ความคิดเห็นที่ 1 ขออนุญาตตอบเฉพาะที่พอจะรู้นะครับ 1.คำเหล่านั้นรู้มาว่าเป็นหลักทางโหราศาสตร์การตั้งชื่อครับ คือ อัชนาม (ชื่อแพะ) คชนาม (ชื่อช้าง) นาคนาม (ชื่อพระยานาค) มุสิกนาม (ชื่อหนู) เป็นชื่อตามกำลังวันเดือนปีหรือเปล่าไม่มั่นใจนัก แต่ที่พูดนี้พูดถึงคำแปลและหลักทางโหรเท่านั้นครับ (รอท่านอื่นมาขยานอีกทีครับ) 4.สุพรรณบัฎ หิรัญยบัฎ สัญญาบัตร มีการราจึกอย่างนั้นจริง ๆ ครับ เช่นสุพรรณบัฎ ก็จะมีการจารลงแผ่นทองจริง ๆ หิรัญยบัฏ ก็จารลงแผ่นเงินจริง สัญญาบัตร ก็เขียนลงแผ่นกระดาษจริง ๆ (เท่าที่รู้รู้สึกว่าเวลาโปรดเกล้าฯ ประกาศจะให้อาลักษณ์จารึกสด ๆ ซะเดี๋ยวนั้นด้วยซ้ำไป) (เป็นเพียงความเข้าใจส่วนตัวนะครับ หากให้ชัวร์ต้องรอผู้รู้อีกทีครับ) จากคุณ : การุญย์ - [ 18 ก.ย. 48 15:21:41 A:61.90.9.7 X: ]

ความคิดเห็นที่ 2 น่าสนใจครับ พอดียังไม่มีเวลาค้นหาคำตอบอย่างที่เจ้าของกระทู้ต้องการ แต่ขอเสริมเรื่องสุพรรณบัฏ ครับ เรื่องสุพรรณบัฏนี่มีหลักฐานมาแต่ครั้งสมัยอยุธยา ก็คือเครื่องแสดง ยืนยัน ถึงบรรดาศักดิ์ สมณศักดิ์ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรง "อวย" ให้ พร้อมทั้งบอกนามเดิม จารลงบนแผ่นทองที่มีลักษณะคล้ายใบลาน จึงเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าลานทอง สุพรรณบัฏนี้ ตามหลักฐานมีมอบให้ทั้งฝ่ายหน้า ฝ่ายใน และฝ่ายศาสนจักรนะครับ  เช่น ในมัยพระรามาธิบดีที่ ๒ พบลานทอง พระราชทานบรรดาศักดิ์ ฝ่ายใน ให้แม่นางเกื้อ เป็นแม่นางมงคลเทวีศรีพระแก้ว "ศุภมัสดุ ๑๔๑๖ ศกขาลนักษัตร   ทวาทศีเกิดไวสาขยพุธวาร ศุภมุหูรต มานบัณฑรูวรฺราชโองการ สมเดจบวิตร วระประสิทธิ แม่นางมงคลเทวีศรีวรฺแก้ว นามกรโอย แม่นางเกื้อนาม" แถมรูปจำลองจารึกสุบรรณบัฏจากกรุพระปรางค์วัดราชบูรณะ หมายเลข๒ ด้วย จากคุณ : cybrarian - [ 18 ก.ย. 48 21:33:47 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ขอบคุณมากนะครับที่คิดถึง อ่ะครับ หวังว่าจะไม่งงนะครับ http://www.banfun.com/culture/name.html#top หลักก็เพียง ตั้งอย่างไรก็ได้ ที่ไม่ตรงกับช่องกาลกินี เช่น สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ กรมขุนเท"พ"ทวาราวดี ประสูติ(วันพระบรมราชสมภพ) วันเสาร์ พระนามที่ทรงตั้ง  คือ ตัว (มุสิกนาม) บ ป ผ ฝ พ ฟ ภ ม  ซึ่งเป็นช่องอายุ (ลงไปดูความหมายข้างล่าง>>อายุ  หมายถึง อายุ ความเป็นอยู่ การดำเนินชีวิตที่ต้องการเพื่อให้มีอายุยืนยาวหรือมีอายุมั่นขวัญยืน หากนำอักษรที่มีทักษาอายุมาตั้ง เชื่อกันว่ามีอายุยืนยาว) หรือ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าประชาธิปกศักดิเดช กรมขุนสุโขทัยธรร"ม"ราชา ประสูติ(พระบรมราชสมภพ) วันพุธ พระนามที่ทรงพระกรุณาฯพระราชทาน คือ (มุสิกนาม) บ ป ผ ฝ พ ฟ ภ ม ซึ่งเป็นมุสิกนาม ซึ่งตรงกับช่องเดช (ลงไปดูความหมายข้างล่าง >>เดช หมายถึง อำนาจวาสนา บารมี เกียรติยศ และชื่อเสียงตำแหน่งหน้าที่การงาน อานุภาพอิทธิพลที่ทำให้คนเคารพยำเกรง มีความสามารถในการควบคุม บังคับบัญชาคนเหล่านี้) แปลกดีที่พระนามที่ตั้งตามนี้ ตั้งแก้เคล็ดให้กับสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ 2 พระองค์นี้ คือ รัชกาลที่ 6 ตั้งให้มีอายุยืน โดยเป็นมุสิกนาม (ถึงที่สุดก็พระชนม์เพียง 46 พรรษาเท่านั้น) ส่วนรัชกาลที่ 7 ตั้งให้พระนามมีเดช คือ มีอำนาจปกครองคน ซึ่งเป็นมุสิกนาม (ถึงที่สุดก็ทรงสละราชสมบัติ) จากคุณ : natthaset - [ 18 ก.ย. 48 23:00:21 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบพระคุณผู้รู้ทุกท่านครับ ที่มาช่วยไขข้อข้องใจของผู้ด้อย ............................................................ ตามที่คุณการุญย์ว่า เป็นความรู้ใหม่ของผมเช่นกันครับ ที่ว่าการจารึกนามนั้นจารึกกันทันทีที่มีการพระราชทาน ผมนึกว่าการตั้งนามและการจารึกนั้นเป็นหน้าที่ของพนักงานอารักษ์จะเป็นผู้จัดแจงเสียอีก สำหรับรูปที่คุณcybrarianนำมาให้ดูนั้น แม้จะเป็นขาวดำ แต่ก็ช่วยให้ความสว่างกับผมได้มากครับเพราะตามจินตนาการของผม ผมทึกทักเอาว่า ถ้ามีการจารึกลงบนแผ่นทองหรือเงินจริง ก็น่าจะเป็นแผ่นสี่เหลี่ยม(คล้ายๆแผ่นดวงชะตาเกิดสมัยก่อน) แล้วก็น่าจะจารึกเป็นภาษาไทย แต่นี่ผิดคาด กลับเป็นลักษณะใบลานที่เจียรขอบมน แถมจารึกด้วยอักษขอมเสียอีก ขอบพระคุณมากจริงๆครับ หายคิดถึงเลยครับคุณnatthaset เหมือนเส้นผมบังภูเขาเลย ตอนแรกที่คุณการุญย์ตอบ ผมยังคลับคล้ายคลับคลา แต่พออ่านตามลิ้งค์ที่ให้มา ผมอ๋อเลย ตำราโหราศาสตร์แบบนี้ที่บ้านผมก็มีครับ มองข้ามไปเลย เพราะมัวแต่ไปนึกว่า ไปพ้องกับตราสิงห์ ตราคชสีห์ ก็เลยเดาว่าคำลงท้ายอาจจะเป็นการระบุกรมกองว่าสังกัดที่ไหน ลืมนึกไปถึงเรื่องโหราศาสตร์เลยครับ ........................................................... จะรอท่านผู้รู้ท่านอื่นเข้ามาไขความสว่างเพิ่มเตมนะครับ ท่านใดมีเกร็ดหรือรายละเอียดมากกว่านี้ก็จะขอบพระคุณมากครับ ยังรออยู่นะครับ จากคุณ : จะทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี.. (WeeN the Listener) - [ 18 ก.