ความคิดเห็นที่ 1 สำนวนแปลใหม่ทำให้เสียอารมณ์ไปเยอะ มีคนบอกภาษาของอ.สายสุวรรณเก่า แต่ผมว่ามันได้ความรู้สึกมากกว่า แม้บางคำจะยากเพราะไม่คุ้นหู แต่มันทำให้งานเรียกว่าวรรณกรรมมากขึ้น อ่านแล้วหงุดหงิด อ่านฉบับเดิมดีกว่ามั้ยเนี่ย จากคุณ : firstini chemistani - [ 12 เม.ย. 48 10:13:23 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ก๊ากกกก ข้อพึงสังวรณ์อีกข้อของนักแปลรุ่นใหม่ พึงศึกษาฉบับเดิมๆที่ติดหูติดหานักอ่านอย่างที่เรียกกันว่า ฉบับครู แฟนพันธุ์แท้ของ อ.สายสุวรรณ อีกคน มาลงชื่อรับทราบครับ นอกจากสรรพนามและคำเรียกขานที่ไม่เหมือนกับฉบับครูแล้ว เขาแปลใช้ได้ไหมครับ? จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 12 เม.ย. 48 10:58:14 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ใช่ครับ สำนวนของ อ.สายสุวรรณ เก่า แต่ทำให้เห็นภาพเชอร์ล็อค โอล์มส์ และภาพสมัยวิคตอเรียในฉากหลังของเรื่องนี้ได้ชัดเจน อยากอ่านสำนวนเก่าต่อไปแหละครับ แต่เรื่องชุดใหม่นี่ เพิ่งมีคนแปลคนเดียว และสมัยนี้ ด้วยเรื่องลิขสิทธิ์ ก็คงไม่มีคนอื่นแปลซ้ำ ได้แต่ทนแหละครับ จากคุณ : polmee - [ 12 เม.ย. 48 10:59:30 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ที่คุณแอ๊ด ปากเกร็ด ถามว่า เขาแปลใช้ได้ไหม ต้องขออภัยครับ ตอบลำบากจริงๆ เพราะตอนอ่าน มัวแต่รำคาญกับสำนวน เลยหมดการรับทราบอรรถรส และเพิ่งอ่านได้เรื่องเดียว จาก 11 เรื่อ ง ก็หมดอารมณ์อ่านต่อ จากคุณ : polmee - [ 12 เม.ย. 48 11:06:25 ]

ความคิดเห็นที่ 5 นึกว่าคิดแบบนี้คนเดียวซะอีก ^^" ช่วงแรกๆแปลไม่ค่อยดีค่ะ บางจุดเหมือนแปลตรงๆจากภาษาอังกฤษเลย แต่ช่วงหลังๆก็รู้สึกว่าดีขึ้นนะคะ แต่การจัดเล่มไม่ค่อยดีเลย ดูเนื้อหาช่วงหลังๆที่เป็นคำอธิบายศัพท์เฉพาะจากในเรื่องกับจดหมายของดอยล์มาปนกันอยู่ในบทเดียวกันได้อย่างไร จากคุณ : inook - [ 12 เม.ย. 48 12:29:16 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อ.สายสุวรรณ แปลชื่อตอน Sign of four ว่า จัตวาลักษณ์ ในขณะที่นักแปลคนต่อมา แปลออกมาว่า รหัสแห่งสี่ เห็นแค่นี้ก็หมดอารมณ์ละเมียดแล้วครับ กลับไปอ่านสำนวนเดิมมันกว่ากันเยอะเลย จากคุณ : Ped-Degree - [ 12 เม.ย. 48 13:04:55 ]

ความคิดเห็นที่ 7 พูดถึง Sign of Four ในเล่มล่าสุดนี้ ตรงภาคผนวก งงกว่าอีกครับ เพราะพี่แกแปลว่า สัญลักษณ์กางเขน นึกถึงจัตวาลักษณ์จริงๆ เลย จากคุณ : polmee - [ 12 เม.ย. 48 13:12:14 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ แต่เห็นว่าครับว่างานระดับคลาสิคแบบนี้ ผู้แปล "ต้อง" เป็นแฟนพันธุ์แท้ และ "ต้อง" ศึกษางานแปลเก่าๆ มาอย่างดี หนังสือแปลจะสนุกไม่ใช่แค่แปลอังกฤษเป็นไทย แต่ต้องแปลเป็น "ไทยๆ" ครับ จากคุณ : SakSakSak - [ 12 เม.ย. 48 15:11:39 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ใช่...ใช่ ไม่สนุกเลย อ่านแล้วไม่ทำให้รู้สึกย้อนกลับไปในยุควิคตอเรียนแม้แต่น้อย จากคุณ : ชกท้องน้อย - [ 12 เม.ย. 48 16:44:23 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อ่านผ่านๆเจอที่คนกล่าวขวัญกันถึงเรื่องคำแปลของ อ.สายสุวรรณ และเจอกระทู้นี้เข้า ก็เลยสนใจ เมื่อวานอยู่ในร้านหนังสือก็เลยซื้อจัตวาลักษณ์ ของท่าน อ.สายสุวรรณ มาอ่านดู เพื่อศึกษาลีลาของนักแปลรุ่นครู เนื่องจากตัวเองยังบกพร่องในการแปลเพราะถึงจะตีความต้นฉบับภาษาอังกฤษแม่นยำ แต่ก็เขียนภาษาไทยไม่ค่อยจะเก่งมากนัก ....... พออ่านคำแปลของ อ.สายสุวรรณ ผ่านๆไป พบว่า seamless มากๆ นั่นก็คือ ผสมผสานกลมกลืนกันคล้องจองกันเป็นเยี่ยมยอด..... ไม่เหมือนคำแปลของนักแปลที่มีอยู่ในท้องตลาดโดยทั่วไป ...........คำแปลของนักแปลที่มีอยู่ในท้องตลาดโดยทั่วไป ถ้าอ่านผ่านไป ตรงที่ “แปลผิด” จะ stand out คือ สะดุดตา ........แต่คำแปลของ อ.สายสุวรรณ ไม่มีอะไรทำให้สะดุดตาได้เลย ดังนั้น “ผู้อ่านจะไม่มีทางรู้เป็นอันขาดว่าผู้แปล เข้าใจหรือไม่เข้าใจต้นฉบับ...............” ถัดจากนั้นเราก็ไปอ่านต้นฉบับภาษาอังกฤษ The Sign of The Four บนเว็บ เพื่อเรียนรู้ลีลาการแปลของ อ.สายสุวรรณ พบว่า ต้นฉบับภาษาอังกฤษ อ่านเข้าใจยากมากๆ ผู้ประพันธ์ คือท่าน Sir Arthur Conan Doyle ใช้ศัพท์ในความหมายที่ ชาวบ้านชาวบ้านธรรมดาๆ ไม่ค่อยใช้กัน ซึ่งเป็น “ลีลาการเขียนของฝรั่งที่มีการศึกษาสูง” ทำให้ฝรั่งด้วยกันก็อ่านเข้าใจยาก ยิ่งคนไทยแล้วยิ่งอ่านเข้าใจยากยิ่งขึ้น.........ดังนั้น การแปลผิดย่อมเกิดขึ้นเป็นอย่างแน่นอน............... คุณสมบัติที่เหนือชั้นกว่านักแปลท่านอื่น ซึ่ง อ.สายสุวรรณมี ก็คือ ถ้าท่านไม่แน่ใจว่าต้นฉบับแปลว่าอะไรกันแน่ ท่านจะเขียนภาษาไทยมาดีสุดยอด แบบคนอ่านเพลิดเพลินได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นการแปลที่คลาดเคลือน คลาดเคลื่อนแบบเฉียดๆ...แต่บางทีก็คลาดเคลื่อนไกล....จนถึงกับเป็นการแปลผิดอย่างจังเลยก็มี ดังจะยกตัวอย่าง .........(เฉพาะหน้าแรกของต้นฉบับ แต่2-3 หน้าของคำแปล ให้ดู) จากคุณ : tansy - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 10:43:43 A:61.90.113.52 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 11 นี่เป็นการวิเคราะห์การแปลจัตวาลักษณ์หน้าหนึ่ง (ของต้นฉบับภาษาอังกฤษ แต่หน้า 1-3 ของภาษาไทย) ของท่าน อ.สายสุวรรณ์ His great powers, his masterly manner, and the experience which I had had of his many extraordinary qualities, all made me diffident and backward in crossing him. สติปัญญาอันยิ่งใหญ่ของเขาก็ดี ประกอบกับความที่ข้าพเจ้าได้ตระหนักในคุณวิเศษหลายประการของเขาก็ดี ล้วนเป็นเครื่องเหนึ่ยวรั้งข้าพเจ้าให้ลดถอยในการที่จะข้องแวะกับเขาเสียสิ้น ความเห็น แปลตก his masterly manner ลักษณะท่าทางอันช่ำชอง แปลตก diffident ขาดความมั่นใจ แปลคลาดเคลื่อน in crossing him ในการที่จะยั่วโทษะเขา .........ถ้าจะวิเคราะห์แนวคิดของ อ. สายสุวรรณ ท่านคงคิดถึงคำว่า cross ในทำนองว่า “ตัดข้าม” แต่คงไม่แน่ใจว่าแปลว่าอะไร ก็เลย ใช้ไอคิวเกิน 200 เลือกคำว่า “ข้องแวะ” ซึ่งทำให้ฟังดูรื่นหู........... แต่ในบริบท วัตสันเห็นโฮลมส์ ฉีดโคเคน และพยายามจะเตือนแต่ก็ไม่กล้า เพราะกลัวทำให้โฮลม์ ”โกรธ” คัดตัวอย่างความหมายคำว่า cross มาจากดิก Longman cross MAKE SOMEBODY ANGRY [transitive] to make someone angry by opposing their plans or orders He hated anyone who crossed him. จากคุณ : tansy - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 10:45:50 A:61.90.113.52 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 12 นี่เป็นการวิเคราะห์การแปลจัตวาลักษณ์หน้าหนึ่ง (ของต้นฉบับภาษาอังกฤษ แต่หน้า 1-3 ของภาษาไทย) ของท่าน อ.สายสุวรรณ์ (วิเคราะห์ต่อ) :-) upon that afternoon, whether it was the Beaune which I had taken with my lunch, or the additional exasperation produced by the extreme deliberation of his manner, I suddenly felt that I could hold out no longer. แต่ในบ่ายวันนั้น จะเป็นเพราะหล้าโบนที่ข้าพเจ้าได้เสพเมื่อกินกลางวัน หรือเป็นเพราะความหมั่นใส้ที่เกิดจากความเป็นเอามากในกิริยาอาการของเขาก็ไม่ทราบ ข้าพเจ้ากลับรู้สึกขึ้นฉับพลันว่าทนนิ่งเฉยอยู่ต่อไปไม่ไหวแล้ว ความเห็น addition exasperation ที่จริง แปลว่า “ความโมโหที่เห็นอะไรกวนๆประสาทเรื่อยๆ”.....ไม่ควรแปลว่า “หมั่นใส้” เพราะคลาดเคลื่อนมากเกินไป deliberation ใช้แบบผู้ดีฝรั่งใช้ ตีความยากมากๆ หมายถึง “การกระทำที่เชื่องช้าสุขุม” “การกระทำที่ตั้งใจตริตรอง” ก็ได้ แต่มีอีกความหมายหนึ่ง ลึกลับมากๆ ที่คนทั่วๆไปไม่ค่อยรู้ นั่นก็คือ “Leisureliness in motion or manner ลักษณะท่าท่าที่สนุกเพลิดเพลินเสียเหลือเกิน” (ในบริบทหมายถึง การที่โฮลมส์ ฉีดโคเคนเข้าไปแล้วทำท่าทางสบายใจสุดๆ) ดังนั้น คำแปลที่ท่าน อ. สายสุวรรณ แปลมา คือ “ความเป็นเอามากในกิริยาอาการของเขา” ต้องถือว่า”เป็นการแปลผิดอย่างจัง” จากคุณ : tansy - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 10:47:50 A:61.90.113.52 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 13 อ้าวบ้าที่สุดเลย ใน คคห12 คำที่โดนเซ็นเซ่อร์ไปก็คือคำว่า แล้วกลายเป็น :-) เราเขียนไว้ว่า "วายอีที" จากคุณ : tansy - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 10:51:05 A:61.90.113.52 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 14 addition exasperation แก้เป็น additional exasperation ส่วนความหมายที่เราให้ไว้ใน คคห12 ที่ว่า “ความโมโหที่เห็นอะไรกวนๆประสาทเรื่อยๆ”..... นั้น ให้ไว้แค่คำแปลคำว่า exasperation เฉยๆ ยังไม่ได้แปลคำว่า additional ด้วยซ้ำไป จากคุณ : tansy - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 10:53:28 A:61.90.113.52 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 15 นี่เป็นการวิเคราะห์การแปลจัตวาลักษณ์หน้าหนึ่ง (ของต้นฉบับภาษาอังกฤษ แต่หน้า 1-3 ของภาษาไทย) ของท่าน อ.สายสุวรรณ์ (วิเคราะห์ต่อ) I find it, however, so transcendently stimulating and clarifying to the mind that its secondary action is a matter of small moment. กันเข้าใจว่าอิทธิพลของมันเกี่ยวกับทางกายนั้นไม่ดีเลย แต่ถึงกระนั้นกันก็ได้ประจักษ์ว่า มันทำให้ใจสว่างและคึกคักอย่างเหลือหลายจนความบันดาลของมันในชั้นรองเป็นเหตุเล็กน้อยเท่านั้น ความเห็น ประโยคนี้โฮลมส์พูดถึงฤทธิ์ของโคเคน ....... secondary action ที่จริงแล้วหมายถึงฤทธิ์ยา (ในบริบทหมายถึงฤทธิ์โคเคน) ที่ตามมาภายหลัง หรือฤทธิ์ขั้นตาม(ทุติยภูมิ) คำแปลที่ท่าน อ. สายสุวรรณแปลมาว่า “ความบัลดาลของมันในชั้นรอง” ต้องถือว่าคลาดเคลื่อน a matter of small moment จริงๆแล้วแปลว่า “ใช้เวลาเพียงเล็กน้อย” .........คำแปลที่แปลมาว่า “เป็นเหตุเล็กน้อยเท่านั้น” ต้องถือว่า “เป็นการแปลผิดอย่างจัง” จากคุณ : tansy - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 10:56:05 A:61.90.113.52 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 16 นี่เป็นการวิเคราะห์การแปลจัตวาลักษณ์หน้าหนึ่ง (ของต้นฉบับภาษาอังกฤษ แต่หน้า 1-3 ของภาษาไทย) ของท่าน อ.สายสุวรรณ์ (วิเคราะห์ต่อ) I can dispense then with artificial stimulants. แล้วกันก็จะได้ผ่อนสิ่งประดิษฐ์ย้อมใจลงได้ จริงๆแล้ว dispense with (ต้องแปลสองตัวรวมกัน) แปลว่า do without หรือ get rid of คือ “เลิกใช้” หรือ “ไม่ใช้ก็ได้” ..............แต่ผู้แปล แปลมาว่า “ผ่อน....ลง” ซึ่งแสดงให้เห็นว่าท่าน อ.สายสุวรรณ “ยังอ่านต้นฉบับไม่เข้าใจดีพอ” artificial stimulants สารกระตุ้นประดิษฐ์ หรือสารกระตุ้นที่ไม่เป็นธรรมชาติ แปลมาว่า “สิ่งประดิษฐ์ย้อมใจ” ถือว่าคลาดเคลื่อน แต่ก็ยังไม่ serious มากเท่ากับผิดตรง dispense with จากคุณ : tansy - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 10:58:03 A:61.90.113.52 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 17 อธิบายเพิ่มเติม ประโยค I can dispense then with artificial stimulants. มันตามมาหลังจากที่โฮลม์พูดในทำนองว่า ถ้ามีคดีให้สืบซึ่งเป็นเรื่องท้าทายลับสมอง เขาก็จะ "เลิกใช้สารกระตุ้นที่ไม่เป็นธรรมชาติได้" นั่นเอง จากคุณ : tansy - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 11:00:57 A:61.90.113.52 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 18 สรุป ในการติชมหรือวิจารณ์ผลงานแปล ผู้แสดงความคิดเห็นควร อ่านต้นฉบับภาษาอังกฤษเทียบกับคำแปล และผู้ที่แสดงความคิดเห็นควรเข้าใจทั้งสองภาษาเป็นอย่างดีด้วย ......... อันที่จริงแล้ว เนื่องจากต้นฉบับภาษาอังกฤษเรื่อง เชอร์ล็อก โฮลมส์ มันยากมากๆ ........ตามที่บอกแล้วว่า พวกฝรั่งที่มีการศึกษาสูงๆ มักจะใช้ลีลาการเขียนที่ใช้ศัพท์ในความหมายที่ชาวบ้านๆธรรมดาๆไม่ค่อยจะใช้กัน ดังนั้น ขนาดฝรั่งก็ยังอ่านยากอยู่แล้ว ยิ่งถ้าเป็นคนไทยที่ไม่ได้เกิดในอังกฤษ จะยิ่งอ่านเข้าใจมากยิ่งขึ้น...............แต่ถึงงานแปลของท่าน อ. สายสุวรรณ จะมีข้อผิดพลาดบ้างก็ตาม แต่ก็ต้องนับได้ว่า ท่านทำงานชิ้น เชอร์ล็อก โฮลมส์ นี้ได้ดีมากๆ ทั้งนี้ โดยคำนึงถึงว่า สมัยท่าน อ.สายสุวรรณ ท่านไม่มีดิกชั่นนารีมากเท่าข้าพเจ้า และไม่มี Internet เอาไว้ช่วยค้นข้อมูลเหมือนที่ข้าพเจ้ามี คำแปลของท่าน อ.สายสุวรรณ ก็ยังต้องถือว่าเป็นผลงานขั้นบรมครูอยู่ดีนั่นแหละ และสิ่งที่ข้าพเจ้าได้เรียนรู้จากท่านก็คือว่า “ถ้านักแปลอ่านต้นฉบับภาษาไทยไม่เข้าใจ ก็ต้องมีท่าเพลงอันล้ำลึก ในการเขียนคำแปลภาษาไทยให้ “ดีสุดยอด จนผู้อ่านเคลิบเคลิ้มได้ โดยไม่สงสัยเลยว่า แปลตก แปลเกิน หรือแปลผิด แต่อย่างใด” ........นี่คือบทเรียนอันยิ่งใหญ่ที่ข้าพเจ้าได้เรียนรู้จากนักแปลรุ่นครู แบบท่าน อ.สายสุวรรณ จากคุณ : tansy - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 11:08:23 A:61.90.113.52 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ยิ่งถ้าเป็นคนไทยที่ไม่ได้เกิดในอังกฤษ จะยิ่งอ่านเข้าใจมากยิ่งขึ้น............... แก้เป็น ยิ่งถ้าเป็นคนไทยที่ไม่ได้เกิดในอังกฤษ จะยิ่งอ่านเข้าใจยากยิ่งขึ้น............... และนั่นแหละก็คือเหตุผลที่ฝรั่งเขาทำ simplified version มาให้พวกคนที่ไม่ใช่เจ้าของภาษาอังกฤษ อ่านกันยังไงล่ะ จากคุณ : tansy - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 11:10:10 A:61.90.113.52 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ในคคห 12 หล้าโบน แก้เป็น เหล้าโบน จากคุณ : tansy - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 11:36:27 A:61.90.113.52 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ความจริงแล้ว คำว่า in crossing him อ.สายสุวรรณ แปลแบบ บรมครู คือ "ไม่อยากเสี่ยง" เพราะว่า cross ยังมีความหมายได้อีกหลายอย่างเช่น นี่เป็นความหมายโบราณเมื่อประมาณปี 1913 cross: To run counter to; to thwart; to obstruct; to hinder; to clash or interfere with. ถ้าจะคิดว่า อ.สายสุวรรณ เลือกความหมาย "interfere with" แล้วแปลเป็นไทยว่า "ข้องแวะ" ก็ไม่น่าที่จะคลาดเคลื่อนมากนัก ........... .แต่ดูๆในบริบทแล้ว ดูเหมือนจะเป็นความหมายว่า thwart คือทำให้โกรธเนื่องจากไปขัดขวางการกระทำของเขา...........ซึ่งถ้าพิจารณาดูดีๆ แล้ว คำแปล crossing เป็นข้องแวะ ก็น่าที่จะเป็นไปได้ และ "เสี่ยงน้อยหน่อย"...........นี่คือลักษณะความสามารถของนักแปลรุ่นครูแบบ อ.สายสุวรรณ คือการ แปลแบบเลี่ยงๆไม่เสี่ยงนั่นเอง จากคุณ : tansy - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 12:38:00 A:61.90.113.52 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 22 แต่ในขณะเดียวกัน ในบริบท in crossing him ก็ยังมีความหมาย clashing คือปะทะ(คารม) หรือชวนทะเลาะก้น เหมือนกับที่ดิกฝรั่งให้ไว้ ว่า cross: to clash นั่นเอง จากคุณ : tansy - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 12:43:46 A:61.90.113.52 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 23 อันนี้เป็นประโยคที่ท่าน อ.สายสุวรรณแปลไว้ได้ยอดเยี่ยม Again and again I had registered a vow that I should deliver my soul upon the subject, but .......... ข้าพเจ้าตั้งปณิธานอยู่แล้วๆเล่าๆ ที่จะเปิดอกพูดเรื่องนี้เสียที แต่ ........ แปลได้ยอดเยี่ยมเพราะอะไร......? คำว่า deliver ในบริททนี้ หลายๆคนอาจหลงผิดคิดว่าเป็น "ส่งมอบ" หรือ "ปลดปล่อย" แต่ไม่รู้ว่า แท้จริงแล้วมันเป็นภาษาโบราณ และมันแปลว่า "speak" หรือ "พูด" ส่วนคำว่า "soul" ในบริบทไม่ได้แปลว่า "วิญญาณ" หากแต่แปลว่า "ความรู้สึกนึกคิดที่แท้จริง" ดังนั้น ประโยคนี้ ท่าน อ.สายสุวรรณโชว์ฟอร์มเจ๋งมาเลย จากคุณ : tansy - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 12:51:45 A:61.90.113.52 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 24 คำอธิบายเพิ่มเติมใน คคห23 Again and again I had registered a vow that I should deliver my soul upon the subject, but .......... บางคนอาจจะยังคงคิดว่า เป็นการปลดปล่อยวิญญาณเหมือนที่เจอในพระคัมภีร์ .......แต่มันไม่น่าใช่ เนื่องจาก ถ้าปลดปล่อย วิญญาณ จะใช้กับ preposition 'from' แต่นี่ใช้ my soul upon this subject ก็คือความในใจ (ที่วัตสันจะพูด) ถึง (upon) เรื่องนี้ ก็คือเรื่องที่โฮลมล์ฉีดโคเคนนั้นเอง จากคุณ : tansy - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 12:54:49 A:61.90.113.52 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 25 อันนี้ก็เป็นอีกประโยคหนึ่งที่ท่าน อ.สายสุวรรณ เลือกคำได้มันสะใจดี When Gregson or Lestrade or Athelney Jones are out of their depths--which, by the way, is their normal state--the matter is laid before me. เมื่อเกรกสัน หรือเลสเตรด หรือเทลนีย์(สงสัยหนังสือพิมพ์ผิด...หรืออาจเป็นชื่อที่ออกเสียงแปลก ไม่แน่ใจ....???) โจนส์หมดท่า --ซึ่งก็มักจะเป็นธรรมดาของเขาเสียด้วย--เขาก็เอาเรื่องมาวางแบให้กัน โฮลมส์พูดถึงว่าเมื่อคนอื่น are out of their depths หมดความสามารถ ............. ท่าน อ.สายสุวรรณ แปลเป็น "หมดท่า" ฟังดูก็มันดี .........แต่ถ้านักแปลรุ่นใหม่เลือกแปลเป็น "ไม่มีน้ำยา" หรือ "ไม่มีความสามารถลึกล้ำพอ" (อันนี้ตรงตามภาษาอังกฤษเลย) ไม่ทราบว่าผู้อ่านจะยอมรับอะไรใหม่ๆได้หรือไม่.............. ที่ว่า out of their depths ไม่มีความสามารถลึกล้ำพอ ตรงกับนิยามดิกฝรั่งเลยไงล่ะ คือ out of your depth: unable to understand or do something because it is outside the range of your knowledge or skills unable to stand because the water is too deep แต่พูดก็พูดไปเถอะนะ ..........กว่าจะมีใครมาแปลให้ดีกว่า ท่าน อ.สายสุวรรณได้น่ะ ก็คงเป็นไปได้ยาก ทั้งนี้ เนื่องจาก 1. ต้นฉบับยาก มีหลุมพรางมากมาย 2. นักแปลหน้าไม่ ถ้าไม่เข้าใจต้นฉบับ ไม่รู้วิธีเขียนภาษาไทยเฉียบๆ เลี่ยงๆ แบบ ไม่เสี่ยง ไม่เสี่ยง แบบ ท่าน อ.สายสุวรรณ ........... นี่เป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าได้เรียนรู้จากนักแปลรุ่นบรมครู แบบท่าน อ. สายสุวรรณ จากคุณ : tansy - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 13:09:14 A:61.90.113.52 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 26 2. นักแปลหน้าไม่ แก้เป็น 2. นักแปลหน้าใหม่ จากคุณ : tansy - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 13:10:44 A:61.90.113.52 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ย้อนกลับมาดูประโยคนี้ I find it, however, so transcendently stimulating and clarifying to the mind that its secondary action is a matter of small moment. คำแปล ท่าน อ.สายสุวรรณ กันเข้าใจว่าอิทธิพลของมันเกี่ยวกับทางกายนั้นไม่ดีเลย แต่ถึงกระนั้นกันก็ได้ประจักษ์ว่า มันทำให้ใจสว่างและคึกคักอย่างเหลือหลายจนความบันดาลของมันในชั้นรองเป็นเหตุเล็กน้อยเท่านั้น คำแปลของเรา แต่(คำแปลของ however)กันก็พบว่า มันกระตุ้นได้แบบหลุดโลกเกินคำบรรยายเลย(ตำแปลของtranscendently stimulating) อีกทั้งยังทำให้จิตใจปลอดโปร่ง (คำแปลของ clarifying to the mind) อีกด้วยนะ จนกระทั่ง (คำแปลของ that) ในการออกฤทธิ์ที่ตามมาภายหลัง ก็ใช้เวลาเพียงแค่ไม่นานนัก (คำแปลของ a matter of small moment) แปะคำแปลของเราให้ดูใหม่ โดยไม่มีคำอธิบายในวงเล็บ แต่กันก็พบว่า มันกระตุ้นได้แบบหลุดโลกเกินคำบรรยายเลย อีกทั้งยังทำให้จิตใจปลอดโปร่งอีกด้วยนะ จนกระทั่งในการออกฤทธิ์ที่ตามมาภายหลัง ก็ใช้เวลาเพียงแค่ไม่นานนัก ...................ก็ยังไม่รู้ว่าผู้อ่านจะยอมรับสำนวน แบบสมัยใหม่หรือไม่ .............. สรุป ก็อย่างที่ว่านั่นแหละ นักแปลรู่นใหม่จะแปลให้ถูกต้องก็ยากอยู่แล้ว และแปลไปแปลมา ผู้อ่านก็ยังยึดติดอยู่กับสำนวนของท่าน อ.สายสุวรรณ อยู่ ดังนั้น นักแปลรุ่นใหม่จึงเดินเส้นทางนี้ยากลำบากมากๆเลยทีเดียว.............!!!!!!! จากคุณ : tansy - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 13:28:29 A:61.90.113.52 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ขอโทษที่ ทั้งใน คคห 15 กับ 27 I find it, however, so transcendently stimulating and clarifying to the mind that its secondary action is a matter of small moment. แปะคำแปลของท่าน อ. เกินมาหนึ่งประโยคข้างหน้า จริงๆแล้วคำแปลของท่าน อ. เริ่มตั้งแต่ "แต่ถึงกระนั้นกันก็ได้ประจักษ์ว่า ............(ที่แปะเกินข้างหน้าเป็นประโยคข้างหน้าที่ไม่ได้แปะภาษาอังกฤษเอาไว้.......... จากคุณ : tansy - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 13:32:50 A:61.90.113.52 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 29 แต่กันก็พบว่า มันกระตุ้นได้แบบหลุดโลกเกินคำบรรยายเลย อีกทั้งยังทำให้จิตใจปลอดโปร่งอีกด้วยนะ จนกระทั่งในการออกฤทธิ์ที่ตามมาภายหลัง ก็ใช้เวลาเพียงแค่ไม่นานนัก ก็ไม่ดี มีคำว่า "อีก" ซ้ำกัน ลองใหม่ แต่กันก็พบว่า มันกระตุ้นได้แบบหลุดโลกเกินคำบรรยายเลยว่ะ แถมยังทำให้จิตใจปลอดโปร่งอีกด้วยนะ จนกระทั่งมันออกฤทธิ์ที่ตามมาได้ภายในเวลาอันสั้น ............ ยิ่งแปลๆไป ชักจะยิ่งเละ แล้ว......ชักกลัวผู้อ่านจะด่าเอาว่า "ภาษาไทยไม่ดี แถมยังผิดไวยากรณ์อีกด้วย"......อย่าไปปลงไปแปลมันเลย ชีวิตจะสงบกว่า ..... แค่ศึกษาต้นฉบับแล้วซึมซับเอาไปหัดเขียนภาษาอังกฤษ เท่านั้นก็พอแล้ว ............. แฮ่ะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : tansy - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 13:41:19 A:61.90.113.52 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณคุณ tansy อืมมม อ.สายสุวรรณ ท่านเก่งครับ แปลผิด แต่เนียนได้ และเพราะด้วย แต่ฉบับของที่เจ้าของกระทู้ว่ามา ยังไม่ได้อ่านเลยครับ ได้มาทั้งไทยและอังกฤษแล้ว อ่านเทียบแล้วจะเล่าให้ฟัง จากคุณ : Yensid - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 14:26:46 ]

