรงมา เลยไม่ค่อยชอบใจกับการตอบของคุณเฟรนด์เท่าไหร่ ถ้าใช้น้ำเสีียงแบบนี้ตอบกระทู้ห้องอื่นๆ หรือไม่ว่าจะตอบตรงประเด็นแค่ไหน ดิฉันก็จะยังคงไม่ชอบอยู่ดี อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะคะ พูดรวมๆค่ะ ไม่ได้เฉพาะเจาะจงถึงใคร :) : โดยส่วนตัวดิฉันเองไม่ค่อยเชื่อเรื่องดาราเป็นคนของสาธารณะชนเท่าไหร่ รู้สึกว่ามันเป็นความคิดของคนพวกเดียวที่มีอาชีพขายข่าวคนอื่นมากกว่า เพราะที่บ้านดิฉันสอนว่า คนทุกคนมีหัวมีหัวใจ ดารานักร้องเขาขายงานให้เรา เราจ่ายเงินซื้อ แต่อย่าลืมว่าเขาใช้ความสามารถแลกมาเหมือนกัน ไม่ได้แบมือขอเงินเราฟรีๆ ขนาดคนงานที่บ้านดิฉัน ดิฉันก็พูดด้วยดีไม่เคยจิกว่าหรือโขกสับ หากจะตำหนิก็ไม่ทำต่อหน้าผู้คน จะว่าไป งานใดๆก็ล้วนได้เงินจากลูกค้าทั้งนั้นไม่ใช่เหรอคะ มีบริษัทไหนบ้างที่รายได้ไม่ได้มาจากลูกค้าอย่างเราๆ ดังนั้น ถ้าดิฉันจะวิจารณ์ใครก็ด้วยเหตุผลที่เกี่ยวข้องกับผู้นั้นโดยตรง ไม่เกี่ยวว่าเขาเป็นคนของประชาชนหรือไม่ และทุกอาชีพล้วนมีผิดพลาด เอาอะไรมาแบ่งคะว่าอาชีพนี้ต่อว่าในที่สาธารณะได้ แต่อีกอาชีพต่อว่าในที่สาธารณะไม่ได้ ในเมื่อแต่ละคนก็คือคนทำงานเท่าเทียมกัน เป็นไปได้มั้ยที่จะคิดใหม่ทำใหม่ เปลี่ยนความเชื่อเดิมๆเสีย แล้วหันมาพูดคุยกันโดยไม่ลืมว่าคนอื่นเขาก็มีหัวใจเหมือนเรา อันนี้เสนอเล่นๆนะคะ เข้าใจว่าคงทำได้ยาก ท้ายนี้ขอย้ำีอกครั้งละกันนะคะว่า ตำหนิได้ค่ะ แต่ต้องด้วยคำพูดที่สุภาพตรงไปตรงมา ติเพื่อก่อ ไม่ต้องอะไรมากค่ะ ใช้ความอ่อนโยนในใจก็พอแล้ว ถนอมน้ำใจแต่ไม่ใช่โอ๋กันจนเหลิง ไม่เหมือนกันนะคะ กรุณาเข้าใจด้วย ดิฉันชาวพุทธ เชื่อในวจีกรรมค่ะ ใครท่านไหนจะไม่เชื่อก็สุดแล้วแต่ กรรมใครกรรมมันค่ะ จากคุณ : พิม - [ 19 ม.ค. 47 13:13:12 A:203.145.14.22 X: ]

ความคิดเห็นที่ 37 ผมตาม link ไปอ่านแล้วครับ แต่ไม่ได้อ่านหนังสือทั้งฉบับแปลและต้นฉบับ เท่าที่อ่านจากการชี้นำของคุณเฟย์ ผมค่อนข้างเห็นด้วยกับเธอครับ เอาเรื่องที่ไม่มีข้อโต้แย้งก่อน งานแปลผิดตกบกพร่องนี่ ผมถือเป็นเรื่องใหญ่เอาการ เพียงแต่ไม่ทราบว่า/นักแปลแปลไม่ครบเอง/ หรือ /แปลครบ สำนักพิมพ์ตัดออก/ หรือ /แปลตก สำนักพิมพ์ตรวจไม่ละเอียด/ หรือ/ต้นฉบับมีหลายเวอร์ชัน/ การที่จะยกจุดนี้ให้เป็นความผิดของนักแปลโดยมิได้คิดถึงตรงนี้ก็เห็นจะเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง และแม้ว่าคุณเฟย์จะออกตัวว่าไม่ได้อ่านทั้งเล่ม แต่ผมไม่คิดว่าเธอจะอ่านลวกๆ ครับ เชื่อว่าความคิดเห็นของเธอเป็นอะไรที่ทุ่มเททำ ทุ่มทุนสร้างอยู่เหมือนกัน เรื่องน้ำเสียงหรืออารมณ์ของงานนั้น ถามว่ารับได้แค่ไหน ก็ควรให้อยู่ในระดับเดียวกับต้นฉบับนะครับ เห็นด้วยกับคุณ o;] ที่ว่า ..นักแปลสามารถ "ดิ้น" ได้ในการเลือก "คำ" มาใช้ (อย่างที่คุณกล่าวไว้) แต่ไม่สามารถ "ดิ้น" และ "เลือก" อารมณ์ของตัวเองมาใช้...(**อันนี้เห็นด้วยมากๆๆ**) และ ...การแปลให้ดี คนแปล "ควรจะ" เข้าให้ถึงคนเขียน ... แม้เราจะบอกว่า ความรู้ ประสบการณ์ หรือการรับรู้ของคนเรานั้นต่างกัน ทำให้จับอะไรบางอย่างออกมาได้ไม่เท่ากัน แต่ตรงนี้แหละครับ ที่รวมเรียกว่า ความสามารถ หรือความเหมาะสมที่จะทำงานชิ้นนี้ ส่วนเรื่องการชำแหละประโยค การแปลตัวอย่างเพียงบางส่วน ทำได้ง่ายกว่าการแปลทั้งหมด อันนี้เข้าใจดีครับในฐานะของคนที่รู้จักและเคยใช้บริการนักแปลหลายระดับ กระทู้ยาวชวนสับสน ถ้าหลงประเด็นไป ขออภัยนะครับ จากคุณ : พ่อโปรเจ็กต์ - [ 19 ม.ค. 47 14:20:12 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เข้ามาอีกทีกระทู้นี้ไปไหนๆแล้ว เรื่องอื่นจะไม่พูดภึง แต่เรื่องนานกิงนี้มันเป็นปัญหาพะอิดพะอมระหว่างชาติอยู่เหมือนกัน เหมือนกับปัญหา "ผู้หญิง สนองสุข- comfort women" ที่เกิดในเกาหลีและฟิลิปปินส์โดยญี่ปุ่นสมัยโน้น ความที่มันเป็นเรื่องความผิดในอดีต จะเอามาเจรจากันในปัจจุบันก็น่าจะทำด้วยความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ในหนังสือต้นฉบับผู้เขียนเขียนไว้เป็นกลางมากอยู่ ดังนั้นผู้แปลก็น่าจะสืบเจตนาคนเขียนด้วยประการฉะนี้ อย่างที่พูดไว้ว่าไม่ได้อ่านฉบับแปล เห็นแค่บทนำนั้นก็พูดได้แค่นั้นเอง เห็นเหมือนกับคุณนวลว่า คำแปลนะมันดิ้นกันได้ แต่ว่าความนัยที่สื่อหรืออารมณ์น่าจะรักษาของผู้เขียนไว้ โดยเฉพาะงานที่ไม่ใช่นวนิยายแต่เป็นเรื่องประวัติศาสตร์ที่กระทบกระเทือนหลายๆฝ่ายอย่างเรื่องนี้ จากคุณ : lilymay - [ 19 ม.ค. 47 18:39:03 ]

ความคิดเห็นที่ 39 อรุณสวัสดิ์ค่า ((เวลาลอนดอน - ตื่นสายใกล้เที่ยง แหะ ๆ)) ... ขอบคุณคุณพิมมาก ๆ เลยค่ะ ที่ได้กรุณาเข้าไปอ่านกระทู้โดย ละเอียด ดีใจมาก ๆ ค่ะ ^_____^ ชอบความคิดเห็นของคุณพิมที่บอกว่า "จะวิจารณ์ใครก็ด้วย เหตุผลที่เกี่ยวข้องกับผู้นั้นโดยตรง" ไอซ์คิดอย่างนี้เช่นเดียวกันค่ะ ^^ ... ก๊ากกก ถ้ามีสนพ.ทำแบบที่คุณ tansy มาก็น่าจะสนุกนะคะ แต่ต้องแน่ใจนาว่า ผู้ตัดสินน่ะ มีความรู้ดีกว่านักแปล กริกริ เห็นหลายครั้งแล้วที่ฝรั่งก็เชื่อไม่ได้เสมอไปหรอกค่ะ ว่าจะตีความถูก กรุกรุ เรื่องอารมณ์ในงานเขียน ไอซ์ไม่ได้เจาะจงที่หนังสือเล่มนี้หรอกค่ะ หมายถึงทั่ว ๆ ไปน่ะ ... ขอบคุณคุณนวล และคุณพ่อโปรเจ็กต์ที่เข้ามาให้ความคิดเห็น ด้วยนะคะ เห็นด้วยค่ะที่บอกว่า ..นักแปลสามารถ "ดิ้น" ได้ในการเลือก "คำ" มาใช้ (อย่างที่คุณกล่าวไว้ ((<--- แหะ ๆ ไอซ์คิดว่าตัวเองไม่ได้เจาะจงตรงนี้นะคะ แต่ยกตัวอย่าง จากบทความที่คุณเฟย์เธอได้เขียนมา))) แต่ไม่สามารถ "ดิ้น" และ "เลือก" อารมณ์ของตัวเองมาใช้... เพียงแต่อ่านบทความแล้วอดคิดไม่ได้ว่า บางที่เส้นแบ่งมันตื้นจริง ๆ อย่างเช่นตามที่บทความยกตัวอย่างมา [เขา]ระเบิดออกมาว่า (หน้า 336) ต้นฉบับ he announced ดูแค่ตรงนี้ เพราะเห็นแค่นี้ ไอซ์ดูแล้วคิดว่าใช้ได้ในแง่ของภาษา และความหมาย แต่ก็พูดยากนะคะ ไม่ได้เห็นทั้งประโยคง่ะนะ และ ...การแปลให้ดี คนแปล "ควรจะ" เข้าให้ถึงคนเขียน ... ไอซ์เคยคิดเล่น ๆ น่ะค่ะว่า น่าจะดีนะ ถ้านักแปลได้มีโอกาสคุย กับนักเขียนต้นฉบับ ^^ ............ ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ตอบสั้นไปนิด และจากวันนี้ไป ไอซ์อาจจะ ไม่ได้เข้ามาตอบอะไรยาว ๆ แล้ว ((แต่อาจจะอู้ เข้ามาแอบอ่านเป็น stalker เป็นครั้งคราวเหมือนเดิม กร๊ากกก)) อย่างที่บอกไว้ในกระทู้คุยกันข้างนอก นั่นล่ะค่ะว่า ขอคุยบ้าน้ำลายและอาจจะหายหน้าหายตาไป เพราะว่าวันสอบกระดึ๊บ ๆ เข้ามาใกล้ขึ้นทุกทีแล้วล่ะค่ะ ^^" สำนึกได้ว่า ควรจะไปอ่านหนังสือสอบเสียที ด้วยความหวังว่า มันจะเป็นการสอบครั้งสุดท้ายในชีวิต กร๊ากกกกก ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็น และยินดีที่ได้รู้จักทุก ๆ คนค่ะ ^^ จากคุณ : Clear Ice - [ 19 ม.ค. 47 18:41:19 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ชนกับคุณ lilymay พอดีเลย ขอขอบคุณความคิดเห็นของคุณ lilymay ด้วยนะคะ ไม่เคยอ่านหนังสือเรื่อง "ผู้หญิง สนองสุข - comfort women" เลยค่ะ ว่าที่จริงแล้วอ่านบทความและกระทู้นี้ แล้วนึกถึงหนังสือเรื่อง Good Women of China น่ะค่ะ ไอซ์อ่านจบแล้วชอบค่ะ ตอนอ่านก็รู้สึกว่า ผู้เขียน ((หรือผู้แปลจากภาษาจีนหว่า อ่านนานแล้ว และส่งหนังสือกลับไทยไปแล้วล่ะค่ะ เลยอ้างอิงไม่ได้เลย)) ใช้คำพูดที่เป็นกลาง แต่อ่านหลาย ๆ ตอน อ่านแล้วแล้วเห็นภาพ และหดหู่จริง ๆ ค่ะ ได้ข่าวว่า สนพ. ซื้อลิขสิทธิ์ไปแล้ว สนพ.ไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน เทียบกับเรื่องนี้แล้ว เลยออกจะสนใจเหมือนกันว่า หนังสือแปลจะ ออกมาในแง่ไหน ^^ ......... กรี๊ดดด จะเที่ยงแล้ว ขอตัวไปอ่านหนังสือก่อนขึ้นเขียงต่อล่ะค่า ^^ จากคุณ : Clear Ice - [ 19 ม.ค. 47 18:48:46 ]

ความคิดเห็นที่ 41 เอิ๊ก เอิ๊ก คุณพิมขา ... นี่ละน้า มันพัวพันกัน เกี่ยวเกาะรัดกันเป็นเกลียว เพราะอิฉันไปตีความประโยคนี้ <สรุปว่าไม่ได้อยากเข้าข้างใคร แต่รำคาญพวกความเห็นที่ล่อเป้าไม่เข้าประเด็น ไม่อยากเห็นทู้ที่เขาถ้อยทีถ้อยอาศัยกันมานานต้องกระดำกระด่าง ก็เลยต้องออกมาพูดหน่อย > คุณไอซ์ก็เลยเข้ามาบอกว่า อยากให้ไปอ่านเสียให้ละเอียด ก่อนที่จะตีความเป็นเช่นนั้น อ่ะคราวนี้ คุณพิมก็เอาแต่ความเห็นของคุณ friends มาแปะให้อ่าน โดยจั่วหัวว่า <ไม่ทราบว่าตามอ่านกระทู้ต้นเหตุทุกคนหรือไม่ เลยนำความเห็นคุณเฟรนด์มาให้ดูด้วย ฟังความหลายๆ ข้างละกันนะคะ> แล้วก็ต่อด้วยความเห็นของคุณเองว่า <ที่สำคัญดิฉันว่าเธอใช้คำพูดไม่ค่อยลื่นหูเลย โดยเฉพาะที่ว่า "เพราะเข้าใจนักแปลพอสมควรในบ้านเราค่ะ" "ถ้าผิดกาละเทศะคงเป็นเพราะดิฉันลืมค่ะว่าในนี้มีนักแปลอยู่ด้วย" อ่านแล้วไม่น่ารักเลยค่ะ................."> อิฉันอ่านแล้ว ก็ว่าเหมือนกัน อ่านแล้วไม่น่ารักเลยค่ะ แต่เหตุที่เขียนไม่น่ารัก ขอเดาว่า เพราะโดนความเห็น 57 จวกมาหรือเปล่าคะ หรือว่าเดาผิด :-))))))))) ของมันมีผล มันก็ต้องมีเหตุอ่ะนะคะ ว่ามั้ยคุณพิม แต่ที่คุณยกมาแปะนั้น มันเห็นแต่ผล น้ำใจที่ว่านั้น อิฉันก็ว่าคุณเข้าใจผิดหนา อิฉันไม่ได้เหมารวมว่าเป็นน้ำใจแปลมาให้อ่านกันหรอก เพราะเมื่อออกมาเป็นหนังสือที่มีราคาปกติดอยู่แล้ว อิฉันถือว่าเป็นสินค้าให้ซื้อให้ขายค่ะ และที่พูดถึงในประเด็นก็คือ เพราะมีน้ำใจมาคุย มาตอบ หรือเปล่า รู้จักกันหรือเปล่า ถึง"ถนอม" น้ำใจกัน ซึ่งความจริงก็เป็นสิ่งดี ที่เอาใจเขามาใส่ใจเรา แต่หากในที่นี้ เราพูดถึง "ผลงาน" ทั่วไปกันอยู่ไม่ใช่หรือคะ เรามุ่งไปที่ตัว"คน"กันหรือไร อิฉันก็ยังว่า คุณไม่เข้าใจในเรื่องว่า อะไร คือ สินค้า ที่อิฉันได้พูดไว้ - อิฉันไม่ได้เอ่ยถึง"ตัว" บุคคลเลยนะ คะ อิฉันว่า "เมื่อได้เก็บเกี่ยวเม็ดเงินจากสาธารณะชนแล้ว คนเหล่านั้นก็ย่อมมีสิทธิมีเสียงกับสินค้าของเขาได้" หากเขาวางสินค้า (อันได้แก่ งานแปล งานเขียน งานแสดง) ไว้ในที่สาธารณะ พร้อมจะรับเงินจากคนทั่วไปแล้ว ใครก็ตามที่จ่ายเงินซื้อสินค้าไป ย่อมมีสิทธิจะตำหนิ ทักท้วง กล่าวชมสินค้านั้นได้ ถ้าคนงานของคุณ ทำงานไม่ดี อู้งาน คุณก็ยังตำหนิ เพราะคิดว่าทำงานไม่สมค่าจ้าง แต่คุณยังโชคดี เพราะคุณมีสิทธิจะตัดเงินเดือน หรือเลิกจ้างได้ (แต่ถ้าคุณจะเอาคนงานมาตำหนิในบอร์ดสาธารณะ ก็ย่อมได้ แต่ไม่มีใครรู้เรื่องด้วยหรอกค่ะ เพราะคนงานทำงานให้คุณ ไม่ได้ทำงานให้คนทั่วไป แต่ถ้าเมื่อไร คุณกลายเป็นเจ้าแม่รถเมล์ร่วมบริการเมื่อไร เมื่อนั้น ทั้งบริการของคุณ และของคนงานของคุณ กลายเป็นบริการสาธารณะทันที และคนทั่วไปก็สามารถกล่าวตำหนิ ติเตียน ชื่นชมในบอร์ด ในหนังสือพิมพ์ได้เช่นกัน เห็นด้วยมั้ยคะ .... ) คนซื้อหนังสืออ่าน หรือจ่ายตั๋วดูหนัง ไม่มีสิทธิจะคืนหนังสือ หรือขอเงินคืน ถ้าหนังสือหรือการแสดงออกมาไม่ได้มาตรฐาน สมราคานะคะ ถ้าเกิดมีการรับประกันว่า "หากพบที่แปลผิดเกินยี่สิบแห่งขึ้นไป ยินดีจ่ายเงินคืน" --- เอ่อ ค่อยน่าจ่ายเงิน ลองซื้อมาอ่านให้หมดทุกเล่มนะ ว่ามั้ยคะ เล่มละห้าร้อยก็ซื้อ เอ้า! (แบบเอมเวย์เลย) อ่านความเห็นของคุณแล้ว ทำให้คิดถึงใครสักคน ซึ่งเขียนเข้าต่อว่าอิฉันเมื่อครั้งที่แปะกระทู้ "งานแปล" ว่าไม่เห็นใจคนแปลบ้างเลย เอาเขา (ความจริง เอา"งาน" ของเขาค่ะ) มาเขียนเป็นกระทู้ในบอรด์สาธารณะได้ ทำให้เขาเสียชื่อเสียเสียง (แต่ได้เงินไปเยอะ อิ อิ อิ) เอ่อ.... ไหนๆ คุณก็บอกว่าเป็นคนตรง ชอบคุยแบบตรงไปตรงมาแล้ว อยากถามคุณแบบตรงๆ เหมือนกันค่ะว่า ทำไมคุณถึงเขียนแบบไม่"ถนอม"น้ำใจคุณ friend บ้างเลยล่ะ ทำไมถึงมาต่อว่าคุณ friend ในที่สาธารณะล่ะคะ "ผิด" กลุ่ม เพราะกลุ่มนั้น เขามองคนละมุมกับเธอ "ผิด" กระทู้ เพราะกระทู้นั้น เขาคุยกันเรื่องหนังสือน่าอ่าน ไม่ได้คุยกันเรื่องหนังสือน่าวิจารณ์ แต่ก็แปลกใจนิดๆ ที่ คุณบอกว่า ไม่ผิดที่ผิดทาง แต่คุณคนอ่านมานานบอกว่า ผิดกาละเทศะ ........ อิฉันก็เขียนไปตามที่คิดล่ะนะคะ อ่านเห็นอะไรที่ชัดๆ พอแกะความหมายได้ ก็ว่าไปตามนั้น ไม่ได้เลือกปฏิบัติ เพราะไม่รู้จักใครในกระทู้นั้น ไม่คุ้นชื่อ จะคุ้นก็แต่ชื่อ คุณ "พิม" เพราะเห็นปรากฎในห้องรวมพลบ้างเป็นครั้งเป็นคราว แต่จะเป็นคนๆ เดียวกันหรือไม่ ก็ไม่ทราบได้เช่นกัน คราวนี้ เราก็ออกนอกประเด็นหลักกันไปไกล วกกลับเข้าประเด็นหลักกันดีมั้ยคะ vb vb vb จากคุณ : o;] - [ 19 ม.ค. 47 19:09:12 A:203.156.79.200 X: ]

