ความคิดเห็นที่ 1 เป็นผู้ที่เป็นโรคเรื้อนอันเป็นที่น่ารังเกียจ ไม่มีความรู้ความสามารถในการปกครองบ้านเมือง ไม่มีความรู้ในการทหาร หลงสุรานารี จากคุณ : ชัดเจนน้องนาง (ชัดเจนน้องนาง) - [ วันเถลิงศก (15) 14:32:24 ]

ความคิดเห็นที่ 2 มีใครทราบไหมครับว่าพระเจ้าอุทุมพรทรงไปอยู่ที่ไหนภายหลังกรุงแตก จากคุณ : บันลือ - [ วันเถลิงศก (15) 15:48:10 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ลองอ่านบทความของคุณเทาชมพู เรื่องสองกษัตริย์สุดท้ายดูนะคะ http://www.vcharkarn.com/include/article/showarticle.php?Aid=252 จากคุณ : Badboy - [ วันเถลิงศก (15) 16:14:36 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณครับคุณ Badboy สาเหตุ เรื่องที่พระเจ้าเอกทัศน์โดนติติง คงเป็นที่ทราบกันแล้ว แต่สำหรับพระเจ้าอุทุมพร คงจะถูกติงด้วยความว่า มีความสามารถแล้ว กลับละเลย การยื่นถวายฎีการอบ2 จะว่าไปก็ทำกับท่านไว้ซะขนาดนั้น...แต่จะเป็นจริงหรือว่าท่านอยากจะกลับไปบวชต่อเองก็ตาม คิดว่าที่พระองค์ไม่อยากลาผนวช มาบัญชาการรบรอบ2 น่าจะมาจากการที่ ท่านเห็นแล้วว่าสภาพนี้ใครก็มาช่วยไม่ได้ ท่านน่าจะรู้ถึงสภาพบ้านเมืองมาตลอด7ปี หลังจากคราวสึกออกมารบกับพระเจ้าอลองพญา ว่าบ้านเมืองถูกบริหารตลอดมา อย่างเละเทะเพียงใด ตรงนี้ตรงกับบันทึกประวัติศาสตร์ของทหารที่ว่า บ้านเมืองมีแต่ขุนนางเลวขึ้นมามีอำนาจ คนดีถูกกลั่นแกล้งไปเสียหมด จากคุณ : NipponJ - [ วันเถลิงศก (15) 18:55:07 ]

ความคิดเห็นที่ 5 #2 พม่าครับ จากคุณ : Vulgar - [ วันเถลิงศก (15) 19:31:53 ]

