ความคิดเห็นที่ 1 ความเห็นนะครับ ถ้ารัฐธรรมนูญ เขียนไว้เช่นนั้นก็คงเป็นได้มั้งครับ แต่เห็นเน้นว่าเป็นพระราชธิดา ... นั้น แสดงว่า ราชนารีพระองค์ที่จะได้ทรับการเสนอชื่อ ต้องเป็น พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลใดรัชกาลหนึ่ง เท่านั้น หาได้มีการจัดลำดับราชนารีตามการลำดับการสืบราชสันตติวงศ์มี ใช่หรือไม่ครับ จากคุณ : รวียศ - [ วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 12:07:27 A:10.2.26.4 X:202.44.231.8 TicketID:058324 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ต้องเป็นในกรณีที่พระมหากษัตริย์ไม่ทรงมีพระราชโอรสครับ พระราชธิดาจึงจะมีสิทธิ และถ้าจะจำไม่ผิด น่าจะต้องเป็นพระราชธิดาที่ประสูติแต่สมเด็จพระอัครมเหสีด้วย จากคุณ : บดีสิริ (บดีสิริ) - [ วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 12:45:47 ]

ความคิดเห็นที่ 3 แล้วที่ระบุไว้นี้เพิ่งมีหรือว่ามีมานานแล้วครับหรือว่าเพิ่งแก้ไขช่วงเกี่ยวกับสิทธิสตรีนี้เองเพราะเท่าที่รู้มาจากผู้ืรู้อื่น ๆ ที่แสดงรายพระนามของลำดับรัชทายาทก็มีแต่พระราชโอรส (ผู้ชาย) ทั้งนั้นสมัย ร.๖ พระราชธิดายังเป็นไม่ได้รับคัดเลือกเลยหรืออาจเพิ่งมีในรัชกาลปัจจุบันไช่ใหมครับท่าน... จากคุณ : ผู้น้อย - [ วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 13:44:35 A:61.90.9.95 X: ]

ความคิดเห็นที่ 4 เพิ่งแก้ในรัชกาลปัจจุบันครับ สมัยรัชกาลที่ ๖ เขียนไว้ชัดเจนว่ายังไม่ถึงสมัยที่ราชนารีจะขึ้นครองราขย์บัลลังค์เป็นเป็นเจ้าแม่หยัวเมือง จากคุณ : โอ้มายก็อดเนส (ohmygodness) - [ 18 ส.ค. 48 13:54:33 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้าเหตุการณ์ยังเป็นเหมือนเมื่อปีที่แล้ว ประเทศไทยก็อาจจะมีพระมหากษัตริย์์หญิงก็อาจเป็นได้ แต่ในเหตุการณ์ปัจจุบันนี้ก็อาจจะเป็นที่แน่นอนว่าเราจะต้องมหากษัตริย์ทีเป็นชายไปอีก 2 รัชกาล จากคุณ : ที่พักใจ (ที่พักใจ) - [ 18 ส.ค. 48 14:15:08 ]

ความคิดเห็นที่ 6 จาก คห 4  ที่รู้มาถ้าประเทศไทยมีมหากษัตริย์หญิงก็จะใช้คำเรียกว่า  สมเด็จพระแม่อยู่หัว พระบรมราชินีนาถ แต่นี้ก็ไม่แน่ใจ ขอผู้รู้ช่วยเสริมหน่อย จากคุณ : ที่พักใจ - [ 18 ส.ค. 48 14:19:45 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ถ้าอย่างนั้น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (ทูลกระหม่อมน้อยรัตนนารีปิยชาติของเรา) นี้ ก็ทรงมีศักดิ์และสิทธิ์ที่จะมีโอกาสได้ครองราชย์นะสิค่ะ อันเนื่องมาจากรัฐธรรมนูญข้างบนแล้ว แต่ที่แน่นอนก็คิอสมเด็จพระบรมฯ กับพระโอรสก็คงอยู่ลำดับต้น แต่อยากทราบว่าพระองค์ทรงมีพระนามในลำดับองค์รัชทายาทสืบราชย์ (ในปัจจุบัน) หรือไม่ ? จากคุณ : ขาจร - [ วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 14:41:40 A:61.90.9.95 X: ]

ความคิดเห็นที่ 8 กฏมณเทียรบาลมาตรา 13 ฉบับพุทธศักราช 2467    ในกาลปัจจุบันนี้ยังไม่ถึงเวลาอันสมควรที่ราชนารีจะได้เสด็จขึ้นทรงราชย์เปน 'สมเด็จพระแม่อยู่หัวบรมราชินีนาถ' ผู้ทรงอำนาจราชการสิทธิ์ขาดอย่างพระเจ้าแผ่นดินโดยลำพังแห่งกรุงสยาม ฉะนั้นท่านห้ามมิให้จัดเอาราชนารีพระองค์ใดๆ เข้าไว้ในลำดับการสืบราชสันตติวงศ์เปนอันขาด *สะกดตามหนังสือเดิมครับ สมเด็จพระเทพฯ จะขึ้นครองราชย์หรือราชนารีหรือพระราชวงศ์พระองค์ใดก็ตามมีสิทธิ์ขึ้นครองราชย์ทั้งสิ้นถ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการ แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 48 14:55:13 จากคุณ : โอ้มายก็อดเนส (ohmygodness) - [ 18 ส.ค. 48 14:54:10 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอพระราชทานอภัยด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม แต่ถ้าหากในหลวงหาไม่ไปแล้ว ผู้ใดจะมีพระบรมราชโองการได้ล่ะค่ะ. จากคุณ : หญิงพิรุณราษฎร์ - [ วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 15:04:02 A:61.90.9.95 X: ]

ความคิดเห็นที่ 10 เฮ้อ ทำไมคิดไปถึงเพียงนี้ - ไม่มีกฎหมายใดขัดรัฐธรรมนูญได้ -  การสืบราชสันตติวงศ์นั้น(อนุโลมตามรธน) สืบจาก อันดับ 1 องค์รัชทายาท อันดับ 2 พระโอรสของอันดับ 1(หรือธิดาถ้าไม่มีพระโอรส หรือจัดไว้เรียงลำดับพระชันษา โดยพระโอรสจะพิจารณาก่อน) อันดับ 3 หากสิ้นสายพระรัชทายาทแล้ว ต่อไปคือ พระราชโอรส(หรือธิดา) องค์ต่อไปของในหลวง และพระราชินี อันดับ 4 พระราชโอรส(ธิดา)ของ อันดับ 3 อันดับ 5 สิ้นสายอันดับ 4 คือ พระราชโอรสธิดาองค์ต่อไปของในหลวง และ พระราชินี จากคุณ : natthaset - [ 18 ส.ค. 48 16:22:00 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ในอดีต เคยมีสตรีดำรงตำแหน่ง "กษัตรีย์" แล้ว 1 คน ( ช่วงเวลาสั้น ๆ ) คือท้าวศรีสุดาจันทน์ การเอื้อให้สตรีดำรงตำแหน่งกษัตริย์ ( Monarch : ไม่เรียกว่า Queen ) เพิ่มปรากฎในยุคสมัยปัจจุบันนี้เอง  เพราะเดิมทีเป็นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช - กษัตริย์อยู่เหนือกฎหมาย  แต่ก็ "อาศัยกฎมณเฑียรบาล" เพื่อได้อำนาจนั้น ...ส่วน "เรื่องอื่นนอกเหนือไปกว่านี้" ผมไม่ขอร่วมวิจารณ์ เพราะไม่สมควรแก่ฐานะแห่งข้าราชบริพาร จากคุณ : qazwsx - [ 18 ส.ค. 48 17:30:22 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ..ขอพระราชทานอภัย... ขอถามหน่อยครับว่าตำแหน่ง "สยามมกุฏราชกุมาร" และ "สยามมกุฏราชกุมารี" เป็นตำแหน่งรัชทายาทเหมือนกันหรือไม่ครับ จากคุณ : นกน้อย - [ วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 19:03:46 A:58.10.27.56 X: TicketID:104595 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ใช่ครับ แต่ยังไม่เคยมีตำแหน่งสยามมกุฏราชกุมารีไม่ใช่เหรอ จากคุณ : TauRuZ_PaSSeRBy - [ 18 ส.ค. 48 19:09:22 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอถามเพิ่มเิติมครับว่าแล้วคำว่า ราชทินนาม ที่แปลว่าชื่อที่ในหลวงพระราชทานให้นี้จริง ๆ แล้วพระองค์มีส่วนเกี่ยวข้องบ้างไหมครับหรือว่าเป็นหน้าที่ของอาลักษณ์โดยอย่างเดียว โดยเฉพาะพระนามของพระองค์ชายน้อยทีปังกรรัศมีโชติ พระองค์หญิงสิริวัณณวรีนารีรัตน์ นี้ ในหลวงทรงคิดพระราชทานเองหรือเปล่าหรือสมเด็จพระบรมฯ ก็ทรงมีส่วนคัดสรรพระนามพระโอรสธิดา้ด้วยใครรู้บ้างช่วยตอบหน่อยนะครับ... จากคุณ : ผู้น้อย - [ วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 19:44:30 A:61.90.9.95 X: ]

