ความคิดเห็นที่ 1 ก่อนอื่นต้องขอชมคุณ AK47 ที่พยายามหาประโยคดีๆมา analyze นะครับ ทำแบบนี้บ่อยๆนะครับ ขอสนับสนุน คุณ AK-47 ครับ ถ้า remove มันหมายถึง to dismiss somebody from a post ตามที่คุณอ้างอิงมา ช่วยอธิบายต่อได้มั้ยครับว่า three ministers dismissed กับ six "removed" เนี่ย มันแตกต่างกันตรงไหนหล่ะครับ ทำไมเค้าไม่ใช้ nine ministers dismissed หรือ removed ไปเลยหล่ะครับ ถ้าติดตามข่าวแล้วจะเห็นว่า 6 รัฐมนตรีถูกย้ายจากตำแหน่งเดิมไปตำแหน่งใหม่ ไม่ใช่ถูกให้ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีนะครับ ตรงนี้แหล่ะครับที่ทำไม remove ใช้ไม่ได้ สรุปว่า Bangkok Post เค้าไม่เฉิ่มหรอกครับ จากคุณ : PromegaX (promegax) - [ วันเกิด PANTIP.COM 23:55:55 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ถูกต้องแล้วคร้าบบบบบ.... เพราะมีการ"โยกย้าย" รัฐมนตรี 6 คน ไปดำรงตำแหน่งที่กระทรวงอื่น หรือไปเป็นรองนายกรัฐมนตรี ในขณะที่ เปลี่ยนเอาออกไปเลย 3 คน ไงล่ะคะ ระวังให้มากๆ เลยนะคะ คำว่า move กับ remove นั้น ดูไป ก็คล้ายกันมากๆ มีแค่ "re-" มาเป็นคำนำหน้าเท่านั้น (prefix) แต่ความหมายนั้น คนละเรื่องเดียวกันเลย พ่อแก๊ก - เมื่อไรจะกลับมาวิจัยสายพันธ์ไข้หวัดนกได้ล่ะ จากคุณ : o;] - [ 8 ต.ค. 47 10:49:26 A:203.156.97.200 X: TicketID:012689 ]

ความคิดเห็นที่ 3 โอ๊ยโย่! ถ้ามีใครเก่งภาษาอังกฤษขนาดจับผิด Bangkok Post ได้บ่อยๆเนี่ย ไม่ธรรมดาเลยนะ ........ คืออย่างนี้นะ เมื่อตัวเองสมัยเด็กๆเห็น Bangkok Post ก็ไม่รู้ว่าอะไรเพราะอ่านไม่ออก...... พอเรียนภาษาอังกฤษจากสภาพแวดล้อมที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษทุกวัน จนพอพูดได้อ่านได้คล่องในระดับหนึ่ง ทีนี้ก็เริ่มหัดอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ .....ที่บ้านฝรั่งที่เราอยู่ด้วย ซึ่งเขาเป็นอาจารย์ในมหาลัย เขารับหนังสือพิมพ์ The Times ไอ้เราก็คว้ามาอ่าน .......โหศัพท์แสงและลีลาการเขียนมันโครตผู้ดีอังกฤษสุดๆยอดเลย........ เลยตัวเองยอมแพ้ หันไปอ่านหนังสือพิมพ์กรรมกรอยู่ตั้งหลายปี กว่าจะกล้าอ่าน The Times ..........แต่หลายปีต่อมา The Times ลดความ conservative ลงบ้าง .....เขียนง่ายๆฝ่าเดิม..................แต่หนังสือพิมพ์ Bangkok Post เขียนโครตผู้ดีอังกฤษเหมือน The Times ตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบันโดยมิมีเสื่อมคลายเลย........... ดังนั้น ถ้าใครจับผิดไวยากรณ์ใน Bangkok Post ได้ละก้อ นับว่า "ไม่ธรรมดาเลย" ............แต่เราก็ยอมรับว่า Bangkok Post เคยมีผิดพลาดมาบ้างเหมือนกันนะ เป็นเพราะ rewriters ของเขาบางคน (นานๆครั้ง) อาจจะเผลอไผลไป เช่นไปเที่ยว Patpong มาดึกแล้วตื่นมาเกิดอาการ hangover ก็เป็นไปได้........... ดังนั้น สิ่งที่คุณ AK-47 - ทำ นับว่า "กล้าหาญมากๆ" และได้ประโยชน์แก่ส่วนรวมมากๆ ในเรื่องการเรียนรู้ภาษาอังกฤษในระดับสูงๆ...........ซึ่งตัวข้าพเจ้าเองก็ยังเรียนไปไม่ถึงขั้นนั้น .........โปรดเอามาแปะไว้อีกเยอะๆนะ ....เราอยากเรียนรู้ง่ะ......อยากปรับปรุงภาษาอังกฤษของตัวเอง....อยากมากๆจนถึงกับเลิกแปลงานด่วนแล้วนะ .........ตอนนี้ได้แต่กินเงินเก่าเพื่อเรียนศาสตร์การดูดวง จะได้หาเงินได้จากการทำงานดูดวงที่ได้เงินมากๆโดยการทำงานน้อยๆชั่วโมง จะได้มีเงินมาซื้อตำราภาษาอังกฤษเพื่อเรียนรู้ได้เพิ่มเติมยังไงล่ะ แต่ถ้าคุณ AK-47 - (หรือคนอื่นก็ได้ มากันเยอะๆเลย) เอาข้อความที่จับผิด Bangkok Post ได้มาแปะไว้หลายๆอัน แล้วให้คุณ promegax กับคุณ o;] สุดยอดของผู้เชี่ยวชาญด้านไวยากรณ์ เป็นกรรมการตรวจสอบ และอธิบายเหตุผล ข้าพเจ้าก็จะมีบุญวาสนาได้เรียนภาษาอังกฤษโดยเสียเงินซื้อตำราน้อยลง ...........โปรดเร่เข้ามา........โปรดเร่เข้ามา ........เอามาแปะอีกเยอะๆๆๆๆๆ, please จากคุณ : tansy - [ 8 ต.ค. 47 14:34:18 A:203.145.12.49 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 4 หวัดดีครับป้านวล ช่วงนี้ผมหล่ะยุ่งสุดชีวิต มีงานอะไรต่อมิอะไรเข้ามาตรึมเลยอะครับ เหอะๆ ปีหน้าครับคงได้กลับไปวิจัยสายพันธุ์ไข้หวัดนกที่เมืองไทยแน่นอน เอิ้กๆๆๆ พูดถึงเรื่องไข้หวัดนก ผมไปอ่านใน Bangkok Post วันนี้ ไปเจอประโยคมา 2-3ประโยค บางทีคุณ AK-47 อาจจะสนใจเพราะว่าอย่างน้อยมันก็หมายความว่า Bangkok Post ก็พลาดเป็น เอิ้กๆ อันแรก The panel set up to counter bird flu has proposed a three-billion-baht plan to buy and destroy all open-farm ducks and eggs if the infection spread to the flocks. อันที่สอง ''There will be surely be protests by open-field duck farmers,'' said Manop Sriwanna, who farms in Chai Nat. อันที่สาม He said open-field duck raising has benefited both rice farmers and duck raisers, because the ducks fed on cherry snails -- enemies of rice plants. ข่าวเต็มๆลองไปอ่านดูที่ http://www.bangkokpost.com/News/08Oct2004_news09.php แก้ไขเมื่อ 09 ต.ค. 47 05:18:55 จากคุณ : PromegaX (promegax) - [ 9 ต.ค. 47 05:15:11 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขอเดาหน่อยนะ ตามความรู้ที่มีน้อยนิด 1. ใช้คำนามผิดความหมายของมัน 2. (ถ้าคุณพิมพ์มาไม่ผิด) มีคำซ้อนที่ไม่ควรมี a typo 3. ใช้คำกิริยาผิด ซึ่งน่าจะเป็น passive voice แต่กลับใช้เป็น active จากคุณ : o;] - [ 9 ต.ค. 47 10:46:47 A:203.146.98.245 X: TicketID:012689 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ข้อสองกะข้อสาม คิดเหมือนป้าครับ แต่ข้อหนึ่งผมไม่แน่ใจว่าที่ป้าหมายถึงใช้คำนามผิดความหมายคือคำไหน แต่จุดที่ผมคิดว่าผิดคือ spread ครับ ในกรณีนี้ควรอยู่ในรูปของ present และ เนื่องจากว่ามี infection เป็นประธานอยู่ spreads จึงจะเหมาะกว่า ผมเดาว่าผู้เขียนอาจจะลืมเติม -s หรือ ไม่ก็อาจจะต้องการทำให้มันเป็น past แต่จากประโยค The panel set up to counter bird flu has proposed a three-billion-baht plan to buy and destroy all open-farm ducks and eggs if the infection spreads to the flocks. มันสื่อความเป็น predictive conditional ดังนั้น tense ใน if clause ควรจะเป็น present แก้ไขเมื่อ 09 ต.ค. 47 11:27:22 จากคุณ : PromegaX (promegax) - [ 9 ต.ค. 47 11:24:24 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อีกจุดนึงที่อยากจะชี้ข้อบกพร่องของงานเขียนชิ้นนี้ในประโยคที่สาม He said open-field duck raising has benefited both rice farmers and duck raisers, because the ducks fed on cherry snails -- enemies of rice plants. นอกจากเรื่องของการใช้ active / passive voice ผิดแล้ว (ควรเป็น the ducks are fed on cherry snails...) อีกจุดนึงคือ การใช้ comma กั้น "because clause" เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ โดยเฉพาะใน professional writing ครับผม แก้ไขเมื่อ 09 ต.ค. 47 11:49:21 จากคุณ : PromegaX (promegax) - [ 9 ต.ค. 47 11:46:43 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ในข้อที่ 3 นั้น ป้าคิดว่ามันที่คำ infection เพราะ infection จะ spreads ได้ ก็ต่อเมื่อมันอยู่ภายในร่างกายแล้ว จากที่ไปอีกที่ (internal) แต่ไม่ใช่ spread จากคนหนึ่งไปอีกคนหนึ่ง หรือตัวหนึ่งไปอีกตัวหนึ่ง (external) The ducks get infected. -Yes- The infection spreads from lung to brain. -Yes- The disease spreads from one flock to another. -Yes- The virus spreads to the ducks. -Yes- But : The infection spreads to the ducks. -No- ส่วนที่ว่า if-clause นั้น ป้าว่าเขาใช้ในรูปของ past tense น่ะ ถูกแล้ว เพราะ if + past simple = ไม่แน่ใจว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่ แต่มีทางเป็นไปได้ if + present simple = ชัวร์ร้อยเปอร์เซนว่าเป็นไปได้ และต้องเกิดขึ้นแน่นอน จากคุณ : o;] - [ 9 ต.ค. 47 11:54:58 A:203.146.98.245 X: TicketID:012689 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อ้าวตอนนี้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านไวยากรณ์ ดันลงมือจับผิด Bangkok Post ซะเองเลย.....เลยสนุกกันใหญ่ เรื่อง infection spreads หรือ infection spread ตัวเองคิดว่าเขียนได้ทั้ง 2 อย่างนะ ส่วนเรื่อง ที่คุณแก๊กว่า .........นอกจากเรื่องของการใช้ active / passive voice ผิดแล้ว (ควรเป็น the ducks are fed on cherry snails...)............. อันนี้พี่ต้องขอแย้ง เนื่องจากว่า คำว่า feed on ถ้าใช้กับสัตว์ ในความหมายว่า "(สัตว์)กินอาหาร (เองโดยธรรมชาติ)" ก็ถือว่าไม่ผิด ตัวอย่างเช่น Silkworms feed on mulberry leaves. เขียนแบบนี้ไม่ผิดแน่ๆ ผู้เขียนสามารถอ้างได้ว่า because the ducks fed on cherry snails -- enemies of rice plants. เพราะว่าเป็ดโดยธรรมชาติแล้วกิน cherry snails ซึ่งเป็นศัตรูต้นข้าว ดังนั้นการเลี้ยงเป็ด โดยปล่อยให้เป็ดเดินไปกิน cherry snails เอาเอง จึงเป็นประโยชน์แก่ rice farmers and duck raisers.........ส่วนเรื่อง comma หน้า because นั้นพี่ว่า อย่า fussy ถึงขนาดนั้นเลยจะดีกว่า จากคุณ : tansy - [ 9 ต.ค. 47 13:40:29 A:203.145.23.179 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 10 มาแอบฟัง.....โกยความรู้เป็นกระบุง เอาอีกๆ จากคุณ : คนอุดรฯ - [ 9 ต.ค. 47 16:53:34 A:193.195.73.66 X: TicketID:031873 ]