ความคิดเห็นที่ 42 เจ๊ o;] ขอเอาผลงานของเจ๊ไป reengineer หน่อยนะ...555... "....ถ้าเกิดมีการรับประกันว่า "หากพบที่แปลผิดเกินยี่สิบแห่งขึ้นไป ยินดีจ่ายเงินคืน" --- เอ่อ ค่อยน่าจ่ายเงิน ลองซื้อมาอ่านให้หมดทุกเล่มนะ ว่ามั้ยคะ เล่มละห้าร้อยก็ซื้อ เอ้า! (แบบเอมเวย์เลย).....".... my response: รับประกันแบบนี้ก้อยังไม่ซื้อ....แต่ถ้าแบบข้างล่างอ่ะ ซื้อแน่ๆเลย "....ถ้าเกิดมีการรับประกันว่า "หากพบที่แปลผิดเกิน 10 แห่งขึ้นไป ยินดีจ่ายเงิน 10 เท่าของราคาหน้าปก" --- เอ่อ ค่อยน่าจ่ายเงิน ลองซื้อมาอ่านให้หมดทุกเล่มนะ ว่ามั้ยคะ เล่มละ 2, 000 ได้ยิ่งดี เอ้า! (แบบเอมเวย์เลย).....คราวนี้ได้เปลี่ยนงานใหม่แน่ๆละตู" .......ก๊ากๆๆๆๆๆ all the way......what a lucrative occupation! จากคุณ : tansy - [ 19 ม.ค. 47 20:20:11 A:202.129.0.164 X: ]

ความคิดเห็นที่ 43 เอ้อ ตัวป่วนกลับมาจากฮันนีมูนแล้ว ตัวใครตัวมันนะครับ ห้ามการ์ดตก จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 19 ม.ค. 47 20:28:19 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ตอบคุณ Clear Ice ที่คุณว่า "... ก๊ากกก ถ้ามีสนพ.ทำแบบที่คุณ tansy มาก็น่าจะสนุกนะคะ แต่ต้องแน่ใจนาว่า ผู้ตัดสินน่ะ มีความรู้ดีกว่านักแปล กริกริ เห็นหลายครั้งแล้วที่ฝรั่งก็เชื่อไม่ได้เสมอไปหรอกค่ะ ว่าจะตีความถูก กรุกรุ..." ตอบ: อย่าประมาทนะ ตอนนี้ The Nation มีหนังสือแปลออกมาแล้ว The Nation มี professional journalists ที่เป็นเจ้าของภาษาอังกฤษหลายคน ที่จะ screen นักแปลได้นะ ...กแปลประมาทไม่ได้นะ....อ่ะๆๆๆ .... ทำไปเจ๊ o;], คุณโทเมอิ, คุณ friend และหลายๆคนที่อยากเห็น ส.น.พ. ผลิตหนังสือแปลดีๆออกมา ไม่ระดมกำลังกัน mail ไปหา The Nation ให้เขาทดสอบนักแปลทุกคนก่อนจ้างด้วยวิธีที่ tansy ว่าไว้ใน คคห34 ล่ะ ถ้า The Nation บ้าพอที่จะยอมทำตาม เขาจะแย่งส่วนแบ่งในตลาดจาก ส.น.พ. อื่นๆไปหมดเลย ...แล้วนักแปลค่ายอื่นๆจะต้องเช็ดน้ำตา..555 ...... จากคุณ : tansy - [ 19 ม.ค. 47 20:37:36 A:202.129.0.164 X: ]

ความคิดเห็นที่ 45 "...กแปลประมาทไม่ได้นะ...." แก้เป็น "...นักแปลประมาทไม่ได้นะ...." จากคุณ : tansy - [ 19 ม.ค. 47 20:39:20 A:202.129.0.164 X: ]

ความคิดเห็นที่ 46 ผมเคยอ่านหนังสือ The Beach ภาษาอังกฤษ ก่อนนานแล้ว พอหนังเดอะบีชมามีคนในทัวร์เอาฉบับแปลไทยไปอ่านแล้วยกให้ผม ผมว่างๆ เลยหยิบมาอ่าน ปรากฏว่าเป็นเหมือนการ rewrite และสรุปเรื่องราวใหม่เลย สั้นลง กระชับขึ้น สนุกขึ้น แต่อารมณ์ของหนังสือเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ใครเคยได้อ่านไหมครับ นักแปลใหญ่เลยนะครับนั่น จากคุณ : โทเมอิ - [ 19 ม.ค. 47 20:49:23 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ผมขอแสดงความคิดเห็นเรื่องหนังสือ ในฐานะคนซื้อ คนเสพ ว่าผมต้องการบริโภคงานที่ดี งานมีคุณภาพ ถ้าเกิดงานนั้นไม่ถูกต้อง ไม่เป็นไปตามคุณสมบัติที่ควรจะเป็น ผมว่าในฐานะผู้บริโภคอย่าง ผมมีสิทธิบ่น หรือตำหนิ แถมเมื่อเป็นงานใช้ความคิด งานสมอง การผิดยิ่งแล้วใหญ่ เพราะจะไปสร้างความเข้าใจผิด หรือความรู้ผิดๆ ให้กับคนอื่นที่ได้มาอ่าน เวลาเราไปซื้ออาหาร เจอของบูด ของเสีย เรายังไปต่อว่าแม่ค้าได้ งานแปล "ขาย" ปรุงอาหารให้สมองก็ไม่ต่างกันหรอกนะครับ จากคุณ : โทเมอิ - [ 19 ม.ค. 47 20:59:02 ]

ความคิดเห็นที่ 48 หัดเล่นอินเตอร์เน็ต สนุกตรงได้ออกความเห็นนี่ล่ะคะ ดิฉันคิดว่าดิฉันอ่านทุกคำพูดทุกตอนในกระทู้อย่างละเอียดค่ะ แล้วพูดด้วยถ้อยคำวาจาที่สุภาพ น้อมรับเสมอ ดิฉันว่าตัวเองเขียนชวนคนอื่นไปอ่านเว็บ เพราะจำได้ค่ะว่า ในกระทู้หนังสือของพวกคุณพิม มีการชวนไปอ่านอยู่บ่อยๆ ดิฉันก็ชวน แค่นั้นจริงๆค่ะ เพราะความที่เคยอ่านมาทั้งสองฉบับ ติดใจเป็นการส่วนตัว ไม่ได้มีตั้งใจให้ใครมาแสดงความเห็นเลยค่ะจะคุยเรื่อง Boxset ต่อ ดิฉันไม่ได้แสดงวาจาแสดงความคิดเห็นก่อนแต่ประการใด พิจารณาดูดีๆนะคะ เวลาที่คนในกระทู้นั้นแสดงความคิดกลับ มาเป็นฉากๆ ดิฉันไม่มีสิทธิ์แสดงความเห็นบ้างหรือค่ะ ต้องเงียบอย่างเดียว? พอดิฉันแสดงตอบบ้าง ก็หาว่าดิฉันไม่น่ารัก แต่พวกคุณพูดกลับมาเป็นชุด ดิฉันก็เง็งค่ะ รวมถึงข้อความของคุณ"คนที่ตามอ่านมานาน" นั้นเหน็บนักอ่านทั้งประเทศเลยค่ะว่านักอ่านบางจำพวกช่างเป็นพวกที่น่าสงสาร เพราะบางจำพวกที่ว่าเป็น"นักอ่านที่เสียเงินซื้อ"นะคะ ไม่ได้ รู้หลักในการแปล ไม่ได้รู้อะไรเลย เชื่อว่าหนังสือแปลมีคุณภาพแล้ว สำนักพิมพ์ถึงออกเป็นเล่มขาย คุณพูดอย่างนี้ดิฉันก็อยากแสดงเจตนารมณ์ให้ละเอียด ดิฉันจะทราบไหมค่ะว่าใครเป็นดีกับใครในกระทู้ ใครน่ารักขนาดไหน นี้เป็นเหตุให้ดิฉันกล่าวขอโทษทุกคนในกระทู้นั้น เมื่อทราบว่าตัวเองทำผิดในสังคมกระทู้นั้น ดิฉันยอมรับค่ะถึงขอโทษ เพราะไม่มีความจำเป็นที่ดิฉันต้องขอโทษใคร บนเนื้อที่ในอากาศที่ต่างคนต่างแสดงความเห็นตามอารมณ์ แต่เมื่อมาในกลุ่มผิด ดิฉันก็ขอโทษ นี่แสดงความบริสุทธิ์ใจและรับผิดชอบทางสังคมไหมค่ะ ดิฉันคิดตามสามัญสำนึกค่ะว่า ผู้ที่ผ่านการอ่านมามาก ย่อมมีวัยวุฒิและมีคุณวุฒิเป็นลำดับ ดิฉันจึงไม่คิดมากว่า เป็นเรื่องหนักหนาอะไร แต่สิ่งนี้ทำให้ฉันเรียนรู้วัฒนธรรมทางอินเตอร์เน็ต อย่างหนึ่งค่ะ เรื่องการแสดงความเห็น ก็ต้องขอบคุณอินเตอร์เน็ต และพันทิพมากๆ ห้องนี้ทำให้ดิฉันเรียนรู้มากค่ะว่ายังมีคนอีกมากที่อ่าน เข้าใจในภาษาไทย ตอบมีเหตุมีผล เสริมสร้างปัญญาถกแบบโสเครติสที่ในกระทู้นั้นว่าไว้ เรื่องหนังสือแปลที่คุณเฟย์หยิบยกมาเป็นตัวอย่าง คุณไอซ์แสดงความ เห็นกลับมาก่อนทั้งนั้นเลย ทั้งที่คุณไอซ์บอกว่า ยังไม่ได้อ่านทั้งต้นฉบับและฉบับแปล "ตีความ" จาก คำผู้แปลเองว่าความหมายน่าจะ sensational (ขอยืมคำคุณพัท) ข้อนี้ยิ่งไม่แย่กว่าคุณเฟย์หรือค่ะ ยังไม่ได้อ่านแล้วยังไม่ฟังดิฉันอธิบายบ้างเลย แต่วิจารณ์กลับมาเป็นชุด ชวนดิฉันคุยก่อนทั้งนั้น ดิฉันขออนุญาตสอนด้วยความเบาปัญญาแบบคนแก่นะคะ เราควรรอบคอบคิดให้ถ้วนถี่อ่านให้ละเอียดก่อนค่ะ ก่อนแสดง ความเห็นอะไร ดิฉันเข้าใจว่าคุณเฟย์ (ขอโทษคุณเฟย์ด้วย ที่อ้างอิงบ่อย) อ่านในฐานะนักอ่านเหมือนดิฉัน ไม่ใช่นักวิจารณ์หรือนักแปลนะคะ จะให้เธอลงทุนอ่านละเอียดสองสามรอบทำไม เธอไม่ได้ อะไรจากการณ์นี้ เธอแค่แนะนำหนังสือที่เธอชอบ เห็นฉบับแปลจึงพูดถึง สำนักพิมพ์ไปจ้างเธออ่านที่ไหนล่ะค่ะ ทำไมเธอจะต้องอ่านละเอียด ดิฉันเองอ่านยังไม่ละเอียดพอจะ หยิบยกมาชี้แจงอย่างคุณเฟย์ได้เลย ดิฉันถึงว่าน่าทึ่งสิค่ะ ในตัวอย่างที่เธอหยิบมา นั้นเท่ากับว่าเธอเข้าใจแตกฉาน ในภาษาอังกฤษพอควร หยิบมาแค่นี้ก็เห็นข้อผิดพลาดเต็มไปหมด นี้เราพูดถึง"ความหมาย" ความเข้าใจจากการอ่านภาษาอังกฤษนะคะ ไม่ใช่การใช้คำแสดงอารมณ์เพิ่มเติมไป สิ่งนั้นมันเป็น uncritical error พอทำความเข้าใจได้ในสิ่งที่นักแปลในห้องนี้อธิบายมา เป็น ทิศทางของสำนักพิมพ์หรือการตีความและใช้คำของคนแปล แต่ความหมายไม่ควรผิดมากจากต้นฉบับ จนสร้างความหมายใหม่ให้เนื้อหา หนังสือนะคะ ถ้าคุณเฟย์ยอมอ่านเล่มนั้นละเอียดจนจบ ดิฉันว่านักแปลและสำนักพิมพ์ต้องจ่ายเงินให้เธอค่ะถึงจะคุ้ม เธอไม่ได้อยู่ในธุรกิจหนังสือถึงต้องมาเสียเวลากับเรื่องพวกนี้ ดิฉันคิดเองตามที่ตัวเองเป็นนักอ่านที่มีหนังสือแปลด้วย เห็นมันแย่ ผิดสำเนียง ผู้เขียนเยอะ ทำไมดิฉันต้องทนอ่านให้จบแบบละเอียดล่ะคะ เก็บไว้ดีกว่า อีกประเด็นการแปลผิดพลาดผิดสำเนียง ตัดข้อความ ยกย่อหน้า แบ่งบทเอง อ่านเที่ยวเดียวก็รู้แล้วค่ะว่าผิด ไม่ต้องอ่านแล้วอ่านอีกแบบคนไม่เข้าใจในหลักภาษาค่ะ ต้องเชิญคุณเฟย์กับคุณโอมาออกความเห็นบ้างมั้งค่ะ จะได้กระจ่างขึ้นไม่ใช่ไปตีความความ เห็นของคุณเฟย์อย่างที่ดิฉันและคุณไอซ์ทำตอนนี้ ดิฉันว่าเธอเขียนบทความ ชัดเจนมากในประเด็นและเหตุผลในบทความ เธอคงไม่มีอะไรจะพูด เราถึงมาตีความจากการอ่านกันนี่นะคะ ดิฉันสรุปได้อย่างหนึ่ง เราพูดความเห็นบทบาทต่างกันหมด ความเห็นหนึ่งบทบาทนักอ่านผู้บริโภค ความเห็นหนึ่งบทบาทนักแปล ความเห็นหนึ่งบทบาทผู้เดิอดร้อนแทนผู้ผลิตสำนักพิมพ์ เราพูดกันคนละบทบาท ถูกค่ะคุณไอซ์บอกว่า ผู้บริโภคมี "สิทธิ" ที่จะ "เลือก" ว่าจะซื้องานแปลชิ้นนั้น ๆ หรือเปล่า ดิฉันว่าดิฉันเลือกแล้วค่ะในฐานะผู้บริโภคจากการอ่านกระทู้นี้ (ขอบคุณที่ตั้งเป็นเรื่องราวให้ ทำให้ตกกระไดพลอยโจนพูดต่อ) ขนาดคุณไอซ์ยังไม่เคยอ่านหนังสือแปลเลย ดิฉันก็เลือกจะซื้อหนังสือต้นฉบับล่ะคะ หรือเลือกซื้อหนังสือแปลที่มีคุณภาพจากสำนักพิมพ์ และนักแปลบางจำพวกที่ไว้ใจได้ ยกเว้นว่าสำนักพิมพ์ จะออกใบรับประกันค่ะว่า มีใบคืนเงินให้กรณีที่อ่านแล้วสะดุด ดิฉันถึงจะลองซื้อดู คุณ tansy พูดถูกใจค่ะในความเห็นที่ 24 ทั้งหมด และข้อสรุปประโยคสุดท้าย คำตอบก็คือ: "คุณมีความรู้สึกเช่นนั้นก็เพราะว่าคุณอาจหาญเข้ามาทำงานแปลเพื่อต้องการประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงเร็วเกินไป จริงๆแล้วคุณควรเป็นนักอ่านที่ดีให้หลายๆปีมากกว่านี้ก่อน ให้อินทรีย์แก่กล้าแล้วจึงค่อยมาแปล ปัญหาก็จะหมดไป" หมดความเห็นแล้วค่ะเรื่องนี้ เหมือนคนแก่บ่นให้เด็กฟัง หลายคนต้องอาศัยการอ่านอีกมากค่ะถึงจะโต ลาทีนะคะ ไม่ขอออกความเห็นอีกแล้วค่ะ ขอบคุณมาก จากคุณ : friend - [ 19 ม.ค. 47 22:43:12 A:203.151.125.161 X: ]

ความคิดเห็นที่ 49 แหม คนเรารู้จักกันก็มีความเห็นต่างกันได้นะครับ และถึงความเห็นต่างกัน ก็คบกันได้ครับ จริงไหมคุณ tansy จากคุณ : พ่อโปรเจ็กต์ - [ 19 ม.ค. 47 23:25:04 ]

ความคิดเห็นที่ 50 แก้คำผิดใน 42 "เจ๊ o;] ขอเอาผลงานของเจ๊ไป reengineer หน่อยนะ...555... " แก้เป็น "เจ๊ o;] ขอเอาผลงานของเจ๊ไป reverse engineer หน่อยนะ...555... " แก้คำผิดใน คคห 44 "...ทำไปเจ๊ o;], คุณโทเมอิ, คุณ friend และหลายๆคนที่อยากเห็น ส.น.พ. ผลิตหนังสือแปลดีๆออกมา ไม่ระดมกำลังกัน mail ไปหา The Nation ให้เขาทดสอบนักแปลทุกคนก่อนจ้างด้วยวิธีที่ tansy ว่าไว้ใน คคห34..." แก้เป็น "...ทำไมเจ๊ o;], คุณโทเมอิ, คุณ friend และหลายๆคนที่อยากเห็น ส.น.พ. ผลิตหนังสือแปลดีๆออกมา ไม่ระดมกำลังกัน mail ไปหา The Nation ให้เขาทดสอบนักแปลทุกคนก่อนจ้างด้วยวิธีที่ tansy ว่าไว้ใน คคห34...." ........แต่ถ้าจะติดต่อ The Nation คงต้องใช้โทรศัพท์หรือ snail mail เพราะตัวเองพอเห็น The Nation ออกหนังสือแปลมา ลองส่ง e-mail ไป (ใช้ e-mail address บนเว็บของเขา) แค่ส่งไปเป็นภาษาอังกฤษ มีข้อความสั้นๆว่า เห็นทาง สนพ. The Nation ออกหนังสือแปลมา อยากทราบว่าถ้าสนใจอยากแปลหนังสือจะต้องติดต่อใคร ....(ขี้เกียจเอาปากกาไปไล่จดจากหนังสือแปลของเขาในร้านหนังสือ) ......ปรากฎว่าไม่เห็นตอบมาเลย ......สงสัยดูแล website ไม่ดี ....แต่เคยส่งจดหมายเป็นภาษาอังกฤษไปทางแฟ๊กซ์เพื่อแสดงความคิดพอส่งไปวันรุ่งขึ้นตีพิมพ์ให้เลย ...แต่อีกทีส่งทาง e-mail ก็หายจ้อยไปเลย แปลกแฮะ.....??? จากคุณ : tansy - [ 20 ม.ค. 47 00:27:11 A:202.129.0.164 X: ]