ความคิดเห็นที่ 6 1 เรื่องนี้พูดวันเดียวไม่จบหรอก เพราะต้องศึกษา ' การเมืองไทยสมัยอยุธยาตอนปลายอย่างละเอียด ( หลายรัชกาล ) " จึงจะเข้าใจว่าเหตุใด พระเจ้าอยู่หัวบรมโกษ ทรงตั้งเจ้าฟ้าอุทุมพรเป็น ' วังหน้า " ( แบบหลอกๆ ตั้งเป็นแต่เพียงในนาม ถว่าอำนาจที่ ' วังหน้า " ควรจะได้รับนั้น ยังอยู่ที่ พระเจ้าอยู่หัวบรมโกษ ไม่ได้ถ่ายโอนไปที่พระเจ้าอุทุมพรอย่างแท้จริง ) 2 เรื่องการแต่งตั้ง ' วังหน้า " หลังสิ้น ' เจ้าฟ้ากุ้ง " เอกสารร่วมสมัยบางชิ้นได้บันทึกว่า " พระเจ้าอยู่หัวบรมโกษ ทรงปล่อยให้ตำแหน่งนี้ว่างลงหลังสิ้น เจ้าฟ้ากุ้ง ซึ่งเมื่อพิจารณาบริบททางประวัติศาสตร์ด้านการเมืองในสมัยนั้น จะพบว่าตำแหน่ง ' เจ้าวังหน้ามีอำนาจมาก รองจากกษัตริย์ " ซึ่งส่งผลให้ ' เจ้าวังหน้า " ถือโอกาสท้าทายอำนาจกษัตริย์ เหมือนคราวที่ " เจ้าฟ้ากุ้ง " ได้สะสมกำลังเตรียมยึดอำนาจจาก พระเจ้าอยู่หัวบรมโกษ แต่ท้ายที่สุดถูกจับได้ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ พระเจ้าอยุ่หัวบรมโกษ ไทรงระแวงไม่แต่งตั้งใครดำรงตำแหน่ง ' วังหน้า " เนื่องจากเกรงว่า ' เจ้าวังหน้า " จะแข็งข้อต่อพระองค์ในที่สุด จากคุณ : ขุนนางอยุธยา(ขุนพลของเอกทัศน์) - [ 16 เม.ย. 48 00:45:06 A:203.156.34.122 X: TicketID:032642 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เรื่อง พระเจ้าเอกทัศน์ ทรงเป็นโรคเรื้อนนั้นมีความเป็นไปได้มากว่าน่าที่จะเป็นข่าวลือมากกว่า เนื่องจาก บันทึกของบาตรหลวงฝรั่งเศส ได้บันทึกไว้ว่า ' มีผู้พุดกันว่าพระองค์ ( พระเจ้าเอกทัศน์ ) ทรงป็นโรคเรื้อน สังเกตุคำว่า " มีผู้พูดกันว่า " สะท้อนได้เป้นอย่างดีว่าผู้บันทึกไม่ได้เห็นกับตา ( ฟังผู้อื่นเล่ามาอีกทีหนึ่ง ) ซึ่งน่าจะเป้นข่าวลือมากกว่า จากคุณ : ขุนนางอยุธยา(ขุนพลของเอกทัศน์) - [ 16 เม.ย. 48 00:51:22 A:203.156.34.122 X: TicketID:032642 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ความคิดเห็นที่ 1 3 4 ควรศึกษาประวัติศาสตร์ตรงนี้ให้ละเอียดก่อน ไม่ใช่อ่านหนังสือเล่มเดียวแล้วจบ ( มันง่ายเกินไปที่จะสรุปว่า พระเจ้าเอกทัศน์ เป็นเช่นนั้นจริง เนื่องด้วย 1 ในทางการแพทย์นั้น ผู้เป็นโรคเรื้อนนั้น มีข้อห้ามว่าไม่ควรดื่มสุรา หากดื่มสุราจะส่งผลให้เร่งอาการของโรคเรื้อนได้เร็วขึ้น ( อาจถึงตายได้ ) หาก พระเจาเอกทัศน์ เป็นเช่นนั้นจริงทำไมตายตั้งแต่แรก ทำเพิ่งจะมาตายเอาตอนที่ทหารพม่าบุกเข้ากรุง 2 หากไม่ความรู้เรื่องทหารจริง ทำไมจึงบัญชาการรบยันพม่าได้นานเป็นปีๆ ? 3 หากไม่มีความสามารถในการปกครองจริง ทำไมจึงครองราชยืได้นาน ( 9 ปี ) ? ป.ล. บทความของ คุณ เทาชมพู ได้รับอิทธิพลจากประวัติสาสตร์ฉบับล้าหลังคลั่งชาติของกระทรวงศึกษาธิการ จากคุณ : ขุนนางอยุธยา(ขุนพลของเอกทัศน์) - [ 16 เม.ย. 48 01:02:53 A:203.156.34.122 X: TicketID:032642 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ก็ง่ายๆ พ่อหวงอำนาจ เลยระแวง และไม่ค่อยชอบ ลูกชาย คนที่เก่ง,หัวแข็ง  ไม่ยอมพ่อ จากคุณ : Ffikgf,jvo (โดราเดม่อน) - [ 16 เม.ย. 48 01:24:10 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขออนุญาตเล่าและวิเคราะห์แบบอาศัยจากความจำเอานะครับ เพราะอยู่ห่างไกลจากแหล่งค้นคว้า เรื่องการมอบราชสมบัติให้โอรสองค์รองนี่ มันเป็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอย วนๆ เวียนๆ อยู่ห้วงชีวิตของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศมาแต่ไหนแต่ไร....จนถึงขั้นเป็น "ศึกกลางเมือง" พระหว่างพระเจ้าอากับพระเจ้าหลานชนิดใหญ่โต และสูญเสียขุนนางนักรบไปเยอะ นี่ก็อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่เราพ่ายต่อพม่าก็ได้ เพราะเราสูญเสียนักรบจากศึกกลางเมืองครานั้นไปเยอะ ผมว่าพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ....เคยมีอดีตที่ออกจะ "อาภัพ" เกี่ยวกับสายสัมพันธ์พี่ๆ น้องๆ ที่เกี่ยวโยงไปถึงราชบัลลังก์พอดู.....พระองค์จึงทรงระแวงเรื่องราชสมบัติเป็นพิเศษ เริ่มต้นแบบคร่าวๆ นะครับ....พระบรมโกศ(เจ้าฟ้าพร)และพระเจ้าท้ายสระ (เจ้าฟ้าเพชร, พระเชษฐาของพระบรมโกศ) เป็นราชโอรสของพระเจ้าเสือ....ครั้งหนึ่งถูกพระเจ้าเสือ (พระราชบิดา)เคยทรงช้างไล่ทำร้ายมาแล้ว เพราะพระเจ้าเสือคิดว่าสองพี่น้อง(พระบรมโกศกับพระเจ้าท้ายสระ) คิดประทุษร้ายพระองค์เพื่อแย่งราชสมบัติ......เหล่าขุนนางต้องไปปลอบพระเจ้าเสืออยู่นานถึงอ่อนลง กระนั้นก็ได้สั่งลงโทษราชโอรสทั้งสอง สาหัสสากรรพอดู เมื่อพระเจ้าเสือสวรรคต แทนที่จะยกราชสมบัติให้เจ้าฟ้าเพชรซึ่งเป็นคนโต แต่กลับไปยกให้เจ้าฟ้าพร (พระบรมโกศ) ซึ่งต่อมาเจ้าฟ้าพรก็เวนราชสมบัติคืนเจ้าเพชรผู้เป็นเชษฐา.....ต่อมา เจ้าฟ้าเพชร (พระเจ้าท้ายสระ)เกิดหมางใจกับพระอนุชาคือเจ้าฟ้าพร เรื่องราชสมบัติ....ประวัติศาสตร์การยกราชสมบัติซ้ำรอยเดิม นั่นก็คือ แทนที่พระเจ้าท้ายสระจะยกราชสมบัติให้กับโอรสองค์โต คือเจ้าฟ้านเรนทร(ตอนนั้นผนวชอยู่) กลับไปยกให้กับเจ้าฟ้าอภัย ซึ่งเป็นโอรสองค์รอง....ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยตรงนี้ โปรดสังเกตุ ความจริง พระบรมโกศซึ่งขณะครองตำแหน่งมหาอุปราชอยู่ น่าจะได้ราชสมบัติมากกว่า...กระนั้นก็ดี พระองค์ก็ทรงคัดค้านพระเชษฐาว่า ไม่สมควรยกให้เจ้าฟ้าอภัย แต่ควรจะยกให้เจ้าฟ้านเรนทรราชโอรสองค์โตถึงจะถูก..... จากคุณ : คนอุดรฯ - [ 16 เม.ย. 48 03:35:36 A:80.41.172.93 X: TicketID:031873 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เมื่อพระเจ้าท้ายสระสวรรคต ...เจ้าฟ้าอภัยซึ่งได้รับราชสมบัติจากพระราชบิดาก็ทำการเปิดศึกกลางเมืองกับพระบรมโกศ (พระเจ้าอา)....ผลปรากฏว่าพระเจ้าอาชนะ และได้ขึ้นครองราชย์...พระองค์ทรงมีราชโอรสสี่พระองค์ ....ทีแรกก็ให้เจ้ากุ้งเป็นมหาอุปราช....แต่ดั่งที่ทราบกันดีว่าเจ้าฟ้ากุ้งโดนสำเร็จจนสิ้นชีพขณะถูกโบย (ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยตรงนี้อีกเหมือนกัน พระเจ้าบรมโกศเคยถูกพระราชคือพระเจ้าเสือทรงไสช้างไล่หวิดตายมาแล้ว และต่อมาก็พระราชบิดาลงโทษสาหัสสากรร) ความจริง เจ้าฟ้ากุ้งหวุดหวิดที่จะโดนลงโทษปางตายมาก่อนที่จะถูกแต่งตั้งเป็นอุปราชด้วยซ้ำไป เพราะเจ้าฟ้ากุ้งได้ลอบทำร้ายเจ้าฟ้านเรนทรซึ่งยังครองสมณะเพศอยู่...เจ้าฟ้านเรนทรเป็นหลานที่พระบรมโกศทรงโปรดและเคยสนับสนุนให้ครองราชย์ต่อจากพระเจ้าท้ายสระมาก่อน หลังสิ้นเจ้าฟ้ากุ้ง...พระเจ้าบรมโกศก็ตั้งเจ้าฟ้าอุทุมพรเป็นผู้ที่จะรับราชสมบัติต่อไป ซึ่งข้ามเจ้าฟ้าเอกทัศน์ซึ่งเป็นเชษฐาของเจ้าอุทุมพรไปเสีย (ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกแล้ว !) และเมื่อสิ้นพระเจ้าบรมโกศ เจ้าฟ้าอุทุมพรก็ยินยอมคืนราชสมบัติให้แก่เจ้าเอกทัศน์ (ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีก เหมือนคราที่พระเจ้าบรมโกศเวนสมบัติคืนให้พระเจ้าท้ายสระ หลังการสิ้นพระชนม์ของพระเจ้าเสือ) จากคุณ : คนอุดรฯ - [ 16 เม.ย. 48 03:54:13 A:80.41.172.93 X: TicketID:031873 ]

ความคิดเห็นที่ 12 มองในแง่ที่เป็นธรรม...เจ้าเอกทัศน์มีสิทธิ์โดยชอบธรรมที่จะครองราชบัลลังก์...และทุกฝ่ายรวมทั้งเหล่าขุนนางต่างก็ทราบจุดนี้ดี รวมไปถึงเจ้าฟ้าอุทุมพรด้วย ...ต่อคำถามที่ว่า "เหตุใดพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เลือกที่จะตั้งพระเจ้าอุทุมพรเป็นกษัตริย์ แทนพระเจ้าเอกทัศน์ครับ "....เอาความเห็นส่วนตัวมาตอบ...ผมขอตัดคำครหาจากพงศาวดารฉบับคลั่งชาติที่ว่าเจ้าฟ้าเอกทัศน์ทรงอ่อนแอออกไปเลย....ผมว่าคำตอบอยู่ที่ตัวพระเจ้าบรมโกศผู้เคยได้ผ่านความไม่คงเส้นคงวาในการแต่งตั้งผู้ที่จะมาสืบราชสมบัติตั้งแต่สมัยพระเจ้าเสือผู้เป็นราชบิดา และพระเจ้าท้ายสระผู้เป็นพระเชษฐานั่นเอง ....พอจะเป็นไปได้ไหมว่า พระเจ้าบรมโกศได้รับอิทธิพลส่วนนี้มาจากราชบิดาและพระเชษฐามาบ้าง ?? จากคุณ : คนอุดรฯ - [ 16 เม.ย. 48 04:08:53 A:80.41.172.93 X: TicketID:031873 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ผมเห็นด้วยกับคุณคนอุดรธานีครับที่ว่าประวัีติศาสตร์ที่เราเรียนมา่นั้นน่าสงสัย จากคุณ : บันลือ - [ 16 เม.ย. 48 08:18:59 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ประเด็นที่คุณคนอุดรนำมาเสนอดูน่าสนใจดี และ คิดว่าเป็นไปได้ที่ พระเจ้าบรมโกศจะมีปมด้อยเรื่องราชสมบัติ ก็ถือว่า เป็นสิ่งที่ช่วยไม่ได้ถ้ารัฐบาลบ้านพลูหลวงจะทำให้ นครหลวงอยุธยาพังทลายกับมือของลูกหลานตัวเอง เพราะด้วยความสามารถในการบริหารที่ยังไม่ถึงขั้น และ ยังไม่มีวิสัยทัศน์ในการวางแผนการบริหารต่อไปถึงรุ่นต่อไป ก็ดูจากรุ่นก่อน ๆ ตั้งแต่ พระเจ้าเสือลงมา ก็เริ่มจะเห็นเค้าลางแห่งหายนะแล้ว งานนี้ต้องถือว่า บริหารงานกันแย่เอง จะโทษฟ้าก็คงไม่ได้ จากคุณ : บริหารห่วยเอง - [ 16 เม.ย. 48 09:29:01 A:202.183.129.54 X: TicketID:050066 ]