ย. 48 23:20:25 ]

ความคิดเห็นที่ 5 แต่อาลักษณ์สมัยก่อนต้องเก่งมากเลยนะครับ ในการแต่งพระนาม พระนามกรมยาว ราชทินนามยาวๆ ท่าทางอาลักษณ์สมัยนั้นเหนื่ยมากๆทีเดียว เรื่องนี้ต้องอาศัยความรู้ของคุณ V_mee ด้วยนะครับ เพราะท่านเคยนำราชทินนามเพราะๆมาลงไว้ในอ่านกัน แก้ไขเมื่อ 19 ก.ย. 48 12:36:26 จากคุณ : natthaset - [ 18 ก.ย. 48 23:33:45 ]

ความคิดเห็นที่ 6 2. คำว่าอภัยพิริยกรมบราหุ ,อภัยพิริยกรมพาหุ  ,อภัยพิริยบรากรมพาหุ ตอนแรกผมก็มองผ่านๆว่าเหมือนกัน แต่ดูไปดูมา เอ๊ะ!! ไม่เหมือนแหะ ... สรุปว่ามันต่างกันอย่างไร มีที่ใช้ต่างกันอย่างไรครับ เป็นเรื่องของความคล้องจองของคำนะครับ 3. ตำแหน่ง ยศ หรือบรรดาศักดิ์ใด ที่ต้องระบุในสุพรรณบัฏ และ ตำแหน่ง ยศ หรือบรรดาศักดิ์ใด ที่ต้องระบุในหิรัญบัฏ แล้วมีตำแหน่ง ยศ หรือบรรดาศักดิ์ใด ที่ต้องระบุในสัญญาบัตรไหมครับ เท่าที่เห็น ในสุพรรณบัฏ หิรัญบัฏ มีแต่ยศและราชทินนาม เท่านั้น ไม่มีตำแหน่งหน้าที่นะครับ แต่สัญญาบัตร ปรากฎยศราชทินนามและตำแหน่งหน้าที่ เรื่องภาพนั้น ลองหาดูตามหนังสือนะครับ เช่นงานสถาปนาสมเด็จพระบรมฯ สมเด็จพระเทพฯ ครับ จากคุณ : natthaset - [ 19 ก.ย. 48 00:06:19 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบพระคุณคุณnatthasetอีกครั้งครับผม นอนดึกจังนะครับ (เหมือนผมเลย ) ผมไม่รู้จะไปหาหนังสือที่คุณnatthasetบอกที่ไหนอะครับ อาจต้องรอวันหยุดแล้วไปหอสมุดแห่งชาติดู แต่จะพูดก็พูดเถอะว่า สังเกตพระนามของพระองค์ต่างๆ รวมถึงนามของขุนนางต่างๆ มันก็ออกจะยาวนะครับ แบบนี้ ไม่ต้องใช้ใบลานทองยาวเป็นเมตรๆเหรอนี่ ......................................................... ทำตัวเป็นเจ้าหนูจำไมอีกแล้ว แหะๆ แก้ไขเมื่อ 19 ก.ย. 48 15:33:19 จากคุณ : จะทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี.. (WeeN the Listener) - [ 19 ก.