ความคิดเห็นที่ 51 เรื่องที่คุณ friend ประสบมาคงเป็นเรื่องบรรยากาศห้องที่คุย....ห้องที่คุณคุย ที่เจอปัญหา (ก่อนที่จะย้ายมาใน yumpasa) ถ้าจะให้วิเคราะห์ ตนเองก็จะวิเคราะห์ว่าเป็นห้องที่มีคนกลุ่มที่รักหนังสือแปลและชื่มชมนักแปลในเรื่องความสำเร็จที่ได้แปลและได้รับการตีพิมพ์......แต่อยู่ดีๆมีคนซื่อๆที่จริงใจอย่างคุณ friend หลงเข้าไป เอา link ไปแปะ ในฐานะที่เป็นคนรักหนังสือ.....แล้วเจอคำวิจารณ์ที่น่าสนใจ .....แต่เผอิญมันมีผลกระทบต่อนักแปล.....คนบางคนในห้องนั้นจึงเกิดมีอารมณ์ได้บ้าง........ ยกตัวอย่างเช่น ตัวเองเข้าไปอ่านกระทู้ที่คนคุยกันเรื่องแฮรี่ พ๊อตเตอร์ ทั้งๆที่หลายๆคนเข้ามาบ่นว่า "เล่มห้า" อ่านคำแปลแล้วสะดุด อ่านไม่รู้เรื่อง แฟนๆนักแปลก็ยังพยายามช่วยแก้ตัวให้นักแปลเลย โดยการพูดว่า "สงสัยอาจารย์ ....(ชื่อนักแปล) คงไม่ได้แปลเองละมั๊ง.....คงเอาให้คนอื่นแปลแล้วแอบอ้างว่าเป็น อาจารย์...(ชื่อนักแปล).....แปล...... ก็เหมือนๆกับเรื่อง Michael Jackson น่ะ ใครเป็นแฟนเขา ก็ต้องเถียงตะบันว่าเขาไม่ได้ล่วงเกินทางเพศกับเด็ก.....ถ้าใครไม่ใช่แฟน (โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเกลียดเขา) ก็เถียงตะบันว่า เขาล่วงเกินเด็กแหงๆ........แต่ทั้งประเด็น แฮรี่ พ๊อตเตอร์เล่มห้า กับประเด็น Michael Jackson เราต้องรวบรวมข้อเท็จจริงแล้วใช้ตรรกะตัดสินกัน .....ไม่ใช่ตัดสินกันด้วยหลักการที่ว่า ฉันเป็นแฟนใครหรือไม่เป็นแฟนใคร หรือฉันรักใครหรือเกลียดใคร........ถ้าม่ายงั้นถกประเด็นกันไปแล้วออกมากลายเป็นยกพวกตีกัน.......จนไม้หน้าสามปลิวว่อนกันไปหมด (สำนวนคุณโทเมอิ.....ไม่รู้สงวนลิขสิทธิ์หรือเปล่า....???).......ตัวเองคิดจะแหยมห้องที่ถกกันเรื่องแฮรี่ พ๊อตเตอร์เล่มห้าเหมือนกัน แต่กล้าๆกลัวๆ .....อาจโดนหนักกว่าคุณ friend ก้อได้.....555...... นี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเห็นไอ้เล่มห้ามันวางขายอยู่ในร้านซีเอ็ดเล่มละ 495 หรือ 499 เนี่ย .....คิดๆว่าอยากซื้อมาแล้วซื้อต้นฉบับภาษาอังกฤษด้วย จะลองมาชำแหละดูประโยคต่อประโยคแล้วแปะไว้บนเว็บดูดิ.....คล้ายๆที่คุณ fay ทำแต่คิดๆดูแล้ว อาจเสียเวลาเสียเงินยังไม่พอแถมยังโดนจวกอีก.......สิ่งที่คาดหวังได้ก็คือคำพูดแฟนๆที่เคารพบูชานักแปล หรือพวกที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับนักแปลผู้นั้น ก็จะพูดว่า "วันๆหนึ่งไม่มีอะไรจะทำหรือ มีแต่จะจับผิดชาวบ้านเขา".......เลยถอยก่อนจะดีกว่า เพราะกลัวโดยรุมสกรัม.....555.......... จากคุณ : tansy - [ 20 ม.ค. 47 01:00:47 A:202.129.0.164 X: ]

ความคิดเห็นที่ 52 โอ๊ยตาย คุณแท่นสีพูดซะเรากลายเป็นสาวกลัทธิอะไรไปเลย เอางี้..ขอลำดับเหตุการณ์ที่เกี่ยวเนื่องกับลิงค์วิจารณ์ "หลั่งเลือดฯ" ของคุณเฟย์ กับคุณเฟรนด์นะคะ เริ่มจาก... คคห. 28, วันครู 22:33 คุณเฟรนด์แปะลิงค์ไปที่บทวิจารณ์ คคห. 30, วันครู 22:42 ไอซ์ออกมาตอบครั้งแรก ----- คคห. 34, 17 มค. 00:14 คุณเฟรนด์ตอบ (คิดว่าไอซ์คนเดียว) ว่า "เห็นด้วยค่ะควรอ่านต้นฉบับถ้าอ่านได้ คุณไอซ์ทำให้อึ้งกิ่มกี่กับการแปลในประเทศเราถ้า บอกว่าการแปลขึ้นอยู่กับ"การตีความทางอารมณ์ของนักแปล" ดิฉันนึกว่าขึ้นกับนักเขียน อารมณ์ของต้นฉบับเสียตั้งนาน ส่วนสำนักพิมพ์พอจะเข้าใจคะเพราะโทษได้เต็มๆ อยู่แล้ว โชคดีนะคะที่อ่านต้นฉบับพอออก เลยซื้อต้นฉบับเลยเพราะหนังสือแปลเดี๋ยวนี้ราคาเกือบเท่าต้นฉบับ His Dark Materials ดิฉันว่าหนักไปทางหนังสือออกแนวเด็ก ขอต่างความเห็นตรงความมืดมน หนักไปทางแมจิคแฟนตาซีเวิลด์คะ เป็นหนังสือเด็กที่ผู้ใหญ่อ่านก็สนุก ลูกชายนี่ติดพูลแมนมาก ถามตลอดว่าหนังสือใหม่ออกหรือยัง ก็รอ Lyra's Oxford เล่มใหม่อยู่ค่ะ ชุด Jasper Fforde มีเพื่อนเคยซื้อให้เป็นของขวัญเล่มแรก เล่มสองซื้อเอง ตอนนี้รอเล่มสามออกปกอ่อนค่ะ" ---- คคห. 37, 17 มค. 01:05 "พัท" (สมาชิกคนหนึ่ง) ออกมาให้ความเห็นเรื่องการแปล --- คคห. 38, 17 มค. 01:34 ไอซ์มาอธิบายเพิ่มเติมจากคคห. 30 และออกตัวว่ายังอ่านลิงค์ไม่ละเอียด ขอไปดูอีกที --- คคห. 41, 17 มค. 02:43 ไอซ์กลับมาอธิบายเพิ่มเติมหลังอ่านลิงค์อีกรอบ --- คคห. 43, 17 มค. 03:34 "คุณป้า" (สมาชิกคนหนึ่ง) มาบอกว่ายังไม่เคยอ่านหนังสือเล่มนี้ ---- คคห. 46, 17 มค. 09:32 "ปุ๋ย" (มณฑารัตน์ นักแปล) ออกมาให้ความเห็นเรื่องการตีความงานแปล (โดยรวม ไม่ได้พูดถึงสำนวนใครโดยเฉพาะ) ---- คคห. 54, 17 มค. 22:13 คุณเฟรนด์ออกมาโต้ไอซ์ว่า "ดิฉันอ่านบทความนั้นจบสองรอบ ถึงทึ่งค่ะว่าขนาดคนที่ เป็นนักอ่านเข้าใจในภาษาแต่ไม่เคยแปลเป็นอาชีพ ยังแยกแยะได้ละเอียด ชัดเจนมีเหตุผล ถูกต้องในภาษา จนสามารถหยิบยกความหมายมาอธิบายให้ดูนี้ ก็ต้องดีใจค่ะที่เขาอ่านไม่ละเอียด ไม่งั้นคงเห็นจรรณยาบรรณมากกันกว่านี้ ดิฉันเห็นจะอายเองแทนนักเขียนนะค่ะ ขนาดตัวเองเป็นนักอ่านแท้ๆ ไม่ซีเรียสกันค่ะ เอาบทความดีๆมาฝากเท่านั้นเอง เพราะเข้าใจนักแปลพอสมควรในบ้านเราค่ะ" --- คคห. 57, 17 มค. 22:55 คุณ "คนที่ตามอ่านมานาน" เข้ามาต่อว่าคุณเฟรนด์ ---- คคห. 58, 18 มค. 6:37 ไอซ์ออกมาพูดกับคุณเฟรนด์ (ขอบคุณที่เอาบทความ "น่าสนใจ" มาฝาก แต่โดย ส่วนตัวไม่คิดว่าเป็นบทความที่ "ดี" เท่าไหร่) พร้อมกันนั้น ได้ทำลิงค์มาห้องรวมพลฯ และบอกคุณ "คนที่ตามอ่านฯ" ว่า "... ใจเย็ง ๆ ค่าคุณคนที่ตามอ่านมานาน ... คุยกันสนุก ๆ ค่ะ กระทู้นี้ คุยกันได้โลด ทุกคนมีคคห. เป็นของตัวเองอยู่แล้ว ว่าที่จริงแล้ว ไอซ์กำลังคิดอยู่เลยค่ะว่า จะเอาไปแปะขอความคิดเห็นในห้องรวมพลนักแปลเสียหน่อย เพราะที่นั่นคงจะให้คคห.ได้หลากหลายดีเหมือนกัน ว่าแต่คุณคนที่ตามอ่านมานาน หลงคารมปกหนังสือเล่มไหนบ้างหรือยังคะ? ฮี่ ๆๆๆ เข้ามาคุยกันบ่อย ๆ นะคะ" --- คคห. 59, 18 มค. 09:45 "คุณป้า" สรุปว่า "หุๆๆๆ นานๆกระทู้หน่อมแน้ม แสนหวานอย่างนี้จะมีรสชาตเผ็ดร้อนขึ้นมาสักที ถือว่าเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศเป็นครั้งคราวค่ะ ส่วนจะนอกประเด็นหรือไม่ ป้าว่ามันก็นอกประเด็นอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว ฮ่าๆๆๆ ป้าเองก็งงๆ อยู่ เปิดกระทู้มาเห็นภาพลิปสติกเป็นแผงนึกว่า chic lit ออกใหม่ทำไมไม่มีชื่อหนังสือกับชื่อคนเขียนหว่า บางครั้งส้มตำปูม้ามาวางเรียงเป็นตับป้าก็คิดว่ามีฝรั่งช่างเขียนออกหนังสือวิจารณ์อาหารไทย ดีออกค่ะ...สร้างสีสันให้ชีวิต... บรรทัดล่างสุดคือตั้งใจจะบอกว่า จะอย่างไรก็เป็นคนชอบอ่านหนังสือกันทั้งนั้น ถึงจะชอบต่างกัน คิดต่างกัน ก็เป็นธรรมดา ก็หนังสือตัวดีนี่แหละที่ทำให้เราคิด..." --- คคห. 63, 18 มค. 11:49 คุณเฟรนด์เข้ามาทิ้งท้ายว่า "การชวนอ่านบทความเกี่ยวกับหนังสือนี้ผิดกาละเทศะหรือค่ะ ดิฉันคิดว่าการแสดงความเห็นออกมา ถึงต่างกันไม่น่าแปลกค่ะ น่าจะเป็นวัฒนธรรมที่น้อมรับกันได้ โดยเฉพาะกระทู้นี้เห็นคุยเรื่องหนังสือตลอด ดิฉันเองก็ตามอ่านกระทู้นี้บ่อย ทุกครั้งที่มีโอกาสเปิดเน็ตเพราะชอบในหนังสือ ถ้าผิดกาละเทศะคงเป็นเพราะดิฉันลืมค่ะว่าในนี้มีนักแปลอยู่ด้วย และผิดที่ดิฉันไม่ได้ตอบเป็นประจำในนี้ เลยกลายเป็นกวนน้ำให้ขุ่น ตอนแรกแค่ตั้งใจจะคุยเรื่อง Boxset ค่ะ สะสมไว้หลายชุด แต่อ่านที่คุณไอซ์แปะไม่ทัน เลยเข้ามาทักแบบผิดแนวไปมั้งคะ ถ้าดิฉันแสดงวาจาเหน็บแนม ขอโทษด้วยค่ะ ยังไงเสียยืนยันว่าไม่ซีเรียสค่ะ เรื่องนักแปลไกลตัวดิฉันค่ะ ดิฉันเป็นแค่นักอ่าน และคิดว่าเป็นนักอ่านที่มีเหตุมีผลพอสมควร ลาแล้วล่ะค่ะ ไม่เป็นไร สวัสดี" --- คคห. 68, 18 มค. 13:15 คุณแอ๊ดเข้ามาแจ้งว่าความคิดเห็นไปแปะที่รวมพลฯ ดีกว่า --- คคห. 69, 18 มค. 14:24 "ติ่มซำ" (สมาชิกคนหนึ่ง) สรุปว่า "คุณ friend เอาบทวิจารณ์มาแนะนำกันได้ค่ะ แต่จะให้เปิดประเด็นถกเรื่องการแปล ฟันธงว่าใครถูกใครผิด บทวิจารณ์ไหนถูกต้องแค่ไหน คงร้อนแรงเกินไปสำหรับที่นี่ค่ะ (เพราะที่นี่ไม่ใช่มอร์ดอร์ แต่เป็นไชร์ ก๊ากก) อย่างเรื่องบทวิจารณ์ของคุณ ไอซ์มาแสดงความเห็นของตัวเอง คนอื่นก็รับฟังแล้วก็จบ ปุ๋ยหรือพัทอยากพูดบ้าง..เราก็ฟัง ติ่มเองอ่านแล้วเห็นว่ามันเป็นประเด็นโลกแตกที่ไม่รู้จะต่อความยาวสาวความยืดไปทำไม เลยเงียบไว้ตามประสาคนไม่ซีเรียส (อีกอย่าง พูดไม่ทันสามคนแรกด้วย 555) ดังนั้น เอาเป็นว่าใครอยากเถียงเรื่องการแปล ตามลิงค์ไปห้องรวมพลเลยดีกว่าค่ะ ในนั้นมีแต่โปรระดับมือพระกาฬ คงช่วยตัดสินได้ดีกว่าในนี้ที่เป็นนักอ่านซะส่วนใหญ่" ---- คคห. 70 18 มค. 14:54 "พัท" เข้ามาบอกว่า "คุณเฟรนด์คะ ไม่อยากให้คิดว่าการแปะบทความเป็นการกวนน้ำให้ขุ่นเลยนะคะ และพันทิพย์ก็เปิดกว้างสำหรับการวิพากษ์เสมอ แล้วพัทก็คิดว่าสมาชิกทั้งขาจรขาประจำของเราเปิดใจกว้างพอสำหรับการวิเคราะห์และแสดงความคิดเห็นเสมอ เพียงแต่บางครั้งความเห็นก็ขัดแย้งกันบ้างเป็นธรรมดาของคนเรานะคะ หากเป็นไปได้ ถือเสียว่าเป็นการสร้างไดอะลอกแบบโสเครติสกันดีกว่าไหม (ใช้ได้กับทุกเรื่อง เหอๆๆ แม้ตอนจบจะดื่มยาพิษตายก็ตาม) พัทดีใจที่ได้ทราบว่าอย่างน้อยคุณเฟรนด์ก็ได้ตามอ่านทู้มาและหวังว่าความเห็นในทู้คงได้ช่วยในเรื่องการแนะนำหนังสือทั้งใหม่และเก่าบ้าง (ไม่นับเครื่องสำอาง ตำปูม้า ปลากรอบ ภาพวิว อิอิ) อยากให้คุณเฟรนด์มาอีกนะคะ หากต้องการ และพัทเชื่อว่าคุณก็เป็นคนรักการอ่านจริงๆ มีหนังสืออะไรมาแนะนำได้ก็จะดีนะคะ :) " --- คคห. 78, 18 มค. 21:08 ไอซ์เข้ามาตอบการทิ้งท้ายของคุณเฟรนด์ว่า "... ใจเย็ง ๆ ค่าคุณ freind ((เอ๊ะ ก๊อปมา เพิ่งเห็นว่ามันสะกด ผิดเป่า? แหะ ๆ)) อย่างที่คุณป้าบอกนะคะ กระทู้นี้ก็คุยกันได้หลากหลายอยู่แล้วล่ะค่ะ ไม่ได้จำกัดหรอกว่า เพราะกระทู้นี้มีนักแปลแล้วจะคุยกันเรื่องแปลไม่ได้ เพียงแค่ว่าเราคิดเห็นไม่ตรงกัน มันก็ไม่แปลกอะไรนี่คะ จริงหรือเปล่า? เพราะพื้นฐานของคนเราต่างกัน ยังไงถ้ายังสนใจเรื่องนี้ เชิญไปคุยกันต่อได้ในกระทู้ที่ไอซ์ไปตั้งใหม่ในชมรมนักแปลดีไหมคะ? " --- คคห. 81, 18 มค. 22:00 "ปุ๋ย" เข้ามาบอกว่า "อู้ย คุณเฟรนด์ อย่าเพิ่งน้อยใจค่ะ ก็อย่างที่หลายคนบอก เรานอกเรื่องเป็นปกติอยู่แล้ว ที่นี่ไม่ปิดกั้นหรอกค่ะ ใครมาก็คุยได้ คุยเรื่องอะไรก็ได้ จะนักแปลหรือนักอ่านก็รักใคร่กันตลอด ปุ๋ยว่ามันก็เป็นเรื่องมองต่างมุมแหละค่ะ คุณเฟรนด์อาจจะมองมุมนึง คุณคนตามอ่านฯก็มองอีกมุมนึง ก็เท่านั้นเอง อย่าน้อยใจเลยค่ะ การคิดต่างกันมันเป็นวัฒนธรรมที่น้อมรับกันได้ใช่มั้ยเอ่ย ขอยืมคำพูดคุณเฟรนด์มาใช้เลยละกันนะคะ ขี้เกียจคิดง่า แต่จริงๆแล้วความเห็นของคุณคนตามอ่านฯนี่ จะว่าไปก็มีสาระนา ใครเสิร์ชเจอออะไรบ้างมาเผื่อแผ่กันด้วยเด้อพี่น้อง อิอิอิ แล้วอย่าลืมเอาปกหนังสือดีๆ มาแบ่งกันดูด้วยนะคะ :)" ---- คคห. 86, 19 มค. 00:05 "petitfour" (สมาชิกที่เข้าบ่อยน้อยหน่อย) บอกว่า "โหย พี่หายไป 2 วัน ทู้ยาวเหยียดเลยค่ะ อ่านซะตาลายเลย หวัดดีคุณเฟรนด์ด้วยค่ะ วันหลังก็เข้ามาอีกสิคะ มีหนังสือเล่มไหนเจ๋งๆ ก็มากแนะนำกันบ้าง ทู้ของเราต้อนรับคอหนังสืออยู่แล้วค่ะ อู๊ยยยย แนะนำกันซะอ่านกันแทบไม่หวาดไม่ไหวเลยค่ะ ถ้าไม่ชอบอ่านเรื่องแปล กลัวสำนวนไม่ถูกใจ แนะนำหนังสือภาษาอังกฤษก็ได้ค่ะ แถวนี้ขาอ่านอยู่แล้วค่ะ พวกเราอ่านกันทุกประเภทน่ะค่ะ ว่างๆก็ขอเชิญนะคะ คุณตามอ่านมานานก็ขอเชิญด้วยนะคะ แวะเข้ามาบ่อยกว่านี้ก็ได้ค่า มีเล่มไหนโปรดก็แนะนำกันมานะคะ " ----- The End ---- จากคุณ : ติ่มซำ (จากห้องนั้น) - [ 20 ม.ค. 47 06:23:16 A:169.210.4.180 X: ]

