CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    จุดประกาย วรรณกรรม - - - หวงอี้ : คลื่นลูกใหม่แห่งนิยายกำลังภายใน

    จุดประกาย วรรณกรรม
    ปีที่ 16 ฉบับที่
    วันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2548

    http://www.bangkokbiznews.com/jud/wan/20050602/news.php?news=column_17614800.html

    หวงอี้ : คลื่นลูกใหม่แห่งนิยายกำลังภายใน

    บายไลน์ : สัจภูมิ ละออ

    tinlaor@yahoo.com

    นักเขียนนิยายจีนกำลังภายใน-ในบรรณพิภพ

    ในความรับรู้ของคนไทยมี โก้วเล้ง มังกรโบราณเจ้าของผลงานอมตะมากมาย และ กิมย้ง ผู้เขียนนวนิยายจีนกำลังภายในสอดแทรกประวัติศาสตร์ไว้อย่างแนบเนียน ชวนตื่นตาระทึกใจ

    ปัญหาเกิดขึ้นว่า โก้งเล้ง จากไป และ กิมย้ง ก็หยุดเขียน ทำให้นิยายจีนกำลังภายใจจึงว้าเหว่ยิ่งนัก สัจจะประการหนึ่งของโลกคือ เมื่อรุ่งเรืองแล้วย่อมสู่การร่วงโรย และเมื่อร่วงโรยถึงจุดหนึ่งแล้ว ความรุ่งเรืองย่อมหวนคืน ยุทธจักรนวนิยายจีนกำลังภายในก็เช่นกัน หลังจากสองนักเขียนผู้ยิ่งยงไม่ผลิตผลงานออกมาอีก พลันเกิดนักเขียนใหม่มาสร้างสรรค์ผลงานสืบต่อ เขาผู้นั้นคือ หวงอี้

    หวงอี้เป็นใคร มาจากไหน

    คำตอบคือ หวงอี้ เป็นชาวฮ่องกง เขาเป็นนักอ่านตัวยง ศึกษาทั้งวรรณกรรม ดาราศาสตร์ คอมพิวเตอร์ และศาสตร์ลี้ลับว่าด้วยการเสี่ยงทายพยากรณ์ ก่อนเข้าสู่วงการนักเขียน เขาดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงาน ฮ่องกงอาร์ต ดีเวลลอปเมนท์ เคาน์ซิล แต่หลังจากผ่านประสบการณ์จัดนิทรรศการทั้งทางบก ทะเลและอากาศของเฮนรี่ มอร์แกน เมื่อปี ค.ศ. 1986 เขานึกอยากทำงานที่ท้าทายอีก จึงตรวจดวงชะตาตัวเอง พบว่าเดือนมิถุนายนปี ค.ศ. 1987 จะเกิดการเปลี่ยนแปลง ส่งผลกระทบถึงหน้าที่การงานในครึ่งชีวิตหลัง แต่ยังดูไม่รู้ว่าเป็นอะไร

    ในปลายปี ค.ศ. 1986 นั้นเอง หวงอี้อ่านพบข้อความในนิตยสาร "โลกแห่งยุทธจักร" เปิดรับต้นฉบับของนักเขียนหน้าใหม่ จึงเขียนนิยายกำลังภายในขนาดสั้นเรื่องหนึ่งส่งไป แต่ก็เงียบหายไร้ข่าวคราว แล้วจู่ๆ บรรณาธิการนิตยสารฉบับดังกล่าวก็โทรถึงเขา แจ้งให้ทราบว่าจะลงเรื่องให้ หวงอี้อดถามไม่ได้ว่าทำไมพิจารณาต้นฉบับนานถึงเพียงนี้ ทางบรรณาธิการสารภาพว่าไม่ทราบว่าทิ้งต้นฉบับไว้ที่ไหน จนกระทั่งไม่นานมานี้ ต้องย้ายสำนักงานจึงหาต้นฉบับเจอ วันที่ทางบรรณาธิการโทรมา พอดีใกล้ย่างเข้าเดือนมิถุนายน ปี ค.ศ. 1987

    ดังนั้นหวงอี้จึงตัดสินใจลาออกจากงาน เริ่มงานเขียนหนังสืออย่างจริงจัง โดยหนีจากความศิวิไลซ์ของฮ่องกง ย้ายถิ่นฐานไปยังย่านเหมยวอ เกาะลันตา ซึ่งห่างไกลจากความเจริญ

    หวงอี้เขียนนิยายกำลังภายในฝากเพื่อนส่งไปให้แก่บรรณาธิการสำนักพิมพ์พับลิเคชั่น โฮลดิ้ง ลิมิเต็ด ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง แต่ทางบรรณาธิการสำนักพิมพ์ดังกล่าวขอให้เขาเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ หวงอี้ใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ ผลิตผลงานเรื่องง้วยม้อให้แก่สำนักพิมพ์พับลิเคชั่น วันรุ่งขึ้นบรรณาธิการของสำนักพิมพ์ดังกล่าวแจ้งต่อเขาว่า จะใช้นิยายวิทยาศาสตร์ของเขาสู้กับชุดนิยายวิทยาศาสตร์ของเหง่ยคัง ซึ่งเป็นเจ้าตลาดอยู่ก่อน

