ความคิดเห็นที่ 1 1.  จุดกำเนิดของสหภาพยุโรปเริ่มจากประชาคมถ่านหินและเหล็กกล้าแห่งยุโรปก่อขึ้นตามสนธิสัญญากรุงปารีส  เพื่อส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศสมาชิกให้เป็นการค้าเสรีมากที่สุด  รวมทั้งการเคลื่อนย้านปัจจัยการผลิตเพื่อเป็นการลดหรือยกเลิกภาษีศุลกากรระหว่างสมาชิกและเพื่อพิจารณาร่วมกันในการกำหนดมาตราการและอัตราภาษีศุลกากรสำหรับสินค้าขาเข้าจากประเทศอื่นๆ ที่ไม่ได้เป็นสมาชิก  โดยที่ประชาคมถ่านหินและเหล็กกล้าแห่งยุโรป  ประชาคมพลังงานนิวเคลียร์แห่งยุโรปและองค์การตลาดร่วมยุโรปเป็นอิสระต่อกัน  ต่างพยายามสร้างความสำเร็จตามวัตถุประสงค์  มีการอนุญาตให้แรงงานเคลื่อนย้ายอย่างเสรี  ลดภาษีขาเข้าระหว่างกัน  กำหนดราคาสินค้าเกษตรเท่ากันในระหว่างกลุ่ม  และได้ตกลงให้มีเคลื่อนย้ายอย่างเสรีของเงินทุน  ถึงแม้จะประสบผลสำเร็จในฐานะศุลกากร  แต่ปัญหาด้านการเมืองและเศรษฐกิจรวมทั้งปัญกาด้านการลงคะแนนเสียงในการประชุมทุกครั้งต้องเป็นเอกฉันท์  ส่งผลให้การดำเนินการของประชาคมยุโรปล่าช้านอกจากนี้ยังมีความแตกต่างกันในเรื่องกฏหมายและนโยบายของประเทศสมาชิกไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ต่อมาได้มีการรวมตัวในรูปแบบใหม่ “ยุโรปตลาดเดียว” เพื่อปรับปรุงโครงสร้างและนโยบายเศรษฐกิจไปในทิศทางเดียวกัน  โดยให้มีการเคลื่อนย้ายสินค้า  บริการ  ปัจจัยการผลิต  รวมทั้งเงินทุนและแรงงานโดยเสรี  ไม่มีข้อจำกัดทางการค้าในรูปแบบอื่นๆ  มีนโยบายการคลังที่สัมพันธ์  เพื่อก่อให้เกิดประสิทธิภาพในการผลิต  แบ่งงานกันทำ  และการประหยัดทำให้ต้นทุนต่ำลงและได้เปรียบทางการค้าเพิ่มขึ้น  การพัฒนาขั้นต่อมา  คือการรวมตัวกันเป็น  สหภาพยุโรป    ให้มีการรวมตัวทางเศรษฐกิจและการเงิน  โดยใช้เงินสกุลยูโร  เป็นเงินตราสกุลเดียวกัน  ก่อให้เกิดสหภาพทางการเงินที่แท้ตริงของโลกซึ่งจะส่งผลต่อฐานอำนาจการต่อรองเศรษฐกิจอย่างมาก  สำหรับผลต่อประเทศไทย  มีข้อดีมากกว่าข้อเสียแน่นอน  เนื่องจากประชาคมยุโรปเป็นตลาดเดียว  สินค้าไทยเมื่อส่งไปขายในตลาดของสมาชิกประเทศหนึ่งก็สามารถขายได้ในทุกประเทศ  นอกจากนี้การยกเลิกภาษีทำให้สินค้าไทยส่งเข้าตลาดได้สะดวกยิ่งขึ้นและประชาคมยุโรปเป็นกลุ่มที่มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงจึงมีความต้องการนำเข้าวัตถุดบเพิ่มขึ้นเพื่อขยายการผลิต  วัตถุดิบที่ผลิตเองไม่ได้เช่น  ยางพารา  ดีบุก  แต่สินค้าภายใต้ข้อตกลงต่างๆ  เช่นสินคค้าประเภทอาหาร  ผักผลไม้  อาหารกระป๋อง  มีแนวโน้มที่จะต้องเพิ่มมาตราฐานให้สูงขึ้น  ผลกระทบต่อการลงทุนของไทย  นักลงทุนชาวยุโรปหันไปลงทุนในกลุ่มประเทศสมาชิกทำให้เศรษฐกิจไทยชะลอตัวลง จากคุณ : A๐MMinnig - [ 28 ส.ค. 48 00:31:02 ]

ความคิดเห็นที่ 2 2. โดยรวมแล้วเป็นผลดีต่อตัวเองและกับประเทศ  เช่นอาเซียนได้เร่งการขยายตัวทางการค้าโดยขจัดอุปสรรคของการค้าระหว่างประเทศสมาชิกและส่งเสริมความร่วมมือทางการค้าในรูปข้อตกลงด้วยการให้สิทธิพิเศษด้านภาศีศุลกากรสำหรับสินค้าบางประเภท  จัดทำโครงการอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ร่วมกัน  ด้านการคลังและธนาคาร  ด้านโภคภัณฑ์พื้นฐาน  กำหนดให้อาหารและพลังงานเป็นโภคภัณฑ์พื้นฐานที่ได้นับสิทธิพิเศษทางการค้าโดยให้มีการเสนอขายและเสนอซื้อแก่ประเทศสมาชิกก่อน     ทั้งหมดนี้เพื่อนำมาซึ่งความรุ่งเรืองและสันติภาพของภูมิภาค ผลดีคือ  