ความคิดเห็นที่ 15 #8 ขอเสวนาด้วยนะครับเรื่องคำถามที่ 2 และ 3 2 หากไม่ความรู้เรื่องทหารจริง ทำไมจึงบัญชาการรบยันพม่าได้นานเป็นปีๆ ? ตอบ ไม่ยากครับ เพราะมันเป็นหลักสูตรพื้นฐานในการทำสงครามของอยุธยาอยู่แล้วนี่ครับ ว่าจะใช้วิธีการป้อมค่าย โดยยึดเอา เกาะอยุธยาเป็นชัยภูมิตั้งรับข้าศึก ในตำราพิชัยสงครามก็เขียนไว้ และชาวกรุงเก่าฯ ก็ยึดวิธีการตั้งรับแบบนี้มาตั้งแต่ สมัยพระมหาจักรพรรดิ ผ่านมาเป็นร้อย ๆ ปีแล้วนี่ครับ ไม่เห็นน่าแปลกใจเลย แต่วิธีนี้ มันใช้ไม่ได้ผลเพราะว่า ผู้บังคับบัญชา ประมาท ไม่ได้เตรียมแผนการสำรองไว้เลย ก็เพราะ ไม่มีประสบการณ์ที่มากพอ เปรียบไปก็คล้าย ๆ กับ ภราดร ที่ปีแรก ๆ ที่อันดับพุ่งยังกับจรวด เพราะคู่แข่งยังจับทางการตีเทนนิสของภราดรยังไม่ได้ แต่มาปีหลัง ๆ เขารู้ทางหมดแล้วว่า ภราดร มีข้อเสียอย่างไร ก็เลย โจมตีตรงข้อเสียนั้น ๆ ผลก็คือ ภราดร ก็ไม่ชนะใครมาอีกนานเลย สำหรับคนที่เคยแพ้ภราดรมาแล้ว ก็ไม่แพ้เขาอีก ก็เหมือนกับ กรณี กรุงแตกนั่นแหละครับ แบบแผนมีมาเป็นร้อย ๆ ปี ก็ทำกันไป ยึดกันไป ศึกครั้งแรกโชคดีหน่อย ที่ข้าศึกถอยกลับ จะเพราะป่วยตาย หรือ บาดเจ็บสาหัสจากสะเก็ดปืนแตกก็แล้วแต่ แต่ ก็ไม่ได้ทำให้วิธีการตั้งรับข้าศึกของอยุธยาเปลี่ยนไป ก็มีแค่เสริมป้อมปราการ เสริมกำแพงเมือง ขุดคู ซึ่งมันก็คือการปรับปรุงวิธีการตั้งรับเดิม ๆ เท่านั้นเอง ไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนวิธีการให้มันดีขึ้นแต่ประการใด จนสุดท้าย ข้าศึกเขาปรับเปลี่ยนวิธีการ เข้าตี เมื่อเจอแบบนี้ ในตำราไม่มีสอนไว้ ก็ Game OVER ครับ จากคุณ : ตัวใครตัวเผือก - [ 16 เม.ย. 48 09:38:10 A:202.183.129.54 X: TicketID:050066 ]

ความคิดเห็นที่ 16 3 หากไม่มีความสามารถในการปกครองจริง ทำไมจึงครองราชยืได้นาน ( 9 ปี ) ? ตอบ ก็ไม่ยากครับ 1.. มังลอก ไม่ว่างมาทำสงครามนี่ครับ ถ้า มังลอก ว่างมาทำสงคราม ก็ยังไม่แน่อีกว่า จะอยู่ได้ถึง 9 ปีหรือเปล่า เผอิญ มังลอก ไม่กล้าพอ ก็เลยไม่ยกมา ไม่งั้นก็ไม่แน่ 2.. การบริหารงานตลอด 9 ปี แล้วให้ผลอย่างไรหละครับ?? 2.1 ตอนกรุงจะแตก ขอให้ ทัพทางเหนือแถบ ๆ พิษณุโลกมาช่วย ดันเกิดอะไรก็ไม่รู้ เพราะเจ้าพระยาพิษณุโลก ดันมาแถบ ๆ ยังไม่ถึงชานพระนครด้วยซ้ำ แล้วก็ยกทัพกลับอ้างว่า แม่ป่วย... โอ้โห นี่บริหารงานดีมากเลยนะครับเนี่ย ลูกน้องเชื่อฟังอำนาจมากขนาดนั้นเลยนะครับ 2.2 การคอรับชั่น มีให้เห็นเป็นปกติ ยกตัวอย่าง บุคคลที่ท่านขุนฯ ยกตัวอย่างบ่อย ๆ เช่น พระยาตาก ซึ่งนักประวัติศาสตร์บางท่าน ถึง กับบอกว่า ท่านใช้เงินติดสินบน ซื้อตำแหน่ง หลวงยกกระบัตรเมืองตาก มาก็มี ซึ่งมันก็มีความเป็นไปได้เหมือนกัน และถ้าท่านใช้เงินซื้อตำแหน่งได้จริง นั่นหมายถึง การบริหารงานดีเยี่ยมฤา ???? 2.3 เมื่อเห็นระบบบริหารแบบเดิม ๆ ไม่ดีก็ไม่สามารถแก้ไขได้ เพราะ ในสมัยท่านองค์สุดท้ายนี่ ก็ไม่มีวังหน้า แต่ก็ไม่สามารถ ทำให้ ขุนนางของน้องชายรู้สึกอยากจะทำให้งานให้ตัวท่านพี่ชายได้เลย ก็ยังคงมีการเล่นพรรคเล่นพวก ดังที่ท่านขุนนางฯเคยเสนอมานานแล้วว่า ท่านพี่ชายก็พยายามนำพรรคพวกตัวเองเข้ามาแทนที่ พวกของน้องชาย ซึ่งมันก็เป็นปกติทั่วโลกอยู่แล้ว แต่นั่นก็แสดงว่า มีการแบ่งพรรคแบ่งพวกกันอยู่ ไม่สามารถที่จะทำให้เกิดความสามัคคีกันได้ ก็เหมือนกับ หน่วยงานที่ทำงานเรื่องภาคใต้ในปัจจุบัน ต่างคนต่างทำ ต่างคนต่างไม่คุยกันไม่ปรองดองกัน เวลาเกิดเรื่องที่ ก็เกี่ยงกันทำ สุดท้าย ผลแห่งความล้มเหลวมันก็รออยู่ ซึ่งมันก็รอเวลาระเบิดเท่านั้น ถ้า มังระ ได้อำนาจเร็วกว่านี้ หรือ มังลอก กล้าที่จะมาตีอยุธยาเร็วกว่านี้ ผมก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่า อยุธยา จะเป็นอย่างไร ด้วยสภาพการบริหารงานแบบนี้ จากคุณ : ตัวใครตัวเผือก - [ 16 เม.ย. 48 09:52:26 A:202.183.129.54 X: TicketID:050066 ]