ความคิดเห็นที่ 11 I think, ความคิดเห็นที่ 8 spotted on!! ส่วนที่ว่า if-clause นั้น ป้าว่าเขาใช้ในรูปของ past tense น่ะ ถูกแล้ว เพราะ if + past simple = ไม่แน่ใจว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่ แต่มีทางเป็นไปได้ if + present simple = ชัวร์ร้อยเปอร์เซนว่าเป็นไปได้ และต้องเกิดขึ้นแน่นอน Regards จากคุณ : คนอุดรฯ - [ 9 ต.ค. 47 17:34:07 A:193.195.73.66 X: TicketID:031873 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ในประโยคที่เกี่ยวกับเรื่องเป็ด ถ้าใส่ comma ไว้หน้า because กลายเป็นดีไปเสียอีก เพราะอะไร เพราะแยกส่วนประโยค ไม่ให้สับสน ซึ่งจะเป็นการhighlight ให้เห็นว่า ducks fed on cherry snails หมายถึงเป็ดเดินไปกิน cherry snails เอง ไม่ใช่คนเก็บ cherry snails มาป้อนให้เป็ด ดังนั้นจึงต้องไม่ใช้ passive voice และเมื่อมี comma คั่นไว้แล้วยังมีเครื่องหมาย -- ที่ใช้แทนวงเล็บ เพื่อ highlight ในอีกส่วนอย่างสวยงามอีกด้วยว่า cherry snails are enemies of rice plants. จากคุณ : tansy - [ 9 ต.ค. 47 18:32:13 A:203.145.23.179 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ยำด้วย The panel set up to counter bird flu has proposed a three-billion-baht plan to buy and destroy all open-farm ducks and eggs if the infection spread to the flocks. ข้อแรกเห็นด้วยกับคุณนวลว่าน่าจะคง if.... spread ส่วน open-farm นั้นแปลว่าฟาร์มที่เปิดให้คนเข้าชมได้ ในบริบทไม่น่าจะแค่หมายถึงฟาร์มชนิดนี้ อันที่สาม He said open-field duck raising has benefited both rice farmers and duck raisers, because the ducks fed on cherry snails -- enemies of rice plants. ข้อนี้ กริยาถ้าจะเขียนเป็น active voice ก็เป็น feed on, หรือจะเป็น passive voice ก็เป็น are fed on จากคุณ : lilymay - [ 9 ต.ค. 47 20:27:24 ]

ความคิดเห็นที่ 14 โอ้ว มายก๊อด พอตื่นมาก็เจอเลย เอิ้กๆ ขอแจมต่อเลยนะครับ 1. ป้าครับ ผมคิดว่าป้ากะผมมอง if-clause ไม่เหมือนกัน ผมไม่เห็นด้วยกับที่ป้าบอกว่า "if + present simple = ชัวร์ร้อยเปอร์เซนว่าเป็นไปได้ และต้องเกิดขึ้นแน่นอน" ในความเข้าใจของผม มันไม่ใช่กรณีที่ป้าอ้างเสมอไป บางคนยังแยก If+present simple ออกมาเป็นสองกรณีด้วยซ้ำไป กรณีแรกคือแบบที่ป้าว่า เค้าตั้งชื่อซะเก๋เลยว่า zero conditional แต่ที่ผมมองว่าเป็นการใช้ของประโยคนี้คือ first conditional ซึ่งก็คือ "likely or possible conditional" ซึ่งนั่นก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะต้องเกิดขึ้นแน่นอนเสมอไป แต่จะหมายถึงเหตุการณ์ที่มีโอกาสเกิดสูง ในขณะเดียวกัน ที่ป้าบอกว่า "if + past simple = ไม่แน่ใจว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่ แต่มีทางเป็นไปได้" อันนี้ไม่ค่อยเคลียร์สำหรับผม คือว่า เป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน ผมมองการใช้แบบนี้เป็น "unlikely or improbable condition" การใช้ spread ในรูปของ past form จะเป็น indication of the remoteness of the possibility of the event พูดง่ายๆว่าจริงอยู่ครับที่เป็นไปได้ แต่โอกาสที่เป็นไปได้น้อยกว่าแบบแรกมาก อันนี้ผมอาจจะผิดพลาดได้ เพราะไม่ได้ติดตามข่าวเรื่องของไข้หวัดนกในเป็ด แต่จากความเข้าใจสถานการณ์ที่เห็นๆอยู่ผมมองว่า โอกาสที่เชื้อจะแพร่ในเป็ดนั้นเป็นไปได้สูงครับ 2.ส่วนเรื่องของ Active voice/ Passive Voice ที่พี่ Tansy แย้งมา ผมเห็นด้วยกับความเห็นที่พี่ลิลลี่ให้มาครับ คือ ถ้าคนเขียนประโยคต้องการใช้ active voice จริง เรื่องของ tense ก็มีปัญหาครับ 3. ส่วนเรื่องของ comma ยังไงผมก็คิดว่าไม่น่าจะนำมาใส่ นอกจากผู้เขียนต้องการจะทำให้ส่วนหลัง because เป็น parenthetical  อืมให้พูดแล้วยาว เลยขออนุญาต copy ที่เจ้าของภาษาเขียนมาดีกว่า เหอะๆ As pointed out above (Rule #3), an adverbial clause that begins a sentence is set off with a comma: Although Queasybreath had spent several years in Antarctica, he still bundled up warmly in the brisk autumns of Ohio. Because Tashonda had learned to study by herself, she was able to pass the entrance exam. When an adverbial clause comes later on in the sentence, however, the writer must determine if the clause is essential to the meaning of the sentence or not. A "because clause" can be particularly troublesome in this regard. In most sentences, a "because clause" is essential to the meaning of the sentence, and it will not be set off with a comma: The Okies had to leave their farms in the midwest because the drought conditions had ruined their farms. Sometimes, though, the "because clause" must be set off with a comma to avoid misreading: I knew that President Nixon would resign that morning, because my sister-in-law worked in the White House and she called me with the news. Without that comma, the sentence says that Nixon's resignation was the fault of my sister-in-law. Nixon did not resign because my sister-in-law worked in the White House, so we set off that clause to make the meaning clearly parenthetical. ************ Fom: http://webster.commnet.edu/grammar/commas.htm งานเขียนแบบ professional writing แบบนี้ copy editor ไม่ควรมีคำว่า อย่า fussy ให้มากเลย นะครับ เพราจุดนี้ผมคิดว่าไม่ trivial อีกอย่างการที่บอกว่าใช้ comma เพื่อให้ความชัดเจนของการที่เป็ดเดินไปกิน cherry snails เอง ผมกับคิดว่า comma ไม่ได้ไปช่วยเสริมความชัดเจนตรงจุดนี้เลย เพียงแตผู้เขียนชัดเจนในการใช้ active / passive voice โดยที่ให้แน่ๆว่า fed ตัวนั้นมันเป็น past tense หรือ past participle ก็จบครับ แก้ไขเมื่อ 10 ต.ค. 47 00:09:20 แก้ไขเมื่อ 09 ต.ค. 47 22:43:02 จากคุณ : PromegaX (promegax) - [ 9 ต.ค. 47 22:21:58 ]