ความคิดเห็นที่ 31 อ้าสวัสดีท่าน Yensid แก้คำผิด คคห 18 และสิ่งที่ข้าพเจ้าได้เรียนรู้จากท่านก็คือว่า “ถ้านักแปลอ่านต้นฉบับภาษาไทยไม่เข้าใจ ก็ต้องมีท่าเพลงอันล้ำลึก ในการเขียนคำแปลภาษาไทยให้ “ดีสุดยอด จนผู้อ่านเคลิบเคลิ้มได้ โดยไม่สงสัยเลยว่า แปลตก แปลเกิน หรือแปลผิด แต่อย่างใด” แก้เป็น และสิ่งที่ข้าพเจ้าได้เรียนรู้จากท่านก็คือว่า “ถ้านักแปลอ่านต้นฉบับ "ภาษาอังกฤษ" ไม่เข้าใจ ก็ต้องมีท่าเพลงอันล้ำลึก ในการเขียนคำแปลภาษาไทยให้ “ดีสุดยอด จนผู้อ่านเคลิบเคลิ้มได้ โดยไม่สงสัยเลยว่า แปลตก แปลเกิน หรือแปลผิด แต่อย่างใด”........ จากคุณ : tansy - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 15:08:44 A:61.90.113.52 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 32 IMHO ก่อนอื่นขอออกตัวว่าไม่มีฉบับภาษาไทยอยู่ในมือเลย ฉบับภาษาอังกฤษก็พอหาอ่านได้ในเน๊ต ดังนั้นจึงแสดงความคิดเห็นได้เท่าที่เห็นยกมาในกระทู้นี้ ลองอ่านทบทวนที่เฮียแท่นยกมาแล้ว ไม่ยักกะเห็นว่าคุณอ.จะถึงกับแปลผิดไปทุกจุด คิดว่ามันเป็นเรื่องของน้ำเสียงและสำนวนส่วนหนึ่ง คือภาษาอังกฤษในสมัยของโฮมส์ออกจะ subtle ไม่โจ่งแจ้งแดงแจ๋อย่างสมัยนี้ คุณอ. ท่านก็ได้รักษาความรู้สึกนั้นไว้ได้ดีทีเดียว  เช่น upon that afternoon, whether it was the Beaune which I had taken with my lunch, or the additional exasperation produced by the extreme deliberation of his manner, I suddenly felt that I could hold out no longer. แต่ในบ่ายวันนั้น จะเป็นเพราะหล้าโบนที่ข้าพเจ้าได้เสพเมื่อกินกลางวัน หรือเป็นเพราะความหมั่นใส้ที่เกิดจากความเป็นเอามากในกิริยาอาการของเขาก็ไม่ทราบ ข้าพเจ้ากลับรู้สึกขึ้นฉับพลันว่าทนนิ่งเฉยอยู่ต่อไปไม่ไหวแล้ว คำที่มีปัญหาคือ exasperation  ซึ่งก็เป็นได้ตั้งแต่ความรำคาญ ความเซ็ง จนกระทั่งถึงความหมั่นไส้ก็ได้ ถ้ามีจินตนาการอีกหน่อย พอใส่คำว่าหมั่นไส้แล้วอ่านได้รสดี แม้จะบิดความมาหน่อยๆก็ไม่ถึงกับผิดหรอกน่า อีกอันที่มีปัญหาคือตรงนี้ extreme deliberation of his manner ซึ่งแปลว่าความเป็นเอามากในกิริยาอาการของเขา อันนี้ยิ่งไม่น่าผิดใหญ่ สำนวน "เป็นเอามาก" ออกจะโบราณ นิดๆ แต่ก็ได้ความดีว่า "ทำเกินปกติ" ซึ่งในที่นี้คือท่าทีของโฮมส์ซึ่งเพลิดเพลินเหลือเกิน หรือเป็นเอามากนั่นเอง ไม่ใช่หรือ :-)) แก้ไขเมื่อ 13 เม.ย. 48 19:40:19 แก้ไขเมื่อ 13 เม.ย. 48 19:33:26 จากคุณ : lilymay - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 19:29:03 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ขอโทษครับ คือผมเพิ่งจะเริ่มอ่านจากคนแปลที่ชื่อ มิ่งขวัญ น่ะครับ แล้วในหนังสือ เขียนฉัน เป็นกัน ไม่เข้าใจว่า เค้าจงใจหรือพิมพ์ผิดกันแน่อ่ะครับ ผู้รู้ช่วยบอกหน่อยครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : algonquins - [ วันเนา (14) 18:00:58 ]

ความคิดเห็นที่ 34 มิ่งขวัญแปลผิดมาก แค่หน้าแรกหน้าเดียวของ (The Sign of the Four) แปลผิดเกือบ 10 แห่ง .......ถึงขั้นที่เรียกได้ว่า ความรู้ขนาดนี้ไม่ควรมาเป็นนักแปล........ เช่น neat morocco case (หมายถึงกล่องใส่กระบอกเข็มฉีดยา) เขาแปลคำว่า neat เป็น ตัดเย็บอย่างประณีต ......เขารู้ได้อย่างไรว่า "ตัดเย็บ" แทนที่จะเป็น "ปิดกาว" แต่ อ.สายสุวรรณ เก่งกว่า เขาแปล "neat" เป็น "กระทัดรัด" ......ซึ่งน่าจะใกล้เคียงความจริงมากกว่า เพราะกล่องใส่กระบอกฉีดยา คงไม่ใหญ่มากนัก ........... ที่ผิดแบบเด็กๆแปลก็คือประโยคนี้ :-) upon that afternoon, whether it was the Beaune which I had taken with my lunch , or the additional exasperation produced by the extreme deliberation of his manner, I suddenly felt that I could hold out no longer. มิ่งขวัญตีความ the Beaune which I had taken with my lunch ว่าเป็นเหล้าโบนซึ่งข้าพเจ้านำมากับอาหารกลางวัน ซึ่งจริงๆแล้ว had taken with my lunch ต้องตีความว่า ดื่มกับอาหารกลางวัน ............อันนี้ ท่าน อ.สายสุวรรณ แปลถูกต้อง อีกประโยคหนึ่งที่มิ่งขวัญแปลผิดแบบเด็กๆก็คือ His great powers, his masterly manner, and the experience which I had had of his many extraordinary qualities, all made me diffident and backward in crossing him. (คนพูดคือวัตสัน) the experience which I had had หมายถึง I คือวัตสัน มีประสบการณ์ หรือเคยสัมผัสกับ โฮลมส์มา แต่มิ่งขวัญตีความผิดเป็น ว่า experience เป็นประสบการณ์ที่โฮลม์มี .....ซึ่งผิดแบบหน้ามือเป็นหลังมือ ประโยคนี้ I can dispense then with artificial stimulants. dispense with แปลว่า do without ไม่ใช้ก็ได้ หรือ get rid of เลิก ขนาดท่าน อ.สายสุวรรณยังอ่านต้นฉบับไม่เข้าใจเลย ท่านแปลมาเฉียดๆ............. แล้ว ท่าน "มิ่งขวัญ" จะเหลือหรือ....!!!! แต่ท่านมิ่งขวัญ ทำอย่างไร เพื่อแก้สถานการณ์ รู้มะล่ะ ...........ท่านมิ่งขวัญ "กระโดดข้ามไป โดยไม่ยอมแปลประโยค นั้นเลย" ..........เก่งยิ่งกว่า ท่าน อ. สายสุวรรณอีก จากคุณ : tansy - [ วันเถลิงศก (15) 01:04:26 A:61.90.113.70 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เซ็งจริงๆไอ้กรองคำหยาบโง่ๆเนี้ย :-) upon that afternoon, whether :-)ที่แท้จริงคือ คำว่า วายอีที จากคุณ : tansy - [ วันเถลิงศก (15) 01:07:06 A:61.90.113.70 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ตอบคคห32 ...........เจ๊ lilymay จ๋า.........???????????? วันนี้ไม่รู้ว่าพวกเราสมาชิกยำภาษาจะมาทะเลาะกันในห้องนี้หรือเปล่า..........???? ก่อนอื่นเราขออกตัวก่อนว่า เราเขียนกระทู้นี้ จุดประสงค์ มิใช่เพื่อยำใคร หากแต่เป็นเพราะเราเห็น ใครๆแปลเชอร์ล็อก โฮล์มส์มาก้อไม่มาใคร ถูกใจ เราจึง วิเคราะห์ "ถึงกึ่น" ............เพื่อความยุติธรรมแก่ทุกๆฝ่าย ............ นั่นก็คือว่า อันไหน ท่าน อ.สายสุวรรณ แปลดี เราก้อให้ credits ท่าน แต่อันไหนแปลคลาดเคลื่อน หรือแปล "ผิดจังๆ" เราก้อชี้แจง..................... จากคุณ : tansy - [ วันเถลิงศก (15) 01:14:34 A:61.90.113.70 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 37 โฮล์มส์มาก้อไม่มาใคร แก้เป็น โฮล์มส์มาก้อไม่มีใคร จากคุณ : tansy - [ วันเถลิงศก (15) 01:15:28 A:61.90.113.70 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 38 สำหรับประโยคที่เจ๊ lilymay เถียงว่า อ.สายสุวรรณ แปลไม่ผิดนั้น เราไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด ..........เอาไว้รอให้ผู้เชี่ยวชาญทางด้านภาษาและการแปลท่านอื่นมาแสดงความคิดเห็นบ้างจะดีกว่า....นะๆๆๆๆ แต่สิ่งที่เราต้องการพูด นั่นก็คือ เรื่อง "กติกา" .............นั่นก็หมายความว่า ในการแปลนั้น นักแปลต้องทำอะไร.........??ต้องไม่เปลผิด ไม่แปลตก ไม่แปลเกิน ใช่หรือไม่ล่ะ ............??? แล้วการที่ท่าน อ. สายสุวรรณ แปล "เฉียดๆ (ไม่รู้ผิดหรือเปล่า) " แล้ว แถมภาษาไทยของท่านยังลื่นไหล ...........อย่างนี้ ถ้าจะประเมินผลการแปลก้อต้องกำหนดกติกา...........คือว่าท่าน อ.สายสุวรรณ แปลแบบ free translation คือ "คำแปลอิสระ" โฉบเฉียดต้นฉบับ ห่างไกลต้นฉบับ ท่าน อ. สายสุวรรณก้อเขียนภาษาไทยสุดยอด........ทีนี้ เรามาเปรียบเทียบกัน .............เปรียบเทียบกับอะไร ดูข้างล่างง่ะ จากคุณ : tansy - [ วันเถลิงศก (15) 01:23:25 A:61.90.113.70 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ถ้านักแปลรุ่นหลัง เกิดแปลแม่นยำกว่า หากแต่ เขาหรือเธอคิดว่า "ต้อง faithful to the original หรือ ต้องถ่ายทอด ความคิดที่เหมือนต้นฉบับ ที่ผู้ประพันธ์ต้องการพูด" ............แล้วอะไรจะเกิดขึ้นล่ะ.........?????????.....คำตอบก็คือว่า ........โดยการยึดติดอยู่กับ ว่าต้องแปลให้ตรงเจตนารมย์ของฝรั่งผู้เขียน นักแปลรุ่นหลังๆก้อเสียเปรียบสิ..............เพราะอะไร?????????? นักแปลรุ่นหลังๆน่าจะได้เปรียบ แต่นักอ่าน ไม่คำนึงถึงความแม่นยำ หากแต่ไป ตุกติกเรื่อง ว่า กัน แก หรือ คุณ ผม...............แล้วยอมให้ อ. สายสุวรรณ แปลโฉบเฉี่ยว มากเกินควร แบบนี้นักแปลรุ่นหลังที่แปลตรงตามต้นฉบับ ก็เสียเปรียบดิ .......มันเหมือนๆกับ ประกวดนางงามจักรวาล ที่เอาแต่ผู้หญิงที่สูงเหมือนม้าแข่ง .............คนไทย (หลายๆคนแต่ไม่ทุกคน) ก็โง่ยอมเสียเปรียบ โดยการทำอะไรโง่ๆ โดยการไปเพาะพันธู๋ ลูกหลานของตนเอง ให้ตัวใหญ่เหมือนม้าแข่ง แทนทื่จะประท้วงอย่าง "ชาญฉลาด" โดยการบอกว่า "ผู้หญิงสวย ตัวเล็กมีโว้ย" แล้วบอกว่า ประกวดนางงาม ก้อต้องทำเหมือนมวยดิ คือต้องมีรุ่น หญิงไทยที่ตัวเล็กๆ (แล้วสวยมากๆ) ก้อจะได้เข้าประกวดได้ แทนที่จะไปเสียสติเพาะพันธ์ลุกหลานให้ตัว ใหญ่เหมือนม้าแข่ง ................ ดังนั้น เรื่องแปลก้อเหมือนกัน หากจะวัดกันว่า ใครแปลดีกว่าใคร ก้อควรกำหนดไปตายตัวเลยว่า tolerance (ยืมศัพท์วิศวกรรมศาสตร์มาใช้) ......... มันแปลว่า "ความคลาดเคลื่อนที่ยอมรับได้" ................อย่างนี้นับว่า ยุติธรรม นักแปลรุ่นใหม่จะได้ คลาดเคลื่อนได้บ้าง และหาคำมันๆแบบที่ท่าน อ.สายสุวรรณ แปลคลาดเคลื่อ "เพื่อเอามันเข้าไว้" ...........นักอ่านควรคำนึงถึงข้อนี้ด้วยนะ .......... จากคุณ : tansy - [ วันเถลิงศก (15) 01:36:14 A:61.90.113.70 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ตอนนี้ขออนุญาตกระโดดไปพูดเรื่อง The Hound of the Baskervilles ..........อ.สายสุวรรณตั้งชื่อว่า "หมาผลาญตระกูล" .............. จากการศึกษาและวิเคราะห์ หน้าแรก เราแปะไว้ที่อาศรมท่านเซียน แอ๊ด ปากเกร็ดว่า ในบริบท โฮล์มสฺ์ (ขอโทษ ขอสะกดไม่เหมือน อ. สายสุวรรณ ด้วยเหตุผลส่วนตัว) โฮล์มส์ ฟังวัตสัน สาธยายแล้วพูดว่า "Perfectly sound!" ท่าน อ. สายสุวรรณ แปลมาว่า "เป็นอันฟังได้สนิทล่ะ!"................ เราว่า คำแปลคลาดเคลื่อน sound น่าจะแปลว่า sensible ......... คำแปลน่าจะเป็น "มีเหตุผลดีมาก" ..............แต่ท่านเซียนแอ๊ดสนับสนุนบอกว่า อ.สายสุวรรณแปลว่า "เป็นอันฟังได้สนิทล่ะ!" ถือว่า "แปลไม่ผิด" ..........ในขณะที่เรายอมรับไม่ได้ แต่เราก้อแบ่งรับแบ่งสู้โดยการลงความเป็นว่า "เป็นการแปลเฉียด เพื่อให้ได้อรรถรส" ..............ไม่ผิดมาก จากคุณ : tansy - [ วันเถลิงศก (15) 01:53:37 A:61.90.113.70 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ทีนี้เรามาเข้าประเด็นกัน ในเรื่อง The Hound of the Baskervilles ..........อ.สายสุวรรณตั้งชื่อว่า "หมาผลาญตระกูล" .............. อยู่ดีๆ อ. สายสุวรรณ ที่เคยแต่จะแปลเฉียดๆ ..........คราวนี้เกิด "ฟันธง" ขึ้นมา แล้วดัน "ฟันผิด" ................. จะให้ดูประโยคนี้ Then with an expression of interest he laid down his cigarette, and carrying the cane to the window, he looked over it again with a convex lens. อ. สายสุวรรณแปลมาว่า ในตอนนี้เขาได้ฉวยไม้ถือจากมือข้าพเจ้า และตรวยดูด้วยคาเปล่าเป็นเวลา 2-3 นาที ครั้นแล้ว พร้อมกับอุทานแสดงความสนใจ เขาก็วางบุหรี่ลงนำไม้ถือไปยังหน้าต่าง เอาแว่นนูนส่องดูอีกจนทั่ว............... เราวิเคราห์ ...........จากประโยคนี้ แสดงให้เห็นว่า ท่าน อ. สายสุวรรณ ยังไม่เข้าใจต้นฉบับดีพอ ........ แท้จริงแล้ว expression of interest มีความหมายว่า "มีสีหน้าแสดงว่าสนใจ" แต่ทำไม ท่าน อ.สายสุวรรณ "ฟันธง" มาว่า "อุทานแสดงความสนใจ" ซึ่งนับได้ว่าเป็นการแปลผิด อย่างจังๆ เนื่องจากว่า ไม่เข้าใจต้นฉบับ ดีพอ ..........(ก้อเราบอกแล้วแบบ ถ่อมตนว่า ภาษาอังกฤษพวกนึ้ มีไว้ให้ฝรั่งเจ้างของภาษาอ่าน ไม่ได้มีไว้ให้คนไทยอ่าน) จากคุณ : tansy - [ วันเถลิงศก (15) 02:08:17 A:61.90.113.70 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ตรวยดู แก้เป็น ตรวจดู คำว่า expression แปลว่า การแสดงออกก้อได้ แปลว่า สีหน้า(ที่แสดงความรู้สึก) ก็ได้ นี่คัดมาจากดิก Encarta expression: look on somebody’s face: a look on somebody’s face, conveying a thought or feeling She listened with a puzzled expression. Microsoft? Encarta? Reference Library 2005. ? 1993-2004 Microsoft Corporation. All rights reserved. ที่นี้เรามา" เข้าประเด็น" กัน ...........คือว่า เมื่อ 3-4 ช.ม. ก่อนหน้านี้ เราคุยกับเพื่อนเรา ผู้ที่มีหนังสือมากมาย มีหนังสือแปล เชอร์ล็อกโฮล์มส์ มากมาย แปลโดยนักแปลหลายๆท่าน บางท่านเก่า 90 ปีก้อมี .........แต่ที่น่าสนใจก้อคือว่า มีนักแปลรุ่นใหม่ ท่านหนึ่ง แปล expression of interest ถูกต้อง คือ "มีสีหน้าแสดงว่าสนใจ" (หรืออะไรทำนองนั้น) .........หากแต่ว่า ..........ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ..........เธอแปล I กับ you (ที่โฮล์มส์ กับ วัตสันคุยกัย) เป็นคุณและผม .........ซึ่งนักอ่านไม่ยอมรับ ..........เพราะนักอ่านต้องการ "กัน กับ แก"................แต่อย่างนี้ถือว่ายุติธรรมหรือ ก้อในเมื่อนักแปล รุ่นใหม่ไฟแรงแปล (ไม่ใช่ข้าพเจ้าแน่ๆอย่าเข้าใจผิด อิๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ) ถูกต้องมากกว่า ท่าน อ.สายสุวรรณ แล้วทำไมนักอ่านจึงไม่ยอมรับเธอ ...เป็นเพราะใช้ สรรพนามว่า "ผม" กับ "คณ" เท่านั้นหรือ .............ทำไมเส้นทาง "วรรณกรรม" นี้มันเป็นชีวิตที่ยากเสียเหลือเกิน................????? จากคุณ : tansy - [ วันเถลิงศก (15) 02:18:35 A:61.90.113.70 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 43 "ผม" กับ "คณ" แก้เป็น "ผม" กับ "คุณ" ...............ความคิดเห็นส่วนตัวเรื่อง "กัน" กับ "แก" ..........สรรพนามพวกนี้เป็น เรื่องสมมุติ .......เพราะอะไร .........??? ใครเคยเห็น เพื่อนฝูงซี้แหงกัน เรียก อีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งกันและกันว่า "กัน" กับ "แก" บ้าง ..........ไม่มีเลย ใช่มะล่ะ ..........?? จริงๆแล้ว I กับ you ที่ โฮล์มส์ กับ วัตสัน พูดกันนั้น ถ้าให้ได้อรรถรส ก็น่าที่จะเป็น mueng กับ ku...........แต่สำนักพิมพ์ที่ไหนบ้างจะกล้าพิมพ์ mueng กับ ku ก๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ............. สรุป "กัน" กับ "แก" เป็นเรื่องสมมุติ ................ไม่มีคนไทยพูดัน .........ทำไมไม่ลอง "ฉัน" กับ "แก" หรือ "ลื้อ" กับ "อั๊ว" บ้างละ .............ลองกลับไปคิดเป็นการบ้านดูนะ .................เราแปะไว้เนี้ย เพื่อมุมมองด้านวรรณกรรม เราไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียใดๆ กับการที่ใครจะแปล เชอร์ล็อก โฮล์มส์ อย่างไร (เพราะว่า จ้างให้เราแปลเราก้อ ไม่กล้าแปล เพราะกลัวนักอ่าน เห็นเราแปลไม่เหมือน อ. สายสุวรรณ พวกเขาก็จะมาด่าเรา) ...... ที่เราพล่ามมาก ก็เพราะว่า เราอยาเห็นความยุติธรรมในสังคมเท่านั้น..........โปรดเข้าใจด้วย............... จากคุณ : tansy - [ วันเถลิงศก (15) 02:28:55 A:61.90.113.70 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ไม่มีคนไทยพูดัน แก้เป็น ไม่มีคนไทยพูดกัน จากคุณ : tansy - [ วันเถลิงศก (15) 02:30:29 A:61.90.113.70 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 45 เราอยาเห็น แก้เป็น เราอยากเห็น จากคุณ : tansy - [ วันเถลิงศก (15) 02:31:48 A:61.90.113.70 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 46    ผมขอพูดในฐานะนักอ่าน มิใช่นักแปล              ถ้าผมจะเลือกอ่านหนังสือนิยาย ผมจะเลือกอ่านหนังสือที่สื่อถึงอารมณ์ความรู้สึก ในขณะเดียวกันผมไม่อาจจะทนทานอ่านหนังสือนิยายที่เหมือนกับเครื่องแปลภาษา ทื่อๆ ด้านๆ แม้มันจะแปลได้ตรงจุดสักเพียงใด มันก็ไม่สามารถสื่ออารมณ์ให้คนอ่านอย่างผมได้ กับข้อความ [[1]] พร้อมกับอุทานแสดงความสนใจ (ภาพที่บังเกิดในใจคือชายคนหนึ่ง มีอาการสะดุ้งเล็กน้อย แล้วจ้องดูสิ่งของมือ) [[2]] มีสีหน้าแสดงว่าสนใจ (ภาพที่บังเกิดในใจ ชายคนหนึ่ง เพ่งพินิจดูสิ่งของในมือ)                 ภาพในใจทั้งสองอย่างสร้างความรู้สึกแก่ผู้อ่านอย่างแน่นอน สำหรับผมมันเสมือนการตุ้นเร้าให้สนใจ อ่านต่อไป เพื่อให้อยากรู้ต่อไปว่าจะมีสิ่งใดเกิดขึ้น และอีกข้อหนึ่ง นิยายแปลต้องรับใช้ผู้คนในยุคสมัย                 ย้อนกลับไปเมื่อสมัยที่งานแปล อ. สายสุวรรณ ในสมัยนั้น ละครโทรทัศน์จะหลีกเลี่ยงคำพูด กรู มืง สำหรับเพื่อนที่สนิทกันจะใช้คำว่า กัน แทน กรู เมื่อนิยายผ่านการตีพิมพ์ในสมัยนั้นจึงได้รับใช้ผู้อ่านอย่างดียิ่ง                 ในขณะที่นักเขียนที่แปลใหม่ในสมัยนี้ สามารถละเว้น คำว่า กัน แต่ทำไม ไม่สรรหาคำที่มีความหมาย ที่อยู่ในระดับเดียวกันมาแทน การใช้คำว่า ผม กับ คุณ มันเป็นทางการไป คำที่ใช้แทน เท่าที่นึกได้คือ เรา กับ นาย บางครั้งราคาที่เราต้องจ่าย กับทางเลือกที่ผิด มันก็ไม่ได้คุ้มกันเลยสักนิดเดียว ผมขอพูดในฐานะนักอ่านอีกครั้ง ปากกาเป็นของคนเขียน คุณจะเขียน จะทำอะไรก็ได้ จะสร้างกฏสร้างเกณฑ์ แบบไหนก็ได้ จะเรียกว่าอย่างนั้นถูก อย่างนี้ผิด มันก็เป็นเรื่องของคุณ แต่สำเนียกไว้ให้ขึ้นใจ เงินเป็นของผม ผมซื้อนิยายแปลเมื่อสำนวนในนิยายเล่มนั้นถูกใจ มิใช่ซื้อเพราะการแปลแข็งๆ จืดชืด อันแสดงความอ่อนด้อยทางภาษาไทยของผู้แปล                 คำประโคมโอ่ จะเสกสรรปั้นแต่งอย่างไรก็ได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป หนึ่งปี สิบปี หรือร้อยพันปี กับนิยายแปลเรื่องหนึ่งๆ ความตราตรึงใจไม่สามารถลบได้ด้วยข้อเท็จจริงใดๆ ดารา สาวสวย สายเดี่ยว เด็กเปล่าเปลี่ยว มิได้คงอยู่ตลอดกาล แต่ความประทับใจอยู่ได้ตลอด ตราบจนถึงเวลาสิ้นลม คำกล่าวของผมนั้นถูกหรือผิด สุดท้ายประวัติศาสตร์จะเป็นตัวตัดสินให้เราประจักษ์เอง                                             ------------------ จากคุณ : นักอ่านร้อยปี - [ วันเถลิงศก (15) 04:16:28 A:203.113.51.137 X:203.151.140.120 TicketID:088669 ]