ความคิดเห็นที่ 17 2.4 ยังไม่รวมหัวเมืองที่ ไม่เกี่ยวกับศึกอีก เช่น หัวเมืองตะวันออก หัวเมืองทางอิสาน หัวเมืองทางใต้ แล เมืองประเทศราช ก็ไม่เห็นส่งทัพมาช่วยทางเมืองหลวงรบเลย นะขอรับ มีแต่รอฟังข่าวว่า กรุงจะแตกยัง เท่านั้นเอง เทียบกับ คราว พระมหาจักรพรรดิ โดนล้อมกรุง ขนาดเมืองตานี ยังมาช่วยรบเลยนะครับ บริหารงานดีอีกแล้วครับท่าน จากคุณ : ตัวใครตัวเผือก - [ 16 เม.ย. 48 09:56:45 A:202.183.129.54 X: TicketID:050066 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ถึง ตัวใครตัวเผือก 1 หากไม่มีความสามารถในการปกครองจริง ทำไมจึงครองราชยืได้นาน ( 9 ปี ) ? / ข้อความนี้ข้าพเจ้าหมายความว่าหากไมสามารถปกครองได้จริงก้ควรที่จะถูกโค่นล้มตั้งนานแล้ว ซึ่งข้อความนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพม่า 2 กองทัพพม่าที่ยกมาครั้งนั้นเตรียมการดีมาก หากอยุธยาทำการรบห่วยมากจริงก็ไม่น่าจะต้านทานได้นานขนาดนั้นหรอก ถึงจะอ้างว่าป้อมค่าย ของอยุธยามันแข็งแกร่งมาก่อนหน้าที่ พระเจ้าเอกทัศนื จะทรงครองราชย์ ทำไมพม่ามันใช้เวลาในการเข้าตีอยู่นานถึงเพียงนั้น แสดงว่าฝ่ายพระนครจะต้องมีการโต้ตอบอย่างหนักมาก หากฝ่ายอยุยาอยู่เฉยๆไม่ทำอะไรปล่อยให้พม่าเป็นฝ่ายก่อการอยู่ฝ่ายเดียวนั้นคงยันพม่าไม่ได้นานแน่แท้ แต่การที่พม่าล้อมกรุงอยู่นานมันสะท้อนว่าฝ่ายอยุธยาต้านทานได้เป็นอย่างดี ( แต่ไม่สามารถพลิกสถาณการณ์มาเป็นฝ่ายได้เปรียบ ) 3 เรื่อง " การเดิน " นั้นมีมานมนานแล้วไม่ใช่พึ่งจะมีในสมัย พระเจ้าเอกทัศน์ แต่อย่างใด ( เรื่องนี้อยู่คู่สังคมไทยมาเนินนานแล้ว ) 4 ส่วนเรื่องขุนนางของ พระเจ้าเอกทัศน์ กับ ของ พระเจ้าอุทุมพร นั้นสาเหตุเกิดจาก พระเจ้าบรมโกษ ทรงตั้งบรรดาพระราชโอรสขึ้นทรงกรมเพื่อคานอำนาจขุนนางเก่า ซึ่งก็ส่งผลได้ดีมาตลอดแต่เริ่มมามีปัญหาหลังการมรณกรรมของ พระชำนาญบริรักษ์ ทำให้สถาณะภาพทางการเมืองภายในเริ่มไม่มั่นคง ( ขุนนางเริ่มท้าทายอำนาจกษัตริย์ ) ส่งผลให้ 2 รัชกาลหลังมีปัยหาทางการเมืองอย่างมาก ถ้าถามว่าปัยหาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการบริหารหรือไม่ก็คงต้องยอมรับว่าส่งผลอย่างมาก แต่ถ้าถามว่าส่งผลต่อการเสียกรุงหรือไม่นั้นยังไม่อาจชี้ชัดลงไปได้ แต่ที่แน่ๆเมื่อยุทธศาสตร์ทางทหารที่กำหนดใช้ถูกพิสูจน์ให้เห้นแล้วว่าใช้ไม่ได้ผล ช่วงนี้แหละที่ปัยหาการเมืองภายในส่งผลกระทบต่อการทหารอย่างเห้นได้ชัด ( เริ่มแบ่งฝ่ายอย่างชัดเจน ฝ่ายหนึ่งต้องการสู้ ฝ่ายหนึ่งต้องการยอมจำนน ฝ่ายหนึ่งไม่ต้องการอยู่ในกรุง ) ป.ล. ควรศึกษาประวัติศาสตรืช่วงนี้จากงานวิทยานิพนธ์ ดังนี้ 1 การเมืองไทยสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกษ : โสพิศ หนูทอง 2 การเมืองไทยสมัยพระเจ้าบรมโกษ พ.ศ. 2275 -2301 : เทพมนตรี ลิมปพยอม 3 สงครามคราวเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 พ.ศ. 2310 ศึกษาจากพงศาวดารพม่าฉบับราชวงศ์คองบอง : สุเนตร ชุตินะรานนท์ 4 การศึกษาวิเคราะห์สงครามไทยรบพม่าเฉพาะเรื่องยุทธศาสตร์และยุทธวิธีทางการทหาร พ.ศ. 2310 - 2397 5 บุษกร ลายเลิศ กาญจนจารี : ปัญหาการควบคุมกำลังคนและแง่หนึ่งของการเมืองและเศรษฐกิจในสมัยอยุธยาตอนปลาย จากคุณ : ขุนนางอยุธยา(ขุนพลของเอกทัศน์) - [ 16 เม.ย. 48 11:55:54 A:203.156.34.227 X: TicketID:032642 ]

ความคิดเห็นที่ 19 4 การศึกษาวิเคราะห์สงครามไทยรบพม่าเฉพาะเรื่องยุทธศาสตร์และยุทธวิธีทางการทหาร พ.ศ. 2310 - 2397 : ชาญชัย วรรณวงศ์ จากคุณ : ขุนนางอยุธยา(ขุนพลของเอกทัศน์) - [ 16 เม.ย. 48 11:57:15 A:203.156.34.227 X: TicketID:032642 ]

ความคิดเห็นที่ 20 หลังจากพระเจ้าบรมโกศสวรรคตลง พม่าก็ได้ยกทัพมาบุก2ครั้ง ครั้งแรกล้อมกรุงศรีปี2302 ครั้งที่2ล้อมปี2309และแตก อยากทราบว่าจริงหรือไม่ ในการถูกล้อมปี2302 พระเจ้าเอกทัศน์ได้ขอให้พระเจ้าอุทุมพรลาผนวชมาช่วยบัญชาการรบแทนพระองค์?? จากคุณ : NipponJ - [ 16 เม.ย. 48 12:00:36 ]