ความคิดเห็นที่ 15 I agree with Khun PromegaX on the "if-clause" issue. Let's consider the sentence again: "The panel set up to counter bird flu has proposed a three-billion-baht plan to buy and destroy all open-farm ducks and eggs if the infection spread to the flocks." The point we should take into considerations here is whether we're talking about the future conditional or the hypothetical conditional. The future conditional (= if + present) = used to express what we think might happen in the future. The hypothetical conditional ( = if + past) = used to express to express quite unlikely situations or situations that are near impossible. Keeping that in mind, if the goverment thinks that the spread of infection is unlikely, why they have to set up the a three-billion-baht plan??? To me, using the hypothetical conditional is not logically sound and I agree with PromegaX that "spreads" should be used in the if-clause. ******** On active/passive voice: It is clear that the writers didn't aware of the active/passive usage. Or they forgot about what tense should be used here. จากคุณ : wp - [ 10 ต.ค. 47 01:14:27 A:138.26.20.214 X: TicketID:015584 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ที่คุณ lilymay ว่า ......ข้อนี้ กริยาถ้าจะเขียนเป็น active voice ก็เป็น feed on, หรือจะเป็น passive voice ก็เป็น are fed on ............. เราว่าถ้าเป็น active voice ใช้ได้ทั้ง feed on และ fed on ลองดูประโยคใหม่ He said open-field duck raising has benefited both rice farmers and duck raisers, because the ducks fed on cherry snails -- enemies of rice plants. ถึงจะเป็นความจริงที่ ducks กิน cherry snails แต่ก็ไม่ใช่ความจริงที่เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติเหมือนๆพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก เพราะว่า.... แท้จริงแล้วคำว่า feed on ในประโยคนี้มีความหมายว่า to eat something เท่านั้น (มิใช่แปลว่า ต้องดำรงชีพด้วย cherry snails เป็นอาหารตายตัวตามกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ) ดังนั้น การใช้ fed on ก็ย่อมกระทำได้ ด้วยเหตุผลคือ 1. ให้เป็น past tense เพื่อให้คล้องจองกับ คำว่า He said 2. คนเขียนพูดจากการที่สังเกตการณ์เห็นในอดีตว่า the ducks ตัวที่เขาเห็น มัน กิน cherry snails ก็เลยเอาอดีตมาเล่าให้ฟัง เพื่อที่จะสนับสนุนว่า duck raising มีประโยชน์ ......... แต่จริงๆแล้วประโยคนี้ ถ้าใช้ feed on ก็ไม่ผิดด้วย เพราะเป็นการเชื่อ 100% ว่า สิ่งที่เขา said is true เราอาจผิดพลาดเรื่อง tenses อย่างที่ว่า หรือเรื่องไวยากรณ์ในประเด็นอื่นๆ เพราะบอกตรงๆว่าตัวเราก็ไม่ค่อยจะเก่งไวยากรณ์นัก แต่ตามความเห็นส่วนตัวคิดว่า ไวยากรณ์แบบนี้ ถ้าเจาะลึกขนาดจับผิดหยุมหยิม ยิ่งพวกเราภาษาพ่อภาษาแม่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษด้วย ก็จะมานั่งระวังตัวกันแจ อีกหน่อยก็ไม่มีใครกล้าคิดกล้าเขียนอะไร......เพราะกลัวจนมือไม้สั่นกันไปหมด.....กลัวโดนจับผิด แต่เราว่าเขียนแบบนี้ได้แค่นี้ ก็ดีมากแล้ว ไม่น่าที่จะมีปัญหาอะไร...........เขียนรู้เรื่อง แสดงความคิดเห็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้คนอ่านเข้าใจไม่ผิดเพี้ยน ....ก็เป็นบทความที่ดีได้......อย่าให้มันผิดแบบถึงกับประโยคพิการจนผิดเพี้ยนก็ใช้ได้แล้ว.......... บางทีแล้วประเด็นต่างๆที่พวกเราเถียงกันน้ำลายยืด นักภาษาศาตร์เจ้าของภาษาก็ยังตกลงกันไม่ได้เลย.....เราว่าเอาเวลาไปทำอย่างอื่นจะดีกว่า จากคุณ : tansy - [ 10 ต.ค. 47 02:41:37 A:203.145.23.179 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เออตากวาดๆไปมองเห็นประโยคของคุณ wp ขอท้วงติงเรื่องนี้ ประโยคของ Bangkok Post เรื่องเป็ดที่ว่าผิด เรื่อง tenses หรือ active/passive usage..... เราไม่แน่ใจว่าผิดหรือไม่ เพราะบอกตรงๆว่าเราไม่ใช่เก่งไวยากรณ์ เราอาจเถียงข้างๆคูๆ แต่ถึงผิดก็ไม่น่าเกลียดเท่าประโยคของ คุณ wp...ที่ว่า It is clear that the writers didn't aware of the active/passive usage. ที่ถูกต้องเป็น It is clear that the writers weren't aware of the active/passive usage. Keeping that in mind, if the goverment thinks that the spread of infection is unlikely, why they have to set up the a three-billion-baht plan??? government ใช้ singular verb ก็ได้ plural verb ก็ได้ จะเอาอย่างไรก็เอาสักอย่างสิ ทำไม่มี government thinks ทำไม่มี they have to แล้วตรง have to เนี่ยรู้สึกจะเรียงลำดับคำผิดนะ แล้วตรง Or they forgot about what tense should be used here. มันมีทั้ง about มีทั้ง what มันตีกันยังไงบอกไม่ถูก......อย่าโกรธนะ เราว่าคุณเขียนผิดถึงขั้นทะแม่งๆเลย ผิดมากกว่าของ Bangkok Post ที่คุณวิจารณ์เสียอีก .....เราจึงถึอหลักการแบบที่เราพูดไปแล้วไง ว่าอย่างให้ผิดมากจนโจ่งแจ้ง ถ้าผิดคลุมเคลือพอกล้อมแกล้มไป ก็ไม่เป็นไร ทั้งนี้เพื่อความรวดเร็ว และเพื่อให้ใจกล้าๆหน่อยจะได้เขียนอะไรออกมาได้ ....... จากคุณ : tansy - [ 10 ต.ค. 47 03:06:24 A:203.145.23.179 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ประโยคนี้นะ คุณแก๊ก ...... I knew that President Nixon would resign that morning, because my sister-in-law worked in the White House and she called me with the news. ใส่หรือไม่ใส่ comma หน้า because ความหมายแตกต่างกันแน่ๆ อันนี้อ่านแล้วเห็นชัดเจนเลย แต่เรื่องเป็ดไม่เหมือนกัน ไม่ว่าจะใส่หรือไม่ใส่ comma คนพูดก็สนับสนุนเรื่องเลี้ยงเป็ดอยู่ดี...ทั้งขึ้นทั้งล่อง.... และยิ่งใส่ comma ก็ยิ่งดีเพราะเท่ากับ คนเขียนพูดเพราะเห็นเป็ดกิน cherry snails ในอดีต ไม่ได้เป็นกฎเกณฑ์ธรรมชาติ ยิ่งใช้ fed on ได้....... เราอาจเถียงแบบข้างๆคูๆเพราะเราขี้เกียจปวดหัวกับการเรียนไวยากรณ์เจาะลึกขนาดนั้น แต่ที่แน่ๆเราพอรู้ได้โดยสัญชาติญาณว่า ประโยคแบบนี้ It is clear that the writers didn't aware of the active/passive usage. ผิดแน่ๆ มันเป็น the writers didn't aware ไม่ได้ แต่ ต้องเป็น the writers weren't aware หรือ the writer wasn't aware ............ ตอนนี้เรารู้แค่ง่ายๆพอหากินได้ไปวันๆหนึ่ง เอาไว้เราจะค่อยๆเรียนไปทีละนิด พอเก่งไวยากรณ์มากกว่านี้นะ เราคงคุยกับคุณแก๊กรู้เรื่อง โดยที่เราไม่ต้องเถียงข้างๆคูๆแบบนี้......ตอนนี้เราอยากจะเรียนไวยากรณ์แต่มันเรียนไม่ได้ซักที เพราะพอขยับจะเรียนเงินก็จะหมดอีกแล้ว.....นี่ตำราหมอดูก็ยังท่องไม่หมด เลยต้องแปลงาน หาเงินยังได้ไม่ค่อยมาก ............ดังนั้นเราจึงต้องเข้าข้างความคิดที่ว่า "ไม่ต้อง fussy" เพราะมันดีกว่า "ไปฆ่าตัวตายหรือไม่กล้าคิดกล้าเขียนอะไรเพราะไม่เก่ง" .........นี่คือหลักการในการดำรงชีวิตของเรา.............. จากคุณ : tansy - [ 10 ต.ค. 47 03:38:56 A:203.145.23.179 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 19 Dear Khun Tansy, Thak you for pointing my mistakes above. I admit that I wrote those sentences and posted them without proper revision. Had I known that somebody would criticize my writing, I'd have corrected them. In fact, I saw some of the mistakes after I posted it but I couldn't go back to make the correction. Actually I didn't post another comment, like you often do, to correct them because I believe that it's already conveyed my message. I realize that my English is not as good as the one of those professional writers in Bangkok Post. You compared my impromptu writing with those that were well edited and drew a conclusion that mine had more serious mistakes. What exactly is your point here? I decided to participate in this discussion because I want to contribute my ideas, which I believed might benefit others. It's too bad that I couldn't type Thai; or else, I wouldn't be blasted like this. If what you did was intended for others to learn, I'm fine with that. But if you did that just to support your lame response (or you couldn't come up with other educated explanations) , I'm sorry to tell you that you are not very "professional" as I always think you were. จากคุณ : wp - [ 10 ต.ค. 47 04:06:01 A:138.26.20.214 X: TicketID:015584 ]

ความคิดเห็นที่ 20 What exactly is your point here? คำตอบ:เรียนเรื่องง่ายๆก่อน อย่าเพิ่งไป criticize ผู้อื่น..... ทุกวันนี้ฉันใช้ภาษาอังกฤษ ฉันก็ไม่ sure แต่จะทำยังไงได้ เพราะพอเริ่มจะเรียนก็เงินหมดก่อน เลยต้องไปทำงานด่วน เหมือนกับศิษย์เส้าหลินที่ถ้ามัวแต่ฝึกกำลังภายในให้ลมปราณลงไปรวมจุดศูนย์รวมกำลังภายในนะ พอดีไม่ทันการ เพราะข้าศึกมาประชิดประตูเมือง I'm sorry to tell you that you are not very "professional" as I always think you were. ตอบ ฉันไม่เคยคิดว่าฉันเป็น professional ทุกวันนี้ฉันทำงานด้วยความยากลำบาก ........และฉันเป็นคนที่กักขละมากๆเนื่องจากสภาพที่ฉันเป็นอยู่ ดิ้นรนตีนถีบปากกัด ............ สรุปแล้วงานนี้คุณแก๊กเป็นพระเอกที่เก่งคนเดียว เพราะเขามีเวลา, มีโอกาส ที่จะอ่านตำราภาษาอังกฤษของเขามากมายเป็นกองพะเนินเทินทึก ซึ่งคนอื่นอาจไม่มีเวลา .......ดังนั้นเขาจึงต้อง highlight ว่า every detail มันสำคัญ มันจะได้แสดงจุดเด่น ที่เป็นความสามารถอันสุดยอดของเขา (ซึ่งฉันก็ยอมรับว่าเขาเก่ง) แต่ในขณะเดียวกันที่ฉัน ไม่มีเวลาที่จะค้นคว้าเจาะลึก ฉันจึงต้องเข้าข้างตัวเอง โดยการบอกว่า อย่า fussy..........เพราะอะไร จะให้ฉันมีปมด้อยแล้วไปนั่งเครียดอยู่คนเดียวหรือ อย่าหวังเสียเลย ยากssssssๆๆๆๆ .......การที่คนเราเก่งอย่างหนึ่ง อย่างอื่นอาจไม่เก่งก็ได้ เพื่อนฉันทุกคนที่เรียนเก่งร่ำรวยส่วนใหญ่ตายห่าไปหมดแล้วหรือไม่ก็สุขภาพไม่ดี ........ถึงฉันไม่เก่งแต่ฉันก็ยังมีพลังขับเคลื่อนอย่างอื่น............ นั่นก็เหมือนๆกับที่คนรวยไม่ชอบระบบคอมมิวนิสต์ แต่คนจนชอบ ............ ถ้าฉันจะเขียนประโยคที่ซับซ้อน ซึ่งฉันรู้ว่าฉันคงพลาดที่ punctuation เนื่องจากฉันไม่รู้ไวยากรณ์ในระดับสูงๆมากนัก ฉันจะ ซอยข้อความออกเป็นประโยคสั้นๆ ถึงมันจะไม่มีสีสรรมากนัก แต่มันช่วยทำให้ผิดน้อยลง โดยไม่ต้องไปอ่านหนังสือไวยากรณ์ให้ปวดหัว ถูกต้องที่จะพูดว่าประโยคฉันไม่มีสีสรร แต่ฉันก็สามารถ make myself understood clearly ................. จากคุณ : tansy - [ 10 ต.ค. 47 05:34:34 A:203.145.13.170 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เรื่องภาษาอังกฤษยากยิ่งนักที่จะบอกว่าใครผิดใครถูกแบบฟันธง ยกตัวอย่างเช่น ที่คุณเขียนมาว่า Thak you for pointing my mistakes above. ที่แน่ๆ Thak น่าจะเป็น Thank แต่ pointing my mistakes ฉันอยากจะบอกว่าน่าจะเป็น pointing out my mistakes ฉันยังไม่ sure เลย .......... ในโลกแห่งความเป็นจริง ฉันติดนิสัยจากฝรั่งที่ไม่รู้ไวยากรณ์ ตอนนั่งดูมันเขียน ประโยคไหนมันไม่ sure มันขีดฆ่าออกแล้วเขียนง่ายๆที่มัน sure ..........เพราะมันก้อขี้เกียจและฉันก็ขี้เกียจด้วย But if you did that just to support your lame response (or you couldn't come up with other educated explanations) ฉันไม่ใช่ educated person ดังนั้นฉันไม่มี educated explanations ......ชีวิตฉันมีแต่ความผิดพลาดและไม่สมหวัง จากสภาพที่ฉันเป็นอยู่ฉันแทบจะไม่มี EQ เหลืออยู่เลย.......โปรดเข้าใจด้วย จากคุณ : tansy - [ 10 ต.ค. 47 05:44:42 A:203.145.13.170 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ที่คุณ wp เขียน I decided to participate in this discussion because I want to contribute my ideas.......... เราจะบอกว่า น่าจะเป็น I decided to participate in this discussion because I wanted to contribute my ideas.......... เรายังไม่ sure เลยให้ตายสิ...........ดังนั้นเราจึงบอกว่า Dont' be fussy. Do concentrate of expressing your thoughts. .........เขียนสั้นๆแค่นี้เรายังกลัวเขียนผิดไวยากรณ์เลย ...........อะไรกันนักกันหนา จะให้เรา live in fear หรืออย่างไร ที่เขียนอะไรผิดนิดผิดหน่อยไม่ได้ ......... ถ้าภาษาอังกฤษมันมีกฎที่เข้มงวดนัก ที่ต้องกังวลกันว่าอะไร professional หรือไม่ .เขียนผิดนิดหน่อยเรื่อง tenses หรือ punctuation คนไทยมิฆ่าตัวตายกันหมดทั้งประเทศหรือ .............. ถ้าใครก้อตามที่ต้องตีความภาษาไทย ในการแปลไทยเป็นอังกฤษจะเห็นได้ว่า ประโยคภาษาไทยเกือบทั้งหมด จะมี dangling modifiers อยู่เพียบเลย แล้วภาษาไทยไม่มี punctuation ถ้าคนไทยกังวลเรื่อง grammar มากขนาดนั้น คนไทยมิไปฆ่าตัวตายกันหมดประเทศแล้วหรือ ........the name of the game is ..........ใช้ common sense สิ.....ถ้าฉันปฏิบัติตามกฎไวยากรณ์มิได้เคร่งครัด .............ตีความตามบริบทสิ.......... จากคุณ : tansy - [ 10 ต.ค. 47 05:57:55 A:203.145.13.170 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 23 "เรียนเรื่องง่ายๆก่อน อย่าเพิ่งไป criticize ผู้อื่น....." I hope you should keep this advice for yourself. People here know who was the one who criticized here. จากคุณ : wp - [ 10 ต.ค. 47 06:00:31 A:138.26.20.214 X: TicketID:015584 ]

