เชียนอี(พันหนึ่ง)!
กระบวนท่า เชียนอี ซึ่งนำเอากระบวนท่าของเฟิงเตาซวงเจี้ยนทั้งหนึ่งพันหนึ่งกระบวนท่ามาหลอมรวมเป็นกระบวนท่าเดียว
เจี่ยเหยียนเหลิ่งแผดร้องขึ้นคำหนึ่ง เป็นดาบ เป็นกระบวน ท่าดาบ เขาละทิ้งกระบวนท่ากระบี่ แปรเปลี่ยนเป็นท่าดาบ จากนั้นจึงยกมือกุมหน้าหนีไป (โลหิตหลั่งเต็มใบหน้า ไหลหยดออกมาตามร่องนิ้วมือ)
โหลวตู๋เมี่ยวครางขึ้น เขาล้มลงกับพื้น ตลอดทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์ เขาไม่ทราบว่าตนเองตายแล้วหรือไม่ (หากตายแล้วเหตุใดจึงรู้สึกเจ็บปวด!? หากไม่ตายเหตุใดจึงเจ็บปวดเช่นนี้)
เหวยชิงชิงชิงเก็บดาบ
เขาประคองเหลียงเยิ่นฮวาซึ่งรับบาดเจ็บไว้ พานางกลับเข้าสู่หอไคว่อี้อย่างรวดเร็ว
จางจวี้หยาง เฉินขู่เหลียน ผิงลิ่งเฝิง รวมถึงคนในสำนักทุกคน ล้วนเกาทัณฑ์พาดลูกศร ถือดาบทวนเตรียมพร้อม เพียงรอคำสั่งจากเจี่ยเหยียนเหลิ่งและโหลวตู๋เมี่ยว ก็จะบุกเข้าไปในทันที
พลันพบเจี่ยเหยียนเหลิ่งยกมือกุมหน้าวิ่งออกมา
เชียนอี ปู่เฟิงโซ่ว(เฒ่าคว้าลม)ไหนเลยยังมีศักดิ์ศรีของผู้อาวุโสหลงเหลืออยู่ กระบวนท่าที่น่าสะพรึงกลัว
ผิงลิ่งเฝิง พลันตีฆ้องทองแดงในมือ คิดนำเหล่าศิษย์ในสำนักบุกเข้าไป เซี่ยเทียนตู๋พลันทะยานร่างเข้ามาขวางพร้อมกับกล่าวว่า ช้าก่อน
ผิงลิ่งเฝิงพลันตวาด
ท่านกลัวหรือ?
ท่านไม่เห็นสภาพของผู้อาวุโสเจี่ยเหยียนเหลิ่งหรืออย่างไร เซี่ยเทียนตู๋กล่าว พวกเราดื้อดึงบุกเข้าไป เพียงเกรงว่าจัดการไม่เหมาะสม บังคับให้เขาชักดาบ มิว่าผู้ใดก็มิอาจได้เปรียบ ยังคงรอให้เจ้าสำนักกลับมาก่อนค่อยว่ากันเถิด
เฉินขู่เหลียนพลันกล่าว
ทว่า ฮูหยินยังอยู่ข้างใน.....โจรสุนัขนี้.....พวกเราไหนเลยมิสนใจได้
มีอันใดต้องสนใจ ผู้ใดเรียกให้ฮูหยินไม่ระวังตัวเอง เซี่ยนเทียนตู่พลันแสยะยิ้ม ทว่าวาจากลับนุ่มนวล เมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าสำนักกลับมา ย่อมมีละครให้ชมดู มิใช่หรอกหรือ
จางจวี้หยางผงกศีรษะในทันที
เขาเองก็คาดคิดเช่นนี้
ยามนี้ พวกเขาจึงเห็นผู้อาวุโสอีกท่าน จัวอิ่งเค่อ(ผู้จับเงา) โหลวตู๋เมี่ยว กลิ้งตัวตะเกียกตะกายปีนออกมาจากสวนเป้าต๋า
พวกเขาเหตุใดจึงทำต่อท่านเช่นนี้?
มิเป็นไร....ทว่าพวกเขาทำร้ายท่าน
ท่านก็ทำร้ายพวกเขาใช่หรือไม่?