ความคิดเห็นที่ 53 ฮ่ะ ฮ่ะ มีสรุปข่าวด้วย ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งเป็นเหมือนในรูปครับ แก้ไขเมื่อ 20 ม.ค. 47 06:32:21 จากคุณ : บูมเมอร์ - [ 20 ม.ค. 47 06:31:58 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ส่วนข้อความที่ไอซ์ตอบนั้น ขออนุญาตไม่สรุปมาด้วยล่ะค่ะ เพราะประเด็นเยอะ ขืนรวมไว้ด้วยคงอ่านกันตาแฉะ โดยส่วนตัว ติ่มคิดว่าไอซ์กับคุณเฟรนด์มีความเห็นต่างกันเรื่อง "การให้นักแปลตีความต้นฉบับ" เผอิญคืนวันครูแห่งชาตินั้น ไอซ์ต้องอยู่โยงเฝ้าบ้าน ทำให้เธอฟิตจัด ลงมือปั่นกระทู้แนะนำ boxset น่าสนใจเป็นการใหญ่ จึงว่างออกมาตอบคุณเฟรนด์เป็นคนแรก ทั้งที่ยังอ่านลิงค์ไม่ละเอียด (แต่เนื้อหาในประเด็นงานแปลที่สองคนนี้เห็นไม่ตรงกัน ติ่มขอไม่พูดถึงนะคะ) บางคนในกระทู้ที่สนใจ ก็ออกมาวิจารณ์บ้าง ทั้งคุณพัท คุณปุ๋ย (ดูได้จากคคห.1 ที่ห้องนี้ค่ะ) แต่เป็นการวิจารณ์การแปล ไม่ได้ออกมาเข้าข้างผู้แปล "หลั่งเลือดที่นานกิง" (ซึ่งไม่ใช่คนรู้จักในกระทู้เลย ยกเว้นแต่จะปลอมตัวเข้ามาโดยเราไม่รู้) ---> ดังนั้น ไม่มีการเข้าข้างใคร ทั้งคุณเฟรนด์ ไอซ์ พัท ปุ๋ยและผู้แปลท่านนั้น ระหว่างที่เกิดเหตุการณ์โต้ตอบทั้งหมดนี้ สมาชิกคนอื่นก็แปะภาพหนังสือที่ชอบและอยากได้ บางคนก็มาแสดงความเห็นเกี่ยวกับหนังสือที่เพิ่งอ่านจบ (ไม่กล้าร่วมวิจารณ์ เนื่องจากบรรยากาศเริ่มน่ากลัว อีกทั้งกำลังคุยเรื่องหนังสือกันเพลินด้วย) ติ่มคิดว่าถ้าคุณเฟรนด์อยากคุยเรื่องหนังสือหรือเรื่องอื่น ก็สามารถแจมได้ตลอด ไม่มีใครห้ามแน่ค่ะ บังเอิญคุณเฟรนด์เธอก็ตอบแต่เรื่องที่ต่อเนื่องมาจาก "หลั่งเลือด" ฉบับแปลตลอด ติ่ม (และคิดว่าคนอื่นด้วย) เลยนึกว่าเธออยากถกเรื่องการแปลหนังสือเล่มที่ว่านี้ ซึ่งเราก็ไม่ว่าอะไร เพียงแต่เงียบไม่ร่วมถกด้วย เมื่อคุณ "คนที่ตามอ่านฯ" เข้ามาต่อว่าคุณเฟรนด์ (อันนี้เป็นความรู้สึกของเขา เราทั้งกระทู้ไม่สามารถขัดขวางหรือทำอะไรได้อยู่แล้ว) ไม่มีใครซ้ำเติมคุณเฟรนด์ ระหว่างที่คุณเฟรนด์โต้ตอบกับไอซ์และคุณ "คนที่ตามอ่านฯ" แล้วบรรยากาศเริ่มระอุ ติ่มคิดว่าทุกคนพยายามลดความตึงเครียดลงด้วยซ้ำ สุดท้าย จากวันครูที่ 16 จนถึง 18 คุณเฟรนด์ก็ยังตอบแต่ประเด็นการแปล "หลั่งเลือด" ติ่มถึงได้โพสต์ไปว่ามันเป็นประเด็นร้อนแรงเกินไปสำหรับกระทู้ (เพราะในนั้นเป็นนักอ่านมากกว่านักแปล) ทั้งนี้ เราก็ไม่ได้บอกว่าห้ามคุณเฟรนด์เข้ามาอีกหรือห้ามแนะนำบทความเลย คุณเฟรนด์เข้ามาคุยอีกได้เสมอ และเราก็ออกปากเชิญทันทีหลังทำลิงค์มาที่ห้องรวมพลฯ ไม่ใช่เพิ่งมาเชิญตอนนี้เพื่อกลบเกลื่อนหลังโดนวิจารณ์ (จนสะดุ้ง) ในนี้ ติ่มไม่ทราบว่าเคยมีใครในนี้อ่านกระทู้บ้าง แต่คุณโทเมอิ (ซึ่งกลายเป็นบ่างได้อย่างสวยงาม แฟ้มบุคคลขอปรบมือให้ 2 แปะ) เคยเข้าไปขอบุ้คลิสต์จากพวกเราอยู่หนนึง (ฝากสวัสดีตะละแม่ของคุณด้วยค่ะ) อย่างน้อย คุณโทเมอิคงยืนยันได้ว่าเราไม่ได้กีดกันใคร ใครอยากเข้ามาคุยก็คุยได้ ใครอยากขอรายชื่อหนังสือที่รวบรวมความเห็นนักอ่าน พวกเราก็ให้ ถ้าถามว่าคุณเฟรนด์เข้า "ผิด" กระทู้ไหม ก็ต้องถามก่อนค่ะว่าเธอจะเข้ามาคุยเรื่องหนังสือทั่วไป หรือถกประเด็นการแปล "หลั่งเลือดฯ" กันแน่ เพราะกระทู้นั้น "เปิดกว้าง" ต่อความคิดเห็นที่มีต่อหนังสือทั่วไป (ทั้งไทยและเทศ) จุดประสงค์คือให้สมาชิกอันเป็นผู้ซื้อทั่วไปได้พูดถึงเรื่องที่อ่านไปแล้ว/อยากอ่าน ไม่ใช่เพื่อหาข้อบกพร่องในการแปล เราอาจพูดว่าสำนวนเล่มโน้นดี เล่มนี้ไม่ดี พล็อตเป็นแบบนั้นแบบนี้ ฯลฯ แต่ก็เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวตามประสานักอ่าน ไม่ใช่แบบมืออาชีพค่ะ สุดท้าย ติ่มอยากขอบคุณคุณพิมค่ะ ที่พูดถึงกระทู้ในแง่ดี ติ่มไม่ทราบว่าคุณเป็นคนเดียวกับคุณ "คนที่ตามอ่านมานาน" หรือเปล่า ดุจังนะคะ ^^'' **************** ขอโทษทุกท่านด้วยค่ะ ที่อธิบายนอกประเด็นซะยาว แต่ไม่อยากให้สรุปกันเอาว่ากระทู้นั้นเป็นหุบเขาคนโฉด กัดไม่เลือก (มีแต่กินไม่เลือก กรี้ดสนั่น กับซื้อไม่อั้นมากกว่าค่ะ หุหุ) รู้สึกเหมือนฮอบบิทที่เผยอหน้าเข้ามาเหยียบมอร์ดอร์เลยแฮะ ติ่มก็เขียนไปแบบซื่อ ๆ ตรง ๆ เหมือนคุณเฟรนด์แหล่ะค่ะ ไม่รู้จะทำให้ใครขุ่นข้องหมองใจไปโดยไม่รู้ตัวรึเปล่า (ชื่อห้อง "ยำ" ยิ่งน่ากลัวอยู่) ถ้ามีก็ขออภัยไว้ก่อนนะคะ ยืนยันนั่งยันค่ะว่าไม่ได้เข้ามากัด มาเหน็บ มาป่วนหรือล่อเป้า แค่โดนวิจารณ์แล้วอยากอธิบายตัวเองหน่อย ถ้าใครคิดเห็นอย่างไร (ทั้งกับติ่มและกระทู้นั้น) ติ่มคงได้แต่รับฟังค่ะ บางที การรวมตัวในกระทู้หนึ่งเป็นเวลานาน อาจทำให้ตาบอดตาใส มองไม่เห็นสิ่งที่คนอื่นเห็นก็ได้ (แต่ยืนยันค่ะ ว่าติ่มกับคนอื่นไม่ได้หลงไหล บูชา คลั่งไคล้นักแปลในกระทู้ อาจชื่นชมบ้างว่า..เออ แปลเก่งนะ เก่งจังตัวแค่เนี้ย ฯลฯ แต่ไม่ได้เห็นว่าพวกเขาแตะต้องไม่ได้ สมาชิกบางคนในกระทู้วิจารณ์งานคนร่วมทู้ว่าชวนหลับด้วยซ้ำค่ะ) ขอจบความคิดเห็นเพียงเท่านี้ค่ะ ขอบคุณที่ทนอ่าน (ถ้าอ่านนะ) จากคุณ : ติ่มซำ - [ 20 ม.ค. 47 07:22:06 A:169.210.4.180 X: ]

ความคิดเห็นที่ 55 แหะแหะ ลมไม่ถึงกับเสียค่ะ คุณบูมเมอร์ แค่หนาวหัวใจนิดหน่อย ขอแก้ไขเพิ่มนิดนึงค่ะ รู้สึกติ่มจะพูดกำกวมไปหน่อย ... ขอบคุณคุณพิมที่คิดถึงกระทู้นั้นในแง่ดี แต่ที่บอกว่าดุจัง..ติ่มหมายถึงคุณ "ตามอ่านฯ" ค่ะ เกิดเป็นคนละคนกันล่ะแย่เลย ไหน ๆ ก็เปลืองไปคคห.นึงแล้ว อยากบอกคุณเฟรนด์ (ตามประสาเด็ก) ด้วยค่ะว่า การเข้าร่วมสนทนาในกระทู้ใดกระทู้นึงนั้น อาจต้องใช้เวลาสักพักจึงจะสนิทสนมกันจนเข้าใจว่าทำไมปฏิกริยาตอบสนองของคนใดคนนึงจึงออกมาเป็นแบบนั้นแบบนี้ ในกระทู้นั้น ติ่มอยากบอกว่าการที่มีคนออกมาพูดความเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่คุณแนะนำ คุณจะหัวเราะแล้วบอกว่า "เหรอ เออแฮะ เราคิดไม่เหมือนกันนะ" แค่นั้นก็จบค่ะ (ถ้าคุณ "ไม่ได้มีตั้งใจให้ใครมาแสดงความเห็นเลยค่ะจะคุยเรื่อง Boxset ต่อ") หรืออยากจบการแสดงความเห็นเป็นฉาก ๆ ...ลองเข้าไปคุยเรื่องทั่ว ๆ ไป แอบอ่านดูสักพัก ก็จะรู้ค่ะว่าเราคุยกันไปเรื่อยเปื่อย ไม่ได้คิดจะสรุปว่าใครคิดถูกคิดผิด ก็อย่างที่บอกไปแล้ว..เราพูดในฐานะนักอ่านค่ะ อาจพูดถนอมน้ำใจกันหน่อยตามกฏเกณฑ์มารยาทสังคม แต่พอสนิทกันก็เริ่มพูดตรง ๆ ได้ค่ะ จากคุณ : ติ่มซำ - [ 20 ม.ค. 47 08:49:31 A:169.210.4.180 X: ]

ความคิดเห็นที่ 56 ขอบคุณค่ะ คุณติ่มซ่ำ ....... <ขอบคุณที่ทนอ่าน (ถ้าอ่านนะ)> ทำไมถึงคิดว่า คนห้องนี้ ต้อง"ทนอ่าน" ล่ะคะ การอ่านความเห็น(ที่มีเหตุมีผล)ของคนอื่นน่ะ ดีออก ... เหมือนกับได้เปิดโลกทัศน์ ให้เห็นมุมมองที่ต่างออกไปจากความคิดของตัวเอง มายกมือค่ะ ว่าอ่านครบถ้วนกระบวนความที่คุณติ่มซ่ำเขียนมา ใครง่ะ.... เป็นคนตั้งชื่อว่า "ห้องยำฯ" ออกมารับเสียดีๆ .... ว้า เสียภาพพจน์ห้องหมดเยยยยยย.... <"...ทำไมเจ๊ o;], คุณโทเมอิ, คุณ friend และหลายๆคนที่อยากเห็น ส.น.พ. ผลิตหนังสือแปลดีๆออกมา ไม่ระดมกำลังกัน mail ไปหา The Nation ให้เขาทดสอบนักแปลทุกคนก่อนจ้างด้วยวิธีที่ tansy ว่าไว้ใน คคห34...." > ขืนทำยังงั้น ถ้าเจ๊เกิดอยากแปลขึ้นมา เจ๊ก็สอบตกแหง็มๆ อ่ะจิ .... โนเวย์ เอาเหอะ ... คุณจะ re-engineer หรือ reverse engineer หรือจะใช้ระบบ reverse osmosis เพื่อกลั่นกรองนักแปล ก็ไม่ว่ากัน ถ้าจะทำให้มีการรับประกันความพอใจในหนังสือนั้นๆ ได้อ่ะ ... เสียดายเงินง่ะ Rise the sunshine......... Morning everyone...... Good and early start at work, And a cup of coffee from the perk Make me enjoy the day more and more, With good money to be kept in store!! จากคุณ : o;] - [ 20 ม.ค. 47 09:09:02 A:203.156.73.252 X: ]

ความคิดเห็นที่ 57 มีคนแนะนำให้เข้ามาอ่าน อ่านแล้วก็ตกใจ โอ้โห เยอะแยะไปหมด ปลาวาฬน้อยเป็นเพียงบุคคลหนึ่งที่เข้ามาอ่าน ไม่ได้เชี่ยวชาญ เป็นเอกทัคคะ ด้านภาษาใดภาษาหนึ่งโดยเฉพาะไม่ แต่อยากบอกทุกท่านว่า อย่าใส่อารมณ์กันไปเลย ของอย่างนี้มันนานาจิตตัง เขาก็มีความรู้ เราก็พอมีความรู้อยู่บ้าง จะทุ่มเถียงกันไปทำไม ดังเช่นที่ท่านๆถกกันแหละค่ะ ตัวอักษรทางหน้าจอ มันสื่ออารมณ์และน้ำเสียงคนพูดไม่ได้ อย่าไปใส่อารมณ์กับมันเลย ท้ายนี้ ขอยืมคำพูดจากแม่ปลาช่อน มิตรรักเก่าในสวนลุมพินีมาอ้างอิงดังนี้ "กระทู้มีไว้เล่น ไม่ได้มีไว้อิน" จากคุณ : ปลาวาฬน้อย(ลุมพินี) - [ 20 ม.ค. 47 09:27:27 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ก๊ากกกกก อ่านที่คุณติ่มซำชี้แจงแล้วนึกภาพออก เออ จริงแฮะ มันเหมือนกันทุกห้องแหละครับ คือทุกห้องในพันธุ์ทิพย์มันจะมีขาประจำที่คุยกันมานานจนคุ้นเคยกับลีลาและนิสัยใจคอกันดี แซวกัน ชมกัน กัดกัน ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน คนที่มาแจมทีหลังก็เสียเปรียบหน่อยเพราะว่าไม่ได้แบ่งปันความรู้ความเข้าใจกันมาแต่ต้น ก็เลยทำให้เกิดความเข้าใจผิดกันได้มากๆในบางครั้ง ในห้องนี้ก็มีเรื่องพรรณอย่างนี้ คือเรื่องที่ขาใหม่ๆเขาไม่เข้าใจ ไม่เชื่อลองออกชื่อ "ป้าแจ๋ว" กะ "อัศวินี" ละก็ ขาประจำในห้องนี้ก็จะร้องอ๋อ ในรายป้าแจ๋วนั้นเธอหาว่าใครบางคนเป็นมาเฟียด้วยซ้ำไป (ผมเองแหละ สารภาพ) น่าเสียดายว่าปรับความเข้าใจกันไม่ทันรู้เรื่อง เธอก็ผลุนผลันไปพร้อมกับสบถสาบานว่าจะไม่เข้ามาต่อความยาวสาวความยืดอีก คุณอัศวินีก็เหมือนกัน ผมว่าห้องโน้นก้คงเหมือนกัน ก็คงมีกลุ่มที่คุยกันกระจุ๋งกระจิ๋งเป็นประจำอยู่แล้วตามประสา คุณเฟรนด์โผล่มาก็เลยทำให้ขาประจำมองด้วยความงุนงง ก็เลยเป็นเหตุให้เกิดการต่อปากต่อคำกันขึ้นอย่างที่เห็น แต่หวังว่าคงไม่เลยเถิดไปถึงการตีตราผู้มีอิทธิพลอย่างที่ผมเคยโดน ใครสนใจตามไปที่นี่สิครับ คนละเรื่องเดียวกันกับกระทู้นี้ "Restaurant" http://topicstock.pantip.com/topic_stock/library/K1983943/K1983943.html "Synergistic Paradigm" http://topicstock.pantip.com/topic_stock/library/K2307175/K2307175.html อย่าไปซีเรียสกับตัวตนในเน็ตเลยครับ ถอดเฟอร์นิเจอร์กองๆไว้ข้างสนามแล้วจะเดินเล่นในไซเบอร์สเปซด้วยความเบาสบาย เจอมนุษย์หมาป่าก็หนีทัน ฮ่าๆๆๆๆ ว่าแต่ผมก็เพิ่งรู้นี่แหละว่าหนังสือแปลเจ้าปัญหาเล่มนั้นมันแปลมาไม่ครบ เสียอารมณ์ง่ะ อุตส่าห์ซื้อมา เรื่องอื่นๆพอหยวนๆได้แต่เรื่องนี้ไม่ถูกต้อง ก็ใครจะไปรู้ว่าเขาแปลมาไม่ครบ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 20 ม.ค. 47 09:27:51 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ใครง่ะ.... เป็นคนตั้งชื่อว่า "ห้องยำฯ" ออกมารับเสียดีๆ .... ว้า เสียภาพพจน์ห้องหมดเยยยยยย.... อยากรู้จริงปะครับ ตามลิงนี่ไปได้เลย ฮี่ ฮี่ ฮี่ http://topicstock.pantip.com/topic_stock/library/K1734524/K1734524.html#38 จากคุณ : บูมเมอร์ - [ 20 ม.ค. 47 09:30:37 ]