ความคิดเห็นที่ 15 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระนามครับ โดยทรงเลือกพระนามพระราชทาน จากคุณ : natthaset - [ 18 ส.ค. 48 20:06:45 ]

ความคิดเห็นที่ 16 Refer No.11 แม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์ในรัชกาลสมเด็จพระชัยราชาธิราช (นามนี้เป็นตำแหน่งหนึ่งในตำแหน่งพระสนมเอกจาก๔ราชวงค์นะครับไม่ใช่พระนามจริง) ทรงดำรงตำแหน่งองค์ผู้สำเร็จราชการต่างพระเนตร พระกรรณแทน สมเด็จพระชัยราชา และ สมเด็จพระยอดฟ้า อยู่ในฐานะกษัตริย์จริงแต่ไม่ได้เป็นกษัตริย์ แก้ไขเมื่อ 19 ส.ค. 48 04:50:44 จากคุณ : Louvorian - [ 18 ส.ค. 48 20:26:30 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ถ้าเช่นนั้นก็แสดงว่าในหลวงของเราทรงเชี่ยวชาญภาษาไทยเป็นอย่างมากนะครับโดยเฉพาะบาลีสันสฤตซึ่งค่อยข้างยากด้วย อีกทั้งคิดว่าพระองค์ต้องนำมาประกอบเกี่ยวกับดวงพระชะตาทางโหราศาสตร์อย่างแน่นอนไช่ไหมครับ. จากคุณ : ผู้น้อย - [ วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 20:39:36 A:61.90.9.95 X: ]

ความคิดเห็นที่ 18 ความเห็นก่อนลืมพิจารณาไป จากความเห็นของคุณ natthaset แล้วพิจารณาจากคำว่า "โดยเลือกพระนามพระราชทาน" น่าจะหมายความว่า มีอาลักษณ์แต่งมาถวายแล้วให้พระองค์ทรงพิจารณาพระราชทานอย่างนั้นไช่ไหมครับแล้วไม่ทราบว่าพระองค์ทรงร่วมพิจารณาทั้งหมดเลยหรือเปล่าเช่นกับราชทินนามของพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ทั่วประเทศอะไรประมาณนี้นะครับ. จากคุณ : ผู้น้อย - [ วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 21:52:36 A:61.90.9.95 X: ]

ความคิดเห็นที่ 19 อ.วิษณุ เครืองาม ท่านเคยบรรยายพิเศษ ที่คณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ว่า(ผมอาจจะหลงๆลืมๆบ้าง) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระปรีชาสามารถมากในด้านภาษาไทย คือประสบการณ์จากตัวท่านอาจารย์เองคือ เรื่อง พระราชสาส์น และ พระราชสาสน์ โดยเมื่อสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทูลเกล้าฯถวายจดหมายตั้งเอกอัครราชทูต ไปยังสำนักราชเลขาธิการ เวลาส่งไป จดหมายนั้น เขียนไปทำนองว่า "ขอพระราชทานทรงลงพระปรมาภิไธย ในพระราชสาสน์ ตราตั้ง" แต่สำนักราชเลขาธิการ ส่งจดหมายกลับโดยเขียนทำนองว่า "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงลงพระปรมาภิไธย ในพระราชสาส์น ตราตั้งเรียบร้อยแล้ว คุณวิษณุก็เอะใจ ทำไมทางวังส่งกลับมา "พระราชสาส์น "แต่ตอนสำนักเลขาฯส่งไป ใช้คำว่า "พระราชสาสน์" ก็เลยส่งจดหมายไปถามทางสำนักราชเลขาธิการ จากนั้นก็ถามราชบัณฑิต ก็ปรากฎว่า ให้ใช้ พระราชสาสน์ เพราะ พระราชสาส์น ผิด ไม่มีปรากฎในพจนานุกรม ต่อมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จลงพระราชทานพระบรมราชวโรกาส ให้คณะรัฐมนตรีเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ขณะนั้น คุณวิษณุได้เฝ้าฯ ณที่นั้นด้วย พอมีพระบรมราชโชวาทเรียบร้อย จะเสด็จขึ้น ก็ทรงพระดำเนินมาทางคุณวิษณุ ยืนอยู่ คุณวิษณุ ก็ได้ก้มลงกราบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่านรับสั่งว่า ที่ส่งจดหมาย ให้เราลงชื่อนั้น เห็นส่งมาว่า "พระราชสาสน์" นั้น แต่เราส่งกลับไปว่า "พระราชสาส์น" นั้นคุณวิษณุว่าผิด คุณวิษณุ เลยกราบบังคมทูลพระกรุณาไปว่า ข้าพระพุทธเจ้าได้ตรวจทานกับราชบัณฑิตแล้ว ทางราชบัณฑิตบอกว่า"พระราชสาส์น" เขียนผิด เพราะผิดหลักภาษา เนื่องด้วยไทยเราไม่มีการเขียนพยัญชนะสะกดที่มีทัณฑฆาต ไว้ตรงกลางคำ พระบาทสมเด้จพระเจ้าอยู่หัวก็รับสั่งว่า งั้นคุณวิษณุเขียนคำว่า film อย่างไร คราวนี้คุณวิษณุก็เลยสะกดให้พระเจ้าอยู่หัวทรงฟัง (ฟิล์ม) แล้วก็รับสั่งต่อไปว่า แล้วเขียนคำว่า valve อย่างไร คราวนี้คุณวิษณุก็เลยสะกดให้พระเจ้าอยู่หัวทรงฟัง (วาล์ว) ก็นั่นนะสิ แล้วทำไมจะเขียนพระราชสาส์นไม่ได้ คำนี้อาจจะไม่ได้มาจากคำไทยก็เป็นได้ ถ้าจะเขียนว่า "พระราชสาส์น" คงไม่ผิด เพราะเราดูจากหนังสือที่ รัชกาลที่ 4 ท่านพระราชนิพนธ์ไว้ ก็มีคำว่า "พระราชสาส์น" อยู่ เราเชื่อรัชกาลที่ 4 (ทูลกระหม่อมทวดในพระองค์) เพราะท่านทรงพระปรีชาด้านภาษามคธ ภาษาอังกฤษ ภาษาบาลีสันสกฤต มาก ฉะนั้นจึงเขียนว่า "พระราชสาส์น"ได้ไม่ผิดอย่างไรหรอก คุณวิษณุก็ทำท่าอึดอัด เพราะว่า คิดว่า ราชบัณฑิตคงจะไม่ค่อยจะยอม พระเจ้าอยู่หัวท่านทอดพระเนตรดังนั้น จึงรับสั่งต่อไปอีกว่า "ถ้าราชบัณฑิตท่านขัดข้องอย่างไรที่จะบรรจุไว้ในพจนานุกรม ก็ขอให้บอกไปว่า เป็นพระราชนิยมในรัชกาลปัจจุบันละกัน" ปัจจุบัน จึงปรากฎคำว่า พระราชสาสน์ แปลว่า จดหมายพระเจ้าอยู่หัว "และ" เขียนอีกด้วยว่า "อาจจะใช้พระราชสาส์น ก้ได้" พิมพ์มาซะเหนื่อยเลย :) จากคุณ : natthaset - [ 18 ส.ค. 48 23:23:42 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ชอบ คห คุณ natthaset ในคห 19 จังเลยครับ จากคุณ : กริชครับผม - [ 19 ส.ค. 48 02:03:04 ]

