ความคิดเห็นที่ 1 เรียนภาษาไทยเพิ่มด้วยก็ดีนะ จากคุณ : #1 - [ 24 มิ.ย. 48 10:26:43 A:58.11.41.101 X: TicketID:074675 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ลองฝึกเขียนภาษาไทยให้ถูกต้อง และทำความเข้าใจกับการเขียนภาษาไทยให้ได้ก่อน แล้วจะพบว่า เวลาน้องเขียนภาษาอังกฤษแล้วจะเข้าใจมากขึ้นว่าตรงไหนต้องใช้คำนาม บุพบท หรือคำกริยา จากคุณ : อัญชัน - [ 24 มิ.ย. 48 13:10:23 A:62.203.38.220 X: TicketID:000676 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เห็นด้วยกับคุณอัญชันเช่นกันครับ ความจริง Eng-Eng Dictionary ก็ช่วยคุณได้ครับ โดยเฉพาะเมื่อไม่แน่ใจว่าคำไหน รูปไหน ทำหน้าที่อะไร ความหมายเป็นอย่างไร ดูประโยคตัวอย่างแล้วจะเข้าใจได้ง่ายว่ารูปคำนั้น ๆ เขียนเข้าประโยคอย่างไร ด้วยเหตุนี้เวลาเรียนรู้คำศัพท์จึงควรใส่ใจกับ part of speech ของมันด้วยครับ และสังเกตด้วยว่าแต่ละรูปนั้นความหมายต่างกันรึเปล่า เช่น บางคำอาจมีรูป noun 2 รูปแต่ใช้สื่อต่างกัน เป็นต้น เพื่อความรู้ที่ถูกต้องครบถ้วนลองหาหนังสือ grammar อ่านจะดีกว่านะครับ แต่ถ้าอยากให้อธิบายคร่าว ๆ ผมจะลองดูเท่าที่นึกออกนะครับ Verb - คำกริยา ใช้สื่อการกระทำหรือการเกิดขึ้นหรือเป็นอยู่ของสิ่งใด ในประโยคบอกเล่ามักจะต้องมาคู่กับประธาน(ดังนั้นอย่าลืมว่าต้องเลือกใช้กริยาให้ตรงกับประธานด้วย) ส่วนกริยาในประโยคคำสั่งจะใช้ในรูป Infinitive (รูปเดิมที่ไม่ผัน) และไม่ต้องมีประธานกำกับ Noun - คำนาม ใช้บ่งบอกประเภทหรือชี้เฉพาะคน สัตว์ สิ่งของ สภาวะการณ์ ฯลฯ คงไม่ต้องอธิบายมากนะครับ เมื่อใดเจอคำนามต้องไม่ลืมเรื่อง article การเติม -s และการผันกริยา จึงต้องสังเกตว่า 1. นับได้หรือนับไม่ได้ ถ้านับได้ เป็นเอกพจน์ หรือพหูพจน์ 2. ชี้เฉพาะหรือไม่ Adjective - คำคุณศัพท์ ใช้ขยายคำนาม ใช้บอกคุณลักษณะ คำคุณศัพท์บางคำต้องวางหน้าคำนามเท่านั้น เช่น elder (my elder sister) ส่วนบางคำห้ามวางหน้าคำนามเด็ดขาด เช่น afraid (I felt afraid.) ดังนั้นควรศึกษาตัวอย่างจาก dictionary ดูด้วยครับ Adverb - คำวิเศษณ์ ใช้ขยาย คำกริยา คำคุณศัพท์ หรือคำวิเศษณ์อีกคำหนึ่งก็ได้ โดยทั่วไปจะใช้ขยายคำไหนมักวางอยู่หน้าคำนั้น แต่ก็อาจใช้ตามหลังกริยาได้เช่นกัน กรณีที่คุณถามมา "excitement กับ exciting" เวลาจำอาจช่วยให้ไม่สับสน ถ้าเริ่มจากรูปพื้นฐาน คือ กริยา "to excite" ความจริงมีหลายกลุ่มความหมายซึ่งควรเปิดหาดู แต่เอาคร่าว ๆ ก่อนก็แปลว่า "กระตุ้น" เมื่อสิ่งใดมากระตุ้นเราได้ เราเรียกว่าสิ่งนั้นมีคุณลักษณะ "exciting" ดังนั้นคำนี้จึงเป็นรูป adj. เช่น an exciting event this weekend ในที่เราเป็นผู้ถูกกระตุ้น(ให้ตื่นเต้น ดีใจ) เรารู้สึก "excited" นี่ก็ถือว่ามี part of speech เป็น adj. เช่นกัน ทีนี้ถ้าพูดถึง "ความรู้สึกตื่นเต้น" เนื่องจากถูกกระตุ้นจากอะไรบางอย่างนี้ เราก็เรียกมันว่า "excitement" ซึ่งเป็นคำนามบ่งบอกอาการครับผม ตัวอย่างการเขียนเข้าประโยคเปิดดูได้ใน dictionary อย่างที่บอกครับ หากเราใช้หลักทำนองนี้ในการศึกษาศัพท์เป็นชุดโดยนึกเชื่อมโยงไปด้วยอย่างเป็นระบบ เรื่อง part of speech ก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลยครับ และถ้าช่างสังเกตหน่อย จะพบเองว่ารูปคำที่ลงท้ายแบบไหนส่วนใหญ่เป็น noun หรือเป็น adj., adv. เช่นว่าคำที่ลงท้ายด้วย -ment ส่วนมากจะเป็น noun (หากแต่คำว่า implement กลับเป็น verb) ดังนั้นหากจับหลักได้เองแล้วคุณจะเหลือที่ต้องจำเฉพาะคำที่แปลก ๆ ที่เป็นข้อยกเว้นเท่านั้นครับ จากคุณ : ภูมิ - [ 24 มิ.ย. 48 15:00:56 A:161.200.89.52 X:161.200.255.163 TicketID:035419 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ให้อ่านเข้าใจง่ายๆก็จะแนะนำ หนังสือสำหรับเตรียมสอบง่ายๆน่ะค่ะ พวกเล่มเล็กๆสำหรับนักเรียน นักศึกษาและประชาชนทั่วไป อ่านเองแล้วทำความเข้าใจเอง ไม่ยากหรอกค่ะ การเปิดดิกแล้วหัดสังเกต หัดจำ ก็ช่วยได้ค่ะ เพราะมันมีหลักง่ายๆอยู่ไม่กี่หลักหรอกค่ะ adj ขยาย noun อยู่จะอยู่ข้างหน้า noun เช่น It is an exciting game.----exciting เป็นadj มาขยายgame ซึ่งเป็น noun adv--ขยายกริยา I quickly run into the shop because there is a dangerous thunder storm out there. quickly มาขยาย run ซึ่งเป็น verb dangerousมาขยาย thunder storm ซึ่งเป็นคำnoun เรื่องพวกนี้อธิบายกันตรงนี้ลำบากนะคะ ถ้ายังไงลองหาอ่านหนังสือที่แนะนำไปดูค่ะ จากคุณ : I am just fine^^ - [ 24 มิ.ย. 48 17:14:15 ]