ความคิดเห็นที่ 8
คุณเมธาวดี มองแบบมุมเดียวเกินไปครับ มองในแบบเอาแนวคิดที่ถูกปลูกฝังแบบ เสรีภาพ ความเท่าเทียม มาจับทุกอย่าง โดยไม่ได้ดูในเรื่อง อื่นๆ
อนึ่งเสรีภาพทางเศรษฐกิจที่ได้มาจากสนธสัญญาเบาริ่งที่คุณว่ามา ถ้าผมจำไม่ผิด สมัยก่อนพระคลังผูกขาดสินค้า จำเป็นอยู่ไม่กี่อย่างเองนะครับ เท่าที่ผมจำได้ ก็จำพวก ข้าว , อาวุธปืน , งาช้าง ซึ่งของเหล่านี้ก็ล้วนเป็นสิ่งจำเป็นทั้งสิ้นที่ รัฐบาลต้องผูกขาดเอาไว้ ตรงไหนของสนธิสัญญาเบาริ่งที่มาช่วยปลดแอก ชาวบ้านตาดำๆ ก็ชาวบ้านสมัยนั้นยัง ทำนาแบบ โบราณกันอยู่เลยยังทำนาพานิชย์กันไม่เป็นด้วยซ้ำ หลังๆ พอรัฐบาลท่านส่งเสริมการทำนาพานิชย์เป็นเลยเป็นหนี้เป็นสิน ต้องขายไร่ขายนา กันกลายเป็นคนจนถาวรจนถึงบัดนี้ ก็เลยไม่รู้ว่าชาวบ้านสมัยนั่น กับชาวนาสมัยนี้ใครมีแอกเทียมหลัง มากกว่ากัน
นอกจากนี้สุดท้ายผลประโยชน์ ทั้งหมด ก็ตกไปอยู่กับพ่อค้าต่างชาติเหล่านั้นเป็นส่วนใหญ่ โดยไม่ได้มีผลกระทบ ใดๆ กับเหล่าชนชั้นล่าง ที่เป็นผู้ผลิตเลยแม้แต่น้อย นอกจากโยกเงินจากท้องพระคลังมาใส่กระเป๋า พ่อค้าต่างชาติมากขึ้น
ส่วนเงินถุงแดงอันนี้เป็นเงินที่ ร. 3 ค้าขายกับจีนสะสมมาตั้งแต่ตอนยังไม่เป็นกษัตริย์นะครับ เพราะฉนั้น คงไม่เกี่ยวอะไร กับพระคลังสินค้าหรอกครับ
แต่สนธิสัญญานี้ก็เป็นตัวเร่งการเปลี่ยนแปลงของประเทศไทย ซึ่งนำไปสู่การปฎิรูปประเทศในทุกๆเรื่องในสมัยหลังๆ เหมือนกับที่เรือดำที่มีผลต่อญี่ปุ่น มองๆ ดูแล้วสนธิสัญญาพวกนี้ก็คล้าย FTA ในปัจจุบันว่าไหม
จากคุณ :
Pongkm (Pongkm)
- [
16 ส.ค. 47 18:01:49
]
|
|
|