ความคิดเห็นที่ 21 แต่ต้องเป็นกรณีที่มิได้ทรงแต่งตั้งองค์รัชทายาทมิใช่หรือครับ ผมอ่านตามรัฐธรรมนูญเห็นเป็นเช่นนี้ ดังนั้นไม่น่าจะมีเหตุให้เกิดตามที่ จขกท. กล่าวไปอย่างน้อยอีก 2 รัชกาลในอนาคตคือ ว่าที่รัชกาลที่ 10 และว่าที่องค์รัชทายาท พระองค์ทีปังกร (อย่างไรก็ตาม ผมอยากให้รัชกาลที่ 9 ทรงเจริญพระมายุยืนนานที่สุด) จากคุณ : เอย์ซอรัส - [ 19 ส.ค. 48 02:47:51 A:58.136.106.34 X: TicketID:011962 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ในเวลานี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงสมมติผู้ที่จะเป็นองค์รัชทายาทสืบราชสันตติวงศ์ไว้เรียบร้อยแล้ว กฎมณเฑียรบาล  เป็นกฎหมายพิเศษที่มีฐานะเทียบเท่ารัฐธรรมนูญ  เมื่อรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันให้ยกพระราชธิดาขึ้นทรงราชย์ได้  ก็ถือเป็นหลักเกณฑ์ที่ว่ากฎหมายใหม่ย่อมลบล้างกฎหมายเก่าได้ครับ ตำแหน่งสยามบรมราชกุมาร  มิใช่ตำแหน่งสยามมกุฎราชกุมารี  ทรงสถาปนาไว้"...เพื่อเป็นเกียรติประวัติสืบไปตามโบราณขัตติยราชประเพณี.."แด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ  มิได้ทรงมุ่งหมายในทางสืบสันตติวงศ์ จากคุณ : รอยใบลาน - [ 19 ส.ค. 48 07:42:58 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบพระคุณคุณ natthaset อย่างสูงนะครับที่กรุณาเขียนเล่ามาตั้งมากมายเป็นประโยชน์อย่างยิ่งให้ถือว่าเป็นวิทยาทานแก่เพื่อนร่วมความคิดเห็นละกันนะครับ สำหรับคำว่า สาสน์ กับคำว่า สาส์น นั้นพอผมได้อ่านข้อความของคุณแล้วก็ไปดูพจนานุกรมก็ใช้ได้ทั้งสองจริง ๆ ด้วยและมีความหมายใกล้เคียงกันแต่อ่านต่างกัน (สาด กับ สาน) มาจากภาษาบาลลีว่า สาสนํ (คำสอน) นี้แสดงถึงพระอัจฉริยภาพโดยแท้นะครับคุณ natthaset ขอบคุณมาก ส่วนเรื่องรัชทายาทดูจะไม่ยุติง่าย ๆ ข้อความที่ว่า สมเด็จพระบรมราชกุมารี ไม่ไช่ตำแหน่งมกุฎราชกุมารีที่ทรงมุ่งเพื่อครองราชย์อันนี้ก็ไม่รุ้นะครับเท่่าที่ดูจากศัพท์ก็คงไม่ต่างกันมาก (มกุฎ-บรม) แต่อย่างไรก็ตามเถอะอันนี้อยู่ที่พระราชประสงค์ที่ทรงตั้งในขณะนั้น (๒๐ กว่าปีก่อน) มิมีใครรู้ว่าพระองค์ทรงประสงค์ดำรงหมายเยี่ยงไรในพระราชหฤทัยได้คิดดูเอาเองว่ากว่า ๒๐ ปีนั้นมันเป็นอย่างไรบ้าง ? จากคุณ : ผู้น้อย - [ 19 ส.ค. 48 08:07:22 A:61.90.9.230 X: ]

ความคิดเห็นที่ 24 #7 มีค่ะ  ลำดับ 3 จากคุณ : ladydunce - [ 19 ส.ค. 48 12:15:36 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ราชนารียังคงไม่สามารถขึ้นครองสิริราชสมบัติได้ครับ โดยดูได้จากรัฐธรรมนูญนะครับ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๑) พุทธศักราช ๒๕๔๘   หมวด ๒ พระมหากษัตริย์ มาตรา ๒๒  ภายใต้บังคับมาตรา ๒๓ การสืบราชสมบัติให้เป็นไปโดยนัยแห่งกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พระพุทธศักราช ๒๔๖๗ การแก้ไขเพิ่มเติมกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พระพุทธศักราช ๒๔๖๗ เป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์โดยเฉพาะ เมื่อมีพระราชดำริประการใด ให้คณะองคมนตรีจัดทำร่างกฎมณเฑียรบาลแก้ไขเพิ่มเติมกฎมณเฑียรบาลเดิม ขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพื่อมีพระราชวินิจฉัย เมื่อทรงเห็นชอบและทรงลงพระปรมาภิไธยแล้ว ให้ประธานองคมนตรีดำเนินการแจ้งประธานรัฐสภาเพื่อให้ประธานรัฐสภาแจ้งให้รัฐสภาทราบ และให้ประธานรัฐสภาลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ และเมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับเป็นกฎหมายได้ ในระหว่างที่สภาผู้แทนราษฎรสิ้นอายุหรือสภาผู้แทนราษฎรถูกยุบ ให้วุฒิสภาทำหน้าที่รัฐสภาในการรับทราบตามวรรคสอง มาตรา ๒๓  ในกรณีที่ราชบัลลังก์หากว่างลงและเป็นกรณีที่พระมหากษัตริย์ได้ทรงแต่งตั้งพระรัชทายาทไว้ตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พระพุทธศักราช ๒๔๖๗ แล้ว ให้คณะรัฐมนตรีแจ้งให้ประธานรัฐสภาทราบ และให้ประธานรัฐสภาเรียกประชุมรัฐสภาเพื่อรับทราบและให้ประธานรัฐสภาอัญเชิญองค์พระรัชทายาทขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบไป แล้วให้ประธานรัฐสภาประกาศให้ประชาชนทราบ ในกรณีที่ราชบัลลังก์หากว่างลงและเป็นกรณีที่พระมหากษัตริย์มิได้ทรงแต่งตั้งพระรัชทายาทไว้ตามวรรคหนึ่ง ให้คณะองคมนตรีเสนอพระนามผู้สืบราชสันตติวงศ์ตามมาตรา ๒๒ ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อเสนอต่อรัฐสภาเพื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบ ในการนี้ จะเสนอพระนามพระราชธิดาก็ได้ เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้ว ให้ประธานรัฐสภาอัญเชิญองค์ผู้สืบราชสันตติวงศ์ขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบไป แล้วให้ประธานรัฐสภาประกาศให้ประชาชนทราบ -------------------------------------------------------- กฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พ.ศ.๒๔๖๗ (อัพเดทข้อมูลล่าสุดจากสำนักงานกฤษฎีกา ๑๑/๐๘/๒๔๗๕) มาตรา ๑๓  ในกาลสมัยนี้ยังไม่ถึงเวลาอันควรที่ราชนารีจะได้  เสด็จขึ้นทรงราชย์เป็นสมเด็จพระแม่อยู่หัวบรมราชินีนาถ ผู้ทรงสำเร็จ  ราชการสิทธิ์ขาดอย่างพระเจ้าแผ่นดินโดยลำพังแห่งกรุงสยาม ฉะนั้นท่าน  ห้ามมิให้จัดเอาราชนารีพระองค์ใด ๆ เข้าไว้ในลำดับสืบราชสันตติวงศ์เป็น  อันขาด ----------------------------------------------------------- สังเกตุนะครับว่า รัฐธรรมนูญาตรา ๒๒ ระบุว่าการสืบราชสันตติวงศ์ เป็นตามกฎมณเฑียรบาล และการคัดเลือกเสนอพระนามผู้สืบราชสันตติวงศ์ในกรณีที่พระมหากษัตริย์มิได้แต่งตั้งรัชทายาท ตามมาตรา ๒๓ คณะองคมนตรีต้องคัดเลือกเสนอพระนามผู้มีสิทธิ์สืบราชสมบัติตามมาตรา ๒๒ ให้ประธานรัฐสภา ซึ่งหมายถึงพระนามผู้สืบราชสมบัติที่สามารถนำมาคัดเลือกได้นั้นต้องเป็นไปตามกฎมณเฑียรบาล พ.ศ.๒๔๖๗  นอกนั้นท่านห้ามไว้รวมทั้งราชนารีด้วย จนกว่าจะมีการแก้ไขกฎมณเฑียรบาล ส่วนข้องความในมาตรา ๒๓ ที่ระบุว่าจะเสนอพระนามพระราชธิดาด้วยก็ได้ เป็นการร่างกฎหมายเผื่อรองรับการแก้ไขกฎมณเฑียรบาล มิได้เป็นการล้มล้างแก้ไขข้อความกฎมณเฑียรบาลแต่อย่างใด เพราะการแก้ไขกฎมณเฑียรบาลเป็นพระราชอำนาจโดยส่วนพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่รัฐสภาไม่สามารถก่าวก้ายแม้ในรัฐธรรมนูญก็ระบุว่า ประธานสภามหน้าที่แค่รับทราบและลงนามสนองพระบรมราชโองการแก้ไขกฎมณเฑียรบาลเท่านั้น จากคุณ : <<First>> - [ 19 ส.ค. 48 12:51:48 ]

