ความคิดเห็นที่ 1 มีส่วนครับ... เพราะภาษานี่จะเก่งได้ คือการฝึกฝน ไม่มีทางลัด แต่ไม่ทั้งหมด คือถ้า "ขึ้นอยู่กับ" จริงๆ แปลว่ายิ่งพ่อแม่รวย ลูกยิ่งเก่ง ซึ่งไม่ใช่อย่างนั้นแน่ๆ คือถ้า จะเก่ง ต้องมีเงินระดับหนึ่ง แต่ไม่ต้องมาก เอาแค่คนชั้นกลางธรรมดา ก็เก่งได้ ยกตัวอย่างน้องสาวคนเล็กผม ซึ่งโตมาในช่วงที่บ้านกำลังบ้าเห่อระบบโฮมเธียเตอร์ เราดูหนังกันตะบัน ดูเป็นซาวน์แทรก อาทิตย์ละ 3-5 เรื่อง ทุกคืน น้องผมอยู่ประถม ก็ต้องดูไปด้วย อ่านซับไตเติ้ลไม่คล่อง ก็ไม่มีใครสอนใครเล่า ในที่สุดก็ต้องพยายามฟังให้รู้เรื่องเอง ในตอนนี้เขาเลยมีทักษะภาษาอังกฤษที่ไม่เลว ถ้าเทียบกับเด็กบ้านรวบที่ส่งไปซัมเมอร์ต่างประเทศได้ทุกฤดูร้อน อันนี้บ้านใครมีดีวีดี หรือดีวีดี ให้ลูกดูแต่หนังหรือการ์ตูนแบบซาวน์แทรก ก็จะเห็นผลเหมือนกันครับ แต่ถึงมีเงินมาก แต่ถ้าไม่ขวนขวาย ก็แปะเอี๊ย ส่งไปเรียนพิเศษอย่างเดียวไม่ผึกผน อาจจะช่วยทำข้อสอบเอนท์ได้ แต่ช่วยเรื่องการใช้ภาษาไม่ได้แน่นอน แต่ถ้าไม่มีเงินเสียเลย ก็ขาดช่องทางและทรัพยากรในการฝึกฝน นั่นแหละครับ จากคุณ : Players - [ 21 ก.พ. 48 16:11:12 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เอ้อ... แล้วก็บ้านมียูบีซี แต่เอาแต่ดูรายการเพลงปัญญาอ่อน MTV Thailand ช่วงแพะ หรือไปแคมป์ "พูดภาษาไทย" ที่เมืองนอก ภาษาก็ไม่ได้ดีขึ้นหรอกครับ จากคุณ : Players - [ 21 ก.พ. 48 16:13:49 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ลูกคนมีกะตังส์เรียนโรงเรียนคริสต์มาตั้งแต่เด็กบางทียังไม่กระดิกเลยภาษาอังกฤษ กับคนที่เค้าต้องใช้ภาษาติดต่อฝรั่งแต่ไม่ทีกะตังส์ยังเก่งกว่าก็มี กะตังส์เป็นส่วนหนึ่งเท่านั้น คนมีกะตังส์มีโอกาสมากกว่าจริงแต่ไม่รู้จักใช้โอกาสนั้นก็มีมาก ส่วนคนที่จะเก่งภาษาจริงๆคือคนที่สนใจและตั้งใจจริงถึงแม้จะไม่มีกะตังส์แต่ก็ประสบความสำเร็จก็หลายคน คนที่รู้ค่าของการรู้ภาษานั้นๆเท่านั้นถึงจะเป็นผู้มีความสามารถทางด้านภาษาที่แท้จริง จากคุณ : กาฟิว (NONG-SWI) - [ 21 ก.พ. 48 16:34:27 ]