ความคิดเห็นที่ 47 นักแปลสมัยนี้ควรให้ความสนใจกับความคิดเห็นของท่าน "นักอ่านร้อยปี" เพราะผู้อ่านส่วนมากคิดเช่นนี้จริงๆ ......โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทางเลือกของคำว่า "เรา" กับ "นาย" ......ที่ท่านแนะนำไว้ นับว่าเป็นทางเลือกที่ดีมากๆ ถ้าใครไม่กล้าเขียน ku กับ mueng ......ก็ลอง....."เรา" กับ "นาย" บ้างก็ได้ คิดว่าเป็นทางเลือกที่ดี ............ ทีนี้มาพูดถึงประเด็นที่สำคัญ นั่นก็คือ คนไทยสมัยก่อน ระบบการศึกษาเป็นอย่างไร ...........น่าทึ่งมากๆ ..........คนจบแค่ ม.8 (เท่ากับ ม.6) สมัยนี้ เขียนภาษาไทยดีเยี่ยม.....ในขณะที่คนจบปริญญาเอกสมัยนี้ (หลายๆคน แต่ไม่ทุกคน) เขียนภาษาไทยสู้คนจบ ม.8 สมัยก่อนไม่ได้...มันยังไงกันหว่า.......????...!!! การตัดสินว่าใครแปลดีหรือไม่ดี คนตัดสินควรกำหนด tolerance เอาไว้ด้วย นั่นก็คือ "กำหนดว่ายอมให้ (คำแปล)คลาดเคลื่อนได้มากน้อยแค่ไหน" ..........เพื่อให้ตัดสินผลงานแปลจากเกณฑ์อันเดียวกัน............... ข้อสรุป ที่แน่ๆก็คือ ..........ถึงจะมีนักแปลรุ่นใหม่ๆที่เก่งภาษาอังกฤษพอที่จะทาบรัศมีท่าน อ.สายสุวรรณ ได้ แต่ท่าน อ.สายสุวรรณก็ยังดำรงความเป็นเลิศได้ตลอดกาล เนื่องจาก ภาษาไทยของท่านเฉียบขาดดีเยี่ยม ดังนั้น จึงกินขาดมาตั้งแต่ในมุ้งแล้ว............สงสัยงานแปลนี่คงเหมือนจีบสาวนะ ที่เขาว่า รูปหล่อนี้ยังเป็นรอง แต่คารมคมคายนี้เป็นเสิศ .........แฮ่ๆๆๆๆๆ จากคุณ : tansy - [ วันเถลิงศก (15) 11:06:36 A:61.90.113.70 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ขอบคุณคุณ tansy มากครับ ผมชอบอ่านเชอร์ล็อค โฮล์มมากๆ แต่ไม่รู้รายละเอียดมากเท่าคุณ tansy หง่ะ แล้วหนังสือที่อ.สายสุวรรณแปล ยังหาซื้อได้อยู่มั้ยครับ ? จากคุณ : algonquins - [ วันเถลิงศก (15) 11:46:58 ]

ความคิดเห็นที่ 49 การแปลวรรณกรรมนั้นเป็นงานวรรณศิลป์นะ เฮียแท่น ดังนั้นผมว่าเอามาตรฐานการแปลเอกสารมาจับไม่ได้ แม้ว่าหลักการแปลง่ายๆก็คือการหลีกเลี่ยงการแปลผิด แปลขาด แปลเกิน จะเป็นบรรทัดฐานที่นำมาใช้พิจารณางานแปลทุกชนิดก็จริง แต่ว่างานแปลทุกชิ้นมันก็มี spec ไม่เหมือนกัน การแปลเอกสารโดยเฉพาะเอกสารทางวิชาการและเอกสารกฎหมายนั้นต้องการความแม่นยำสูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่อย่างนั้นก็จะเกิดความสับสนวุ่นวายหรือเป็นคดีความ ดังนั้นความสวยงามของภาษาเป็นเรื่องรอง ในขณะที่งานวรรณศิลป์นั้น ผู้แปลจะต้องถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึก และบรรยากาศ ให้เหมาะกับ กาละเทศะของเรื่องและตามการตีความเรื่องความตั้งใจของผู้เขียนด้วย โดยใช้เครื่องมือทางวรรณศิลป์ที่ตนเองมีอยู่ให้ดีที่สุด จะเป็น พรรณาโวหาร ลีลา สำนวน ฯลฯ ก็ตาม ดังนั้นข้อพิจารณาเรื่องความสวยงามของภาษาจะมีความสำคัญเท่ากับความแม่นยำ แล้วอะไรคือความแม่นยำของงานวรรณศิลป์? การตีความ ความรู้สึก อารมณ์ เป็นเรื่องที่เป็นอัตวิสัยโดยแท้จริง ยังไม่ต้องพูดถึงการถ่ายทอดซึ่งก็เพิ่มความเป็นอัตวิสัยของคนถ่ายทอดเข้าไปอีกชั้นหนึ่ง ลำพังแค่การตีความก็หานิยามที่ตรงกันไม่ใคร่ได้เสียแล้ว ยังไม่ต้องพูดถึงการถ่ายทอดซึ่งก็เป็นเรื่องที่สองคนยลตามช่อง พูดง่ายๆคือมันไม่แม่นยำเหมือนสองบวกสองเป็นสี่ ดังนั้นผมว่าเฮียแท่นวิจารณ์งานของ อ.สายสุวรรณ บนบรรทัดฐานของการแปลเอกสารไม่น่าจะถูกต้องนะครับ เหมือนกับรักบี้น่ะ ยังมีรักบี้ยูเนี่ยนกะรักบี้ลีกเลย กติกาและกลยุทธก็ไม่เหมือนกันทั้งที่เป็นรักบี้ด้วยกัน My two cents! จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ วันเถลิงศก (15) 18:13:37 ]

ความคิดเห็นที่ 50 สำหรับการแปลนิยายหรือวรรณกรรมอื่น ๆ ผมค่อนข้างรับได้กับการแปลเฉียด ถ้าความหมายไม่ฉีกออกไปจนสุดกู่ แต่รับไม่ได้กับการแปลผิด ถึงแม้จะฟังลื่นไหลก็ตาม เพราะ ๑ การแปลผิดทำให้ศรัทธาที่ผมมีต่อผู้แปลลดลง ๒ ผมมองว่าเป็นการผิดมารยาทอย่างแรงต่อเจ้าของบทประพันธ์ ผู้อ่านโดยทั่วไปมักอ่านผ่านภาษาปลายทาง น้อยคนนักที่จะนำต้นฉบับมาวิเคราะห์เทียบ แต่ถ้าพูดในแง่ของ "จรรยาบรรณ" นักแปลแล้ว นักแปลต้องพยายามให้ถึง "ที่สุด" ที่จะรักษาเจตนารมย์ของผู้เขียน ดังนั้น ผมคิดว่า นักอ่านรุ่นใหม่ควรเปิดใจกว้าง (โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่อ่านงานแปล ) อย่าคิดว่าภาษาที่ลื่นไหลเพียงอย่างเดียวคือคุณค่าของวรรณกรรมแปล "ความถูกใจ" และ "ความถูกต้อง" ควรเป็นองค์ประกอบที่คนอ่านยึดถือด้วยครับ อ้อ ผมไม่ใช่นักแปลนะครับ เป็นคนอ่านหนังสือทั่ว ๆ ไปนี่แหละ แล้วก็อยากอ่านวรรณกรรมแปลที่มีทั้งความถูกต้องและความน่าอ่าน โดยส่วนตัวแล้วพร้อมที่จะเปิดกว้างอ่านสำนวนใหม่ ๆ ของนักแปลรุ่นใหม่ โดยไม่ยึดติดกับของเดิมครับ จากคุณ : เด็กรู้น้อย - [ วันเถลิงศก (15) 23:39:50 A:219.17.232.7 X: TicketID:043059 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ดีครับ กระทู้นี้ คุยกันสร้างสรรค์ น่าจะสนับสนุนให้ขึ้นไปเป็นกระทู้ยอดนิยมกะเขาบ้าง ชวนโหวตครับ ผมโหวตให้แล้วนะครับ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 16 เม.ย. 48 01:31:45 ]

ความคิดเห็นที่ 52 expression of interest นายนวล: แล้วนึกสนุกอะไรขึ้นมาอย่างหนึ่ง ถึงกับวางบุหรี่เสีย ดวงใจ กวียะ: ด้วยสีหน้าแสดงความสนใจ เขาวางบุหรี่ลง จากคุณ : จ๋อง - [ 16 เม.ย. 48 07:02:39 A:61.90.48.232 X: TicketID:086756 ]

ความคิดเห็นที่ 53 เห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้สุดๆเลยครับ พูดกันตรงๆคงต้องบอกว่าแปลได้แย่มาก ผมไม่ได้ว่าแปลดีสู้ของอ.สายสุวรรณไม่ได้นะครับ แต่เห็นได้ชัดว่าคนแปลไม่ได้เข้าถึงเรื่องราวและตัวละครเอาเลยจริงๆ อย่างไอ้ที่ว่า คุณ ครับ ค่ะ นั่นแหละ เหมือนนักแปลสมัครเล่นเพิ่งหัดแปลยังไงไม่รู้ จากคุณ : Sundown (sundown) - [ 16 เม.ย. 48 10:58:00 ]

ความคิดเห็นที่ 54 Eugene Nida:  "Translations are like women - homely when they are faithful and unfaithful when they are lovely..." จากคุณ : Guga - [ 16 เม.ย. 48 18:41:45 ]

ความคิดเห็นที่ 55 เห็นด้วยกับ Eugene Nidaและคุณแอ๊ดในคคห 49 นะเฮียแท่น   เมื่อริอ่านหัดแปลวรรณกรรม ก็คิดแต่ว่าต้องแม่น ไม่ให้ผิด ไม่ให้เกิน แปลแล้วอ่านไม่สนุกเลย ทำให้ต้องคิดต่อว่าจะ "เต้นฟุตเวิร์ก"  (ขอยืมคำบอกอท่านหนึ่งมา) อย่างไรให้น่าอ่านขึ้นแต่ยังคงความหมายและเจตนาของคนแต่ง ไม่ใช่ฉบับข้าพเจ้าเขียน ตรงนี้แหละความท้าทายของการแปลวรรณกรรม   ด้วยเหตุนี้จึงได้แย้งเฮียแต่แรกว่าคุณ อ.ท่านไม่ได้ถึงกับแปลผิดไปหมด จากคุณ : lilymay - [ 17 เม.ย. 48 06:39:56 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ทีแรก ที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา ไม่ได้มีเจตนาคุยเรื่อง "ความเก่งกาจ" ด้านการแปล หรอก และยอมรับว่า ไม่เก่งภาษาอังกฤษ เลยไม่ได้อ่านต้นฉบับของเซอร์อาเธอร์ โคแนน ดอยล์ แต่จุดประสงค์ที่เขียนกระทู้นี้ เพราะอยากจะเสนอแนะว่า ผู้แปล ไม่เพียงแต่จะต้องเข้าใจภาษาอังกฤษ แต่ต้องเข้าใจตัวละครด้วย อย่างที่ได้พยายามบอกว่า โฮล์มส์ ไม่ใช่ผู้ชายสุภาพ และเป็นบุคลิกที่เหล่า "สาวกโฮล์มส์" ทั่วโลกคุ้นเคยความกระด้างของโฮล์มส์ เป็นอย่างดี จุดอ่อนของการแปล จึงไม่ได้อยู่ที่เก่งภาษาหรือไม่เท่านั้น แต่อยู่ที่การไม่เข้าใจตัวละครต่างหาก สำหรับการแปลของ อ.สายสุวรรณ หรือนักแปลชั้นบรมครูท่านอื่นๆ เชื่อว่า ไม่มีใครหรอก ที่แปลได้ 100% เพราะภาษามีขีดจำกัดของมันอยู่ แต่เอาให้ผู้อ่านเข้าใจ มองเห็นภาพตัวละคร ฉาก ท้องเรื่องได้ถูกต้อง นั่นน่าจะดีกว่าการแปลให้ตรงเป๊ะๆ แต่ไม่เข้าใจอะไรเลย ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยๆ สำหรับนักแปลรุ่นหลัง อย่างที่เคยยกตัวอย่างเรื่อง "แผนลวงสะท้านโลก" ของแดน บราวน์  ที่พระเอกเรียกนางเอกว่า "ราเชลครับ" เสมอนั้น อ่านแล้วก็รู้สึกว่า พระเอกเป็นคนสุภาพ แม้ต้นฉบับภาษาอังกฤษไม่ได้บอกไว้ เพราะภาษาอังกฤษไม่มีคำว่า "ครับ" แต่ในภาษาไทย ทำให้เราเห็นได้ว่า พระเอกเป็นคนยังไง ทว่า ในเวลาคับขัน เจียนตาย กำลังเร่งรัดเอาตัวรอด ก็ยัง "ราเชลครับ" ทั้งๆ ที่ถ้าเราลองนึกภาพดูว่า กำลังหนีตาย เราจะเรียกหวานใจของเราว่ายังไง อย่างมาก ก็คงแหกปากตะโกนเรียกชื่อเฉยๆ ไม่มีครับต่อท้าย ในภาวะยุ่งเหยิง นี่แหละที่เป็นจุดเล็กๆ น้อยๆ ที่ผู้แปลต้องตระหนัก คือไม่ได้แปลผิด แต่ให้อารมณ์ผิด ลองคิดดูว่า สมมติมีคนเอาขุนช้างขุนแผนฉบับคำกลอน มาแปลงเป็นภาษานิยายธรรมดา แล้วขุนแผนก็พูดกับขุนช้างว่า "คุณขุนช้างครับ ผมอยากให้เรามาคุยกันเรื่องคุณวันทองสักหน่อย" ฮา ฮา ขำตายเลย จากคุณ : polmee - [ 17 เม.ย. 48 12:48:56 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ชักเริ่มน่าสนใจแล้วสิกระทู้นี้ ก่อนอื่นขอออกตัวนะ ว่าเรื่องที่ คุณ lillymay กับท่านเซียน แอ๊ด ปากเกร็ด แสดงความคิดเห็นเรื่องวรรณกรรม ที่ว่า ไม่ใช่ "exact science" นั้น ข้าพเจ้า "ยอมรับ"..... และยอมรับความอัจริยะของท่าน อ.สายสุวรรณด้วย (จนถึงต้องเอาผลงานของท่านไปศึกษา เป็นครู ก่อนที่ข้าพเจ้าจะแปลงานอื่นอีกต่อไปด้วย) ..... หากแต่ว่า อยากพูดเรื่อง tolerance ต่างหากล่ะ .......หมายความว่า "ในการให้ rating งานแปลนั้น ต้อง กำหนด "tolerance" คือ "ค่าความคลาดเคลื่อนที่ยอมรับได้" เหมือนๆกับประกวดนางงาม จะบอก สาวสูงใหญ่เหมือนม้าแข่งต้องงามกว่าสาวน้อย (ตัวน้อยๆ) นั้น ....ฟังไม่ขึ้นง่ะ .........ต้องแบ่งรุ่นเหมือนมวยอย่างที่ข้าพเจ้าได้เกริ่นไว้ แต่แรกเริ่ม" ลองมาดูประโยคนี้ (จากเรื่อง "หมาผลาญตระกูลที่ ท่าน อ.สายสุวรรณ แปลไว้) กัน It is my experience that it is only an amiable man in this world who receives testimonials, only an unambitious one who abandons a London career for the country, and only an absent-minded one who leaves his stick and not his visiting-card after waiting an hour in your room." ตามที่กันเคยประสบพบเห็นมา ก็มีแต่คนใจดีเท่านั้นแหละในโลกนี้ ที่จะได้รับของเครื่องประกาศมิตรสัมพันธ์ คนที่ไม่มีความทะเยอ ทะยานเท่านั้นแหละที่จะสละความมีหน้ามีตาในกรุงลอนดอนออกไปหากินในชนบท และคนมีสติลอยเท่านั้นที่ทิ้งไม้ถือของเขาไว้ แต่ ไม่ยักทิ้งบัตรเยี่ยมภายหลังที่อุตส่าห์คอยแกอยู่ตั้งชั่วโมงอย่างนี้น่ะ" "London career" แปลเป็น "ความมีหน้ามีตาในกรุงลอนดอน" ต้องถือว่า "แปลเกิน" อย่างแน่นอน "after waiting an hour in your room" แปลเป็น "ภายหลังที่อุตส่าห์คอยแกอยู่ตั้งชั่วโมงอย่างนี้น่ะ" ถือว่า "แปลเกิน" กับ "แปลตก" เกินตรงไหน เกินตรงคำว่า "อุตส่าห์" ตกตรงไหน....??? ตกตรงคำว่า "in your room" คือ "ในห้องของแก" แล้วถ้านักแปลรุ่นหลัง เกิดแปล "London career" เป็น "อาชีพการงานในกรุงลอนดอน" ต้องถือว่า "แปลแม่นยำ" แล้วแปล "after waiting an hour in your room" เป็น "ภายหลังที่คอยอยู่ชั่วโมงหนึ่งในห้องของแก" ต้องถือว่า "แปลแม่นยำ" ............แต่โทษที่ แปลแม่นยำ แต่ไม่ได้อรรถรสเท่าของ ท่าน อ.สายสุวรรณ .........จริงมะล่ะ...??? ......ถ้าเจอการให้ rating ไม่เป็นธรรม อย่างนี้เข้า หลายๆประโยค ทั้งเล่ม นักแปลที่แปลแม่นก็เสียเปรียบน่ะซี .....จริงหรือเปล่า......???............อย่างนี้ ถ้าเปรียบเป็นมวย ก้อต้องถือว่า ท่าน อ.สายสุวรรณ "ต่อยใต้เข็มขัด" ............ จากคุณ : tansy - [ 17 เม.ย. 48 14:23:46 A:61.90.113.12 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ไม่ต้องไปดู คคห 57 เลย มันขาดๆวิ่น ทำให้มึนหัว แปะให้อ่านใหม่ชัดๆ ชักเริ่มน่าสนใจแล้วสิกระทู้นี้ ก่อนอื่นขอออกตัวนะ ว่าเรื่องที่ คุณ lillymay กับท่านเซียน แอ๊ด ปากเกร็ด แสดงความคิดเห็นเรื่องวรรณกรรม ที่ว่า ไม่ใช่ "exact science" นั้น ข้าพเจ้า "ยอมรับ"..... และยอมรับความอัจริยะของท่าน อ.สายสุวรรณด้วย (จนถึงต้องเอาผลงานของท่านไปศึกษา เป็นครู ก่อนที่ข้าพเจ้าจะแปลงานอื่นอีกต่อไปด้วย) ..... หากแต่ว่า อยากพูดเรื่อง tolerance ต่างหากล่ะ .......หมายความว่า "ในการให้ rating งานแปลนั้น ต้อง กำหนด "tolerance" คือ "ค่าความคลาดเคลื่อนที่ยอมรับได้" เหมือนๆกับประกวดนางงาม จะบอก สาวสูงใหญ่เหมือนม้าแข่งต้องงามกว่าสาวน้อย (ตัวน้อยๆ) นั้น ....ฟังไม่ขึ้นง่ะ .........ต้องแบ่งรุ่นเหมือนมวยอย่างที่ข้าพเจ้าได้เกริ่นไว้ แต่แรกเริ่ม" ลองมาดูประโยคนี้ (จากเรื่อง "หมาผลาญตระกูลที่ ท่าน อ.สายสุวรรณ แปลไว้) กัน It is my experience that it is only an amiable man in this world who receives testimonials, only an unambitious one who abandons a London career for the country, and only an absent-minded one who leaves his stick and not his visiting-card after waiting an hour in your room." ตามที่กันเคยประสบพบเห็นมา ก็มีแต่คนใจดีเท่านั้นแหละในโลกนี้ ที่จะได้รับของเครื่องประกาศมิตรสัมพันธ์ คนที่ไม่มีความทะเยอทะยานเท่านั้นแหละที่จะสละความมีหน้ามีตาในกรุงลอนดอนออกไปหากินในชนบท และคนมีสติลอยเท่านั้นที่ทิ้งไม้ถือของเขาไว้ แต่ไม่ยักทิ้งบัตรเยี่ยมภายหลังที่อุตส่าห์คอยแกอยู่ตั้งชั่วโมงอย่างนี้น่ะ" "London career" แปลเป็น "ความมีหน้ามีตาในกรุงลอนดอน" ต้องถือว่า "แปลเกิน" อย่างแน่นอน "after waiting an hour in your room" แปลเป็น "ภายหลังที่อุตส่าห์คอยแกอยู่ตั้งชั่วโมงอย่างนี้น่ะ" ถือว่า "แปลเกิน" กับ "แปลตก" เกินตรงไหน เกินตรงคำว่า "อุตส่าห์" ตกตรงไหน....??? ตกตรงคำว่า "in your room" คือ "ในห้องของแก" แล้วถ้านักแปลรุ่นหลัง เกิดแปล "London career" เป็น "อาชีพการงานในกรุงลอนดอน" ต้องถือว่า "แปลแม่นยำ" แล้วแปล "after waiting an hour in your room" เป็น "ภายหลังที่คอยอยู่ชั่วโมงหนึ่งในห้องของแก" ต้องถือว่า "แปลแม่นยำ" ............แต่โทษที่ แปลแม่นยำ แต่ไม่ได้อรรถรสเท่าของ ท่าน อ.สายสุวรรณ .........จริงมะล่ะ...??? ......ถ้าเจอการให้ rating ไม่เป็นธรรม อย่างนี้เข้า หลายๆประโยค ทั้งเล่ม นักแปลที่แปลแม่นก็เสียเปรียบน่ะซี .....จริงหรือเปล่า......???............อย่างนี้ ถ้าเปรียบเป็นมวย ก้อต้องถือว่า ท่าน อ.สายสุวรรณ "ต่อยใต้เข็มขัด" ............ จากคุณ : tansy - [ 17 เม.ย. 48 14:29:14 A:61.90.113.12 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 59 คำว่า "ต่อยใต้เข็มขัด" ............ หมายถึง ท่าน อ.สายสุวรรณ ฉวยโอกาสที่ท่าน ภาษาไทยเป็นเลิศ มา dramatize เรื่องราวที่แปล นั่นก็คือ "พูดเกินความจริง จากในเนื้อเรื่อง" นั่นเอง ซึ่ง ....ทำให้นักแปลรุ่นใหม่ที่ (ถึงจะมีดิกชันนารีมากกว่าท่าน อ. สายสุวรรณ และแถมมี Internet หาข้อมูลเพียบด้วย) กลับต้องเสียเปรียบ ถ้าพวกเขาแปลๆไป แล้วไม่ได้พึงสังวรณ์ว่า ท่าน อ.สายสุวรรณ เล่น "ต่อยใต้เข็มขัด" น่ะ .........แปลไปให้ตาย ถึงแปลแม่นยำ ก้อไม่ได้ อรรถรส เท่าที่ท่าน อ.สายสุวรรณ แปลน่ะ ซี ....... นั่นแหละ คือประเด็นที่ข้าพเจ้าพูดถึง หาได้ลบหลู่นักแปลรุ่นบรมครู แบบท่าน อ. สายสุวรรณไม่ .......... จากคุณ : tansy - [ 17 เม.ย. 48 14:38:21 A:61.90.113.12 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ไม่ได้อ่านทั้งต้นฉบับและฉบับแปลตรงนี้ แต่ว่า London career มันแล้วแต่สมัยและบริบทนะเฮียแท่น เพราะเยนตะละแมนอังกฤษสมัยโบราณไม่ได้ทำงานก็มี career จึงหมายความแค่มีหน้ามีตา หรือทำอะไรก็ได้แต่อยู่ในลอนดอนก็ได้ จากคุณ : lilymay - [ 18 เม.ย. 48 03:27:41 ]