ความคิดเห็นที่ 26 คุณ first ครับ ขออธิบายอย่างนี้ละกันครับ เพราะภาษากฎหมายจริงๆผมก็ไม่ทราบว่าเค้าเขียนอย่างไร ธรรมชาติของกฎหมายนั้น จะสามารถดำรงอยู่ตั้งแต่วันที่ประกาศกฎหมาย และมีผลบังคับใช้ไปตลอด จนกระทั่งมีกฎหมายใดกฎหมายหนึ่ง ประกาศออกมา กฎหมายฉบับเก่าย่อมจะถูกล้มล้างไป หรือหากคนละฉบับก็ต้องไม่ขัดกับฉบับใหม่ ฉะนั้นแล้ว กฎมณเทียรบาล มิได้แก้ก็จริง แต่รัฐธรรมนูญว่าไว้ว่า "ให้เสนอพระนามพระราชธิดาได้ หากไม่มีพระราชโอรส" โดยอาศัย มาตรา ๒๒  ภายใต้บังคับมาตรา ๒๓ การสืบราชสมบัติให้เป็นไปโดยนัยแห่งกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พระพุทธศักราช ๒๔๖๗ ฉะนั้น การอาศัยนัยในกฎมณเทียรบาล จึงหมายถึง การอาศัยหลักในการสืบราชสันตติวงศ์ ครับ คือ ตามที่รัชกาลที่ 6 ท่านได้กำหนดไว้ ว่า ท่านพระองค์ใดมาก่อนมาหลัง มิได้หมายถึง ห้ามจัดราชนารีมาไว้ในลำดับ ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญ หากเป็นสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์นะใช่ครับ แต่สมัยประชาธิปไตย กฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดครับ ฉะนั้นข้อกฎหมายใดที่เคยประกาศใช้ หรือบัญญัติใหม่ จะมาขัดกับรัฐธรรมนูญมิได้ ฉะนั้น ถ้าแก้รัฐธรรมนูญมาแล้ว มิให้ราชนารีเสวยราชย์ แล้วจะแก้เพื่อ... ในหลวงไม่มีพระราชดำริแก้กฎมณเทียรบาลข้อนี้ เพราะว่า ทรงเห็นแล้วว่า รัฐธรรมนูญ(เป็นกฎหมายสูงสุด) คอยรองรับข้อนี้อยู่แล้ว นั่นคือ หากไม่มีพระราชโอรส ให้จัดพระราชธิดาเสวยราชย์ได้ จากคุณ : natthaset - [ 19 ส.ค. 48 13:43:04 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ถ้าเช่นนั้นจะเรียงลำดับการสืบสันตติวงศ์แบบใดค่ะ เช่น 1.สมเด็จพระบรมฯ 2.สมเด็จพระเทพฯ...3,4,5,.... ประมาณนี้หรือเปล่าค่ะ เรียงแบบเดียวกับลำดับพระอิสริยยศหรือเปล่าค่ะ ยกตัวอย่างเท่านั้นค่ะ ปล ถ้าพิมพ์ผิดพลาดไปขออภัยด้วยค่ะ แก้ไขเมื่อ 19 ส.ค. 48 14:09:34 จากคุณ : buaboo (buaboo) - [ 19 ส.ค. 48 14:06:59 ]

ความคิดเห็นที่ 28 คุณ natthaset ครับ โดยทั่วไปแล้วเรามองว่ารัฐธรรมนูญได้ชี้ช่องให้เป็นเช่นนั้นเพราะเราอ่านกฎหมายเพียง 1ฉบับ 1มาตรา แต่ตามหลักของเจตนารมย์ ของ สสร.เมื่อครั้งร่างรัฐธรรมนูญมิได้เพื่อทำการเปลี่ยนแปลงแก้ไขกฎมณเฑียรบาล ยังคงให้กฎมณเฑียรบาล พ.ศ. 2467 คงอยู่ครบถ้วนทุกมาตรา แต่เพียงเปิดช่องให้สามารถมีการแก้ไขกฎมณเฑียรบาลให้ราชนารีมีสิทธิ์สืบราชสันตติวงศ์เท่านั้น อันเป็นการแก้ไขปัญหาในอนาคต แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะต้องขึ้นอยู่กับพระราชวินิฉัยแห่งพระผู้เป็นกุลเชษฐ์แห่งพระราชวงศ์ ในการจะแก้ไขเปลี่ยนแปลงกฎมณเฑียรบาลในการยินยอมให้จัดราชนารีไว้ในลำดับของการสืบราชสันตติวงศ์  หากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริให้ราชนารีสามารถสืบราชสันตติวงศ์ได้ ก็ทรงสามารถเรียกประชุมองคมนตรี ให้ดำเนินการแก้ไขกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ให้สำเร็จตามพระราชประสงค์ได้ โดยมิได้ขัดต่อรัฐธรรมนูญฉบับใดที่เคยมีมาแต่ในอดีตเลย เพราะว่ารัฐธรรมนูญทุกฉบับระบุว่าการสืบราชสันตติวงศ์เป็นไปโดยกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์อยู่แล้ว ที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 มาตรา 23 ระบุว่าสามารถเสนอราชนารีได้นั้น เพื่อแสดงออกถึงสิทธิอันเสมอภาคกันไม่ว่าบุรุษหรือสตรี และหากต่อไปในอนาคตข้างหน้าอีกสัก หลายร้อยหลายพันปี เกิดปัญหาในการสืบราชสันตติวงศ์ ซึ่งคงไม่ขออธิบายหรือยกตัวอย่าง ก็จะเป็นการแก้ไขหาทางออกให้เพื่อที่จะสามารถดำรงพระราชจักรีวงศ์สืบไปได้ และหากเราจะตีความว่ารัฐธรรมนูญแก้ไขกฎมณเฑียรบาลแล้สเช่นนี้ คงเกิดกรณีเดียวกับกรณีพระราชอำนาจในการสถาปนาพระสังฆราช ซึ่งเดิมที่กำหนดให้เป็นไปโดยพระราชอัธยาสัย แต่ พรบ.ใหม่ ให้ทรงใช้พระราชอำนาจแต่งตั้งตามที่รัฐบาลเสนอมา ซึ่งการเป็นกรณีวิพากษ์วิจารณ์กันว่าละเมิดพระราชอำนาจ (หากรู้สึกว่ากระทู้นี้มีข้อความมิบังควร ก็สามารถแจ้งลบได้ ครับ ที่แสดงความเห็นเพราะอยากให้ทราบเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญเท่านั้น) แก้ไขเมื่อ 19 ส.ค. 48 14:52:47 จากคุณ : <<First>> - [ 19 ส.ค. 48 14:42:26 ]

ความคิดเห็นที่ 29 คุณ buaboo ธรรมเนียมไทย ไม่นิยมเรียงลำดับการสืบราชสันตติวงศ์จนกว่าจะถึงเวลาอันสมควร เพราะว่าเราต้องเคารพในพระราชสิทธิ์ในการจะพระราชทานราชสมบัติแก่ผู้ใดก็ได้ตามกฎมณเฑียรบาล เหมือนกรณีการออกพระนามพระเจ้าหลานเธอฯ ที่เราถูกห้ามออกพระนามและพราะราชอิสริยยศก่อนจะมีประกาศเฉลิมพระนามและพระอิสริยยศอย่างเป็นทางการ ในพระราชพิธีขึ้นพระอู่ สมโภชเดือนนะแหละ จากคุณ : <<First>> - [ 19 ส.ค. 48 14:49:23 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ขอแจมด้วยครับแล้วพระราชทานพระนามพระองค์ชายน้อยฯ นั้นพระราชทานแต่แรกประสูติหรือเปล่าครับคือได้ยินเคร่า ๆ มาเหมือนกันแต่เพิ่งชัดเจนหลังวันขึ้นพระอู่แล้ว... จากคุณ : แจม - [ 19 ส.ค. 48 15:06:05 A:61.90.9.230 X: ]