ความคิดเห็นที่ 4 การที่พ่อแม่ขาดแคลนนั้นอาจเป็นข้อจำกัดประการหนึ่งของการพัฒนาความสามารถด้านภาษาอังกฤษให้กับลูก แต่...ความสามารถด้านภาษาอังกฤษของลูกไม่ได้ขึ้นอยู่กับฐานะทางการเงินของพ่อแม่ ครับ ถึงแม้จะมี UBC ดูที่บ้าน ได้ไป summer course ต่างประเทศทุกปี ได้ไปเรียนภาษาอังกฤษแพง ๆ กับอาจารย์ฝรั่ง ฯลฯ ก็ไม่แน่ว่าเด็กจะมีความสามารถทางภาษาอังกฤษดีขึ้นมาได้มากมาย และผมก็รู้จักหลายต่อหลายคนที่มีพร้อมทุกอย่างดังนี้ แต่ภาษาของเขาไม่ได้ดีกว่าคนทั่วไปเลย ถึงแม้พ่อแม่ร่ำรวย ส่งเสริมลูกได้ทุกอย่าง ลูกอาจไม่กระดิกเรื่องภาษาอังกฤษเลยก็ได้ ผมว่าอยู่ที่ 2 ปัจจัยหลัก ๆ ก็คือ 1. เด็กได้รับแนวทางที่เหมาะสมในการเรียนภาษา รวมทั้งได้รับปัจจัยสนับสนุนให้เกิดความคุ้นเคยกับภาษาบ้างหรือไม่ 2. เด็กเองมีเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ และใฝ่ที่จะหาความรู้เพิ่มเติมด้วยตนเองหรือไม่ ยอมรับว่าต้องใช้เงินแน่นอนครับ แต่ไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากมายเสมอไป การมีโอกาสไป summer course ต่างประเทศผมไม่คิดว่าจะทำให้คนรวยได้เปรียบคนจนโดยเฉลี่ยเท่าไหร่ครับ อย่างน้อย ๆ ผมคนนึงที่บ้านไม่รวย ไม่เคยไป summer course หรือไปเรียนต่างประเทศเลย แต่ภาษาอังกฤษก็ยังอยู่ในขั้นเอาตัวรอดได้ ผมเชื่อว่าผู้ที่ประสบความสำเร็จกับการพัฒนาภาษาอังกฤษไม่ว่าจะในระดับใด ล้วนได้จากปัจจัยข้อ 2. ที่ว่านั่นเป็นสำคัญครับ เห็นด้วยว่าการมีฐานะดีมีโอกาสได้ไปต่างประเทศนั้นเป็นสิ่งที่ช่วยด้านภาษาได้ แต่ก็ไม่ควรนำมาเป็นข้ออ้างว่าเพราะเราจน ไม่มีโอกาสอย่างคนรวยจึงไม่มีวันเก่งอังกฤษได้ มันอยู่ที่เราจะขวนขวายเองมากน้อยแค่ไหนครับ ยากดีมีจนก็เก่งได้ถ้าไม่ย่อท้อ จากคุณ : ภูมิ - [ 21 ก.พ. 48 16:52:43 A:161.200.255.161 X: TicketID:035419 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เงินไม่ใช่ปัจจัยเลย จากคุณ : InDePendent gr. - [ 21 ก.พ. 48 17:40:36 ]

ความคิดเห็นที่ 6 As an economist, I think that it can only be concluded with proper regression analysis. However, I think that it will be extremely hard to find data (main variables like test score and parents' income .. not to say other controlling variables). Anyway, I think there is quite a big experiment did in the US, to see the impact of class size on performance of students -- and they collect lot of data. You might be able to use that data to test your hypothesis. จากคุณ : .. - [ 21 ก.พ. 48 21:22:05 A:81.86.81.64 X: TicketID:083442 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เงินเป็นปัจจัยหนึ่ง แต่ความพยายามเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด ตอนอยู่มัธยมปลาย ดิฉันที่บ้านไม่มีเงินส่งไปเรียนภาษาอังกฤษที่ตปท. ไม่มีUBC ไม่เคยเข้าคอร์สเรียนภาษาอังกฤษ ซื้อหนังสือมาอ่านเอง พยายามแกะเนื้อเพลงภาษาอังกฤษ พยามคุยกับเพื่อนต่างชาติ สิ่งเหล่านี้ทำให้ดิฉันพูด ฟัง อ่าน เขียนภาษาอังกฤษได้ดี ทุกอย่างมันอยู่ที่ตัวเราเองมากกว่านะคะ ว่ามีความพยายามมากแค่ไหน การไม่มีเงินมันอาจจะยากขึ้นมานิดหนึ่ง แต่สุดท้ายแล้วตัวเราเองและความมุ่งมั่นนี่ล่ะค่ะสำคัญที่สุด จากคุณ : dA - [ 22 ก.พ. 48 15:59:47 A:61.90.122.216 X: TicketID:086018 ]

ความคิดเห็นที่ 8 2 ไม่เห็นด้วย เราว่า ขึ้นกับบรรยากาศของที่บ้านมากกว่าน่ะค่ะ ที่บ้านเรามีบรรยากาศของการเรียนน่ะค่ะ เราไม่ค่อยถามไรครูนะคะ เพราะบางที ครูก็ตอบได้บั่งไม่ได้บั่ง เรามาถามที่บ้านเอาน่ะค่ะ ท่านๆเป็นอาจารย์มหาลัยกันน่ะค่ะ อย่างเรื่องการหมุนรอบตัวเองของโลก+จันทร์ เรายังกลับมาถามที่บ้านเลย ครูพูดแล้วงงๆ เรื่องภาษา ที่บ้านเราปลูกฝังมาแต่ A-Z เลย จึงพูดชัดมาแต่เด็ก..เรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวกับเงินน่ะค่ะ จากคุณ : ....... - [ วันมาฆบูชา 11:52:16 A:203.156.52.76 X: TicketID:000836 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ดูลูกๆของท่านนายกฯเป็นตัวอย่างสิครับ เงินเป็นหลายหมื่นล้าน จากคุณ : lonelydog - [ 24 ก.พ. 48 00:30:36 A:202.174.148.54 X: TicketID:040455 ]

