ความคิดเห็นที่ 1 ได้ค่าตอบแทนแน่นะ สัญญานะ ใครผิดสัญญาขอให้จู๊ดๆ แบบว่างกง่ะ เปรี้ยวปากแล้ว เอี๊อกกกก Each of the rituals and traditions from places I have visited has its own rationale and purpose. Let's take the Phuket Vegetarian Festival as an example. Why are devotees having their cheeks pierced, running through hot charcoal or climbing knife ladders ? The answer is hidden somewhere, probably within the sacred precinct or within their everyday life. The fascinating mystery challenges me to uncover its truth. จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 9 ก.ค. 47 00:33:14 ]

ความคิดเห็นที่ 2 โห นี่ขนาดไม่ว่างนะนี่ แสดงว่าเปรี้ยวปากอย่างแท้จริง จากคุณ : ดาหาชาดา - [ 9 ก.ค. 47 03:29:56 ]

ความคิดเห็นที่ 3 Thankss..ครัีบคุณแอ็ด แล้วจะเมล์ทำฟามรู้จัก จากคุณ : ; (<กิ๊กก๊อกเกอร์>) - [ 9 ก.ค. 47 12:28:30 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ฮ่าๆ ค้างคาวเปรี้ยวปาก จากคุณ : lilymay - [ 9 ก.ค. 47 13:05:51 ]

ความคิดเห็นที่ 5 แล้วใครลบหมายเลข 2 ของเจ๊ดาหาไปอ้ะ อยู่ดีๆหายไปเฉยๆ ไม่เห็นมันมีอะไรเลย แปลกวุ้ย ชักมีอะไรแปลกๆขึ้นทุกวัน จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 9 ก.ค. 47 16:54:11 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เอ จริงแฮะใครลบคำตอบเราออกไป แค่บอกว่านี่ขนาดลุงแอ๊ดไม่ค่อยว่างนะ แสดงว่าเปรี้ยวปากจริงเท่านั้นเอง จากคุณ : ดาหาชาดา - [ 9 ก.ค. 47 17:50:24 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อ้าว เฮ้ย อยู่ดีๆความเห็นที่หนึ่งที่ผมตอบเจ้าของกระทู้ก็หายไปด้วย นี่มันอะไรกันฟะ จะบ้ากันไปใหญ่แล้ว ผู้หมวดครับ ผมขอแจ้งความเอาเรื่องกับคนที่ลบกระทู้ผมครับ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 9 ก.ค. 47 19:29:45 ]

ความคิดเห็นที่ 8 แล้วความเห็นที่ 6 หายไปไหนด้วย ไปกันใหญ่แล้ว จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 9 ก.ค. 47 19:30:28 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เออ..เห็นด้วย หายไปจิงๆหรือว่าพันทิพย์เปลี่ยนไป๋ จากคุณ : ;-9 (<กิ๊กก๊อกเกอร์>) - [ 9 ก.ค. 47 23:08:18 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อ้าว ทำไมมันหายไปอีกแล้วล่ะลงงงจัง เกิดเหตุอะไรขึ้นกันนี่ เราแค่บอกว่าสงสัยลุงจะเปรี้ยวปากจริง ๆถึงขนาดที่ยุ่งอยู่ยังมาตอบคำถามคุณเจ้าของกระทู้เลย ฮ่าฮ่า ลองอีกทีอยากรู้มันหายไปอีกไหมน่ะ จากคุณ : ดาหาชาดา (ดาหาชาดา) - [ 9 ก.ค. 47 23:36:57 ]

ความคิดเห็นที่ 11 กระทู้ผีสิง????? จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 9 ก.ค. 47 23:43:45 ]

ความคิดเห็นที่ 12 จุจุ เอาไปทำหนังเรื่องใหม่ได้เลยนะนี่ เดี๊ยวเขายังฮิตเรื่องผีกันอยู่นี่นา ควรจะให้ชื่อ The Haunted Kratoo หรือว่า The Curse of the repetitive disappearance kratoo ดีกว่ากันล่ะคะ จากคุณ : ดาหาชาดา - [ 10 ก.ค. 47 15:07:51 ]

ความคิดเห็นที่ 13 น่าจะๆเพราะว่า ทางเวปเปลี่ยนแปลงระบบใหม่ตั้งแต่มีการโพสต์รูปตั๊ก....โดยให้สมาชิกลบกระทู้ที่เห็นว่าไม่เหมาะสมได้ทันที แต่ถ้าไม่ใช่ก็...ไปล่ะ จากคุณ : ;-} (<กิ๊กก๊อกเกอร์>) - [ 11 ก.ค. 47 00:03:41 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ถ้าไม่ใช่ข้อบกพร่องของโปรแกรมและเป็นการลบของคนจริงๆละก็ อยากรู้ว่าท่านสุภาพบุรุษหรือสตรีท่านไหนมายุ่มย่ามกับชีวิตผมนักหนา ขอเชิญมาจับเข่าคุยกันหน่อย ผมว่าท่านจะระเบียบรัตน์มากไปหน่อยแล้ว ฮ่วย จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 11 ก.ค. 47 06:14:24 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ผมว่าท่านจะระเบียบรัตน์มากไปหน่อยแล้ว ฮ่วย ผิดค่ะ ระเบียบจัด จึงจะถูก เพราะเรามีระเบียบจัด ทีมวอลเลย์หญิงของเราจึงชนะเกาหลีใต้เป็นครั้งแรก จากคุณ : ระเบียบรัตน์ - [ 11 ก.ค. 47 11:42:13 A:203.118.124.169 X: ]

ความคิดเห็นที่ 16 ชนะเป็นครั้งแรก? อือม์ ก็ดี แต่เอาไว้เมื่อไรชนะครั้งที่สี่ ครั้งที่ห้า ผมจะฉลองให้ครับ และขอรับรองว่าไม่ได้พิมพ์ผิด ตั้งใจพิมพ์อ้ะ คำๆนี้น่าจะได้รับการบรรจุไว้ในภาษาไทย ใช้เป็นคำวิเศษณ์หมายถึงการกระทำใดๆแบบเว่อร์ ไม่รู้การควรไม่ควร ไม่คำนึงถึงความรู้สึกคนอื่น การคำนึงถึงแต่นิติศาสตร์โดยไม่คำนึงถึงหลักรัฐศาสตร์ เช่นเดียวกับวิสามานยนามอีกคำหนึ่งที่เป็นนามของท่านอดีต รมต.และปัจจุบันเป็นวุฒิสมาชิกเช่นเดียวกันคือท่าน มีชัย วีระไวทยะ ตอนนี้ชื่อท่านกลายเป็นสามานยนามไปแล้ว เมืองไทยใครไม่รู้จักมีชัยก็ถือว่าเชยระเบิด แต่ท่านมีชัยนั้นผมเคารพท่าน ท่านดังในทางที่ดีครับ มีคนดังอย่างนี้อีกเยอะๆเมืองไทยเจริญ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 11 ก.ค. 47 12:06:36 ]

ความคิดเห็นที่ 17 อย่าอย่าอย่านะลุง เด๋วแจ้งลบซะนี่ คุณระเบียบรัตน์นี่เป็น ฮีโร่ในดวงใจ อิฉันเชียวนะคะ ถึงจะโฉ่งฉ่างไปนิด แต่ก็จริงใจและตั้งใจจริงนะเออ จะบอกให้ จากคุณ : ดาหาชาดา - [ 11 ก.ค. 47 17:00:12 ]

ความคิดเห็นที่ 18 โอเค ยอมรับแกอาจจะจริงใจ แกอาจจะตั้งใจจริง บอกไม่ได้ข้อนั้น ยกประโยชน์ให้จำเลย แต่ความโฉ่งฉ่างที่ว่านะไม่นิดนะครับ ความรู้สึกของผมว่ามากเกินงาม เจ๊เบียบแกไม่ใช่เด็กสาวอายุสิบห้า เป็นถึงวุฒิสมาชิกอายุห้าสิบขึ้นแล้ว สิ่งที่เราให้อภัยได้ในเด็กอายุสิบห้า มาถึงปูนนี้ในคนระดับนี้ก็ต้องโวยกันหน่อย ผมไม่ขอเข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องสิทธิสตรี ใครจะว่าอย่างไรก็ว่าไป แต่ที่ผมรับไม่ได้คือการเข้าบ้านเขาแล้วไม่ยอมหลิ่วตา อย่างนี้เป็นการไม่แคร์ความรู้สึกของชาวบ้านเขา ต้องให้เขาออกมาโวยถึงยอมขอโทษ ถ้าคิดแต่แรกเรื่องนี้ก็ไม่เกิด นักกีฬาที่เจ๊ดาหาถือหางทำฟาวล์อ้ะ จะให้ผมช่วยเชียร์ได้ไง ถ้าวันหลังแกทำดีก็ค่อยว่ากันอีกที จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 11 ก.ค. 47 23:56:05 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ตกข่าว จนต้องไปตามหาในกรูเกิลจึงรู้ว่าระเบีบยรัตน์กันเรื่องอะไร ไม่รู้จักหรอกว่าท่านวุฒิสมาชิกนี้เป็นอย่างไร แต่ก็เข้าใจ สังคมไทยและประเพณีแต่โบราณเป็นมานั่นคร่ำครึขนาดไหน ก็ยังเชื่อกันอยู่ว่าสตรีเพศไม่สะอาด อยากจะถามว่าแล้วทั้งสองเพศนะเกิดออกมาจากที่ใดกัน อย่างไรก็ตามคิดว่าคุณระเบียบรัตน์หรือสตรีใดก็คงยังไม่ได้เข้าไปในที่ๆเขาห้ามนั่นแน่แหละ ต่อให้รอไปอีกหกร้อยปีก็เถิด จากคุณ : lilymay - [ 12 ก.ค. 47 00:24:54 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ผมมองประเด็นนี้อย่างนี้นะ jj คือผมไม่พูดเรื่องความผิดถูกของเรื่องประเพณี แต่ผมมองเรื่องนี้ในแง่ของมนุษยสัมพันธ์ ไม่ว่าบ้านไหนเมืองไหน เขาก็มีขนบธรรมเนียมประเพณีท้องถิ่นทั้งนั้น มันจะมี rationale อย่างไร คร่ำครึหรือทันสมัย ก็เป็นเรื่องของเขา และก็เป็นสิ่งที่คนต่างบ้านต่างเมืองควรจะรับทราบและเคารพ คนที่เคารพคนอื่นก็ย่อมได้รับการเคารพตอบ และในทางตรงข้าม คนที่ไม่เคารพคนอื่นจะไปเรียกร้องความเคารพจากเขาได้อย่างไร ถ้าเราเป็นคนชนิดที่พูดทุกอย่างตามที่เราอยากจะพูดก็อย่าหวังนักว่าจะได้ยินแต่สิ่งที่เราอยากจะฟัง จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 12 ก.ค. 47 01:01:12 ]

