นิยายสืบสวนที่เราแต่งเองแหละ แต่งเอาไว้นานพอควรแล้ว แล้วก็ยาวพอสมควรด้วย จะเอามาลงให้อ่านวันละตอนนะ ลองอ่านกันดู ถ้าอ่านๆ ไปรู้สึกเรื่องราวดำเนินเหมือนการ์ตูน ก็อย่าถือสาเราเลย เพราะเราอยากเขียนนิยายให้รู้สึกเหมือนอ่านการ์ตูนน่ะ มันจะสนุกกว่า
เรื่องราวจะยาวมาก คงต้องลงให้อ่านเกือบเดือนมั้งกว่าจะจบ ระหว่างนี้ก็ค่อยๆ ช่วยพระเอกของเราสืบกันดูนะ ว่าใครกันแน่ที่เป็นฆาตรกร
******************
ตอนที่ 1
ธันว์! เสียงหนึ่งตะโกนดังข้ามห้องมาจนได้ยินกันทั่ว เพียงแต่ว่าเจ้าของชื่อเรียกนั้นกลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เขายังคงนอนหลับสนิทโดยเอาสองมือรองไว้บนโต๊ะเพื่อหนุนนอนต่างหมอน
ไอ้ธันว์! เสียงเดิมตะโกนขึ้นอีก แต่คราวนี้เจ้าของเสียงเดินเข้ามาใกล้แล้ว
............ ยังคงไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
เจ้าของเสียงตะโกนเดินเข้ามาใกล้จนถึงตัวเขาแล้ว คนๆ นี้ชื่อ ก้อย เป็นผู้หญิงร่างเล็ก กะทัดรัด ใส่แว่น ผมสีประกายแดงที่ผ่านการกัดสีผมมาเมื่อไม่กี่วันก่อนยาวประบ่า ท่าทางของเธอสนุกสนานรื่นเริง แต่ตอนนี้หน้าตาออกจะหงุดหงิดเล็กน้อย และเมื่อเธอค้นพบว่าเสียงของเธอไม่ทำให้เกิดผลแต่อย่างใด เธอจึงเปลี่ยนวิธี
โครม! เสียงเก้าอี้ล้มลงดังสนั่น และมีเสียงร้อง โอ้ย! ของหนุ่มธันว์ตามมา
ธันว์เงยหน้าขึ้นอย่างงงๆ ทั้งๆ ที่ยังคงนั่งอยู่บนพื้น หน้าตายังคงสลึมสลือ และเริ่มเกาหัวด้วยความงุนงง ธันว์ เป็นเด็กผู้ชายวัยรุ่นคนหนึ่งซึ่งสวมแว่นตาทรงกลมรีกรอบสีดำ อายุประมาณสิบเก้าปี รูปร่างไม่สูงมาก แต่ก็ไม่ถือว่าเตี้ยเกินไปสำหรับมาตรฐานของชายไทย หน้าตาออกจะตี๋ๆ ดูทึ่มๆ ไว้ผมสั้นรองทรงธรรมดา แต่ดูไม่ค่อยธรรมดา เพราะเขาไม่ค่อยได้หวีมันสักเท่าไหร่
อะไรล่ะก้อย คนกำลังนอนอยู่ดีๆ ธันว์เริ่มครวญครางและลุกขึ้นยืน จับเก้าอี้ตั้งขึ้นตามเดิม
ก็ฉันเรียกนายตั้งหลายรอบแล้ว ตะโกนคอแทบแตก คนเค้าได้ยินกันทั้งคณะแล้ว นายยังไม่รู้สึกเลย ก้อยบ่นกระปอดกระแปด
ก็คนมันง่วงนี่นา อ่านหนังสือดึกไปหน่อย ธันว์บอกเหตุผล
อย่างนายนี่นะอ่านหนังสือ หนังสือการ์ตูนน่ะสิ ก้อยรู้ทัน
แหม....ก็นั่นแหละ หนังสือเหมือนกันล่ะน่า ธันว์พูดต่อพร้อมกับหาวอีกหนึ่งที แล้วปลุกขึ้นมาทำไมกันล่ะเนี่ย?