ความคิดเห็นที่ 61 *หัวเราะ* โหวตครับ โหวตๆๆ จากคุณ : algonquins - [ 18 เม.ย. 48 08:06:39 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ถ้าคุณ tansy อยากจะทำให้มันชัดเจน ก็ต้องเปรียบมวยให้ชัดเจนกว่านี้กระมังคะ นี่คุณเล่นพรรณาแต่จุดด้อยของ อ.สายสุวรรรณเป็นหลักหรือเปล่าคะ ทำเป็นตารางออกมาเลยได้ไหมคะ ว่านักเขียนเก่ากับนักเขียนใหม่ แปลผิด แปลตก แปลเฉียด อย่างละกี่เปอร์เซ็นต์ ประโยคที่แปลผิด ถือว่าเป็นประโยคที่มีระดับความยากง่ายแค่ไหน ให้เห็นค่า tolerance กันจะๆ แล้วที่สุดนะคะ ลองนึกดูว่ามีนักอ่านกี่คนที่อ่านงานของ อ.สายสุวรรณแล้วเกิดความเพลิดเพลิน สนใจตามอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับเชอร์ลอคโฮล์มส์ต่อ ถามว่า งานแปลใหม่ที่แม่นยำถึง 99.99% สามารถทำหน้าที่ตรงนี้ได้ไหมคะ เพราะถ้าเป็นนักอ่านที่ต้องการความถูกต้อง 100% จากนิยายซึ่งเป็นเรื่องแต่ง ก็คงพยายามกลับไปอ่านต้นฉบับเดิม อย่างที่คุณ tansy กำลังทำอยู่ ขึ้นชื่อว่านิยาย ถ้าจับคนอ่านไม่อยู่ มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะคะ จากคุณ : ลมฝัน - [ 18 เม.ย. 48 09:55:50 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ตอบคุณ 48 ของ คุณ algonquins เรื่องหนังสือ อ.สายสุวรรณ ....ตอนนี้ รู้สึกว่า ล่าสุด สนพ ดับเบิ้ลนายน์ เพิ่งออก เชอร์ล็อก โฮลมส์ มา 4 เล่ม (คงเอาเล่มเก่ามาพิมพ์ใหม่) มี 1 จัตวาลักษณ์ (The Sign of the Four) 2 หมากัด เอ้ย ผลาญตระกูล (The Hound of the Baskervilles) 3 หุบเขาแห่งภัย (The Valley of Fear) และ 4 แรงพยาบาท (A Study in Scarlet) หาซื้อได้ตามร้านทั่วไป ........ส่วนผลงานท่าน อ.สายสุวรรณ เล่มอื่นๆคาดว่าคงเป็นของ สนพ อื่น .......เราไม่มี เรามีแค่ 4 เล่มนี้เอง .......แต่ก้อคงหาประโยคดีๆมาให้ดูได้อีกเพียบเลย...........เวรกรรมแท้ๆตู .....ก็เพราะไอ้กระทู้นี้แหละ ถึงต้องเสียเงินซื้อหนังสือตั้งหลายเล่ม ....ทั้งๆที่ตามธรรมดาแล้วเราเป็นคนงก อ่านแต่ของฟรีบนเว็บง่ะ .....ฝอยไปฝอยมา เด๋วเคราะห์หามยามซวยต้องวิ่งไปซื้อมาอีกหลายเล่ม ....เพื่อมาเถียงกับเจ๊ lilymay.......กลัวจะไม่มีเงินซื้อเบียร์กินง่ะ ..... กำลังจะ post เจอของคุณ ลมฝัน เข้าให้ ไอ้จ้าๆๆๆๆ.....แต่แฮ่ๆๆๆ.............ข้าพเจ้าจะไม่มีเงินซื้อหนังสือของนักแปลทุกท่านนะซี ....เพิ่งบ่นเมื่อกี้นี้เองว่า ซื้อไปเงินหายไปตั้งเยอะแน่ะ....มีใครบริจาคไม้เอ่ย.........จะได้เอาผลงานของนักแปลทุกคนมาเทียบกันให้ได้ .........แฮ่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : tansy - [ 18 เม.ย. 48 10:14:28 A:61.91.135.101 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ที่คุณลมฝันว่า "นี่คุณเล่นพรรณาแต่จุดด้อยของ อ.สายสุวรรรณเป็นหลักหรือเปล่าคะ.........." เปล่า หรอกค่ะ ไปดู 23 กับ 25 สิ ให้คำชมเชยท่าน อ. สายสุวรรณไว้เหมือนกัน .......... แต่ที่เปิดเผยความคลาดเคลื่อนในการแปลของท่าน อ. สายสุวรรณนั้น แท้จริงแล้วมิใช่เป็น "จุดด้อย" ของท่านเป็นหลัก หากแต่เป็น "จุดเด่น" ของท่านต่างหาก "เพราะความคลาดเคลื่อนนี้เป็นตัวที่สร้างอรรถรสนั่นเอง.....ซึ่งนักแปลรุ่นหลังๆ ไม่รู้วิธีการ จึงทำให้พอแปลออกมาแล้วโดนสวดหมด ว่าไม่ได้อรรถรส"............. การเขียนจุดเหล่านี้ ก็เพื่อให้นักแปลรุ่นเด็กๆ ได้รู้ว่า นักอ่านต้องการอะไร ไม่ใช่เป็นการชี้จุดด้อยของท่าน อ. สายสุวรรณ....... จากคุณ : tansy - [ 18 เม.ย. 48 10:22:55 A:61.91.135.101 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 65 เอ่อ...ไม่ได้อ่านเชอร์ล็อคโฮมฉบับภาษาไทยนะคะ แล้วก็ไม่ได้เป็นแฟนตัวยงเสียด้วย แต่ขออนุญาตค้าน #34 หน่อยได้ไหมคะ "มิ่งขวัญแปลผิดมาก แค่หน้าแรกหน้าเดียวของ (The Sign of the Four) แปลผิดเกือบ 10 แห่ง .......ถึงขั้นที่เรียกได้ว่า ความรู้ขนาดนี้ไม่ควรมาเป็นนักแปล........ เช่น neat morocco case (หมายถึงกล่องใส่กระบอกเข็มฉีดยา) เขาแปลคำว่า neat เป็น ตัดเย็บอย่างประณีต ......เขารู้ได้อย่างไรว่า "ตัดเย็บ" แทนที่จะเป็น "ปิดกาว" แต่ อ.สายสุวรรณ เก่งกว่า เขาแปล "neat" เป็น "กระทัดรัด" ......ซึ่งน่าจะใกล้เคียงความจริงมากกว่า เพราะกล่องใส่กระบอกฉีดยา คงไม่ใหญ่มากนัก ..........." คำว่า "neat" ในที่นั้น มีความหมายว่า "สวยงาม - ประณีต - ทำได้ดี" ถ้าจะแปลให้ตรงตัวละก็ คำว่า "กระทัดรัด" ผิดแน่นอนค่ะ ส่วนจะตัดเย็บประณีต หรือ ทากาวประณีต ไม่ขอออกความเห็นล่ะค่ะ เพราะว่าขี้เกียจหาข้อมูลมาเสริม สำหรับอีกหลายๆ จุดที่คุณยกมาเป็นตัวอย่างนั้น ยังอ่านไม่ครบค่ะ :) แก้ไขเมื่อ 18 เม.ย. 48 11:27:58 จากคุณ : ตมิสา - [ 18 เม.ย. 48 11:23:50 ]

ความคิดเห็นที่ 66 เจอความเห็นคุณ ติมสา แล้วคิดว่า "คราวนี้สนุกกันใหญ่เลยอ่ะ" ที่คุณว่า คำว่า "neat" ในที่นั้น มีความหมายว่า "สวยงาม - ประณีต - ทำได้ดี" ถ้าจะแปลให้ตรงตัวละก็ คำว่า "กระทัดรัด" ผิดแน่นอนค่ะ คำตอบก็คือว่า "สวยงาม - ประณีต - ทำได้ดี" ก็แปลแบบนั้นได้ .......แต่ทว่า .........แต่อะไร........โปรดอ่านต่อไป แอ่น แอน แอน แอ๊น.........ต้องมีเพลงบรรเลง ให้เร้าใจ นี่แหละแสดงถึงความเป็นอัฉริยะของ ท่าน อ.สายสุวรรณ ยังไงล่ะ .............เพราะท่านไม่อยากไปคิดมาก ว่ามันจะตัดเย็บหรือปะกาวยังไงล่ะ ทั่นจึงเลือกความหมายว่า "กระทัดรัด" ที่แปลได้อีกเช่นกัน .......... ดูคำแปลจากดิก Encarta สิ neat: (ความหมายที่ 6.) compact: appealingly regular or compact She stood admiring her own neat little figure in the mirror. Microsoft? Encarta? Reference Library 2005. ? 1993-2004 Microsoft Corporation. All rights reserved. เนื่องจากมันแปลได้หลายอย่าง เพราะฉนั้นถ้าคุณอยากรู้ว่าในเรื่องมันแปลว่าอะไรกันแน่ คุณก้อต้อง "ปลุกผี" ทั่น Sir Arthur Conan Doyle ให้มาตอบ........... งานนี้เลยต้องยกประโยชน์ให้กับทั่น อ.สายสุวรรณ ไปว่า "ไม่มีหลักฐานอันได้ที่จะพิสูจน์ได้ว่า ท่านแปลผิด" ทั้งนี้ เนื่องจาก "neat" แปล ว่า "กระทัดรัด" ได้อีกด้วยเช่นกัน ..........ในการแปลบางทีนักแปลก้อต้องมี telepathy (โทรจิต) เหมือนกันนะ อีกทั้ง ตัวพยานปากเอกคือ ทั่น Sir Arthur Conan Doyle ก็เดดสะมอเล่ไปแล้ว ดังนั้น ศาลจึงตัดสินพิพากษาว่า คดีนี้ ท่าน อ.สายสุวรรณ ไม่มีความผิด ........... เราก้อปกป้อง ทั่น อ. สายสุวรรณ เหมือนกันนะ คราวนี้ เซียนแอ๊ด ปากเกร็ด เจ๊ ilymay กับคุณ ลมฝัน (แฟนพันธ์แท้ของ อ.สายสุวรรณ) คงจะยิ้มปากกว้างๆได้ละซีนะ ......... และคงจะไม่รุมเหยียบเรานะ เผลอๆอาจจะใจดีลงขันกันซื้อหนังสือภาษาไทยมาให้เราวิเคราะห์ต่ออีกด้วย นะ ฮั่นแนะ ...ฉวยโอกาสจีบเอาซะเล้ย.....แฮ่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : tansy - [ 18 เม.ย. 48 13:02:48 A:61.91.135.101 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 67 โอ๊ะโอ๋ โทษที คุณตมิสา พิมพ์ผิดเป็น ติมสา ได้ไงกันนะ สงสัยกำลังอยากกินไอติมอยู่พอดีง่ะ ......ไม่ไหว ไม่ไหว It's a long long day.......ไปกินเบียร์ก่อนจะดีกว่า ....... จากคุณ : tansy - [ 18 เม.ย. 48 13:07:23 A:61.91.135.101 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ตอบ คคห 33 ที่ถามว่า ขอโทษครับ คือผมเพิ่งจะเริ่มอ่านจากคนแปลที่ชื่อ มิ่งขวัญ น่ะครับ แล้วในหนังสือ เขียนฉัน เป็นกัน ไม่เข้าใจว่า เค้าจงใจหรือพิมพ์ผิดกันแน่อ่ะครับ ผู้รู้ช่วยบอกหน่อยครับ ขอบคุณครับ อันนี้ต้องรอให้ยัยจ๋องมาตอบ เพราะหล่อนมีหนังสือมิ่งขวัญอยู่ในมือ รวมทั้งมีของนักแปลคนโน้นคนนี้จนเรางงไปหมดแล้ว .......ว่างๆถ้าหล่อนเผลอ เราจะแอบจิ๊กใส่รถกลับไปเชียงใหม่ ให้หมดเลย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ......เอ้า คุณนายจ๋องมาตอบเร้ว........... จากคุณ : tansy - [ 18 เม.ย. 48 13:10:00 A:61.91.135.101 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 69 จะว่าหยุมหยิมก็หยุมหยิมอ่ะ มิ่งขวัญแปลไว้ กระเป๋าหนังใบเล็ก ตัดเย็บด้วยหนังแกะอย่างดี อ. สายสุวรรณ กล่องหนังมอร็อคโคกระทัดรัด โปรดดู antiquescientica.com/archive46.htm เรื่อง syringe_hypodemic_set คำอธิบายตรงกับเรื่อง สงสัยตั้งแต่เฮียแท่นเขียนว่า ปิดกาว ตอนแรกคิดว่า กล่องหนัง คงตัดเย็บ สนทนาแบบนี้ สนุกอ่ะ จากคุณ : จ๋อง - [ 18 เม.ย. 48 13:17:42 A:61.90.48.122 X: TicketID:086756 ]

ความคิดเห็นที่ 70 คุณมิ่งขวัญ ใช้ กัน กับแก ซึ่งงดงามแล้วตามภาษาแปล คุณ ดวงใจ กวียะ ผู้แปล หมาปิศาจแห่งบาสเกอร์วิลส์ ใช้ คุณ กับ ผม ซึ่งก็ไม่สะดุดตาจ๋องเลย คนโตๆแล้วมาเช่าห้องอยู่ด้วยกัน แทบไม่รู้จักกันเลย จะให้พูดจาแบบไทยระดับไหน รับประทานบรรยากาศแบบวิคตอเรียน อิอิ.... จากคุณ : จ๋อง - [ 18 เม.ย. 48 13:31:13 A:61.90.48.122 X: TicketID:086756 ]

ความคิดเห็นที่ 71 link ที่ว่าคืออันนี้หรือเปล่า แต่ก้อบอกไม่ได้นะ ว่าเย็บหรือปะกาวน่ะ ....... http://antiquescientifica.com/archive46.htm จากคุณ : tansy - [ 18 เม.ย. 48 14:40:31 A:61.91.135.101 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ที่คุณจ๋องว่า "คุณมิ่งขวัญ ใช้ กัน กับแก ซึ่งงดงามแล้วตามภาษาแปล คุณ ดวงใจ กวียะ ผู้แปล หมาปิศาจแห่งบาสเกอร์วิลส์ ใช้ คุณ กับ ผม ซึ่งก็ไม่สะดุดตาจ๋องเลย คนโตๆแล้วมาเช่าห้องอยู่ด้วยกัน แทบไม่รู้จักกันเลย จะให้พูดจาแบบไทยระดับไหน รับประทานบรรยากาศแบบวิคตอเรียน อิอิ.... " ส่วนตัวแล้ว คงต้องบอกว่า ถ้าอ่านเชอร์ล็อค โฮล์มส์ มาระยะหนึ่ง จะพอเดาออกว่า ในเล่มระยะต้นๆ ที่โฮล์มส์ กับวัตสันเพิ่งมาอยู่ด้วยกัน โดยเฉพาะตอนที่วัตสันเพิ่งตัดสินใจมาเช่าห้องอยู่กับโฮล์มส์นั้นน่ะ อาจจะพูดคุณ ผม ได้หน่อยมั้ง แต่พออยู่นานไป จนเป็นเพื่อนรู้ใจ กัน ฉัน นาย แก ก็น่าจะได้หมด แต่คงไม่ถึงขั้น กรู มรึง กัน ไว้ลายยุควิคตอเรียหน่อย อิอิ จากคุณ : polmee - [ 18 เม.ย. 48 17:24:35 ]

ความคิดเห็นที่ 73 นายนวล ปาจิณพยัคฆ์(หลวงสารานุประพันธ์) แปล ความลึกลับของทุ่งร้าง แบ็สเกอร์วิลล์ โดยเขียนว่า แปลและเรียบเรียง อ. สายสุวรรณ ก็ใช้คำว่า แปลและเรียบเรียง หมาผลาญตระกูล คนแต่ละรุ่นก็คงตีความ หรือแปล แตกต่างกันออกไป แฟนานุแฟนของ นายนวล ก็คงไม่คุ้นกับ อรรถรสที่ คุณ อ.สายสุวรรณแปลและเรียบเรียงเหมือนกันกระมังคะ ที่จริง หลวงนัยวิจารณ์(เปล่ง ดิษยบุตร) ผู้ใช้นามปากกาว่า ศรีสุวรรณ ได้แปล The Adventure of the Second Stain ในหนังสือผดุงวิทยาก่อน เมื่อนายนวลแปล The Valley of Fear ต่อไป (คุณ มิ่งขวัญ ได้แปลและใช้ชื่อว่า หุบเขาแห่งความกลัว) ศรีสุวรรณจึงหันไปแปล The Exploit & Adventure of Etienne Gerard ของ เซอร์ อาเธอร์ โคแนนดอยล์ เสียดายที่ไม่มีเรื่องนักสืบรอยที่สอง (The Adventure of the Second Stain) แต่มีเอเตียนเชราด์ อ่านทีไรก็สนุกประทับใจทุกคราว มิมีเสมอเหมือน คุณหลวงสารานุประพันธ์ ได้เขียนถึง คุณหลวงนัยวิจารณ์ ว่า แปลด้วยภาษาสละสลวยดีเกินที่ข้าพเจ้าจะเดินตามได้ (จาก เล่าเรื่องนักเขียนดังในอดีต ของ ส. พลายน้อย ของสำนักพิมพ์ ฅอหนังสือ บ.ก. คุณอำนวย จริงจิตร พิมพ์ครั้งแรกกันยายน ๒๕๔๖) จากคุณ : จ๋อง - [ 18 เม.ย. 48 18:19:09 A:61.90.48.122 X: TicketID:086756 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ดีครับ ได้ความรู้ เถียงกันอย่างนี้ค่อยสนุกหน่อย เห็นด้วยกับจ๋อง จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 18 เม.ย. 48 19:31:43 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ขอนอกเรื่องนิดหน่อยนะครับ เห็นคนพิมพ์คำว่าำ "กระทัดรัด" อยู่หลายแห่ง จึงอยากบอกทุกท่านว่า ระวังกันหน่อยนะครับ คำที่ถูกต้อง เขียนว่า "กะทัดรัด" ครับ ไม่มี "ร" ครับผม เรื่องแปลผมไ่ม่สันทัด แต่เรื่องตัวสะกดนี่้ ถูกครูดุบ่อย ๆ ตอนเด็ก จึงจำฝังใจกั๊บป๋ม จากคุณ : เด็กรู้น้อย - [ 18 เม.ย. 48 19:42:17 A:219.17.232.80 X: TicketID:043059 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ขอบคุณคุณเด็กรู้น้อยอย่างแรง จากคุณ : จ๋อง - [ 18 เม.ย. 48 20:29:46 A:61.90.48.122 X: TicketID:086756 ]