ย. 48 15:31:27 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ใน "สาส์นสมเด็จ" ปรากฏเรื่องนี้ดังนี้ครับ ฉบับลงวันที่ ๑๒ มกราคม ๒๔๗๖  ลายพระหัตถ์สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ "....หม่อมฉันไม่มีเรื่องโบราณคดีที่จะทูลมานานแล้ว  มานึกขึ้นได้เรื่องหนึ่งที่จะบรรเลงถวายสำหรับช่วยทรงพระดำริคือ เรื่องสุพรรณบัฎพระนาม  ได้พบหลักฐานมีประเพณีโบราณพระราชทานพระสุพรรณบัฏแต่เจ้ากับพระสังฆราช  นอกจากนั้นไม่พบหลักฐานว่ามีก่อนรัชกาลที่ ๔  ยิ่งหิรัญบัตรนึกไม่ได้ทีเดียวว่าพบหลักฐานว่ามีก่อนรัชกาลที่ ๔  ขอให้ทรงพระดำริตริตรองดู...." ฉบับลงวันที่  ๒๗ มีนาคม ๒๔๗๖  สมเด็จเจ้าฟ้าฯกรมพระนริศรานุวัดติวงศ์ สนองลายพระหัตถ์ว่า "สุพรรณบัฏ คือ ลานทอง  แต่ก่อนเขียนหนังสือกันด้วยใบลานเพราะทำกระดาษยังไม่เป็น  เมื่อจะเขียนหนังสืออะไรที่อย่างดี  เช่นพระนามพระเจ้าแผ่นดินและเจ้า  จึงแผ่แผ่นทองรูปยาวเหมือนลานจารแทนใบลาน  สมเด็จพระสังฆราชนับเสมอเจ้า  จึงใช้ลานทอง  ในหนังสือวงศ์ๆจักรๆพระราชสาส์นก็จารึกด้วยลานทอง  เห็นจะทำกันจริงดังนั้น  สุพรรณบัฏเก่าที่สุดซึ่งเกล้ากระหม่อมได้เห็น  ก็คือสุพรรณบัฏตั้งแม่นางมงคลเทวีศรีพระแก้ว  อันได้มาแต่ตรุในพระเจดีย์วัดพระสรีสรรเพชญ ศักราช ๑๔๑๖  จะเป็นศักราชอะไรแล้วแต่จะทรงวินิจฉัย  เจ้าพระยาก็คือตั้งพระยาเป็นเจ้า  จะได้สุพรรบัฏก็ควรอยู่  แต่แล้วทรงตั้งมากเข้าก็เลยต่ำลงเป็นหิรัญบัฏจนถึงกระดาษ หิรัญบัฏ เผอิญพบได้มาใหม่ๆ  พอมี่จะกราบทูลถวายได้ ว่ามีมานานแล้ว  เป็นหิรัญบัฏตั้งแต่พระครูธรรมเฐียร  มีลักษณะอย่างเดียวกันกับสุพรรณบัฏตั้งแม่นางมงคลเทวี  ลงศักราช ๑๔๘๗ อ่อนกว่าสุพรรณบัฏแม่นางมงคลเทวี ๗๑ ปี  ข้าหลวงตรวจการ(คือสมุหเทศาภิบาล)มณฑลพิษณุโลกส่งมาให้พิพิธภัณฑสถาน ณ กรุงเทพฯ  ว่าพระภิกษุอิ่มพบในพระเจดีย์วัดร้าง  ซึ่งตั้งอยู่เหนือสถานีพิษณุโลกขึ้นไปเล็กน้อย  ได้คัดสำเนาอักษรถวายมาทอกพระเนตรด้วยแล้ว ตามรบัฏ คือแผ่นทองแดงจารึกอักษร  ขุดพบกันในประเทศอินเดียก็มี  ลางทีจะมีมาแล้วในประเทศอินเดีย  ทั้งสุพรรณบัฏ หิรัญบัฏ และตามรบัฏ" (ยกมากล่าว เพื่อจะบอกว่ามี "ตามรบัฏ" ด้วยอีกอย่างหนึ่ง) การแต่งตั้งขุนนางข้าราชการหรือแม้แต่พระราชาคณะแต่เดิมนั้น  เป็นได้ด้วยรับสั่งให้เป็น เอกสารที่พบว่าเป็นการตั้งแต่งข้าราชการที่เป็นลายลักษณ์อักษรครั้งแรกสุด คือ ประกาศในรัชกาลที่ ๔ เรื่องตั้งสมเด็จเจ้าพระยา