ก็จะถามว่าจะไปเที่ยวรึเปล่า อาทิตย์หน้ามีวันหยุดยาว เราวางโปรแกรมไว้ว่าจะไปเที่ยวต่างจังหวัดซะหน่อย ก้อยถาม และรอฟังคำตอบ
ไปที่ไหนล่ะ ธันว์ถามกลับ และหาวต่ออีกทีหนึ่ง
เกาะแถวๆ ภาคตะวันออก ก็บ้านเอกอยู่จันทบุรีไง แล้วเอกรู้จักเกาะอยู่เกาะหนึ่ง เป็นเกาะส่วนตัว เอ...ชื่ออะไรนะ จำไม่ค่อยได้แล้ว แต่รู้ว่าไม่ค่อยมีคนไปเที่ยว สงบดี ได้อารมณ์เหมือนไปติดเกาะ พ่อของเอกจะจัดการเรื่องที่พักให้ เจ้าของที่พักรู้จักกันกับพ่อของเอก ก้อยอธิบาย และเริ่มเอามือกอดอก นั่งดูธันว์หาว
แล้วใครไปบ้าง? ธันว์ซักถามต่อ หลังจากหาวไปอีกสองที
ก็มีเรากับน้ำ แล้วพวกผู้ชายก็ยังไม่แน่นอน แต่ที่ไปแน่ๆ ก็น่าจะเป็นครามกับตี๋ แล้วนายล่ะ ไปมั้ย?
อืม... ธันว์ใช้เวลาคิดครู่หนึ่ง ตามปกติแล้วธันว์ไม่ค่อยใช้เวลาคิดเรื่องอะไรมากนัก นอกจากเวลาเข้าห้องสอบ ที่นั่งคิดเป็นชั่วโมงๆ ก็ไม่รู้ว่าจะเขียนอะไรลงไปในข้อสอบดี ไปก็ได้ ยังไงก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว เออ ว่าแต่ ไปกี่วันล่ะ?
หยุดยาวสี่วัน ก็ว่าจะไปสี่วันนั่นแหละ ก้อยตอบและเริ่มมองดูธันว์ที่หาวอีกหลายรอบอย่างเซ็งๆ ถ้าอย่างนั้นก็เจอกันหน้าหอเรา วันศุกร์นี้ตอนเจ็ดโมงเช้านะ ห้ามสาย! เข้าใจมั้ย ถ้านายไม่ตื่นฉันจะไปลากนายลงมาจากเตียงเองเลย คอยดู!
น่าๆ ไม่สายเท่าไหร่หรอก อย่างมากก็สักชั่วโมง สองชั่วโมง ธันว์พูดพร้อมกับหาวอีกที จนทำให้ก้อยต้องส่ายหน้าด้วยความเอือมระอาและเดินแยกไป
*******************************************
เช้าวันศุกร์ อากาศยามเช้าออกจะเย็นนิดหน่อยเพราะเมื่อคืนมีฝนตกพรำๆ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่หน้าฝน ซึ่งก็ไม่แปลกนักสำหรับอากาศของกรุงเทพฯในปัจจุบัน ทำให้ธันว์ต้องยืนกอดอกด้วยความหนาวและจามออกไปสองสามที นี่ก็เลยเจ็ดโมงมายี่สิบนาทีแล้ว ทำไมยังไม่มีใครมาอีกนะ
อ้าว! ธันว์ ไม่น่าเชื่อเลย ทำไมวันนี้มาเร็วได้วะ คราม เพื่อนอีกคนหนึ่งของธันว์เดินตรงเข้ามาหา ครามเป็นผู้ชายร่างสูงผอม ฉลาดแต่ขี้เกียจ และไม่ค่อยพูดมากโดยไม่จำเป็น คนที่มาพร้อมกับเขาคือ เอก ผู้ชายร่างเล็กใส่แว่น ท่าทางเหมือนจะเป็นเด็กเรียน แต่ความจริงหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ ทั้งสองคนนี้พักอยู่ในหอพักของมหาวิทยาลัย
แล้วนายล่ะ ทำไมมาช้า ธันว์ย้อนถามบ้าง
มาช้าอะไร? ครามพูดอย่างงงๆ นี่เรามาก่อนเวลาอีกนะ ก็ก้อยมันนัดตอนเจ็ดโมงครึ่ง
อะไรกัน! ธันว์ร้อง ก็ก้อยมันนัดเราเจ็ดโมงนี่หว่า
ฮ่าๆๆ! นายโดนก้อยหลอกแหงเลย เอกหัวเราะ อ้าว! นั่นไง มาพอดี
ทั้งสามคนหันไปดูด้านหลัง ก้อย และเพื่อนผู้หญิงอีกคนที่ชื่อ น้ำ เดินลงมาจากหอ ซึ่งเป็นหอพักนอกมหาวิทยาลัย น้ำ เป็นผู้หญิงที่จัดว่าหน้าตาน่ารักทีเดียว เธอมีผมดำเป็นเงางามเหยียดยาวเกือบถึงเอว ดวงตากลมโตดูสดใสเข้ากับคิ้วที่เรียวได้รูป และเป็นเด็กที่จัดว่าฉลาดกว่าคนปกติทั่วไป เพราะตอนนี้เธอกำลังเรียนอยู่ชั้นปีที่สองของคณะวิศวกรรมศาสตร์ ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง แต่เธอมีอายุเพียงสิบหกปีเท่านั้น ส่วนเรื่องนิสัยของเธอก็ดี น่ารัก ใครอยู่ใกล้ๆ เธอ จะรู้สึกสนุกสนานตลอดเวลา เพราะเธอเป็นคนเส้นตื้นมาก และมักจะหัวเราะไม่หยุดจนกว่าจะมีคนเข้าไปยับยั้งไว้ ข้อเสียของเธอคงจะมีอยู่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น.....