ความคิดเห็นที่ 77 มาตามอ่านค่ะ ตัวเองไม่มีความรู้เรื่องนี้เลย ขอดูคนเถียงกันแล้วกัน แต่ไหนๆ ก็มาแล้ว จะเลยผลิต link ให้นะคะ http://antiquescientifica.com/archive46.htm คุงปู่ทวด ... อ่านไปตอนแรกๆ มีแต่ที่ชี้ข้อผิดพลาดทั้งนั้นเลย ( แอบหวั่นว่าอาจจะมี แฟนหนังสือ อ.สายสุวรรณ จะฉุนขาดแล้วตามไปดักตีหัวนะคะ :P ) แล้วก็นะคุณปู่ทวดนะ ไม่ไปสมัครสมาชิกพันติปอ่ะคะ จะได้แก้ข้อความได้ จากคุณ : i_tua_yung - [ 18 เม.ย. 48 21:30:09 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ความรู้เยอะดีครับ ^ ^ ชอบมาก เก็บเกี่ยวอย่างเดียวเลย จากคุณ : Yensid - [ 18 เม.ย. 48 22:06:47 ]

ความคิดเห็นที่ 79 เป็นเอกลักษณ์ของเฮียแท่นแกไปแล้วล่ะครับ จนขนาดที่ว่าถ้าไม่เห็นแกมาพิมพ์แก้ข้อความของตัวเองนี่ ให้เดาไว้ก่อนว่าไม่ใช่ตัวจริง ผมเห็นด้วยในหลายจุดที่คุณแท่นสียกมาเป็นตัวอย่าง (ของ อ.สายสุวรรณ) ครับ (...แปลได้อีกอย่างว่า เฮียแท่นกับผมมีความเห็นผิดๆเหมือนๆกัน...แต่ผมคิดว่าคุณแท่นเห็นถูกแล้ว ;-) อันที่จริงนักแปลสมัยใหม่นั้นถือว่ามีทรัพยากรมากกว่าการแปลสมัยก่อนๆมากนะครับ ทั้งอินเตอร์เน็ต ทั้งพจนานุกรมอังกฤษ-อังกฤษให้เลือกใช้ ถ้านับความได้เปรียบแล้ว ผมถือว่านักแปลยุคหลังควรจะแปลได้ดีกว่ายุคก่อน... ...แต่ความแม่นยำในการแปล อย่างที่เห็นกัน ก็ไม่ได้หมายถึงคนอ่านจะยินดีปรีดาด้วยเสมอไป ต่อให้แปลได้ clinically precise ชนิดคำต่อคำ ประโยคต่อประโยค ย่อหน้าต่อย่อหน้า บางทีคนอ่านก็กลืนไม่ลงเหมือนกัน คงคล้ายกับการตำน้ำพริกสมัยใหม่ที่ใช้มูลิเน็กซ์ปั่นเอา ละเอียด แต่ไม่อร่อย เทียบกับการโขลกน้ำพริกด้วยครก แม้ไม่ละเอียดเท่าใช้เครื่องปั่น แต่ก็มีรสมือ มีกากชิ้นใหญ่ๆให้คนกินได้เคื้ยวเองบ้าง คนครัวที่ปั่นน้ำพริกด้วยมูลิเน็กซ์แล้วยังอร่อยเท่าครกโขลก ก็ต้องนับว่าเจนจัดในทั้งสองแขนง ก็ต้องนับว่าหายาก แต่เท่าที่เข้าใจ เดี๋ยวนี้อะไรๆมันเป็นธุรกิจมากขึ้น ผู้คนก็หันมาใช้เครื่องปั่นกันหมด จะหาคนครัวที่บอกว่า เอ๊ย นี่ไม่ได้นะ ทำอาหารถ้าทำเยอะไปมันไม่อร่อย ต้องทำปริมาณพอดีๆ พอดีที่ว่าถ้าทำมากเกินกว่านี้มันจะไม่อร่อย คนทำก็จะเสียชื่อ อะไรอย่างนั้นก็ท่าจะยากขึ้นทุกที มันก็เลยกลายเป็นแบบ...เอ๊ย วันนี้ลูกค้าเยอะ มัวแต่โขลกอยู่ทำไม่ทันขายแน่ ไปเอาเครื่องปั่นมาดีกว่า อะไรอย่างนั้น แต่ความอร่อยมันก็ขึ้นกับลิ้นของคนกินนะ ผมว่า ถ้าคนกินเป็นพวกลิ้นจระเข้ จะโขลกหรือจะปั่นคงไม่ต่างกัน ถ้าเป็นลิ้นไฮโซ กินอะไรก็คงไม่อร่อยเท่าน้ำพริกที่หมายมั่นไว้แล้ว ว่าต้องเจ้านั้นเจ้านี้เท่านั้นถึงจะอร่อย เจ้าอื่นก็งั้นๆ (พวก bons...ผมว่าเรียกว่างั้นนะ) จากคุณ : บูมเมอร์ - [ 18 เม.ย. 48 22:16:28 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ตอนนี้เราเริ่มเรียนรู้จาก อ.สายสุวรรณมากแล้วนะเรื่องการใส่อารมณ์เพื่อให้ได้อรรถรส คราวนี้มาดูเราหัดแปลเกินบ้าง เรื่องหมาผลาญตระกูล I laughed incredulously as Sherlock Holmes leaned back in his settee and blew little wavering rings of smoke up to the ceiling. (คำแปล อ.สายสุวรรณ) ข้าพเจ้าหัวเราะอย่างไม่เชื่อถือ เมื่อเชอร์ล็อก โฮลม์เอนหลังลงพิงเก้าอี้ยาว พลางพ่นควันบุหรี่เป็นวงเล็กๆ ลอยขึ้นสู่เพดาน ดู version สติแตก I laughed incredulously as Sherlock Holmes leaned back in his settee and blew little wavering rings of smoke up to the ceiling. (tansy เลยหัดแปลเกินเพื่อความมันเข้าไว้..โดยใช้ศัพท์สมัยใหม่) ข้าพเจ้า (หมายถึงวัตสันเล่าเรื่อง) ปล่อยก๊ากออกมาเพราะคิดว่าเป็นเรื่องยกเมฆ ซึ่งในขณะนั้น เชอร์ล็อก โฮล์มส์ ก็เอนหลังพิงเก้าอี้ยาวเอกเขนก แล้วพ่นควันบุหรี่ปุ๋ยๆเป็นวงกลมๆเล็กๆปลิวว่อนขึ้นไปที่เพดานสบายใจเฉิบ จากคุณ : tansy - [ 19 เม.ย. 48 06:45:39 A:61.91.135.101 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 81 นายนวล: ข้าพเจ้าหัวเราะเยาะด้วยเสียงอันดัง ขณะที่เชอรล็อกโฮมส์เอนตัวลงบนเก้าอี้ยาว พ่นควันบุหรี่ขึ้นไปบนเพดานเปนกลุ่มๆ (รักษาภาษาต้นฉบับ) ดวงใจ กวียะ: ข้าพเจ้าหัวเราะอย่างไม่เลื่อมใสเท่าไหร่นัก ขณะที่เชอร์ล็อกโฮล์มส์เอนหลังกลับไปพิงเก้าอี้นวมของเขา แล้วพ่นควันบุหรี่ที่ม้วนเป็นวงลอยขึ้นไปที่เพดานห้อง เอกเขนก (พจนานุกรมรชบฑ) อาการที่เอนตัวลง เอาศอกข้างหนึ่งเท้าหมอนหรือพื้น จากคุณ : จ๋อง - [ 19 เม.ย. 48 07:17:51 A:61.90.48.241 X: TicketID:086756 ]

ความคิดเห็นที่ 82 wavering rings แปลว่า วงกลมที่ลอยกระเพื่อมได้ไหม เฮียแท่น คุณดวงใจแปลว่า ม้วนเป็นวง นับว่าละเอียดนะ จากคุณ : จ๋อง - [ 19 เม.ย. 48 07:23:06 A:61.90.48.241 X: TicketID:086756 ]

ความคิดเห็นที่ 83 เรื่องหมาผลาญตระกูลต่อ ..... คำแปลภาษาไทยแถวบน เป็นของ อ.สายสุวรรณ คำแปลภาษาไทยแถวล่างเป็นของ tansy ที่กำลังหัดแปลเกินแบบสติแตกเพื่อเอามันเข้าไว้ "From one or two friends there on the occasion of my marriage." "จากเพื่อนคนหนึ่งหรือสองคนที่นั่น ในคราวสมรสของผม “เพื่อนคนสองคนจากที่นั่น ให้ผมไว้เป็นของขวัญผมเมื่อผมสละโสด คิดผิดหาห่วงมาใส่คอ” "Dear, dear, that's bad!" said Holmes, shaking his head. "ชะ ชะ นั่นเลวจริง" โฮลมส์พูดพลางสั่นศีรษะ “แล้วกัน ห่วยแตก!” โฮล์มส์อุทานออกมาพร้อมกับสั่นหัว Dr. Mortimer blinked through his glasses in mild astonishment. หมอมอร์ติเมอร์กะพริบตาปริบๆ เห็นได้จากแว่นตาของเขาว่าออกจะงง หมอมอร์ติเมอร์กระพริบตาปริบๆ จนมองผ่านแว่นเห็นได้ว่าเขาค่อนข้างจะมึนเฮด "Why was it bad?" "ทำไมถึงเลวล่ะครับ!" “ทำไมถึงห่วยแตกล่ะครับ!” "Only that you have disarranged our little deductions. Your marriage, you say?" "ก็เพียงแต่ว่าคุณทำให้อนุมานเล็กๆ น้อยๆ ของเราไถลถลากไปเท่านั้น คราวแต่งงานของคุณ “คุณแค่ทำให้เราต้องเสียฟอร์มหลังจากที่เราคำนวณ(deductions การนิรนัย แต่ถ้าใช้ศัพท์ถูกต้องจะแปลไม่มันเท่า อ.สายสุวรรณ) มาแล้วเป็นอย่างดีเท่านั้นเองครับ คุณแต่งงาน คุณว่างั้นใช่ไหมครับ.......? เวรแท้ๆเลย ผมสงสารคุณจริงๆสิผับผ่าซี.......” "Yes, sir. I married, and so left the hospital, and with it all hopes of a consulting practice. It was necessary to make a home of my own." "ถูกแล้วครับ ผมแต่งงาน และจึงสละโรงพยาบาล พร้อมกันกับความหวังทั้งมวลที่จะปฏิบัติหน้าที่รับหารือทีเดียว มันเป็นการจำเป็นในการที่ผมจะต้องดำเนินชีวิตครองเรื่อนของผมเอง" “ใช่ครับ ผมแต่งงาน จึงลาออกจากโรงพยาบาล เพราะสาวๆที่นั่นสวยเกินครับ ภรรยาผมขี้หึงชมัดเลย ผมจึงเลิกล้มความตั้งใจที่จะเป็นแพทย์ที่ปรึกษา นับว่าเป็นเรื่องจำเป็นกับการปกครองในระบอบภรรยาธิปไตยนะครับ” "Come, come, we are not so far wrong, after all," said Holmes. "And now, Dr. James Mortimer ------" "นั่นปะไร ผลสุดท้ายเราก็ไม่ผิดมากนัก" โฮลมส์กล่าว "ทีนี้ หมอเจมส์ มอร์ติเมอร์..." “เอาหละ เอาหละ เดาผิดแค่นี้ ยังไง พวกเราก็หน้าแตกไม่มากนัก เย็บไม่กี่เข็มหรอก” โฮล์มปลอบใจตัวเอง “แล้วตอนนี้ คุณหมอเจมส์ มอร์ติเมอร์........” จากคุณ : tansy - [ 19 เม.ย. 48 07:24:03 A:61.91.135.101 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 84 คราวแต่งงานของคุณ.... พิมพ์ตกคำแปล อ. ต้องเป็น คราวแต่งงานของคุณหรือ คุณว่า?" ใน คคห 41 กับ 42 แปะฉบับภาษาอังกฤษไว้ไม่ครบ ลองแปะใหม่ He now took the stick from my hands and examined it for a few minutes with his naked eyes. Then with an expression of interest he laid down his cigarette, and carrying the cane to the window, he looked over it again with a convex lens. อ. สายสุวรรณแปลมาว่า ในตอนนี้เขาได้ฉวยไม้ถือจากมือข้าพเจ้า และตรวจดูด้วยคาเปล่าเป็นเวลา 2-3 นาที ครั้นแล้ว พร้อมกับอุทานแสดงความสนใจ เขาก็วางบุหรี่ลงนำไม้ถือไปยังหน้าต่าง เอาแว่นนูนส่องดูอีกจนทั่ว............... ตามที่บอกแล้วใน คคห 41 กับ 42 ว่า expression of interest ที่จริงแล้วต้องแปลว่า "แสดงสีหน้าที่สนใจ" ไม่ใช่ "อุทานแสดงความสนใจ" .............ที่นี้ เรามาลองดูกันว่า นักแปลรุ่นใหม่จะทำอย่างไร เมื่อเรียนรู้ว่า แปลคลาดเคลื่อนแล้วมันดี จะทำยังไงจึงจะเลียนแบบได้ เพื่อเอามันลูกเดียว ไม่เอาแม่นยำ มัวแต่แม่นยำหนังสือขายไม่ได้ expression of interest ถ้าแปล แสดงสีหน้าสนใจ คงสู้ท่าน อ. ไม่ได้ ลอง "แสดงท่าว่ากระหายที่จะรู้" ....ลอง "กระเหี้ยนกระหือรือ" ............... ลองแปลเพื่อเอามันแบบสติแตกใหม่ คลาดเคลื่อนไม่กลัวแล้วเดี๋ยวนี้ เพราะเรียนรู้แล้วว่า ความมันเท่านั้นที่จะครองโลกได้ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คำแปล version ของ tansy He now took the stick from my hands and examined it for a few minutes with his naked eyes. Then with an expression of interest he laid down his cigarette, and carrying the cane to the window, he looked over it again with a convex lens. ตอนนี้เขาตะปบไม้เท้าจากมือข้าพเจ้าด้วยท่าเพลงกรงเล็บนกอินทรีย์ เอาไปถ่างตาดูอยู่ 2-3 นาที ถัดจากนั้น เขาก็ดีดบุหรี่ทิ้งไป แล้วคาบไม้เท้าเดินที่ช่องตรงหน้าต่าง ใช้แว่นขยายเพ่งพินิจมันอย่างกระเหี้ยนกระหือรือ จากคุณ : tansy - [ 19 เม.ย. 48 07:44:11 A:61.91.135.101 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 85 นายนวล: โฮมส์หยิบไม้เท้าไปจากมือข้าพเจ้า พิจารณาดูอย่างเลอียดลออด้วยตาเปล่า แล้วนึกสนุกอะไรขึ้นมาอย่างหนึ่งถึงกับวางบุหรี่เสีย ดวงใจ: ตอนนี้เขาเอาไม้เท้าไปจากมือข้าพเจ้า แล้วสำรวจด้วยตาเปล่าอยู่สองสามนาที และแล้วด้วยสีหน้าแสดงความสนใจ เขาวางบุหรี่ลง จากคุณ : จ๋อง - [ 19 เม.ย. 48 07:57:33 A:61.90.48.241 X: TicketID:086756 ]

ความคิดเห็นที่ 86 กระเหี้ยนกระหือรือ ...........สงสัยสะกดผิดหว่า...........??? ไม่เคยเห็นตัวสะกด แต่เคยได้ยินเจ้านายเก่าเราพูดบ่อย ......... เจ้านายเก่าเรามีศัพท์เด็ดๆเยอะ เอาถ้าเราจะแปลเชอร์ล็อก โฮล์มส์ ให้มันๆต้องไปเรียนคำศัพท์เด็ดๆจากท่าน.......... เช่นวันหนึ่งเราไม่ทำงาน แต่ยุให้พนักงานพิมพ์ดีด 2 คน ผู้ชายคน ผู้หญิงคนหนึ่ง .....พิมพ์ดีดแข่งกัน ......พิมพ์บนคอมแล้วกใช้ software วัดความเร็ว เจ้าพนักงานผู้ชายมันขี้คุย เห็นคู่แข่งเป็นสาวสวย ก้อหลวมตัว ดันไปต่อแต้มให้เธอ ต่อให้ตั้ง 20 คำต่อนาทีแน่ะ .........แต่หมอหารู้ไม่ว่า หมอเคยพิมพ์แต่เครื่องพิมพ์ดีดไฟฟ้า แต่ผู้หญิงเขาจบคอมพิวเตอร์มา ดังนั้น พนักงานผู้ชายมันหา keys ที่เป็นเครื่องหมายคอมพิวเตอร์ประหลาดๆ บน computer keyboard ไม่ทันผู้หญิงแน่ๆ...........เราเลยวางเดิมพันถือหางผู้หญิง แล้วก็จริงอย่างที่คาด พนักงานผู้หญิงหลับตาพิมพ์ฉลุยเลย แต่เจ้าหมอนั่นงงเป็นไก่ตาแตก เราเลยชนะพนันแบบถล่มทลายเลยวันนั้น ฮาๆๆๆๆๆ....... พอพนักงานทั้งบริษัทเข้ามาเชียร์กัน เจ้านายเดินเข้ามาพอดี ........ท่านบอกว่า "มีมหกรรมอะไรกัน?" .........เข้าท่า เข้าท่า สำนวนแบบนี้นะ .........ต้องเรียนรู้ไว้ จากคุณ : tansy - [ 19 เม.ย. 48 08:01:25 A:61.91.135.101 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 87 มาถึงตอนนี้ เขาเอาไม้เท้าไปจากมือของผมแล้ว และตรวจสอบมันด้วยดวงตาเปลือยเปล่าอยู่ไม่กี่นาที  หลังจากนั้น ด้วยสีหน้าแสดงความสนใจ เขาวางบุหรี่ของเขาลง และแบกไม้เท้าไปที่หน้าต่าง เขามองเหนือมันอีกครั้งด้วยเลนส์นูนหนึ่งเลนส์ จากคุณ : ลมฝัน - [ 19 เม.ย. 48 08:13:01 ]

ความคิดเห็นที่ 88 อ.สายสุวรรณ จับจุดได้ว่า ความมันของ เชอร์ล็อก โฮล์มส์ อยู่ที่ ฉากการกระเซ้าเย้าแหย่กันระหว่าง โฮล์มส์ กับ วัตสัน ดูคำแปลวรรคนี้ "Really, Watson, you excel yourself," said Holmes, pushing back his chair and lighting a cigarette. "I am bound to say that in all the accounts which you have been so good as to give of my own small achievements you have habitually underrated your own abilities. It may be that you are not yourself luminous, but you are a conductor of light. Some people without possessing genius have a remarkable power of stimulating it. I confess, my dear fellow, that I am very much in your debt." คำแปลของ อ.สายสุวรรณ "จริงนะ วัตสัน แก่เก่งขึ้นมาก" โฮลมส์กล่าวพลางดันเก้าอี้ออกมาเบื้องหลังหน่อยหนึ่ง แล้วจุดบุหรี่สูบ "กันจำต้องพูดว่า ในบรรดาเรื่องราวทั้งหมดที่แก่มีแก่ใจเขียนขึ้นเพื่อแสดงผลสำเร็จเล็กๆน้อยๆของกันเองนั้นน่ะ แกประเมินความสามารถของแกเองต่ำต้อยอยู่เป็นอาจิน ถึงตัวแกเองอาจจะไม่ใช่แสงสว่างก็จริง แต่แกก็เป็นสื่อของแสงสว่างอยู่ คนลางคนถึงไม่มีคุณสมบัติเป็นอัจริยะ แต่เขาก็มีคุณสมบัติกระตุ้นให้เกิดอัจฉริยะได้เหมือนกันนะ กันขอสารภาพละ เพื่อนเอ๋ย ว่ากันเป็นหนี้บุญคุณแกอยู้มากโข" "Really, Watson, you excel yourself," said Holmes, pushing back his chair and lighting a cigarette. "I am bound to say that in all the accounts which you have been so good as to give of my own small achievements you have habitually underrated your own abilities. It may be that you are not yourself luminous, but you are a conductor of light. Some people without possessing genius have a remarkable power of stimulating it. I confess, my dear fellow, that I am very much in your debt." คำแปลของ tansy ที่แปลเอามันเข้าไว้ .....นักแปลรุ่นใหม่ควรลองแบบนี้บ้าง จะได้แปลได้อรรถรส.... “นายแสนรู้ขึ้นจริงๆนะ วัตสันเอ๋ย... น่าจะเป็นเพราะไอ้ชัม หรือเพ็ดดีกรี ที่นายซัดเข้าไปเป็นกล่องๆช่วงเนี้ย” โฮล์มส์พูดในขณะที่ส่ายตูด กระแด่วกระแด่ว ดันเก้าอี้ไปข้างหลังและจุดบุหรี่สูบจุ๊ยท่าน่าถึบ “เราขอพูดว่า นายแสนดีนะที่เขียนเล่าเรื่องความเก๋าของเรา ในขณะที่นายมักก็มักจะประเมินความเจ๋งของตัวนายเองต่ำไป ถึงนายจะไร้แสงสว่างในตัวเอง ซึ่งไม่เท่ห์เหมือนกับหิ่งห้อย แต่นายก็ชี้ทางสว่างให้ผู้อื่นได้.... คนบางคน:-) แต่ก็ยังมิวายกระตุ้นให้ผู้อื่นกลายเป็นอัจริยะเหนือชั้นยิ่งกว่าเซียนตัดเซียนได้ สหายเอ๋ย เราต้องสารภาพว่า เราเป็นหนี้บุญควายอย่างนายไม่ใช่ย่อยเลยนะ” จากคุณ : tansy - [ 19 เม.ย. 48 08:24:56 A:61.91.135.101 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 89 จุ๊ยท่าน่าถึบ สงสัยสะกดผิดเลยไม่โดนเซ็นเซ่อร์ ที่จริงเป็น จุ๊ยท่าน่า teep คนบางคน:-) โดนเซ็นเซ่อร์ ตั้งใจพิมพ์ว่า คนบางคนสมอง dog ปัญญา buffalo กำลังมัน ไม่น่าโดนเซ็นเซ่อร์เล้ยสิ ผับผ่า.... จากคุณ : tansy - [ 19 เม.ย. 48 08:29:30 A:61.91.135.101 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ใน คคห 84 คำว่า "ช่องตรงหน้าต่าง" เราแปลเกินมาจากไหนกันหว่า.......ชักงงแล้วดิ......... อ๋อไปจำผิดจากวรรคนี้ยังไงล่ะ He had risen and paced the room as he spoke. Now he halted in the recess of the window. There was such a ring of conviction in his voice that I glanced up in surprise. อ.สายสุวรรณแปลมาว่า ในขณะที่พูดเขาได้ลุกขึ้นเดินไปมาอยู่ แล้วไปหยุดที่ริมหน้าต่าง ในนำเสียงบอกความแน่ใจจนทำให้ข้าพเจ้าเงยหน้ามองด้วยความประหลาดใจทีเดียว He had risen and paced the room as he spoke. Now he halted in the recess of the window. There was such a ring of conviction in his voice that I glanced up in surprise. tansy หัดแปลคลาดเคลื่อน เขาลุกขึ้นเดินวนไปวนมาอยู่ในห้องแล้วพล่ามไม่หยุดจนน่าเวียนหัว ตอนนี้เขาไปยืนแลบลิ้นหอบอยู่ที่ซอกตรงหน้าต่าง เสียงของเขาแสดงความชัวร์ปึ๊กจนข้าพเจ้าต้องเงยหน้าขึ้นมองด้วยความหมั่นใส้อยากจะอัดเขาซักเปรี้ยงหนึ่ง จากคุณ : tansy - [ 19 เม.ย. 48 08:47:32 A:61.91.135.101 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 91 ถ้าเราแปลแบบตรงเกินไป เวลาพระเอกเรียกนางเอกว่า ฮันนี่ เราต้องแปลว่า น้ำผึ้งจ๋าหรือเปล่าเนี่ย อีกที พระเอกเรียกนางเอกว่า เบบี๋ เราก็แปลว่า น้องทารก นางเอกรักตายเลย จากคุณ : polmee - [ 19 เม.ย. 48 09:52:53 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ฮา!!! จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 19 เม.ย. 48 11:07:35 ]