ความคิดเห็นที่ 21 อิชั้นมองแบบนี้นะ มันก็แน่อยู่ว่าคนเราต้องรู้จักกาละเทศะ ไปที่ใดก็ต้องทำ ตามกฏของที่นั้น แต่ว่าไม่มีใครห้ามไม่ให้ตั้งคำถามต่อความเชื่อนั้นได้ เพียงแต่ว่าวิธีตั้งคำถามจะทำอย่างไร แต่ดั่งเดิมแต่ละหัวเมืองของเราเป็นเอกเทศ แทบจะว่าเป็นคนละประเทศก็ว่าได้ การมารวมกันเป็นประเทศเดียวเป็นการรวมทางการเมืองและปัจจุบันมีความเป็นหนึ่งเดียวคือเป็นไทยร่วมกันก็จริง แต่ถ้ามองลึกลงไปแล้วยังมีลักษณะพิเศษเป็นเอกเทศของแต่ละแห่งอยู่ ตรงนี้แหละคือปัญหา คนทั่วไปโดยเฉพาะคนกรุงก็อาจจะไม่ได้คิดไปถึงข้อนี้ แต่เรื่องที่เกี่ยวพันในกรณีนี้จะว่าเป็นปัญหาท้องถิ่นก็ใช่ จะว่าเป็นปัญหาทั่วไปก็คงไม่ผิดนัก หรือเฮียไม่เห็นด้วย จากคุณ : lilymay - [ 12 ก.ค. 47 01:32:48 ]

ความคิดเห็นที่ 22 คุณแอ๊ดคงหมายถึงกระทู้นี้นะ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K2898735/K2898735.html อันนี้ไม่ออกความเห็นว่าระเบียบรัตน์ทำถูกหรือไม่นะ แต่จะออกความเห็นเรื่องเจ้าบ้านคือเรื่องคนเชียงใหม่ว่าถ้าอ้างว่าวัดพระธาตุดอยสุเทพมีพระธาตุประดิษฐานอยู่ (ตรงส่วนที่ผู้หญิงจะไปเดินข้ามน่ะ ....ส่วนไหนไม่รู้...อ่านๆกระทู้ที่เขาเขียนแล้วเดาๆเอา) ก็ต้องบอกว่า หากคนไทยถือว่าการเดินข้ามของศักดิ์สิทธิ์น่ะ เป็นเรื่องต้องห้ามนะ ...ก็ต้องถือว่าคนโบราณทำผิดพลาด โดยการเอาพระธาตุไปไว้ข้างล่างให้คนข้าม แทนที่จะเอาไปไว้ข้างบนให้คนบูชา ในเมื่อผิดพลาดแบบนี้ ก็ต้องห้ามทั้งผู้ชายผู้หญิงเข้าไปข้ามของศักดิ์สิทธิ์ด้วยกันให้หมด...... หากเจ้าบ้านรู้ข้อผิดพลาดของบรรพบุรุษตนเองแล้ว (ประเพณีคนไทยเขาต้องปกปิดกันเป็นความลับสุดยอดเลย.... ไม่เหมือนผู้นำฝรั่งที่อยู่ดีๆสำนึกผิด แล้วออกมาสารภาพกับคนทั้งโลกว่า ครั้งหนึ่งในอดีตตนเองเคยตัดสินใจผิดพลาด) เจ้าบ้านก็ควรใช้ความฉลาดในการปกปิดข้อผิดพลาดของบรรพบุรุษตนเองเอาไว้ โดยการกล่าวว่า "ประเพณีท้องถิ่นห้ามผู้หญิงเข้าเขตนี้อย่างเด็ดขาดคล้ายๆเวทีมวยไทยห้ามผู้หญิงขึ้นเด็ดขาด" ....แล้วก็ใส่ full stop หรือ period ซะนะ แล้วก็หุบปากซะ ....หรือไม่ก็พูดอะไรเลี่ยงๆที่เป็น jokes ให้คนฟังขำซะแทน ....(should have been more tactful ว่างั้นเหอะ) โดยไม่ต้องไปแสดงความเห็นซื่อบื้อซ้ำๆหลายๆตลบโดยการอ้างว่าผู้หญิงสกปรกกว่าหรือด้อยกว่าผู้ชาย ซึ่งเป็นเรื่องความงมงายแบบเต่าล้านปี....ที่คนสมัยใหม่เขาไม่เชื่อกันแล้ว .....จนในที่สุดก็กลายเป็นเรื่องทะเลาะกัน ..... จากคุณ : tansy - [ 12 ก.ค. 47 08:55:48 A:203.113.33.7 X: ]

ความคิดเห็นที่ 23 jokes ที่จะเล่า (แหกตา) ให้คนฟังตลกลองแบบนี้ซิ บอกว่ามีบันทึกไว้ว่ามีสตรีหลายคนเข้าเขตในของวันพระธาตุแล้วพอออกมาสาวแก่แม่หม้ายก็กลายเป็นสาว2000ปีเอ๊าะๆไปสาววัยรุ่นก็กลายเป็นสวย sexy มากขึ้น จนมีหนุ่มๆมาหมายปองมากมายจนทำให้ชีวิตไม่สงบแล้วเกิดโศกนาฏกรรมเช่นผัวของผู้หญิงโดนชายอื่นฆ่าตาย หรือชายหลายคนที่หมายปองเมื่อไม่สมหวังก็ฆ่าตัวตายกันหมด... นับได้ว่าเป็นบาปกรรมหนักหนา....และยืนยัน "จุ" หรือ "แหกตา" ต่อไป ว่ามีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วจึงต้องมีกฎเหล็กห้ามผู้หญิงเข้าเด็ดขาด แล้วก็ถือโอกาศโฆษณาสปาซะเลยว่าสวยแบบนี้ดีกว่าไม่มีพิษมีภัย.....โธ่ไม่เอาเราไปเป็นทูตเจรจานี่น้า.....ก๊ากๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : tansy - [ 12 ก.ค. 47 09:06:01 A:203.113.33.7 X: ]

ความคิดเห็นที่ 24 อืม... เห็นด้วยกะคุณแท่น #22 นะ เพราะอ่านกระทู้นั้น แล้วก็ติดใจเรื่องที่ยกเอาสถานที่ประดิษฐานพระธาติมาอ้างกันไม่จบไม่สิ้น ถ้าจะห้ามด้วยประเพณี ก็ว่ากันไปเลย แต่ไม่ใช่เรื่องนี้ ก็เพราะยกเอาเรื่องนี้มาอ้างแหละ เจ๊ระเบียบรัตน์ถึงได้วีนเอา เธอไม่ได้แย้งประเพณี แต่เธอแย้งเรื่องข้ออ้างนี้ หากทุกคนก็พร้อมที่จะมองข้ามประเด็นนี้ไปโดยทันทีเช่นกัน จากคุณ : o;] - [ 12 ก.ค. 47 10:09:18 A:203.156.69.134 X: ]

ความคิดเห็นที่ 25 เห็นด้วยกับคุณนวลและคุณแท่นฯ ในเรื่องนี้คิดว่าคุณระเบียบรัตน์แกเป็นเหยื่อแห่งความหมั่นไส้ของสื่อน่ะค่ะ พอแกรำพึงรำพันอะไรออกไปก็ถูกเขียนซะเป็นเรื่องรุนแรง เรื่องแกอยากจะถอนรากถอนโคนนู่นนี่ไปหมด แล้วคนก็พร้อมที่จะเชื่อ worst case แบบนั้นด้วย เพราะเท่าที่อ่านดูในกระทู้ยาว ๆที่มีคุณน้องเมฯถูกเขารุมที่มีใครเอาสัมภาษณ์ของเธอมาแปะก็ไม่เห็นได้ว่าอะไรมากมายยกเว้นเรื่องสงสัยต้องการคำอธิบายเท่านั้นเอง แต่ถามคุณแท่นหน่อยเหอะโจ๊กแหกตานี่คิดขึ้นเองเหรอคะ จินตนาการขนาดนี้ไปแต่งนิยายขายดีไหม จะช่วยซื้อเพราะอ่านแล้วขำกลิ้งสุด ๆ จากคุณ : ดาหาชาดา - [ 12 ก.ค. 47 19:01:51 ]