หวัดดี....ว้าย! ยังไม่ทันที่น้ำจะทักทายเพื่อนๆ ให้เรียบร้อย เธอก็เดินสะดุดกระถางต้นไม้จนล้มลงไปกองอยู่ที่พื้นเสียก่อน
เอาอีกแล้ว...เฮ้อ... ก้อยถอนหายใจแล้วช่วยพยุงน้ำขึ้นมา จะมีวันไหนมั้ยเนี่ยที่เธอจะไม่ซุ่มซ่ามสะดุดอะไรเลยสักอย่างน่ะ
น้ำลุกขึ้นมาและเริ่มหัวเราะไม่หยุดกับความซุ่มซ่ามของตัวเอง จนก้อยต้องกระโดดล็อกคอเอาไว้จึงจะหยุดหัวเราะได้ แต่เพื่อนๆ ทุกคนก็เคยชินเสียแล้ว เพราะเธอมักจะสะดุดนั่นสะดุดนี่ วันละสองครั้งเป็นอย่างน้อย จนก้อยต้องบ่นเสียดายบ่อยๆ ที่คนหน้าตาก็ดี เรียนก็เก่ง ไม่น่าจะมาติ๊งต๊องขนาดนี้เลย
ก้อย บอกมานะ ทำไมนัดเรามาเจ็ดโมงห๊า! ธันว์เริ่มมีอารมณ์เล็กน้อย เพราะเขาอุตส่าห์ตื่นเช้าอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต เนื่องจากกลัวจะทำให้เพื่อนๆ รอ ซึ่งที่จริงแล้วเขาควรจะสำนึกได้เร็วกว่านี้ เพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยมาตรงเวลาเลย หรือถ้าจะพูดกันตามจริง ปกติแล้วเขาจะมาสายอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงเสมอ
ก็เราเห็นว่าปกตินายมาสายทุกที เราเลยนัดเผื่อไว้ครึ่งชั่วโมงไง ก้อยตอบด้วยน้ำเสียงกึ่งสำนึกผิดกึ่งชอบใจที่ได้แกล้งธันว์ ใครจะไปรู้ว่าวันนี้นายดันมาตรงเวลา
แล้วคนอื่นๆ ล่ะ ครามถามขึ้นเพื่อขัดจังหวะ เพราะธันว์ทำท่าเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อก้อยให้ได้
เดี๋ยวก็มามั้ง ก้อยตอบพลางก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ ปกติพวกนั้นไม่ค่อยสายหรอก
เอ๊ะ! เดี๋ยวก่อน... เอกพูดขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ เมื่อคืนนี้มีฟุตบอลนัดสำคัญนี่ ใช่มั้ย?