ตอบข้อ ๓. ราชทินนาม คือ นามบรรดาศักดิ์ ที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเลือก(จากนามที่กรมอาลักษณ์คิดผูกขึ้นไว้)พระราชทานเป็นเครื่องหมายแสดงความรู้ความสามารถ ในการปฏิบัติราชการสนองพระเดชพระคุณ แลพระราชทานเป็นบรรดาศักดิ์เพื่อตอบแทนความดีความชอบ สมญาจารึกในสุพรรณบัฏ หิรัญบัฏ จะปรากฎคุณงามความดี เช่น เจ้าพระยายมราช(ปั้น)มีสร้อยนามตอนหนึ่งว่า "ฉัฎฐมราชคุรุฐานะวโรปการี" ที่ทรงพระราชทานอย่างนี้เพราะเนื่องจากทรงถือว่าเจ้าพระยายมราชเป็นครูด้วยเคยถวายการสอนเมื่อเสด็จต่างประเทศ  ส่วนหน้าที่นั้นระบุอยู่ที่คำว่า "เจ้าพระยายมราช" อยู่แล้วครับ  หรือถ้าเอ่ยถึง "เจ้าพระยาจักรี" ก็รู้กันอยู่ว่ามีตำแหน่งหน้าที่อะไร (แถมไว้ครับ) ราชทินแต่ละกรม/กระทรวงก็มีต่างกันไปเช่น(คัดจาก เรื่องความรู้สารพัดชื่อ - สมบัติ  จำปาเงิน) กระทรวงธรรมการ เช่น จงจิตฝึก  จงนึกนัด  จงจัดนิสัย  จงใจสอน   ชาญดรุณกิจ  ชิดดรุณการ จรุงชวนะภูน  จรูญชวนะพัฒน์  จรัสชวนะพันธ์  จรัลชวนะเทพ เชี่ยวพิทยการ  ชาญพิทยกิจ  ชิดพิทยกรรม เชาวนเพทจรัล  เชาวนพันธ์จรัส  เชาวนพัฒน์ตรูญ ชำนิอนุสาส์น  ชำนาญอนุสาสน์ , ชำนิขบวนสาส์น  ชำนาญขบวนสอน กรมเรือยนต์หลวง เช่น พระผ่านนทีว่อง  พระล่องนทีศรี ขุนอาจชลธาร หลวงชาญชลธี หลวงสาครวิชัย  พระชลาลัยวิชิต ขุนไกรชลผาด  ขุนชาญชลจร หลวงกลการเจนจิต  ขุนกลกิจเจนใจ กรมพระอัศวราช ตำแหน่งม้าต้น เช่น พระทรงพลราบ  พระปราบพลแสน กรมรถยนต์หลวง เช่น พระยาบุศยรถบดี  พระมาตุลีรถาการ หลวงเชี่ยวจักรยาน  หลวงชาญจักรยนต์ กรมมหรสพ แผนกโขน พระยานัษการุรักษ์  พระพำนักนิจนิกร หลวงฟ้อนถูกแบบ  หลวงแยบเยี่ยงคง หลวงรำถวายกร  หลวงชูกรเชิด หลวงรามภรตศาสตร์  ขุนราชภรตเสน หลวงวิไลวงวาด  หลวงวิลาสวงงาม ตลกหลวง ขุนรัตประหาร  ขุนสำราญสมิตมุข หมื่นสนิทชวนเริง  หมื่นเชิงชวนหัว กองดุริยางค์ พระยาประสานดุริยศัพท์  พระประดับดุริยกิจ พระเพราะสำเนียง  พระเสียงเสนาะ ขุนไพเราะเสียงซอ  ขุนคลอขลุ่ยคล่อง หลวงว่องจะเข้รับ    ขุนฉลาดฉับฆ้องวง ในรัชกาลที่ ๖  มีบรรดาศักดิ์กันทั้งวง เช่น หมื่นดุริยเจนจังหวะ  หมื่นดุริยะเจนใจ  หมื่นปรtไพเพลงผสม  หมื่นประโคมเพลงประสาน  หลวงชาญเชิงระนาด  ขุนฉลาดฆ้องวง  ขุนบรรจงทุ้มเลิศ  หมื่นประเจิดปี่เสนาะ หลวงไพเราะเสียงซอ  ขุนคลอขลุ่ยคล่อง  