ความคิดเห็นที่ 1 Bangkok Post เป็นหนังสือพิมพ์ที่ฝรั่งส่วนใหญ่อ่านค่ะ จากคุณ : เรานึกแล้วว่าคุณต้องอ่าน - [ 8 เม.ย. 47 12:41:56 ]

ความคิดเห็นที่ 2 Bankokpost มีข้อดีตรงที่แต่ละเรื่องพยายามให้จบภายใน 1 หน้า ไม่ต้องไปอ่านต่อหน้าือื่น เหมาะกับพับไปอ่านได้ทุกที ไม่ต้องหาที่กางอ่าน พลิกไปพลิกมา ตัวอักษรก็ดูง่ายกว่าของ Nation ส่วนแกรมม่า ผมเคยถามคนที่เก่งๆ ก็บอกว่าใช้ได้ดีเลยหล่ะครับ แต่หลักการเขียนมันมีหลายระดับนะครับ หนังสือพิมพ์ใช้ระดับไม่ได้ สูงมากนัก(เคยมีคนบอกว่าใช้ระดับประมาณเด็ก ม.3ของฝรั่งอ่านได้) ถ้าเอาแบบสูงๆ ลองไปอ่านวารสาร Time จะเป็นอีกระดับทั้งไวยกรณ์และ คำศัพท์ จากคุณ : pairash - [ 8 เม.ย. 47 13:39:11 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อันนี้รอใ้ห้คนในวงการอย่างคุณ K.Senior มาแนะนำดีกว่าค่ะ แต่อย่าคิดว่าตัวเองไม่เก่งนะคะ Practice makes perfect. อ่านเข้าไปๆ ยังไงวันนึงมันต้องชินค่ะ โดยส่วนตัว เราว่าภาษาใช้ได้ทั้ง 2 สำนักล่ะค่ะ ไอ้เรื่องผิดไวยากรณ์คงมีน้อยมาก และคิดว่ามันเป็นเรื่องของความคุ้นเคยมากกว่า อย่างเราอ่าน The Nation มาตั้งแต่เด็กๆ ที่บ้านเพิ่งมารับ Bangkok Post เอาตอนเข้ามหาลัย ก็เลยจะมีความรู้สึกคุ้นเคยว่า Nation อ่านง่ายกว่า เพราะมันชินตาค่ะ สำหรับเรื่องที่ว่าฝรั่งส่วนใหญ่อ่าน Bangkok Post น่ะ ก็เพราะว่าเนื้อหาเค้าครอบคลุมกว้างขวางดี มีเรื่องหลากหลาย ครบถ้วน ไม่ใช่ว่าเพราะใช้ภาษาถูกต้องกว่า Nation หรอกค่ะ ขณะที่เนื้อหาใน The Nation จะเฉพาะเจาะจงมากกว่า แมกกาซีนที่ใช้ภาษายากเท่าที่อ่านมาก็ The Economist เป็น British magazine ที่ใช้ภาษาซับซ้อนจังเลย (หรือเราไม่เก่ง British English เองหว่า?) จากคุณ : Goddess - [ 8 เม.ย. 47 15:03:42 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ไม่แตกต่างกันครับ อ่านไหนก็ได้ แต่สำนวน Bangkok Post จะเน้นความกระชับมากกว่านิดหน่อย อีกอย่าง การ์ตูนใน Bangkok Post อ่านได้สำนวนฝรั่งๆ ดีๆ มากกว่าเพราะบังเอิญหรือเก่งหรือเก่า สามารถเลือกการ์ตูนดีๆ ได้มากกว่าก็ไม่ทราบ อ้อมี column ที่อยากแนะให้อ่านประจำไว้ฝึกภาษาและความรู้คือ Dear Abby, Dear Annie, Dear Prudence ดีมากๆ พวกนี้อยู่ใน Outlook ครับ แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 47 21:39:19 จากคุณ : K.Senior - [ 8 เม.ย. 47 21:38:43 ]

ความคิดเห็นที่ 5 จากมุมมองของศิษย์เก่าบางกอกโพสต์นะครับ Bangkok Post 1. จะใช้เจ้าของภาษาเป็นคน Proof-read และ Rewrite มากกว่า (เงินทุนมากกว่า) 2. การเลือกลงข่าวและบทความจะหลากหลายมากกว่า ไม่เน้นหนักด้านใดด้านหนึ่ง 3. แนวโน้มอนุรักษ์นิยมมากกว่า แต่สังเกตว่าการใช้ภาษาเดี๋ยวนี้ค่อนข้างอ่อนลง โดยเฉพาะคำพาดหัวดูจะสะเพล่ามากขึ้น The Nation 1. จะดูเป็นหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ โดยคนไทยเพื่อคนไทย 2. บทความจะเน้นหนักทางด้านการเมือง (ทั้งในและต่างประเทศ) 3. แนวโน้มจะไปทางเสรีนิยม บทสรุป ภาษาของหนังสือพิมพ์ทั้งสองในปัจจุบันพอๆ กัน (แต่ก่อนนี้ The Nation ด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด) ดังนั้น ถ้าคุณต้องการอ่านหนังสือพิมพ์เพื่อฝึกภาษา นับว่าใช้ได้ทั้งคู่ แต่ว่าถ้าคุณอยากได้ความรู้รอบตัวในวงที่กว้างกว่าก็คงต้องเป็น Bangkok Post แต่ถ้าต้องการเข้าถึงสถานการณ์ทางการเมืองทั้งในและต่างประเทศ The Nation จะมีประเด็นที่ลึกกว่า และกล้านำเสนอมุมมองอย่างกล้าได้กล้าเสียมากกว่า การอ่านหนังสือพิมพ์เพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์ภาษาอังกฤษ นับว่าเป็นความคิดที่ถูกทาง แต่ต้องอ่านอย่างต่อเนื่องและใช้เวลากับมันมากพอ เคล็ดที่ไม่ลับส่วนตัว (เพราะคุณพ่อสอนเอาไว้) ก็คือว่า ศัพท์แสงในหน้าหนังสือพิมพ์นั้นจะซ้ำซากอยู่ทุกวัน ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเปิดดิกชันนารีเลย ครั้งแรกๆ อาจยังไม่เข้าใจ แต่เมื่ออ่านผ่านตาบ่อยๆ ความหมายของคำต่างๆ จะเข้าหัวอย่างถูกต้องโดยไม่ต้องอาศัยคำแปลเป็นภาษาไทย คำแนะนำนี้ได้ประโยชน์มากสำหรับผม เพราะผมเองไม่ใช้ดิกชันนารีมาตั้งแต่เรียนยังไม่จบ (หลายสิบปีแล้วน่ะ) จนเดี๋ยวนี้ และหากินกับภาษาอังกฤษมาค่อนข้างเยอะอีกต่างหาก และต้องกลายเป็นดิกชันนารีเคลื่อนที่สำหรับเพื่อนฝูง จะยังมี (และใช้อยู่บ้าง) ก็คือ Thesaurus เพื่อเปิดหาคำที่มีความหมายเหมือนๆ กัน ซึ่งบางทีเราคิดว่าไปก็เปิดหาซะเลย อยากแนะนำอีกอย่างสำหรับนักเรียนภาษาอังกฤษ (ที่ต้องชอบแน่ๆ) ก็คือ - ดูหนังภาษาอังกฤษเสียงในฟิลม์เยอะๆ แต่ที่ไม่ชอบเลยก็คือบรรยายอักษรไทร เพราะในทุกเรื่องต้องเจอการแปลที่มั่วผิดความหมาย