ความคิดเห็นที่ 24 Do concentrate of expressing your thoughts. ..... อ้าอันนี้พิมพ์ผิด ที่ถูกต้องเป็น Do concentrate on expressing your thoughts. ..... จริงๆแล้วเขียนแค่นี้ยังกลัวผิดเลย .........คิดๆไปว่าน่าจะเป็นDo concentrate on the expression your thoughts. ..... สรุป: ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ชั่วร้ายที่สุดที่จะเรียนเลย .............ใครเรียนได้แล้วภาคภูมิมาแสดงความเก่งก็เชิญเถิด แต่ฉันจะลาโลงแล้ว เพราะขี้เกียจตามแก้ข้อผิดพลาดที่ฉันมี นับไม่ถ้วน ดังนั้นฉันจึงสนับสนุนให้ภาษาจีนกลางเป็นภาษากลางของโลก คนเก่งภาษาอังกฤษจะได้ไม่ต้องโชว์ฟอร์มเจ๋งมากนัก น่ารำคาญ.........!!!!! ภาษาบ้าอะไรก็ไม่รู้ เรียนเท่าไหร่ก็ยังผิดอยู่นั่นน่ะแหละ .......เซ้งสุดๆเลย ...........ถึงบอกว่าอย่า fussy แล้วเอาเวลาไปทำอย่างอื่นจะดีกว่า ..........but of course คนเก่ง (ที่ทุ่มเทเวลาเรียนไปแล้วหลายปีซื้อตำรามามากมายก่ายกองป ก้อต้องกลับมา highlight ว่า ต้อง fussy เพราะอะไร ก็เพื่อ satisfy ego ของเขานั่นเอง ..............ทุกวันนี้ ฉันจะหาเงินได้แต่ละวัน แสนจะลำบาก ไม่มีเวลาคิดเรื่องนี้ จึงต้องใช้นโยบายว่า Don't be fussy....................ใครอยากว่าอย่างไรหรืออวดเก่งอย่างไรฉันไม่สน ฉันได้แต่เฝ้าดูแล้วบอกพวกที่ "เก่งจริง" ว่า "นับถือๆ" แล้วก็หันไปปลอยใจตัวเองโดยการบอกว่า "Don't be fussy" และในขณะเดียวกันก็พยายามบอกคนพวกที่ เรื่องง่ายๆยังพลาดได้เลย ว่าอย่ากำแหงหาญ criticize คนอื่นในเรื่องยากๆ ..........สรุปแล้วงานนี้ต้องยกให้คุณ promegax เป็นคนเก่งคนเดียวในที่นี้ .......เพราะเขามีข้อมูลและตำรามากมายเหลือเกินพอที่จะเยอะเย้ย ชาวบ้านธรรมดาๆ.........ดังนั้นสิ่งที่เราทำไป คุณ wp และคุณ AK-47 อย่าโกรธเราจะดีกว่า เพราะเราจะบอกพวกคุณว่า discuss กันไปก้อไม่มีประโยชน์อันใด เนื่องจากว่า คุณ promegax จะกลายเป็นคนเก่งที่สุดในเว็บนี้คนเดียวเท่านั้น ได้ยินเสียงเขาหัวเราะไหมว่า ......อืมให้พูดแล้วยาว เลยขออนุญาต copy ที่เจ้าของภาษาเขียนมาดีกว่า เหอะๆ........ ยาวก้อยาวสิ แต่ฉันไม่สน เพราะอะไร ....เพราะฉันเขียนได้แค่นี้ ใครเข้าใจผิดเพราะ comma หรือ dangling modifiers หรือเรื่องอื่นๆ ฉันก้อบอกพวกมันว่า use common sense ........ถ้าบ้ากับเรื่องไวยากรณ์พวกนี้มากขนาดนี้ คนไทยไม่ฆ่าตัวตายกันหมดประเทศแล้วหรือไงกัน .....???....ทั้งนี้เพราะภาษาไทยไม่มีหลักบ้าๆบอๆเรื่อง puntuation โดยคำนึงถึงว่า ตรงไหนเป็น clause อะไร .....บ้าที่สุด .............ฉันไม่บ้าตามพวกนักภาษาศาสตร์ของฝรั่งหรือ .........เพราะอะไรหรือ .....ฉันเข้าข้างตัวเองยังไงล่ะ โดยการพูดว่า "ku ได้แค่นี้ก้อพอแล้วโว้ย ถ้าเอ็งเห็นมีปัญหาก็ ตีความเอาเอง ..........." แค่นี้พวกเราที่ไม่เก่งไวยากรณ์ หรือไม่มีเวลาเรียนมัน ก็จะได้ไม่ประสาทเสีย......... จากคุณ : tansy - [ 10 ต.ค. 47 06:17:22 A:203.145.13.170 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ที่คุณ wp พูดน่ะ กำลังทำอยู่.........เพราะรู้ว่าตัวเองไม่เก่ง.......... เรียนเท่าไหร่ก็ไม่เก่ง .........แต่จะให้ไปฆ่าตัวตาย ไม่ทำหรอก ขอยังไงได้แลกชีวิตกับคนเก่งก้อพอ.............มันสะใจดี ...................... จากคุณ : tansy - [ 10 ต.ค. 47 06:25:04 A:203.145.13.170 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ตลกนะ เขียนมาได้ But if you did that just to support your lame response (or you couldn't come up with other educated explanations) , I'm sorry to tell you that you are not very "professional" as I always think you were. คุณไม่รู้หรือว่าฉันมีการศึกษาที่ต่ำและกักขละมากๆ .......ทุกวันนี้ก้อดิ้นรนไปวันๆหนึ่งเท่านั้น จากคุณ : tansy - [ 10 ต.ค. 47 06:32:18 A:203.145.13.170 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 27 .....???....ทั้งนี้เพราะภาษาไทยไม่มีหลักบ้าๆบอๆเรื่อง puntuation โดยคำนึงถึงว่า ตรงไหนเป็น clause อะไร .....บ้าที่สุด อ้าสะกดผิด puntuation ต้องเป็น punctuation ...............รนณรงค์ พวกเราเลิกเรียนภาษาอังกฤษกันดีฝ่า มาเรียนภาษาจีนกลางกันเถอะ พยายามผลักดันสนับสนุนให้ภาษาจีนกลางเป็นภาษากลางของโลกให้ได้ เพราะว่ามันไม่มีเรื่องไวยากรณ์ที่ปวดหัวเลย ใครรู้ศัพท์ 4000 คำก็แปล 4000 คำได้ ไม่เหมือนภาษาอังกฤษ รู้ 4000 คำก็แปล 4000 คำได้ไม่หมด แล้วมาบ้าเรียนกันอยู่ทำไมกัน...... ทุกวันนี้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลาง ไม่มใช่เพราะมันดีที่สุด แต่เป็นเพราะอังกฤษกับอเมริกาชนะสงครามโลก ............... พวกเราคนไทยอย่าบ้าไปกับมันจะดีกว่า .............สนับสนุนภาษาจีนกลางจะดีกว่า เพราะมีคนใช้มากกว่า ไวยากรณ์ก้อง่ายกว่า ...........จะได้ไม่ต้องมาเถียงกันเรื่องไวยากรณ์ เขียนตัวหนังสือเป็นตัวก็หมดเรื่องแล้ว จากคุณ : tansy - [ 10 ต.ค. 47 06:40:32 A:203.145.13.170 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 28 คุณTansy ครับ ถ้าการที่จะมาคุยกันเรื่องนี้แล้วทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี ผมว่าเลิกคุยกันดีกว่า คุณอาจไม่อยากเลิก เพราะมีอะไรจะมาฟาดงวงฟาดงาใส่ผมก็ตามสบายครับ ผมคงไม่มีอะไรจะพูดต่อละครับ ผมจะไม่ขอพูดอะไรเพื่อต่อความยาวสาวความยืดดีกว่านะครับ เพราะว่าเวลา 24 ชั่วโมงของผมมีอะไรที่มีสาระมากกว่ามานั่งเถียงในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องทางอินเตอร์เนต ปกติผมเข้ามาในนี้เพราะผมสนใจภาษาอังกฤษ และ คิดว่าคำตอบของผมคงมีประโยชน์ต่อคนอื่นที่สนใจ ผมเล่นในห้องรวมพลนักแปลนี่มาก็สองปีกว่าละ เข้ามาตอบ เข้ามาช่วยคนในห้องนี้ก็นับว่าไม่น้อย วันนี้หล่ะครับเป็นวันแรกที่ผมรู้สึกเบื่อห้องนี้ขึ้นมาจับใจ ชีวิตประจำวันที่แสนจะเครียดพอแล้ว ต้องมานั่งอ่านอะไรที่คนอื่นมาเขียนกับตัวเองว่าเป็นอย่างโง้น อย่างงี๊ ถ้าเป็นการพูดที่สร้างสรรค์ก็ว่าไปอย่าง นี่เขียนอะไรก็ไม่ทราบที่ผมอ่านแล้วยังจับใจความไม่ได้เลยว่าคุณต้องการจะสื่ออะไรให้ผมทราบ คุณมี point of view ของคุณ ส่วนผมมีของผม ผมไม่เคยไป personally attack คุณ เคารพในวิชาชีพนักแปล และ ประสบการณ์ของคุณเสมอ แต่ดูเหมือนผมจะกลายเป็นตัวอะไรสักตัวที่เรียนภาษาอังกฤษแบบไม่รู้ว่าชาวโลกเค้าเรียนกันยังไง ผมว่านะถ้ามัวแต่เอาอารมณ์มานั่งอ่านแล้วคงต้องเครียดจนหัวสมองแตกตายแน่ๆ ตามสบายครับ จะเสียดสี กระทบกระเทียบอะไรตามสบายครับ ถ้ามันทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นที่ได้ระบายก็ โอ เค ครับผม ไม่ว่ากัน I don't take it personally! เอาเป็นว่า ถ้าการแลกเปลี่ยนความรู้กันถูกมองว่าเป็น เยอะเย้ยกัน หรือ เป็นการsatisfy ego ของผมเอง ผมก็คิดว่าอยู่เงียบๆจะดีกว่าครับ เถียงไปก็ไร้สาระ แก้ไขเมื่อ 10 ต.ค. 47 11:15:43 จากคุณ : PromegaX (promegax) - [ 10 ต.ค. 47 11:06:51 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เอ่อ...ท่านทั้งหลายครับ แหมผมว่าจะมาร่วมแจม พออ่านมาถึงข้างล่างมันกลายเป็นเรื่องอื่นไปซะแหล่ว ผมว่าเราค่อยๆ พูดกันดีกว่าครับ รู้สึกว่าเราจะออกนอกกรอบกันไปหน่อย คนกันเอง รักใคร่นับถือกันมาทั้งนั้นแหละครับไม่ใช่อื่นไกล วันนี้ยังไม่มีอารมณ์จะคุยกันถูกคอก็ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวเรื่องซาๆ ไปค่อยคุยกันใหม่ก็ดี แต่หักบัวให้เหลือเยื่อใยนะครับ เผื่อว่าที่จริงอีกฝ่ายเค้าก็เป็นคนดีที่คบหาได้ จากประสบการณ์ของผมในเนต บางทีเราได้แต่อ่าน เห็นแต่ตัวอักษรไม่เห็นหน้า แล้วก็คาดเดาเอาว่าอีกฝ่ายพูดด้วยเจตนารมณ์ใด แล้วเราก็ตอบสนองไปตามนั้น บ่อยครั้งก็ถูกแต่เชื่อหรือไม่ บางทีมันคนละเรื่องกันเลย ที่ดูเหมือนว่าเยาะเย้ยถากถาง บางทีอาจยกย่อง ที่มองว่าจับผิด ความจริงอาจเป็นการชี้แจงไปตามเนื้อผ้า อารมณ์ของเราก็อีกเรื่องหนึ่ง ยังจำได้ตอนอ่านอีเมล์โต้ตอบกับคนบางคน ในเรื่องบางเรื่อง ในตอนนั้นมันช้ำใจสุดจะบรรยาย คำแต่ละคำมันช่างเสียดแทงซะไม่มี แต่เออ หลายปีผ่านไป ไปอ่านดูอีกที เอ๊ะมันก็ไม่เท่าไหร่นี่หว่า พอได้ พอได้ ในโลกแห่งความจริง เขาว่า รู้จักคน รู้จักหน้า ไม่รู้จักใจ ยิ่งในโลกเนต หน้าก็ไม่รู้จัก จะไปอ่านใจกันออกก็คงจะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ จึงหมิ่นเหม่ไม่แน่ใจ เผื่อใจกันไว้หน่อยก็ดีนะครับ อาจมีอารมณ์กันบ้างตามประสาปุถุชนก็ตอบโต้ไปแต่พองามแล้วกันนะครับ รุกบ้างถอยบ้างคุณก้าวนึงผมก้าวนึง พี่แรงมาผมหลบดีก่า อ้าวน้องอ่อนแล้วเรอะรุกซะหน่อย อิอิอิ วันหน้ามากินเหล้ากันก็จะรู้ว่า เฮ้เราเป็นพี่น้องที่ดีกันได้นี่หว่า เอ๊ะน้องไม่ร้ายอย่างที่คิดนี่หว่า เอ๊ะวันนั้นพี่ก็เล่นผมแรงพอดูนะพี่นะ แล้วก็ดูดปากกันจ๊วบ รักกันเหมือนเดิม แต่ถ้าใครมาร้ายชัวร์ ๆ ก็โอเคคงไม่จำเป็นต้องญาติดีกัน อันนั้นก็คงช่วยไม่ได้ แต่เชื่อผมเถอะครับ เท่าที่ผมอ่าน ทุกท่านมีประเด็นถูกต้องหมดในทัศนะของตน ฝ่ายที่ว่าต้องพิถีพิถันก็ถูก ฝ่ายที่ว่าไม่ต้องขนาดนั้นก็ถูก ฝ่ายที่ว่านักหนังสือต้องมีมาตรฐานสูงกว่าพวกเราผู้ติ ซึ่งอาจผิดเองได้บ้างก็มีเหตุผล ฝ่ายที่ว่าถ้าจะติเขาเราต้องไม่ผิดเองก็มีเหตุผล ส่วนการพาดพิงว่าคุณแก็กเป็นพระเอกคนเดียว ก็ฟังแปลกๆ อยู่ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าเป็นการกระทบ หรือพูดไปตามความจริง หรืออะไร ส่วนผู้พูด เท่าที่รู้จักกันมา ก็ไม่เคยเห็นคิดร้ายกับใครทางวาจามาก่อน บางทีทั้งหมดทั้งมวลมันแค่สถานการณ์พาไป กว่าจะรู้อะไรเป็นอะไร มันไปโน่นแหล่ว ไม่ได้ตั้งใจขนาดน้านน เอาเป็นว่า เราค่อยๆ พูดกันแบบไทยๆ และทำตัวแบบฝรั่งไปด้วย ที่มันชอบชี้หน้าด่ากันเวลาใครพูดผิด แต่ก็แค่นั้นแล้วก็เลิกลากันไป ถูกผิดเราชี้แจงถกแถลงกัน ความสัมพันธ์ยังเหมือนเดิมดีกว่านะครับ ด้วยความเคารพรักทุกท่าน Ensign จากคุณ : Ensign - [ 10 ต.ค. 47 22:35:46 A:202.80.225.72 X: TicketID:001790 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ไหนๆ ก็ตั้งใจมาแจมแล้ว เรามาคุยกันต่อดีไหมครับ ก่อนอื่นเอานี่ก่อน ผมคิดว่าที่ถูกเป็นอย่างนี้ อันแรก The panel set up to counter bird flu has proposed a three-billion-baht plan to buy and destroy all open-farm ducks and eggs if the infection spreads to the flocks. เรื่องอื่นไม่ติดใจ ติดใจแค่ว่า มันต้องเป็น if + singular noun + simple tense โหมด conditional แบบอาจเป็นไปได้ในอนาคต มันก็ต้อง spreads แหงแก๋อยู่แล้ว จะเป็นอย่างอื่นไปได้อย่างไร ประมาณ Pattern ว่า I'll go if he comes. อะไรที่เป็นไปได้ในอนาคต เค้าใช้รูป present นี่ครับ ที่ว่าอาจเป็น if + past เพราะอาจเป็นไปได้ เห็นว่าไม่เข้าข่าย ถ้าเข้าใจไม่ผิด past ที่อาจเป็นไปได้ต้องเป็นพวก if would/should/could/might If that shoudl happen,.... หรือพวก polite expressions If you would be so kind.... I wonder if you could... อะไรประมาณนั้น แต่ if + past simple ที่ไม่ใช่ข้างต้นเนี่ย มันไม่ใช่แค่เป็นไปได้น้อย แต่มันถึงขั้น If I were Taksin, I would... เป็นไปไม่ได้ในปัจจุบันเลยนาคุณนา เค้าเรียกเป็นนิกเนมว่า Present Unreal มิใช่หรือ นี่คือเป็นไปไม่ได้ เด็ดๆ หรืออย่างน้อย If I were rich,.... กปัจจุบันนี้็ไม่เป็นอย่างนั้น โดยไม่ได้พาดพิงถึงอนาคต หรือตรงข้ามกับความจริงในปัจจุบัน นี่ผมเข้าใจอะไรผิดไหมนี่ ------------------------------------------------ อันที่สอง ''There will surely be protests by open-field duck farmers,'' said Manop Sriwanna, who farms in Chai Nat. อันนี้คงไม่มีอะไรมาก ------------------------------------------------ อันที่สาม He said open-field duck raising had benefited both rice farmers and duck raisers, because the ducks fed on cherry snails -- enemies of rice plants. has-->had, เพราะเป็น reported speech fed คงเดิม เพราะเป็น reported speech และไม่เกี่ยวกับ remote possibility เอีะมีกฎนี้ด้วยหรือ remote possibility ไม่น่ามีนะ ช่วยยกบริบทตัวอย่าวมาหน่อย Direct speech He said, "it has benefited them because they feed on those" แต่ reported speech He said that it had benefited them because they fed on those. ใช่หรือมิใช่ ส่วนที่ว่าประโยคที่จริงเสมอ จะคงรูป present แม้บริบทแวดล้อมจะเป็น past เช่น The only days Mrs. Robinson wouldn't gossip about one or another of her neighbors were when it rained, but it never rains there. ตัวอย่างผมอาจบื้อๆ just enough to make a point ว่า ต้องเป็นความจริงตลอดกาลระดับ ปรากฎการณ์ธรรมชาติ The sun rises in the east. Must it? Yes. Ever? Ever. หรืออะไรที่เป็นจริงสถานเดียว เป็นอย่างอื่นไม่ได้ หรือระดับ Axiom แบบ one plus one is two. Must that be true? Yes. Ever? Ever. If youranswer is no, then you're getting too philosophical there, and I'm not playing along, hihihi. I'm talking math! อย่าง A duck has two feet นี่จะเข้าข่ายนี้หรือเปล่ายังน่าสงสัย Must a duck have two feet? Hmmm..usually . Ever? Hmmmm, I've seen three...or more.. แต่ Ducks feed on cherry snails! Must a duck feed on the snails? Ever? กรณีนี้จึงไม่ apply ดังนั้น feed จึงเป็นไปไม่ได้ ใช่หรือมิใช่ ------------------------------------------------ มาถกกันหน่อยนะครับ Ensign จากคุณ : Ensign - [ 11 ต.ค. 47 00:21:55 A:202.80.225.72 X: TicketID:001790 ]