ความคิดเห็นที่ 21 มนศึกอลองพญา พระเจ้าเอกทัศน์ ทรงเชิญ พระเจ้าอุทมพร มาช่วยทำการศึกไม่ใช่ว่าช่วยบัญชาการรบแทน เนื่องจากอำนาจในการสั่งการยังอยู่ที่ พระเจ้าเอกทัศน์ แต่ถว่าพระองค์เริ่มสูญเสียขุนนางฝ่ายพระองค์ไปในการจัดส่งทัพไปตีพม่ารอบนอกพระนคร จึงให้ พระเจ้าอุทุมพร ศึกออกมาช่วยอีกแรง ( เพื่อรักษาขุนนางของ พระองค์ไว้ โดยให้ พระเจ้าอุทุมพร ใช้ขุนนางของตัวเองในการทำศึก ) ไม่ได้มาบัญชาการแทนทุกอย่าง หากยอมอย่างนั้นจริงก็เท่ากับว่าเปิดโอกาสให้ พระเจ้าอุทุมพร ได้กลับมามีอำนาจอีกครั้งหนึ่ง และที่สำคัญหาก พระเจ้าอุทมพร ศึกออกมาช่วยงานราชการจริง ก็จะอยู่ในฐานะ " วังหน้า " โดยปริยายไม่มีความจำเป็นอันใดที่จะต้องยกราชสมบัติให้ พระเจ้าอุทุมพร จากคุณ : ขุนนางอยุธยา(ขุนพลของเอกทัศน์) - [ 16 เม.ย. 48 12:14:06 A:203.156.34.227 X: TicketID:032642 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ดีครับ กำลังถกกันสนุกเลย เริ่มต่อเลยนะครับ 2 กองทัพพม่าที่ยกมาครั้งนั้นเตรียมการดีมาก หากอยุธยาทำการรบห่วยมากจริงก็ไม่น่าจะต้านทานได้นานขนาดนั้นหรอก ถึงจะอ้างว่าป้อมค่าย ของอยุธยามันแข็งแกร่งมาก่อนหน้าที่ พระเจ้าเอกทัศนื จะทรงครองราชย์ ทำไมพม่ามันใช้เวลาในการเข้าตีอยู่นานถึงเพียงนั้น แสดงว่าฝ่ายพระนครจะต้องมีการโต้ตอบอย่างหนักมาก หากฝ่ายอยุยาอยู่เฉยๆไม่ทำอะไรปล่อยให้พม่าเป็นฝ่ายก่อการอยู่ฝ่ายเดียวนั้นคงยันพม่าไม่ได้นานแน่แท้ แต่การที่พม่าล้อมกรุงอยู่นานมันสะท้อนว่าฝ่ายอยุธยาต้านทานได้เป็นอย่างดี ( แต่ไม่สามารถพลิกสถาณการณ์มาเป็นฝ่ายได้เปรียบ ) ตอบ 2.1 เป็นธรรมดาหละครับ สำหรับคนที่มีสติสัมปชัญญะบริบูรณ์ ถ้าเห็นศัตรูมา แล้วตัวเองอยู่ในป้อม มีปืนใหญ่ มีคูน้ำ มีแม่น้ำ มีน้ำหลาก เป็นสิ่งช่วยเหลือ ถ้าไม่รู้จักใช้พวกนี้ให้เป็นประโยชน์แล้ว ผมว่า แม่ทัพคนนั้นต้องสติไม่สมประกอบแน่ครับ มันไม่ได้พิสูจน์ว่าเก่งกาจแค่ไหนแต่อย่างใดเลยครับ เหมือนโจรจะมาทำร้ายคุณ แล้วคุณขุนนางฯถือปืนอยู่ คุณจะทำอย่างไรครับ วิ่งหนี เอาปืนขว้างโจร หรือ ยิงปืนขู่โจร หละครับ ?? โอ้ปัญหานี้ ถ้าใครตอบ วิ่งหนี หรือ เอาปืนขว้างโจร ก็พิจารณาตัวเถอะครับ อีกอย่าง เวลาสงครามที่ไหนในโลกก็ตาม ผมก็เห็นฝ่ายตั้งรับเขาก็สู้กันสุดใจอยู่แล้ว ไม่ว่าจะสมรภูมิที่ครูเสดเอย บางระจัน เอย , ส่วนใหญ่ก็สู้กันจนตัวตายอยู่แล้ว นี่ครับ ดังนั้น การโต้ตอบอย่างหนักนั้น มันก็เป็นเรื่องปกติสำหรับฝ่ายป้องกัน สุดท้าย ผลมันก็มีสองอย่าง แพ้ หรือไม่ก็ เสมอตัว สำหรับเรื่องนี้ผมถือว่าเรื่องปกตินะครับ เพราะอย่างที่ได้ยกตัวอย่างในเรื่องของ โจรมาปล้นนี่หละครับ 2.2 ถ้าอ่านให้ดี ผมไม่ได้บอกว่า ป้อมค่าย มันแข็งแรงมาก่อนนะครับ ผมบอกว่า มีการปรับปรุงป้อมค่าย ขุดคู ให้แข็งแรงขึ้น ก็ช่วง 9 ปีนั่นปะไรครับ อย่างน้อย ๆ ตอนสงครามปี 2302 นั่นก็ปรับปรุงไป 1 รอบแล้ว นะครับ สำหรับวิธีการให้ ไพร่พลออกไปสกัดทัพ นี่ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ครับ ปฏิบัติกันมาตั้งแต่ สมัย บุเรงนองมาตีอยุธยา ตั้งแต่ คราวเสียพระสุริโยทัย ก่อนหน้า พระเจ้าเอกทัศน์ เป็นร้อย ๆ ปีแล้วนี่ครับ มีอะไรแปลกใหม่ตรงไหนหรือครับ ??? ผมก็เลยเห็นว่า เป็นเรื่องธรรมดาครับ ที่จะต้านพม่าไว้ได้นาน ไม่เห็นแปลก เพราะก็ใช้ยุทธวิธีแบบเดิม ๆ แทบไม่ได้ปรับปรุงอะไรใหม่เลย นี่ครับ พม่าเอง ก็ไม่เคยปรับเปลี่ยนวิธีการมาตี อยุธยา เสียหน่อยนี่ครับ ไม่เข้าทางเมืองกาญจน ก็เข้าทางภาคเหนือ หรือไม่ก็ เข้าทางสองทาง จบครับ pattern ในการทำสงครามระหว่างทั้งสองชาติ โดยส่วนใหญ่มีเพียงเท่านี้เอง มีอะไรให้ผมตื่นเต้น หรือ น่าเชื่อถือว่ารัฐบาลบ้านพลูหลวง มีแนวคิดอะไรใหม่ ๆ มาใช้ในการรบบ้างไหมครับ??? วิธีการรบ มันก็มีไม่กี่วิธีหรอกครับ สำหรับไทย กับ พม่า ก็ล้อมกันไป ล้อมกันมา เท่านั้นเอง จากคุณ : ตัวใครตัวเผือก - [ 16 เม.ย. 48 13:51:51 A:202.183.144.178 X: TicketID:050066 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ( เพื่อรักษาขุนนางของ พระองค์ไว้ โดยให้ พระเจ้าอุทุมพร ใช้ขุนนางของตัวเองในการทำศึก ) ถาม โอ้โห แนวคิดแบบนี้เนี่ยนะครับ พระเจ้าแผ่นดินที่ตั้งอยู่ในทศพิธราชธรรม?? จากคุณ : ตัวใครตัวเผือก - [ 16 เม.ย. 48 14:02:12 A:202.183.144.178 X: TicketID:050066 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ภาพของเจ้าฟ้าอุทุมพร ภายหลังสงครามถูกจับไปอยู่พม่า จากคุณ : NipponJ - [ 16 เม.ย. 48 15:43:11 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ถึง ตัวใครตัวเผือก โอ้โห แนวคิดแบบนี้เนี่ยนะครับ พระเจ้าแผ่นดินที่ตั้งอยู่ในทศพิธราชธรรม?? / ปัญหานี้เป็นปัญหาในทางการเมือง ( ต้องพล่ามยาว ) กล่าวคือ ต้องเข้าใจในเบื้องต้นก่อนว่าช่วงเกิดศึกอลองพญานั้น พระเจ้าเอกทัศน์ เพื่อจะครองราชย์ได้ใหม่ๆ ฐานอำนาจย่อมไม่มั่นคง การยอมให้ พระเจ้าอุทุมพร มาช่วยการศึกนั้นเป็นทางออกสุดท้ายในตอนนั้น เนื่องจากพระองค์ยังไม่สามารถรวบรวมขุนนางทั้งหมดให้เข้ากันได้ จึงยังต้องพึ่ง พระเจ้าอุทุมพร และต้องคงกำลังขุนนางของพระองค์ไว้ก็เพื่อความมั่นคงในราชบัลลังก์ ส่วนการให้ พระเจ้าอุทุมพร ใช้ขุนนางของตัวเองก็เพื่อง่ายแก่การบังคับบัญชามากกว่าใช่ว่าเรื่องนี้เป็นการไร้ทศพิธราชธรรม เพราะทรงเพิ่งจะขึ้นครองราชย์ได้ไม่นานขุนนางที่ฝักไฝ่ พระเจ้าอุทุมพร ก็ยังคงไม่ยอมรับในช่วงแรกๆ หลังจากศึกอลองพญาแล้ว พระเจ้าเอกทัศน์ จึงมีความมั่นคงในทางการเมืองนโยบายต่างๆเริ่มออกมาเป็นรูปธรรมก็หลังศึกอลองพญานี้แหละ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ช่วงต้นการครองราชย์ผลงานยังไม่มีมากนัก ยังมีความหวาดระแวงบรดาขุนนางที่ฝักไฝ่ข้าง พระเจ้าอุทุมพร อยู่นั่นเอง ป.ล. ถ้าจะให้ดีควรศึกษาประวัติศาสตรืตรงนี้จากหนังสือต่างๆ ที่ข้าพเจ้าแนะนำจะได้เข้าใจมากขึ้น ( รายละเอียดมันแยอะ ) จากคุณ : ขุนนางอยุธยา - [ 16 เม.ย. 48 23:31:36 A:203.156.34.99 X: TicketID:032642 ]