ความคิดเห็นที่ 26 น้องเมฯ นะเหรอโดนรุม ????? พ่อคุณยำเขาเละคา... เลยล่ะ (เมื่อไรจะนึกชื่อแบบชายเมืองสิงห์ได้ทีน้า โดนคนหาว่าไม่แมนอยู่เรื่อยเลย) เพราะความที่เจ๊แกโฉ่งฉ่าง พูดเรื่องจริงเกินไป พูดในเรื่องที่คนอื่นก็อยากพูด แต่ไม่กล้า สื่อก็เอาเจ๊ขึ้นหน้าหนึ่งเสียเลย เรียกลูกค้าเพิ่มได้ดีนักแล ความจริง เจ๊ก็แค่อยากรู้ว่า ทำไม (ความจริงก็คงรู้แล้วล่ะ แต่คงอยากให้รับออกมาเอง) ก็อยากจะถามคนที่รุมเจ๊แกทั้งหลายเหมือนกันว่า ก็เพราะจารีตประเพณีหรือเปล่า ที่ทำให้ลูกสาวต้องแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อบุพการีด้วยการขายตัว จนเป็นเอดส์กันทั้งหมู่บ้าน แล้วยังคิดจะเก็บจารีตประเพณีเช่นนี้ไว้อีกต่อไปหรือเปล่า ....... แต่ไม่กล้าเหมือนเจ๊แกอ่ะ แหะ แหะ แหะ จากคุณ : o;] - [ 12 ก.ค. 47 19:38:04 A:203.156.69.134 X: ]

ความคิดเห็นที่ 27 ที่ถามว่า jokes อันนี้ท่านได้แต่ใดมา....??? คำตอบก็คือ จะเอามาจากใครเสียอีก ถ้าไม่มาจาก concepts ที่ Chiang Mai tour guides ใช้กัน....แต่ดัดแปลงเล็กน้อยนะะ....(ซึ้งหนึ่งใน tour guides พวกนั้นคือแฟนฉันเอง ที่ตามเข้ามา discredit ฉัน ในกระทู้ต่างๆในอดีต...ไม่รู้ว่าด้วยความหมั่นใส้หรือด้วยความรักและเอ็นดูนะฮาๆๆๆๆๆ........) เรื่องมันเป็นเงี้ย... ที่เชียงใหม่นะ ...มันมีน้ำตกแม่กลาง ค่าผ่านประตู เขาคิดคนต่างชาติ ถ้าจำไม่ผิดนะ คนละ 200 บาท ....แต่คิดคนไทยคนละ 20 บาท ....แล้วอยู่มาวันหนึ่ง แฟนฉันก็พานักท่องเที่ยวสิงคโปร์ 40 กว่าคนไปที่นั่น แต่ก่อนจะลงจากรถจะซื้อตั๋วเข้า เธอก้อฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ เธอก้อเลยโทรไปถามเพื่อนๆ Chiang Mai tour guides ด้วยกันว่า "เฮ้ย...ถ้าเอาสิงคโปร์หัวดำๆพวกเนี้ยเข้าไป แล้วเสียค่าผ่านประตูคนละ 20 บาท rate คนไทยนะ แทนที่จะเป็น 200 บาท rate คนต่างชาติ ...คือหลอกคนขายตั๋วว่าพวกหัวดำๆเนี้ยเป็นคนไทยหมด...แล้วอมเงินที่เหลือเลย โหครึ่งวันได้ตั้ง 7 พันกว่าบาทแน่ะ คือแบมือรับเงินค่าเข้าคนละ 200 บาทจาก tourist แต่ละหัว ....แต่จ่ายจริงๆให้คนเก็บค่าผ่านทาง แค่หัวละ 20 บาทเอง...แต่ถ้า tourists พูดภาษาจีนกันเซ็งแซ่ขึ้นมาละยุ่งเซ่.... จะมีวิธีแก้ยังไงหว่า.....???" พวก Chiang Mai tour guides ด้วยกันเขาก้อตอบอย่างหลักแหลมทันควันทางโทรศัพท์มือถือว่าเงี้ย ...."เขาว่าให้ "จุ" ("แหกตา") นักท่องเที่ยวว่า ตรงทางเข้าน้ำตกแม่กลางน่ะ "ผีมันแรง" ผีมันไม่ชอบฟังคนพูดเสียงเจี้ยวจ๊าว ผีขี้โมโห พอโมโหแล้วเป็นอันธพาล .....เคยมีบันทึกไว้ตั้งแต่โบราณกาลว่า ถ้าใครพูดตอนเดินผ่านทางเข้านะ ผีมันจะตามมาหลอกมาหลอน ....ขากลับส่วนใหญ่รถจะคว่ำตาย ....ตายกันมาหลายศพแล้วนะ....!!!" ......ถ้าไม่เชื่อก้อลองดูดิ..... .........ฉันคิด jokes แบบนี้ได้ก็เพราะพวก Chiang Mai tour guides คุยกันแบบนี้ไงล่ะ .......ฮาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : tansy - [ 12 ก.ค. 47 22:43:30 A:169.210.26.25 X: ]

ความคิดเห็นที่ 28 วันนี้นะฉันเข้าไปแสดงความคิดเห็น อันที่แปะไว้ข้างบนนี้ บวกกับความคิดเห็นอื่นเพิ่มเติมในกระทู้ร้อนแรงที่ว่าน่ะที่ใน http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K2898735/K2898735.html 0 พรุ่งนี้ฉันคงโดนยิงเป้าพร้อมๆกับน้องเมฯ.....ฮาๆๆๆๆๆๆ........ลองตามเข้าไปอ่านดูดิ.... แต่ผู้หญิงอ่านแล้ว ถ้าไม่เข้าใจอาจคิดว่าฉันอยากเป็น hero ช่วยผู้หญิงเรียกร้องสิทธิสตรี .......แต่จะบอกตรงๆว่า แท้จริงแล้ว concepts ในหัวฉันมิใช่ตื้นๆแบบนั้นนะ คือตั้งแต่รู้คำว่า ladies first มาน่ะ ........ฉันพอที่จะเดาได้ว่าไอ้พวกผู้ชายหลายๆคนน่ะ ที่คิดว่าตัวเองเหนือชั้นกว่าผู้หญิงน่ะ มันโง่สิ้นดีเลย ......เดี๋ยวนี้ผู้หญิงเขารู้ทันผู้ชายหมดแล้ว .....เลยเขาหลอกใช้ผู้ชายโง่ๆพวกเนี้ยนะ ......หลอกใช้เหมือนหมาเลยอ่ะ.....หลอกใช้ยังไง .......??? ก็พวกนายว่าผู้ชายแข็งแรงเหนือชั้นกว่าผู้หญิงใช่ไหมล่ะ ถ้างั้นนะยะ... เงินผู้ชายก็เป็นเงินผู้หญิง แต่เงินผู้หญิงเป็นของผู้หญิงคนเดียว ....แล้วเวลาทำรักกันผู้ชายก็ต้องทนทรมาณให้คงไว้ซึ่ง "ความแข็งแรง" เพื่อให้ผู้หญิงมีความสุข ซึ่งในเชิงสรีระแล้ว ถ้าผู้หญิงได้รับการเล้าโลมอย่างดี ในช่วงเวลา 30 นาที - 2-3 ชั่วโมงผู้หญิงอาจมีความสุขทางเพศอย่างต่อเนื่องได้แบบขึ้นสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เลย..... แต่ผู้ชายมีความสุขอะไรบ้าง...........????? แท้จริงแล้วแทบไม่มีเลย ........!!!! แค่สุขประเดี๋ยวประด๋าวไม่กีวินาทีเองเมื่อใกล้เสร็จกิจ...... แต่อวดเก่งเพื่ออยากเป็น hero เท่านั้นเอง ....ผู้ชายตกเป็นทาสผู้หญิงเพราะอะไร....??? ก็เพราะอวดเก่งพูดว่า ผู้ชายมีเมียได้ 4 คน แต่ผู้หญิงมีผัวได้แค่ 1 คน ....พูดออกมาโง่ๆโดยไม่รู้ว่าผู้หญิงมีผัว 4 คนเป็นไปได้มากกว่าผู้ชายมีเมีย 4 คนนะ ....... จากคุณ : tansy - [ 12 ก.ค. 47 22:48:02 A:169.210.26.25 X: ]