ช่วยให้การค้าภายในกลุ่มประเทศสมาชิกเป็นไปอย่างปราศจากมาตราการกีดกันทางการค้า  เกิดการขยายตัวทางการค้าระหว่างประเทศสมาชิก  เป็นตลาดลงทุนขนาดใหญ่  จึงเป็นแรงจูงใจให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุน  สำหรับประเทศไทยสินค้าหลายประเภทมีคุณภาพดีและต้นทุนค่อนข้างต่ำ ผลเสียของอาฟตาคือ  กลุ่มอุตสาหกรรมไม่สามารถแข่งขันและอยู่รอดได้ในระบบการค้าเสรี  ก่อให้เกิดความขาดแคลนวัตถุดิบในบางประเภทเนื่องจากการขยายการผลิตประเทศสมาชิกต้องพยายามพัฒนาคุณภาพ  ผลผลิต  ลดต้นทุนและแข่งขันขยายตลาดจึงจะสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้ สาเหตุที่อาฟตาไม่ก้าวหน้าไปไหนเป็นเวลา  29  ปีเป็นเพราะการเมืองการปกครอง (อำนาจและคอรัปชั่น) ประโยคนี้ควรเพิ่มตรงไหนดีคะ  ??  หรือว่าไม่จำเป็น จากคุณ : A๐MMinnig - [ 28 ส.ค. 48 00:31:25 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ข้อ 2 สั้นไป  >,< .......................... เอ่อ สงสัยค่ะ  อาหตาเนี่ยใช้ผ่านต่างประเทศโดยไม่ต้องใช้ visa  เลยหรือเปล่าคะ จากคุณ : A๐MMinnig - [ 28 ส.ค. 48 00:33:00 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ไม่กล่าวถึงสนธิสัญญามาสตริชท์ หรือครับ ก่อนจะมีเงินยูโร สนธิสัญญานี้ กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศสมาชิกเอาไว้ ถ้าจะไม่ผิดจะให้เคลื่อนไหวไม่เกิน 3% จากอัตรากลาง ถ้าจำไม่ผิดนะครับ ประชาคมถ่านหินและเหล็กกล้าแห่งยุโรป <<< ทำให้นึกถึงสมาคมช่างอิฐแห่งบาวาเรียเลยครับ ปัจจุบันรู้จักกันในนามเมซัน (แซวเล่นเฉยๆ) แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 48 12:19:20 จากคุณ : กริชครับผม - [ 28 ส.ค. 48 12:17:51 ]

ความคิดเห็นที่ 5 หนูออมเอ๋ย คิดว่าที่เขียนมายังน่าจะขยายประเด็นอีกหน่อยน่าจะดี ข้อแรกนั้น ขนาดของตลาดนั้นใหญ่ขนาดไหน? น่าจะมีข้อมูลตรงนี้สักหน่อย ไม่ใช่แค่ใหญ่มากเฉยๆ แล้วลองดูประเด็นที่เขาเคยตั้งกำแพงการค้าบ้างสิ ตั้งขึ้นมาทีนึงใครเดือดร้อนบ้าง (เขาเคยทำอย่างนี้กับใครบ้าง เกิดอะไรขึ้นบ้าง) ลองคิดเรื่องการขยายตัวของ EU บ้างก็ดี ตอนตั้งใหม่ๆนั้นเล็กกว่านี้มิใช่หรือ แล้วระหว่างช่วงเวลาที่ผ่านมาขยายตัวขึ้นเรื่อยๆอย่างไร ส่งผลอย่างไร ลองคิดดู ส่วนระบบเงินตราสกุลเดียวนั้น มีผลอะไร ส่วนเรื่องการใช้เงินตราสกุลเดียวกันนั้น คงไม่ใช่เรื่องอำนาจต่อรองละมั้ง (ประเด็นนั้นน่าจะอยู่ในเรื่องของขนาดของตลาดและกลไกของตลาดร่วมมากกว่า) แต่ระบบเงินตราสกุลเดียวนั้นยกระดับประเทศที่ระบบเศรษฐกิจอ่อนได้อย่างไรเมื่อเข้าร่วม (เรื่องนี้ค้นเพิ่มเติมอีกหน่อยถ้าจะดี) ส่วนผลกระทบกับการค้ากับประเทศไทยนั้น วิเคราะห์ระวังหน่อย อย่าฟันธงมาก ดูเวลาที่เขา reject กุ้งเราทีนึงสิ (แต่ก็แล้วแต่จะคิดอ่ะนะ) ส่วนข้อ 2 นั้น คิดว่าก็ยังไม่เข้าประเด็น "ผลดีต่อตัวเอง" อย่างที่ได้เคยให้ข้อคิดไว้แล้ว ลองคิดดูอีกหน่อยละกัน แล้วก็ อาเซียน กับ อาฟตา นั้น ไม่ใช่เรื่องเดียวกันนะ ASEAN นั้นเป็นข้อตกลงที่มีมานานและมีมาก่อน AFTAมากนัก ตกลงจะต้องเขียนเรื่องไหนแน่? ผมก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้หรอกนะ เพียงแต่เห็นว่ายังไม่ค่อยตรงประเด็นและน่าจะปรับปรุงอีกหน่อย รอดู comment อื่นๆจากพี่ๆ (และ น้า อา ป้า ลุง) คนอื่นๆเพิ่มด้วยละกัน จากคุณ : ลองคิดดูละกัน - [ 29 ส.ค. 48 20:47:02 A:218.43.199.26 X: TicketID:106200 ]