ความคิดเห็นที่ 31 แหม สนุกกันใหญ่นะพรรคเพียก เอาเข้าไป มันส์ส์ส์พ่ะย่ะครับ จากคุณ : AK-47 - [ 11 ต.ค. 47 03:46:26 A:203.213.60.140 X: TicketID:009283 ]

ความคิดเห็นที่ 32 โอ๊ะ โอ๋ ... อย่าเพิ่งพื้นเสียกันนะคะ การสนทนาทางหน้าจอมันไม่เหมือนการสนทนาด้วยคำพูดค่ะ เราอาจไม่ได้ยินน้ำเสียงของคู่สนทนา เลยตีความหมาย ไม่ตรงกับเจตนาของอีกฝ่ายนะคะ แก้ไขเมื่อ 11 ต.ค. 47 17:29:33 จากคุณ : Guga - [ 11 ต.ค. 47 17:27:53 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ความเห็นที่ 14 ของคุณ PromegaX ข้อความที่ว่า Although Queasybreath had spent several years in Antarctica, he still bundled up warmly in the brisk autumns of Ohio. น่าจะเขียนว่า Although he had spent several years in Antarctica, Queasybreath still bundled up warmly in the brisk autumns of Ohio. เพราะมาจากรากเดิมว่า Queasybreath still bundled up warmly in the brisk autumns of Ohio although he had spent several years in Antarctica. เจ้าของภาษามักนิยมใช้นามใน main clause คือ Queasybreath และใช้สรรพนามใน subordinate clasue คือ he น่ะครับ ผมจำได้ดีตอนเรียนที่ท่าพระจันทร์ อาจารย์เจ้าของภาษาแก้ไขประโยคทำนองนี้น่ะครับ ขอบคุณนะครับ จากคุณ : AK-47 - [ 12 ต.ค. 47 03:36:02 A:203.213.54.49 X: TicketID:009283 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ใช้แบบเดิมดีแล้วครับ ที่อาจารย์คุณแก้น่าจะแก้รูปแบบประโยคด้วย ผมเชื่อว่าคุณแก๊กมีคำอธิบายดีๆ สำหรับตรงนี้ จากคุณ : พ่อโปรเจ็กต์ - [ 12 ต.ค. 47 11:51:27 ]

ความคิดเห็นที่ 35 โห มาเห็นอีกทีชักร้อนแรง เอาน่า เอาน่า พวกเดียวกันแท้ๆ มีอะไรค่อยพูดค่อยจา จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 12 ต.ค. 47 15:15:45 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ห้องนี้เต็มไปด้วยคนมี ego อยู่แล้วต้องยอมรับในจุดนี้นะคะ แรงๆกันทั้งน้านนนน ไม่เห็นมีใครที่หัวอ่อนว่าง่ายเลยสักกะคน ก็จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เวลาใครพูดอะไรไม่ถูกใจทีก็เลือดขึ้นหน้าได้เหมือนกัน ใจเย็นๆนะคะ ทุกคนไม่มีอะไรหรอก แค่หน้าแดงเพราะเลือดลมสูบฉีดดีแค่นั้นเอง ก็เลยเขียนออกไปอย่างที่รู้สึกตอนนั้น และก็ one thing led to another ยังไงเถียงกันแบบผู้ใหญ่เน้นเนื้อหาอย่างนี้ ก็น่าดูกว่าพวกตัวป่วนแล้วกันค่ะ พวกที่ตั้งใจบ่อนทำลายสังคมที่เค้าอยู่อย่างสงบสุขเพื่อความสนุกสนานส่วนตัว มีเยอะค่ะพวกนี้ เราเพิ่งเจอที่สงบของเราที่ใหม่ได้ไม่เท่าไหร่ (ไม่ได้อยู่ในห้องสมุดนี้หรอก แบบว่าตั้งแต่ DPS ถูกป่วนจนพรุนก็รู้สึกแย่) ตอนนี้ที่ใหม่นี่ก็เริ่มมีตัวป่วนเฮกันมาอีกแระ.......เซ็ง คิดซะว่าที่เถียงๆ กันแบบนี้ตรงนี้ ดีมากแล้วนะคะ อย่างน้อยก็ No one means no harm. นะคะ จากคุณ : Goddess - [ 12 ต.ค. 47 18:40:26 ]