ความคิดเห็นที่ 29 เมื่อเร็วๆนี้ฉันเพิ่งคุยกับเพื่อนคนหนึ่ง เธอบอกว่าเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมานะ เธอหาเงินได้หลายล้านบาทมาเปิดบริษัทก็เพราะว่า "เธอใช้ผัวเปลืองคือแต่งงานแล้วหย่าเพื่อหลอกเอาเงินผู้ชาย" ......แล้วแถมเธอยังเยาะเย้ยฉันาอีกด้วยนะว่า "เอาไว้ you ไปเกิดใหม่เป็นผู้หญิงชาติหน้าบ่ายๆเถอะนะถึงจะทำแบบฉันได้นะยะ" ......ฮาๆๆๆๆๆๆๆๆ (อันนี้เสียงเธอฮาๆๆๆๆๆ....ไม่ใช่เสียงฉันฮาๆๆๆๆๆๆๆ) ..... วันนั้นนะฟังแล้วมึนหัวตึ๊บเลยอ่ะ....เจ็บใจง่ะ...ไม่ใช่เจ็บใจผู้หญิงนะ แต่เจ็บใจผู้ชายโง่ๆที่ยอมให้ผู้หญิงหลอก ฉันถึงต้องตกที่นั่งลำบาก คือต้องยอมรับวัฒนธรรมที่ให้ผู้หญิงเอาเปรียบฉันน่ะ เพราะผู้ชายหลงผิดคิดว่าตัวเองเหนือชั้นกว่าผู้หญิง แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่........แล้วทำให้คนอย่างฉันต้องรับกรรมตามไปด้วย .....!!!!! ฉันเคยพยายามหลายอย่างนะ ตั้งแต่อยากเป็นผู้หญิงเสียเองแล้วศึกษาตำราโบราณเจาะลึกว่าทำอย่างไรจะมีพลังเท่าสตรี แต่แม้กระทั่งฉันค้นพบว่า แท้จริงแล้วคัมภีร์ลับของเต๋าโบราณ (เก่า 3-4 พันปี) สอนเอาไว้ว่า ผู้ชายมี ejaculation reflex และมี orgasm reflex ....นั่นก็หมายความว่า ผู้ชายที่ฝึกควบคุม PC muscle (pubococcygeous muscle) จนเก่งมากๆและรู้วิธีโคจรลมปราณนะ .....ผู้ชายคนนั้น จะสามารถ activate orgasm reflex ได้ให้ตัวเองถึงจุดสุดยอดได้หลายๆครั้ง....แบบที่เขาเรียกว่า multiple orgasms (ผู้ชายก็ทำแบบผู้หญิงได้เช่นกัน ถ้ารู้เคล็ดวิชานะ) แต่โดยไม่ต้องมีการหลั่งน้ำอสุจิและไม่ต้องหมดแรงและยังทำรักต่อไปได้อีกยาวนาน ..... โดยผู้ชายต้องฝึกวิธีการที่จะ bypass ejeculation reflex ไปให้ได้......แต่พอเรียนรู้เกือบตายนะ .....จะทำอย่างไรก็ตาม... สัจธรรมก็คือว่า...... จากการสังเกตการณ์ผู้หญิง in action มานะ ทำยังไงยังไง ผู้หญิงก็ต้องเหนือชั้นกว่าผู้ชายอยู่ดีในเรื่อง enjoy sex นะ ........ดังนั้น ไอ้พวกผู้ชายที่ว่า ผู้ชายมีเมียได้ 4 คนนะ แล้วอ้างว่าศาสดาสอนมา .....ฉันต้องเถียงว่า "ไม่จริง" ศาสดาที่ไหนจะสอนโง่ๆอย่างนี้ ผู้ชายโง่ๆที่ไม่รู้ธรรมชาติของหญิงชายต่างหากที่ตั้งกฎเกณฑ์ขึ้นมาเอง เพื่อหวังที่จะเอาผู้หญิงเป็น sex objects แล้วผลก็คืออะไร ....???? ผลก็คือว่า ผู้ชายส่วนใหญ่ตายก่อนผู้หญิงยังไงล่ะ .....!!!!!...เพราะทำทั้งงานราษฏร์งานหลวงโดยไม่รู้วิธีถนอมพลังของตัวเองเอาไว้นั่นเอง ....... ไอ้พวกผู้ชายโง่ๆที่หลงคิดว่าตัวเองเหนือชั้นกว่าผู้หญิง แล้วออกมาพูดพล่อยๆว่าสตรีต่ำต้อยกว่าและสกปรกทำคาถาอาคมเสื่อมอะไรพวกเนี้ยนะ ไม่เคยฉุกคิดเลยว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้สอนเรื่องนี้ พวกเขาคิดกันขึ้นมาเองเพราะความโง่เขลา .....โง่อยากเอาผู้หญิงเป็นทาส แต่ท้ายสุดผู้ชายก็ต้องตกเป็นทาสของผู้หญิงซะเอง ฉันไม่อยากตกเป็นเป็นทาสของผู้หญิง ฉันจึงต้องชี้ทางสว่างให้ผู้ชายพวกนี้ แต่ฉันก็ไม่ค่อยมั่นใจว่าพวกเขาจะเข้าใจในเจตนารมณ์ของฉันนะ .......เฮ้อ.......!!!!!!! จากคุณ : tansy - [ 12 ก.ค. 47 22:54:35 A:169.210.26.25 X: ]

ความคิดเห็นที่ 30 โอ้โฮ มาถึงเต๋าแล้วเหรอคะนี่ วันนี้คุณแท่นร้อนแรงเจง ๆ ทั้งเรื่องประเด็นทั้งเรื่องที่เล่ามา เด๋วจะตามไปดูว่าในกระทู้นั้นแปะไว้อย่างนี้หรือเปล่า ถามนิดก็แสดงว่าคุณแท่นฝึกจนเข้าขั้นแล้วสิคะ เกิ๊กเกิ๊กเกิ๊ก จากคุณ : ดาหาชาดา - [ 12 ก.ค. 47 23:51:32 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ฝึกไปเลยขั้นนั้นแล้ว แต่ก็ยังต้องยอมรับว่าผู้หญิงทั้งหลาย are far more superior to (เหนือชั้นกว่า) ผู้ชายทั้งหลาย ...เพราะอะไร ...??? ตามหลักวิชา Macrobiotics นะ 1. ผู้หญิงมี evolution ที่เหนือกว่าผู้ชายมั่กๆ...เช่นมีขนน้อยกว่า ....ไกลจากความเป็นลิงมากกว่าผู้ชายนั๋นเอง... 2. ผู้หญิงสามารถเปลี่ยนอาหาร ในเชิงชีววิทยาแบบผ่าเหล่าผ่ากอ (biological transmutation) ....ให้ทารกในครรภ์เจริญเติบโต ซึ่งนับได้ว่าเป็นปรากฎการณ์หลายพันล้านปี ...ทารกในครรภ์เริ่มต้นจากเป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว แล้วมีหางงอก แล้วว่ายอยู่ในน้ำ แล้วก็มีกระดูกสันหลัง แล้วก็พัฒนาแขนขาขึ้นมา.......นับได้ว่าเป็น evolution แบบพันๆล้านปีที่ผู้หญิงทำได้ภายในแค่ไม่กี่เดือนที่ตั้งครรภ์ ในห้องที่ประเด็นร้อนแรงที่เถียงกันเรื่องระเบียบรัตน์กับวัดพระธาตุดอยสุเทพ ผู้ชายที่โง่เขลาเข้ามาพูดทำนองว่าผู้หญิงเป็นตัวซวยทำของศักดิ์สิทธิ์เสื่อม แท้จริงแล้วผู้ชายโง่ๆพวกนั้น ไม่เคยตระหนักว่า พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้ใช้คาถาอาคมหรือให้ผลิตวัตถุมงคล ..ดั้งนั้น ถ้าผู้หญิงสามารถทำให้คาถาอาคมหรือวัตถุมงคลเสื่อมได้ ก็ต้องแสดงให้เห็นว่าผู้หญิงมี cosmic power ที่เหนือชั้นเกินไปกว่าที่ผู้ชายโง่ๆจะเข้าใจ ......ในอดีตกาลชาวคริสต์ใช้ cosmic power ของสาวพรมจรรย์มาทำพิธี exorcism อีกทั้งเกือบทุกวัฒนธรรมพิธีแต่งงานมีขึ้นเพื่อลด cosmic power ของหญิงพรมจรรย์ไม่ให้มีผลกระทบต่อ nervous system ของผู้ชาย ..... เลยไอ้ที่ว่าขุนวิลังก๊ะบ้าบออะไรที่ซัดหอกด้วยอาคมน่ะ ถ้ามันโดนโยนีสตรีทำลายวรยุทธ์ได้นะ ก็ต้องแสดงว่าอาคมเป็นของต่ำ (เพราะพระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้ใช้) แต่โยนีเป็นของสูง เพราะเป็น 'Mother Nature' นั่นเองยังไงล่ะ ....... การที่มีไอ้ผู้ชายโง่ๆพวกนี้มาจุติน่ะ มันทำให้ทั้งชาตินี้ชาติหน้าและอีกหลายๆชาตินะ ....ในขณะที่พวกเขาหลงผิดคิดว่าตัวเองเป็นใหญ่นะ โดยไม่คำนวณพลังของตนเองว่ามีแค่ไหนนะ ......พอผู้หญิงรู้ทัน ฉันก้อซวยเซ่เช่น พอผู้หญิงรู้ทันว่าตัวเองก็มีความสุขทางเพศได้และหาเงินได้ไม่แพ้ผู้ชาย ผู้หญิงใช้ศอกกลับ พวกเธอเล่นมาตรการเงี้ย 1. เงินผู้ชายเป็นของผู้หญิง แต่เงินผู้หญิงเป็นของผู้หญิงคนเดียว 2. ผู้หญิงคุยกับชายมากหน้าหลายตาโด้พวกเธอว่า "แค่ติดต่อธุรกิจ" แต่ผู้ชายคุยกับผู้หญิง ก็โดนแฟนหาว่านอกใจเมีย ถ้าคุยกับผู้ชายด้วยกัน เมียก็สัญนิษฐานว่า "ชอมไม้ป่าเดียว) human evolution แบบนี้นะ......ตูก็ตายสนิทแล้ว......ฮาๆๆๆๆๆๆๆ........กลับไปอ่านกระทู้ร้อนแรงสิ ตอนนี้เริ่มมันได้ขั้น ......ถ้าใครเป็น logician นะ เขียนตำราได้เลยบนเว็บ ......ฮาๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : tansy - [ 13 ก.ค. 47 21:37:56 A:169.210.30.8 X: ]

