CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    ขอยืมตัวฮูหยินสักครา ตอนที่ 1 ไคว่ไจเฟิง

    ตอนที่ 1 ไคว่ไจเฟิง

    ในที่สุดเขาก็พบพานยอดฝีมือ

    ขณะที่เขาก้มลงดื่มน้ำ พลันพบว่าบนผิวลำธารเคลือบคลุมไว้ด้วยสีสันที่ผิดแผกไปจากปกติ ต้องอาศัยแสงอาทิตย์จึงทำให้สามารถพบเห็นความผิดปกติ ท้องฟ้ายังคงมืดครึ้ม ทว่าดวงตาของเขากลับเปล่งประกาย เขายังได้พบอีกว่าในลำธารไม่มีปลา ไม่มีกุ้ง ไม่มีหอย ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดเหลืออยู่ ทุกครั้งที่เขาต้องการดื่มน้ำ ล้วนพบว่าบนน้ำผิวปกคลุมไว้ด้วยพิษที่สามารถคร่าชีวิตได้ตลอดเวลา อากาศหนาวเย็นเหมือนนิ้วมือของคนตาย หิมะปกคลุมไปทั่วยอดเขา เขาเคยคิดที่จะก่อกองไฟ แต่ทุกครั้งที่เขาคิดจะกระทำ พลันพบว่าหลังจากที่ไฟถูกจุดขึ้น ในเปลวไฟจะปะปนไปด้วยควันพิษ ทุกครั้งที่จุดไฟ ก็จะปรากฏควันที่สามารถคร่าชีวิตของเขาไปได้ เขาไม่กล้าที่จะดื่มน้ำอีก และจำต้องดับไฟ ไม่ว่าในน้ำในไฟ ล้วนถูกคนแพร่พิษ อีกทั้งยังเป็น “ไคว่ไจเฟิง” พิษร้ายซึ่งหายสาบสูญไปจากยุทธภพเป็นเวลานานกว่า 68 ปี ขอเพียงมีลม ก็สามารถใช้พิษนี้ พบน้ำก็สามารถแปรสภาพ หากท่านทานเข้าไปย่อมต้องสิ้นลมหายใจ พบความร้อนก็สามารถระเบิดออก คนที่แพร่พิษนี้ย่อมต้องเป็นยอดฝีมืออย่างแน่นอน

    เขาไม่ได้พบยอดฝีมือเช่นนี้มานานแล้ว

    อย่าได้บีบบังคับเขาอีก เหวยชิงชิงชิงคิด เขารู้ว่าเป็นผู้ใดแพร่พิษ
    จางโหวแห่งไหวอิน หากไม่ใช่ความคิดของท่าน ยังมีผู้ใดสามารถช่วงใช้ปู๋ไฮว่เหอซ่าง(หลวงจีนไม่ชั่ว) กำเนิดจากรากเดียวกัน ไยต้องเร่งเผาผลาญกัน ท่านไม่ให้ข้าพเจ้ามีชีวิตสืบต่อ ต้องการให้ข้าพเจ้าแบกหม้อก้นดำ ไม่ให้ข้าพเจ้ามีทางรอด ถ้าเช่นนั้นข้าพเจ้าก็จำต้องกลับไปเสี่ยงชีวิตกับท่านแล้ว

    เหวยชิงชิงชิงตัดสินใจ ไม่หนีต่อไปอีก

    เขาต้องการที่จะถามความจากจางโหว : เหตุไฉนจึงต้องบีบบังคับเขาให้เข้าสู่จุดอับ

    หากถึงคราจำเป็น เขาก็ไม่เสียดายที่จะเสี่ยงชีวิตกับจางโหว

    คาดไม่ถึง การเดินทางเขาในครานี้ แทบจะคร่าชีวิตของบุรุษอาชาไนย 2 คนและโฉมสะคราญอีกผู้หนึ่งไป