......เพราะพวกเขาทำร้ายท่าน
กระบวนท่านั้น...ก็คือ เชียนอี หรือ?
....ข้าพเจ้านำเอากระบวนท่าของเฟิงเตาซวงเจี้ยนมารวมเป็นกระบวนท่าเดียว
ข้าเห็นอย่างชัดเจน...เจี่ยเหยียนเหลิ่งบีบคอท่านเอาไว้ ทว่าท่านคล้าย.....?
ข้าพเจ้ามิเป็นไร
ข้าคิดว่า คนผู้หนึ่ง ไม่อาจมีจุดอ่อนได้ และมิอาจให้ผู้อื่นล่วงรู้ ขอเพียงผู้อื่นล่วงรู้จุดอ่อนท่าน ผู้อื่นก็ย่อมลงมือต่อจุดอ่อนท่าน ดังนั้นจุดอ่อนของคนเรามักจะให้ผู้คนต้องตกตาย จุดอ่อนบนร่างของทุกคนก็คือจุดชีพจร ดังนั้นข้าพเจ้าจึงใช้วิชา อ้ายเฮิ่นเสินกง(พลังเทพรักแค้น) ปิดสกัดจุดชีพจรทั้งเจ็ดสิบสองจุดทั่วร่าง ผู้อื่นจู่โจมต่อชีพจรข้าพเจ้า ก็เท่ากับจู่โจมจุดแข็งข้าพเจ้า ข้ากลับกลัวผู้อื่นไม่จู่โจมจุดนี้
อา....
เป็นอย่างไรบ้าง เจ็บปวดหรือไม่?
มิเป็นไร เพียงแต่...เหตุใดท่านจึงบอกเรื่องเหล่านี้ต่อข้าพเจ้า?
อาจบางทีเป็นเพราะท่านถามกระมัง
ทว่า ท่านบอกข้าพเจ้า ไยมิใช่เท่ากับบอกจุดอ่อนของท่านให้ข้าพเจ้าล่วงรู้หรอกหรือ?
เหวยชิงชิงชิงมิได้ตอบวาจา เพียงยิ้มเล็กน้อย
เป็นครั้งแรกที่เหลียงเยิ่นฮวารู้สึกว่าประกายตาของเขามิได้แฝงแววรันทดอีก
เหลียงเยิ่นฮวาพลันจามอีกครา
เหวยชิงชิงชิงคิดว่านางเจ็บปวด
เขากำลังถอนเข็มพิษ ทายาสมานแผลให้แก่นาง เขาคิดว่าตนเองมือหนักเกินไป พริบตานั้น คล้ายกับต้องการฟันแขนตนเองทิ้ง กลิ่นหอมจากตัวนาง ทำให้สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่นาง ชักดาบ ชักกระบี่ ฝ่าวงล้อม ล้วนมิมีสิ่งใดที่ทำให้เขาเป็นเช่นนี้ แม้แต่จังหวะการเต้นของหัวใจเขาก็คล้ายกับว่ามิใช่หัวใจของเขาเอง
ท่านทราบได้อย่างไร เหลียงเยิ่นฮวาพลันถามขึ้น แม้แต่โหลวจ๋างเหล่า(ผู้อาวุโสแซ่โหลว)ก็คิดจัดการต่อท่าน
ข้าหลงกลของเซี่ยเทียนตู๋ไปคราหนึ่งแล้ว เหวยชิงชิงชิงพลันรู้สึกว่ากล่าวถึงเรื่องอื่นดีกว่า คราก่อนหลงกล ย่อมมิอาจให้บังเกิดซ้ำสองได้
ทว่า ท่านเห็นพวกเขาทำร้ายข้าพเจ้า ท่านก็เสียสมาธิ.... เหลียงเยิ่นฮวาจ้องมองดูเขา พร้อมกับกล่าวว่า ดังนั้นจึงใช้ออกด้วยกระบวนท่า เชียนอี?
