CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    ไวน์..ไวน์..แห่งสงคราม ภาค สอง{แตกประเด็นจาก K2928094}

    งานของโบเมอร์ ส่วนใหญ่ คือการ ค้าขายต่อรองกับตัวกลางค้าไวน์ {negociants} ผู้ซึ่งทำธุรกิจโดยการซื้อไวน์ถังจากกสิกรไวน์ แล้วนำมาบรรจุขวด แปะตราตามใจชอบ..ก่อนส่งขายออกสู่ตลาด
    หนึ่งในนี้ คือ Louis Eschenauer หรือ ที่เรียกกันว่า ลุงหลุยส์
    ชายวัยเจ็ดสิบ..  เป็นผู้ที่ค้าขายไวน์กับเยอรมันดั้งเดิมตั้งแต่ก่อนสงคราม
    มิหนำซ้ำ ยังเป็นเพื่อนซี้กับขุนพลไวน์ของฝ่ายนาซี
    หลายๆคนด้วย เช่น รมต. ริบเบนทรอป.,ออตโต เคล์บิช และ  พยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะเข้ามา"ตีซี้"กับนายโบเมอร์ ผู้มีอำนาจในการสั่งซื้อไวน์อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
    ถึงกับยอมลงทุนจัดงานเลี้ยงยิ่งใหญ่ ที่มีทั้งอาหาร ดนตรี
    แสดงภาพศิลป..ซึ่งแน่นอน ทุกอย่างนั้น..เป็นเยอรมันล้วนๆ..
    ซึ่ง..โบเมอร์ เห็นเป็นเรื่องตลกอย่างสิ้นดี และไม่ยอมหลงกลในแผนตื้นๆ..เพราะเขาเองในฐานะคนค้าไวน์เก่าแก่
    มีเส้นสายเป็นของตัวเอง..รู้จักคนในพื้นที่ดีพอ..ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาบารมีของลุงหลุยส์ แต่อย่างใด
    เขามักไปปรากฏตัวตามไร่ไวน์ต่างๆที่มักคุ้น..เข้าไปถามสารทุกข์
    โดยเฉพาะ กับครอบครัวเมลห์ที่เป็นเจ้าของไร่องุ่นทำไวน์หลายไร่ด้วยกัน..เมย์-เอเลน เล่าว่า..โบเมอร์เป็นคนดี ที่ไว้ใจได้ และ
    พ่อแม่เธอได้กล่าวเสมอว่า
    "ต้องขอขอบคุณ นายโบเมอร์ ที่ทำให้เรายังมีวันนี้ "
    เขาได้พยายามทำอย่างดีที่สุด เพื่อให้เจ้านายพอใจ
    อีกทั้ง..ไม่เสียเพื่อน มันเป็นแผนซ้อนแผนที่อัจฉริยะเท่านั้น จึงจะสามารถทำได้"
    แต่ไม่ไม่ใครหรอกที่ทราบว่า..ในหลายต่อหลายครั้งที่มีการประชุมที่ปารีส..เขาถูกเรียกเข้าพบพร้อมทั้งคำถามในเรื่องของการอ่อนข้อให้กับการค้าไวน์ในพื้นที่..แต่นั่นก็ไม่หนักหนาเท่ากับ
    เขาถูกนายพลกเกอริง เรียกเข้าพบ พร้อมกับถูกตะคอกใส่ในข้อหาเดียวกัน
    มันเป็นเหตุการณ์ที่น่าสะพึงกลัวอย่างที่สุด สำหรับใครต่อใคร
    แต่โบเมอร์ตอบกลับไปว่า..
    "ถ้าท่านไม่พอใจในงานของกระผม..ก็ส่งกระผมกลับ หาคนอื่นมาแทนก็ได้นี่ครับ.."
    ซึ่งเป็นที่แน่นอน..ว่า..ฝ่ายนาซีนั้น ไม่มีทางเลือก
    เพราะไม่มีใครอื่นเลยที่จะเชี่ยวชาญเรื่องไวน์บอร์คโดซ์ดีไปกว่า..

    จากคุณ : WIWANDA - [ 30 ก.ค. 47 13:28:36 ]