ความคิดเห็นที่ 31 รับทราบค่ะ จากคุณ : buaboo - [ 19 ส.ค. 48 15:18:44 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ก็ในเมื่อพระมหากษัตริย์ทรงมีพระราชอำนาจในการแก้ไขกฎมณเฑียรบาลได้ตามพระราชประสงค์  ถ้าเช่นนั้นผมก็ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องระบุให้อัญเชิญพระราชธิดาขึ้นทรงราชย์ได้ไว้ในรัฐธรรมนูญเพื่อเป็นการเปิดช่อง เพราะถ้าในหลวงจะทรงแก้ไขกฎมณเฑียรบาลให้ราชนารีทรงราชย์ได้  ถึงไม่มีมาตรานี้  การสืบสันตติวงศก็ต้องเป็นไปโดยนัยแห่งกฎมณเฑียรบาลอยู่ดีนี่ครับ  และราชนารีก็จะทรงมีสิทธิ์ตามกฎมณเฑียรบาล จากคุณ : รอยใบลาน - [ 19 ส.ค. 48 18:14:47 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ผมเทียบง่ายๆนะครับ ประตูทางหนีไฟ ที่ล็อคไว้ หากเกิดปัญหาไฟไหม้ก็อาจทำให้ทางหนีไฟไร้ประโยชน์ แต่ประตูทางหนีไฟที่ไม่ได้ล็อคไว้ก็ใช่ว่าจะเป็นประตูที่ใช่งานตามปกติทั่วไป เว้นแต่จะมีการเปิดบานประตูประกาศใช้เป็นทางเข้าออกอาคารโดยทั่วไป เช่นกันครับ ในอนาคตกาลเราไม่ทราบว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรบ้าง การปลดล็อคไว้ก็เพื่อให้ ลูก หลาน เหลน ฯลฯ ในอนาคต ของเราได้อาศัยเป็นออกในการแก้ไขปัญหา แต่ว่า ณ ปัจจุบันนี้ การตีความยังคงต้องตีความว่า ประตูทางหนีไฟนี้ยังคงเป็นประตูหนีไฟที่ปิดอยู่ เรายังไม่เปิดใช้เข้าออกโดยทั่วไปในสถานการณ์ปกติ แม้เราจะเอาแม่กุญแจที่ล็อคออกไปก็ตามที่ อธิบายแบบนี้จะมีใครเข้าใจบ้างหนอ จากคุณ : <<First>> - [ 19 ส.ค. 48 19:19:28 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ในฐานะที่ทำงานด้านกฎหมาย ผมเห็นด้วยตามคุณ First ครับ ลองไปอ่านบันทึกการประชุมของ สสร. ข้อนี้ดูก้อได้นะครับ ว่า สสร. มิได้เปิดช่องว่างไว้ให้ราชนารีขึ้นครองราชย์ได้ แต่เปิดล๊อกไว้ในกรณีที่แผ่นดินต่อมามิได้มีราชบุตรเลย จึงมิได้มีการตั้งองค์รัชทายาท เมื่อนั้นจึงจะอัญเชิญราชนารีขึ้นครองราชย์อันเป็นความต้องการของประชาชนผ่านทางรัฐสภา ส่วนการใช้อำนาจของพระมหากษัตริย์นั้นกำหนดให้ตั้งได้เฉพาะองค์ราชบุตรเป็นองค์รัชทายาท ตามนัยแห่งกฎมณเฑียรบาล จากคุณ : เอย์ซอรัส - [ 20 ส.ค. 48 01:29:20 A:58.136.107.70 X: TicketID:011962 ]

ความคิดเห็นที่ 35 อยากถามผู้รู้ว่า พระรัชทายาทอันดับที่สอง รองจากสมเด็จพระบรมฯ น่าจะเป็นพระองค์ไหน ระหว่างพระองค์เจ้าทีปังกร กับพระองค์ภา จากคุณ : ไภสัช - [ 20 ส.ค. 48 11:08:48 A:203.188.19.70 X: ]

ความคิดเห็นที่ 36 พระองค์เจ้าทีปังกรฯ แน่นอนไม่มีข้อสังสัยเนื่องจากทรงเป็นพระโอรสตามกฎเกณฑ์และอนุมานตามผู้รู้ได้อรรถาธิบายกันข้างบนครับ จากคุณ : ขาจร - [ 20 ส.ค. 48 13:08:21 A:61.90.10.187 X: ]

ความคิดเห็นที่ 37 เห็นเถียงกันมาหลายกระทู้แล้วนะขอรับ อย่างนี้ได้ไหม -แบบธรรมเนียมก็เคยมีอยู่ -แบบพระราชพิธีก็เคยมีอยู่ -กฎมณเฑียรบาลก็เปิดช่องอยู่ -ผู้หลักผู้ใหญ่ในสมัยก่อนๆก็เคยทำมา ถวายพระราชสมบัติทั้ง ๒ พระองค์ พระองค์หนึ่งทรงเป็น พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรา- อีกพระองค์ ทรงเป็น พระบาทสมเด็จพระปวเรนทร- -ประเทศไทยคงจะมีความสุขมาก -เป็นร่มโพธิ์ และเป็นร่มไทร -ทรงช่วยกันทรงงาน แบ่งเบาภาระพระราชกรณียกิจ -ทรงเป็นมิ่ง และเป็นขวัญของปวงชนชาวไทย -ผมจะได้มี "พระเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์" ท่านเกจิ เห็นเป็นอย่างไรครับ จากคุณ : กัมม์ - [ 20 ส.ค. 48 19:35:55 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เมื่อไม่กี่ปีก่อนนี้ดิฉันก็ยังคิดอยู่เลย  ว่าหัวข้อกระทู้จะเป็นเข้าจริงๆ  เพราะทรงศึกษากฏหมายเสียด้วย  เเต่ก็ไม่มีอะไรเที่ยงเเ้เเน่นอน จากคุณ : ธารกำนัล - [ 20 ส.ค. 48 20:33:01 ]

ความคิดเห็นที่ 39 แล้วตำแหน่งของสมเด็จพระเทพที่ว่า สยามบรมราชกุมารี ก็ไม่ได้หมายความว่า มีสิทธิขึ้นครองราชย์เหมือนตำแหน่งสยามบรามราชกุมารน่ะซิค่ะ ขอโทษน่ะค่ะที่ถามซ้ำเพราะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ จากคุณ : Zebra001 (Zebra001) - [ 20 ส.ค. 48 20:39:28 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ความเห็นของท่านกัมม์นั้นเป็นได้ยากเต็มที่ เพราะแต่เดิมมาพระเจ้าแผ่นดินจะมีเพียงพระองค์เดียว และมีเพียงรัชกาลที่ 4 กับรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวร ก็ทรงสถาปนาพระอนุชาขึ้นครองแผ่นดินร่วมกัน แต่สถาปนาโดยพระบรมราชโองการของพระมหากษัตริย์ ไม่ใช่เป็นการถวายราชสมบัติให้พร้อมกัน ทั้ง 2 พระองค์ และอยากให้หลายท่านที่คิดว่ากฎมณเฑียรบาลถูกแก้ไขแล้วโดยรัฐธรรมนูญ ลองคิดดูนะครับว่า ลำดับของเจ้านายที่สามารถสืบราชสันตติวงศ์มีการไล่เลี่ยงไว้เป็นลำดับแล้ว ถ้าหากรัฐธรรมนูญซึ่งมีเพียงข้อความว่าสามารถเสนอชื่อราชนารีก็ได้ ล้มล้างมาตรา 13 แห่งกฎมณเฑียรบาลไป แล้วการไล่เลียงลำดับของผู้ที่สามารถสืบราชสันตติวงศ์จะเป็นอย่างไร ไล่ตามลำดับโปเจียม สลับเจ้านายฝ่ายหน้ากับฝ่ายในตามพระราชอิสสริยยศ   หรือว่านับเจ้านาย ฝ่ายหน้าทั้งหมดก่อนแล้วถึงไล่เจ้านายฝ่ายใน อันนี้เรียกได้ว่าครุมเครือมาก ฉะนั้นแล้วกลายเป็นว่ากฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พ.ศ.2467 ไม่ชัดเจนไป ก็ต้องมีการปรับปรุงให้สอดคล้องกับเนื้อความในรัฐธรรมนูญ ซึ่งหากเป็นกรณีดังกล่าวจริง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงมีพระปรีชาด้านกฎหมาย คงมีพระราชดำริให้แก้ไขเพิ่มเติมกฎมณเฑียรบาลแล้ว เพื่อให้เกิดความชัดเจน จากคุณ : <<First>> - [ 20 ส.ค. 48 21:14:04 ]

ความคิดเห็นที่ 41 โดยธรรมชาติของกฎหมายนั้นถูกต้องครบถ้วนทุกประการเฉกเช่นที่คุณ nat กล่าวมาข้างต้น แต่โดยธรรมชาติของกฎหมายนั้นก้เช่นกันที่มีความลึกลับซับซ้อนยากเกินกว่าที่ผู้ทีมิได้ศึกษามาทางนี้โดยตรงจะตีความได้อย่างกระจ่าง และแม้ผู้ที่ศึกษามาอย่างกระจ่างแล้วบางทีก็ตีความไม่ถูกต้องตาม"เจตนารมณ์"ของกฎหมาย กล่าวคือตีความเป็นคุณแต่ถ่ายเดียวหรือตีความเป็นดทษแต่ถ่ายเดียว ไม่ถูกต้องตามเจตนารมณ์ของผู้ร่างแต่เดิม บริบทของกฎหมายนั้นจะต้องดูให้ถี่ถ้วน มิใช่จะอ่างอิงเพียงกฎหมายใดกฎหมายหนึ่งแล้วสรุปฟันธง เพราะกฎหมายมีความต่อเนื่องเกี่ยวโยงเป็นเครือข่าย ยิ่งกฎหมายรัฐธรรมนูญด้วยแล้ว ถือเป็นกฎหมายแม่บท จึงมีความเกี่ยวพันกับกฎหมายอื่นค่อนข้างมาก ฉะนั้นที่กล่าวมาข้างต้นว่า รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด กฎหมายอื่นต้องปริวรรตตามนั้นก็ถูฏ แต่ถูกไม่ไหมด เพราะเราต้องดูเสียด้วยว่ากฎหมายสูงสุดนั้นท่านว่าข้อยกเว้นไว้อย่างใดหรือไม่ ข้อยกเว้นของกฎหมายเป็นเรื่องที่ต้องสนใจ เพราะมีผลมาก ในขณะนี้ "อัญขยม" ไม่มีตัวบทรธน. แต่คลับคล้ายคลับคลาว่า ม.22-ม.23 จะกล่าวไว้จั่วหัวเลยว่าให้เป็นไปตามกฎมณเฑียรบาล ฉะนั้นนี่คือข้อยกเว้นของหลัก จึงมิอาจจะตีความได้เฉกเช่นที่ได้อธิบายไว้เสียยืดยาวในคคห.ข้างต้น -- แต่การนี้ไม่ขอฟันธง เพราะไม่มีตัวบทอยู่กับมือ แต่หากถามความคิดเห็น เท่าที่ตัวเองเคยทำสรุปไว้นั้นตรงกันข้ามกับที่ได้มีการตีความไว้ข้างต้น เพราะมิใช่ว่ากฎหมายสูงสุดและทุกอย่างต้องเดินตาม ด้วยหากมีข้อยกเว้นแล้วไซร้ หลักก็ย่อมต้องเดินตามหลังข้อยกเว้น ขอจบแต่เพียงเท่านี้ก่อน จากคุณ : อัญขยม - [ 21 ส.ค. 48 03:44:57 A:58.8.246.7 X: TicketID:080515 ]

