ใช่ดั่งที่คุณหย่งฉินกล่าวมาครับ...แคบ วงการนิยายกำลังภายในของไทย
มันแคบเกินไป และอาจจะแคบมาก ๆ ด้วย และผมก็เห็นด้วยกับคุณหย่งฉิน
และอีกหลายท่านในห้องนี้ว่า น่าจะมีการแจ้งกำเนิดของนักแปลหน้าใหม่บ้าง เพราะคนที่มีความสามารถก็หดหายไปเฝ้าท่านเง็กเซียนฮ่องเต้กันจะหมดแล้ว
ซึ่งถ้ามองเช่นนี้แล้วผมก็คงคิดเหมือนกับที่ทุกท่านคิดเช่นกันว่า น่าจะกระตุ้นให้
ยุทธภพคึกคักขึ้นมาอีกครั้ง และตามกระทู้ของท่านหย่งฉิน ผมก็น่าจะดีใจ กับการที่ท่านปรมาจารย์กำลังทำการถ่ายทอดวิทยายุทธให้กับนักแปลรุ่นใหม่
ที่จะออกมาวาดลวดลายในยุทธจักรไม่ช้านี้ ซึ่งในเรื่องหลั่งเลือดสะท้านภพ
เราก็เริ่มได้เห็นเงาราง ๆ ของพวกเขาร่ายรำวิทยายุทธอยู่เบื้องหลังเงาของท่านเจ้าสำนัก (ซึ่งตามที่ท่านหย่งฉินเล่าอีกแหละ ท่านผู้เฒ่าไม่พอใจผลงานของศิษย์เหล่านี้ จึงได้หักพู่กันและสะบั้นเส้นเอ็นและอัปเปหิออกจากสำนักไป สงสัยท่านจะได้อิทธิพลจากอึ้งเอียะซือ)
แต่หลังจากการออกไปกินข้าวเย็น ณ. สุสานคนเป็น ข้างบ้าน
กับแม่นางสาวน้อยเสื้อเหลือง กับองค์รักษ์ ผมก็กลับมานั่งจิบน้ำชาและนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
แต่ไม่รู้ทำไม คิดไปคิดมาผมกลับมีความคิดที่แตกต่างจากความคิดเมื่อตอนบ่าย อย่างชนิดหน้ามือเป็นหลังมือทันที เพราะว่าตอนนี้ผมสงสารบรรดาสูกสมุนท่านเซียนติงชุนชิว (หน่วยแปลรับจ้าง) ครับ ผมสงสารคนพวกนี้เพราะว่าผมนึกถึงเรื่องที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก เรื่องหนึ่งขึ้นได้(ขนลุกซู่ ๆ) นั่นก็คือ สุดยอดวิชาของท่านผู้เฒ่าติงก็คือวิชาสลายพลัง (ฮว่ากงต้าฝ่า) และวิชาซากศพพิษ นักแปลรับจ้างกลุ่มนี้ช่างเป็นกลุ่มนักแปลที่โชคร้ายเสียนี่กระไร ทำไมผมถึงบอกว่าคนพวกนี้โชคร้ายและน่าสงสารหรือครับ ผมจะอธิบายพอสังเขป วิชาสลายพลัง (ฮว่ากงต้าฝ่า)ของท่านผู้เฒ่าติงเน้นการดูดเอาพลังของคนอื่นมาแล้วก็ทำลายทิ้ง ซึ่งก็เท่ากับเป็นการทำลาย และแย่งชิงชื่อเสียงและผลงานของผู้แปลไปเสียแล้ว
ตัวผมเองคิดว่าไม่มีสิ่งใดจะเป็นฝันร้ายสำหรับนักแปลผู้ซึ่งวาดหวังว่าจะได้เป็นนักแปลอย่างแท้จริง
เท่าสิ่งนี้อีกแล้ว...การที่เสียงของพวกเขาถูกดูดและกลืนกินไปโดยการที่งานที่พวกเขาแปลออกมา
ต้องถูกตีตราว่า แปลโดย ท่าน น.