ความคิดเห็นที่ 60 จ๊าก... หายไปแป๊บเดียว กลับมา กระทู้ยาวกว่า Lord Of The Rings 3 volume รวมกัน!!! ตอบพ่อ Boom - ไม่เจียมตัว เลยแอบไปบางปูมา กลับมานอนหงิงๆต่อ  :-) ถามคุณ Ice ว่า ดู The Latest Samurai เอ๊ย The Last Samurai มาแล้ว phrase ว่า Assume firing position! แปลว่าอะไรครับ?????  (ล้อเล่นครับ) ส่วนตรงนี้ "ยกตัวอย่างเช่น ... อืม นาย A และนาย B เป็นผู้มีความรู้ทางด้าน ภาษาอังกฤษเท่ากัน แต่พื้นฐานประสบการณ์ต่างกัน อ่านหนังสือ เล่มเดียวกัน ย่อมเป็นไปได้ว่า จะมีการตีความทางด้านอารมณ์ ต่างกัน และถ้าให้นาย A และ B มาแปลหนังสือเล่มนั้น ฉบับแปล ย่อมจะต่างกันแน่นอน ... จะบอกได้หรือคะว่า นาย A หรือ นาย B แปลผิด "น้ำเสียง" ของต้นฉบับ?? ((อ่านแล้วงงไหมคะเนี่ย แหะ ๆ" โดยส่วนตัวแล้ว  ถ้าเป็นอย่างที่ผมเข้าใจ  ผมเห็นด้วยนะ :-) แก้ไขเมื่อ 20 ม.ค. 47 14:38:21 จากคุณ : Pee Kay (Pee Kay) - [ 20 ม.ค. 47 14:36:57 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ตีความทางอารมณ์ต่างกันได้ค่ะ แต่ว่าต้องตีความอยู่บนพื้นฐานของอารมณ์ผู้เขียนด้วย (ซึ่งก็คือต้องเข้าถึงผู้เขียนก่อนน่ะค่ะ ถ้าตีความไปในแนวเดียวกับผู้เขียนแล้ว จะตีความต่างกันบ้างเล็กน้อยก็คงไม่เป็นไร) จากคุณ : มั้งนะ กระทู้ยาวจัง - [ 20 ม.ค. 47 17:46:48 A:202.133.171.239 X: ]

ความคิดเห็นที่ 62 ผมมีโอกาสได้เจอคนมาก โดยเฉพาะเด็กๆ - วัยรุ่น ที่กำลังช่างจำ นับสิบๆ ครั้งเลยครับที่ผมได้ฟังสิ่งที่พวกเขาจำมาจากหนังสือ บางเรื่องที่ถูกต้องก็ดีไป แต่บ้างเรื่องไม่ถูกต้อง จนฟังแล้วตกใจ ถามว่าจำมาจากไหน ก็บอกว่าหนังสือว่าอย่างนั้น (บางทีก็เป็นหนัง หรือการ์ตูน) ถ้าเป็นเรื่องที่ผมมีความรู้แน่ชัดผมก็จะพยายามอธิบายใหม่ ซึ่งหลายๆ ทีต้องยกแม่น้ำทั้งสิบ (ตอนสมัยการ์ตูนกุหลาบแวร์ซายส์ฮิต ผมต้องนั่งเล่าประวัติศาสตร์ยุโรปให้เด็กฟังเลย) ผมถึงค่อนข้างอยากให้มีการแปลหนังสือที่ถูกต้อง เพราะแบบนี้ อย่างเราๆ ท่านๆ ที่อยู่ตรงนี้ ส่วนใหญ่ก็อ่านต้นฉบับภาษาอังกฤษกันได้ แต่เด็กๆ ละครับ เขาจะอ่านและมีความคิดแบบใหม่ที่นักแปล แปรให้เป็นไปนั้นจะถูกต้องหรือ ยกตัวอย่างจากที่วิพากษ์ไว้กับหนังสือหลั่งเลือด ฯ นี้เลย ผมเข้าใจว่าผู้เขียนภาษาอังกฤษ เขียนอย่างเป็นกลางมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แต่ผู้แปลใส่อารมณ์ความรุนแรงลงไป ผู้อ่านที่ไม่ได้มีประสบการณ์หรือความรู้มาก่อนหน้า ก็จะจำความรู้สึกที่รุนแรงนั้น กลายเป็น prejudice ในเรื่องนี้ไป หรืออย่างแฮรี่ พอตเตอร์ ผมอ่านทั้งฉบับภาษาอังกฤษ และฉบับแปล (แบบหยิบของเด็กๆ มาอ่านยามว่าง) ไม่มีความผิดร้ายแรงแบบคณะละครสัตว์พิคคาดิลลี่หรอกครับ แต่เป็นเรื่องวัฒนธรรมบางอย่างที่ยากจะเข้าใจถ้าไม่ได้อยู่ที่อังกฤษ หรือติดตามข่าวสารของอังกฤษมาพอสมควร กับอีกปัญหาหนึ่งที่ผมรู้สึกคือผู้แปล แปลแบบรีบ (เป็นมาตั้งแต่เล่ม 3-4 ส่วน เล่ม 5 ผมยังไม่ได้อ่าน เด็กแถวบ้านยังไม่ยอมวางเลย) ทำให้เก็บไม่ครบ ไม่ได้ทวน กับอีกอย่างหนึ่งคือ ภาคภาษาอังกฤษ มีพัฒนาทางอายุของน้ำเสียงในการเขียน แต่ผู้แปลอาจติดการแปลหนังสือเด็ก ก็เลยออกมาเหมือนกันตั้งแต่อายุ 10 ขวบจน 15 และไม่แปลส่วนที่ รุนแรง หรือลดโทนความรุนแรง ซึ่งในเล่ม 5 แฮรี่เป็นวัยรุ่นแล้ว และกำลังโกรธโลก ซึ่งเด็กฝรั่งวัยนี้จะแรงมาก ผู้แปลอาจไม่อยากให้เด็กไทยอ่านแล้วรู้สึกไม่ดี แต่ก็จะทำให้ความรู้สึกแค้นและสูญเสียของแฮรี่หายไป ซึ่งผมว่าจะทำให้เล่ม 6 เล่ม 7 ซึ่งจะแรงขึ้นเป้นลำดับ ตามที่ JK Rowling ว่าไว้ ผู้แปลอาจหาทางออกไม่ได้ คุณติ่มซำยังจำผมได้หรือครับ ผมมันพวกแว่บไปแว่บมาแทบทุกห้อง เพราะมักมีเรื่องต้องเข้าไปถามหาความรู้จากชาวบ้านเขาทุกห้องไป ลิสต์ที่ได้มายังไม่ได้เอาไปทำอะไรเลย ตะละแม่เอาไปดูแล้ววงๆ เล่มที่สนใจมาแต่ผมยังไม่ได้มีโอกาสไปถิ่นที่มีร้านหนังสือภาษาอังกฤษดีๆ เลยยังไม่ได้ซื้อมาสักที ตอนนี้เธอกำลังบ้าอ่านนวนิยายไทยอยู่ครับ เห็นยกหนังสือทมยันตีมาอ่านทุกเรื่อง หลังจากไปขุดเลือดขัตติยามาอ่านตามละครทีวี เธอฝากขอบคุณมาด้วยที่ถามถึงครับ จากคุณ : โทเมอิ - [ 20 ม.ค. 47 20:30:29 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ใครรู้มั่งว่าตัวทานูกินี่มันตัวอะไร? ลูกสาวอ่านเรื่องโดเรม่อนแล้วมาถาม ผมไม่รู้หรอกว่ามันตัวอะไรกันแน่ ใครเคยอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นช่วยตอบที จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 20 ม.ค. 47 21:16:47 ]

ความคิดเห็นที่ 64 แร็คคูนครับ จากคุณ : บูมเมอร์ - [ 20 ม.ค. 47 22:01:51 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ลิงก์ทะนุกิเจ้าข้า มันไม่ใช่แรคคูนหรอก แต่หน้าตาคล้าย http://www.onmarkproductions.com/html/tanuki.shtml แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 47 06:05:25 จากคุณ : lilymay - [ 21 ม.ค. 47 06:04:31 ]

ความคิดเห็นที่ 66 อ้าว เป็นลิงหรอกเหรอครับ จากคุณ : บูมเมอร์ - [ 21 ม.ค. 47 06:31:42 ]

ความคิดเห็นที่ 67 จ๊ากกกกกๆๆๆๆ คุณ Pee Kay เขียน: "ถามคุณ Ice ว่า ดู The Latest Samurai เอ๊ย The Last Samurai มาแล้ว phrase ว่า Assume firing position! แปลว่าอะไรครับ????? (ล้อเล่นครับ)" My response: Under an assumed name Pee Kay you dared take a piss out of the subtitle of the big movie, "The Last Samurai." It is a serious offense punishable by execution by a firing squad. Here it goes..."Assume firing position!....It is reasonable to assume that this Pee Kay has offended the movie translator. Therefore, make sure you aim well and hit him with the first shot. After the execution, I shall assume responsibility for my actions," said the movie translator, assumingly performing his/her unassumable obligations. .......ก๊ากๆๆๆๆๆๆๆ....... จากคุณ : tansy - [ 21 ม.ค. 47 08:23:15 A:202.129.0.164 X: ]

ความคิดเห็นที่ 68 เขียนเอง แต่แปลข้อความที่ตัวเองเขียนไม่ได้ ใครสำนวนดีๆช่วยแปลให้หน่อยดิ ห้ามใส่อารมณ์ให้รุนแรงเกินควรเด็ดขาดนะ..... จากคุณ : tansy - [ 21 ม.ค. 47 08:28:42 A:202.129.0.164 X: ]

ความคิดเห็นที่ 69 55555 มารอดูแปลครับ :-) จากคุณ : Pee Kay (Pee Kay) - [ 21 ม.ค. 47 09:14:52 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ก้ออยากเล่นด้วยหรอก แต่อย่าดีกว่า เด๋วจะบานปลายไปหญ่าย จากคุณ : lilymay - [ 21 ม.ค. 47 09:55:29 ]

ความคิดเห็นที่ 71 มันบานตรงไหน เจ๊ก็ลากข้ามตรงนั้นซิครับ อิอิอิ (คิดถึงเจ๊จัง... เจอกันครั้งสุดท้ายตั้งแต่ July แล้วอ่ะ) จากคุณ : Pee Kay (Pee Kay) - [ 21 ม.ค. 47 13:03:41 ]

ความคิดเห็นที่ 72 Under an assumed name Pee Kay you dared take a piss out of the subtitle of the big movie, "The Last Samurai." It is a serious offense punishable by execution by a firing squad. "ชิชะ ใช้ชื่อหลอกๆ ว่าพี่เก๋ แล้วยังบังอาจฉี่รดบทพาทย์ของหนังใหญ่เรื่อง "นักฟันคนสุดท้าย" อีก บังอาจมาก! มีโทษสมควรตายด้วยการยิง 'เป้า' เสียให้เข็ด!!!" ง่า ง่า ง่า..... ตอนนี้นุ่งกุงเกงขาลีบอยู่ คงไปบานปลายไม่ได้อ่ะนะ จากคุณ : สอบตกแหง็มๆ - [ 21 ม.ค. 47 13:53:40 A:203.156.76.92 X: ]

ความคิดเห็นที่ 73 อ่านแล้วไม่ขอออกความเห็นเรื่องที่วิวาทะกันอยู่ แต่อยากบอกว่าสำหรับตัวเองแล้วคิดว่าเจอวาทะเด็ดประจำปีนี้ ตั้งแต่ต้นปี นั่นคือ ที่นักแปลชื่อคุณ Clear Ice บอกว่า เธอไม่อ่านหนังสือแปล โอโห อ่านแล้วหัวเราะเหมือนคนบ้าเลยค่ะ ถ้าใช้สำนวนตลกคาเฟ่ คงต้องบอกว่าฮาอึแตกอึแตน ยิ่งถ้าเธอวงเล็บด้วยว่า ไม่อ่านหนังสือแปล (ของตัวเอง) คงขำกว่านี้อีก 50 เท่า จากคุณ : ผ่านมา - [ 21 ม.ค. 47 17:17:05 A:203.148.252.233 X:210.203.176.86 ]

ความคิดเห็นที่ 74 เอาล่ะ..ลองมาฟังความคิดเห็นของนักเขียนดังท่านหนึ่ง ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับการ สื่อความหมายหนังสือของตัวเอง ไปภาษาปลายทางของคนอ่านบ้างดีกว่า นักเขียนท่านนี้คือ Neil Gaiman ผู้ซึ่งมีผลงานดังๆ อย่างเช่น Neverwhere, Coraline ยกภาษาอังกฤษมาทั้งดุ้นเลยแล้วกัน คิดว่า ยังไงคนห้องนี้คงเก่งภาษา อังกฤษกันทุกคนละนะ Q: How you tailor your writing to which side of the Atlantic your intended audience is on. When I read Neverwhere it was the US edition and clearly contained language and explanations that would seem a little inappropriate to readers in the UK. Do you carry out your own 'translations' of your books? What differences do you see between American and British audiences to which you need to adapt? And how involved are you in the translations to other languages and hence cultures? Neil: I try to stay on top of the US and the UK editions of books (sometimes I fail). Neverwhere needed quite some work for the US readership, which I did 98% of, and the other 2% was done without my knowledge. (For example -- I kept the word "flat" for where Richard lived, in my US version. It's not a universally common US word, but it's comprehensible. The US editors unilaterally decided to change the word to "apartment" and did a universal find-and-replace, and in the bound galleys that were sent to reviewers there were people who believed the Earth was apartment and people started to say things apartmently.) I'll happily change words when they mean different things -- a pavement in the UK is what an American would call the sidewalk, while the pavement in the US is what Brit would regard as the road. If I have a girl bleeding on the pavement in the US edition, the meaning has changed, so I'm happy to move her to the sidewalk. A phrase like "It's all a bit of a pantomime," would mean something very different in the US to the UK -- and not in a way that would make a reader stop and realise that English Panto is a long way from "mime". The first time it happened was with Terry Pratchett, when the US editor wanted us to explain things like Firelighters and English Currency in Good Omens, but we had so much fun with all the extra footnotes and things they crept back into the UK edition. So the Gollancz first edition hardback has fewer footnotes and a slightly darker plot than the current paperback versions on either side of the Atlantic. There were other differences -- Terry changed my Cheers joke to a Golden Girls joke, because he didn't watch Cheers but quite liked the Golden Girls, and I changed my demons dance like the English band in the Eurovision Song Contest line to one about demons dancing like a white band on Soul Train because I suspected Eurovision Song Contests gags might not play in Des Moines. Stardust I worked hard to keep the same -- even down to the spelling of grey. The UK edition of American Gods isn't the same as the US edition -- partly because I got the galley proofs back a week apart and I was fairly punctilious about making sure that the US version contained as few anglicisms as possible, but much less bothered if the occasional stray "car park" instead of "parking lot" crept into the UK text. As for other countries -- I'll answer questions from the translators, but with the exception of the French, I'm not up enough in any other language to have any idea of whether or not it's a decent translation, so I'll rely on reader feedback. (Mostly it's pretty good. I keep hearing that the Spanish version of American Gods is a fairly problematic book, though.) A lot of the time the translators are the unsung heroes, as they take enormous pleasure in pointing out to me when I meet them in person and find myself apologising for hinging so much of American Gods on the several meanings of the word "trunk", or starting all the names of the Endless with D. I can be fairly certain that when I win awards in other countries for the fiction I owe my translators a great deal. ถ้าใครสนใจอยากอ่านต่อเชิญที่นี่เลย http://interviews.slashdot.org/article.pl?sid=03/11/03/1349252&mode=thread&tid=188&tid=192&tid=97 จากคุณ : babe - [ 21 ม.ค. 47 17:40:36 A:203.99.25.97 X: ]

ความคิดเห็นที่ 75 Interesting points in the above. จากคุณ : Slartibartfast - [ 21 ม.ค. 47 17:50:06 A:144.136.73.195 X: ]

ความคิดเห็นที่ 76 บทความที่คุณ babe เอามาแปะน่าสนใจจังค่ะ ขออนุญาต ทำลิงก์ให้นะคะ ((จะได้ไปอ่านต่อเองด้วย)) http://interviews.slashdot.org/article.pl?sid=03/11/03/1349252&mode=thread&tid=188&tid=192&tid=97 กิกิ ที่คุณ Pee Kay ถามมา ไอซ์คงจะแปลให้ดีเหมือนคุณแท่นสี่ ((เรียกตาม คนอื่น ๆ อีกแล้ว ฮี่ ๆๆ)) ไม่ได้อะค่ะ เอิ๊กส์ ๆๆ แล้วก็ขำที่คุณสอบตกแหง็มๆ แปลมาด้วยค่ะ ก๊ากเลย แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 47 19:02:53 แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 47 18:53:13 จากคุณ : Clear Ice - [ 21 ม.ค. 47 18:52:17 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ขอแปะรูปตัวทานูกิจากลิงก์ของคุณ lilymay ด้วยค่ะ ไอซ์ชอบเจ้าตัวนี้ในการ์ตูนน่ะค่ะ น่ารักดี ^^ จากคุณ : Clear Ice - [ 21 ม.ค. 47 18:55:01 ]

ความคิดเห็นที่ 78 โห ไอ้ตัวทานูกินี่ลึกล้ำปานนี้ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 21 ม.ค. 47 22:14:32 ]

ความคิดเห็นที่ 79 คุณ Pee Kay ที่คุณเอามาแปะเรื่องคำแปล Assume firing position (ที่เว็บอาศรมพ่อมด) น่ะ ที่ว่าเป็นคำแปล subtitle ใน trailer น่ะ..... ที่ว่า Assume firing position แปลว่า สมมติตำแหน่งการยิง ในหนังจริง (เมื่อคืนนี้ดูมาแล้ว) เขาไม่ได้แปลอย่างที่คุณว่าไว้ เขาแปล Assume firing position เป็น เข้าประจำตำแหน่งยิง....หรืออะไรทำนองนั้น.. (จำไม่ได้แล้ว) .....มันอยู่ในฉากประมาณ 15 นาทีกว่าๆไปแล้ว (ตัวเองเข้าโรงหนังช้า หนังฉายไปแล้ว 5 นาที) และพอดูๆต่อไป โดยพยายามไม่ให้ตามองหาเรื่อง.....คือฟังแต่เสียง soundtrack โดยไม่ดู subtitle แต่บางทีได้ยินประโยค ที่ไพเราะมากๆ ก็กวาดสายตาลงมาดู sutitle เป็นครั้งคราวเพื่อชมฝีมือนักแปล พบว่า เขา (หรือเธอ...???) แปลได้ดีนี่....???? เลยน่าที่จะสรุปได้ว่า คนแปล trailer กับคนแปลหนังตัวจริง เป็นคนละคนกัน....!!! อาจเป็นใส้ศึกจากอีกค่าย ถูกส่งมาแกล้งทำลายชื่อเสียงนักแปลตัวจริงมั๊ง......ไม่รู้สิ ตัวเองไม่ได้ดู trailer .......????? ชอบตรงที่พระเอกกับผู้หญิงญี่ปุน (ที่สามีเธอถูกพระเอกฆ่าตาย) แค่มองๆตาชอบกัน โดยไม่มี love scene แบบประเจิดประเจ้อ .....(ถ้ามี คงเสียชื่อชาวญี่ปุ่นแย่ แทนที่จะให้คนสรรเสริญความกล้าหาญของซามูไร) จากคุณ : tansy - [ 22 ม.ค. 47 08:47:26 A:202.129.0.164 X: ]

ความคิดเห็นที่ 80 อ้อลืมไป ".....แค่มองๆตาชอบกัน ....." ...แต่ "จุ๊บกัน" นิดๆทีหนึ่ง ไม่น่าเกลียด.....แฮ่ๆๆๆๆ.... ที่ tansy แปะไว้เล่นๆเรื่องทดสอบนักแปล (เห็นบ่นกันนักว่าแปลผิดเยอะ) ... แล้ว ที่เจ๊ o;] ตอบอย่างถ่อมตัวว่า "ขืนทำยังงั้น ถ้าเจ๊เกิดอยากแปลขึ้นมา เจ๊ก็สอบตกแหง็มๆ อ่ะจิ .... โนเวย์" น่ะ.......โหฝีมือพระกาฬขนาดเจ๊เนี่ย ถ้าสอบตกแหง็มๆละ นักแปลสูญพันธ์กันทั้งประเทศดิ....???.....ตัวเราเองก้อเลยอดอ่านหนังสือแปลเลย..... ลงเอยต้องเขียนเองแปลเอง ....เพราะเที่ยวไปแปลของคนอื่นเขา โดยไม่ได้ลิขสิทธิ์การแปล (ขอทีไรไม่เคยได้ซักที) ....จะโดนฟ้องละเมิดลิขสิทธิเอา ..... เหมือนที่คุณ Pee Kay เตือนไว้เรื่องเอา TV card กับ software อัดรายการจาก UBC ลงแผ่น CD ....แต่เอ ...อัดมาแค่ 2-5 นาทีจากหลายๆรายการ (ภาพยนต์ + สารคดี + ข่าว ฯลฯ) .....แล้วรวมลงแผ่น CD (อย่าที่ตัวเองคิดไว้ว่าไว้) เพื่อนำมาวิจารณ์หรือเพื่อประโยชน์ในการศึกษา (มาทำ course สอนการแปล) มันยังเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์หรือไม่....คุณ Pee Kay หรือท่านผู้ใดรู้เรื่องกฎหมายลิขสิทธิ์ช่วยตอบหน่อยดิ......ถ้ายังละเมิด เห็นที่จะต้องทำภาพยนต์เองเขียนหนังสือเองแล้วแปลเองซะแล้วซี....555... ฝันไปหละ.... จากคุณ : tansy - [ 22 ม.ค. 47 09:08:24 A:202.129.0.164 X: ]

ความคิดเห็นที่ 81 เออว่าแต่ว่าเถอะ เมื่อ 3-4 เดือนมาแล้ว หลงเข้าไปในเว็บหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ เก็บ url มันไว้ใน backflip.com ....ว่าจะตามไปดูใหม่ .....มันมีหนังสือภาษาอังกฤษทั้งเรื่องเลย เจ้าของเว็บเขา "อ้างว่า" เป็นหนังสือที่ "ดี" แต่พอผู้ประพันธ์ ยื่นเรื่องไปสำนักพิมพ์ บางเรื่อง ไม่ถูกเซ็นเซ่อร์ ก็ถูกปฏิเสธ ด้วยสาเหตุที่ (เจ้าของเว็บ) ไม่แน่ใจ และบางเรื่องก็เก่าจนมันกลายเป็น public domain (สาธราณสมบัติ) ไปแล้ว .....(เจ้าของเว็บนั้น) ก็เลยเอามาแปะไว้ให้ชาวบ้านอ่านฟรี ....... เอาไว้ ถ้าตัวเองกระเหี้ยนกระหือรืออยากจะแปล (แต่แต่งเอง ไม่เก่ง กลัวเหนื่อยแรง) แต่ขอลิขสิทธ์ไม่ได้ซักที (เพราะไม่ตามหนังสือใหม่....อยากแปลแต่ non-fiction เก่าๆ) ....อาจ (ถ้ามีเงินเหลือใช้และมีเวลาว่างพอ) ลองแปลหนังสือ (ของฟรี) ให้คนอ่านฟรีๆ มีทั้งภาษาอังกฤษต้นฉบับกับภาษาไทยเทียบกัน จะได้โดนวิจารณ์จังๆได้ สนุกดี....ว่าแต่ว่า....ใครรู้บ้างว่าจะสืบหรือยืนยันได้อย่างไร ....ว่าปลอดลิขสิทธิ์จริงๆ .....ใครรู้ช่วยบอกวิธีหน่อยดิ....???? จากคุณ : tansy - [ 22 ม.ค. 47 09:09:24 A:202.129.0.164 X: ]

ความคิดเห็นที่ 82 คคห 80 (อย่าที่ตัวเองคิดไว้ว่าไว้) แก้เป็น (อย่างที่ตัวเองคิดไว้ว่าไว้) ...ทำภาพยนต์เอง.....ตอนนี้แค่หัด capture แล้ว edit footage เพิ่งได้ทักษะมานิดหน่อยเอง ....ได้ ideas มาจากที่เมื่อ 2-3 เดือนที่แล้วตอนแปลงานเรื่อง camcorder ให้ลูกค้า (ลูกค้าเอามาจาก http://www.howstuffworks.com/ ลองเข้าไปอ่านดูดิ....น่าสนใจ มีเทคโนโลยีหลายๆอย่างให้ศึกษา) ในเนื้องเรื่องเห็นเขาว่า ภาพยนต์เรื่อง The Blair Witch Project สร้างโดยมือสมัครเล่น....โดยใช้ camcorder กับ Adobe Premiere เก่งจริงๆวุ๊ย...... เลยอยากลองมั่ง ตอนนี้ตัวเองทำได้แค่ตัดต่อโปรแกรมจากทีวีต่างประเทศจากจานดาวเทียมมาลงแผ่น CD เท่านั้น ยิ่งถ้าซื้อ camcorder ยิ่งไม่มีเงินใหญ่เลยเพราะเราเป็นนักแปลจนๆคนหนึ่งเท่าน้น......รอให้เปิดห้องโหรก่อน ....ตอนนี้กำลังอ่านทวนตำรา Feng Shui อยู่ คคห 81 (สาธราณสมบัติ) แก้เป็น สาธารณสมบัติ หรือ สาธารณะสมบัติหว่า....??? ...เออเว็บที่ว่า มีหนังสือปลอดลิขสิทธิ์เนี่ย บนเว็บที่ว่าเนี่ย (จำไม่ได้แล้วต้องไปไล่ตามหาใน backflip.com ใน account ของตัวเอง) มีให้ตั้งหลายเล่มแน่ มีครบทุกหน้าด้วยดิ.......สงสัยเราจะต้องกลายเป็นนักแปลหางแถว แล้วมาเก็บตกงานพวกเนี้ยไปแปลเสียแล้ว .....แฮ่ๆๆๆ...... จากคุณ : tansy - [ 22 ม.ค. 47 09:36:48 A:202.129.0.164 X: ]

ความคิดเห็นที่ 83 คคห 82" ...ในเนื้องเรื่องเห็นเขาว่า ..." แก้เป็น " ...ในเนื้อเรื่องเห็นเขาว่า ..." ไอ้เว็บที่มีหนังสือปลอดลิขสิทธิ์เนี่ย ......ถ้าใครหาเจอเพิ่ม ช่วยหามาแปะให้หน่อยดิ.....ว่างๆจะได้ค่อยๆแปลไปเรื่อยๆ...เออว่าจะลองไปเอาหนังสือจากนักพรตเต๋าที่เป็นเซียนคอมพิวเตอร์ (เริ่มเล่นคอมฯก่อนพวกเราหลายๆคน) อันนี้มีลิขสิทธิ์..... ต้องตามไปซื้อถึงสำนักของเขา.....ยังไม่มีเวลาเลย ........ไม่รู้ซื้อมาอ่านแล้วพอขอลิขสิทธิ์จะได้หรือเปล่าคราวนี้......น่าจะลุ้นอีกรอบหนึ่ง........แต่คิดๆแล้วอย่าดีกว่า สมควรเปลี่ยนอาชีพเป็น "โหร" จะดีกว่า เนื่องจาก "ฉายเดี่ยว" ได้ .....ไม่ต้องพึ่งสำนักพิมพ์หรือบริษัทแปล เหมือนกับทำงานแปล ....ไม่ต้องลงทุนซื้ออุปกรณ์แพงๆเหมือนทำงานสอนภาษาอังกฤษ หรือทำภาพยนต์ (แค่อัดรายการทีวีต่างประเทศไว้ดูเอง เป็นดีที่สุด) ......สรุปแล้วไอ้ทักษะอะไรที่เรียนยากๆแล้วพอเรียนมา ต้องพึ่งนายทุนหมด .....ดังนั้นจึงขอเตือนพวกที่อยากเรียนการแปล......ว่าบางทีเสียเวลาเปล่าๆ เรียนมาก็ไม่ใช่ว่าจะได้แปลหนังสือเล่มที่ตัวเองต้องการ.....???? สู้หัดอ่านเพราะรักหนังสือจะดีกว่า.....แล้วจะแปลหรือไม่แปล......มันสุดแต่ดวง ......(ต้องกลับไปอ่านดวงตัวเองต่อ ตามหลักวิชา Feng Shui) ..... มีอาชีพหมอดูเท่านั้น ที่ไม่ต้องพึ่งนายทุน แค่มีปากกากับกระดาษก็พอแล้ว ......แต่ถ้าให้เท่ห์ก็มี notebook computer ตัวหนึ่ง แล้วเดินทางทั่วไทย (หรือทั่วโลก) ไปดูดวงคน จะดีกว่าแปล.......เพราะหาเงินง่ายกว่า.....แต่ไม่เป็นไร ถ้ารวยจากการเป็นโหรแล้ว เราจะกลับมาใหม่เพื่อ แปลหนังสือไม่มีลิขสิทธิ์ ให้ชาวบ้านอ่านฟรี ...เป็นงานอดิเรก .......555..... ใครหาเจอช่วยเอามาแปะไว้ด้วยจะขอบคุณมั่กๆ....ตอนนี้กลับไปทำงานแปล (ให้บริษัทแปล) ก่อน ....หายฟุ้งซ่านแล้วหละ.....555..... จากคุณ : tansy - [ 22 ม.ค. 47 09:42:33 A:202.129.0.164 X: ]

ความคิดเห็นที่ 84 "there were people who believed the Earth was apartment and people started to say things apartmently" **** ก๊าก... "a pavement in the UK is what an American would call the sidewalk" **** อันนี้เพิ่งรู้นะครับเนี่ย โห... เข้าใจผิดแบบนี้ถึงตายเลยนะเนี่ย! แบบว่าไปเที่ยวอังกฤษแล้วเพื่อนฝรั่งบอกว่า PK, I'm gonna take your picture. On the pavement, PK. PK วิ่งลงไปยืนเต๊ะท่าอยู่กลางถนน รถเมล์ 2 ชั้นสีแดงวิ่งมา... นึกแล้วเสียว :-) เป็นบทความที่น่าสนใจมากครับ อ้าว... แสดงว่าตอนแปล trailer ให้คนที่ไม่ต้องเก่งนักมาแปล? แปลกจัง เพราะ trailer มัน reach more audience และก็เป็นตัวดึงคนมาดูหนัง เรื่องลิขสิทธิ์ขอ by ครับ แฮะๆ จากคุณ : Pee Kay (Pee Kay) - [ 22 ม.ค. 47 09:56:16 ]

ความคิดเห็นที่ 85 Stoppress: 'Oh! Hold your fire! Is it too late BTW?'.........'Pee Kay will be retried because new evidence has just come to light ......read คคห 79, ' said the Last Samurai movie Translator. "สอบตกแหง็มๆ" แปลได้สำนวนดีมากใน คคห 72 ว่าแต่ว่า "เสียให้เข็ด" นี้คง "ยิงไม่ถูก" นะ..... คือแค่ยิงเฉียดๆให้เข็ด ....ทำให้ตกใจกลัวไงล่ะ ......แต่ถ้ายิงโดนจังๆ (คนถูกยิง) คงไม่มีความคิดที่จะเข็ดเหลืออยู่.... เลยต้องตีความว่า ให้คนอื่นเข็ด = เชือดไก่ให้ลิงดู.....ไงล่ะ..... จากคุณ : tansy - [ 22 ม.ค. 47 13:35:14 A:202.129.0.164 X: ]

ความคิดเห็นที่ 86 อ้าว สะกดผิด ต้องเขียนแยกกันนิ ไม่ใช่ Stoppress แต่เป็น Stop Press.......หาเรื่อง...เติมมันเยอะๆ.....เผื่อจะได้จัดอันดับเป็นกระทู้ยาวที่สุด.....555....เผ่นกลับไปทำงานก่อนจะดีกว่า....แฮ่ๆๆๆๆๆ จากคุณ : tansy - [ 22 ม.ค. 47 13:47:25 A:202.129.0.164 X: ]

ความคิดเห็นที่ 87 คคห 74 น่าสนใจมาก ....เลยแปะข้อความนี้ไว้ให้อ่าน....... เรื่องภาษาอังกฤษกับภาษาอเมริกันเนี่ย ....ฟังๆดู.... บางทีพวกเราบางคนคิดว่า คนอังกฤษเป็น "ผู้ดีอังกฤษ" แต่ในเรื่องการใช้คำพูก.......แท้จริงแล้ว คนอเมริกัน prudish มากกว่าคนอังกฤษในเรื่องการใช้คำพูด..... ยกตัวอย่างเช่น คนอังกฤษจะใช้คำว่า 'cock' เพื่อเรียก 'ไก่ตัวผู้' โดยไม่คำนึงถึงว่า มันอาจมีความหมาย (ตามบริบท) ว่า 'อวัยวะเพศชาย' ..........ในขณะที่คนอเมริกัน prudish มากๆ คือดัดจริตเรียก 'ไก่ตัวผู้' ว่า 'rooster' ...ในขณะที่มันมีความหมายว่า "ผู้ชายที่หลงตัวเองและโอ้อวดก็ได้ด้วย" ......คงเหมือนเวลาไก่ตัวผู้ขันละกระมัง.......ที่ช่างโชว์ฟอร์มให้(ไก่) สาวๆดูเหลือเกิน......555........แต่ในขณะเดียวกัน rooster 'ปลอดภัย 100%' เพราะไม่มีทางแปลเป็น 'อวัยวะเพศชาย' ได้เลย เรื่อง 'ยางลบ' ก็เป็นอีกเรื่องที่ 'สาธิต' prudishness ของคนอเมริกัน........คนอังกฤษเรียกยางลบแบบ 'ซึ่อๆ' ว่า 'rubber' แต่คนอเมริกันต้องดัดจริตเรียกมันว่า 'eraser' เพื่อไม่ให้ไปซ้ำซ้อนกับคำว่า 'rubber' ที่แปลว่า 'condom หรือ 'ถุงยาง' ......เลยเรื่องตลกมีว่า ดาราสาวอังกฤษ (เมื่อตอนนั้นสาว... แต่ตอนนี้คงงั่งแล้ว) ไปถ่ายหนังที่ Hollywood......อยู่ดีๆเธออยากขอยืม 'ยางลบ' จากเพื่อนร่วมงานชาวอเมริกัน ......เธอพูดขึ้นมาว่า 'Has anyone got a rubber?' ...........ผลก็คือ .......หนุ่มๆชาวอเมริกันฮากันครึนเลย..........เธอก้อเลย 'หน้าแตก' ....ไปตามระเบียบ......!!!!! จากคุณ : tansy - [ 22 ม.ค. 47 15:50:39 A:202.129.0.164 X: ]

ความคิดเห็นที่ 88 เคยคุยกับเพื่อนคนอังกฤษเกี่ยวกับเรื่องนี้เหมือนกันครับ ตาไมเคิลนี่บอกว่า คนอเมริกันชอบสรรหาคำวิลิศมาหรามาใช้ ส่วนคนอังกฤษจะใช้คำง่ายๆดาดๆ อย่าง lift กะ elevator อะไรอย่างนี้ (ยังขำเรื่อง people started to say things apartmently อยู่เลย) ผมเข้าใจว่า สาเหตุหนึ่งที่ทำให้อเมริกันต้องขยันหาคำยาวๆมาใช้นี่ก็เพราะ political correctness นี่ล่ะ จากคุณ : บูมเมอร์ - [ 22 ม.ค. 47 16:20:06 ]

ความคิดเห็นที่ 89 political correct แปลว่าอะไรดี ดัดจริต? เรื่องมาก? ???? แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 47 18:17:07 จากคุณ : lilymay - [ 22 ม.ค. 47 18:16:06 ]

ความคิดเห็นที่ 90 politically correct พูดเอาตัวรอดได้อย่างนักการเมืองคือไม่ผูกมัดตัวเองไม่ว่าเรื่องใด ยอดนักการเมืองมีผู้สื่อข่าวมาสัมภาษณ์ ท่านนักการเมืองผู้นี้ขึ้นชื่อลือชานักหนาว่ามะกอกอย่าว่าแต่สามตะกร้าต่อให้สามสิบตะกร้าก็ไม่แน่นักว่าจะปาถูก นักข่าวจึงดักคอไว้ก่อน "ท่านครับ วันนี้เรามาเปิดอกคุยกันดีกว่า ขอความกรุณาท่านตอบผมอย่างตรงไปตรงมาหน่อยนะครับ ผมขอถามคำถามง่ายๆก่อนนะครับ ท่านชอบสีอะไรมากที่สุดครับ" ท่านนักการเมืองยิ้มกว้าง ก่อนจะตอบชัดถ้อยชัดคำว่า " ได้สิน้อง พี่ชอบสีรุ้งว่ะ" ฮ่าๆๆๆๆๆ ให้มันได้ยังงี้สิ นี่แหละครับ ตัวอย่างของ politically correct จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 22 ม.ค. 47 20:26:54 ]

ความคิดเห็นที่ 91 อืม พี่ Tansy ครับ ผมกลับไม่คิดเหมือนพี่นะครับ โดยเฉพาะเรื่องของ rubber กับ eraser ผมคิดว่าอเมริกันชนเค้าไม่ได้ดัดจริตเปลี่ยนศัพท์ใหม่ให้หรูหราอะไรหรอกครับ ถ้าเรามาคิดดู rubber แปลว่า ยาง แต่ ยางลบ ไม่ได้ทำมาจากยางเสมอไป มันมียางลบบางชนิดทำมาจากผ้าบ้าง วัสดุอื่นบ้าง การเรียกยางลบว่า eraser ซึ่งเรียกตามหน้าที่ของมัน ก็น่าจะฟังดู make sense กว่าน้า ส่วนที่คุณ Boomer บอกว่า คนอเมริกันชอบสรรหาคำวิลิศมาหรามาใช้ ส่วนคนอังกฤษจะใช้คำง่ายๆดาดๆ  อันนี้ผมก็ว่าไม่แน่เสมอไปนะครับ เอาง่ายๆคำว่า autumn กับ fall เนี่ย ตอนเด็กๆผมท่อง fall ได้ก่อนผมจำได้แม่นเลย อย่างคำว่าอาหารกลางวันที่ให้เด็กกินในโรงเรียนเนี่ย อเมริกันเรียก lunch หรือไม่ก็ school lunch, hot lunch แต่อังกฤษใช้ว่า School dinner อันนี้ไม่ง่ายนะครับผมว่า อีกคำนึงที่ทำผมอึ้งไปพอสมควรคือคำว่า Sleeping Policeman เหอะๆ ต้องกลับมาเปิดดิกซ์ดู อ้อ speed bump นี่เอง อีกหลายคำที่ผมว่า British English ค่อนข้างที่จะ confusing เช่น Chemist แปลว่า เภสัชกร หรือ ร้านขายยา แล้วมันแตกต่างจาก นักเคมี ตรงไหนหว่า  Bank holiday น่าจะเป็นของธนาคารแต่หยุดกันทั้งเมืองผมเห็นด้วยกับอเมริกันชนที่เรียกว่า National Holiday คำว่า ladybird มันเป็นแมลงแต่ไม่ใช่นก พอมาค้นคว้ามันคือที่คนแถวๆนี้เรียกว่า ladybug นั่นเอง จำได้ว่ามีเพื่อนร่วมแล็บเป็นคนอังกฤษเค้าใช้คำว่า Off you go! ผมฟังแล้วยิ้มเลย งง ครับ อึ้งกิมกี่ไปพอสมควร ทีหลังถึงมารู้ว่าเค้าหมายถึง Go ahead! เหอะๆ จำได้แม่นเลยคำนี้ เหอะๆ มีฝ่ายเสนอก็ต้องมีฝ่ายค้าน อิอิ กลัวว่าจะเป็นฝ่ายค้านอยู่คนเดียวอะดิ๊ สรุปว่า อเมริกันชนไม่ได้ดัดจริตเสมอไป ภาษาอังกฤษทั้งสองฝั่ง Atlantic มันมีอะไรที่แตกต่างกันซึ่งคงขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย แก้ไขเมื่อ 23 ม.ค. 47 02:10:23 จากคุณ : PromegaX (promegax) - [ 23 ม.ค. 47 02:04:58 ]