ความคิดเห็นที่ 32 นายแน่มั่ก! แฟนกะลังอ่านอยู่หรือป่าว? จากคุณ : o;] - [ 13 ก.ค. 47 22:55:30 A:203.156.79.10 X: ]

ความคิดเห็นที่ 33 ไม่คิดจะเขียนหนังสือเหรอคะ ขายดีแน่นอนนะเออ...... จากคุณ : ดาหาชาดา - [ 13 ก.ค. 47 23:22:25 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ผมหากระทู้นั้นไม่เจอแล้วอะครับ จากคุณ : บูมเมอร์ - [ 14 ก.ค. 47 06:57:01 ]

ความคิดเห็นที่ 35 http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K2898735/K2898735.html กระทู้นั้นทำให้นึกถึงประเด็นอื่นๆเกี่ยวกับสิทธิสตรีในโลกของเราใบนี้ ที่มีกระแสนานาชาติรณรงค์ต่อต้านจารีตประเพณีเช่น Pharaonic Circumcision in Rural Sudan, sunna circumcision การกระทำเหล่านี้เป็นประเพณีของเขา คนของเขาแม้แต่ผู้หญิงจำต้องยอมรับมาเป็นเวลาช้านานแม้จะเป็นสิ่งทารุณโหดร้าย เพราะเหตุใด เพราะเขาไม่รู้ว่ามีอะไรดีไปกว่านี้ละมัง ประเพณีเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวสังคม แต่ต้องพัฒนาไปกับความต้องการของคนในสังคมนั้น ถ้าหากผู้หญิงเขาตื่นตัวกันขึ้นมาไม่ยอมรับสภาพทุกข๋ทรมานอย่างนั้นต่อไป ประเพณีนั้นก็ต้องเปลี่ยน ไม่นานมาไปดูหนังเรื่อง Osama http://www.osamamovie.com/# เรื่องของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งในอัฟกานิสถานภายใต้กฏเหล็กของ ทาลิบาน ซึ่งห้ามไม่ให้ผู้หญิงทำงาน ไม่ให้แม้แต่เดินออกนอกบ้านถ้าไม่มีผู้ชายไปด้วย ครอบครัวของตัวเอกมีย่าหรือยาย แม่ที่เป็นพยาบาล และแม่หนูอายุสักสิบสอง ไม่มีผู้ชายก็ไม่มีรายได้ ย่าและแม่เลยให้หนูน้อยกร้อนหัวแต่งเป็นชายเอาไปฝากให้ทำงานเพื่อหาอาหารมาเลี้ยงกัน ไม่ช้าพวกทาลิบานก็มาพาตัวเด้กไปเข้าโรงเรียนร่วมกับเด็กชายอื่นๆเพื่อท่องคัมภีร์ หัดทหาร ในที่สุดก็ถูกจับได้ว่าเป็นเด็กหญิงต้องขึ้นศาลศาสนา จะถูกตัดสินให้ประหารแต่มีตาแก่พวกหัวหน้าศาสนามาขอตัวไปแต่งเป็นเมีย พาตัวกลับไปที่บ้านของตัวที่มีเมียอยู่แล้วอีกหลายคน แต่ละคนถูกจับขังใส่กุญแจไว้ในห้องใครห้องมัน ฉากที่ดูแล้วโกรธจิ๊ดก็ตรงที่ตาเฒ่าเอากุญแจมาให้เลือกว่าจะชอบใจดอกไหน ประเพณีพรรค์นี้บ้านเราก็พอมีทัดเทียมไม่ใช่หรือ อย่างที่คุณนวลยกมาเรื่องชาวบ้านทั้งตำบลสอนลูกสาวให้กตัญญูด้วยการขายตัว ประเพณีถ้ามันไม่เข้าท่ายังสมควรคงไว้อีกหรือ จากคุณ : lilymay - [ 14 ก.ค. 47 11:56:07 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เจ๊ เจ๊ลิลลี่ ใจเย็นๆ จ้า .... ความเชื่อของคนนั้น เป็นสิ่งที่ยากที่สุดที่จะปรับเปลี่ยน เชื่อคือ เชื่อ ... เชื่ออย่างไม่มีข้อกังขาใดๆ ทั้งสิ้น เชื่ออย่างที่ไม่คิดถึงผลกระทบที่ตามมา ... เอดส์ที่ภาคเหนือน่ะ สูงสุดทั่วประเทศ ช่ายม่ายล่ะลุง ภาคอีสานนะ ลูกสาวต้องขายบริการเพราะพ่อแม่ถูกหลอก แต่ภาคเหนือ ลูกสาวต้องขายบริการเพราะพ่อแม่เต็มใจ ทั้งนี้ ทั้งนั้น ล้วนมาจากปัญหาเดียวคือ ความเชื่อที่ว่า หญิงนั้นไร้ค่าความเป็นมนุษย์ แต่เป็นสินค้าที่สูงค่ายิ่งนัก ... ขอโทษคนเมืองด้วยนะเจ้า หากอู้ตรงกั๋นไปบ้าง จากคุณ : o;] - [ 14 ก.ค. 47 19:11:35 A:203.156.71.119 X: ]

ความคิดเห็นที่ 37 ปัญหาอย่างนึงเรื่องโรคเอดส์ อย่างน้อยก็เมื่อนานมาแล้ว ก็คือชาวบ้านเค้าปิดข่าวกัน ตายเพราะมีเชื้อราในสมองมั่ง อะไรมั่ง พอไม่ยอมรับความจริงกัน มันก็ล้มลุกคลุกคลานกันมาแบบนี้ล่ะครับ (ซึ่งก็ดูจะเป็นแบบเดียวกันกับคนที่เหลือทั้งประเทศ...หมายถึงภาพโดยรวม... ที่ไม่ค่อยยอมพูดความจริง รับไม่ค่อยได้กับการที่มีคนมาพูดอะไรตรงๆ) ผมเองนั้นเป็น "คนเมียง" โดยกำเนิด อยู่ภาคเหนือมาประมาณครึ่งชีวิต (ก็ประมาณไม่ถึงสิบปี vb vb) ได้เห็นการคาบเกี่ยว (และขบหัวขบหาง)กันของวัฒนธรรมและความเชื่อของคนสี่ยุค คือรุ่นทวดผม รุ่นตายาย รุ่นพ่อแม่ รุ่นผมเอง แล้วก็รุ่นเด็กๆที่ตามหลังมา (เอ...มันห้ายุคนี่ ช่างมันเถอะ พอดีผมนอนพิมพ์ และขี้เกียจผงกมือขึ้นมากด backspace ครับ) ตั้งแต่ยุคเกษตรกรรม ถึงเกษตรกรรมวิทยุทรานซิสเตอร์ เกษตรกรรมโทรทัศน์ขาวดำ จนมาถึงยุคข้าราชการโทรทัศน์สี (และฮอนด้าดรีมคุรุสภา) และมาถึงยุคอินเตอร์เน็ตและก้องดิจิต้อ--ที่ใช้คำว่ายุคนี่ ไม่ได้แปลว่ามันนานขนาดนั้นนะครับ เพียงแต่จะบอกว่า มันเปลี่ยนแปลงเร็ว เร็วจนตั้งตัวกันไม่ทัน เร็วจนสามารถเห็นความแตกต่างของวัฒนธรรมได้ในชั่วยี่สิบกว่าปี ตั้งแต่ผมจำความได้ จนกระทั่งปีกกล้าขาแข็งฟันหน้าหัก ออกจากบ้านมาอยู่กรุงเทพฯ แถวบ้านผมไม่เคยมีใครพูดถึงเรื่องสิทธิสตรี อย่างน้อยผมก็ไม่เคยจำได้เลยว่าได้ยิน (อย่าว่าแต่ในครอบครัวผม สตรีเป็นใหญ่ แฮ่ แฮ่ ในบ้านผมเองก็ หญิงสาม ชายสองครับ ส่วนพี่ป้าน้าอาคนอื่นๆในรั้วเดียวกันก็เป็นผู้หญิงซะส่วนใหญ่--female dominant ครับ) ช่วงที่ผมไประเหเร่ร่อนติดตั้งโทรศัพท์สาธารณะชนบทเมื่อราวเกือบสิบปีที่แล้ว ก็เป็นโอกาสดีครับ ได้เดินทางไปเกือบครบทุกจังหวัดในประเทศไทย ได้เจอชาวบ้านผู้ใหญ่บ้านกำนันเจ้าอาวาสมรรคทายก ฯลฯ ผมว่าจิตสำนึกของคนเหล่านั้น ไม่ค่อยปนเปื้อนกับโลกภายนอกซักเท่าไหร่หรอกครับ เป็นโลกยุคที่หนึ่ง ผมว่างั้นนะ ทีนี้พอโลกเรามันแคบลง จะเนื่องด้วยอะไรก็แล้วแต่ ไอ้โลกยุคที่หนึ่ง กับยุคที่สองสามสี่ห้า มันก็เริ่มจะมาเบียดกันเข้าให้แล้ว อย่างกรณีคุณระเบียบรัตน์นี่ก็เป็นตัวอย่างอันนึงของการเบียดกันนี่ล่ะ (ผมว่านะอีกนั่นแหละ)์ เอาตาชั่งคนละสเกลมาชั่งของคนละอย่างกัน แล้วก็มาเถียงกันว่าของฉันหนักกว่า ของเธอนั่นแหละยาวเกินไป ให้เอาไปแช่น้ำปูนใสซะหน่อยแล้วจะกรอบขึ้น (แต่มองอีกแง่นึง ผมว่าประเด็นมันร้อนขึ้นมาก็เพราะปากพาไปนี่ล่ะ ไม่มีปิยวาจา) จากคุณ : บูมเมอร์ - [ 14 ก.ค. 47 21:28:32 ]