ทว่าอย่างที่คุณชายต้วนอื้อได้กล่าวกับคิวม่อตี่ วิชาสลายพลังนั้นมิได้เป็นวิชาที่สุดยอดประการใด เพราะถึงแม้จะดูดพลังไปได้ เฒ่าติงก็ไม่สามารถนำมันมาเป็นของตัวเองได้
ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งกับคุณชายเขานะครับ เพราะว่า ผลงานที่มีออกมาในรอบ 2-3 ปีก็มีแต่ผู้คนเขาพูดกันว่ามันไม่ได้เป็นงานเต็มร้อยของท่าน น.
ผมอยากจะถามว่าถ้ามันเป็นเช่นนี้แล้ว ผมควรจะดีใจไหมล่ะครับ กับการที่ตอนนี้ท่าน น. กำลังพยายามฝึกฝนทีมงานในการแปลนิยายกำลังภายในอยู่
ยิ่งถามตัวเอง ผมก็ยิ่งนึกถึงคุณลุง มั่วต้าเซียนเสิง เราควรหรือไม่ที่จะปล่อยให้การกระทำอันจอมปลอมนี้มันดำเนินต่อไป
ไม่ว่าวิญญานชน(หรือเหล่าวิญญาณชน)ถือปากกาจะพยายามแปลอย่างลำบากยากเย็นไป 8 ปี 10 ปี แม้นว่าคน(เหล่านี้) จะมีโอกาสถ่ายทอดวิทยายุทธลงในหนังสือที่เป็นของเขาเอง การที่มีชื่อขึ้นปกหรือการที่เป็นนักแปลเงาที่ไม่มีโอกาสมีชื่อประดับอยู่บนปก ผมก็คิดว่ามันมิได้แตกต่างกันเท่าใด เพราะในที่สุดแล้วเขา(หรือพวกเขา) ก็เป็นแค่หุ่นเชิดและกระบอกถ่ายทอดเสียงสำหรับใครบางคน ดั่งกับผู้ที่ถูกคัดเลือกมาอย่างดี เพื่อที่จะได้รับมอบยาบังคับควบคุมตำรับพิเศษของผาไม้ดำ
ในฐานะผู้อ่านที่ได้ติดตามผลงานท่าน น. มาก็นานพอสมควร (เชื้อไม่ทิ้งแถว คุณพ่อผม ท่านก็เป็นแฟนตัวยง) ผมคิดว่าถ้าหากท่าน น. เชื่อใจฝีมือของหน่วยแปลรับจ้าง(หย่งฉิน "เพราะถ้าสังเกตจากหนังสือของสยามยุคหลังมานี้ จะมีทีมงานเยอะ ข้อผิดพลาดก็เลยเยอะตาม อย่างกรณี หลั่งเลือดสะท้านภพ") มากถึงขนาดยอมให้พวกเขาร่วมช่วยแปลนิยายกำลังภายในที่ท่าน น. ต้องแปลแล้วล่ะก็ ในงานแปลที่ผ่านมาซึ่งท่าน น. ได้ให้ทีมงานแปลช่วยในการแปล ท่าน น. ก็ควรจะให้เครดิตโดยระบุว่าทีมงานแปลมีส่วนช่วยเหลือในการแปลจึงจะถูกต้อง (ดั่งที่ท่านหย่งฉินได้กล่าวไว้ "ผมว่า น. ท่านแก่แล้ว การที่แปลออกมาน่าจะเป็นแค่การตรวจทานมากกว่า อาจจะมีทีมแปลช่วยนะครับ แล้วแกก็ตรวจทาน เพราะมันจะทำให้เร็วขึ้น" ผมต้องกราบขอโทษท่านหย่งฉินไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ที่ดูเหมือนว่าจะรุมท่านคนเดียว) ถ้าท่าน น. จงใจปิดบัง ปกปิด หรืออำพรางเรื่องนี้ ผมคงไม่กล้าต่อว่าท่าน ดั่งกับการที่ลิ่งหูชงไม่สามารถที่จะตัดใจลงมือต่องักปุกคุ้งได้ เพราะว่าอย่างไรก็ตามในอตีดการอ่านผลงานท่านในช่วงปิดเทอมของผมก็เป็นช่วงเวลาแห่งความสุข