ความคิดเห็นที่ 42 โบราณว่าไว้สองอย่าง 1. ฟ้าเป็นผู้กำหนด  คือ เป็นสิ่งที่ถูกลิขิตมาแล้ว  พวกเราจะมาพูดกันไป ก็ไม่ใช้เรื่องที่เหมาะสมครับ แต่ผมไม่ได้ว่าใครนะครับ ผมแค่ขออนุญาติ comment 2. มงกุฏ king นี่ หนักนะครับ  แน่นอนว่า พระราชภารกิจ หนักอึ้งไปหมด จำที่ รัชกาลที่ 5 ทรงเคยสอนพระราชโอรสพระราชธิดาได้บ้างไหมครับ ว่า การเป็นเจ้าคือเกิดมาพร้อมหน้าที่ ที่มากกว่าคนอื่นหลายเท่า ใครจำได้ ช่วยเขียนลงมาหน่อยครับ จุดก็คือ เราคนไทยมีหน้าที่ที่ต้อง ช่วยking queen crown prince, princessess, princess, ทั้งหลายในการพัฒนาประเทศ  แบ่งเบาพระภารกิจ ของพระองค์ท่านทั้งหลายครับ จากคุณ : tinglee tingamee - [ 21 ส.ค. 48 04:58:23 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ข้อแย้งท่าน First ในประเด็นที่เป็นปลีกย่อยนะครับ ในประเด็นที่ว่า "เป็นไปได้ยาก" นั้น  ขอยกไว้ก่อนครับ ประเด็นย่อยที่ขอแย้ง ๑.มีคำทูลถวายราชสมบัติ เมื่อจะขึ้นรัชกาลที่ ๔ (เนื่องจากมิได้ทรงมอบเวนราชสมบัติให้แก่เจ้านายพระองค์ใด)ว่า "พระราชาคณะสงฆ์กับทั้งพระบรมราชวงศานุวงศ์  และเสนาบดีมนตรีมุขทั้งปวง  พร้อมใจกัน  ขออัญเชิญพระบาทสมเด็จพระอนุชาธิบดีเจ้าฟ้ามงกุฎฯและสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์  เถลิงถวัลยราชสมบัติ" ข้อนี้แสดงเพื่อแย้งว่า  บางครั้ง ก็ไม่ใช่พระบรมราชโองการ ๒.นอกจากแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  และแผ่นดินสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่มีกษัตริย์สองพระองค์แล้ว ก็ยังมีอีก -เมื่อ พ.ศ. ๒๐๐๖ ในแผ่นดินสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ  เกิดศึกขึ้นทางลานนากับพระเจ้าติลก(ติโลกราช) สมเด็จพระบรมไตรฯต้องทรงเสด็จทำพระราชสงคราม  เสด็จประทับอยู่พิษณุโลกเป็นเวลานานหลายปี  ทางกรุงศรีอยุธยาว่างพระมหากษัตริย์จึงทรงเษก สมเด็จพระบรมราชาที่หน่อพุทธางกูร(รัชทายาท) ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ปกครองกรุงศรีอยุธยา  ครั้ง ๑ -ต่อมา เมื่อพ.ศ. ๒๐๓๑ สมเด็จพระบรมไตรฯเสด็จสวรรคต  สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๓  ทรงตั้งพระอนุชาธิราชเป็นพระเจ้าแผ่นดินทรงพระนามว่า  สมเด็จพระเชษฐาธิราช เสวยราชสมบัติ ณ เมืองพิษณุโลก  อีกครั้ง ๑ ข้อนี้แย้งว่า  ยังมีอีกหลายแผ่นดินครับ (แย้งทั้ง ๒ ข้อนี้ ด้วยพระนิพนธ์ในสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ) อยากจะสันนิษฐานต่อว่า...(ข้อนี้เพ้อเอง)... ชื่อเมือง "สองแคว"  เปลี่ยนเป็น "พิษณุโลก" เมื่อแผ่นดิน สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ พิษณุโลก - เมืองของพระวิษณุ ให้คล้ายเป็นพระนครหลวงคู่กับ กรุงศรีอยุธยา -อโยธยา - เมืองของพระนารายณ์(พระราม) จากคุณ : กัมม์ - [ 21 ส.ค. 48 11:21:34 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ข้อความดังกล่าวผมไท่คยอ่านนะครับ แต่ว่าอยากตั้งข้อสังเกตไว้นะครับ 1.ในประเด็นที่มีคำทูลถวายราชสมบัติ เมื่อจะขึ้นรัชกาลที่ 4 ว่า "พระราชาคณะสงฆ์กับทั้งพระบรมราชวงศานุวงศ์  และเสนาบดีมนตรีมุขทั้งปวง  พร้อมใจกัน  ขออัญเชิญพระบาทสมเด็จพระอนุชาธิบดีเจ้าฟ้ามงกุฎฯและสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์  เถลิงถวัลยราชสมบัติ" ตรงนี้ก็มีประเด็นว่า หากเหล่าพระราชาคณะ พระบรมวงศานุวงศ์และขุนนาง พร้อมใจกันถวายราชสมบัติให้กับทั้ง 2 พระองค์พร้อมกัน แล้วทำไมพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ไม่ประกอบพิธีราชาภิเษกพร้อมกับ พระบรมเชษฐาธิราชเลย กับรอพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้มการบวรราชาภิเษก ขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดินเคียงคู่กัน ในคราวหลัง อันเป็นสิ่งแสดงว่า ความชอบธรรมแห่งพระราชอิสริยยศของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ มาจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ไม่ใช่มาจากขุนนางทูลเชิญ และในประเด็นคำกราบบังคมทูลเชิญ เถลิงราชสมบัตินั้น ก็มีประเด็นที่น่าอนุมานได้ว่า เหล่าขุนนางหารือแล้ว พร้อมใจถวายราชสมบัติให้ พระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ามงกุฎฯหรือสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์พระองค์ใดพระองคหนึ่ง โดยไม่หลุดไปจาก 2 พระองค์นี้ก็เป็นได้ เพราะว่าในสถานการณืขณะนั้น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ามงกุฎฯ ยังคงสมณเพศ หากมีพระราชประสงค์ไม่สละสมณเพศ ราชบัลลังก์จะได้ตกแก่สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ เพราะธรรมเนียมไทย ไม่อาจบังคับให้ใครสละสมณเพศได้  เพราะเท่าที่เคยทราบมา ว่าสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ก็เคยกราบบังคมทูล พระบรมเชษฐาธิราช เมื่อครั้งยังคงสมณเพศที่วัดบวรฯว่า "หากพี่ไม่เอา น้องก็จะเอา" แสดงว่า มีการตกลงกัน ว่าราชสมบัติจะตกแก่พระองค์ใด พระองค์หนึ่ง มิใช่ ทั้ง 2พระองค์ 2.-ประเด็น สมเด็จพระไตรโลกนาถ เสด็จฯการพระราชสงครามและประทับที่เมืองสองแคว เท่าที่จำได้ พระองค์ทรงผนวกด้วย โดยประทับที่วัดจุฬามณี ซึ่งหากพระองค์ทรงครองเพศสมณะ ก็ไม่เหมาะกับการบริหารบ้านเมือง ก็เป็นธรรมดาอยู่ดีที่ต้องยกให้พระรัชทายาท ขึ้นปกครองแผ่นดินแทน แต่ในการนั้นสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถน่าจะทรงรับทราบหรือเป็นตามพระราชดำริของพระองค์ เพราะหากไม่แล้ว ในเวลานั้นสมเด็จพระบรมราชา ไม่กลายเป็นกบฎช่วงชิงแผ่นดินจากพระราชบุพการีไปหรือครับ แล้วพอพระบรมไตรโลกนาถนิวัติพระนครกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระบรมราชาก็ต้องถวายคืนพระราชภาระทั้งมวลแก่พระบรมไตรโลกนาถ จึงน่าจะนับว่า แค่ทรงสำเร็จราชการแผ่นดินเท่านั้น -ประเด็นที่สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3  ทรงตั้งพระอนุชาธิราชเป็นพระเจ้าแผ่นดินทรงพระนามว่า  สมเด็จพระเชษฐาธิราช เสวยราชสมบัติ ณ เมืองพิษณุโลก นั้นก็เป็นอีกกรณีหนึ่ง เพราะในขณะนั้น เมืองพิษณุโลกสองแควมีฐานะเป็นเมืองลูกหลวงชั้นเอก และเป็นราชธานีแห่งที่สอง ทำหน้าที่ปกป้องดูแลหัวเมืองฝ่ายเหนือ จึงมีการตั้งเจ้านายที่ไว้วางพระราชหฤทัยไปปกครองกินเมืองที่นั้น เช่นเดียวกับกรณีของอินเดีย ที่ราชวงศ์ศากยะ ปกครองกรุงกบิลพัสดุ แต่ก็เป็นเมืองในปกครองของแคว้นโกศลของพระเจ้าปเสนทิโกศล หรือทางจีนโบราณ ที่แม้ราชวงศ์โจวปกครองแผ่นดิน แต่ก็มีหวังหรืออ๋อง เป็นกษัตริย์ปกครองแคว้นต่างๆ เช่นราชวงศ์ฉินของจิ๋นซีฮ่องเต้  ดังนั้นจึงนับเป็นกรณีเดียวกับตอนนี้ไม่ได้ เพราะตอนนี้ราชอาณาจักรไทยเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันจะแบ่งแยกมิได้ และตอนนี้ก็มีเพียงพระนครเดียวคือกรุงเทพ มหานคร อมรรัตนโกสินทร์ฯ  ฉะนั้นการแต่งตั้งกษัตริย์ไปปกครอง พระนครอื่นแบบอยุธยาก็ไม่ชอบด้วยประการทั้งปวง   และที่น่าสังเกตคือ กษัตริย์ที่ไปปกครองหัวเมืองพิษณุโลก ไม่ได้ผ่านพิธีราชาภิเษก แต่ผ่านการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งจาก พระมหากษัตริย์อยุธยา แก้ไขเมื่อ 21 ส.ค. 48 12:14:39 จากคุณ : <<First>> - [ 21 ส.ค. 48 12:12:41 ]

ความคิดเห็นที่ 45 เมืองพิษณุโลก เหมือนกับ เมืองที่องค์รัชทายาทครองเมืองอยู่ คือเมืองของพระมหาอุปราช สมเด็จพระหน่อพุทธเจ้า ที่มิใช่พระมหาอุปราช จะประทับอยู่ในเมืองหลวงครับ ฉะนั้น กษัตริย์ในอยุธยา จึงมีมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกจน ฝรั่งงง จนรัชกาลที่ 5 ต้องปฏิรูปการปกครอง ให้ฝรั่งเหนว่า ประเทศไทย มีกษัตริย์องค์เดียว จากคุณ : natthaset - [ 21 ส.ค. 48 12:39:33 ]

ความคิดเห็นที่ 46 แล้วสรุปว่าสมเด็จพระเทพฯ นี่ทรงกรมหรือเปล่าครับคุณณัฐหรือว่าเจ้านายทรงกรมในปัจจุบันมีแต่ สมเด็จพระพี่นางฯ พระองค์เดียว... จากคุณ : ผู้น้อย - [ 22 ส.ค. 48 22:07:47 A:61.90.10.125 X: ]

ความคิดเห็นที่ 47 ถ้าทรงกรมก็คงจะปรากฎอยู่ในพระนามแล้วครับ ทราบว่า สมเด็จพระพี่นางฯทรงเป็นเจ้าทรงกรมพระองค์เดียว(ในปัจจุบัน)ในรัชกาลนี้น่ะครับ แก้ไขเมื่อ 25 ส.ค. 48 05:42:23 แก้ไขเมื่อ 23 ส.ค. 48 21:12:10 จากคุณ : Louvorian - [ 23 ส.ค. 48 21:10:47 ]

ความคิดเห็นที่ 48 คุณLouvorianคะ  สมเด็จฯกรมหลวงฯ  ไม่ใช่เจ้านายพระองค์เเรกเเละพระองค์เดียวในรัชกาลปัจจุบันที่ทรงกรม จากคุณ : ธารกำนัล - [ 23 ส.ค. 48 21:19:46 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ผมก็งงเหมือนกันเห็นในกระทู้เจ้านายทรงกรมถกกันว่าพระเทพฯทรงกรมด้วยผมละงงหาข้อสรุปไม่ได้แต่อย่างไรก็ต้องขอบคุณอย่างสุงนะครับที่กรุณาตอบให้ เออแล้วทำไม่หน่า..วันนี้เพิ่งเห็นคุณธารกำนัล รู้สึกว่าไม่เห็นในกระทู้อื่น ๆ นานแล้วหรือว่าเราไม่สังเกตเองฮิ ๆ จากคุณ : ผู้น้อย - [ 23 ส.ค. 48 21:58:41 A:61.90.14.203 X: ]

ความคิดเห็นที่ 50 รู้สึกว่ากระทู้เทิดพระเกียรติสมเด็จพระเทพฯ หายไปหายไปไหนใครรู้บ้างหรือมาเราตาลายดูไม่ออกมองไม่เห็นเฮ้อแก่แล้วก็งี้แหล่ะ...เดี่ยวไปดูใหม่ก่อน. จากคุณ : ผู้น้อย - [ 23 ส.ค. 48 22:59:55 A:61.90.14.203 X: ]

ความคิดเห็นที่ 51 สมเด็จพระเทพฯ  ท่านมิได้ทรงกรมครับ  เพียงแต่ในกระทู้นั้นเปรียบเทียบว่าหากเป็นในสมัยก่อนพระอิสสริยยศของพระองค์ท่านเทียบได้กับ  "กรมสมเด็จพระ"  และ  "กรมพระยา"  ครับ  แต่สมเด็จพระเทพฯ  ท่านมีพระเกียรติยศสูงกว่าเพราะทรงเป็นเจ้าฟ้าที่ได้รับการเฉลิมพระยศเป็นพิเศษ แก้ไขเมื่อ 24 ส.ค. 48 22:44:01 จากคุณ : รอยใบลาน - [ 24 ส.ค. 48 08:06:52 ]

ความคิดเห็นที่ 52 อ๋อชัดเจนที่เดียวเชียวครับขอบคุณอย่างสุดซึ้ง จากคุณ : ผู้น้อย - [ 24 ส.ค. 48 09:11:26 A:61.90.10.64 X: ]

ความคิดเห็นที่ 53 สรุปแล้วก็คือว่า พระราชธิดาจะทรงมีสิทธิในการเสวยราชย์ ฯ ก็ต่อเมื่อพระมหากษัตริย์ไม่ได้ทรงมีพระราชโอรส ใช่ไหมครับ แต่ถ้าพระมหากษัตริย์ได้ทรงสถาปนาองค์พระรัชทายาทไว้อย่างถูกต้องชัดเจนแล้วอย่างในปัจจุบัน ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนี่ครับ เพราะเรื่องในอนาคต เป็นเรื่องที่ยากจะคาดเดา ดังนั้น รัฐธรรมนูญ ( ซึ่งเป็นกฎหมายที่สูงที่สุด กฎหมายใด ๆ ขัดไม่ได้ ) จึงได้เปิดโอกาสหรือเปิดช่องเอาไว้ เพื่อที่ราชอาณาจักรไทยในอนาคตจะได้ไม่ประสบกับปัญหาในเรื่องนี้ไงครับ เท่านี้เอง จากคุณ : บดีสิริ (บดีสิริ) - [ 24 ส.ค. 48 15:27:17 ]

ความคิดเห็นที่ 54 สวัสดีค่ะคุณผู้น้อย  ก็พอดีไม่ทราบว่าจะออกความคิดเห็นว่าอย่างไรน่ะคะ  ตอนนี้ดูที่นี่จะพลุกพล่านนะคะไม่เหมือนเมื่อก่อน  ดิฉันเเย่งพูดไม่ทันเลยค่ะ  เเต่ก็เข้ามาอ่านเสมอ จากคุณ : ธารกำนัล - [ 24 ส.ค. 48 16:54:10 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ส่วนกระทู้เทิดพระเกียรติสมเด็จพระเทพฯถูกลบเเล้วนะคะ จากคุณ : ธารกำนัล - [ 24 ส.ค. 48 16:55:28 ]