ความคิดเห็นที่ 38 พ่อบูม ป้าว่าเจ๊ระเบียบรัตน์ใจจริงก็ใช่ว่าไม่รู้ เธอรู้แน่นอนว่ามีพระธาตุประดิษฐานอยู่ ณ ที่ใด เรื่องสิทธิสตรีของเธอนั้น ก็ใช่ว่าอยากเอาชนะความเชื่อความเคารพนับถือในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถึงเขาจะไม่ติดป้ายห้าม เธอก็คงไม่เหยียบย่างเข้าไปในบริเวณหรอก เหมือนเวลาที่เราเข้าไปในอุโบสถ แล้วมีอาณาเขตของสงฆ์ ซึ่งคนนอกเข้าไปยุ่มย่ามไม่ได้ ก็ไม่ต้องมีป้ายห้าม เพราะรู้กันดีอยู่แล้ว ยิ่งสีกา ยิ่งไม่เฉียดเข้าใกล้เลย ป้าเข้าใจว่า เธอเพียงแต่อยากเริ่มจากบนลงล่าง ไปสู่ชนบทให้รู้ว่า ชายไม่มีสิทธิจะทารุณกรรมหญิง หรือเห็นหญิงดังข้าทาส หากคนที่มีการศึกษาดังเช่นพวกที่เข้ามาด่าทอว่าเป็น ขึดบ้านขึดเมือง ยังยึดมั่นถือมั่นอยู่อย่างนี้ แล้วเมื่อไร คนไร้การศึกษาที่อยู่ในชนบทห่างจากตัวเมือง จะเห็นเมียคือเมีย ลูกสาวคือลูกล่ะ ขนาดในกรุงเทพฯ แดนฟ้าเมืองอมรนี้แท้ๆ ยังเจอผัวเลี้ยงเมียด้วยลำแข้งและแรงกาย แถมบอกว่า เรื่องของผัวเมียตบตีกันได้ ไม่ผิด! เพิ่งไม่ถึงสิบปีมานี้เองมั้ง ที่ผู้หญิงทั้งหลาย ถึงจะรู้ว่า ถ้าโดนผัวซ้อมแล้ว แจ้งตำรวจจับได้อ่ะ คิดดูก็แล้วกัน - เพราะสาเหตุจากลูกชายนายพลสติเสีย ซ้อมเมียเป็นประจำ จับเมียวิ่งแก้ผ้าให้ชาวบ้านเห็นอีกด้วย เมียก็ยอม นึกว่าเป็นผัวเมียกัน ผัวมีสิทธิทำกับเมียได้!! ป้าก็ไม่ใช่บ้าสิทธิสตรีเสียจนเกินเหตุ แต่มันก็มีขอบเขตนะ (อย่างน้อยป้าก็ยอมเต็มใจใช้เงินลุงเค้าเลี้ยงดูอ่ะ ฮา ฮา ฮา ) หรือถ้าพ่อบูมจะเลี้ยงเบียร์ เลี้ยงไวน์ป้า ป้าก็ไม่ขอปฏิเสธเพราะเรื่องสิทธิเท่าเทียมกันหรอกจ้า.......... แต่เห็นด้วยเต็มร้อยว่า ที่เรื่องร้อนขึ้นมา ก็เพราะความโฉ่งฉ่างของคุณเธอนี้แหละ จากคุณ : o;] - [ 14 ก.ค. 47 21:59:38 A:203.156.71.119 X: ]

ความคิดเห็นที่ 39 ขอแจมอีกที เห็นด้วยกับผู้ไม่ประสงค์ออกนาม เอา How to win friends and influence people ของ Dale Carnegie ไปไว้แถวๆวุฒิสภาหน่อยคงจะดี ถ้าไม่มีเวลาอ่านทั้งเล่มก็อ่านแต่ชื่อบทที่หนึ่งก็พอ เขาตั้งชื่อไว้ว่า If you want honey don't kick over the beehive ประสบการณ์ในการทำงานจิตวิทยามวลชนเพื่อการปรับเปลี่ยนทัศนคติและพฤติกรรมสอนให้รู้ว่า การที่จะทำให้ใครต่อใครเขาเปลี่ยนได้อย่างถาวรยั่งยืนนั้น ต้องเกิดจากความตระหนักและความต้องการเปลี่ยนของเขาเอง ไม่ใช่ด้วยการข่มเขาโคขืนให้กลืนหญ้า ทำอย่างนั้น วัวมันทันขวิดมันก็ขวิด ทันเตะมันก็เตะ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 14 ก.ค. 47 23:32:24 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เรื่องการเรียกร้องสิทธิทีเท่าเทียมก็เป็นปัญหาอีกประการหนึ่ง แต่ปัญหาที่หนักกว่านั้นก็คือการไม่รู้ว่าตัวเองมีสิทธิอะไรเสียด้วยซ้ำ แถมคนรอบข้างก็ไม่รู้เหมือนกัน มีเรื่องเศร้าของการตกเป็นเหยื่อมาเล่าให้ฟัง เด็กที่มาทำงานร้านอาหารข้างบ้านอายุ 17 หนีสามีมาจากบ้านป่าที่ต่างจังหวัด เพราะทนไม่ไหวถูกสามีทารุณทางเพศมาตลอดที่แต่งงานด้วยกัน 2 ปี วันที่เกลียดที่สุดก็คือวันที่สามีเข้าเมืองแล้วไปดูวีซีดีโป๊มาจากในเมือง พอกลับมาก็มาบังคับให้เมียทำอย่างในวีซีดี เมียก็ไม่เคยเห็นทำไม่เป็นก็ถูกผัวซ้อมจนน่วม แล้วก็พานั่งรถไปดูวีซีดีที่ร้าน ไปถึงร้านตอนตีสี่ไปขอร้องให้เขาเปิดให้เมียดู กลับมาถึงบ้านก็บังคับให้เมียทำเดี๋ยวนั้น ตลอดเวลาน้องหนูนี่เธอก็พยายามจะเลิกกับสามีโดยการบอกพ่อแม่ญาติผู้ใหญ่ แต่ไม่ใครรับฟัง ทุกคนคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ภรรยาต้องตอบสนองความต้องการของสามี เธอถูกดุด่าหาว่าเอาไฟในออกไปข้างนอกเสียจนไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง บางคราวบาดเจ็บมากจนต้องเข้าโรงพยาบาลแล้วก็ต้องออกมารับกรรมอีก ในที่สุดก็ถึงขั้นคิดฆ่าตัวตาย ดีที่พ่อแม่มาเห็นเสียก่อน แล้วเลยอนุญาตให้มาอยู่กับญาติที่กรุงเทพ ทางนี้ก็ไม่รู้เรื่องอะไร เห็นว่าหน้าตาดีก็แหย่น้องหนูเล่นเดี๋ยวผัวก็มาตามกลับแน่ ๆ เท่านั้นแหละร้องไห้โฮ เรื่องราวพรั่งพรูออกมาจนหน้าซีดไปตาม ๆ กัน คิดว่าคงมีผู้หญิงอีกมากที่ตกอยู่ในสภาพของน้องหนูคนนี้ ไม่รู้จะบอกใคร ปกป้องตัวเองไม่ได้ เพราะถูกสอนมาตั้งแต่เด็กว่าต้องยอมทุกอย่างเพื่อความสงบสุขของครัวเรือน ของประเพณี ของอะไรต่ออะไรอีกมากมาย มันเป็นการเสียสละที่ยิ่งใหญ่เกินไปจริง ๆ พูดแล้วนึกถึงหนังของออร์สัน เวลส์ (มั้ง) ที่เคยดูเมื่อยังเด็ก ไม่รู้ชื่อเรื่องอะไรแต่มันเป็นเรื่องที่ตั้งคำถามเกี่ยวกับว่าผู้หญิงควรลุกขึ้นเรียกร้องเพื่อสิทธิของตัวเองไหม จำได้คลับคลาว่าเป็นงานปาร์ตี้แห่งหนึ่งแล้วให้คนมาแสดงความคิดเห็นในประเด็นนี้ ยังจะได้ว่ามีผู้ชายคนหนึ่งลุกขึ้นมาแล้วพูดสั้น ๆว่า "ถ้าปล่อยทาสคนสุดท้ายไปเสียแล้ว โลกของเราจะเหลืออะไรล่ะ" ฮา..... จากคุณ : ดาหาชาดา - [ 15 ก.ค. 47 00:55:34 ]