ความคิดเห็นที่ 93 นั่นแหละ เขาถึงเรียกการแปลว่า เป็นศาสตร์และศิลป์พร้อมกันในเวลาเดียวกัน ศาสตร์ คือความรู้ความเข้าใจในภาษาต้นทางและปลายทาง ศิลป์ คือการรู้จักเลือกใช้คำให้ถูกต้อง และเข้ากับบริบท อารมณ์ และบรรยากาศ งานแปล คือการตีความ มากกว่าแปลความ ด้วยเหตุนี้ ถึงมีการใช้ "แปลและเรียบเรียง" อย่างที่เคยนำมาเขียนให้อ่านไว้ก่อนแล้ว มีนักแปลชื่อดัง แปล a-s-s-**-h-o-l-e เป็น ไอ้รูทวาร และคุณแท่นเขียนแก้เป็น ไอ้งั่ง! ผู้แปล แปลไม่ผิด แต่ไม่เวิร์ก - จริงหรือเปล่า อีกวรรคหนึ่งในเรื่องเดียวกัน ผู้แปลคนเดียวกัน "there must be something rotten in Denmark" ผู้แปลแปลตรงตัวไปเลยว่า "ต้องมีอะไรเน่าเสียในเดนมาร์ก" ตรงนี้ ผู้แปลขาดศาสตร์อย่างแรง ถึงจะแปลถูกต้องตามตัวอักษรทุกประการ เพราะประโยคนี้ คือคำคมที่เอามาจากแฮมเล็ต และใช้กันเป็นสำนวนในปัจจุบัน และถ้าผู้แปลสามารถหาสำนวนของไทย แต่มีความหมายเดียวกันมาใช้ นั่นแหละ จะมีทั้งศาสตร์ และศิลป์ ตัวอย่างต่อไป ได้มาจากเว็บๆ หนึ่ง ประโยคต้นฉบับคือ "as she idly stroked the satiny coat of the cat that lay curled in her lap" ประโยคแปลคือ "หล่อนอ้อยสร้อยลูบขนนุ่มลื่นของแมวซึ่งขดตัวอยู่บนตัก" คำในประเด็นคือ idly ซึ่งผู้แปลแปลว่า อ้อยสร้อย ตรงนี้ มีศิลป์ แต่ขาดศาสตร์ในภาษาแม่ของตัวเอง - ที่ว่ามีศิลป์ คือการเลือกใช้คำ อ้อยสร้อย ซึ่ง ให้"ความรู้สึก" ดีในประโยคนี้ - ที่ว่าขาดศาสตร์ เพราะ (1) อ้อยสร้อย ไม่มีในพจนานุกรม (2) อ้อยส้อย มีความหมายตามราชบัณทิตฯ ดังนี้ ค้น : อ้อยส้อย คำ : อ้อยส้อย เสียง : อ้อย-ส้อย คำตั้ง : อ้อยส้อย ชนิด : ว. ที่ใช้ : ที่มา : นิยาม : ทำอาการเศร้าสร้อยอ้อยอิ่งเพื่อให้เขาเห็นใจ. ภาพ : อ้างอิง : ปรับปรุง : 98/4/2 และ (3) idly มีความหมายคนละเรื่องเดียวกันกับ "อ้อยส้อย" อีกทั้งไม่สามารถตีความตามบริบทให้เป็น "อ้อยส้อย" ได้ ผู้แปลน่าจะรู้ความหมายของ idly ดี แต่ไม่สามารถเลือก "คำที่ถูกต้อง" ตามความหมายและบริบท มาใช้เพื่อให้คนอ่านเกิดความรู้สึกได้ จึงเลือก "อ้อยสร้อย" แทน อีกตัวอย่างนะ ประโยคต้นฉบับ "Why do women put perfume on their wrists? " ผู้แปลแปลว่า "ทำไมผู้หญิงจึงใส่น้ำหอมที่ข้อมือ" - ถูกต้องตามต้นฉบับทุกประการ แต่ขาดศิลป์ ไม่ลื่นเนียน มีคนเข้าไปแนะนำว่าให้เลี่ยงเป็น "ทำไมสาวๆ ถึงชอบแตะแต้มน้ำหอมที่ข้อมือ" - อันนี้สิ มีทั้งศาสตร์ มีทั้งศิลป์ * ถ้าจะแปลเอามันอย่างเดียว โดยผิดไปจากต้นฉบับ - ก็จะมีแค่ ศิลป์ แต่ไม่มี ศาสตร์ * ถ้าจะแปลให้ถูกต้องตามต้นฉบับ แต่ไม่เล่นคำให้พ้องกับบริบท - ก็จะมีแค่ ศาสตร์ แต่ไม่มี ศิลป์ ดังนั้น งานแปล ควรมีทั้งศาสตร์และศิลป์ในคราเดียวกัน - และถ้าทำได้อย่างนี้ รับรองว่า รับทั้งกล่อง รับทั้งทรัพย์แน่นอน จากคุณ : o;] - [ 19 เม.ย. 48 12:19:43 A:221.128.113.189 X: TicketID:012689 ]

ความคิดเห็นที่ 94 เจ๊ o;] ให้คำแนะนำอันมีค่าเป็นยิ่งนัก ..........ข้าพเจ้าจะน้อมรับเอาไปบริกรรมทุกวันเลย .....ตอนนี้กำลังพยายามฝึกให้ได้ทั้งศาสตร์และศิลป์นะ .........โดยการอ่านคำแปลของ อ.สายสุวรรณ แต่ตอนนี้อากาศมันร้อนง่ะ เลยขอแปลแบบสติแตก เอามัน ดับความร้อนคลายเครียด ไปพลางๆก่อนเหอะ.....แปลบ้าๆบอๆแบบนี้คงไม่มีใครกล้าเอาไปตีพิมพ์หรอก เด๋วจะแปลไล่แจกแถวๆเนี้ย.........หุๆๆๆๆ จากคุณ : tansy - [ 19 เม.ย. 48 13:01:27 A:61.91.135.150 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 95 เรื่องการแปลแบบมีศาสตร์และศิลป์นี่น่าสนใจนะ ............เราคิดว่าถ้าเรายึดอาชีพอื่นเป็นหลัก หรือถ้าร่ำรวยเหมือนเจ้านายไทยสมัยโบราณ .....แล้วค่อยๆแปลงานวรรณกรรมวันละหน้าสองหน้า แล้วแก้ไขตำแปลให้ดีๆโดยมีที่ปรึกษาเก่งๆรอบตัวเพียบ .....และมีข้าทาสคอยรับใช้ป้อนข้าวป้อนน้ำ ......คือทำเพื่อ "ชื่อเสียง" มิได้หวังเงิน "อย่างนี้มีศาสตร์และศิลป์แน่" ............... แต่ถ้า แปลเพื่อเงิน โดยการ 1. เซ็นสัญญากับ สนพ 2. แปลให้ทันกำหนดเวลา 3. แปลช้าเสียหายด้านการเงิน เพราะไปทำงานอื่นไม่ได้ 4. แปลเร็ว แปลผิดเยอะ............. ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ แปลงานมีศาสตร์ มีศิลป์ และคุ้มทุน ร่ำรวยในเวลาเดียวกันทำได้ยากมาก .............ใครทำได้ก้อเก่ง ...........แต่เราไม่มีปัญญาที่จะทำ......... ใ:-)เพราะการแปลหนังสือ จะอ้างว่าพวกเขามีทั้งศาสตร์และทั้งศิลป์ ในเวลาเดียวกัน (คง IQ เกิน 2000) เราก็ตอบว่า พวกคุณเก่ง แต่เราไม่เก่ง ........... ดังนั้น ถ้าเราจะเอาทั้งศาสตร์ และทั้งศิลป์ เราก้อต้องรวยก่อน (หรือมีใครเลี้ยงเรา) แล้วมาแปล หรือแปลไปแล้วหวังแต่ชื่อเสียง ไม่หวังเงิน ..........คือทำงานอื่นเป็นงานหลักแต่ค่อยๆแปลวรรณกรรมช้าๆ โดยไม่หวังที่จะได้รับการตีพิมพ์ แต่แจกฟรี ..........นั่นเอง ........ ดังนั้น เราจึงคิดถูกแล้วที่ กลับไปแปลงานด่วน (สัญญากฎหมาย เอกสารประมูลงานจัดซื้อจัดจ้าง และเอกสารในเชิงพาณิชย์อย่างอื่น) ที่ลูกค้าไม่พิถีพิถันมากนัก เพราะต้องรีบนำไปใช้โดยเร็ว ............มันทำให้เราไม่ต้องจนตรอกเรื่องเงินเหมือนกับที่พยายาม "ฝืนสังขาร แปลโดยมีทั้งศาสตร์และศิลป์ แข่งกับผู้อื่นที่มีความพร้อมทางด้านการเงิน และสถานภาพทางสังคมมากกว่าเรา" ....... และคิดถูกด้วยที่เราอ่านวรรณกรรมก็เพื่อปรับปรุงการเขียนภาษาอังกฤษของเราแต่เพียงเท่านั้น .......ใครมีทั้งศาสตร์ และศิลป์ และมีทั้งเวลา และมีทั้งเงินที่จะพัฒนาศาสตร์และศิลป์ได้ภายในเวลาเดียวกันก็ลองทำไปเถิด........... เรารู้จักนักแปลคนหนึ่ง ตอนนี้ออกหนังสือหลายเล่ม เธอบอกแปลจนงง กินฝรั่งติดคอ ไปผ่าตัดหมดเงินไป 5-6 หมื่นบาท เลยต้องแบกคอมพิวเตอร์ไปแปลต่อในโรงพยาบาล.......แต่ตอนนี้กำลังเริ่มจะดังนะ .....นี่หรือคือศาสตร์และศิลป์..........???? ......... จากคุณ : tansy - [ 20 เม.ย. 48 23:22:42 A:61.90.52.109 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 96 ในอดีดมีนักเขียน นักแปล หรือนักแต่งเพลง ที่มีทั้งศาสตร์และศิลป์ที่ใส้แห้ง มือเจ็บก้อยังต้องทนเขียน จะตายยังไม่มีเงินเผาศพ ลิขสิทธิ์ก็ไม่ได้ตกเป็นของลูกเมีย แต่ตกเป็นของนายทุน ............. แต่ในขณะเดียวกันก้อมีผู้เกิดมาในตระกูลเจ้านายที่มีทั้งศาสตร์และศิลป์ในทางวรรณกรรม .....ซึ่งสร้างผลงานไว้โดยไม่หวังเงิน (เพราะมีเงินอยู่แล้ว) ได้แต่หวังชื่อเสียง ............... แท้จริงแล้ว เส้นทางวรรณกรรม หากต้องการเอาทั้งศาสตร์และศิลป์ ผู้ผลิตผลงาน ควรมีเงินแล้ว และผลิตผลงานเพื่อชื่อเสียงเท่านั้น มิฉนันแล้ว มันไม่คุ้มทุน.................... แต่ทางออกของสังคมปัจจุบัน ก็มี นั่นก้อคือ "หานายทุนรวยๆและกว้างขวางในสังคมยังไงล่ะ" มิฉนั้น ต่อให้มีทั้งศาสตร์และศิลป์ก้อไปไม่รอด .......... จากคุณ : tansy - [ 20 เม.ย. 48 23:57:49 A:61.90.52.240 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 97 เหอๆ จากคุณ : Elrond - [ 22 เม.ย. 48 19:42:30 ]

ความคิดเห็นที่ 98 ก๊ากกก ไม่อย่างนั้นคนโบราณเขาจะมีศัพท์ "นักประพันธ์ไส้แห้ง" หรือ เฮียแท่น เล่นวิเคราะห์สมการต้นทุนกันเลยนะ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 23 เม.ย. 48 13:29:29 ]

ความคิดเห็นที่ 99 กำลังจะทำเว็บใหม่ นี่คือบทนำ.... ความเป็นมา ที่แรกตัวเองก้อแปลเอกสารให้บริษัทอยู่ดีๆ แปลพวกงานด่วนเช่นเอกสารกฎหมาย เอกสารจัดซื้อจัดจ้างประมูลงาน คู่มือการใช้งานอุปกรณ์ ฯลฯ แต่อยู่ดีๆไม่ว่าดี อยากดัง เลยติดต่อ สนพ ไปหลายแห่งขอแปลหนังสือ ส่วนใหญ่เขาจะไม่ตอบกลับมาเลย แต่มีอยู่รายหนึ่ง เราขอให้เขาช่วยขอลิขสิทธิ์หนังสือภาษาอังกฤษเล่มหนึ่งมาให้เราแปล แต่กลายเป็นเขามาชวนเราแปลหนังสือภาษาอังกฤษอีกเล่มหนึ่ง โหพอแปลไปแล้วนะ edit (ตรวจทานแก้ไข) ไปหลายรอบก้อยังมีข้อบกพร่อง ถ้าทำลวกๆก้อแปลผิดเยอะ กลัวโดนยำ หรือแฉกลางเว็บว่าแปลผิด.... ถ้าทำดีๆตรวจแก้หลายๆรอบ ....ก้อเงินหมดก่อน ........หรืออย่างน้อยที่สุดก็ไม่คุ้มทุน...... เพราะแปลหนังสืออยู่แค่ 2 เล่มใช้เวลานานเกินควร...........ลงเองรายได้ไม่มากเท่าแปลงานด่วน....ช่วงนั้นนะ ความซวยมันประดังเข้ามาคอมพิวเตอร์ก็เสียกลางคัน .......เงินทองไม่ค่อยมีจะหมุน ก้อเลยเครียดๆหน้าตา .........เลยทรุทโทรม พวกตากล้องเห็นได้ทีถ่ายรูปเราตอนโทรมๆเอาไปลงหน้ากระดานข่าวบนเว็บ ......โหตั้งแต่นั้นมานะ กิ๊กเราหนีหน้าหมด .......คงเป็นเพราะเห็นรูปเราแล้วต๊กกาจายน่านเอง .(ตากล้องที่ถ่ายรูปเราสมควรตาย) ........งานนี้แฟนเราหัวเราะชอบใจ..........ฮ่าๆๆๆๆๆ ........... หลังจากนั้นนะ เรารีบกลับตัวกลับใจเสียใหม่ กลับไปแปลงานด่วนเหมือนเดิม ได้เงินไวๆเหมือนชื่อบะหมี่ พอฟื้นฟูสถานภาพทางด้านการเงินได้นะ หน้าตาเราก้อสดใสขึ้น............กร๊ากๆๆๆๆๆ......(ใครเห็นรูปเราตอนนี้แล้วจะไม่ยอมซื้อกล้องยี่ห้อที่ตากล้องใจร้ายคนนั้นถ่ายเรา...............หุๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ) คราวนี้อยากทำเว็บอีก หรือเขียนอะไรบน blog ก็น่าสนนะ คราวนี้ไม่เอาแล้วเรื่องแปลแบบมีศาสตร์หรือมีศิลป์น่ะยังไม่อยากอดตายก่อน .............เขียนเรื่องอะไรสบายๆใจเพื่อคงไว้ซึ่งความอ่อนวัยตลอดการของฉันจะดีกว่านะ .........เอเรื่องอะไรดีหว่า........??? เรื่อง sex ดิ.........สนุกดี....ออก ถ้าใครมี sex ถูกวิธีก้อ อายุยืนเป็นหมื่นๆปีและยังมีความสุขทางเพศได้ แต่ถ้าใครมี sex ผิดวิธีก็จะตายอย่างน่าอนาถตั้งแต่ยังเด็กๆ.........ชักอยากรู้แล้วใช่มะล่ะ .........ว่ามันยังไงกันเนี่ย...??..............ก็มาติดตามอ่านกันสิ....................... เว็บใหม่ของเราจะมันหยดติ๋งๆอีกตรงที่จะมีแฟนเราตามเข้ามา discredit เรา ...(ซึ่งคู่ปรับเราก้อจะไม่ทำแรงขนาดนี้เยย)......เราจะนั่งฝึกสมาธิทำใจว่าจะไม่โกรธเธอ............ยิ่ง discredit เรายิ่งเข้าทางเรา..............ยกตัวอย่างเช่น เราคำนวณทางหนีทีไล่ไว้แล้ว ว่าถ้าเราแนะนำเทคนิคเรื่อง sex ดีๆ แฟนเราก้อต้องเข้ามา discredit เราว่า “ไม่เอาไหนเลย ดีแต่พูด” .........โหคราวเนี้ย บรรดากิ๊กเรานะ ...........ต่างก้อสงสัย..........”อยากพิสูจน์ง่ะ”..........กลายเป็นสนุก.............ทำอะไรก้อได้อย่าให้มันเครียด ............เครียดเพราะเพียงแค่ “อยากมีศาสตร์และมีศิลป์หรือ” .........นักแปลหลายๆคนที่ประสบความร่ำรวยจากการแปล a*s*s*h*o*le เป็นไอ้รูทวาร หรือแต่งเรื่องให้เขาใหม่หมด (เมื่อพวกมันขี้เกียจเปิดดิกชันนารี) พวกเนี้ย ฉวยโอกาสสร้างความร่ำรวยให้แก่ตนเอง โดยการแปลโดยไม่ออกแรงเรียนภาษาอังกฤษ ทำได้ก็เนื่องจากการที่นักอ่านชอบแต่อรรถรส แต่ไม่สนใจเรื่องความเข้าใจภาษาอังกฤษ (ของผู้แปล) ก่อนที่จะมาแปล นั่นเอง......... ดังนั้น เมื่อกลไกตลาดเป็นเช่นนี้แล้ว ใครที่เขียนภาษาไทยเก่ง หรือพริ้วไปพริ้วมา.......ก้อแปลแล้วดังได้ ...........เว้นเสียแต่ว่าสักวันหนึ่งจะมีรายการทีวีจอมแสบที่มี sponsor ลงขันกันซื้อต้นฉบับภาษาอังกฤษ และคำแปลภาษาไทย มาให้พิธีกร (หลายๆคนที่เป็นนักแปล) มาช่วยกันยำนักแปลพวกที่ไม่ยอมเปิดดิกชันนารี แต่แต่งหนังสือให้เขาใหม่....(ทำไปพวกเราที่รักอ่านหนังสือแปล ไม่ระดมพลกันเขียนจดหมายไปบอกให้ไอทีวีทำรายการนี้ล่ะ...........อยากจะดูหน้านักแปลพวก แต่งเรื่องให้เขาใหม่นัก ว่าจะทำหน้าแบบไหน ถ้าไอทีวีมีระดมทุนซื้อหนังสือภาษาอังกฤษมาเปรียบเทียบกับคำแปลบรรทัดต่อบรรทัด....) ..............โลกของวรรณกรรมมันคงจะลงเอยเป็นโลกของวรรณเวรแท้ๆนะ.................เอ้าอย่าคิดมาก เตรียมอ่านเว็บโป๊.......เอ้ยเว็บเพศศึกษาของเรา...............จะมันกว่านะ ...........อิๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ..........ไม่ได้เงินไม่ว่า ขอเอามันเข้าไว้ ...........หุๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : tansy - [ 23 เม.ย. 48 14:57:24 A:61.90.52.79 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 100 จริงๆนะ ให้ตายสิ หากมี sponsors หลายๆคน ช่วยกันระดมเงินกันซื้อหนังสือต้นฉบับภาษาอังกฤษ และคำแปลภาษาไทย ไปทำรายการทีวี เช่นไอทีวี ตั้งชื่อรายการว่า "ยำนักแปล เพื่อความโปร่งใส"....โดยให้นักแปลชี้แจงออกอากาศได้ว่า ....แปลผิด เพราะ เบลอ หรือปวดหัวไมเกรน หรือทะเลาะกับแฟน หรือไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ แล้วเดาไป แล้วพิธีกรก็จะติเพื่อก่อ..........แต่นักแปลก็มีสิทธิ์แก้ตัวได้ว่า ได้ค่าแปลแค่นี้ ถ้าไม่รีบแปลก็ "ไม่คุ้มทุน" แต่ถ้ารีบแปลก็ "แปลผิดเยอะ"...ทางรายการจะได้หาวิธีแก้ไขโดยติดต่อกับ สนพ ......พิธีกรต้องเป็นนักแปลหลายๆคนช่วยกันดูความคลาดเคลื่อนของการแปล แล้ววิเคราะห์ว่า คลาดเคลื่อนเพราะผู้แปลไม่เข้าใจต้นฉบับภาษาอังกฤษหรือคลาดเคลื่อนเพราะ เป็นศาสตร์หรือเป็นศิลป ......นักแปลก็จะได้แปลช้าลง และสังคมก็จะได้กำหนด tolerance (ความคลาดเคลื่อนที่ยอมรับได้) และ สนพ ก็จะได้ตระหนักว่า การแปลให้ถูกต้องแล้วได้อรรถรสนั้น มันกินเวลานานมาก สมควรจ่ายค่าแปลเพิ่มขึ้นให้นักแปลที่แปลได้มาตรฐาน นักแปลที่ตลกบริโภค คือเปิดดิกแปลเรียงตัวไปทั้งๆที่ไม่เข้าใจต้นฉบับภาษาอังกฤษ เลย แล้วลงเอยใช้ความเก๋าที่เขียนภาษาไทยหรูจนคนอ่านไม่รู้ว่า "แปลผิด" ก็จะค่อยๆเลือนหายไปจากท้องตลาดเอง ............แต่ในโลกของนายทุนความโปร่งใสแบบนี้ เกิดขึ้นได้ยาก เนื่องจาก นายทุนไม่ยอมให้ความโปร่งใสฆ่านักแปลในสังกัด ที่แปลผิด แต่เขียนภาษาไทยเก่ง จนคนอ่านไม่รูอย่างเด็ดขาด ............ ลองไปบริกรรมดูว่าจริงหรือไม่................???? จากคุณ : tansy - [ 23 เม.ย. 48 15:16:47 A:61.90.52.79 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 101 รายการที่วีที่อยากให้นักอ่านเขียนจม หรือส่ง e-mail ไปเสนอให้เขาทำนะ มิใช่แต่จะยำนักแปลเท่านั้นนะ แต่ยังต้องให้ credit นักแปลที่แปลดีอีกด้วย ............คงเหมือนๆกับ รายการทีวีฝรั่งที่จัดอันดับ นักร้อง ยังไงล่ะ ต้องทำการจัดลำดับกันให้ถูกต้อง .....ไม่ใช่ว่า ใครเขียนแนะนำผลงานตัวเองมาก หรือมีเพื่อนฝูงช่วยกันเชียร์มาก็ดังระเบิดแล้วร่ำรวยได้ ในขณะที่ไม่ได้แปล "หากแต่แต่งหนังสือให้เขาใหม่" ... ในขณะที่คนที่เขามีทั้งศาสตร์และศิลป์ที่ หรืออย่างน้อยๆก็มีศักยภาพมากมายที่จะปรับปรุงผลงานได้ แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากไม่มีคนช่วยเชียร์หรือมัวหลงโง่ ไปค้นคว้าหาทางแปลให้ถูกต้อง (เสียเวลาค้นทั้งดิก ทั้ง Google นานแสนนานเพี่ยงเพื่อการแปลที่ถูกต้อง) แต่ไม่คำนึงถึงว่า ผู้อ่าน (ส่วนใหญ่ แต่ (หวังว่า) ไม่ทุกคน) "ไม่สนใจความถูกต้อง แต่สนใจอรรถรส" .............. จากคุณ : tansy - [ 23 เม.ย. 48 15:31:57 A:61.90.52.79 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 102 คุณแท่นเป็นนักแปลเชอร์ล็อคฉบับปัจจุบันหรือเปล่าครับ ? จากคุณ : tanoy_delphi - [ 23 เม.ย. 48 15:37:58 ]