ความคิดเห็นที่ 56 สวัสดีเช่นกันครับ นับถือคุณธารกำนัลเสมอเนื่องจากคุณเป็นผู้กรุณาตอบคำถามของผมเป็นคนแรกในช่วงแรก ๆ ของการเข้ามาในนามนามแฝงแต่คุณคงไม่รู้หรอก ฮิ ๆ แฝงมากับความมืดน่ะครับ แล้วกระทู้พระเทพฯทำไม่โดนลบล่ะครับ กระทู้ดีอ๊อก. จากคุณ : ผู้น้อย - [ 24 ส.ค. 48 17:43:16 A:61.90.10.64 X: ]

ความคิดเห็นที่ 57 ก่อนอื่นน่ะค่ะต้องขอบอกก่อนว่าเมื่อก่อนไม่เคยคิดเลยว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงมากขนาดนี้เลยในราชวงศ์นี้เพราะจะพูกก็ได้ว่าดิฉันก็มีอายุช่วง20-30 ก็จะได้เห็นว่าเจ้านายแต่ละพระองค์ทรงมีความเปลียนแปลงไปเป็นระดับตั้งแต่พระองค์ภาทรงเข้าศึกษาตั้งแต่ระดับประถมจนจบปริญญาเอก และการเพิ่ม/หรือการเปิดเผยต่อสือมวลชนในพระราชพิธีกาญจนาภิเษกว่าสมเด็จพระบรมทรงมีพระโอรสและพระธิดาอีก5 พระองค์ และการที่หม่อมเจ้าหญิงก็เริ่มมีบทบาทในฐานะเชื้อพระวงศ์ที่ทรงช่วยเหลือพสนิกรชาวไทย จนกระทั้งทรงได้รับการสถาปนาเป็นพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้า บางครั้งตัวดิฉันเองก็คิดว่าคงไม่มีอะไรจะเปลี่ยนแปลงอีกแล้ว แต่ก็เหมือนหลอกตัวเองค่ะ เพราะเมื่อมีข่าวของ หม่อมศรีรัศมิ์ มหิดล ณ อยุธยา ในหน้าข่าวในหนังสือพิมพ์ ก็เริ่มคิดว่าต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปอีกแน่นอน จนกระทั้งมีข่าวว่าทรงครรภ์ก็เป็นที่แน่นอนแล้วว่าหน้าประวัติศาสตร์ของพระราชวงศ์ก็ต้องเปลี่ยนไปอีกอย่างมากมายเพราะตลอดเวลาเกือบ 20 ปีมานี้คนไทยหลายๆคนก็ต้องคิดว่า ในอนาคตประเทศไทยเราอาจจะมีพระมหากษัตริยา พระมหากษัตริย์ที่เป็นพระราชนารีอย่างแน่นอน แต่เมื่อหม่อมทรงประสูติพระโอรสและมีการสถาปนาเป็นพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าฯ พระวรชายาและการพระสูติของพระองค์ชายน้อย พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกร ฯ ก็เป็นอันต้องเปลี่ยนแปลงความคาดหวังไปตามๆกัน บางคนก็คิดในทางที่ดี บางคนก็คิดไม่ดี ดิฉันจำได้ว่าเมื่อตอนที่จะมีการสถาปนาพระยศและก่อนพระราชทานพระนามของพระโอรสในพันทิยพ์มีการคาดเดากันมากมาย นั้นเป็นเพราะว่าตลอด 20 กว่าปีมานี้ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนความคิดเรื่องพระมหากษัตริย์ที่เป็นพระราชนารีพระองค์แรกของประเทศไทยได้เลย นั้นเป็นเพราะด้วยสถานการณ์ของโลกเราเปลี่ยนแปลงไปมากเช่นการที่พระราชวงศ์ของต่างชาตินั้นก็มีพระมหากษัตริย์ที่เป็นผู้หญิงเช่นกัน จึงเป็นที่แน่ใจของคนไทยหลายๆคนที่ทำใจและคิดเอาแล้วไว้ว่าในอนาคตเราก็อาจจะมีพระมหากษัตริย์ที่เป็นพระราชนารีเช่นกันแต่การเปลี่ยนแปลงก็ยังมีอีกมากในอนาคต เพราะเมื่อ 20กว่าปีก่อนนั้นเราคิดแบบนั้นแต่ในตอนนี้เราต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ก็ได้ ทุกๆความคาดหวัของประชาชนคนไทยที่มีต่อองค์พระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์ทุกพระองค์นั้นก็เพราะเรารักและเทิดทูลไม่ใช่ว่าพระทรงเป็นเจ้าฟ้าแต่ เพราะทรงกระทำให้เราเห็นว่าทุกพระองค์ทรงเสียสละอย่างใหญ่หลวงเพื่อให้ประชาชนของท่านทรงมีอนาคตที่ดีและประเทศเจิรญก้าวหน้าไปได้อย่างสงบสุข พวกเราก็เหมือนลูกหลานที่ร้องขอจากพ่อแม่อยู่ตลอดเวลา แต่ก็ทรงสละให้ได้ตลอดเวลาเช่นกันก็เหมือนกับเราคาดหวังให้พ่อแม่หรือพี่น้องทำอะไรให้เราตามความต้องการของเรา แต่ก็ต้องมีได้บางไม่ได้บางเพราะทุกคนจะถูกใจเหมือนกันนั้นเป็นไปไม่ได้เพียงแต่ทุกคนต้องการเวลาในการปรับตัวให้เขากับการเปลี่ยนแปลงก็เท่านั้น ดิฉันขอถามว่าพวกคุณปรับตัวกันได้หรือยังค่ะ และขอให้ลดความคาดหวังว่าจะให้พระองค์นั้นเป็นอย่างนี้พระองค์นี้เป็นอย่างนั้นบางเล้กน้อย เพราะดิฉันรู้ว่าทุกคนรักและเทิดทูน เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินไทยทุกพระองค์มากกกกกกกกกเกินกว่าจะบอกได้ จริงไหมค่ะ เพียงแต่เรามาค่อยเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงและการเสียสละเพื่อประเทศชาติของ ทุกๆพระองค์ต่อไป ดิฉันรักทุคนที่แสดงความคิดและความจงรักภักดีต่อองค์พระมหากษัตริยืและเจ้านายทุกพระองค์ในพันทิพย์นี้คะ เพราะทุกอย่างที่คุณพูดและคิดก็แปลได้แล้วว่าทุกคนได้รับรู้การเสียสละของพระองค์ท่านทุกๆพระองค์ และเราทุกคนก้ต้องดำเนินชีวิตให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศให้มากที่สุด สิ่งที่สำคัยที่สุดของดิฉันคือจะทำอะไรเพื่อตอบแทนน้ำพระทัยของทุกพระองค์ที่มีต่อคนไทยได้ให้มากที่สุด.....เท่านั้นค่ะ......และขอให้เราทุกคนค่อยเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงต่อไปในอนาคตอย่างเต็มไปด้วยความคิดที่ดี ไม่ว่าพระองค์ใดจะเป็นพระราชินีหรือจะมีพระอิสริยยศสูงส่งหรือต่ำต้อยเพียงใด ก็ทรงเป็นที่จงรักภักดีของดิฉันตลอดไป...ไม่เคยเสียใจเลยที่เกิดเป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่งค่ะ...... จากคุณ : buaboo (buaboo) - [ 24 ส.ค. 48 21:38:02 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ผมเคยอ่านใครเขียนไว้ก็ไม่ทราบ จำได้ว่าเจ้านายทรงกรมพระองค์อื่นๆ ที่สถาปนาในรัชกาลปัจจุบันสิ้นพระชนม์ไปหมดแล้วในอดีตในปัจจุบันเหลือ แค่สมเด็จฯกรมหลวงนราธิวาสเลยนำมาเขียนในนี้ครับคุณธารกำนัล ประวัติศาตร์สมัยรัตนโกสินทร์ผมไม่ค่อยชำนาญหรอกครับ ชอบอ่านเวลาคุณๆเข้ามาแบ่งปันความรู้กัน แก้ไขเมื่อ 25 ส.ค. 48 05:40:58 จากคุณ : Louvorian - [ 24 ส.ค. 48 22:23:22 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ก็ต้องขอโทษคุณLouvorian ค่ะ  ก็ถูกที่ว่าสมเด็จฯกรมหลวงฯท่านเป็นเจ้านายทรงกรมพระองค์เดียวในปัจจุบัน  เเต่ไม่ใช่พระองค์เเรกเเละพระองค์เดียวในรัชกาลนี้ จากคุณ : ธารกำนัล - [ 25 ส.ค. 48 21:12:24 ]