ความคิดเห็นที่ 37 แวะเข้ามาอ่านห้องนี้อยู่เนืองๆ ไม่บ่อยเท่าไหร่ แต่ที่เห็นบ่อยสุดคือ คุณแท่นแกฟาดงวงฟาดงาอย่างคุณแก๊กว่าจริงๆ อ่านกระทู้นี้แล้วสงสารคุณ wp ค่ะที่ไม่มีคีย์บอร์ดพิมพ์ภาษาไทย เลยด่าคุณแท่นแกไม่ทัน คุณแท่น คุณน่ะลดๆปากลงซะบ้างเหอะ คนเขาเข้ามาอ่านหาความรู้ดีๆกันอยู่ คุณเกิดจะของขึ้น หาว่าเขาตามจับผิดไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ ซึ่งคุณบอกว่าไวยากรณ์คุณไม่เก่ง อ้าว แล้วในเมื่อคุณไม่เก่ง แล้วคุณจะมาเถียงเขาทำไมล่ะเนี่ย? ประโยคที่ไม่ชอบคุณที่สุดเลย ก็ตรงที่บอกว่าคุณแก๊กเขาสบายมีเวลาอยู่กับหนังสือเป็นกองพะเนินอะไรนั่นน่ะ... คุณพูดน่าเกลียดนะ ทุกคนก็ต้องมีภารกิจในชีวิตกันทั้งนั้น คุณรู้ได้ไงว่าเขาสบาย? หรือว่าทุกคนในโลกสบาย? มีคุณคนเดียวเท่านั้นที่ต้องลำบากดิ้นรน คุณชอบภาษาอังกฤษ แล้วภาษาไทยล่ะคะ ชอบไหม? คำว่า "กักขละ" ของคุณน่ะ ภาษาไทยเขียนว่า "กักขฬะ" นะจ๊ะ มองโลกแง่ร้ายเกินไป...อาจต้องดิ้นจนตายอยู่คนเดียว จากคุณ : Tulip - [ 12 ต.ค. 47 23:15:53 A:202.57.157.169 X: TicketID:039389 ]

ความคิดเห็นที่ 38 อ้อ ที่โพสต์เนี่ย รู้ว่าคุณแท่นแกคงจะกลับมาโพสต์ด่ากลับอีกหลายช่อง... พร้อมคำกระทบกระเทียบอีกมากมาย...แต่ไม่เป็นไรหรอก... ดิฉันโพสต์ไปแล้วเพราะทนไม่ไหวน่ะ... จากคุณ : Tulip - [ 12 ต.ค. 47 23:23:22 A:202.57.157.169 X: TicketID:039389 ]

ความคิดเห็นที่ 39 พึ่งเข้ามาในห้องนี้ยังไม่นานนัก นับถือและชื่นชมพี่แท่นและคุณแก๊กครับ....ทั้งสองท่านระดับหัวกะทิของห้องรวมพลฯ นี้นะครับ อ่านกระทู้รู้สึกไม่สบายใจยังไงไม่รู้ .... คนละสไตส์น่ะครับ อย่าเก็บเอาไปคิดมากเลยนะครับ ใจเย็นๆ นะครับ....และอย่าถึงต้องกับเลิกลาทั้งสองท่านเลย ตอนนี้ผมเชื่อว่าทั้งสองท่านคงเย็นลงแล้วล่ะ.....เปลี่ยนมากระเซ้าเหย้าแหย่กันเหมือนเดิมนะครับ.... จากคุณ : คนอุดรฯ - [ 13 ต.ค. 47 02:32:42 A:80.41.212.39 X: TicketID:031873 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เข้ามาอ่าน แล้วก็.....เฮ้อ! จากคุณ : Crispy carrot - [ 13 ต.ค. 47 18:20:45 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ลิ้นกะฟันกระทบกันเป็นธรรมดา บ้านใกล้เรือนเคียงโกรธกันบ่อยไป ตีกันก็มี แล้วก็กลับมารักกันใหม่ได้ อย่าว่าแต่คนไม่กี่คนในชุมนุมเล็กๆ ประเทศเลย เกาหลีไม่ถูกกับญี่ปุ่น ลาว พม่า เขมรร ไทยรบกันมาแต่ก่อนกาล อังกฤษไม่ถูกกะฝรั่งเศส อินเดียตีกะปากี และอีกหลายชาติ ใจเย็นแล้วทุกฝ่าย ก็หวังว่าจะเห็นกันเป็นเรื่องเล็กน้อย แล้วมายำภาษากันต่อเถิดนะคะ ขาดใครไปคงเหงาพิลึกทีเดียวเชียว จากคุณ : lilymay - [ 14 ต.ค. 47 00:06:24 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เหมือนคุณอุดร #39 ค่ะ เพียงแต่อยู่มานานกว่า ก็ได้เห็นพัฒนาการของห้องนี้มาหมด ใครเข้ามาตอนไหน เป็นยังไง มีอะไรยังไงบ้าง ก็ขอบอกว่ามีความรู้สึกดีๆกับบุคคลทั้ง 2 ท่านนะคะ และก็คิดว่าทั้งสองคนเจ๋งพอที่จะไม่ถือวิสาสะกันแล้ว (เมื่อสติมันชนะ ego สำเร็จ) คุณ tulip อย่าอารมณ์เสียไปเลยนะคะ Let's talk positive! จากคุณ : Goddess - [ 14 ต.ค. 47 12:36:16 ]

ความคิดเห็นที่ 43 No doubt, people come in here with different attitudes. And I'm certain that they come here to learn from others. In my opinion, to accomplish this learning process, we must respect others' opinions despite the fact that they are against your belief. It's perfectly fine to disagree (which is the whole point of the learning process), but the way of expressing disagreement can be troubling. Whenever things get too personal, intstead of expressing the point of view productively, people start to criticize. I don't mind having my English message criticized as long as it was done so with a good intention. However, what I learned here greatly disappointed me. It made me feel that the contribution I made was used to belittle me. To me, such insulting remarks were unexpected from somebody in this room. People can say whatever they like about letting consciousness overcome ego or anything like that. But if this kind of behavior keeps happening every now and then (and others keep saying...please forgive and forget) , I guess this room may no longer serve its purpose. It will be very much like other rooms that people come here just to release their obnoxious attitudes to others. As long as, people show respect to one another...and they learn to apologize...I'm quite sure that things will be much better than it is now. จากคุณ : wp - [ 14 ต.ค. 47 21:34:01 A:138.26.23.54 X: TicketID:015584 ]

ความคิดเห็นที่ 44 อย่าซีเครียดไปเลย คุณ wp ผมกลับมองว่าการเข้าเน็ตมานั้นมาเพื่อคลายเครียด ได้รู้ได้เห็นอะไรที่ไม่เคยรู้เคยเห็น ได้เจอใครต่อใครที่ไม่มีโอกาสได้เจอที่อื่น ดีออกจะตายไป ไอ้ตรงไหนที่ดีเราก็เลือกๆไป ตรงไหนที่ไม่สบอารมณ์ก็ไม่เก็บไป มันก็แค่นั้น ในโลกจริงนั้นมีเรื่องมาสุมหัวอีกมากมายนักหนา อย่าเอาเรื่องในโลกไซเบอร์ไปสุมให้มันหนักขึ้นอีกเลย ตัวจริงๆใครเป็นไงก็ไม่รู้หรอก ใครอยากเป็นยักษ์เป็นลิงก็สุดแต่อัธยาศัยของท่านเหล่านั้น เขาเปิดโอกาสให้สวมหัวเป็นไอ้โม่งแล้วนี่ครับ ส่วนผม? แค่บริหารตัวเองให้ดีก็ยังไม่ค่อยรอดเลย เลิกคิดเลิกคาดเรื่องคนอื่นมานานแล้วครับ นานๆทีมีประลองกำลังภายในกันทีให้ชีวิตมีรสชาติบ้างก็ดีเหมือนกัน โกรธกันได้ก็ดีกันได้ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 14 ต.ค. 47 23:00:30 ]

ความคิดเห็นที่ 45 เวลามีการแสดงความคิดเห็น ต้องใจเย้นๆ รับฟังความเห็น ทุกคนอาจจะรับรู้ "ความรู้" ได้ไม่เท่ากัน ความรู้เป็นสิ่งที่เป้นทั้ง "ธรรมชาติบัญญัติ" และ "มนุษยบัญญัติ" หากเราเข้าถึงองค์ความรู้ได้ไม่หมด แต่เรามี "ความเห็น" ที่มีรากมาจาก "ความรู้" ความเห็นนั้นอาจจะดู "ก้าวร้าว" ไปบ้างก้ต้องใจเย็น สังคมตะวันตกมีการพัฒนาการใช้ความคิดเห็นสูง เพราะตะวันตกตีความ "ก้าวร้าว" ว่า assertive หรือเป็นตัวตนเอง คิดอย่างไรแสดงออกอย่างนั้น ตรงข้ามกับบุคลิกภาพแบบ passive คิดอย่างไร ไม่แสดงออกอย่างนั้น สังคมไทยรู้สึกจะเป็นแบบ passive บางคนที่มาในห้องนี้ก็อาจจะติดลักษณะแบบนั้นมา ก็คงต้องค่อยๆ พัฒนากันไป จากคุณ : AK-47 - [ 15 ต.ค. 47 02:54:59 A:203.213.56.162 X: TicketID:009283 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ฮ่าๆๆๆ ออกจะไม่ถูกกาละเทศะ แต่เราขำง่ายอะ เราขำคุณ Tulip อะ แบ็บ นึกภาพ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ แกทำเสียง เอ๊อ ไป บ่นไปแล้วขำอะ แกคงทนไม่ไหวจริงๆอะ เราเองก็เกือบเขียนแล้ว แต่มันไม่ใช่เรื่องของเราน่ะ เลย ช่างเหอะ เขารับมือกันไหว เรารู้สึกว่า นังหนูแก๊ก แกไม่เห็นมีไร ทำไมโดนด่าบ่อยๆฟะ? ฮ่าๆๆๆ รายเงี้ยะ อ้อ....อย่ามาด่านู๋ด๊าบัสนา ใครก้อเหอะ ดั๊นเล่นคืนไม่ยั้งนา ฮ่าๆๆๆ ก็คิดงี้นี่ฝ่า ก็พูดเงี้ยะแหละค่ะ เห็นเขาโดนบ่อยๆน่ะ ทั้งๆที่เขาอ่อนน้อมออกนะคะ *************** สำหรับความเห็นที่ 45 นี่ เราว่านะคะ คนห้องนี้ เขาเข้าใจวัฒนธรรมตะวันตกดีมากน่ะค่ะ อย่างคุณแก๊กน่ะ อยู่ที่โน่น เกือบสิบปีรึเปล่า? ก็ถ้าแกได้ทุนตั้งแต่ ป.ตรี ยันเอกอะค่ะ เรื่อง Aggressive กับ Assertive นี่น่ะ เส้นแบ่งมันมีนะคะ หาเรื่องคนน่ะ Aggressive ค่ะ ไม่ใช่ Assertive คือดิฉันว่านะคะ พูดไงดีล่ะ เอิ๊ก เอิ๊ก เมื่อคืนดูหนังเรื่อง ทวิภพ เขาย้อนอดีตไปสมัยร.5 นางเอกเขาเล่าให้คนสยามฟังว่า คนสยามจะเปลี่ยนชื่อเป็นไทย (มีนัยยะว่าอิสระ) แต่ไม่ชอบเป็นตัวของตัวเอง อยากเป็นฝรั่ง อยากเป็นทุกชาติเลย ยกเว้นเป็นตนเอง ฟังแล้วอึ้งปนชอบใจ บางทีเราก็นั่งๆคิดนะคะ ว่า อีกหน่อยชาตินี้จะไร้รากจริงๆรึเปล่านี่ ถ้าอะไรๆ ก็ต้อง ฝรั่งเขาว่า ฝรั่งเขาทำ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ ป้าไปนะ แต่ช่วงนี้ ป้ามีแรงซ่าส์ ไง้มะทราบ อะแฮ่มๆ จากคุณ : ป้าเอง เอิ๊ก เอิ๊ก - [ 15 ต.ค. 47 19:11:13 A:203.113.51.100 X:203.150.217.118 TicketID:000836 ]

ความคิดเห็นที่ 47 คือเราอ่าน # 45 แล้วขำน่ะ (อีกแล้.......ว) มาบอกว่า ฝรั่งมัน Assertive คนไทยต้องใจเย็น รับฟังฟามเห็นที่ต่าง โถ.........ฝรั่ง โดยเฉพาะไอ้กันน่ะ มันโดนงั้น มั้นจะฟังมั้ยอะ มันไม่สวนฟั่บๆๆๆๆ เหร้อ... ธ่อ.... อ่านแล้วบอกตรงๆ ฮ่าๆๆๆๆ banana เออ.......ใครจะว่า หาเรื่อง ก็ว่าสิฟะ เจอความเห็นงี้แล้ว หุหุหุ ปลง จากคุณ : ............ - [ 15 ต.ค. 47 19:17:56 A:203.113.51.100 X:203.150.217.118 TicketID:000836 ]