ความคิดเห็นที่ 26 1 การปรับปรุงป้อมค่ายมันมีตลอดเกือบจะทุกรัชกาล 2 สิ่งแปลกใหม่ก็คือ การวางแนวปะทะ ( สร้างค่ายรอบพระนคร ) ในศึกก่อนๆหน้านี้นั้น การรบส่วนใหญ่จะเป็นการยิงปืนใหญ่โต้ตอบกันไปมาระหว่างพม่ากับไทย มีบางที่ทางไทยจักทัพออกตีฝ่ายพม่า แต่ก็ยังใช้กำแพงเป็นแนวป้องกัน ถว่าในคราวเสียกรุงนี้ ทางฝ่ายพม่าไม่สามารถตั้งค่าย หรือ สร้างป้อมปืนใหญ่ ที่สามารถยิงถล่มพระครได้เหมือนคราวก่อนๆ 3 สงครามคราวเสียกรุงพม่าได้เปลี่ยนยุทธศาสตร์การรบเสียใหม่ กล่าวคือ ศึกครั้งก่อนๆ พม่าจะยกทัพหนีน้ำในทันทีที่ฤดูน้ำหลากมาท่วมพระนคร แต่คราวเสียกรุงพม่าไม่ยอมถอนทัพหนีน้ำ แล้วล้อมกรุงต่อไปอย่างไม่มีกำหนดส่งผลให้ ฝ่ายกรุงขัดสนเสบียงอาหารในที่สุด และที่สำคัญพม่าได้นำยุทธวิธีการดจมตีแบบคีมหนีบมาใช้อย่างได้ผล นอกจากนี้ยังขุดอุโมงค์เข้าไปเผารากกำแพงพระนครเป็นครั้งแรกอีกด้วย 3 การรบมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาทั้งไทยทั้งพม่า ไม่ได้หยุดนิ่งหรอก จากคุณ : ขุนนางอยุธยา - [ 16 เม.ย. 48 23:47:42 A:203.156.34.99 X: TicketID:032642 ]

ความคิดเห็นที่ 27 จากเนื้อความของคุณคนอุดรฯ ใน#10 ซึ่งประวัติศาสตร์ซ้ำรอยกัน3รุ่น ตั้งแต่รุ่นพ่อ-พี่ชาย-และตัวพระบรมโกศเอง รุ่นที่1 (พ่อแต่งตั้งให้ลูกคนรอง) แต่ต่อมาพระบรมโกศทรงคืนราชบัลลังค์ให้แก่พี่ชาย เนื่องจากเห็นว่าไม่เหมาะสม จากคุณ : NipponJ - [ 17 เม.ย. 48 00:56:41 ]

ความคิดเห็นที่ 28 รุ่นที่2 (พี่ชายแต่งตั้งให้ลูกคนรอง) พระบรมโกศก็บอกพี่ชายอีก ว่าควรจะตั้งให้โอรสคนพี่ถึงจะถูกตามครรลอง รุ่นที่3 (ตัวพระบรมโกศเองแต่งตั้งให้ลูกคนรอง) ซึ่งหลายคนยังสงสัยว่าสาเหตุเพื่อลบปมด้อย? ปล.พอดีเนทพิมพ์ยาวๆแล้วส่งไม่ได้ ต้องขออภัย ขอยกมาเป็นท่อนๆ จากคุณ : NipponJ - [ 17 เม.ย. 48 00:58:37 ]

ความคิดเห็นที่ 29 วิเคราะห์รุ่นที่1 ถ้าเป็นดังนั้นก็แสดงว่าพระบรมโกศ มิได้น้อยใจในราชบิดาเลย ถ้าจะน้อยใจก็คงน้อยใจในบุญกรรมของตัวเอง เนื่องจากพระราชบิดาเป็นผู้แต่งตั้งพระบรมโกศ เองแท้ๆ วิเคราะห์รุ่นที่2 จะเห็นด้วยซ้ำว่าพระบรมโกศ พยายามบอกให้พี่ชายตัวเองตั้งโอรสองค์โตถึงจะสมควร(เป็นครั้งที่2ที่พระบรมโกศปฏิบัติตามสมควร) แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 48 01:06:21 จากคุณ : NipponJ - [ 17 เม.ย. 48 00:59:35 ]