    เหวยชิงชิงชิงและจางโหว แท้จริงแล้วถือกำเนิดจากสำนักเดียวกัน

    จางโหว เมื่อวิจารณ์ถึงคุณวุฒิ เขานับได้ว่าเป็นศิษย์ผู้พี่ของเหวยชิงชิงชิง

    แม้ว่าทั้งสองคนจะเป็นศิษย์รุ่นที่ 7 แห่งสำนักจ่านจิงถัง แต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้ร่ำเรียนวิชาพร้อมกัน

    อาจารย์ของจางโหวก็คือ “สุยเฟิงปู้อี้(ลิขิตคล้อยลม)” หลงไป่เชียน เป็นเจ้าสำนักจ่านจิงถังในยุคที่รุ่งเรืองที่สุด ทรงอิทธิพลมากที่สุด แต่ไม่เคยที่จะสนใจซื่อซือตี้(ศิษย์น้องคนที่สี่) “หลินเฟิงปู้เจิ้น(ค่ายกลประชิดลม)” ติงอวี้เฟิง ซึ่งเอาแต่ฝึกยุทธ์อย่างโง่งมทั้งวัน

    ภายหลัง ติงอวี้เฟิงได้ปลีกตัวไปจากสำนักจ่านจิงถัง อบรมศิษย์อย่างเงียบๆ น้อยครั้งที่จะติดต่อกับศิษย์ผู้พี่หลงไป่เชียนซึ่งเป็นเจ้าสำนัก
    แน่นอน เหวยชิงชิงชิงย่อมน้อยครั้งที่จะมีโอกาสได้พบกับศิษย์ผู้พี่ จางโหวแห่งไหวอินผู้อาศัยเฟิงเตาซวงเจี้ยน(ดาบวายุกระบี่น้ำค้าง) หนึ่งพันหนึ่งกระบวนท่าพิชิตแผ่นดินโดยไร้ผู้ต่อต้าน

    ติงอวี้เฟิงและหลงไป่เชียนต่างลาโลกไปตามกัน นี่คงเป็นเรื่องเดียวในชีวิตของติงอวี้เฟิงที่ได้ก้าวหน้าไปก่อนหลงไป่เชียน หลังจากที่ติงอวี้เฟิงเสียชีวิตไปหนึ่งปี หลงไป่เชียนก็ลาโลกตามไปเช่นกัน

    ติงอวี้เฟิงแม้ลาโลกไปก็ยังคงไปอย่างสงบสุข ในสำนักจ่านจิงถังไม่มีผู้ใดมาไว้อาลัยแม้แต่ผู้เดียว ได้ยินว่าไม่รู้แม้กระทั่งเรื่องการเสียชีวิตของติงอวี้เฟิง ทว่าหลงไป่เชียนกลับมีงานศพที่ยิ่งใหญ่สมเกียรติเจ้าสำนัก วีรบุรุษผู้กล้าแทบทุกทิศทางล้วนรุดมาร่วมงาน ทางหนึ่งเพื่อมาไว้อาลัยแก่ผู้จากไป ขณะเดียวกันก็มาแสดงความยินดีต่อจางโหวแห่งไหวอินซึ่งได้กลายเป็นเจ้าสำนักคนใหม่ของสำนักจ่านจิงถัง
    เหวยชิงชิงชิงเพียงไปไว้อาลัย แต่ไม่ได้ไปร่วมแสดงความยินดี
    เขาไม่คุ้นเคยพิธีการ เขาไม่ชอบพิธีการเท่าใดนัก

    เขาไปอย่างเงียบเชียบ จุดเทียนอย่างสงบ จากไปโดยไม่กล่าววาจากับผู้ใด ขั้นตอนทั้งหมด มีเพียงโฉมสะคราญผู้หนึ่งที่พบเห็น ขณะเดียวกันเหวยชิงชิงชิงก็เพียงสังเกตเห็นโฉมสะคราญผู้นี้เท่านั้น แม้ว่าจะเป็นชั่วเวลาเพียงพริบตา แต่ก็ทำให้เขาไม่อาจลืมเลือนโฉมสะคราญผู้นี้ไปได้