ความคิดเห็นที่ 48 คุณป้าเอง เอิ๊ก เอิ๊ก มาขำเราทำมายอ่ะ? เราไม่ได้เขียนเรื่องตลกนะจะบอกให้ เราน็อตหลุดเลยบ๊งเบ๊งเป็นตัวอักษรตะหากล่ะ ป้าเข้าจายอารายผิดอ๊ะเปล่าเนี่ย? คุณ wp โพสต์อันใหม่เขียนซะสละสลวยสวยเช้งเชียวนะ (ฮิฮิ...ล้อเล่น ล้อเล่น) นี่... ทำไมพิมพ์ไทยไม่ได้ล่ะ คีย์บอร์ดไม่รู้ภาษาสยามเหรอ? หรือไม่มีระบบอะไรรองรับ? เราไม่ค่อยรู้เรื่องคอมพ์/เน็ตอะไรมากหรอก จริงๆก็ถามไปงั้นแหละ ไม่อยากได้คำตอบหรอก แค่อยากจะบอกให้ ไปหาแบบที่พิมพ์ไทยได้ด้วยไง สะดวกดี เขียนทีละสองภาษา... เอ่อ แต่เขียนอังกฤษเก่งๆอย่างนี้ก็ดีแล้วล่ะค่ะ เขียนอังกฤษมาแล้วกัน จะได้อ่านลีลาภาษาที่โปะความคิดเห็นมาด้วย ขอบคุณคุณแอ๊ดนะคะ สำหรับมุมมองอันเปิดกว้าง อ่านแล้วลมดีขึ้นเยอะเลย (พอดีน้องที่บ้านเปิดพัดลมแรงเป็นเบอร์ 3 ด้วยมั้ง.. แหะๆ ล้อเล่นค่ะ... อ่านแล้วรู้สึกดีค่ะ) ปกติไม่ค่อยโพสต์ค่ะ ชอบอ่านเฉยๆ แบบว่า เอาเปรียบนิดนึง..เก็บความรู้จากคนโน้นคนนี้อยู่ฝ่ายเดียว (ก็ตัวเองมีไม่เยอะน่ะจ้ะ) ไม่ว่ากัน ใช่มั้ย? จากคุณ : Tulip - [ 17 ต.ค. 47 01:17:14 A:202.57.159.169 X: TicketID:039389 ]

ความคิดเห็นที่ 49 อ้อ มีอีกอันนึง ที่ป้าบอกว่า สยาม เปลี่ยนชื่อ เป็น ไท แปลว่า "อิสระ" แต่ดันไม่ชอบเป็นตัวเอง ชอบอยากจะเป็นแบบชาติโน้นชาตินี้ เรามีไอเดียว่า ไท ที่เนี่ยอาจจะเป็นความหมายว่า "เป็นอิสระจากตัวเอง" ไง ไม่อยากผูกติดกับความเป็นตัวเอง.... เอ... พอเอาสีข้างเข้าถูได้ไหมน๊อ? จากคุณ : Tulip - [ 17 ต.ค. 47 01:23:44 A:202.57.159.169 X: TicketID:039389 ]

ความคิดเห็นที่ 50 สวัสดี wp ใน #43 ที่คุณว่า It made me feel that the contribution I made was used to belittle me. ถ้าคิดอย่างนั้นจริงๆเราก็ขอโทษด้วย ไม่ได้มีเจตนาที่จะทำเช่นนั้น แต่ที่เขียนอะไรเสียดสีคุณเราอยากจะให้คุณรู้ว่า พวกเราก็ปุถุชน ฉันก็ผิดได้คุณก็ผิดได้....แต่รู้สึกจะมีคุณแก๊กเท่านั้นที่ไม่ผิดคนเดียว เขาจึงเป็นอะไรที่เหนือมนุษย์ ที่คุณแก๊กเขียนไว้ใน #14 นะที่บอกว่า โอ้ว มายก๊อด พอตื่นมาก็เจอเลย เอิ้กๆ ขอแจมต่อเลยนะครับ ........ แล้วที่มาเขียนต่อว่า ........ อืมให้พูดแล้วยาว เลยขออนุญาต copy ที่เจ้าของภาษาเขียนมาดีกว่า เหอะๆ........ อันนี้มันเป็น tone เยอะเย้ยนะ เหมือนกับว่าคนไม่ได้เรียน grammar ในรายละเอียดลึกขนาดนั้นจะไม่ใช่มนุษย์หรือยังไงกัน ส่วนไอ้เรื่องประโยคที่คุณแก๊กเอามาสาธิตให้เราดูนั้น เราเข้าใจ ว่าบางทีการใส่หรือใส่ comma มันทำให้ความหมายเปลี่ยนไป แค่ถ้าเราเขียนเอง ประโยคที่ว่านั่นเราก็คงมีวิธีเขียนให้คนไม่เข้าใจผิด....หรอกนะ แล้วหลังจากที่โดนคุณแก๊ก "สอนมวย" ไปแล้ว..."ตามที่คุณแก๊กคิด" ....เรื่องใส่หรือไม่ใส่ comma เราก็ยังแปลกใจ แต่ก็ไม่อยากแปลกใจ และไม่อยากคิดถึงมั่น นั่นก็คือว่าเราเพิ่งแปลหนังสือจบเล่มหนึ่งเขียนโดยนักเขียนสหรัฐที่มีชื่อเสียง เราก็เห็นเขาใส่ comma มาหน้า because เต็มไปหมด ไม่เห็นเขาจะนอนดิ้นตายเลย ....คือเขาผูกประโยคที่ซับซ้อนมากๆมีทั้ง semicolons กับ commas ใส่ไว้เต็มไปหมดทำให้ประโยคบางประโยคยาวถึงครึ่งหน้ากระดาษ..........เราจึงคิดว่ามันน่าอลุ่มอล่วยกันได้ในเรื่องกฎของ grammar ไม่น่าจะถึงกับเยาะเย้ยกันจนถึงกับให้คนกลายเป็นไม่ใช่คน ถ้าไม่มานั่งท่องหนังสือ grammar กันจนทะลุปรุโปร่งเหมือนคุณ เราจึงอยากจะบ่อกว่าเรื่องประเด็นที่เราถกกันเกี่ยวกับประเด็นย่อยๆเราว่าเราทนยอมรับไม่ได้เพราะมันเหมือนกับว่า grammar สร้างมนุษย์ไม่ใช่มนุษย์ express ตัวเขา แต่พอมีกฎเกณฑ์ของ grammar บ้าง........ใครรู้ครบทุกกระเบียดนิ้วจะต้องกลายเป็นเทวดาไปแต่คนไม่เรียนเจาะลึกจะต้องกลายเป็นมีปมด้อยให้คนเขาหัวเราะเยอะเอาหรือยังไง..... บอกตรงๆที่เราทะเลาะกับคน เพราะเราตกอยู่ใต้ความมึนเมา.... มันเป็นเพราะว่าเราเครียด ...รู้สึกเครียดที่พอจะได้แปลหนังสือเล่มแรกให้สำนักพิมพ์... เราก็เงินสดหมดเสียก่อน....เพราะแฟนเราก็เผอิญหาเงินจากงานทัวร์ไม่ได้ เราต้องแบ่งเงินให้เธอไปหมด (เป็นเงินทุนที่เราสำรองไว้ว่าจะใช้จ่ายตอนแปลหนังสือให้จบเล่ม โดยไม่ต้องไปรับงานเอกสารจากบริษัทแปลมา) แต่แล้วในที่สุดเราก็ต้องไปรับงานจากบริษัทแปลมาชนกันจนเราทำท่าว่าจะแปลหนังสือเราผิดหลายแห่ง.....ตอนนี้ยังตามแก้จนเครียด........จนล้มลุกคลุกคลาน ..... บางทีเราบ่นถึงกลไกตลาดการแปล ที่ทำให้นักแปลอย่างเราทั้งๆที่ทำงานหนักแต่มันก้าวไปไม่ถึงดวงดาว ...บอบ่นไป (เรื่องกลไกการที่สำนักพิมพ์เลือกว่าจะจ้างจ้างใครแปล) ก็มีคนมาหาว่าเราฟาดงวงฟาดงา ......คงฟาดจริงๆมั๊งเพราะมันเครียด แต่ตอนนี้เราสบายใจแล้ว ....ไม่ใช่เพราะเราได้แปลหนังสือ แต่เป็นเพราะเราได้พักผ่อนหลับนอน .... หนังสือที่เราแปลตอนนี้กำลังแปลเล่มต่อไปเป็นเล่ม 2 แต่อาจไม่มีเล่ม 3 ...เราไม่แน่ใจ....ถ้าไม่มีก็ทำใจได้.....เพราะว่าเราพอจะหาอาชีพอื่นที่รองรับเราไว้ได้.....ถ้าแปลๆไปแล้วเรารู้สึกว่า "มันไม่ไหวจริงๆนะ" ....... ไม่ต้องกลัวเราจะไม่มาให้พวกคุณเห็นหน้าเราอีก....... ส่วนที่คุณแก๊กบอกว่า ถ้าการที่จะมาคุยกันเรื่องนี้แล้วทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี ผมว่าเลิกคุยกันดีกว่า คุณอาจไม่อยากเลิก เพราะมีอะไรจะมาฟาดงวงฟาดงาใส่ผมก็ตามสบายครับ ผมคงไม่มีอะไรจะพูดต่อละครับ รับรองว่าเราเลิกคุยกับคุณแน่ๆ......และกับคนอื่นด้วยที่เห็นเราขวางหูขวางตา ......เพราะเราก็ไม่มีอะไรที่จะพูดต่ออีกแล้วเหมือนกัน ถ้าไม่พอใจเราก็จะไม่เข้ามาให้เห็นหน้าอีก.........อยากจะโต้ตอบหรือก่นด่าใส่หลังเราอย่างไรก็เชิญเถิด.....เพราะเราจะไม่เข้ามาโต้ตอบกับใครอีก.....เราจะไปหาความวิเวกในชีวิต......... จากคุณ : tansy - [ 17 ต.ค. 47 19:43:36 A:203.145.14.28 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 51 อ่านมานานครับ ขออนุญาตสรุปได้เป็นข้อๆดังนี้ ข้อแรก. คุณแก๊กชอบเยาะเย้ยคนอื่นที่ไม่มีโอกาสอ่านหนังสือ grammar เหมือนเค้า และเอาสิ่งที่ตัวเองได้อ่านหรือรับรู้มาทับถมคนอื่นว่าไม่ใช่มนุษย์และไม่มีความสามารถ คุณหัวเราะในความต่ำต้อยของคนอื่น คุณไม่มีสปิริต และ ไม่เคยเคารพความเห็นของคนอื่นเลย ข้อสอง. การที่คุณแก๊กเข้ามาตอบเพื่อที่จะ defense คำตอบของตัวเอง และใช้ source จากต่างประเทศเพื่อมาอ้างอิง หมายความว่า คุณแก๊กผิดไม่เป็นไม่ยอมก้มศีรษะให้ใคร นี่แหล่ะคือความผิดอันใหญ่หลวงของคุณ คุณควรเงียบตั้งแต่ต้น ควรยอมให้คนอื่นเป็นผู้ชนะบ้าง มิฉะนั้นหล่ะก็คุณจะได้รับโทษอย่างที่เห็นนี้ ข้อสาม. การที่คุณแก๊กนำความผิดของ Bangkok Post มาสาธิตมันเหมือนกับการไปหยาม Ego ของท่านจอมยุทธผู้ที่มากด้วยประสบการณ์ เพราะเค้าเคยบอกว่าระดับภาษาอังกฤษของ Bangkok Post นั้นเทียบได้กับ Times แต่คุณนำ Bangkok Post มาพูดเหมือนหนังสือพิมพ์ที่ยังไม่ได้ระดับสากล...นี่แหล่ะคือต้นเหตุให้ท่านอาวุโสท่านนี้ของขึ้น ไม่มีปัญญาเถียงกลับ ก็ด่ากราดอย่างที่เห็น เป็นไงหล่ะครับคุณแก๊กทราบหรือยังว่าโทษของการไม่อยู่นิ่งๆมันเป็นยังไง ข้อสี่. คุณแก๊กคุณเป็นคนแย่มากๆที่ชอบไปโต้ตอบหรือก่นด่าใส่หลังคนอื่นเขา ถึงแม้ท่านอาวุโสเค้าจะไม่ว่าอะไรแต่อย่าทำแบบนั้นนะมันไม่ดี ท่านอาวุโสกำลังอยากจะสอนคุณว่า การมองโลกในแง่ดีเกินไปมันไม่ดี คุณต้องมองโลกในแง่ร้ายๆอย่างเขานะ แค่ประโยคเดียวก็มองจนทะลุปรุโปร่งว่าเป็นการเยอะเย้ยกัน อืม คำพูดเยาะเย้ยๆ ประชดประชันของคุณที่หลังก็อย่าเอามาใช้ ลองไปฝึกใช้กะคุณ wp ดูก่อนก็ได้ว่าการเยาะเย้ยแบบมีศิลปะเค้าทำกันยังไง หรือ คราวหลังคุณจะได้ไม่พลาด ข้อห้า. คุณแก๊กคุณต้องระวังตัวให้ดีนะครับ เพราะคุณอ่านหนังสือมากคุณจะตายห่าแล้วหรือไม่ก็สุขภาพไม่ดี คุณต้องทำตัวให้ไม่เก่งเพื่อให้มีพลังขับเคลื่อนอย่างอื่น อันนี้ผมเป็นห่วงคุณจริงๆครับ เพราะมีคนอวยพรให้คุณไปฆ่าตัวตายตั้งหลายหนแหน่ะ ยังไงก็อย่าคิดสั้นนะ ตลอดสามปีที่ผ่านมา กระผมนับถือคุณมาตลอดนะคุณแก๊ก คุณเป็นบุคลากรที่มีความสามารถ และ นอบน้อมถ่อมตนมาเสมอ วันนี้ผมเริ่มตาสว่างไม่ยักกะทราบว่าคุณเป็นไปได้ถึงขนาดนี้ ผมผิดหวังในตัวของคุณจริงๆเลย และผมก็คิดว่าบรรดาชาวยำภาษาทุกคนก็คงผิดหวังแบบผมเหมือนกัน เพราะที่ท่านอาวุโสเค้ากล่าวหาคุณมามันตรงประเด็นทุกอย่างเลย คุณเลิกเล่นห้องนี้ไปเหอะครับ ขอเตือนด้วยความหวังดี แก้ไขเมื่อ 17 ต.ค. 47 22:30:34 จากคุณ : เห็ดโคน (เห็ดโคน) - [ 17 ต.ค. 47 22:20:29 ]