ความคิดเห็นที่ 41 "เอดส์ที่ภาคเหนือน่ะ สูงสุดทั่วประเทศ ช่ายม่ายล่ะลุง ภาคอีสานนะ ลูกสาวต้องขายบริการเพราะพ่อแม่ถูกหลอก แต่ภาคเหนือ ลูกสาวต้องขายบริการเพราะพ่อแม่เต็มใจ ทั้งนี้ ทั้งนั้น ล้วนมาจากปัญหาเดียวคือ ความเชื่อที่ว่า หญิงนั้นไร้ค่าความเป็นมนุษย์ แต่เป็นสินค้าที่สูงค่ายิ่งนัก ... " แสดงว่าป้าไม่เคยเที่ยวอาบอบนวดแน่นอน ฮิฮิ เลยคิดว่าสาวๆ ที่มาขายบริการโดนหลอกมา ประเพณีการขายลูกสาวน่ะมีมานานแล้ว แต่อยู่แค่ในอำเภอเล็กๆ ของจังหวัดเล็กๆ จังหวัดหนึ่งเท่านั้น จะไปตีขลุมว่าเป็นภาคเหนือทั้งหมดคงไม่ได้ดอก ปัจจุบันประเพณีนั้นหมดไปแล้ว ส่วนเหตุที่สาวเหนือที่แทบจะยึดหัวหาดงานขายบริการทั่วประเทศไทยได้ขณะนี้ ก็เนื่องมาจากมีความได้เปรียบเรื่องรูปร่างหน้าตาผิวพรรณของเธอนั่นเอง และส่วนใหญ่ก็ไม่ได้บอกทางบ้านด้วยซ้ำว่าไปทำงานอะไรที่ต่างจังหวัด จากคุณ : มนก - [ 15 ก.ค. 47 13:56:58 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ตอนนี้สาวไทยที่ถูกหลอกมาทำงานบริการทางเพศนี้มีน้อยเต็มทีค่ะ (แต่ก็ยังมีอยู่บ้างที่ตั้งใจมาทำงานอย่างหนึ่ง แต่เจ้าของงานเห็นว่าเปิดเป็นซ่องได้กำไรกว่าก็เลยบังคับให้เด็กในสังกัดให้เป็นโสเภณี) ส่วนใหญ่เข้ามาทำด้วยความเต็มไจทั้งนั้น แต่การหลอกลวง ทารุณ ข่มขู่เด็กสาวเข้ามาเป็นทาสในธุรกิจทางเพศนั้นยังคงมีอยู่แต่เปลี่ยนเป้าหมายไปเป็นเด็กที่ไม่มีเชื้อชาติหรือเด็กที่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้านของเราอย่างจีน พม่า ลาว เมื่อก่อนเราเคยคิดกันว่าธุรกิจขายบริการทางเพศของเราจะมีขนาดลดลงเมื่อเศรษฐกิจของประเทศเจริญก้าวหน้าไปเป็นลำดับ โดยวัดเอาจากรูปแบบที่เกิดขึ้นในไต้หวัน เกาหลีใต้ หรือญี่ปุ่น เพราะคิดว่าการศึกษาและรายได้ที่ดีขึ้นจะทำให้เด็กสาวไม่เข้าสู่อุตสาหกรรมนี้ต่อไป แต่ปรากฏว่าเราคิดผิดแฮะ "วัตถุดิบ" ใหม่ ๆสำหรับอุตสาหกรรมนี้ในประเทศไทยไม่เคยหมดไป และถ้าหาของสดและราคาถูกไม่ได้ในเมืองไทย ก็ยังมีประเทศเพื่อนบ้านให้สามารถไปซื้อมาได้เสมอ จากคุณ : ดาหาชาดา - [ 15 ก.ค. 47 16:38:12 ]

ความคิดเห็นที่ 43 อิ อิ อิ ไม่เคยเที่ยวอาบอบนวดเจงๆ แหละ เขาม่ายต้อนรับอ่ะ .... ที่พูด ก็มุ่งเน้นไปที่ตำบลหมู่บ้านนั้นเป็นหลักล่ะ แต่เข้าใจว่า นอกรอบแล้ว โดยทั่วไป นายหน้าไปขอสาวๆ มาทำงานจากพ่อแม่ ไม่ได้ขายมา และพ่อกะแม่ก็ทราบด้วยว่าจะมาทำงานอะไร ส่วนใหญ่แล้ว สาวเหนือบ่ได้ต้องหลอกมาหรอก ปัจจุบัน ประเพณีที่ว่านั้น ก็ยังไม่หมดไป เพราะถ้าหมดไปแล้ว เจ๊ลัดดาวัลย์คงไม่ต้องทำงานประชาสัมพันธ์เรื่องตกเขียวตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตสี่แฉกแน่ พูดเรื่องนี้ แล้วเศร้านะ จากคุณ : o;] - [ 15 ก.ค. 47 17:49:56 A:203.156.67.145 X: ]

ความคิดเห็นที่ 44 อ้าว คุณลัดดาวัลย์เธอไม่ได้ไปขายเครื่องสำอางค์ให้แกมกี่หรอกเหรอ เอ หรือว่าออกแล้ว จากคุณ : ดาหาชาดา - [ 15 ก.ค. 47 19:50:41 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ปัญหาเรื่องหญิงขายบริการทางเพศเป็นเพียงปัญหาหนึ่งของวิกฤตสังคมทุกวันนี้ ยังมีปัญหาที่ทำให้เกิด marginalised populations อยู่อีกเยอะซึ่งต้องช่วยกันแก้ เอางี้ ตอนนี้กำลังเปิดประเด็นอยู่เพราะยายรินไปถามไว้ที่ห้องพ่อมดในกระทู้ โอย..เหนื่อย ตามไปแจมสิ เลิกได้แล้วเรื่องเจ๊เบียบ ปล่อยแกไปเหอะ ขี้เกียจนั่งแยกแยะ พอกันกับเรื่องศิลาจารึก ปัญหาวิชาการแท้ๆแต่คนเราเอาอัตตาใส่ลงไปเต็มๆ ตอนนี้เลยนิยมการแก้ปัญหาด้วยการเผาพริกเผาเกลือกันเสียแล้ว เก๋ไปอีกแบบ เฮ้อ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 17 ก.ค. 47 07:44:28 ]

ความคิดเห็นที่ 46 เลิกแล้วค่ะ หนูเลิกแล้ว เจ๊เบียบแกก็เลิกเหมือนกันค่ะ เห็นด้วยกับลุงเรื่องศิลาจารึกค่ะ จากคุณ : ดาหาชาดา - [ 17 ก.ค. 47 14:20:43 ]

ความคิดเห็นที่ 47 "...ตอนนี้เลยนิยมการแก้ปัญหาด้วยการเผาพริกเผาเกลือกันเสียแล้ว..." ความจริงน่าจะเผาปลาร้ากับกระเทียมไปให้ด้วยซะเลย จะได้ครบสูตรครับ จากคุณ : บูมเมอร์ - [ 17 ก.ค. 47 15:13:43 ]

ความคิดเห็นที่ 48 เปลี่ยนหัวข้อคุยดีกว่า ... เบื่อแล้วล่ะ เหมือนเลียแต่เกลือ บ่มีตะเกียล่าแกมมะนาว (เหมือนที่คุณพ่อโปรฯ ว่าไว้กระทู้ข้างบน) แปลกแต่จริงนะ ยังงงอยู่ไม่หาย คือไปได้หนังสือของสำนักพิมพ์ที่เจ๊ดาหาเธอทำให้อยู่ ไม่รู้ว่าเขาตั้งใจ หรือมันมีนัย+วาระซ่อนเร้นอะไรแอบแฝงอยู่ แต่เขาแปลคำว่า "แอสโฮล" ว่า "ไอ้รูทวาร" อ่ะ ... ใครทราบความนัย กรุณากระซิบบอกด้วย จากคุณ : o;] - [ 17 ก.ค. 47 16:22:05 A:203.156.96.25 X: ]

ความคิดเห็นที่ 49 กร๊ากกกก เขาว่างั้นเลยหรือคะ ช่างแปลกล้าหาญดีแท้ ต่อไปนี้เป็นคำเท่าที่นึกออกค่ะ scum bag-ไอ้ถุงของสกปรก douch bag ไอ้ถุงยางอนามัย holy shit อุจจาระศักดิ์สิทธิ์ low life ชีวิตต่ำ ๆ จากคุณ : ดาหาชาดา - [ 18 ก.ค. 47 12:32:17 ]

ความคิดเห็นที่ 50 อ้ะ ใครแปลยังงั้นจริงๆอ้ะ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 18 ก.ค. 47 13:01:08 ]

ความคิดเห็นที่ 51 มาประมาณสำนวนคุณสุวิทย์ ขาวปลอดเลย แต่ของแกดุเดือดกว่าเยอะ จากคุณ : บูมเมอร์ - [ 18 ก.ค. 47 14:53:47 ]

ความคิดเห็นที่ 52 อ้าว คำว่า "แอสโฮ" เขาไม่ได้แปลว่าอย่างนั้นหรือครับ หลงเข้าใจผิดมาตั้งนาน จากคุณ : มนก - [ 18 ก.ค. 47 16:07:06 ]

ความคิดเห็นที่ 53 อ่านของคุณสุวิทย์ก็เห็นอยู่เหมือนกันค่ะ คือมันคงตรงกับภาษาอังกฤษเป๊ะ แต่ว่าคนไทยเขาไม่ด่ากันแบบนี้นี่คะ กำลังหน้าสิ่งหน้าขวาน หรือกำลังเดือดจัด ๆคงไม่ใครด่าอีกฝ่ายว่า "ไอ้รูทวาร" หรืออะไรที่หยาบกว่านี้หรอกใช่ไหมคะ ถึงจะเป็นเรื่องแปลก็เหอะนะ มันก็ไม่เป็นธรรมชาติเอาจริง ๆ จากคุณ : ดาหาชาดา - [ 18 ก.ค. 47 16:34:11 ]