ความคิดเห็นที่ 10 คิดว่าอยู่ที่ความสนใจของเรามากกว่าค่ะ ดิฉันเริ่มเรียนภาษาอังกฤษตอน ป 5 โรงเรียนรัฐบาล สนใจ ใฝ่หาความรู้เราก็จะเก่งเองค่ะ จากคุณ : นาเดีย - [ 24 ก.พ. 48 00:45:41 A:213.67.75.150 X: TicketID:088901 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ก็มีส่วน แต่สำคัญสุด น่าจะอยู่ที่ครูที่สอนมากกว่า ครู มีส่วนสำคัญสุด จากคุณ : ครูห่วย ๆ ก็มี - [ 24 ก.พ. 48 12:26:42 A:203.113.33.7 X:203.150.217.115 TicketID:074336 ]

ความคิดเห็นที่ 12 พยายามใช้ตรรกะในการตอบ เพื่อไม่ให้สับสนประเด็น คน 2 คน เรียนภาษาอังกฤษพร้อมๆกัน มีพรสวรรค์ พรแสวง มีอาจารย์ดีๆ มีกลยุทธ์ในการเรียนการสอนที่ดีๆ เท่าๆกันหมด แต่ 2 คนมีเงินไม่เท่ากัน คนที่มีเงินมากกว่าก็ต้องได้เปรียบกว่าเป็นของธรรมดา การชักแม่น้ำทั้งห้า เรื่องกรณีเฉพาะเจาะจงว่า คนรวยคนนั้นไม่เก่งอังกฤษ แต่คนจนคนนี้เก่งอังกฤษ หรือคนรวยคนนั้นเก่งอังกฤษ แต่คนจนคนนีร้ไม่เก่งอังกฤษ เป็นการโต้วาทีที่ใช้ fallacy (ทุกตรรกบท) ดังนั้น จึงอยากให้พวกท่านอย่าสับสนประเด็น จากคุณ : tansy - [ 28 ก.พ. 48 12:29:39 A:61.90.113.205 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 13 แต่คนจนคนนีร้ไม่เก่งอังกฤษ แก้เป็น แต่คนจนคนนี้ไม่เก่งอังกฤษ จากคุณ : tansy - [ 28 ก.พ. 48 12:30:42 A:61.90.113.205 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 14 fallacy (ทุกตรรกบท) แก้เป็น fallacy (ทุตรรกบท) จากคุณ : tansy - [ 28 ก.พ. 48 12:34:11 A:61.90.113.205 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 15 What if we endogenous same variables? being too rich ==> too lazy ==> worsen english skill! จากคุณ : .. - [ 5 มี.ค. 48 00:19:49 A:81.86.87.71 X: TicketID:083442 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ดิฉันไม่เห็นด้วยค่ะ เพราะพวกเราสามารถเรียน Eng เองได้ โดยไม่จำเป็นพึ่งเงินทุนมากมาย ที่เสียไปกับสถาบันสอนพิเศษ เพราะในชีวิตประจำวันเราก็พบเห็นการใช้ Eng ตามหนังสือและสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ ตัวอย่างเช่น...การอ่าน Bangkok Post หรือ The Nation  ซึ่งเป็น นสพ.Eng โดยคนไทย ทุกคนสามารถเรียนรู้ศัพท์และเทคนิคการอ่านได้จากนสพ.เหล่านี้ เพียงคุณมี dic สักเล่ม [ไม่จำเป็นต้องเป็น Talking dict] เปิดค้นหาศัพท์ที่ไม่รู้ความหมาย คุณก็จะทราบความหมายของมัน และการอ่านออกเสียงของศัพท์นั้นค่ะ ตัวอย่างนี้ลงทุนเพียงแค่ค่า นสพ.กับ dict ราคาประมาณร้อยกว่าๆ ก็ช่วยให้คุณรู้ศัพท์ ENG มากขึ้น + ติดตามข่าวสารเรื่องราวผ่าน นสพ.ด้วยค่ะ ที่ รร.ดิฉัน ใช้นสพ.BKK Post ในการเรียนแต่ละอาทิตย์ โดยฝึกหาใจความสำคัญ และฝึกตั้งคำถามเพื่อเข้าใจข่าวค่ะ ไม่จำเป็นเลยที่ต้องเสียเงินมากมายไปกับการเรียน ENG  หรอกค่ะ ตอนนี้ร้านหนังสือก็ทำหนังสือ ENG  จำหน่ายมากมาย เพียงแค่เสียเงินอ่านหนังสือ ENG สักเล่มพอ ก็ถือว่าเป็นการฝึก ENG อย่างง่ายๆค่ะ จากคุณ : $e|ect๐|2 :: s-a-r-o (sarochin_narak) - [ 26 มี.ค. 48 21:34:43 ]