เพราะผู้แปลไม่รู้จริงถึงศัพท์แสงที่ใช้อยู่ในสังคมของเขาอย่างลึกซึ้ง ขอแนะนำให้ดูจาก VCD หรือ DVD ที่ไม่มีบรรยายอักษรจะดีกว่า และคุณสามารถเรียนและเลียนสำเนียงของเขาได้อีกด้วย K. Senior ให้คำแนะนำที่ดีมาก ที่ให้อ่าน Dear Abby, Dear Annie และ Dear Prudence เพราะนอกจากจะได้เรียนรู้ภาษาแล้วยังได้มีโอกาสมองลึกลงไปถึงสภาพการใช้ชีวิตและการอยู่ในสังคมของฝรั่งอีกด้วย อีกคอลัมน์หนึ่งที่มีใน Outlook ทุกวันอาทิตย์ที่น่าอ่านก็คือ Ms. Manners ที่จะให้คุณได้รับทราบถึง ขนบธรรมเนียมประเพณีและมารยาทในการออกสังคมได้เป็นอย่างดี คอลัมน์ทั้งหมดข้างต้นเป็นคอลัมน์ตอบคำถามจากผู้อ่านครั[ ถ้ามีคำถามว่าวิธีการของผมได้ผลจริงหรือ ก็คงต้องดูลูกสาว 3 คนของผม (ก็พ่อมันภูมิใจน่ะ) คนแรกจบมหาวิทยาลัยเมื่อปีที่แล้ว ปัจจุบันทำงานกับ National Geographic TV อยู่ที่ฮ่องกง ลูกสาวคนกลางกลับมาจากประเทศฝรั่งเศสหลังจากหนึ่งปีในโครงการแลกเปลี่ยน AFS ทั้งๆ ที่ไม่ได้เรียนศิลป์ภาษา สอบเอ็นทรานซ์แล้ว ได้ภาษาอังกฤษ 92% ภาษาฝรั่งเศส 90% (โดยไม่ต้องอาศัยข้อสอบรั่ว) ลูกสาวคนเล็กกำลังเรียน ม. 5 อยู่ประเทศแคนาดา ในโครงการแลกเปลี่ยน AFS เช่นกัน จะกลับมาบ้านอีกภายใน 4-5 เดือน จากคุณ : Tamaraw - [ 9 เม.ย. 47 15:43:06 A:202.57.188.3 X: ]

ความคิดเห็นที่ 6 อ่านคุณ Tamaraw แล้วนึกถึงครอบครัวน่ารักที่เราเจอที่ Mc สีลมเสมอ ทุกเช้า พ่อจะมานั่งอ่าน Bangkok Post ให้ลูกสาวอายุสัก 10 ขวบฟัง (ส่วนลูกชายไม่ค่อยสนใจ จะนั่งเล่น/วิ่งไปมามากกว่า คงยังเด็กไป) อ่านไปแปลไป ให้ลูกอ่านตาม สอนการออกเสียงให้ตลอด ให้ลูกออกเสียงหลายรอบจนกว่าจะถูกต้อง และเด็กก็ดูเหมือนจะชอบด้วย คือไม่ได้เป็นลักษณะบังคับขู่เข็ญอะไร น้องเค้าโชคดีมากๆ เลยที่มีคุณพ่อน่ารักและ dedicate time ให้อย่างนี้ (ไม่รู้เป็นไร พักหลังจะเห็นแต่คุณพ่อเลี้ยงลูก ให้เวลากับลูกทั้งนั้นเลย อย่างที่ Mc นี่ก็มีแต่คุณพ่อกับลูกอยู่หลายโต๊ะ ไม่รู้คุณแม่หายไปไหนหมด) จากคุณ : Goddess - [ 9 เม.ย. 47 18:19:08 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ชอบ dear abby มาก อ่านก่อนอันอื่น คำตอบของเขามีมุข ตลกพร้อมแง่คิดบางอย่างที่คิดไม่ถึง จากคุณ : MAFEUNG - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 00:03:55 ]