ที่ผมไม่อาจจะลืมได้
ทว่าอย่างไรก็ตาม กระทำเช่นนี้ หากเป็นการกระทำที่ตั้งใจ และจงใจ ผมคิดว่ามันจะเป็นการกระทำที่ไร้คุณธรรมและไร้มนุษยธรรมอย่างยิ่ง น่าอนาถแท้ยุทธภพไทย
ถึงแม้ผมไม่สามารถที่จะว่ากล่าวได้อย่างเต็มปาก ทว่าในโลกแห่งความเป็นจริงแล้วเราควรจะให้เกียรติกัน แม้กระทั่งจอมโจรเถียนป๋อกวง จู่เชียนชิว เหล่าโถวซึ หลานเฟิ่งหวง ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นมิจฉาชีพยังเห็นความสำคัญต่อเกียรติยศ และศักดิ์ศรี ทำไม ท่านผู้เฒ่าในวงการ หรือ ท่านเจ้าสำนัก มีอภิสิทธิ์ใดที่จะไม่เห็นความสำคัญต่อ เกียรติ ศักดิ์ศรี และความเป็นธรรม หรือว่าท่านจะไม่เหนือกว่า เหล่าชาวมิจฉาชีพ
คุณหย่งฉินไม่คิดว่าเรื่องเช่นนี้มันน่าเศร้าใจอย่างมากหรอกหรือ?
หากความคิดฟุ้งซ่านนี้ของผมเป็นความจริงล่ะก็ บรรดานักแปลไร้ชื่อที่ต้องถูกเซ่นสังเวยวิชาศพพิษ ถูกบังคับกินยาบังคับความคิดและการกระทำ และถูกดูดพลังไป
ทุกท่านคิดว่าพวกเขาน่าสมเพชไหมล่ะครับ?
แล้วสำหรับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือพัวพันกับเรื่องนี้ล่ะท่านคิดว่าอย่างไร?
จากจุดนี้...คุณหย่งฉินคิดว่ามันน่ายินดีหรือไม่ครับ?
เหรินจ้ายเจียงหู เสินบู้โหยวจี่ หรือดั่งที่ท่านหย่งฉินใช้ว่า "ยุทธจักร ไม่มีใครเป็นตัวของตัวเอง" สำหรับผม ผมมองว่าคนเราไม่ว่าอยู่ในสภาวะใด ล้วนแล้วแต่มีทางเลือกครับ ดั่งตัวอักษร "เฮี๊ยบ" ใน "บู๊เฮี๊ยบ" ที่แปลว่า วีรบุรุษ วีรชน หรือผู้กล้านั้น สิ่งที่แยกคนเหล่านี้ออกมา คือการกล้าเลือกที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง และดีงาม เช่นการที่ก๊วยเจ๋งยอมตายเพื่อปกป้องเมืองเซียงเอี๊ยง หรือการที่เฉียวฟงกล้าที่จะจับฮ่องเต้ต้าเหลียวเป็นตัวประกันเพื่อความสงบสุขของแผ่นดินต้าซ้อง ฯลฯ ความยิ่งใหญ่แห่ง "ผู้กล้า" คือ "ความกล้า" กล้าที่จะสู้เพื่อยุติธรรม แม้นตายไม่อาลัย
เอ....แล้วสหายท่านผู้หยั่งรู้ ท่านเสี่ยวเฮ้ง และท่านอื่น ๆ ใยไม่เข้ามาร่วมสนทนาด้วยกัน มัวด้อม ๆ มอง ๆ อยู่ทำไม ทั้ง ๆที่กระทู้นี้หมายถึงการเปลี่ยนแปลงอันใหญ่หลวงของยุทธภพไทย
ด้วยความเคารพอย่างสูง
แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 48 13:13:49
แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 48 13:08:39
แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 48 13:08:34