ความคิดเห็นที่ 54 แปลยังงั้นเจงๆ สิ เรื่องจริงไม่อิงนิยายเด็ดขาด ฮา ฮา คุณมนก คือง่า.. ง่า .. ง่า เขาแปลกำกวมเรียบร้อยเกินไปอ่ะ ... คนเรามีทวารตั้งห้าแห่งนะ เรียกรูทวาร เฉยๆ เลยไม่รุ้ว่ารูทวารแห่งใดอ่ะ จริงม่ะ ที่อยากจะรู้มั่กๆ ก็คือ ที่เขาแปลกันออกมายังงั้น เพราะ 1. ไม่รู้ว่าหมายความว่าอะไร 2. รู้ แต่นึกไม่ออกว่าจะแปลว่าอะไรดี 3. ไม่สน ไม่เสียเวลาที่จะคิด 4. คิดว่าคนอ่านโง่ นึกไม่ถึง ตามไม่ทัน 5. มันมีนัย จากคุณ : o;] - [ 18 ก.ค. 47 16:35:22 A:203.156.96.39 X: ]

ความคิดเห็นที่ 55 6. ถูกทุกข้อ 7. มีข้อใดข้อหนึ่งเท่านั้นที่ผิด ในขณะที่ข้อถูกแทบไม่มีเลย 8. นโยบาย self- censor on profanity. จากคุณ : ดาหาชาดา - [ 18 ก.ค. 47 18:31:39 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ได้ยินข่าวมาว่าคุณแท่นสีเคยมีสามีมาแล้วใช่หรือไม่เป็นแขกอิหร่าน แต่ทนเจ็บตูดไม่ไหว ใช่หรือไม่ จากคุณ : พีเอ็ม - [ 22 ก.ค. 47 17:15:40 A:210.86.142.89 X: ]

ความคิดเห็นที่ 57 ก๊ากกกกก โจทก์ตามมาถึงนี่วุ้ย จำเลยหายไปไหนง่ะ ครั้งหลังสุดเห็นไปเปิดกระทู้สอนภาษาอังกฤษอยู่เนี่ย จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 24 ก.ค. 47 08:20:30 ]

ความคิดเห็นที่ 58 น่านนะซีโจทก์มาจริงๆแหละ แล้วดันมาพูดเรื่องที่เราจะ comment ซะด้วยนะคือเรื่องตูดนะ คือเรากำลังจะบอกว่า ที่ทั่นป้าว่า "....เลยไม่รุ้ว่ารูทวารแห่งใดอ่ะ จริงม่ะ ......" เราอยากจะบอกว่า ป้าเล่นคิดเจาะลึกทุกรูเลยนะ ......เราว่าถ้าเป็นเราแปล "asshole" นะ เราจะแปลมันว่า "ไอ้งั่ง" ......ทั้งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการ "เจ็บตูด" นั่นเอง ......ก๊ากๆๆๆๆ...... อ๋อโจทก์เขาไปอ่านกระทู้ที่เราเขียนเรื่องปัญหาการเรี่ยนภาษาอังกฤษของคนไทยแล้ว โจทก์เขาว่า "อ่านแล้วเจ็บหัวชิ๊ปเป้งเลย ....ไร้สาระ สู้ไปชวนฝรั่งคุยไปเลยไม่ได้ เรียนภาษาปะได้ดีกว่าหลายเท่า ไม่ปวดหัว............" โจทก์กับกลุ่มเพื่อนโจทก์เรียนแบบนั้น ตอนเรียนปริญญาตรีเอกอังกฤษธุรกิจ ...ชวนฝรั่งไปคุยด้วยตั้งแต่ปี 1 ถึงปี 4...แต่พอเรียนจบรับปริญญาตรีกันมาหมด โจทก์กับเพื่อนโจทก์ก้อพูดภาษาอังกฤษรู้เรื่อง แต่จับผิดไวยากรณ์ได้ทุกๆ 20 นาทีที่พูดจะจับผิดไวยากรณ์ได้ 15-20 แห่ง ในขณะที่ฝรั่งที่โจทก์กับเพื่อนไปคุยด้วย (ซึ่งฝรั่งขอเรียนภาษาไทยแลกเปลี่ยน) กลายเป็นพูดภาษาไทยคล่องแล้วไม่ผิดไวยากรณ์เลย....แปลกมะล่ะ ........ ตกลงถ้าการเรียนภาษาอังกฤษ ทำได้โดยการไปชวนฝรั่งคุยนะ .....ไอ้ฝรั่งที่เขียนตำราภาษาอังกฤษมาให้ฝรั่งด้วยกันอ่าน มันจะกล้าเขียนหรือ ......??? เพราะว่าฝรั่งด้วยกันก็ชวนกันไปคุยกันตั้งแต่เกิดจนแก่แล้วไม่ใช่หรือ......???? จากคุณ : tansy - [ 26 ก.ค. 47 13:15:19 A:210.203.186.38 X: ]

ความคิดเห็นที่ 59 แต่จับผิดไวยากรณ์ได้ทุกๆ 20 นาทีที่พูดจะจับผิดไวยากรณ์ได้ 15-20 แห่ง หมายถึงคนอื่นจับผิดโจทก์กับเพื่อนๆของโจทก์นะ ......ซ้ำร้ายที่สุดเพื่อนของโจทก์ ไปเรียนปริญญาโทแล้วมาให้เราเขียน Abstract ให้ เงินเราก็ไม่ได้ แล้วเมื่อเร็วๆนี้เพื่อนโจทก์โทรมารบกวนให้เราฟังภาษาอังกฤษที่เธอพูดว่ายังงี้พอไปสัมภาษณ์งานได้หรือไม่ แล้วก็ต่อมาไม่นานนัก จะมาให้เราเขียนจดหมายภาษาอังกฤษสมัครงานให้ บังคับให้เราเขียนในขณะที่เราพยายามส่งงานแปลให้ทันเวลา เพราะลูกค้าเร่งเอาเต้นเหยงๆอยู่ .........ลูกค้าก้อจี้เส้นส่งงานมา 12-13 หน้าตอนเช้าแล้วโทรมาทุกครึ่งชั่วโมงจะรับงานแปลให้ได้ภายในเวลาอันเร็วที่สุด ....ในขณะที่เพื่อนโจทก์ก้อบอกว่าให้เราเขียนจดหมายภาษาปะกิตสมัครงานให้เธอ ......เราก้อตอบไปว่า "ให้หล่อนไปหาฝรั่ง backpacker แถวๆท่าแพ, เชียงใหม่ดิ" .......ทีหลอกพวกมันสอนสนทนาได้ ทำไมหลอกพวกมันเขียนจ.ม. สมัครงานไม่ได้ .......????!!! จากคุณ : tansy - [ 26 ก.ค. 47 13:23:32 A:210.203.186.38 X: ]

ความคิดเห็นที่ 60 เรียนภาษาปะได้ดีกว่าหลายเท่า ไม่ปวดหัว............" แก้เป็น เรียนภาษาปะกิตได้ดีกว่าหลายเท่า ไม่ปวดหัว............" เลยตอนนี้เพื่อนโจทก์โกรธเรามั่กๆเลยนะ ...โกรธก็ดีแล้วเราจะได้ไม่ต้องมาทำงานฟรีให้บ่อยๆ จากคุณ : tansy - [ 26 ก.ค. 47 13:27:49 A:210.203.186.38 X: ]

ความคิดเห็นที่ 61 ก๊ากกก อธิบายได้ไม่ยาก น้ำย่อมไหลจากระดับสูงกว่าไประดับต่ำกว่าฉันใด การถ่ายทอดความชำนาญทางภาษาก็ย่อมไหลจากผู้สูงกว่าไปหาผู้ต่ำกว่าฉันนั้น อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดของการถ่ายทอดก็คือ ผู้รับก็จะบังเกิดทักษะได้สูงสุดเท่าระดับของผู้ถ่ายทอดเท่านั้น จะสูงไปกว่านั้นมิได้ มันไม่ได้สะสมแบบถ่ายทอดกำลังภายในกันอ้ะ ฝรั่งกะไทยต่างถ่ายทอดภาษาซึ่งกันและกัน ฝรั่งเรียนไทยได้ดีมากก็แสดงว่าระดับภาษาของคนไทยที่ถ่ายทอดน่ะดีน่ะสิ ก็ไม่น่าแปลกเพราะว่าระดับนักศึกษาปริญญาตรีแล้วก็คงไม่เลวนักหรอก แต่นักศึกษาไทยที่รับถ่ายทอดภาษาฝรั่งมาได้ไม่ดีน่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะนักศึกษาไทยห่วยเองก็แสดงว่าฝรั่งมันระดับการศึกษาต่ำหรือเปล่า? เห็นเฮียแท่นบอกว่าเป็นกันทั้งกลุ่ม น่าจะแสดงว่าผู้ถ่ายทอดไม่สู้ได้เรื่องน่ะสิ แบบไปเจอฝรั่งไกลปืนเที่ยงเข้าหรือเปล่า จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 26 ก.ค. 47 15:57:27 ]