PANTIP.COM : K3715362 สงครามโลกครั้งที่ 2 กับกรุงเทพมหานคร? [ประวัติศาสตร์]

ความคิดเห็นที่ 4

4.ตอนนั้นนายกของเราคือใคร? แล้วดำเนินการกับญี่ปุ่นอย่างไรครับ?

ตอบ ในช่วงสงครามโลกจะมี 2 คนนะครับ คนแรกคือ พลตรีหลวงพิบูลย์สงคราม เป็นนายกตั้งแต่พ.ศ2481-2487(ต่อมาได้เลื่อนยศเป็นจอมพลป.พิบูลย์สงคราม) คนที่ 2 คือนายควง อภัยวงศ์ ตั้งแต่ 2487-2488

ส่วนการดำเนินการกับญี่ปุ่นจริงๆจอมพล ป.ไม่เคยไว้ใจญี่ปุ่นนะครับ ตอนที่ไทยเรารบกับฝรั่งเศสในสงครามอินโดจีนในปี พ.ศ 2483 และญี่ปุ่นเข้าแทรกแซง ตอนนั้นรัฐบาลก็เริ่มตระหนักว่าไม่ช้าก็เร็วญี่ปุ่นต้องเข้ามาแน่จึงเตรียมการดำเนิการป้องกันดังนี้
1.ขยายกองทัพบกทั่วประเทศช่วงนี้มีการขยายกำลังทหารประจำการเพิ่มเติมเรียกเกณฑ์กองหนุน แต่น่าเสียดายที่ไม่ทันกาล ตอนญี่ปุ่นบุกไทยบางกองพันที่ต่อต้านญี่ปุ่นยังเป็นกองร้อยโครงอยูเลย(มีแต่ผู้บังคับบัญชา และตอนบังคับการ ไม่มีกำลังพล)

2.ประกาศหน้าที่พลเมืองในเวลารบ(จำไม่ได้ว่าเขียนอย่างนี้รึเปล่า) ให้ประชาชนทุกคนต่อต้านผู้รุกรานทุกวิถีทาง โยประชาสัทมพันธ์ผ่านทุกสื่อฯ(เวลานั้นเป็นวิทยุกับหนังสือพิมพ์)

แต่แล้วพอรบกันจริงก็รู้ว่าไทยเราไม่มีทางสู้ญี่ปุ่นได้จึงสงบศึก และเออออห่อหมกร่วมรบกับญี่ปุ่นไปพลางๆก่อน ปี พ.ศ.2486(1943) การรุกของฝ่ายอักษะ(เยอรมัน-อิตาลี่-ญี่ปุ่น)ทุกแนวรบเริ่มแผ่ว แถมสหายอิตาลี่ก็ถอนตัวจากสงคราม(ซึ่งเยอรมันตามเช็กบิลภายหลัง)

ส่วนญี่ปุ่นเริ่มเป็นฝ่ายตั้งรับในพม่าส่วนพี่ไทยเราก็เริ่มโดนทิ้งระเบิดจากฝ่ายสัมพันธมิตรจอมพลป. จึงเริ่มวางแผนย้ายเมืองหลวง

การย้ายเมืองหลวงไปเพชรบูรณ์นั้นเป็นส่วนนึงของแผนการที่จะต่อต้านญี่ปุ่นของจอมพลป.เอง เพราะเวลานั้นจอมพลป.ได้แอบส่งนายทหารระดับสูงพลเอก หลวงหาญสงคราม (ฟ้อน สุวรรณไศละ ต่อมาเปลี่ยนเป็น หาญ หาญสงคราม)ไปติดต่อกับฝ่ายสัมพันธมิตรที่จุงกิง ประเทศจีน

โดยส่งผ่านไปทางเชียงตุงซึ่งเวลานั้นยังเรายังรบกับจีนอยู่เพื่อหาหนทางที่จะขับไล่ญี่ปุ่น(แต่น่าเสียดายที่การติดต่อครั้งนั้นไม่ได้ผลอะไรนอกจากตกลงเรื่องที่จะให้รบพอเป็นพิธีในเชียงตุงของทั้ง 2 ฝ่าย)โดยมีแผนอยู่ว่า

-ให้ทำการย้ายหน่วยงานที่สำคัญออกจากกรุงเทพไปเพชรบูรณ์ ให้กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ และหน่วยทหารอืนๆในกรุงเทพ คอยคุมเชิงกองทัพญี่ปุ่นไว้

-จำกัดเขตทหารญี่ปุ่นโดยจัดตั้งพุทธบุรีขึ้นที่สระบุรีและประกาศว่าห้ามทหารต่างชาติ(ตอนประกาศอาจใช้คำว่าชาวต่างชาติ)เข้ามาในเขตนี้ ถ้าดูตามแผนที่ถ้าทำสำเร็จทันตามกำหนดก็จะได้แนวต้านทานญี่ปุ่นได้เพราะ

เพชรบูรณ์อยู่เหนือสระบุรีขึ้นไปอีกและอยู่ใกล้ลพบุรีซึ่งเป็นที่ตั้งของหน่วยทหารหลายหน่วยในเวลานั้น ซึ่งมีการคาดการแล้วว่าถ้าเกิดการรบกับญี่ปุ่นจริงหน่วยทหารที่ตั้งในกรุงเทพจะเป็นหน่วยแรกที่เข้าปะทะกับญี่ปุ่นก่อน

จากนั้นถัดขึ้นมาก็จะมีลพบุรีเป็นแนวต้านทานที่ 2 ถ้าลพบุรีแตกตัวเพชรบูรณ์ก็จะเป็นป้อมค่ายลำดับถัดไป ถ้าเพชรบูรณ์แตกอีกรัฐบาลยังสามารถถอยขึ้นไปยังภาคเหนือของประเทศซึ่งเวลานั้นกองพลพายัพยังทำสงครามกับจีนอยู่และมีที่ตั้งส่วนใหญ่อยู่ในภาคเหนือ มีทหารและอาวุธ(ทั้งของเราและญี่ปุ่น)พร้อมมูล

ถ้าถึงที่สุดจริงๆก็อาจจะหนีเข้าจีนได้(เวลานั้นเรายึดรัฐฉานได้มีพรมแดนติดกับจีนแล้ว)

แต่น่าเสียดายที่ผลของการเจรจากับจีนมีเพียงแค่รบกันหลอกๆในสนามรบเท่านั้นไม่ได้มีการขยายผลทางการเมืองด้านอื่น

มากระทั่งปลายปี 2487 จอมพลป.เสนอพรบ.นครบาลเพชรบูรณ์และพรบ.พุทธบุรีเข้าสู่สภา ผลคือแพ้โหวตทั้ง 2 ฉบับ โดยจอมพล ป จึงลาออกตามมารยาทและหวังว่าสภาจะเลือกตนกลับมาเป็นนายกใหม่ แต่ก็พลิกอีก สภาไปเลือกนายควง อภัยวงศ์เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี

ในช่วงรัฐบาลของนายควง ก็ตี 2 หน้า ฉากหน้าก็น่วมมือกับญี่ปุ่น แต่หลังฉากก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นการปฎิบัติการของเสรีไทย จนกระทั่งสงครามยุติ

.......... หมาหอน

จากคุณ : ryzon - [ 4 ก.ย. 48 21:10:46 ]