    ครั้งนั้น เขาไปไว้อาลัย แต่ไม่ได้พบกับจางโหวแห่งไหวอิน
    ในยามนั้น จางโหวแห่งไหวอินดุจตะวันยามเที่ยง ชื่อเสียงสะท้านแผ่นดิน นับแต่เตาปาซ่างเหยินก่อตั้งจ่านจิงถังมาเจ็ดรุ่น มีเพียงจางโหวแห่งไหวอินเพียงผู้เดียวที่ฝึกเฟิงเตาซวงเจี้ยน(ดาบวายุกระบี่น้ำค้าง)ทั้งหนึ่งพันหนึ่งกระบวนท่าได้สำเร็จ อีกทั้งยังได้แก้ไขปรับปรุงข้อบกพร่อง ด้วยความสามารถนี้ ทำให้จางโหวมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว ไม่เป็นรองผู้ใด ฮูหยินของเขาก็เป็นสตรีซึ่งกำเนิดจากสำนักที่มีชื่อเสียงเช่นกัน ร่ำลือกันว่าเป็นโฉมสะคราญ ซึ่งเพียบพร้อมทั้งวรยุทธ์ความสามารถและคุณธรรม บางที นอกเสียจากว่าถึงบัดนี้แล้ว จางโหวยังไม่ได้ให้กำเนิดบุตรธิดาแล้วนั้น เรื่องอื่นล้วนต้องนับว่าดีพร้อมสมบูรณ์

    เหวยชิงชิงชิงไม่ต้องการที่จะพบเขาในเวลานี้
    เขาสงสัยว่าจางโหวได้ลืมไปแล้วว่ายังมีศิษย์ผู้น้องคนนี้
    จนกระทั่งชื่อเสียงของเหวยชิงชิงชิงค่อยๆ โด่งดังขึ้นมา เขาอาศัยกระบี่เดียวทลาย กูหานเหมิง (พันธมิตรหนาวโดดเดี่ยว) ดาบเดียวสยบโยวหลิงสือซาน เอาชนะ 17 ผู้อาวุโสของตัวเหล่าฮุ่ย(สมาคมอาวุโส) ได้ภายในคืนเดียว ขับไล่ 9 หัวหน้าตึกของเขาหานต้ง ในขณะที่เหวยชิงชิงชิงต่อสู้กับประมุขพรรค ฉวีหน่วนปัง เสว่ชิงหาน ทุกคนจึงได้ประจักษ์ความสามารถที่แท้จริงของบุรุษผู้นี้

    เพลงกระบี่ของอี้หลิวหลิวเจี้ยน(กระบี่ชั้นหนึ่ง) เสว่ชิงหาน ได้บรรลุถึงขั้นสุดยอด ในอดีต ฉางฉ่านต้าซือซึ่งได้รับการยกย่องว่ายอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งฝ่ายอธรรม ท้าสู้กระบี่ชั้นหนึ่งเจ็ดครั้ง ล้วนพ่ายแพ้อย่างอนาถ สูญเสียเวลาคิดวิธีทำลายเพลงกระบี่ยาวนานถึง 14 ปี จนกระทั่งก่อนลาโลกไป จึงได้กล่าวออกมาว่า “มิอาจทำลาย” จากนั้นก็ลาโลกไป

    นับแต่นั้นเป็นต้นมา กระบี่ชั้นหนึ่งของเสว่ชิงหานก็ได้รับยกย่องว่าเป็น กระบี่มิอาจทำลาย
    แต่ท้ายที่สุดกระบี่ชั้นหนึ่งก็ถูกเหวยชิงชิงชิงทำลาย

    เขาได้นำเฟิงเตาซวงเจี้ยนทั้งหนึ่งพันหนึ่งกระบวนท่ามาหลอมรวมเป็นกระบวนท่าเดียว

    กระบวนท่านี้เรียกว่า “ เชียนอี (พันหนึ่ง)”

    กระบวนท่านี้ก็คือการนำกระบวนท่าทั้งหนึ่งพันกระบวนท่ามาใช้ออกเป็นท่าไม้ตายกระบวนท่าเดียว