ความคิดเห็นที่ 92 political correctness คือการหลีกเลี่ยงการใช้ภาษา หรืการปฏิบัติในลักษณะดูถูก เหยียดหยาม กีดกัน กระทบกระเทียบ โดยส่วนมากจะเป็นในเรื่อง เพศ (ชาย หญิง และ เพศที่สาม) สีผิว กลุ่มคน อายุ deliberately inoffensive: marked by language or conduct that deliberately avoids giving offense, for example, on the basis of ethnic origin or sexual orientation http://encarta.msn.com/dictionary_561583927/political_correctness.html จากคุณ : babe - [ 23 ม.ค. 47 05:00:32 A:203.99.26.196 X: ]

ความคิดเห็นที่ 93 ขอบคุณท่านทั้งหลายที่มาตอบเรื่อง P.C. ความหมายนะรู้อยู่แต่อยากรู้ว่าท่านทั้งหลายจะแปลกันว่างัยมั่ง อิอิ คุณแก๊กจ้ะ ต้องดูย้อนไปว่าภาษามันเริ่มอย่างไรที่ไหนเมื่อไร แล้วเหตุใดเขาถึงใช้อย่างนั้น บริติชอิงกลิสนะมันมีมานานนมกว่ามะกันสิส คำใดที่เขาเคยใช้อยู่แล้วจู่ๆจะให้เปลี่ยนมาใช้ตามจอนนี่คัมเลทลี่ก็คง... ตัวอย่างเช่น แต่แรกเริ่มยางลบทำแต่จากยางพารา ก็เลยเรียกกันว่ารับเบอร์ ทีนี้ต่อมาก็มียางสังเคราะห์เกิดขึ้น แต่คนที่เรียกกันมานมนานจะให้เขาเปลี่ยนรึ ยากกกส์ อีกคำที่เถียงกันตายคือคำว่า kid มะกันสิสแปลว่าเด็กๆ อิงกลิสจะยืนยันว่ามันแปลว่าแพะเด็กๆอ่อนๆหรือหนังของมัน chemist มันมาจากว่าสมัยโน้นเภสัชต้องผสมยาเอง ทดสอบสูตรโน่นนี่ ไม่เหมือนสมัยนี้ที่หยิบจากชั้นมาก็ขายกันได้ มะกันเรียก drugstore แต่เห็นขายเครื่องสำอาง ขนมนมยา ของอื่นๆเติมร้าน เคาน์เตอร์ยานิดเดียว อีกหน่อยคงมีชื่ออื่น ภาษามันพัฒนาไปตามเวลา แต่ โอลด์แฮบิทดายฮาร์ด แล้วมันก็มีปัญหา แนชั่นแนลไพร์ดอีก เถียงไปให้ตายก็ไม่จบ จากคุณ : lilymay - [ 23 ม.ค. 47 06:45:01 ]

ความคิดเห็นที่ 94 เหอๆๆๆๆ อย่างที่ #92 ว่าน่ะแหละ ใช่เลย PC ก็คือ ศิลปะการพูดที่หลีกเลี่ยงการทำให้คนขุ่นเคือง (ด้วยการใช้ความคลุมเครือ) ไอ้วงเล็บนี่ผมวงเล็บเอง แต่นักการเมืองทั้งหลายจะถนัดศิลปะอย่างว่านี้มาก พูดเพราะๆแต่ไม่ให้พลั้งพลาดเป็นโอษฐภัย นึกถึงกรณีน้ำมันหมูที่ออกจากปากนักการเมืองผู้หนึ่งเมื่อสองสามปีก่อนยังขำไม่หาย นี่ขนาดเป็นนักพูดระดับเดี่ยวไมโครโฟนนะเนี่ย สมคำพังเพยว่า หมองูตายเพราะงู ปลาหมอตายเพราะปาก เจงๆ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 23 ม.ค. 47 10:10:53 ]

ความคิดเห็นที่ 95 "ส่วนที่คุณ Boomer บอกว่า คนอเมริกันชอบสรรหาคำวิลิศมาหรามาใช้ ส่วนคนอังกฤษจะใช้คำง่ายๆดาดๆ อันนี้ผมก็ว่าไม่แน่เสมอไปนะครับ เอาง่ายๆคำว่า autumn กับ fall เนี่ย ตอนเด็กๆผมท่อง fall ได้ก่อนผมจำได้แม่นเลย อย่างคำว่าอาหารกลางวันที่ให้เด็กกินในโรงเรียนเนี่ย อเมริกันเรียก lunch หรือไม่ก็ school lunch, hot lunch แต่อังกฤษใช้ว่า School dinner อันนี้ไม่ง่ายนะครับผมว่า อีกคำนึงที่ทำผมอึ้งไปพอสมควรคือคำว่า Sleeping Policeman เหอะๆ ต้องกลับมาเปิดดิกซ์ดู อ้อ speed bump นี่เอง อีกหลายคำที่ผมว่า British English ค่อนข้างที่จะ confusing เช่น Chemist แปลว่า เภสัชกร หรือ ร้านขายยา แล้วมันแตกต่างจาก นักเคมี ตรงไหนหว่า Bank holiday น่าจะเป็นของธนาคารแต่หยุดกันทั้งเมืองผมเห็นด้วยกับอเมริกันชนที่เรียกว่า National Holiday คำว่า ladybird มันเป็นแมลงแต่ไม่ใช่นก พอมาค้นคว้ามันคือที่คนแถวๆนี้เรียกว่า ladybug นั่นเอง" **** เห็นด้วยกับพ่อ Gax ล้านเปอร์เซ๊นต์ว่าภาษาอังกฤษอังกฤษเรื่องมาก เข้าใจยาก อิอิอิอิ (เดี๋ยวป้านวลโดดลงมาอีกแน่ๆเลย :-) PC ถ้าเจ๊จะเอาคำแปลจริงๆ ผมเสนอว่า "ตอบแบบเลี่ยงบาลี" อย่างนี้ดีมั้ย? :-))) จากคุณ : Pee Kay (Pee Kay) - [ 23 ม.ค. 47 16:16:52 ]

ความคิดเห็นที่ 96 มาอ่านแล้วยิ้ม ๆ ค่ะ สงสัยเพราะว่าตัวเองชินกับภาษาอังกฤษแบบอังกฤษ เลยคิดว่าภาษาอังกฤษแบบอังกฤษมันเป็นพื้นฐานดี เข้าใจง่าย กว่าภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน ^^" อย่างคำว่า Off you go! ที่คุณ PromegaX บอกว่าฟังแล้วอึ้ง ไอซ์ฟังบ่อยจนชินค่ะ อาจารย์ที่นี่ใช้บ่อยมั่ก ๆ หรืออย่าง Bank holiday ก็เหมือนกัน รู้แต่ว่าจะได้หยุดเรียน ไปด้วย 5555 ไม่เคยไปค้นต้นสายปลายเหตุเลยค่ะ มันชินไปเอง ^^ คนอังกฤษบางคนจะหงุดหงิดเวลาฟังภาษาอังกฤษแบบ อเมริกันนะคะ เคยได้ยินคนอังกฤษพูดกับคนอเมริกันว่า "Can you speak English??!!!" โอ๊ย ... ทะเลาะกันหน้าดำหน้าแดง เรื่องความแตกต่างของคำบางคำระหว่างอังกฤษกับอเมริกา ไอซ์เองก็เคยเจออยู่หลายครั้งเหมือนกัน ครั้งหนึ่งตอนไปเยี่ยมน้องชายที่อเมริกา นั่งแท็กซี่อยู่ แท็กซี่ก็ชวนคุยว่า มาทำอะไรที่นี่ ไอซ์ก็ตอบว่า "I'm on holiday" แท็กซี่ก็ทำหน้างง ไอซ์ก็งงด้วยว่า สงสัยออกสำเนียงไม่ดี เอาใหม่ "ฮ้อลลลิเด่ย์ย์" แท็กซี่ขมวดคิ้วอีกรอบ แล้วก็ร้อง "อ๋อออออ วออออเค้ช่านนนน" กลับมาเล่าให้เพื่อนชาวอังกฤษฟังว่า ตูพูดผิดตรงไหนฟะ? ขำกันกลิ้ง ^^ ........... แก้หลายรอบหน่อย จัดบรรทัดไม่สวยซักที 5555 แก้ไขเมื่อ 23 ม.ค. 47 18:30:25 แก้ไขเมื่อ 23 ม.ค. 47 18:26:58 แก้ไขเมื่อ 23 ม.ค. 47 18:24:20 จากคุณ : Clear Ice - [ 23 ม.ค. 47 18:19:47 ]

ความคิดเห็นที่ 97 55555 .... ป้าม่ะต้องกระโดดออกมาหรอก เดินออกมาอย่างซิหง่าผ่าเผยย่ะ พี่เก๋ เรื่องอเมริกันเอาภาษาอังกฤษไปเพี้ยนนั้น ขอตอบสั้นๆ ว่า มันเหมือนกะกรณีเวียตนามเอา ต้มยำกุ้งไปทำแบบรสชาติเวียตนาม แล้วบอกว่า มันอร่อยกว่าของไทยทำอ่ะ ... ใครเป็นหวัดบ้างอ่ะ โห..หรือว่าเราเป็นอยู่คนเดียว (เลยม่ะมีแรงกระโดดออกมาไง้ :-))))))))))))) จากคุณ : o;] - [ 23 ม.ค. 47 19:47:44 A:203.156.75.182 X: ]

ความคิดเห็นที่ 98 ผมเกือบเป็นแล้วครับป้า รออีกแป๊บเดี๋ยวเป็นละ จากคุณ : บูมเมอร์ - [ 23 ม.ค. 47 20:58:46 ]

ความคิดเห็นที่ 99 ป้า take care นะครับ เป็นหวัดหรือว่าภูมิแพ้? ถ้าภูมิแพ้ ผมรับปรึกษา เพราะเป็น expert ครับ :-) (ม่ายใช่ทางด้านรักษานะ ทางด้านเป็นอ่ะ) ป้าไปช่วยออกความเห็นที่นี่ หน่อยซิครับ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K2634950/K2634950.html พ่อ Boom ผมซื้อ C-PL มาบ้างแล้ว (เมื่อวานนี้เอง) ลืมถามคุณ Ice ตกลงให้ The Last Samurai กี่ดาวครับ? :-) จากคุณ : Pee Kay (Pee Kay) - [ 24 ม.ค. 47 07:43:50 ]

ความคิดเห็นที่ 100 เออเรื่องคำแปล The Last Samurai ที่คุณ Pee Kay อยากรู้ rating จะบอกให้ในฐานะที่ตัวเองไม่ใช้ "สายตาหาเรื่อง" คือไม่ได้ตรวจสอบทุกประโยค กะจะไปดูให้สนุก ไม่ใช่ไปจับผิดนักแปล......แต่ทุกครั้งที่ได้ยินประโยคที่ไพเพราะมากๆหรือน่าจะแปลได้ยากมากๆ ....ก็กวาดสายตาไปดู subtitle พบว่านักแปล (ตัวจริงเสียงจริงนะ) คนนี้เอาตัวรอดได้ดี....คือพริ้วไปได้ดีตามสถานการณ์....ไหวพริบดี ว่างั้นเหอะ....(เท่าที่เหลือบไปเห็นเพียงบางส่วนนะ) ข้อคิดของคุณแก๊ก มีแนวโน้มว่าคุณเชียร์ภาษามะกันทุกเรื่องเลยนะ ..... Your attitude is perfectly understandable. แต่สำหรับตัวเองแล้วมีความคิดที่ยืดหยุ่น เช่นเวลาพิมพ์ตัวย่อ จะพิมพ์แบบคนอังกฤษคือไม่ใส่จุด (มันเร็วดี) ยิ่งพิมพ์สูตรคณิตศาสตร์แล้วจะเห็นความแตกต่างมากๆเลยอ่ะ....แต่เวลาสะกดจะใช้ตัวสะกดอเมริกัน (เกือบ) หมด ....เพราะมันสั้นดี ยกเว้นบางคำเช่น installment มะกันดันมี l เพิ่มมาตัวหนึ่ง เลยสะกดตัวนี้แบบอังกฤษดีกว่า ...555...ส่วนเรื่องการพูดภาษาอังกฤษ ในบางครั้ง ตัวเองจะเปลี่ยนสำเนียงบ่อยๆตามสถานการณ์ เหมือนๆกับ chameleon เปลี่ยนสี.....มันสนุกดี........ ไอ้เรื่องงงคำคนอังกฤษ ก้อยอมรับนะว่าตัวเองทีแรกงงมากเมื่อได้ยินคนอังกฤษพูดว่า He came unstuck, didn't he? ไอ้งงก็คือว่า stuck มันแม่ว่า "unable to move" ถ้ายังงั้น "unstuck" มันน่าจะแปลว่า "ไม่ติดขัดนะ" ....แต่หนอยแน่ ไอ้ประโยคที่ว่า ตามบริบท came unstuck มันแปลว่า "failed completely" นิหว่า......โดนพูดกรอกหูบ่อยๆจนจากเข้าใจผิดเลยเข้าใจถูกไปเอง......ไม่รู้ประโยคแบบนี้มะกันพูดกันอะป่ะ????? ทีนี้เรื่อง rubber ลอง apply logic ของคุณแก๊กกับสถานการณ์จำลองนี้นะ ....สนุกดีง่ะ.......หญิงชายคู่หนึ่งกำลังพรอดรักกัน พอถึงตอนเข้าด้ายเข้าเข็ม ผู้หญิงบอกว่า "You must wear a rubber." ลองคิดดูว่าผู้ชายจะไปหาอะไรมาสวมใส่ ..ตั้งแต่ยางดิบ, ยางพารา, ยาง latex (อันนี้อย่าคิดลึกนะ) .....ไปจนกระทั่งหนังสะติ๊ก.....คิกๆๆๆๆ .......????? จากคุณ : tansy - [ 24 ม.ค. 47 10:39:46 A:202.129.0.164 X: ]

ความคิดเห็นที่ 101 พูดถึงเรื่องพิมพ์ตัวย่อไม่ใส่จุดแบบคนอังกฤษแล้วความคิดโยงใยไปถึงไอ้ "บิ๊กสุ" วายร้าย ตัวที่เก็บมัดจำหรือค่าทดสอบนักแปลอะไรเนี่ย....เห็นว่าน้อง kim จะไปตามพรรคพวกมาให้ไปร้องเรียนกับไอทีวี ให้พวกเขามาทำรายการ "ทำผิดแล้วอย่าเผลอ" (ไม่รู้เรื่องไปถึงไหนแล้ว....???) .......... แล้วพูดเรื่องจับผิดนักแปล....ก็เลยคิดเรื่องนี้ขึ้นมา ...คือเมื่อสมัยก่อน "บิ๊กสุ" เป็นพนักงานพิสูจน์อักษรในบริษัทแปลที่ tansy ไปฝึกแปลอยู่เมื่อหลายปีมาแล้ว คง 10 กว่าปีมาแล้ว .....พวกเรา (นักแปลหลายคน) กำลังรวมพลกันแปลงานชิ้นใหญ่ (มีหลายร้อยหน้า) ให้สถานทูตอังกฤษ เป็นเรื่องฟ้องร้องกันในศาลไทย แปลไทยเป็นอังกฤษ ......ตัวเองกำลังระดม files ทั้งหมดมา edit ให้เป็น style แบบ British ) เพื่อเอาใจคนที่สถานทูต ...(เพราะนักแปลบางคนเขียนเป็นภาษามะกันก็มี) .......เลยสั่งพนักงานพิมพ์ดีดว่า ให้พิมพ์ตัวย่อไปโดยไม่ใส่จุด...ให้หมด..เพื่อความรวดเร็วและเพื่อให้เป็น British style.........พอ print ออกมาเป็น hardcopy เจ้าบิ๊กสุ เอาไปตรวจตัวสะกดแล้ว หมอเอาหมึกแดงขีดเส้นใต้ตัวย่อทุกตัวที่ไม่ใส่จุด แล้ว insolently commented มาว่า "คำเหล่านี้ไม่มีใน dictionary....???!!!!!" ....ไอ้วันนั้นนะ "บิ๊กสุ" โชคดีที่บนโต๊ะเรามีแต่ดิก Webster วางอยู่ ไม่มีดิก Oxford (นักแปลคนอื่นยืมไป) ม่ายงั้นมันโดนดิก Oxford (เล่มหย่ายๆ) เฟี้ยงหัวตายไปตั้งแต่วันนั้นแน่ๆ....มันจะได้ไม่ต้องมาก่อกรรมทำเข็ญให้กับชาวบ้านอีกนานถึง 10 ปีให้หลัง ........อันนี้ไม่ใช่ความแค้นส่วนตัวนะ ....แต่คิดว่าหมอนี่มีแวว nasty มาตั้งนานนมแล้ว ....ไหนๆแปะไว้แล้วก็อยากประกาศว่า ใครโดน "บิ๊กสุ" หลอกเก็บเงินประกันตอนสมัครงานแปล ก็ให้ติดต่อพ่อโปรเจ๊กต์ และ/หรือ น้อง kim โดยด่วน เผื่อว่าจะมีทาง stop หมอนี่บ้าง ...... จากคุณ : tansy - [ 24 ม.ค. 47 11:16:30 A:202.129.0.164 X: ]

ความคิดเห็นที่ 102 ตอบคุณพี่เก๋ ... ถามถึงตัวหนังใช่หรือเปล่าคะ? ส่วนตัวนะ ไอซ์ให้สี่ ((เต็มห้านะ)) เพราะว่าไอซ์ชอบหนัง สไตล์นี้น่ะค่ะ ซามูไรเท่ห์ดี นางเอกสวย ชอบ ๆ แต่ถ้าถามถึงเรื่องคนแปลซัป ((ชักงงเพราะเห็นคุณแท่นสี่พูดถึงซัป)) ไอซ์ไม่ทราบสิคะ พอดีดูที่ London ^^ จากคุณ : Clear Ice - [ 24 ม.ค. 47 17:26:47 ]