ความคิดเห็นที่ 30 วิเคราะห์รุ่นที่3 จากรุ่น1-2จะเห็นว่า แม้พระบรมโกศจะผูกพันอยู่กับการซ้ำรอย แค่ความผูกพันคงไม่สามารถปะทุขึ้นมาเป็นความน้อยใจได้ แต่อย่างใด ซึ่งตามหลักจิตวิทยา คนมีปมด้อยก็น่าจะพยายามลบปมด้อยของตัวเองสิถึงจะถูก ถ้ามีปมด้อยจริงทำไมพระบรมโกศ เพิ่งจะคิดได้หรือมามีปมด้อยเอาตอนตัวเองมีลูก เพราะตัวเองก็เคยบอกกับพระเชษฐาว่า ควรจะตั้งโอรสองค์โตถึงจะถูกต้อง ดังนั้นเรื่องทั้งหมด ถ้าจะนับก็คงเป็นชะตาหรือบังเอิญเสียมากกว่า แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 48 01:06:51 จากคุณ : NipponJ - [ 17 เม.ย. 48 01:02:43 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ครับ..เป็นชะตากรรมโดยแน่แท้ทีเดียวเชียว... แข่งเรือพายแข่งได้ แข่งวาสนาแข่งไม่ได้...โบราณกล่าไม่ผิดเพี้ยน ผมเพียงแต่นำเสนอมาให้ท่านๆ ทั้งหลายมาร่วมตังข้อสังเกตุ...ข้อสังเกตุของคุณนิปปอนคล้ายๆ กับผมนั่นแหละครับ....ผมออกจะเห็นใจพระบรมโกศด้วยซ้ำไป ผมคิดว่าท่านคงอยู่ภาวะกลืนไม่เข้าคลายไม่อยากหลายประการเกี่ยวกับความไม่คงเส้นคงวาในการแต่งตั้งผู้จะสืบราชบัลลังก์มาแต่พระราชบิดาและพรเชษฐาของพระองค์ โดยส่วนตัว ผมว่าพระองค์ทรงจะพยายามทำเรื่องการแต่งตั้งวังหน้าให้ถูกทำนองคลองธรรมนะ....เป็นต้นว่าคืนราชบัลลังก์ให้พระเชษฐา...หรือมีความเห็นแย้งพระเชษฐาเมื่อพระเชษฐาแต่งองค์โอรสองค์รองเป็นคนสืบราชสมบัติ และเมื่อพระองค์ขึ้นครองราชย์ ก็ได้แต่งตั้งเจ้าฟ้ากุ้งโอรสองค์ใหญ่เป็นผู้ที่จะสืบราชสมบัติ....อันเป็นธรรมนองคลองะรรมที่ควรจะเป็น อีกด้านหนึ่ง...ผมว่าพระบรมโกศยังคงผูกพันอยู่กับเจ้าฟ้านเรนทร (ราชโอรสองค์โตของพระเชษฐา ผู้ที่พระองค์เห็นว่าพระเชษฐามองข้ามไป และไปตั้งเจ้าฟ้าอภัย)...ผมว่าตรงนี้แหละที่พระองค์อาจจะอยู่ในภาวะกล้ำกลืน....เพราะพระองค์รู้ดีว่า บังลังก์ที่พระองค์ครองอยู่นั้น หากทุกอย่างเป็นไปตามทำนองคลองธรรมแต่ต้น ผู้ที่ควรจะครองบัลลังก์น่าควรจะเป็นเจ้าฟ้านเรนทร...ซึ่งพระองค์ได้สนับสนุนเจ้าฟ้านเรนทรหลานผู้นี้มาแต่ต้น...สังเกตุได้ว่าตอนที่เจ้าฟ้ากุ้ง ลอบทำร้ายเจ้าฟ้านเรนทรนั้น พระบรมโกศกริ้วอย่างแรง....จนพระราชมารดาของเจ้าฟ้ากุ้งให้เจ้าฟ้ากุ้งรีบออกบวชเพื่อหนีการลงโทษ คนที่คบคิดกับเจ้าฟ้ากุ้งลอบทำร้ายเจ้าฟ้านเรนทรถูกประหารชีวิต.... ผมพยายามค้นหาคำตอบอยู่ว่า เหตุใดเจ้าฟ้ากุ้งจึงคบคิดลอบทำร้ายเจ้านเรนทรทั้งๆ ที่ยังครองสมณะเพศอยู่....พอจะเป็นไปได้ไหมว่า....เจ้าฟ้ากุ้งอาจจะระแวงว่าพระบรมโกศอาจจะเปลี่ยนพระทัยยกสมบัติให้เจ้าฟ้านเรนทรเพื่อความถูกต้องที่มันควรจะเป็นตั้งแต่ต้น.... นั่นเป็นข้อสังเกตุของผม จากคุณ : คนอุดรฯ - [ 17 เม.ย. 48 02:12:14 A:80.41.164.102 X: TicketID:031873 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ที่นี้มาเข้าประเด็นที่ว่า หลังสิ้นเจ้าฟ้ากุ้ง ทำไมพระองค์จึงหันไปแต่งตั้งเจ้าฟ้าอุทุมพร...ทั้งๆ ที่ผมตั้งข้อสังเกตุว่าพระองค์ทรงต้องการจะทำเรื่องนี้ตามทำนองคลองธรรมไปหยกๆ .... อ้อ ลืมบอกไป..ผมไม่ได้บอกว่าพระบรมโกศท่านมีปมด้อยนะครับ แต่ผมบอกว่าท่านอาภัพอ่ะครับ (คือคลับคล้ายคลับคลาจะได้ราชสมบัติ ได้แล้วต้องเวนคืน...เวนคืนแล้ว คล้ายจะได้อีก แต่ก็ต้องเปิดศึกกลางเมืองกับหลาน เหตุความยุ่งเหยิงทั้งหมดทั้งมวลเหล่านั้นมาจากความไม่คงเส้นคงวาของการแต่งตั้งวังหน้า ) จะหาคำตอบและเหตุผลที่แท้จริงว่าเหตุใดพระบรมโกศถึงแต่งตั้งเจ้าฟ้าอุทุมพรนั้นคงยากล่ะนะครับ...เราจึงได้มาช่วยกัน "ร่วมตั้งข้อสังเกตุ" .....ซึ่งผมเสนอหนึ่งในหลายๆ เหตุผลดังนี้ แม้พระองค์จะพยายามทำเรื่องนี้ให้ถูกธรรมนองคลองธรรมตามที่ผมตั้งข้อสังเกตุมาเพียงไรก็ตาม...แต่ก็มักจะมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเล็กๆ น้อยๆ หลายอย่างเกิดขึ้นในรัชสมัยของพระองค์....ผมว่าพระองค์น่าจะเริ่ม "เขว" ตรงนี้ เป็นต้นว่าเจ้าฟ้ากุ้งเริ่มเหินห่างมาร่วมประชุมกับเหล่าขุนนาง...เจ้าสามกรมก็เริ่มกร่างออกมาทีละนิดๆ ..ความขัดแย้งของเหล่าราชโอรสร่วมมารดาเดียวกันและต่างมารดาที่เกิดแต่พระบรมโกศ....ซ้ำร้ายราชโอรสองค์โตก็มาสิ้นด้วยพระราชอาญาที่พระองค์จำต้องสั่งลงโทษเจ้าฟ้ากุ้งฐานลอบเป็นชู้กับมเหสีของพระองค์เสีย....ผมว่า จิตใจพระองค์น่าจะ "เขว" นะช่วงนี้ ลูกทั้งคน !และมิหนำซ้ำหวังจะให้สืบราชบังลังก์แทนกลับมาสิ้นด้วยคำตรัสของพระองค์เอง ....อีกความรู้สึกหนึ่งก็คงจะ "แค้น" เจ้าฟ้ากุ้งด้วยเช่นกันที่บังอาจลอบเป็นชู้มเหสีของพระองค์.... พูดภาษาชาวบ้านๆ ก็คือ ด้านหนึ่งรู้สึกอาลัยในฐานะ "พ่อ" ...ส่วนอีกด้านหนึ่งก็แค้นในฐานะที่ถูกลูกสวมเขา....น่าจะเขวบ้างนะผมว่า เมื่อหลายอย่างมะรุมมะตุ้มเข้าอย่างนี้....ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว...ก็แต่งตั้ง "ลูก" ที่ตัวเองรักใคร่มากกว่าคนอื่นไปซะเลย....ใครจะมาตั้งข้อครหาได้ในเมื่อ พ่อ (พระเจ้าเสือ) ก็เคยทำมาแล้ว พี่ชายก็ได้ทำมาแล้ว... นี่ไงครับที่ผมได้ทิ้งคำถามไว้บรรทัดสุดท้ายว่า ..."พอจะเป็นไปได้ไหมว่า พระเจ้าบรมโกศได้รับอิทธิพลส่วนนี้มาจากราชบิดาและพระเชษฐามาบ้าง ?? จากคุณ : คนอุดรฯ - [ 17 เม.ย. 48 02:41:49 A:80.41.164.102 X: TicketID:031873 ]