โอ้ย! แย่แล้ว งั้นเดี๋ยวเราโทรฯขึ้นไปตามพวกมันก่อนนะ ก้อยบอกอย่างหมดอารมณ์ แล้วรีบวิ่งเข้าไปในหอ เพื่อโทรศัพท์ขึ้นไปตามเพื่อนๆ บนห้องพัก เป็นที่รู้กันดีว่าพวกที่เหลือนั้นต้องดูฟุตบอลจนดึกจนดื่นแน่ๆ
ฮัลโหล! เสียงตะโกนทักทายอย่างร่าเริงดังขึ้นทางด้านหลัง พวกที่เหลือจึงหันไปมองตามเสียงนั้น
นอร์ท เพื่อนของพวกเขาอีกคนหนึ่งเดินเข้ามาหาจากลานจอดรถบริเวณหอพัก นอร์ทเป็นผู้ชายรูปร่างผอมเก้งก้าง ผิวขาว และห่วงหล่อเหลือเกินทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรให้ห่วง ท่าทางกวนๆ ปากร้ายและมักมีความมั่นใจในตัวเองสูงเสมอ เขาไม่ได้พักอยู่ที่หอ แต่ขับรถไปกลับเพื่อมาเรียนที่มหาวิทยาลัยทุกวัน
นายไปด้วยเหรอ? ธันว์ถามขึ้น
เออซิ ไม่งั้นจะมามหาลัยทำไมล่ะ วันหยุดแบบนี้ นอร์ทตอบด้วยท่าทางกวนอารมณ์เช่นเคย อยู่บ้านเฉยๆ ก็เซ็งแย่ดิ อยากขับรถไกลๆ อยู่เหมือนกัน
ตกลงนี่เราขับรถกันไปเหรอ? ธันว์ถามด้วยท่าทางงงๆ เช่นเคย
ใช่น่ะซิ ไม่รู้เรอะ นอร์ทตอบกลับ ในชีวิตนี่รู้อะไรมั่งเนี่ย
เฮ้ย! แต่เราไม่ขับรถไปนะ เรายังไม่เคยขับไปต่างจังหวัดเลย ธันว์รีบบอก
ธันว์เองก็มีรถอยู่คันหนึ่งเช่นกัน ซึ่งเขาใช้ในการเดินทางไปและกลับในวันหยุดสุดสัปดาห์ ระหว่างบ้านของเขากับมหาวิทยาลัย แต่ธันว์เคยขับรถในกรุงเทพฯ เท่านั้น เขายังไม่เคยขับรถไปต่างจังหวัดเลย เนื่องจากเขายังไม่มีความกล้าพอ
โธ่เอ๊ย! ป็อดจริงๆ นอร์ทแกล้งพูดเหยียดหยาม คำว่า ป็อด เป็นศัพท์แสลงของวัยรุ่นที่แปลว่า ไม่กล้าหรือไม่แน่จริง ซึ่งจากการสันนิษฐานแล้วน่าจะมีที่มาจากคำว่า ปอดแหก
เออๆ เรามันไม่มีอะไรดีในชีวิตหรอก ธันว์ตัดพ้อ
เพิ่งรู้รึไง.... เอกล้อเลียนต่อ แล้วทุกคนก็พากันซ้ำเติมธันว์อย่างสนุกสนาน
ราวสิบห้านาทีต่อมา ก้อยก็กลับมาพร้อมกับเพื่อนๆ ที่เหลืออีกสองคน
โก๋ หนุ่มหน้าใส ท่าทางเรียบร้อย ร้องเพลงเก่ง เสียงของเขานุ่มนวลดุจใยไหมจนคุณอาจจะเผลอหลับไปได้ระหว่างที่ฟังเขาร้องเพลง โก๋พักอยู่ที่หอเช่นเดียวกับเพื่อนๆ แต่เขาก็มีรถอยู่คันหนึ่งด้วย ซึ่งใช้ขับกลับบ้านในวันเสาร์-อาทิตย์ และขับมาโรงเรียนในวันจันทร์เช่นเดียวกับธันว์
ตี๋ เป็นผู้ชายตัวเล็กพอๆ กับธันว์ จนบางครั้งคนมองจากข้างหลังอาจจะทักผิดทักถูกได้ แต่เขาจะดูหน้าใสและอ่อนเยาว์กว่าธันว์มากถ้าหากว่าเขาไม่มีสิวอยู่เต็มหน้า ตี๋เป็นคนที่มีความฝัน บางทีความคิดของเขาก็ดูจริงจังน่าเชื่อถือ แต่บางครั้งมันก็เป็นเรื่องไร้สาระโดยสิ้นเชิง ตี๋คนนี้เป็นคู่หูกับธันว์ เพราะมีรายงานที่ต้องทำคู่กันบ่อยครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่ธันว์จะไม่ค่อยมีประโยชน์ในการทำรายงานสักเท่าไร เพราะมักจะไม่มาตามนัดเพราะตื่นสายหรือถ้าตื่นมาได้ก็จะมานั่งหลับอีก จนตี๋ร่ำๆ พยายามจะเปลี่ยนคู่ทำรายงานให้ได้
เอาล่ะ มากันครบแล้ว ไปกันเถอะ จะได้ไปถึงเร็วๆ ก้อยบอกทุกคน
*******************************************
....ติดตามตอนต่อไป.....
แก้ไขเมื่อ 10 พ.ค. 47 00:02:25
แก้ไขเมื่อ 09 พ.ค. 47 00:36:05
แก้ไขเมื่อ 09 พ.ค. 47 00:33:26
จากคุณ :
Holmes...^_^
- [
9 พ.ค. 47 00:29:17
]