ความคิดเห็นที่ 103 คำประเทศอังกฤษที่ถูกถามมากที่สุดคือคำว่า Shite ค่ะ แล้วไม่รู้จะอธิบายอย่างไร นอกจากยิ้ม ฟังคุณติ่มซ่ำอธิบาย เข้าใจเลยล่ะคะ ดิฉันถึงรู้สึกตัวว่าแก่มั่กๆ ตามเด็กๆตอบกระทู้ไม่ทัน เข้าใจมากคะทุกกรณี แล้วดิฉันไม่โทษใครนะคะ นอกจากตัวเอง สบายใจได้คะ แล้วดิฉันไม่ทราบนะคะว่ามีใครเป็นนักแปลในกระทู้นั้น ไม่รู้จักนะคะถ้าเธอไม่บอกมาก่อน แต่เอาล่ะคะ นักคุยนักอ่าน Love in the Time of Cholera น่าคุยกว่าไหมค่ะ แต่ดิฉันจะไปคุยโดยไม่เข้าใจผิดได้หรือยัง :) ฝากยิ้มค่ะ สักพักแล้วนึกสนุก ค่อยไปดีกว่านะคะ ด้วยความยินดีค่ะ ดีใจที่ได้รู้จักทุกคนในที่นี้ จากคุณ : friend - [ 24 ม.ค. 47 22:08:21 A:203.151.225.35 X: ]

ความคิดเห็นที่ 104 ผมก็ไม่รู้นะว่าคุณ friend อายุสักเท่าไร ฟังพูดเหมือนกับอายุมากแล้ว ก๊ากกกก คราวนี้คงมีคนตีปีกกันบ้างที่มีคนออกมารับว่าแก่ไปแล้ว เพราะมีคนบางคนเอาอายุใส่กล่องไปฝากธนาคารไว้หลายปีอย่างหน้าตาเฉย ไม่ยอมแก่ ว่างั้นเหอะ ผมก็ยังไม่แก่ครับ ขอเรียกพี่ friend ได้ไหมฮับ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 24 ม.ค. 47 23:50:16 ]

ความคิดเห็นที่ 105 4 ดาว ใช้ได้ เป็นอย่างที่กะๆไว้ครับ เดี๋ยวพอออกเป็น DVD ผมจะไปหามาดูบ้าง :-) จากคุณ : Pee Kay (Pee Kay) - [ 25 ม.ค. 47 00:55:46 ]

ความคิดเห็นที่ 106 ขอเรียกพี่ด้วยคนจ้า พี่ friend แหมดีใจจังมีคนมายอมรับว่าแก่ ตัวเองจะได้กระพือปีกได้ว่ายังไม่แก่ ....ส่วนท่านจอมยุทธ์แอ๊ดกับ tansy เนี่ย ใครจะแก่กว่าใคร ต้องนัดงัดบัตรประชาชนกินเหล้ากัน ใครแก่กว่าหรือใครอ่อนกว่าเสียเงินดี....ให้คุณ Pee Kay ตัดสิน....โหถ้านัดคุณ friend มาร่วมเปิดบัตรกินเงินกันด้วย ยิ่งมีเงินกองกลางเยอะมั่กๆเลย.....555..... เรื่องกระพือปีกว่าไม่แก่ไม้แก่ เมื่อ 2 คืนไปกินข้าวเด็กเสริฟ์มาคุยด้วยเรื่องจิปาถะ .......พอบอกอายุตัวเองไป เธอบอกว่า "โหนึกว่าแค่ 30 กว่าๆเอง....เป็นไปได้ไง....???......" โหดีใจจนตัวลอยเลย หมด tip ไปเท่าไหร่ ไม่กล้าบอก ....อายง่ะ.... จากคุณ : tansy - [ 25 ม.ค. 47 14:30:10 A:202.129.0.164 X: ]

ความคิดเห็นที่ 107 เหมือนผมแหละครับเฮียแท่น พอบอกอายุตัวเองไป เธอก็บอกว่า "โห นึกว่าสามสิบกว่าๆ ...เป็นไปได้ไง" เหมือนกัน จากคุณ : บูมเมอร์ - [ 25 ม.ค. 47 16:50:56 ]

ความคิดเห็นที่ 108 ผมแอบ evaluate อายุของเฮีย Tansy ใหม่แล้วครับ แต่ยังไมกล้าประกาศ อิอิอิ จากคุณ : Pee Kay (Pee Kay) - [ 25 ม.ค. 47 20:54:17 ]

ความคิดเห็นที่ 109 ขอเรียกคุณพี่ freind ด้วยคนซิค่ะ เรื่อง Love in the Time of Cholera เนี่ยหนึ่งในบรรดาเรื่องที่อ่านแล้วอ่านอีกได้เลยค่ะ :-) เฮียแท่น ขอเดาว่า เออรี่ฟิฟตี้ :-) จากคุณ : lilymay - [ 26 ม.ค. 47 18:10:01 ]

ความคิดเห็นที่ 110 ถ้าเรียกอิฉันพี่ แล้วอิฉันจะเรียกคุณแอ็ดว่าอะไรคะ :) เครื่องหมายยิ้มนี้หลานตัวดีสอน คอมพิวเตอร์นี้หลานก็เอามาให้ค่ะ หลานมันว่าอย่างป้านี่ต้องจอสิบเก้านิ้วจะได้อ่านชัด ทันเด็ก ขนาดนี้ป้ายังตอบไม่ทันเลย หลานบอกว่าวัยขบเผาะความคิดแบบคุณป้า ควรหัดเล่นอินเตอร์เน็ต เพราะในนั้นเสือสิงห์กระทิงช่างคิดเยอะ อ่านแล้วจะมันส์ เห็นจะจริงค่ะ ส่วนลูกโตแล้วยังเหมือนเด็ก เถียงได้เถียงดีหรือเราเห็นเด็กตลอดเวลาไม่ทราบแน่ อิฉันเรียกว่าคุณแอ็ดว่าพี่บ้าง คุณo;] น่าจะเป็นคนที่เด็กๆเรียกว่าป้านวล พี่ tansy พี่บูมเมอร์ พี่เก๋แหมเต็มปาก ดิฉันเดาอยู่ตั้งนาน ยังอ่านพีเคตลอด พี่ lilymayค่ะ ห้าสิบตั้งแถวหน้านะคะ อย่าแตกแถวไม่ต้องเกี่ยงกัน ดิฉันถอยหลังได้เพราะขานแต่ชื่อ ธนาคารให้ดอกเบี้ยน้อย ดิฉันเลยฝังดินเอาอายุใส่ไหเผื่อจะงอกเป็นทองแท่งเหมือนสมัยสงครามโลก เรื่อง Love in the Time of Cholera สมัยมีแขกทิ้งหนังสือไว้ในโรงแรมเมื่อสิบปีที่แล้วค่ะ มีคนเก็บมาให้ ใจเราก็ไม่ดีอ่านคำอุทิศ เขาอุตส่าห์มอบหนังสือให้กัน ทำไมไม่รู้จักรักษานะ ว่างๆก็เลยอ่านดู อิฉันหลงรักค่ะจนไปทราบมาจากบทความที่นักเขียนๆเองว่านิยายเรื่องนี้ เป็นเรื่องจริงของพ่อแม่เขาค่ะ อัตชีวประวัติของนักเขียนออกเป็นเล่มแล้ว อ่านจบแล้วจะมาเล่าให้ฟังค่ะถ้าสนใจ แถวตรงนะคะ แตกแถว เป็นตีเชียว :) จากคุณ : friend - [ 26 ม.ค. 47 20:54:26 A:203.151.225.213 X: ]

ความคิดเห็นที่ 111 ครับผม พี่ friend เรียกผมน้องแอ๊ดก็ได้กั๊บบบบ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 26 ม.ค. 47 21:08:28 ]

ความคิดเห็นที่ 112 ผมชอบสำนวนคนวัยประมาณห้าสิบจริงๆ แฮะ เห็นหลายท่านแล้ว เขียนอะไรได้ลื่นไหลดีจริง ยกเว้นพี่แท่น มาทีเป็นพรืดดดดดดดดดดดดด ยังกะ M-60 :)) จากคุณ : พ่อโปรเจ็กต์ - [ 26 ม.ค. 47 23:07:00 ]

ความคิดเห็นที่ 113 Pee Kay อ่านว่า พีเค ถูกแล้วครับ ที่เรียกว่า พี่เก๋ ใช้เวลาไปนั่งดริงค์แล้วมีสาวๆมาเสิร์ฟครับ อายุยี่สิบสองปีครับ บูมเมอร์ อายุเท่าๆกับ Pee Kay ครับ tansy อายุยี่สิบสองเหมือนกันครับ lilymay คนนี้กำลังเอ๊าะครับ สิบแปดครับ น้องยุ้ย อายุสิบห้าปีครับ พ่อโปรเจ็กต์ คนข้างบนนี่แก่ที่สุดเพราะนอนดึกตื่นเช้าเนื่องจากต้องปั่นงานด่วนบ่อยๆ คนนี้สามสิบครับ ป้านวล? เรียกกันไปยังงั้นแหละครับ ฟามจริงอายุยี่สิบเอ็ดครับ แต่ปากจัดจ้านเกินอายุนะครับ ขอเตือน ส่วนผม เอ้อ เขิลลลล์ง่ะ ยี่สิบสองเหมือนกันกับพวกข้างบนครับ แล้วมีตัวป่วนเป็นโจ๊กเก้อร์อีกตัวหนึ่ง ตัวนี้ไม่เจอได้ก็ดีครับ จากคุณ : เจ้าของกระบวนท่ามหาอำพรางฯ (แอ๊ด ปากเกร็ด) - [ 27 ม.ค. 47 00:43:03 ]

ความคิดเห็นที่ 114 โห ยิ้มๆๆๆ วันนี้เฮียให้พรแต่เช้ามืด เด๋วจะไปส่องคันฉ่องดูซะหน่อย :-) คุณพี่เฟรนด์ เจ้าขาอ่านเรื่องรักในยามอหิวาต์ระบาดแล้วมาเล่าให้ฟังมั่งซิค่ะว่าคิดอย่างไร  นักเขียนคนนี้ก็หนึ่งในดวงใจทีเดียว แล้วเคยอ่านร้อยปีในความสันโดษรึยังค่ะ แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 47 06:49:52 จากคุณ : lilymay - [ 27 ม.ค. 47 06:49:13 ]

ความคิดเห็นที่ 115 ห้องนี้กำลังทำให้ดิฉันสนุกนะคะ ไม่เป็นไรเดี๋ยวกลายเป็นคนแก่ติดอินเตอร์เน็ตหลานมันก็มาว่าเอง มาพินิจถึงความแก่ ความแก่มีดีอยู่หลายข้อนะคะ 1. บ่นได้ตามอายุ ไม่มี Fear of fifty แบบอิริก้า จ็องค์ อย่างไรเสียเด็กๆก็ว่าเรามันแก่ค่ะ 2. คนแก่ไม่ต้องตีความในอารมณ์ผู้อื่นค่ะ เสียเวลา มาอย่างไรไปอย่างนั้นตามประโยคและเหตุผล 3. คนแก่ไม่มีความจำเป็นต้องอวดอ้างอะไร ทั้งอารมณ์และความคิด รู้จักแยกแยะตามตรรกะ แก่แล้วคุณค่าเรารู้อยู่แก่ใจดีค่ะ 4. คนแก่จะฟังเด็กมากกว่าปกติ เพราะเด็กเป็นวัยเซนซิทิฟ คนแก่ต้องหัดฟังให้เข้าใจทุกมุมค่ะ เด็กจะได้หัดใช้ความคิด จนเถียงคนแก่ไม่ ขึ้น อิอิ 5. คนแก่ที่ดีก็เป็นศรีแก่ชาตินะคะ สาระอยู่ที่ว่าเรามองโลกกว้างมากขึ้นตามวุฒิภาวะหรือเปล่า ถ้ายังไม่มากพอก็ต้องฟังเด็กๆรุ่นใหม่ค่ะ ลูกอิฉันมีวิธีสอนอิฉันทุกวันนะคะ หลานก็เหมือนกัน เราพูดกันน้อยแต่เราพูดด้วยปัญญา ถ้าอะไรที่ยังขบมาไม่พอ ก็ให้ไปคิดมาใหม่ เอาเงินกองกลางมารวมกันเลยค่ะ ตามอายุเข้าคาสิโนที่แอคแลนติคซิตี้ยังไม่ได้เลยค่ะ ฮ่า ดังนั้นคนอายุน้อยถอยไป ไม่ต้องควักบัตร แต่ถึงเวลาขับคัน ส่งคุณนวลกับคุณแอ๊ดไปก่อน ตามด้วยพี่ tansy และตัวป่วน คุณแอ๊ดและเพื่อนเตือนบ่อยเหลือเกินเรื่องตัวป่วน ป่วนอารมณ์อิฉันไม่ว่าค่ะ ชิน แต่เถียงให้ทันแล้วกันถ้าอิฉันบ่น คนป่วนเขาต้องมีจุดประสงค์ในการมานะคะ เราก็ปล่อยเขา ปล่อยให้บ่นจนเมื่อย เราฟังเขาบ้าง สนุกค่ะ ตัวตนไม่มีหรอกค่ะในอินเตอร์เน็ต ต้องถอดกองเอาไว้ เราติดกับตัวเองและคนที่รักมาก เราก็เหนื่อยอยู่คนเดียว ต้องทำใจค่ะเรื่องแบบนี้ ห้าสิบตั้งแถวใหม่ ยี่สิบกว่าๆที่คุณแอ๊ดแนะนำเพื่อนๆมาต้องลื่นไหลแล้วค่ะ ไม่งั้นอิฉันจะผลักขึ้นแถวหน้าเชียว จะได้ชิน อิฉันขานแต่ชื่อ เป็นยิวแบบชินด์เลอร์ลิสต์ ผลักเด็กขึ้นก่อน แก่แล้ววางแต่แผน vbvb รักในยามอหิวาต์ระบาด คุณพี่ลิลี่เมย์ชอบหรือค่ะ อิฉันต้องขุดไหก่อน นานเหลือเกิน ถึงจะออกความเห็นได้ แต่ชอบมากค่ะ ทั้งวิธีเล่าและความโรแมนติกของเรื่อง ยืมจอบหน่อยสิค่ะ จะได้ขุดทองสักที :) โดดเดี่ยวได้อ่านค่ะ อ่านหลายเล่มเหมือนกันนักเขียนคนนี้ จะมาคุยอีกนะคะ ติดแล้ว แต่ต้องไปทำธุระต่างที่สักระยะหนึ่ง หวังว่ากระทู้ยังอยู่เมื่อกลับมา พี่เก๋ พี่พ่อ project พี่บูมเมอร์ พี่แอ๊ด ผู้ชายแก่ช้ากว่าผู้หญิง แต่พี่ผู้ชาย assume firing position นะคะ ผู้หญิงจะได้ตีไพ่ต่อกับแจกทิป vbvb คุณนวลหายเร็วๆค่ะ ไก่อย่าเพิ่งกิน สูดเฉยๆพอค่ะ vbvb จากคุณ : friend - [ 27 ม.ค. 47 21:56:41 A:203.151.225.178 X: ]

ความคิดเห็นที่ 116 ความแก่ ความเยาว์วัย เป็นเรื่องสัมพัทธ์ครับ ขึ้นกับมุมมองและความยึดถือ ถ้ายึดถือว่าแก่มันก็แก่ ยึดถือว่าไม่แก่มันก็ไม่แก่ พูดง่ายๆคือ ผมยังถือว่าผมหนุ่มอ้ะ ใครจะว่าไงก็ช่าง ฮ่าๆๆๆๆๆ ตอนนี้ก็เพิ่งไปให้เด็กถอนหงอกมาสดๆร้อนๆที่กระทู้ข้างบนๆโน่นแน่ะ ระยะนี้สบายหน่อย ไม่ต้องการ์ดสูง ตัวป่วนคงหายหน้าไปอีกนานเพราะท่าทางคงต้องไปเลี้ยงลูกเสียแล้ว จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 27 ม.ค. 47 23:12:45 ]

ความคิดเห็นที่ 117 ฮะฮะฮะ นับอายุกันอีกแร้น (มุซ้าวาจา เว...รมณี สิกขาปะทังสะมานิยามิ) สวัสดีคุณป้าเฟรนด์ด้วยค่ะ (ขออนุญาตเรียกว่าคุณป้านะคะ) อย่าหลงคารมลุงนะคะ อันต๊ะราย แวะมาหวัดดีคุณไอซ์ค่ะ (สารภาพว่าไม่ได้อ่านข้างบนๆอะค่ะ อ่านแต่ข้างล่างๆหน่อยนึง) ทู้คุณไอซ์ไม่มีทู้ไหนต่ำกว่าร้อยคห.เรยนะคะ ฮ่าๆ มาชวนอ่านหนังสือของนักเขียนชื่อ Robertson Davies ด้วยค่ะ (เอามะพร้าวมาขายสวนป่าวเนี่ย??) แนะนำเรื่องที่ชอบที่สุดก่อนแล้วกันนะคะเป็นหนังสือไตรภาคเรื่อง The Deptford Trilogy ค่ะ ครบรสค่ะ อ่านสนุก ฮา ข้อคิดคำคมเปี้ยบ แล้วถ้าติดใจสำนวนก็ไปอ่านเล่มอื่นต่อนะคะ ดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆ (พยายามเซ็ลเรื่องนี้ให้เฮียพี่เก๋แระ แต่คาดว่าเฮียคงมะได้อ่านแน่เลย ชวนคุณไอซ์ดีกว่า แล้วมาคุยกันนะคะ ) ป.ล. มะชอบทอมครูซอะค่ะ ไปดูโคลด์เมานเท่นแทนเหอะค่ะ จู๊ดลอว์น่าร้ากกว่าเยอะ ว่าแต่...คุณไอซ์ยังแวะมามั้ยเนี่ยะ จากคุณ : Neat - [ 28 ม.ค. 47 10:43:12 A:68.40.243.240 X: ]

ความคิดเห็นที่ 118 "...อย่าหลงคารมลุงนะคะ อันต๊ะราย ..." >> ผมถูกใส่ความนะครับ โปรดทราบทั่วกัน โดยเฉพาะพี่เฟรนด์ที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ใครๆเขาก็รู้จักผมในนามของสุภาพบุรุษแอ๊ดทั้งนั้น มียัยคนนี้แหละกับตัวป่วนโจ๊กเก้อร์ที่พยายามจะทำให้ผมมีภาพลักษณ์เป็นเฒ่าหัวงูให้ได้ ทั้งๆที่ผมได้พยายามกำจัดคนพาล อภิบาลคนดี รักถนอมสุภาพสตรี หยิบยื่นไมตรีต่อเด็กและเยาวชน มาโดยตลอด อย่างนี้ต้องส่งไปอบรมในเล้าไก่ที่กำลังป่วยด้วยไข้หวัดนกให้เข็ด จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 28 ม.ค. 47 13:54:50 ]

ความคิดเห็นที่ 119 มาอีกแล้ว ยายนีท มาโฆษณาชวนเชื่ออะไรแถวนี้จ๊ะ? :-) ผมมาแอบดูเค้าคุยกันเรื่องอายุ เห็นคุณแอ๊ดว่าพ่อ Boom เท่าผม ไม่รู้ว่าผมควรจะดีใจ หรือว่าพ่อ Boom ควรจะเสียใจดี 5555555555 :-) จากคุณ : Pee Kay (Pee Kay) - [ 28 ม.ค. 47 19:15:58 ]

ความคิดเห็นที่ 120 อ้า... เผลอหน่อยเดียว ทำไมเราแก่เร็วจะอี๊ จากคุณ : พ่อโปรเจ็กต์ - [ 11 ก.พ. 47 11:56:16 ]