    หลังจากนั้นหวงอี้เขียนนิยายวิทยาศาสตร์ควบคู่กับนิยายกำลังภายใน ต่อมายังตั้งสำนักพิมพ์ของตัวเอง ผลิตผลงานออกมาไม่ขาดสาย จนได้รับขนานนามว่าเป็นนักเขียนฮ่องกงที่ขายดีที่สุด และหนังสือหลายเรื่องของเขาติดอันดับเบสต์เซลเลอร์ที่ฮ่องกง เขาขายลิขสิทธิ์นิยายวิทยาศาสตร์ให้แก่สำนักพิมพ์คราวน์ของไต้หวัน ขายลิขสิทธิ์นิยายจีนกำลังภายในให้แก่สำนักพิมพ์วาไรตี้ของไต้หวัน ผลงานของหวงอี้ยังได้รับการแปลเป็นภาษาเกาหลี มีแฟนนักอ่านทั่วภาคพื้นเอเชีย

    หลักการทำงานของหวงอี้คือตื่นเมื่อใดก็เขียนหนังสือเมื่อนั้น ซึ่งมักเป็นเวลาสามนาฬิกาของวันใหม่ หลายปีแรกที่เริ่มก่อตั้งสำนักพิมพ์ของตัวเอง จะผลิตผลงานออกมาเดือนละสองเล่ม ปัจจุบันลดเหลือเดือนละเล่ม เพื่อหาเวลามาเล่นเกมคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นความบันเทิงส่วนตัว

    ผลงานของหวงอี้เรื่อง เทพมารสะท้านภพ เมื่อ น.นพรัตน์ ถ่ายทอดเป็นภาษาไทย ยอดขายพุ่งกระฉูด แต่ยอดขายนั้นก็มาพร้อมกับข่าวทางเวบไซต์ว่า "ผมไปลอกเลียนสำนวนนักแปลท่านอื่น แต่ในข้อเท็จจริงแล้ว ผมลอกตัวเองครับ” น.นพรัตน์ ยืนยัน

    พลางอธิบายเพิ่มเติม เกี่ยวกับการแปลนวนิยายเรื่อง เทพมารสะท้านภพ อันเป็นผลงานเล่มล่าสุดของหวงอี้ ว่า "เมื่อประมาณ 4 ปีก่อน ผมได้แปลเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นการซ้อมมือไว้ ช่วงนั้นการแปลตัวละครผมยังใช้เป็นแบบภาษาแต้จิ๋ว ล่างฟานหวิน ผมจะแปลว่า ล่างฮวงฮุ้ง ช่วงนั้นพี่ชายผมยังมีชีวิตอยู่ ผมแปลแล้วให้พี่ชายตรวจทานต้นฉบับ เมื่อตรวจทานต้นฉบับแล้ว เสร็จแล้วผมจะส่งต้นฉบับ แต่มีปัญหาบางประการเรื่องเทพมารฯ จึงไม่ได้ออก แต่ไปออกเรื่อง เจาะเวลาหาจิ๋นซี แทน ผมก็วางมือจากเรื่องนี้ไป”

    หลังจากนั้นมาอีก 3-4 ปี "สำนักพิมพ์ไปซื้อลิขสิทธิ์ฉบับปรับปรุงใหม่ของหวงอี้มา ผมก็เลยเอาต้นฉบับที่แปลไว้ก่อนนั้นนำมาลอกอีกทีหนึ่ง ดังนั้นมีข้อผิดพลาดอยู่อันหนึ่ง ในบรรทัดที่หนึ่งเขาเขียนว่า ล่างฮวงฮุ้ง เดินเข้าห้องข้างบนชั้นสองของหอกวนเอี้ยงเล้า ผมวงเล็บว่าหอมองไกล แต่ในฉบับปรับปรุงใหม่ ผมแปลว่าเหลามองไกล ซึ่งฉบับใหม่ผมมีผิดอยู่อันหนึ่ง ผมยังใช้หอมองไกลคืออันนี้ มีบางคนว่าผมไปลอกของเขามา ผมยืนยันว่า ผมลอกตัวเอง ที่เขียนทิ้งค้างไว้เมื่อ 4 ปีก่อน ผมเขียนไว้ 200 กว่าหน้า” เอ่ยนำเอาต้นฉบับลายมือยื่นให้ดู

    นิยายจีนเรื่อง เทพมารสะท้านภพ ของหวงอี้ ฉบับเดิมจัดพิมพ์ขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2535 ฉบับพิมพ์ที่ฮ่องกง มีความยาวถึง 29 เล่มจบ แต่ว่าฉบับล่าสุด หวงอี้ได้แก้ไขปรับปรุงเพื่อใช้ถ่ายทำภาพยนตร์ มีการปรับปรุงใหม่ ทั้งตัดทอน และเพิ่มเติมอะไรบางอย่างเข้าไป และ น.นพรัตน์ ก็นำมาแปลใหม่จากต้นฉบับแก้ไขปรับปรุงใหม่ ที่พิมพ์ขายอยู่ในไต้หวัน

    เหตุที่หยิบมาแปลต่อก็เพราะว่า "ผมชอบ ล่างฮวงฮุ้ง หรือ ล่างฟานหวิน เป็นทุนอยู่แล้ว เขามีบุคลิกและสีสัน ซึ่งต่างจากเรื่องที่ผมเคยแปล ที่มักเป็นบุคคลที่ประเภทเศร้าเสียใจกับความหลัง เขาเป็นคนมีฝีมือ และมีน้ำใจช่วยเหลือเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เป็นบุคลิกภาพที่ผมชอบ ก็เลยแปลมาตั้งแต่ต้น”

    นั่นเป็นที่มาของการแปล ส่วนผู้เขียนเล่าเป็นอย่างไร

     
     

    จากคุณ : นู๋เองง่ะ - [ 28 มิ.ย. 48 05:12:19 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป