ความคิดเห็นที่ 11
(ต่อ)
จะพรรณนาว่าด้วยประวัติเจ้าจอมมารดาทับทิมต่อไป แรกท่านเข้าไปอยู่ในวังเมื่ออายุได้ ๖ ขวบนั้น เจ้าจอมมารดาเที่ยงฝากให้คุณท้าววรคณานันท์(หุ่น)ฝึกสอน ด้วยท่านเคยเป็นเจ้าจอมละครในรัชกาลที่ ๒ แล้วได้เป็นผู้หลักผู้ใหญ่อยู่ในพระราชวังในรัชกาลหลังต่อๆมา และเป็นเจ้าสำนักแห่งหนึ่งซึ่งนับถือกันในสมัยนั้นว่าฝึกหัดเด็กดี การที่เจ้าจอมมารดาทับทิมไปอยู่กับคุณท้าววรคณานันท์(หุ่น)นั้น ตรงกับอย่างเป็น "ลูกศิษย์" เพราะท่านรับไปเลี้ยงดูเหมือนกับเป็นลูกของท่าน มิใช่สักแต่ว่าฝึกสอนตามเวลาอย่างเช่นครูโรงเรียน ท่านให้อยู่กินด้วยกันกับท่าน และฝึกหัดสั่งสอนตั้งแต่ชั้นต้นตามระเบียบที่กล่าวมาแล้ว แต่เจ้าจอมมารดาทับทิมได้ถวายตัวแต่ยังเป็นเด็กอยู่ในชั้นประถมศึกษา เพราะบิดาของท่านเป็นข้าหลวงเดิม และมีเหตุอีกอย่างหนึ่ง ด้วยประสบเวลาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวดำรัสสั่งให้หัดละครรุ่นเล็กขึ้นใหม่ หนุนละครชั้นใหญ่ซึ่งบกพร่องลง ด้วยเป็นเจ้าจอมมารดาไปบ้าง หรือล้มตายหายจากไปเสียบ้าง โดยกระแสรับสั่งนั้น ท่านผู้ใหญ่ในพระราชวังและท่านอาจารินีในการฟ้อนรำ สังเกตเห็นเจ้าจอมมารดาทับทิมมีแววฉลาด จึงแนะนำให้รับราชการเป็นละครหลวง เจ้าจอมมารดาเที่ยง(๑)ก็เห็นชอบด้วย เพราะน้องของท่านที่เป็นพี่เจ้าจอมมารดาทับทิม แม้ที่เป็นเจ้าจอมมารดาก็เคยรับราชการเป็นละครหลวงมาแล้วหลายคน เจ้าจอมมารดาทับทิมจึงได้ถวายตัวเป็นละครหลวงแต่ในรัชกาลที่ ๔ ข้อนี้เป็นมูลเหตุที่เจ้าจอมมารดาได้รับพระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ ม.ป.ร. เมื่อสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงทรงสร้างขึ้นเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพราะท่านได้ถวายตัวเป็นข้าราชการมาแต่ในรัชกาลที่ ๔ ท่านผู้ใหญ่เลือกให้เจ้าจอมมารดาทับทิมหัดเป็นนาง ได้ขึ้นต่อเจ้าจอมมารดาลูกจันทร์รัชกาลที่ ๒ แล้วเจ้าจอมหรุ่นบุษบาในรัชกาลที่ ๔ ซึ่งเป็นหลานคุณท้าววรคณานันท์ฝึกหัดให้ต่อมา
การที่ท่านผู้ใหญ่ในวังเลือกละครหลวง จะมีตำราอย่างไรเป็นสิ่งที่สังเกตข้าพเจ้าไม่ทราบ แต่พิเคราะห์ดูที่ท่านเลือกเจ้าจอมมารดาทับทิม เมื่อยังเป็นเด็กให้เป็นละครหลวงนั้นน่าชมว่าเลือกถูก พอยุติว่าจะเป็นละคร เจ้าจอมมารดาทับทิมก็ตั้งหน้าฝึกหัดฟ้อนรำไปด้วยกันกับศึกษาวิชาชั้นมัธยมของเด็กผู้หญิงที่จะเป็นนางใน และเกิดรักวิชานาฏศาสตร์ยิ่งขึ้นโดยลำดับเมื่อละครหลวงชั้นเล็กออกโรงในตอนปลายรัชกาลที่ ๔(๒) เจ้าจอมมารดาทับทิมได้รับความชมเชยของคนทั้งหลาย ว่ารำงามกว่าคนอื่นที่เป็นละครชั้นเดียวกันโดยมาก พอท่านอายุได้ ๑๑ ปีก็สิ้นรัชกาลที่ ๔ จึงรับราชการเป็นละครหลวงในรัชกาลที่ ๕ ต่อมา ถึงตอนรุ่นสาวนี้ฝีมือฟ้อนรำของท่านยิ่งดีหนักขึ้นจนขึ้นชื่อลือนาม ว่าเป็นนางเอกในละครหลวงสมัยนั้น(๓) แต่มาพอเป็นสาวพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็ทรงพระกรุณาโปรดฯชุบเลี้ยงเป็นเจ้าจอม
เมื่อเจ้าจอมมารดาทับทิมเป็นเจ้าจอมนั้น เจ้าจอมมารดาเที่ยงออกไปอยู่วังกรมหมื่นราชศักดิ์สโมสร(๔)แล้ว ท่านจึงให้พระองค์หญิงโสมาวดี(คือกรมหลวงสมรรัตน์ศิริเชษฐ)พระธิดาองค์ใหญ่ ซึ่งครอบครองตำหนักต่อมารับเจ้าจอมมารดาทับทิมมาจากสำนักท้าววรคณานันท์(หุ่น) และจัดเรือนในบริเวณตำหนักหลัง ๑ กับทั้งคนสำหรับใช้สอยให้ครอบครองสมกับบรรดาศักดิ์ ถึงตอนเป็นเจ้าจอมมักตามเสด็จไปบางปะอิน และตามเสด็จประพาสหัวเมืองเนื่องๆ ข้าพเจ้ายังจำได้ครั้ง ๑ เมื่อตัวข้าพเจ้าเองยังเป็นเด็กไว้ผมจุก สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จประพาสมณฑลราชบุรี ดูเหมือนเมื่อปีระกา พ.ศ. ๒๔๑๖ ทรงพระกรุณาโปรดฯให้ข้าพเจ้าได้ไปตามเสด็จด้วย เจ้าจอมมารดาทับทิมท่านดูแลให้กินอยู่ และเกล้าจุกให้ตลอดทางโดยฐานที่ท่านเป็นน้า(๕) ครั้งนั้นเสด็จทรงเรือกำปั่นรบต่อใหม่ชื่อ "มุรธาวิสิษฐสวัสดี" ไปจากกรุงเทพฯ ทางทะเลจนถึงลำน้ำแม่กลอง แล้วทรงเสด็จโดยกระบวนเรือแจวพ่วงเรือไฟเล็ก ขึ้นไปจนถึงเมืองราชบุรี แต่นั้นเสด็จไปทางบกด้วยกระบวนช้างม้า พระเจ้าอยู่หัวทรงม้า ข้าพเจ้าขึ้นช้างไปกับกระบวนข้างใน ได้ตามเสด็จเดินทางอย่างเรียกในหนังสือโบราณว่า "ประพาสป่า" เป็นครั้งแรก เสด็จออกจากเมืองราชบุรีว้นแรกประทับแรมที่ตำบล "หนองบัวค่าย" วันที่ ๒ ประทับแรมที่ตำบล "ทับตะโก"(ในสมัยนั้นถือกันว่าเป็นที่เปลี่ยว เสือชุม ต้องกองไฟตีเกราะเคาะไม้ ล้อมวงอย่างกวดขัน) วันที่ ๓ ถึงลำน้ำไทรโยค ประทับแรมที่ "บ้านท่าตะคร้อ" อันเป็นท่าเรือ แล้วเสด็จกลับด้วยกระบวนเรือแจวแวะประพาสที่ต่างๆ ลงมาทางเมืองกาญจนบุรีจนถึงเมืองราชบุรี ดูเหมือนได้ทรงทำพิธีเปิดคลองดำเนินสะดวกด้วย ที่พรรณนาถึงเรื่องตามเสด็จคราวนั้น ด้วยข้าพเจ้าเข้าใจว่าเป็นครั้งแรกที่เจ้าจอมมารดาทับทิมได้ไปเที่ยวป่า ถึงตัวข้าพเจ้าก็เช่นนั้นเหมือนกัน อาจจะเป็นมูลที่เกิดวิสัยชอบเที่ยว ทั้งตัวท่านและข้าพเจ้าสืบมาแต่ครั้งนั้น ดังจะปรากฎในเรื่องประวัติของเจ้จอมมารดาทับทิมตอนเมื่อท่านแก่ชราและถึงอสัญกรรม
ถึง พ.ศ. ๒๔๑๙ เจ้าจอมมารดาทับทิมทรงครรภ์พระเจ้าลูกเธอ ก็ออกจากละคร สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงทรงพระกรุณาโปรดฯ พระราชทานตำหนักเจ้านายหมู่หนึ่งให้อยู่เป็นอิสระ อย่างเจ้าจอมมารดาประสูติพระราชกุมารเป็นหัวปี เมื่อ ณ วันอังคารที่ ๗ พฤศจิกายน ปีชวด พ.ศ. ๒๔๑๙ สมเด็จพระบรมชนกนาถพระราชทานพระนามว่า พระองค์เจ้าจิรประวัติวรเดช(คือกรมหลวงนครชัยศรีสุรเดช)(๖)พระองค์ ๑ ถึงปีเถาะ พ.ศ. ๒๔๒๒ เจ้าจอมมารดาทับทิมมีพระราชธิดา ประสูติเมื่อ ณ วันอังคารที่ ๒ ธันวาคม อีกพระองค์ ๑ สมเด็จพระบรมชนกนาถพระราชทานพระนามว่า พระองค์เจ้าประเวศวรสมัย ต่อมาถึงปีมะแม พ.ศ. ๒๔๒๖ เจ้าจอมมารดาทับทิมมีพระราชกุมารอีกพระองค์ ๑ ประสูติเมื่อ ณ วันพุธที่ ๕ ธันวาคม สมเด็จพระบรมชนกนาถพระราชทานพระนามว่า พระองค์เจ้าวุฒิชัยเฉลิมลาภ(คือกรมหลวงสิงหวิกรมเกรียงไกร) รวมพระพระเจ้าลูกเธอของเจ้าจอมมารดาทับทิมมี ๓ พระองค์ด้วยกัน
ตั้งแต่ท่านเป็นเจ้าจอมมารดาก็เปลี่ยนหน้าที่ไปรับราชการสนองพระเดชพระคุณตามตำแหน่ง แต่มีหน้าที่ซึ่งท่านถือว่าเป็นการสำคัญอย่างยิ่งเพิ่มขึ้นอีกอย่าง ๑ คือที่จะถนอมกล่อมเลี้ยงและระวังสั่งสอนพระเจ้าลูกเธอของท่านทั้ง ๓ พระองค์ เรื่องประวัติของเจ้าจอมมารดาทับทิมเมื่อเป็นเจ้าจอมมารดาตอนที่กล่าวมานี้ไม่มีอะไรแปลกถึงควรจะยกมากล่าวในที่นี้ ตัวข้าพเจ้าเองก็ออกมาทำราชการอยู่ฝ่ายหน้าแล้ว นานๆจะได้พบกับท่านโดยฉันท์ญาติสักครั้งหนึ่ง ได้ยินคนชมอยู่เสมอ ว่าท่านเป็นผู้มีอัธยาศัยดีไม่มีใครเกลียดชัง มีแต่คนชอบทั้งวัง และว่าท่านทำราชการด้วยมีความจงรักภักดีต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทมาก ข้อนี้มีหลักฐานด้วยทรงพระกรุณาโปรดฯพระราชทานเครื่องยศ(๗) ขึ้นเป็นชั้นพระสนมเอก อันสูงศักดิ์กว่าเจ้าจอมมารดาสามัญ
เจ้าจอมมารดาทับทิม รับราชการประจำอยู่ในพระบรมมหาราชวังจนกรมหลวงนครชัยศรีฯสำเร็จการที่ไปทรงศึกษาในยุโรปแล้วกลับคืนมาพระนคร สมเด็จพระบรมชนกนาถทรงพระกรุณาโปรดฯ ให้สร้างวังพระราชทานที่ริมคลองผดุงกรุงเกษมตอนต่อกับปากคลองมหานาค เมื่อกรมหลวงนครชัยศรีฯแรกขึ้นวังสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เจ้าจอมมารดาทับทิมออกไปอยู่ช่วยดูแลการในวังของพระโอรสได้เป็นครั้งคราว แต่นั้นท่านก็ออกไปอยู่ที่วังกรมหลวงนครชัยศรีฯบ้าง กลับเข้ามาอยู่ตำหนักในพระบรมมหาราชวังกับพระองค์หญิงประเวศวรสมัยพระธิดาบ้าง ส่วนกรมหลวงสิงหฯ นั้นยังเสด็จไปเรียนวิชาการทหารเรืออยู่ในยุโรป ครั้นสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงย้ายพรระราชสำนักเสด็จประทับที่พระราชวังดุสิต ท่านจึงอยู่ประจำที่วังกรมหลวงนครชัยศรีฯ เข้าไปในวังแต่เวลามีการงาน หรือไปเยี่ยมเยือนพระองค์หญิงประเวศวรสมัยเป็นครั้งเป็นคราว ครั้นกรมหลวงสิงหวิกรมเกรียงไกรทรงสำเร็จการศึกษากลับมา สมเด็จพระบรมชนกนาถทรงพระกรุณาโปรดฯให้สร้างวังอีกวัง ๑ ติดกับวังกรมหลวงนครชัยศรีฯ พระราชทานกรมหลวงสิงหฯ เจ้าจอมมารดาทับทิมก็อยู่ที่วังกรมหลวงนครชัยศรีฯบ้าง ไปอยู่วังกับกรมหลวงสิงหฯบ้าง ครั้นกรมหลวงนครชัยศรีฯ สิ่นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๖ พระองค์หญิงประเวศวรสมัยได้พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ออกมาประทับอยู่วังกรมหลวงสิงหฯ พระโอรสและพระธิดาทั้ง ๒ พระองค์นั้นกับทั้งหม่อมเจ้าหญิงวิมลปัทมราช ธิดาองค์ใหญ่ของกรมหลวงนครชัยศรีฯ สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงดำรัสเรียกว่า "หญิงทับทิม" ซึ่งคุณย่าเลี้ยงติดตัวมาแต่เล็ก ช่วยกันอุปถากท่านมาด้วยกันกับหม่อมเจ้าที่เป็นสุนิสาและเป็นโอรสธิดาในกรมหลวงนครชัยศรีฯ และในกรมหลวงสิงหฯ ซึ่งเจริญวัยสำเร็จการเล่าเรียนเพิ่มขึ้นเป็นลำดับมา ให้ท่านอยู่เย็นเป็นสุขสบายจนตลอดชีวิต
....................................................................................................................................................
(๑) เจ้าจอมมารดาเที่ยง-เป็นพี่สาวเจ้าจอมมารดาทับทิม และเป็นพระสนมเอกในรัชกาลที่ ๔ ทรงยกย่องให้เป็นหน้าหัวพระสนมทั้งปวง เจ้าจอมมารดาเที่ยงมีพระราชโอรส-ธิดาถึง ๑๐ พระองค์ คือ พระองค์เจ้าหญิงโสมาวดี ศรีรัตนราชธิดา, พระองค์เจ้าชายเศวตวรลาภ, พระองค์เจ้าหญิงศรีนาคสวาสดิ์, พระองค์เจ้าชายกมลาสน์เลอสรรค์, พระองค์เจ้าหญิงกนกวรรณเลขา, พระองค์เจ้าหญิง(ยังไม่มีพระนาม สิ้นพระชนม์ชันษา ๘ วัน), พระองค์เจ้าชายไชยานุชิต, พระองค์เจ้าหญิงแขไขดวง, พระองค์เจ้าชายจรูญฤทธิเดช(ชันษา ๙ วัน), และพระองค์เจ้าพวงสร้อยสอางค์
(๒) ต้นฉบับที่ใช้คัด พิมพ์ว่า "รัชกาลที่ ๓" เชื่อแน่ว่าพิมพ์ผิดพลาดไป จึงขออนุญาตแก้ไขครับ
(๓) ในรัชกาลที่ ๔ เล่นละครเป็นตัวนางแมว ถึงรัชกาลที่ ๕ เป็นตัวนางเกนหลงหนึ่งหรัด และต่อมาได้เป็นครูละครคณะวังสวนกุหลาบ มรดกทางนาฏศิลป์ที่ท่านได้ฝากไว้กับแผ่นดินนี้ คือ กระบวนท่าตัวนางเอกทั้งหมด โดยเฉพาะท่านางเมขลานั่งวิมาน ท่านางแมวในเรื่องไชยเชษฐ์
(๔) คือ พระองค์เจ้าชายกมลาสน์เลอสรรค์ ลำดับที่ ๒๗ ในบรรดาพระราชโอรส-ธิดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๕ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๖ เป็นต้นราชสกุล "กมลาสน์ ณ อยุธยา"
(๕) เป็นน้า-เจ้าจอมมารดาชุ่ม พระมารดาในสมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ก็เป็นพี่สาวของเจ้าจอมมารดาทับทิม ท่านจึงมีศักดิ์เป็นน้าของเสด็จในกรม แต่ถ้านับทางสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง ก็คงต้องว่าเป็น "พี่สะใภ้" ล่ะครับ
(๖) http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K3513046/K3513046.html
(๗) เครื่องยศฝ่ายใน ศึกษาได้จากเพชรพระมหามงกุฎ ตอน เจ้าคุณพระประยูรวงศ์ ครับ http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/K3401095/K3401095.html
จากคุณ :
กัมม์
- [
15 มิ.ย. 48 14:35:31
]
|
|
|