ความคิดเห็นที่ 103 ข้อผิดพลาดของนักอ่าน ซึ้งทำให้นักแปลที่ต่ำกว่ามาตรฐานแจ้งเกิดแล้วร่ำรวยกันไปตามๆกัน ..........นั่นก็คือการประเมินผลงานแปลอย่างผิดพลาด ......!!! ผิดพลาดเพราะอะไร.........??? ผิดพลาดเพราะต้องการอ่านภาษาไทยที่มัน (แบบคนแปลแต่งให้ใหม่) แต่หารู้ไม่ว่า ภาษาอังกฤษมีหลายระดับ บางระดับมันยากเสียเกินกว่าที่คนไทยหลายๆคนจะเข้าใจได้ ถึงแม้ว่าจะไปอยู่ในอังกฤษหรืออเมริกามานานหลายๆ ปี ก็ยังอ่านไม่เข้าใจ .........ภาษาอังกฤษบางอย่างนะ ถ้าคนอ่านไม่เกิดในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ อ่านให้ตายก้อไม่เข้าใจหรอก ..............จะเชื่อหรือไม่ก้อแล้วแต่พวกท่านเถอะ............. แต่คนที่ตีความต้นฉบับแม่นมากๆ ดันเขียนภาษาไทยไม่เก่ง พอแปลออกมา 2-3 เล่มก็ "สูญพันธ์" เสียแล้ว ......... แต่นักอ่านหารู้ไม่ว่า ถ้าให้โอกาสนักแปล ที่ "ตึความต้นฉบับแม่นยำ แต่เขียนภาษาไทยไม่หรูหรามาก".......โอกาสที่จะให้นักแปลแบบนี้ พัฒนาการเขียนภาษาไทย (ซึ่งบางท่านเรืยกเสียซับซ้อนว่า "ศาสตร์และศิลป์") ใช้เวลาอาจเพียงแค่ 6 เดือนถึงหนึ่งปี ......... แต่ในทางกลับกัน นักแปลที่เขียนคำแปลภาษาไทยหรูหราน่าอ่าน แต่ไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ (คือแบบประโยคง่ายๆก้อแปลเพื้ยน) นักแปลประเภทนี้ กว่าจะฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษให้เข้าใจมากขึ้น (เพื่อที่จะได้ไม่แปลคลาดเคลื่อน) ...........โหจำนวนปี น่าตกใจ ............บางที อาจใช้เวลานาน 5-10 ปี ขึ้นอยู่กับปัจจัยส่วนต้วหลายๆอย่าง.......... ดังนั้น ความเข้าใจผิดของนักอ่าน ที่ต้องการแต่อรรถรส ทำไห้นักแปลที่เขียนภาษาไทยเก่ง แต่อ่านต้นฉบับภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่อง (ซึ่งยังต้องฝึกอ่านภาษาอังกฤษอีกนับ 10 ปึ หรือมากกว่านั้น) กลายเป็นดังระเบิด แล้วรวยเละ...............นี่คือข้อผิดพลาด.........ในสังคม........ จากคุณ : tansy - [ 23 เม.ย. 48 15:54:31 A:61.90.52.79 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 104 ตอบคุณ tanoy_delphi จริงๆแล้วตัวเองสนใจเชอร์ล็อค ไม่ใช่เพราะอยากแปล หากแต่เป็นเพราะตัวเองเป็นนักแปลที่ต้องแปลเอกสารจากไทยเป็นอังกฤษบ่อยๆ และเมื่อเด็กเคยเรียนภาษาอังกฤษแบบธรรมชาติคือฟังๆฝรั่งพูดๆแล้วพูดตาม แล้วอ่านๆแล้วเขียนตาม แต่ต่อมาพบว่า ขนาดฝรั่งชาวบ้านธรรมดา ธรรมดาก้อยังเขียนภาษาอังกฤษผิด ก้อเลยช่วงหลังๆมาบ้าเรียนไวยากรณ์เพื่อการเขียนภาษาอังกฤษ เรียนๆไปแล้วก็เกิด ปวดหัว เลยหันไปอ่าน วรรณกรรม แล้วจำประโยคที่นักเขียนฝรั่งดังๆเขียน เพื่อที่จะหัดเอาไปใช้งาน (จำเป็นประโยคไปเลย แล้วเอาไปดัดแปลง) และก้อวิเคราะห์ว่าฝรั่งนักเขียนพวกนี้ดัง มีลีลาอะไร..........อยู่ดีๆก็ไปคว้าผลงานของ ท่าน Sir Arthur Conan Doyle มาศึกษาดู ........... และอยู่ดีๆด้วยความบังเอิญก้อผ่านมาที่กระทู้นี้ หรือผ่านกระทู้อื่นๆในอดีต ที่นักอ่านทุกท่าน ลงความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่า นักแปลท่านใดแปล Sherlock Holmes ออกมาก็ "โดนด่าหมด ว่าไม่ได้อรรถรส" ......เว้นเสียแต่จะเป็น อ.สายสุวรรณ ตัวเองจึงลงทุนไปซื้อหนังสือของ อ.สายสุวรรณ มาอ่านคำแปลของเขา เพื่อเป็นการวิเคราะห์กลไกในการแปล ของ อ.สายสุวรรณ แล้วก็พบอะไรที่น่าสนใจมากๆ ........... ก็เลยวิเคราะห์ให้ฟังเคร่าๆ แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรมากไปกว่านี้ เนื่องจากกลัวแฟนพันธ์แท้ของ อ. สายสุวรรณ จะไม่พอใจ ....... แต่เมื่อมีท่านผู้อาวุโสมาพูดเรื่องศาสตร์และศิลป์ในการแปล ตัวเองก็เลยวิเคราะห์บัญชีต้นทุนของนักแปลให้ดูเสียเลย ว่ากว่าจะออกงานที่มีศาสตร์และศิลป์ได้ นักแปลจะตายก่อนหรือไม่ ถ้ามิใช่ ......รวยอยู่แล้วแต่แปลด้วยใจรักไม่อยากได้เงิน ............. และถ้าคนแปล แปลไวๆผลงานจะออกมาอย่างไร .........มีนักแปลสุกกี่คนในท้องตลาดที่จะออกมาพูดยอมรับแบบหน้าชื่นตาบานบ้าง ..............แบบคำนวณสมการเวลากันให้เห็นจะๆกันน่ะ ........ จากคุณ : tansy - [ 23 เม.ย. 48 16:12:01 A:61.90.52.79 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 105 ประเด็นหลักที่พูดไปแล้ว .........แต่เอามาสรุป เพราะไม่อยากให้ผู้อ่านเข้าใจผิดนั่นก็คือ 1. ท่าน อ.สายสุวรรณ แปลได้ดี คำแปลภาษาไทยเป็นเลิศได้อรรถรส ถึงแม้ว่าจะมีผิดพลาดหรือคลาดเคลื่อนบ้าง แต่ก็ยังนับได้ว่าฝีมือแปลของท่านอยู่ในระดับครู แต่ที่ผิดพลาดบ้าง ก็น่าเห็นใจ เนื่องจากว่าภาษาอังกฤษแปล (ตีความ) เป็นกลุ่มคำ ไม่ใช่แปลเป็นคำโดดๆ และในสมัยนั้น ยังไม่มีดิกชันนารี อังกฤษเป็นอังกฤษที่ให้ตัวอย่างประโยคที่อธิบายคำแปลของคำศัพท์ตามบริบทได้เหมือนในสมัยนี้ และไม่มี Google ให้ค้นข้อมูลเหมือนนักแปลสมัยนี้.... ดังนั้น นักแปลสมัยก่อนพอเจอศัพท์ยากๆ หาในดิกชันนารีไม่เจอก้อต้องวิ่งแจ้นถามฝรั่งเจ้าของภาษา สถานเดียว 2. ประเด็นที่พูดว่า มีนักแปลหลายคนในปัจจุบัน ไม่ได้แปล แต่แต่งหนังสือให้เขาใหม่หมด แล้วแถมยังแปลเร็วจนคนอ่านไม่ทัน ..........ที่พูดนี้ ไม่ได้หมายถึง อ.สายสุวรรณ แต่หมายถึงนักแปลพวกที่ใช้ศัพท์มันๆน่ะ พวกนี้ แปลไปบางทีไม่เคยเปิดดิก แต่คิดคำมันๆขึ้นมา ให้ผู้อ่านหลงไหล แล้วก็ร่ำรวยไปตามๆกัน ดังนั้น ถ้าผู้อ่านอยากรู้ว่า แท้จริงแล้วมันยังไง ยังไงกัน ก็น่าที่จะเขียนจม หรือส่ง e-mail ไปยุให้ทีวีช่องไหนสักแห่ง ...ไอทีวีคงดี....ทำรายการจัดอันดับนักแปล เหมือนๆกับที่ทีวีในต่างประเทศจัดอันดับนักร้องกันยังไงล่ะ .............จะได้ไม่มีใครได้ชื่อเสียงและเงินทองไปโดยไม่สมควรที่จะได้รับ..........ประชาชนชาวไทยจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง .........ไม่ใช่ข้อมูลที่ (นักแปล) บิดเบือนสร้างขึ้นมา พอเสร็จแล้วไปให้สัมภาษณ์อย่างแสนหรูว่า “แปลเร็วจนคนอ่าน อ่านไม่ทัน” ........ฟังดูแล้วตลกสิ้นดี.............ก้อแปลเร็วไม่ใช่เพราะเก่ง หากแต่เร็วเพราะละเมิดกฎเกณฑ์ต่างๆหาก กฎเกณฑ์อะไร ..........ห้ามแปลผิด ห้ามแปลตก ห้ามแปลขาด ห้ามแปลเกิน ........นั่นเอง ........พอมาเจอคนอ่านพลอยมันไปกับคำแปลที่คลาดเคลี่อนด้วย โดยไม่มีการตรวจสอบคุณภาพ มันก็เลยไปกันใหญ่...........คำว่าไปกันใหญ่หมายถึงอะไร........หมายถึงว่า ในปัจจุบันนี้นะ ถ้ายังไม่มีการตรวจสอบคุณภาพแบบโปร่งใส (แบบรายการทีวีที่ว่าน่ะ) ใครก็ตามที่เขียนภาษาไทยได้มัน ถึงเขาจะอ่านภาษาอังกฤษไม่เข้าใจมากนักก้อกลายเป็นนักแปลดัง ที่แปลเร็วที่สุดในประเทศไทยได้............เร็วเพราะอะไร ....?? ก็เขาไม่ต้องค้นคำศัพท์ยังไงล่ะ .......เจออะไรยากๆก้อแต่งหนังสือให้เขาใหม่หมดเลยยังไงล่ะ ............. จากคุณ : tansy - [ 23 เม.ย. 48 16:49:18 A:61.90.52.79 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 106 ครับๆๆ สรุปคือ  ถ้าเราเปลี่ยนจากคำว่า 'แปล' วึ่งมักจะใช้กับเอกสารทางราชการ กับการ 'ถอดความ' หรือการ 'เรียบเรียง' หนังสือ ของอ.สายสุวรรณ จากภาษาเดิม เป็นภาษาไทย น่าจะถูกต้องหรือถูกใจมากกว่า ปัญหานี้พบได้ทั่วไป  แม้กระทั่งการแปล ไบเบิลน่ะครับ คือเราไปยึดติดกับคำว่า 'Translate' และแม้กระทั้งบางคำ ที่ความหมายในภาษาเดิมต่างกันมาก เช่น Wisdom และ Knowledge ยังมีคนแปลสับสนเสมอๆเลยครับ ซึ่งจริงๆในภาษาเดิม (ไม่ได้หมายถึงภาษาอังกฤษ) ก็ไม่มีคำนี้ตรงๆในภาษาไทยอยู่แล้ว เหมือนๆกับคำว่า 'พระ'ในภาษาไทย ที่แปลว่าศักดิ์สิทธิ์ เช่น พระเจ้า พระเยซู หรือพระแม่มารีย์  ก็ไม่มีคำนี้ตรงๆในภาษาเดิมเช่นกัน ไม่แปลกหรอกครับ คนละหลักเท่านั้นเอง ระหว่าง  แปลนิยาย ให้เป็นนิยาย กับ  แปล นิยายให้เป็น'พระคัมภีร์' จากคุณ : tanoy_delphi - [ 23 เม.ย. 48 17:09:24 ]

ความคิดเห็นที่ 107 เรากำลังพูดถึงหัวข้อที่ว่า อรรถรสในการอ่านหายไป เมื่ออ่านของผู้แปลในปัจจุบัน  ใช่หรือไม่ครับ ? หรือผมอ่านผิดกระทู้ ? จากคุณ : tanoy_delphi - [ 23 เม.ย. 48 17:13:55 ]

ความคิดเห็นที่ 108 ความรู้เพิ่มขึ้นเยอะเลยครับ จากคุณ : Shineji_Kudo - [ 23 เม.ย. 48 19:58:30 ]

ความคิดเห็นที่ 109 นักแปลสมัยก่อนชอบหนังสืออะไรก็หยิบขึ้นมาแปลด้วยใจรัก ค่อยๆอ่านทบทวนคำแปลแล้วแก้ไขหลายรอบ จะได้ตีพิมพ์หรือไม่ได้ตีพิมพ์ก็ไม่คิดมากเรื่องนั้น แต่โดยส่วนใหญ่แล้วผู้ที่มีสถานภาพสังคมที่ดี (หรือถ้าไม่ดีแต่มีผู้อื่นอุปถัมภ์) ก็มักจะได้รับการตีพิมพ์เรื่องที่แปล...........แต่ถ้าไม่เข้าข่ายอย่างที่ว่า 2 อย่างนี้ก็จะกลายเป็นนักแปลไส้แห้งไป........... แต่สมัยนี้ สำนักพิมพ์แย่งกันออกหนังสืออย่างรวดเร็ว นักแปลต้องทำงานให้ทันตามกำหนดเวลา ...........นักแปลหลายๆคนที่เก่ง แปลแล้วเรียบเรียงคำแปลได้ดีก็มี แต่ในขณะเดียวกันก็มีนักแปลที่ พอเห็นประโยคที่ถอดใจความยากๆ ก็จะตั้งใจแปลให้คลาดเคลื่อนมากๆ เพื่อความรวดเร็ว..........ถ้าใครเคยตรวจงานแปล จะเห็นว่า ในการแปลมีท่าเพลงที่เป็นวิชามารอยู่หลายท่าเพลง เช่น 1. ถ้าอ่านต้นฉบับไม่เข้าใจก็แปลเลี่ยงๆ 2. ถ้าอ่านต้นฉบับเข้าใจ แต่คิดคำแปลไม่ออกเพราะมันยาก ก็แปลเฉออกไปไกล แต่แต่งประโยคภาษาไทยให้อ่านแล้วสนุกเข้าไว้ หรือ 3. ถ้าเจอประโยคที่ยากมากๆเข้า ก็กระโดดข้าม คือไม่แปลเลย....... ดังนั้น ถ้ามีรายการทีวี จัดอันดับนักแปล โดยมีการประเมินผลงานอย่างเป็นธรรม (ประเมินโดยนักแปลหลายๆคนร่วมกัน เหมือนๆกับที่นักแต่งเพลง ประเมินความสามารถของนักร้องนั่นเอง) แล้วจัดอันดับนักแปล ผู้อ่านจะได้ประโยชน์มากที่สุด..........อีกทั้งยังเป็นการยกระดับมาตรฐานในการแปล .........ใครสนใจรายการนี้ก้อลองระดมพลกันเขียนจดหมายไปหา ไอทีวี ให้เขาลองจัดดูสิ.........คงสนุกดีเหมือนกันนะ ............. จากคุณ : tansy - [ 24 เม.ย. 48 00:01:25 A:61.90.52.79 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 110 ได้ความรู้ดีมาก ๆ เลยค่ะ อยากให้คุณ tansy หรือท่านอื่น ๆ ยกตัวอย่างงานแปลที่ไม่ค่อยจะดีนัก แล้วแก้ไขให้ดูเป็นตัวอย่างอีกเยอะ ๆ จังเลยค่ะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : น้องซิน - [ 24 เม.ย. 48 00:56:02 ]

ความคิดเห็นที่ 111 เอาเวลาทำงานมานั่งอ่านตั้งนาน ไหนๆ ก็เสียเวลาเป็นชั่วโมงแล้ว ขอแทรกความเห็นที่ผุดขึ้นมาในใจนิด 1 ที่ไหนมีการแปล ที่นั่นต้องมีแปลผิด เป็นเรื่องธรรมดามากๆ ส่วนผิดมากผิดน้อยนั่นอีกเรื่อง แต่โดยจรรยาบรรณ นักแปลก็ต้องพยายามให้ผิดน้อยที่สุด 2 แปลไม่ผิด ไม่ขาด ไม่เกิน อันเป็นหลักการแปลนั้น หมายถึงการถ่ายทอด "สิ่งที่ผู้ประพันธ์ต้องการสื่อ" ได้อย่างถูกต้องครบถ้วน ซึ่งรวมถึง ความหมาย เจตนา นัยระหว่างบรรทัด น้ำเสียง อารมณ์ ฯลฯ ไม่ใช่การมานั่งดูเป็นคำๆ 3 ประเทศไทยเพิ่งมีหลักสูตรการแปลเมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง  ความรู้เรื่องบรรทัดฐานการแปลของเราเพิ่งเป็นที่แพร่หลายได้ไม่นานนัก 4 ประเด็นของเจ้าของกระทู้ คืออรรถรสขาดหายไป นี่เป็นเรื่องสำคัญทีเดียว ปวดตา ไปทำงานต่อละครับ ไม่บ่นละ จากคุณ : พ่อโปรเจ็กต์ - [ 24 เม.ย. 48 01:04:57 ]

ความคิดเห็นที่ 112 อรรถรสของงานแปล ขอนอกเรื่องเชอร์ล้อค โฮล์มส์ ไปหน่อยนะคะ ไปเจอ แววพิถีพิถันการสรรคำ ในหนังสือ ยาขอบ อนุสรณ์ ที่นำมาลงพิมพ์ใน ชีวิตและงานของนักประพันธ์ ของโครงการอนุรักษ์วรรณกรรมเก่าและหายาก ของ สำนักพิมพ์ดอกหญ้า จึงนำมาฝาก ยาขอบ หรือ โชติ แพร่พันธ์ Golden Lotus แทนที่จะแปลว่า บัวทองหรือ ปทุมมาศ อย่างที่ผู้มีความรู้ทางภาษาและอักษรศาสตร์ที่ได้ปริญญาอักษรศาสตร์ส่วนมากแปลกัน ยาขอบแปลว่า บัวคำ ประโยคที่ว่า When the sky is clear...... ซึ่งมักจะแปลกันว่า เมื่อท้องฟ้าปลอดโปร่ง หรือ เมื่อท้องฟ้ากระจ่างไร้เมฆหมอก อะไรทำนองนี้ เขาก็แปลว่า เมื่อฟ้าแผ้ว จากคุณ : จ๋อง - [ 24 เม.ย. 48 17:28:28 A:58.10.175.12 X: TicketID:086756 ]

ความคิดเห็นที่ 113 ปัญหาของงงานแปลไม่ได้อยู่แต่ในวงวรรณกรรมเท่านั้นนะครับ ที่เห็นๆบ่นเรื่องความไม่ได้เรื่องของงานแปลเนี่ย ส่วนใหญ่จะพูดแต่เรื่องของงานวรรณกรรมกันทั้งนั้น ตอนนี้เราหันไปอ่านหนังสือ How-To มากขึ้น  ทั้งธุรกิจจิตวิทยา  ปรากฏว่าหนังสือดีๆ คนแปลไทย ก็แปลให้หนังสือดีกลายเป็นหนังสือห่วยกันไปหมด กระผมมีปัญหาในการอ่านหนังสือพวกนี้  นอกจากจะต้องแปลไทยให้เป็นไทยแล้ว  ยังต้องตั้งใจจับใจความเป็นสองเท่า  เพราะนักแปลหนังสือ How-to ส่วนใหญ่  แปลได้ เห่ยมั่กๆ ที่ยอมรับว่าแปลได้ดี  ก็มีคนแปลหนังสือของ จี คิงสลีย์ วอร์ดอ่ะ  แปลได้ดีมากๆอ่ะคับ  เป็นของสำนักพิมพ์ผีเสื้อ จากคุณ : ดอกไม้คาตาลัน - [ 24 เม.ย. 48 18:43:34 ]

ความคิดเห็นที่ 114 เท่าที่ผมอ่านดูแล้ว ข้อความต่างๆ ที่หมิ่นเบื้องสูง น่าจะมีคนเข้ามาจัดการได้แล้ว ปล่อยให้ยืดเยื้ออย่างนี้ ไม่เป็นผลดีต่อใครทั้งนั้น ในขณะเดียวกันทางเวบก็น่าจะเป็นหัวเรือจัดการด้วย ไม่ใช่แต่ให้พื้นที่สำหรับคนมาโฟสแต่ไม่ได้ทำอะไร เอาแต่นั่งมองตาปริบๆ ขอย้ำอีกครั้ง ข้อความที่ไม่สมควรต่างๆ ในนี้สมควรจะมีคนเข้ามาจัดการได้แล้ว การปล่อยให้คนทั่วไปเข้ามาอ่านเรื่อยๆ แต่ไม่จัดการอะไรให้เด็ดขาด ก็รังแต่จะสร้างปัญหาตามมาไม่จบสิ้น จากคุณ : CBL - [ 24 เม.ย. 48 21:08:32 A:203.113.51.132 X:203.151.140.114 TicketID:095150 ]

ความคิดเห็นที่ 115 เอ้อ #114 ขออนุญาต หลงหรือเปล่าครับ? กระทู้ภาคสี่เขาลบๆกู้ๆกันอยู่ น่ากลัวจะงง จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 24 เม.ย. 48 22:13:56 ]

ความคิดเห็นที่ 116 หนังสือของ จี คิงสลีย์ วอร์ด ของสำนักพิมพ์ผีเสื้อ ที่คุณดอกไม้คาตาลันว่ามา ไม่เคยอ่านค่ะ แต่เรื่องคุณภาพของสนพ.ผีเสื้อ เท่าที่อ่านมาดีมาก ๆ ทุกเล่มเลยค่ะ เท่าที่เคยทราบ ผู้ที่ก่อตั้งสนพ.ก็อยู่ในแวดวงวิชาการ เธอจบจากอักษรศาสตร์ จุฬาฯ แล้วก็ทั้งทีมงานและที่ปรึกษาท่านต่าง ๆ ก็เป็นผู้ทรงคุณวุฒิและเป็นครูบาอาจารย์ทั้งนั้นเลยค่ะ จากคุณ : น้องซิน - [ 25 เม.ย. 48 00:11:42 ]