ความคิดเห็นที่ 52 อุตส่าห์เก็บไม้เก็บมือ(ที่คันสุดๆ)ไม่แสดงความเห็น ตั้งแต่รู้สึกยังไงๆ กะ #3 แล้ว แต่เจอความเห็นของคุณ เห็ดโคน (กลัวมากชื่อนี้ เพราะเคยพิมพ์ผิดไปหลายทีแล้ว แหะ แหะ แหะ) ทนม่ายด้ายแล้วอ่า... ขอเข้ามาแสดงความเห็นว่า กั๊ก กั๊ก กั๊ก ... คิดได้ยังไงเนี่ย ????? เอาเถอะ อย่าเพิ่งไล่ส่งพ่อแก๊กของป้าเลยนะ เด๋วจะไม่มีใครมาคัดค้านเสียงดังเรื่อง grammar กะป้า คือทั้งป้าและพ่อแก๊ก ก็ต่างบ้าเปิดตำรามาถกกันทั้งคู่ ทั้งเปิดทั้งลอกมาให้คนอื่นๆ ที่หาซื้อตำราไม่ได้ จะได้มีโอกาสได้อ่านดูว่า หลัก grammar ที่ฝรั่งเขียนๆ กันนั้น เขาเขียนว่าอย่างไร แต่ถ้ารู้แล้ว ยังอยากจะใช้ตามใจฉาน ก็ไม่ว่ากัน ตัวใครก็ตัวอิท เพราะยังไงเสีย - พูดดี ก็เป็นศรีแก่ตัว เขียนดีก็เป็นศรีแก่ตัว มีชัยไปกว่าครึ่ง - ไม่เชื่อก็เขียนจดหมายสมัครงานห่วยๆ หรือแปลงานห่วยๆ ส่งไปสำนักพิมพ์ดูก็ได้ :-)))) สรุปว่า ถ้าใครไม่อยากอ่านข้อเขียนของพ่อแก๊ก ก็ผ่านไปได้เลย อย่างนี้ จะสะดวกกว่ามั้ยล่ะ ส่วนคุณแท่น - อยากจะบอกว่า ถ้าเมื่อไรดื่มเหล้าจนเมา ก็อย่าเปิดเน็ต หรือแสดงความเห็นใดๆ เลย เพราะเหล้ามักทำให้ผู้เสพนั้น แสดงความในใจของตัวเองออกมามาก ถึงมากที่สุด และการที่คุณมีปัญหาส่วนตัว แล้วมาแสดงออกกับคนอื่นที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่นั้น มันเข้าข่ายยังไงๆ อยู่นะ ขอเสนอว่า ไปสงบจิตสงบใจ สะสางปัญหาทั้งหลายให้หมดเสียก่อน พอสบายใจแล้ว ค่อยเข้ามาคุยในบอร์ดนี้กันใหม่ จากคุณ : o;] - [ 17 ต.ค. 47 23:23:52 A:203.146.98.244 X: TicketID:012689 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ผมว่าคุณ PromegaX และป้า เป็นชาวกระทู้ที่มีความสามารถ ผมเคยเสวนากับคุณแก็กซ คุณแทนซี และอีกหลายๆ คนมาสองปีแล้ว แต่ผมใช้ชื่ออื่น ผมว่าทั้งสองคุณมีคุณภาพมากทางด้านไวยากรณ์ ทั้งสองมี assertiveness คนที่วิจารณ์ทั้งสองท่านของเรา เป็นพวก untouchable เลยตีความ assertiveness ว่า aggressive โธ่ ทุกขํ อนิจจํ อนตฺตา จากคุณ : AK-47 - [ 18 ต.ค. 47 03:59:25 A:203.213.63.31 X: TicketID:009283 ]

ความคิดเห็นที่ 54 แหม... คุณเห็ดโคน คิดได้ไงเนี่ยะ ต้องอ่านแบบกลับหลังชะเป่า? เด๋วนังหนูแก๊กก็อ่านไม่ตรงตามประสงค์ของคุณเห็ด แกน้อยจัยแย่เลอะย เอิ๊ก เอิ๊ก ******************** ก่อนไป ขอเรื่องศัพท์อีกหน่อย Agressive และ Assertive มีคำแปลร่วมกันอยู่ และมีคำแปลต่างน่ะค่ะ บอกไว้เผื่อเด็กมาอ่าน จะได้ไม่คิดว่า สองคำนี้ต่างกันโดยสิ้นเชิง ร่วมอย่างไร ต่างอย่างไร เขียนไว้ให้มือใหม่หลายหนแล้ว ศึกษษเองแล้วกันค่ะ วันนี้ป้า(ปลอมๆ)เมื่อยไหล่ จากคุณ : ........ - [ 18 ต.ค. 47 13:41:34 A:203.113.51.104 X:203.150.217.113 TicketID:000836 ]

ความคิดเห็นที่ 55 โอ้ ฟังดูเหมือนคุณเห็ดโคนจะมากด้วยความสามารถจริงๆนะ คนเก่งที่สุดก็คุณนี่ล่ะ....คิดได้ไงเนี่ย?  ไล่คนอื่นออกจากเว็บบอร์ด? เว็บนี้เป็นของคุณเหรอเนี่ย? เจ้าของเว็บขายสิทธิ์ให้คุณตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ? อยากดูสัญญาซื้อขายจัง  ซื้อมาแพงไหม? น่าจะแพงนะ เว็บเขาออกจะฮอต... (แบบนี้สิเรียกว่า เยาะเย้ยของจริง) คุณบอกว่าความเห็นของผู้อาวุโสท่านนี้ "ถูก"ทุกอย่าง...  ถูกในความคิดของใครล่ะคะ?   อ้อ.. ที่แน่ๆ ความคิดคุณซินะ  (แบบนี้เรียกว่าข้อเท็จจริงเพราะมีหลักฐานยืนยัน) แต่อ่านๆ ความเห็นคุณอีกทีนึงแล้วนะ... คุณไม่ได้ไล่คุณแก๊กนี่หว่า จริงๆแล้วกะเยาะเย้ยหลอกด่าคุณ tansy เพราะเขายอมรับว่าตอนโพสต์ ชีวิตแกมีปัญหาส่วนตัว อารมณ์คงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ที่สำคัญ...แกเมา!  (ซึ่งหลายคนจะได้เข้าใจว่า โอเค บางทีแกพูดแรงเกินไปบ้าง อาจจะเป็นเพราะฤทธิ์น้ำเมา) ไม่มีใครบอกว่าคุณ tansy ไม่เก่งนะคะ  ดิฉันเองก็ยอมรับว่าแกเก่ง ตลอดมาเนี่ยเห็นแกบ่นเรื่องวงการแปล หรืออะไรต่างๆ ก็เข้าใจว่า บางครั้งชีวิตคนเราอาจไม่โสภาปูด้วยดอกกุหลาบไปซะทั้งหมด  หากเราทำใจไม่ไหว ขมขื่นกับมันแล้วเอามาปลดปล่อยในเว็บบ้าง แต่ไม่ถึงกับทำให้ใครเสียหาย ก็ไม่ว่ากันหรอกค่ะ... อย่างน้อยแกก็ยังมีความรู้ความสามารถ ที่จะแบ่งปันกับคนอื่นๆ ยังไงก็ตามค่ะ ดิฉันไม่เคยคิดว่าคุณ tansy คุณ Promegax หรือใครๆจะต้องออกจากเว็บบอร์ดแห่งนี้หรือที่ไหนๆ ตราบใดที่ webmaster ยังยินดีให้เราอยู่ค่ะ....โปรดทราบตามนี้ แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 47 14:20:35 แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 47 14:05:59 จากคุณ : TulipOnLine - [ 18 ต.ค. 47 14:00:57 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ฮ่าๆๆ คุณป้า ส่งพร้อมกันพอดี เลยไม่ทันอ่านของป้า ใช้คำเดียวกันเลยฮ่ะ "คิดได้ไงเนี่ย" (ฮา) จากคุณ : TulipOnLine - [ 18 ต.ค. 47 14:07:16 ]

ความคิดเห็นที่ 57 อ่านความเห็นของคุณเห็ดโคนแล้ว เห็นด้วยทุกอย่างค่ะ แต่เอ หนูว่าคุณเห็ดโคนคงตั้งใจเขียนกลับหัวกลับหางแน่ๆเลย ...ร้ายไม่เบาเลยนะคะ ที่ตรงใจหนูสุดๆคือ เสียความรู้สึกกับคนคนนั้นไปเลย ว้า ไม่น่าเลยเรา เพิ่งรู้จักเขาแท้ๆ ปล. ย้ำอีกที ความเห็นคุณเห็ดโคนต้องอ่านกลับหัว แล้วจะถึงบางอ้อ และก็ ราคาเห็ดโคนเมื่อไหร่จะลงซะทีคะ แพงเหลือใจ จากคุณ : ยอดหญิง - [ 18 ต.ค. 47 14:51:39 A:202.57.179.70 X: TicketID:015026 ]

ความคิดเห็นที่ 58 พอเหอะ เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่าน่า จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 18 ต.ค. 47 15:23:12 ]

ความคิดเห็นที่ 59 มาหนับหนุนคุณแอ๊ดอีกคน เลิกกันเถิดนะค่ะ จากคุณ : lilymay - [ 18 ต.ค. 47 17:51:59 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ปรี๊ดๆๆๆๆ หยุดทะเลาะกันได้เลี้ยว จากคุณ : ธีสรย - [ 21 ต.ค. 47 22:15:17 A:203.213.58.94 X: TicketID:009283 ]

ความคิดเห็นที่ 61 อืมม ชักคิดถึง "หนอนหนังสือ" ซะแล้ว จากคุณ : Aumba_เด็กอนุบาล - [ 22 ต.ค. 47 11:44:51 ]