ความคิดเห็นที่ 33 เพิ่มในความเห็นที่ 17 ให้ครับ กองทัพหัวเมืองนอกจากทัพเมืองพิษณุโลกที่ยกมาป้องกันอยุธยาแล้วรอบกรุงแล้ว ยังมีทัพเมืองเพชรบุรี และทัพเมืองนครศรีธรรมราชครับ ซึ่งเจ้าเมืองทั้ง 2 คนนี้ ยังมีชือในการรบตอนที่พม่าล้อมกรุงแล้วด้วยครับ (ต่อมาทั้ง 2 คนก็ตายในช่วงสงครามล้อมกรุง) จากการที่เรียกทัพหัวเมืองให้มาในกรุงได้ก็พออนุมานได้ว่าพระเจ้าเอกทัศน์ก็ทรงเป็นที่ยำเกรงระดับนึงสำหรับหัวเมืองต่างๆ จึงพากันส่งกองทัพเข้ามา(ถึงแม้ทัพเมืองพิษณุโลกจะถอนตัวไปภายหลังก็ตาม) .............. จากคุณ : ryzon - [ 17 เม.ย. 48 17:36:31 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ถึง ตัวใครตัวเผือก เรื่องปัตตานีส่งกำลังเข้ามาในพระนครนั้น หลักบานวันวลิตให้การว่า กองทัพของเจ้าเมืองปัตตานี ไม่ได้ยกทัพมาช่วยแต่อย่างใด แต่ยกกำลังเข้ามาในเพื่อที่จะปล้นอยุธยาในขณะที่ พระมหาจักรพรรดิ กำลังทรงประชวร จากคุณ : ขุนนางอยุยา - [ 17 เม.ย. 48 18:41:50 A:203.156.34.96 X: TicketID:032642 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ขอบคุณครับคุณคนอุดรฯ น่าสนใจมากครับว่าจะเป็นเพราะ พระเจ้าอุทุมพรมีบุคลิกสุภาพ น่ารัก จนเป็นที่รักของบิดามากกว่าราชบุตรองค์พี่ที่เหลืออยู่(หลังจากลงโทษประหารบุตรคนโต) หรือจะเป็นเพราะเห็นว่าพระเจ้าอุทุมพร มีความสามารถทางการทหาร รวมถึงอุปนิสัยใจคอ ที่สามารถจะบริหารบ้านเมืองให้ประชาชนเป็นสุขได้มากกว่า จนไม่คิดถึงประเด็นคนพี่-คนน้อง (ห่วงบ้านเมืองมากกว่าจะห่วงว่าลูกตัวเองใครจะได้เป็นใหญ่) จากคุณ : . (NipponJ) - [ 18 เม.ย. 48 20:03:35 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ถ้าพระเจ้าบรมโกศมองว่าเจ้าฟ้าอุทุมพรมีความสามารถที่จะนำอยุธยาได้ดีกว่า ก็ต้องถือว่าเป็นการมองที่ผิดพลาด ดูจากการที่พระเจ้าอุทุมพรยอมยกราชสมบัติให้พระเจ้าเอกทัศง่ายๆ จะตีความว่าอย่างไรดี? มองย้อนหลังกลับไป หลังจากพระเจ้าบรมโกศชิงอำนาจมาได้โดยมีกำลังสำคัญเป็นกลุ่มอำนาจใหม่ เจ้าฟ้ากุ้ง พระเจ้าเอกทัศ พระเจ้าอุทุมพร กลุ่มอำนาจนี้ผนึกกำลังกันแน่น มีเป้าหมายชัดเจนว่าต้องการสนับสนุนเจ้าฟ้ากุ้งขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ต่อไป การที่เจ้าฟ้ากุ้งคิดฆ่าเจ้าฟ้านเรนทร ก็เพื่อกำจัดเสี้ยนหนาม โดยเห็นได้ชัดว่าพฤติการณ์ของกลุ่มนี้เริ่ม"ลุแก่อำนาจ" ถึงจุดนี้พระเจ้าบรมโกศเริ่มหวั่นว่าจะเกิดการชิงบัลลังก์ของพระองค์ประจวบกับ(?)มีเรื่องชู้สาวเจ้าฟ้ากุ้ง จึงเป็นโอกาสที่จะกำจัดเจ้าฟ้ากุ้งไป สำหรับพระเจ้าเอกทัศกับเจ้าฟ้าอุทุมพร ดูตามลำดับแล้ว ต้องเป็นพระเจ้าเอกทัศมีสิทธิ์ก่อน ซึ่งตามวัฒนธรรมของกลุ่มนี้แล้ว เห็นได้ชัดมาก่อนว่าระบบอาวุโสเป็นที่ยอมรับกัน การตั้งวังหน้าของพระเจ้าบรมโกศครั้งนี้จึงไม่ใช่การตั้งเพื่อกำหนดผู้สืบทอดราชบัลลังก์ แต่เป็นการตั้งเพื่อรักษาความมั่นคงของบัลลังก์ของพระองค์ จึงมีกาีรแต่งตั้งพระเจ้าอุทุมพรเป็นวังหน้า พระเจ้าอุทุมพรย่อมไม่มีทางปฏิเสธได้ ในขณะที่การปรามาสพระเจ้าเอกทัศอย่างที่มีในพงศาวดาร ไม่ว่าจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ก็เพื่อตอกย้ำให้พระเจ้าเอกทัศเกิดความไม่พอใจต่อพระเจ้าอุทุมพร เมื่อเป็นเช่นนี้การที่ทั้งสองจะปรองดองร่วมมือกันเพื่อโค่นบัลลังก์พระเจ้าบรมโกศถือว่ายากมาก ลักษณะเช่นนี้ปรากฏเป็นปกติครับ divide and rule ธรรมดาๆนี่เอง เมื่อสิ้นรัชกาลพระเจ้าบรมโกศ เมื่อพระเจ้าเอกทัศมาทวงบัลลังก์ พระเจ้าอุทุมพรจึงยอมโดยดี เพราะระบบอาวุโสเดิมของกลุ่มนี้นี่เอง ทั้งนี้แผนของพระเจ้าบรมโกศก็ลุล่วงไปโดยดีแล้ว จากคุณ : CrazyHOrse - [ 19 เม.ย. 48 11:52:57 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ประเด็นของคุณCrazyHOrse น่าสนใจมากครับและอาจเป็นบทสรุป ลองกลับไปอ่านๆดูแล้ว รู้สึกว่าคุณขุนนางอยุธยาเองก็อาจจะอยากสื่อให้เห็น ภาพประเด็นใกล้เคียงกันนี้มาตั้งแต่ต้น จากคุณ : NipponJ - [ 19 เม.ย. 48 18:34:09 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ชอบอ่านโพสต์ที่ "ตั้งข้อสังเกตุ" ร่วมกันอย่างคุณ "ม้าพยศ" (ขี้เกียจสลับพิม์ภาษาอังกฤษ เลยขอถือวิสาสะถอดความซะเลย คงไม่ว่ากัน) ดีครับๆ ...ชอบการวิเคราะห์ประวัติศาสตร์ในแนวนี้ เท็จ จริง ถูกต้องหรือใกล้เคียงอย่างไร ย่อมเป็นประโยชน์ต่อทุกท่าน จากคุณ : คนอุดรฯ - [ 19 เม.ย. 48 20:34:11 A:193.195.73.66 X: TicketID:031873 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เข้ามาแอดเป็นกระทู้ที่ชื่นชอบคะ ขอขอบคุณที่ถกเถียงได้อย่างมีสาระและน่าประทับใจทุกท่านทำให้น่าอ่านและจะขอเก็บไปเป็นแนวทางค้นคว้าต่อคะ ขอบคุณมาก จากคุณ : โตมิโต กูโชว์ดะ - [ 3 พ.ค. 48 20:04:02 ]