ความคิดเห็นที่ 117 ก็อยากจะบอกน่านแหละ ว่าหนังสือแปลของสำนักพิมพ์ผีเสื้อเจ๋งอ่ะคับ   เพราะอันที่จริงผมมะค่อยชอบอ่านวรรณกรรมอ่ะ  ส่วนใหญ่จะเป็นประวัติศาสตร์หรือไม่ก็ฮาวทูทั้งนั้น ตอนนี้หนังสือแปลแนวฮาวทูของสำนักพิมพ์อื่นๆ ออกมาเยอะมาก  แต่อยากจะบอกว่า  ถ้าหนังสือแปลน่ะ....มีแค่สำนักพิมพ์ผีเสื้อเท่านั้นที่เข้าขั้น จากคุณ : ดอกไม้คาตาลัน - [ 25 เม.ย. 48 16:10:45 ]

ความคิดเห็นที่ 118 ถ้าหนังสือแปล มีแค่สำนักพิมพ์ผีเสื้อเท่านั้นเลยเหรอคะ เอ... หนังสือแปลบางเล่มของบางสำนักพิมพ์ก็ดีนะคะ เช่น ของอมรินทร์ หรือของ Bliss คงแล้วแต่คนแปลด้วยค่ะ จากคุณ : น้องซิน - [ 25 เม.ย. 48 19:15:53 ]

ความคิดเห็นที่ 119 ยาวอ่ะ มาลงชือไว้ก่อนค่อยตามอ่านกรทู้ ^^ ~ When the seagulls follow the trawler, it is because they think sardines will be thrown into the sea ~ จากคุณ : Enixma - [ 25 เม.ย. 48 23:50:38 ]

ความคิดเห็นที่ 120 เรื่องงานแปลงานเขียน อย่างที่ว่าก็คือ ถ้าผู้แปลผู้เขียนมีสถานภาพในสังคมที่ดี หรือมีนายทุนสนับสนุนก็จะผลิตงานออกมาง่าย........ มิฉนั้นก็จะกลายเป็นนักแปลไส้แห้งไป ยกตัวอย่างงานเขียนตำราภาษาอังกฤษของครู Kate ที่มีแผนการตลาดที่ดี และเธอรู้จักผู้คนในวงการธุรกิจอยู่แล้ว ทุกอย่างจึงไปได้สวย ........ ข้าพเจ้าพูดถึงปัจจัยของความสำเร็จของหนังสือของครู Kate แต่ไม่ได้วิจารณ์ว่าหนังสือเธอดีหรือไม่ดี (เพราะไม่ได้อ่าน) .......แล้วก็อยากจะพูดว่า ผลพวงก็เลยทำให้น้องสาวเธอ ชื่อ ชัชนิต (แอน) มุสิกไชย ออกหนังสือมาได้ง่ายๆโดยแค่ได้ชื่อว่าเป็นน้องครู Kate คนก็สนใจกันมากมายเสียแล้ว หนังสือเล่มรูปเล่มสวยงาม มีชื่อว่า “Sharpen Your English พูดผิดพูดใหม่”......เลยตอนนี้เราอยากจะขอวิจารณ์หนังสือเล่มที่น้องสาวของครู Kate เขียนสักหน่อย...............เผื่อสำนักพิมพ์จะให้โอกาสนักเขียนไส้แห้งกันบ้าง................ จากคุณ : tansy - [ 26 เม.ย. 48 11:40:00 A:61.90.52.111 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 121 ในหนังสือเล่มที่ว่านี้ คนเขียน (คุณแอน) คงกลัวคนไทยไม่รู้วิธีเปิดดิกชันนารี Longman Dictionary of Contemporary English หรือ Oxford Advanced Learner’s Dictionary เพื่อเรียนวิธีเอาคำศัพท์ไปสร้างประโยคภาษาอังกฤษ เธอจึงยกตัวอย่าง (สิ่งที่เธอคิดว่าเป็นข้อผิดพลาด) Asian Style เป็นอย่างไร แล้วก็แก้ไขโดยการบอกว่า (สิ่งที่เธอคิดว่าถูก) American Style เป็นอย่างไร.....ซึ่งก็เป็นเรื่องทีน่าสนใจ........หากแต่ว่า เธอยังไม่ได้ค้นคว้ามาดีพอก่อนที่จะเขียนออกมา จากคุณ : tansy - [ 26 เม.ย. 48 11:41:47 A:61.90.52.111 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 122 เราเปิดๆอ่านไปแล้วเจออันนี้ น่าสนใจ Asian Style: Let me help you to do your work American Style: Let me help you with your work เธออธิบายต่อไปด้วยว่า คนไทยใช้คำว่า to กับการกระทำทุกชนิต แต่กฎของภาษาอังกฤษมีอยู่ว่า อะไรก็ตามที่อยู่หลัง let help make ต้องไม่มี to เช่น I let you eat that. ไม่ใช่ I let me to eat that. เราว่าอาจาย์แอนเข้าใจยกตัวอย่างนะว่าคนไทยหรือคนเอเซียพูดอะไรเพี้ยนๆ ที่นี้เราขอเถียงโดยการเปิดดิกฝรั่งยันเลย เอามาจาก Longman Dictionary of Contemporary English help somebody (to) do something I helped her to carry her cases up the stairs. She helped him choose some new clothes. help somebody with something Can I help you with the washing up? นี่เป็นต้วอย่างเพิ่มเติมจาก Oxford Advanced Learner’s Dictionary help somebody in doing something I need contacts that could help in finding a job. จริงๆแล้วยังมีวิธีการใช้ help อีกมากมายที่ไม่ได้พูดถึง เพราะกลัวคนอ่านจะมึนเฮด จากคุณ : tansy - [ 26 เม.ย. 48 11:43:33 A:61.90.52.111 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 123 ส่วนเรื่อง let กับ make ที่อาจารย์แอนอธิบายไว้นั้น ......มันก็ถูกของเธอง่ะ..... แต่เธอก็ลืมคิดไปว่า นักเล่นหมากรุก หรือนักเล่นโก๊ะ ที่ contrive (ลองหลายๆวิธี) เก่งๆ (แบบ tansy นักหมากรุกขี้เมา) ก็อาจหาประโยคกวนๆบาทา มาดันทุรัง ทำให้ let กับ make ใช้กับ to ให้ได้ ก็ยังได้ .....(แสดงว่าตัวข้าพเจ้านี้กวนบาทา.....เจงๆ..... อิๆๆๆๆ) ..... ยกตัวอย่างเช่น How much do I have to make to afford the loan on a particular home? Proposals should include a statement of the author's view of what contribution the publication will make to Asian studies; a curriculum vitae; a plan of the work; samples of the proposed text; and an indication of when the manuscript might be completed. เห็นมะล่ะ หามาได้กวนๆบาทาดีแค่ไหน ........เราทำให้ make ใช้กับ to ก้อยังด้ายๆๆๆๆ อิๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ.......... จากคุณ : tansy - [ 26 เม.ย. 48 11:46:50 A:61.90.52.111 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 124 เด๋วจะหา let ที่ใช้กับ to ได้ มาให้ดู............อ้านึกขึ้นมาได้ว่า ทั่นอาจารย์แอนลืมคำว่า let ที่แปลว่า “ให้เช่า” ยังไงล่ะจ๊ะ นี่จาก Longman Dictionary of Contemporary English let something to somebody I've let my spare room to a student. ...........เป็นไง เป็นไง.........หากมาได้กวนๆบาทาดีมะล่ะ...........??? จากคุณ : tansy - [ 26 เม.ย. 48 11:49:21 A:61.90.52.111 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 125 อีกอันหนึ่งที่ทั่นอาจารย์แอน พลาดท่าเพราะขาดความรอบคอบ (ถึงแม้จะมีปัจจัยต่างๆเพรียบพร้อม) ก็คือ Asian Style: I recommend you to take a long vacation. American Style: I recommend that you take a long vacation. อาจารย์แอนบอกว่า Recommend you ไม่ต้องใช้กับ to แต่คนไทยมักจะนึกว่า การแนะนำต้องใช้กับ ให้ เช่นผมแนะนะให้คุณ ....ในภาษาอังกฤษ recommend ใช้กับ that เสมอ .... หึๆๆๆๆ.....อันนี้เราก็ขอเถียงอีกว่า “ไม่จริง” ..........หรอก “ไม่เสมอ” ไปหรอก........ก่อนที่จะตั้งตัวเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษ ควรค้นคว้าให้มากกว่านี้นะ.... เพราะ recommend ใช้กับ to ก็ได้เหมือนกัน เช่นตัวอย่างนี้ จาก Oxford Advanced Learner’s Dictionary............ I recommend the book to all my students . เลยโชคดีเป็นของคนไทยที่พูดว่า ฉันแนะนำ..(สิ่งที่แนะนำ)....ให้ใครสักคนหรือหลายคน ก็พูดได้เหมือนกัน จริงๆแล้วในประโยคที่คุณแอนบอกว่าต้องเป็น I recommend that you take a long vacation. ถ้าจะพูดว่า I recommend that you should take a long vacation. ก็ไม่ผิดเช่นกัน จริงๆแล้วคำว่า recommend ยังมีรูปแบบการใช้งานที่พลิกแพลงมากกว่านี้อีกหลายอย่างที่ไม่ได้พูดถึง ............ แต่แค่ที่เอามาแปะไว้ ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่า .........ในการเขียนหนังสือเล่มหนึ่งนั้น ผู้เขียนต้องออกแรงหาข้อมูลมากพอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าจะอ้างว่าไว้ที่คำนำสำนักพิมพ์ว่า อาจารย์แอนพูดภาษาอังกฤษเป็นไฟ เธอเป็นน้องสาวของครูเคทที่สังคมยกให้เป็นคนดังไปแล้ว ที่แปะมาให้ดูนี้.......คือตัวอย่างของการ “ไม่เป็นนักเขียนไส้แห้ง” เพราะมีปัจจัยที่เพรียบพร้อมในการออกหนังสือของตัวเอง........ซึ่งก่อนที่ใครคิดจะเป็นนักแปลหรือนักเขียนนั้น ควรทำตัวเองให้อยู่ในสถานภาพทางสังคมที่ดี หรือมีนายทุน หรือตัวเองประสบความสำเร็จทางด้านการเงืน แล้วค่อยๆเขียนหรือแปลสบายๆใจ ค้นคว้าให้ดีๆ จะได้ไม่ต้องเครียดกับการรีบๆแปล หรือรีบๆเขียน เพราะต้องทำงานแข่งกับเวลา .......หรือกลัวเป็นนักแปลหรือนักเขียนใส้แห้งนั่นเอง .................. จากคุณ : tansy - [ 26 เม.ย. 48 11:54:08 A:61.90.52.111 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 126 Ladies and gentlemen, Meet Tansy, the man who cannot let sleeping dogs lie. จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 26 เม.ย. 48 20:53:57 ]

ความคิดเห็นที่ 127 เอิ๊ก ๆ ขยันพิมพ์มาก ๆ เลยค่ะ มาเก็บเกี่ยวความรู้ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : น้องซิน - [ 26 เม.ย. 48 21:11:45 ]

ความคิดเห็นที่ 128 หาตัวอย่างประโยคการใช้งาน recommend ได้เพิ่มจากดิก 2 เล่ม ลองไปอ่านดูที่กระทู้นี้ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K3438050/K3438050.html#12 จากคุณ : tansy - [ 27 เม.ย. 48 10:01:48 A:61.91.135.126 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 129 ดีใจแฮะ ที่ยังมีคนกลับไปหาจุดประสงค์เดิมของกระทู้นี้ ที่ว่า พูดถึงเรื่องอรรถรสที่หายไป ไม่ใช่เรื่องของการแปลผิด หรือถูกแต่ประการใด ก็เข้าใจคุณแท่นนะ ในประเด็นที่น้อยอกน้อยใจอยู่ แต่มันไม่เกี่ยวกับเรื่องอรรถรส อย่างที่บอกตั้งแต่ต้นแล้วว่า อย่างคำว่า I เพียงคำเดียว จะแปลว่า ฉัน ผม ดิฉัน อะฮั้น เดี๊ยน เรา กัน กรู ฯลฯ ได้สารพัด เหมือน You ก็แปลได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะคุณ เธอ มรึง ท่าน แก ฯลฯ ซึ่งมันถูกทุกคำนั่นแหละ แต่อรรถรสในภาษาไทยมันต่างกัน ก็ฝรั่งมีแต่ I-you จะด่ากันก็ I-you จะรักกันก็ I-you ประชดกันก็ I-you แต่ของเรา รักกันก็ "ผมรักคุณ" ด่ากันก็ "กรูจะฆ่ามรึง" ถ้าพวกแค่นอยากเป็นไฮโซพูด ก็ "อะฮั้นชอนทานไข่ปลาคาเวียร์ฮ่ะ" ไม่ใช่ว่ากำลังจะยิงกันตาย ดันแปลว่า "ผมจะฆ่าคุณ" หรือรักกันปานจะกลืน แล้วแปลว่า "กรูรักมรึงว่ะ" นี่แหละ คือที่อยากพูดถึง ส่วนเรื่องการแปลผิด ถูก ของคุณแท่น ก็เห็นด้วยแหละ ว่านักแปลปัจจุบันแปลกันแบบสั่วๆ เยอะ ผิดๆ ถูกๆ มั่วไปหมด แถมเวลาเจอคำแปลกๆ ก็ไม่มี footnote ให้รู้ที่มาที่ไป แล้วที่คุณแท่นบอกว่า "แต่คนที่ตีความต้นฉบับแม่นมากๆ ดันเขียนภาษาไทยไม่เก่ง พอแปลออกมา 2-3 เล่มก็ "สูญพันธ์" เสียแล้ว ........." ก็ต้องเข้าใจว่า นักแปลที่ดี ต้อง "เก่ง" ทั้งสองภาษา คือไทย - อังกฤษ หรือภาษาอื่นๆ ที่แปล เพราะถ้าเก่งอังกฤษอย่างเดียว แต่ภาษาไทยไม่เข้าใจ ก็เป็นนักแปลไม่ได้ และคิดเหมือนคุณแท่นว่า ต้องให้เวลาเขาฝึกฝน อย่างเรามีเพื่อนที่จบนอก ภาษาอังกฤษเป็นภาษาพ่อเลย แต่พูดไทย-เขียนไทยเกือบไม่ได้ ก็ใช้เวลา 3-4 ปีกว่าจะรู้ภาษาไทย แต่ก็ยังแค่ระดับพื้นๆ ถามว่าเขาจะอ่านวรรณกรรมภาษาอังกฤษเข้าใจไหม แน่นอน เข้าใจแบบสุดๆ แต่เขา "ถอดความ" จากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยให้คนอ่านได้อรรถรสไม่ได้ ก็ยังไม่ควรมีผลงานออกมาขาย แต่ต้องปรับตัวเองก่อน ถึงจะเป็นที่ยอมรับ อ้อ ท่านที่พูดถึงสำนักพิมพ์ผีเสื้อ เคยผ่านตาเหมือนกัน และเห็นด้วยว่าแปลดี แต่สะกิดใจนิดเดียว ทำให้ยังโกรธไม่หายจนทุกวันนี้ คือ หนังสือชุดสัตว์แพทย์ของ เจมส์ แฮเรียต เราซื้อทุกเล่ม ออกมากี่ทีก็ซื้อ แบบว่า เชื่อมั่นทั้งคนเขียน คนแปล สำนักพิมพ์ เลยกวาดซื้อหมด ก่อนจะพบว่า เล่มหลังๆ เป็นการเอาเล่มเก่ามาเปลี่ยนปก เปลี่ยนชื่อ เช่น เอาเล่ม 1+2 มารวมกัน แล้วกลายเป็นเล่ม 3 ในชื่อใหม่ เลยเสียค่าโง่ไปหลาย ตั้งแต่นั้นมาก็โกรธกับสำนักพิมพ์นี้ไปเลย เอ เขาคงไม่รู้หรอกว่าเราโกรธ จากคุณ : จขกท (polmee) - [ 28 เม.ย. 48 11:27:05 ]

ความคิดเห็นที่ 130 เปลี่ยนเป็นนิทานอิสปมั่งจะดีกว่า.......เจ็บใจตอนเรียนนิทานอิสป ตอนเด็กๆ นักแปลตัวไหนก้อไม่รู้ มันหลอกเรา ในเรื่องที่ราชสีห์ ให้สัตว์ดมปาก พอดมเสร็จบอกว่า "bad breath" พีแกแปลเป็น "ลมหายใจที่ไม่ดี" แล้วราชสีห์ก็โหโหฆ่าสัตว์ตัวนั้นตาย .....โหอีกหลายปีให้หลังนะ กว่าเราจะรู้จากการสนทนากับฝรั่ง แล้วเดาๆเอาในบริบทว่า แท้จริงแล้ว "bad breath" มันแปลว่า "ปากเหม็น" นิหว่า สงสัย นักแปลคนนั้น (ลูกน้องเผด็จการ) คงรับทรัพย์ไปเพียบแล้วหละ .........วันนี้เพื่อเป็นการล้างแค้น เราขอแปลนิทานอิสปผิดๆบ้าง ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : tansy - [ 30 เม.ย. 48 14:55:24 A:61.91.135.238 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 131 The Lion's Share ส่วนแบ่งที่มากที่สุด(เกินพอ)........ซึ่งตรงกันข้ามกันกับ ส่วนแบ่งที่ไม่เป็นธรรม ที่ดาวใจ ไพจิตร ร้อง .............เธอร้องว่า “ส่วนของหัวใจที่คุณแบ่งให้ มันน้อยเกินไป ฉันไม่ต้องการ ............” The Lion went once a-hunting along with the Fox, the Jackal, and the Wolf. They hunted and they hunted till at last they surprised a Stag, and soon took its life. Then came the question how the spoil should be divided. "Quarter me this Stag," roared the Lion; so the other animals skinned it and cut it into four parts. กาลครั้งหนึ่ง สิงห์โตใช้ MSN messenger คุยกับ สุนัขจิ้งจอก หมาไน และหมาป่าแล้วส่งอีเมวนัดออกล่าสัตว์ด้วยกัน พวกมันใส่ชุดซาฟารีขี่รถออฟโรดถือปืนเอ็ม16 ไล่ล่าไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ระดมยิงกวางตัวผู้ตัวหนึ่งแค่เฉี่ยวๆ เพราะมือไม้สั่นเนื่องจากกินยาชูกำลังในขณะดูเว็บวาวหวิวมากเกินนั่นเอง.... แต่เผอิญกวางตัวนั้นก้อเป็นโรคหัวใจอยู่นานแล้ว เนื่องจากมีเมียสาวที่เรียกร้องมากเกินไป ..... จึงในขณะทิ่วิ่งไปวิ่งมามันก้อเลยหัวใจล้มเหลวชักตาตั้งเท่งทึงไปหาเง็กเซียนฮ่องเต้ไปเสียแล้วก่อนที่จะถึงเทศกาลกินเจ.... ที่นี้ ปัญหาที่ตามมาก็คือว่า จะแบ่งสันปันส่วนเหยื่อที่ล่ามาได้อย่างไรหลังจากที่ชนะการเลือกตั้ง เอ้ย....หลังจากที่ได้เหยื่อมาแล้ว เนื่องจากว่า กลุ่มนักไล่ล่าเหล่านี้ต่างก็เคยเป็นนักการเมืองมาก่อนด้วยกันทั้งนั้น.... ดังนั้นจึงรู้วิธีการฮั๊วงานจัดซื้อจัดจ้างด้วยกันทั้งนั้น "เอาเลื่อยไฟฟ้าแบ่งกวางตัวนี้ออกเป็นสี่ส่วนให้ข้าซิ" แมน ซิตี้ ไลอ้อนคำรามออกมา........ด้วยสำเนียงเสียงลูกทุ่งที่มีลูกกระเดือก......เอ้ยลูกคอ........ สัตว์ตัวอื่นๆจึงถลกหนังกวางตัวนั้นและตัดออกเป็นสี่ส่วน ในขณะที่แอบกินเมื่อนักร้องเสียงทองหัวฟูเผลอ...... แต่พวกมันก้อพลางบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า “สงสัยงานนี้ เนื้อก้อไม่ได้กิน หนังก้อไม่ได้รองนั่ง แต่เอากระโหลกโขนไปสวมกบาล” Then the Lion took his stand in front of the carcass and pronounced judgment: The first quarter is for me in my capacity as King of Beasts; the second is mine as arbiter; another share comes to me for my part in the chase; and as for the fourth quarter, well, as for that, I should like to see which of you will dare to lay a paw upon it." ถัดจากนั้น สิงห์โตก็ไปยืนอยู่หน้าซากกวางและตัดสินชี้ขาดว่า ส่วนแรกเป็นของข้าในฐานะที่ ข้าเป็นราชาแห่งสัตว์สี่เท้า หัวฟูๆ หล่อกว่าเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ แถมยังร้องเพลงเก่งฝ่าทาร์ทาร์ยัง อีกด้วย หุๆๆๆๆ..... ส่วนที่สองเป็นของข้าในฐานะที่ข้าเป็นผู้ตัดสินชี้ขาดว่าหวยงวดนี้บนออกอะไรและล่างออกอะไร ส่วนแบ่งอีกส่วนหนึ่งก็เป็นของข้าเพราะว่าข้ามีส่วนร่วมด้วยในการแหกตาคณะรัฐบาลว่าให้ไปพัฒนาหมู่บ้านพวกเจ้า ที่ดินพวกเจ้าจึงขึ้นราคา...แต่มิได้เปิดเผยข้อมูลตามกฎหมายใหม่.....ฮ่าๆๆๆๆๆๆ และสำหรับส่วนที่สี่นั้นนะ เอาหละ สำหรับส่วนนั้นนะ ข้าจะเอาไปทำเนื้อแดดเดียวแกล้มกับเบียร์เยอรมัน และข้าก้ออยากจะดูซิว่าพวกเจ้าตัวไหนกล้าดีจะเอามันไปทำแกงป่ากินกับเหล้าสาโธบ้าง" "Humph," grumbled the Fox as he walked away with his tail between his legs; but he spoke in a low growl. "ฮั่มฟ์....เอ๋งๆๆๆๆๆ" สุนัขจิ้งจอกบ่นพึมพัม ในขณะที่เดินหางจุกตูดออกไป แต่ก็ยังส่งเสียงคำรามออกมาเบาๆ "You may share the labours of the great, but you will not share the spoil." "ร่วมลงแรงกับผู้มีอิทธิพลค้าผงขาว แต่พรรคพวกข้ากลับโดนฆ่าตัดตอน .....ดีว่าข้าไม่โดนตอนอีกต่างหาก แถมตำรวจก้อยังเอาผงขาวข้าไปขายหมดเลย....ยังงี้เขาเรียกว่าไม่สูญพันธ์ก้อบุญแล้ว.....แต่ก้อ..........เซ็งวุ๊ย......." ศัพท์ที่น่าสนใจ และการนำใช้งาน share: ส่วนแบ่ง แต่ที่คนไทยสนใจกันมากกว่าคือแชร์แม่ชม้อย หรือแชร์แม่นกแก้ว........... เนื่องจากนิทานเรื่องนี้มีชื่อเสียงมาก จนกระทั่ง ‘the Lion’s share’ ถูกนำมาใช้ในภาษาอังกฤษตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 แล้วในความหมายว่า ‘ส่วนแบ่งที่มากที่สุด(เกินพอ)’ เหมือนๆกับที่พรรคการเมืองที่ซื้อตัว ส.ส. ทั้งหมด ได้ไปในเรื่องนี้นั่นเอง .........ชักมันแล้วดิ .........เด๋วเราจะแปล Sherlock Holmes ใหม่ style เนี้ย......... จากคุณ : tansy - [ 30 เม.ย. 48 14:59:02 A:61.91.135.238 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 132 ว่าแต่ว่า คุณ tansy เราชอบคุณแฮะ ถ้าคุณคิดจะแปลหนังสือขายเมื่อไหร่ อย่าลืมบอกนะ จะตามไปอุดหนุน เพราะเชื่อว่าคุณต้องพยายามมากๆ แน่เลย จากคุณ : polmee - [ 2 พ.ค. 48 12:30:15 ]

ความคิดเห็นที่ 133 ฮา! จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ วันฉัตรมงคล 16:40:57 ]

ความคิดเห็นที่ 134 อ้าว.......ท่านผู้นำ กลับบ้านแล้ว จากคุณ : จ๋อง - [ วันฉัตรมงคล 17:04:09 A:58.10.176.102 X: TicketID:086756 ]