    กระบวนท่านี้สามทำลายกระบี่ชั้นหนึ่ง ทำให้เสว่ชิงหานต้องประสบพบความพ่ายแพ้
    ศึกครั้งนี้ ทำให้เหวยชิงชิงชิงมีชื่อสะท้านแผ่นดิน ทำให้ทุกคนได้รู้ว่า หลายปีที่ผ่านมา ที่ติงอวี้เฟิงแห่งจ่านจิงถังซึ่งเก็บตัวฝึกวิชาอย่างสงบเงียบ ได้อบรมศิษย์ เหวยชิงชิงชิงขึ้นมาอีกผู้หนึ่ง ด้วยความมุ่งมั่น ความเด็ดเดี่ยวและสติปัญญาของทั้งสองศิษย์อาจารย์ ทำให้สามารถหลอมรวมเฟิงเตาซวงเจี้ยนทั้งหนึ่งพันหนึ่งกระบวนท่ากลายเป็นกระบวนท่า “เชียนอี” ซึ่งมีเพียงกระบวนท่าเดียวได้สำเร็จ

    ทว่า เมื่อเทียบวรยุทธ์ของจางโหวกับวรยุทธ์ของเหวยชิงชิงชิงแล้วนั้น ผู้ใดจะสูงล้ำกว่ากัน ไม่ว่าผู้ใดก็ล้วนไม่ทราบได้

    พวกเขาไม่เคยได้ประลองฝีมือกัน

    เพียงแต่ว่า ชื่อเสียงของจางโหวนั้นโด่งดังกว่า

    จางโหวเป็นเจ้าสำนักจ่านจิงถังแห่งฝ่ายธรรมะ กุมอำนาจสิทธิ์ขาด มีฐานะที่สูงส่งในยุทธภพ ทั้งยังมีความสัมพันธ์กับฝ่ายราชสำนักและทางการ

    เหวยชิงชิงชิงกลับแตกต่างไป

    เขาเป็นเพียงคนพเนจรในยุทธภพ อาศัยอยู่โดดเดี่ยวลำพัง ทั้งยังร่ำลือกันว่าคดีปล้นฆ่าหลายคดีมีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา เขาไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับคนของฝ่ายธรรมะ อีกทั้งยังเป็นคนพเนจร จึงได้รับการขนานนามว่าเป็น ยอดฝีมือฝ่ายอธรรม

    ในยามนี้ ยอดฝีมือฝ่ายอธรรมผู้นี้ เหวยชิงชิงชิง ต้องการที่จะลอบเข้าไปถ้ำเสือแดนมังกร “จ่านจิงถัง” ในยามค่ำคืน

    เขาต้องการไปสอบถามเจ้าสำนักหรือก็คือศิษย์ผู้พี่ จางโหว ว่าทำไมจึงต้องส่งคนไปไล่ล่าสังหารเขา

    ยามหนีจนไร้หนทางถอยหนี เหวยชิงชิงชิงไม่ได้คิดแต่เพียงเรื่องตั้งรับ ทว่ายังคิดที่จะรุกกลับ เพื่อพลิกสถานการณ์อีกด้วย

    นอกจากถอนตัวจากยุทธภพ เขาไม่มีหนทางให้ถอยอีกแล้ว
    นี่นับเป็นโอกาสรุกกลับที่ดีที่สุด

    “เอาชีวิตรอดในจุดอับ” แม้ว่าอาจจะไม่สามารถรอดชีวิตกลับมาได้ ทว่าก็ยังสามารถรุกกลับได้สักครั้ง แต่สำหรับเหวยชิงชิงชิงแล้วนั้น นี่นับเป็นความรู้สึกที่น่าพึงพอใจยิ่งนัก

    ขอเพียงเขาพึงพอใจ ทั้งไม่ทำร้ายผู้ใด เขาก็จะทำ

    จากคุณ : คัปปะ - [ 17 ก.ค. 47 23:01:34 A:202.5.88.149 X: ]