เพราะว่าจุดอ่อนของข้าพเจ้าในตอนนี้ก็คือท่าน.... เหวยชิงชิงชิงกล่าวถึงตอนนี้ พลันกล่าวอย่างเสียใจว่า ขออภัย ล้วนเป็นเพราะข้าพเจ้า ทำให้ท่านต้องรับบาดเจ็บ
ดูท่า ท่านขึ้นหลังพยัคฆ์แล้ว ยากที่จะสลัดหลุดได้ เหลียงเยิ่นฮวาพลันกล่าวต่อไป เพียงแต่ โชคดีที่ตัวท่านเองก็เป็นมังกรตัวหนึ่ง
ตอนนี้ ทำได้แค่เพียงรอให้ศิษย์พี่ใหญ่กลับมา
ท่านกับเขาจะ.....?
ไม่....ข้าพเจ้ามิต้องการปะมือกับเขา
ถ้าหากต้องต่อสู้ ท่านได้ชัยแล้ว ได้โปรดอย่าทำร้ายเขา ได้หรือไม่? ข้าพเจ้าบางทีอาจจะอุ้มครรภ์ของเขาแล้ว เขายังคงมิทราบ เหลียงเยิ่นฮวาจัดเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว พลันกล่าวขึ้น ขอบพระคุณ
เหวยชิงชิงชิงพลันหน้าแดงฉาน มิทราบจะวางมือทั้งสองไว้ที่ใด แต่ก็ยังคงผงกศีรษะอย่างจริงใจ ในมือของเขายังเปรอะเปื้อนไปด้วยโลหิตของเหลียงเยิ่นฮวา
เหตุใดท่านจึงมีนามว่า เหวยชิงชิงชิงเล่า เหลียงเยิ่นฮวากล่าวถามอย่างยิ้มแย้ม ชิงชิงชิง คำว่าชิงทั้งสาม แปลกประหลาดยิ่งนัก
บิดาข้าพเจ้า เหลียงเยิ่นฮวาถามกระไร เขาก็ตอบเช่นนั้น มีโฉมสะคราญผู้รู้ใจอยู่สามคน ผู้หนึ่งมีนามว่าฟางชิงเสีย เป็นสตรีคนแรกที่บิดาข้าพเจ้าหลงรัก แต่นางกลับแต่งงานกับผู้อื่น ทำให้บิดาเสียใจมาโดยตลอด อีกผู้หนึ่งมีนามว่าชีเชี่ยนจือ นางก็คือมารดาของข้าพเจ้า บิดารักนางยิ่ง ทว่านางมีร่างกายอ่อนแอ หลังจากกำเนิดข้าพเจ้ามินานก็เสียชีวิตไป นี่ก็ทำให้บิดาต้องเสียใจมาโดยตลอดเช่นกัน ยังมีอีกผู้หนึ่งนามว่าตี๋ฉู่จิ้ง นางมีบุญคุณต่อบิดาข้าพเจ้า ทั้งหลงรักบิดา ทว่าบิดาเนื่องจากโศกเศร้ากับการจากไปของมารดา ทำให้นางต้องเสียใจหลายครา มองข้ามน้ำใจของนาง รอจนเมื่อบิดารู้สึกตัว นางก็เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ไปแล้ว นางเป็นรักเดียวของบิดาที่ยังหลงเหลืออยู่ บางที...บิดาอาจเนื่องจากต้องรำลึกถึงสตรีทั้งสามคน จึงนำชื่อของพวกนางซึ่งมีคำว่า ชิง ประกอบอยู่ในตัวอักษรทั้งสามคน มาตั้งเป็นชื่อข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงมีนามว่าเหวยชิงชิงชิง
เหลียงเยิ่นฮวาฟังแล้วรู้สึกน่าสนใจยิ่ง เมื่อเป็นเช่นนี้ บุรุษผู้นี้ไหนเลยมิใช่คนมากน้ำใจเล่า นางพลันคาดคิด เช่นนั้น เหวยชิงชิงชิงเล่า เขาจะทำเช่นใดต่อน้ำใจของตนเองเล่า
แน่นอนนางเพียงแค่คาดคิดเช่นนี้ ทว่ามิได้เอ่ยถามออกไป
จากคุณ :
Mr. คัปปะ
- [
15 ต.ค. 47 10:39:44
A:61.90.42.170 X:
]