หลวงว่องจะเข้รับ  หมื่นขับคำหวาน (ได้ยินชื่อก็รู้ได้ทันที  ว่าอยู่ในกรมไหน  ตำแหน่งหน้าที่อะไร) สำหรับ "อ้ายศร" ในโหมโรง เป็นที่ หลวงประดิษฐไพเราะ คู่ของท่านคือ  หลวงประดับดุริยกิจ  ตำแหน่งปลัดกรมพิณพาทย์หลวง ส่วนพระบิดาแห่งประวัติศาสตร์ไทย   เมื่อจะพระราชทานกรม "พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร" นั้น โปรดเกล้าฯให้ พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย) เจ้ากรมอาลักษณ์ผูกนามกรมขึ้นถวายทรงเพื่อเลือก พระยาศรีสุนทรฯ เห็นว่า "พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร" รับราชการทหาร  จึงผูกนามกรมว่า "กรมหมื่นจุตรงครังสฤษฏิ์" นาม ๑  กับ  "กรมหมื่นดำรงราชานุภาพ" นาม ๑ สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงโปรดนามหลัง  จึงพระราชทานนามกรมว่า ดำรงราชานุภาพแต่นั้นมา พระองค์เจ้าศรีเสาวภางค์  ซึ่งจะต่อจากเสด็จในกรมดำรงฯก็ได้คิดนามกรมไว้แล้วว่า "กรมหมื่นศุภกาพย์กวีการ"  แต่สิ้นพระชนม์เสียก่อน  นามกรมนี่จึงสูญไป  พระองค์ถัดต่อไปคือ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตย์  พระยาศรีสุนทรฯคิดนามใหม่ถวายว่า "กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิธาดา" เรื่องราวอย่างพิศดารคลิ๊กที่ลิงค์นี่ครับ http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/K3663518/K3663518.html แปะไว้เผื่อท่านใดสนใจนะครับ แก้ไขเมื่อ 19 ก.ย. 48 17:38:35 แก้ไขเมื่อ 19 ก.ย. 48 17:35:52 แก้ไขเมื่อ 19 ก.ย. 48 17:28:04 จากคุณ : กัมม์ - [ 19 ก.ย. 48 17:24:31 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบพระคุณคุณกัมม์มากครับ สำหรับตามรบัฏ ไม่เคยได้ยินมาก่อน มีที่ใช้ในประเทศไทยด้วยหรือไม่ครับ? จากคุณ : จะทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี.. (WeeN the Listener) - [ 19 ก.ย. 48 18:05:44 ]

ความคิดเห็นที่ 10 "ตามรบัฏ" ไม่เคยได้ยินที่ไหนในเมืองไทยนะครับ   เอ...ในพิพิธภัณฑ์สถานแหง่ชาติมีจารึกอยู่ใบหนึ่ง ขึ้นว่า "ศักราชได้ ๗๓๘ โรงนักษัตร เดินหก แรมค่ำหนึ่ง สุกราพาร  สมเด็จพระมหาเถรจุฬามณี ปลูกพิหาร..." จะเป็นทองแดงหรือทองเหลืองไม่ได้สังเกต  สนใจแต่อักษรที่จารึก สำหรับ "สัญญาบัฏ" ก็คือ "สัญญาบัตร" ที่พระราชทานยศชั้นนายร้อยขึ้นไป เรียกว่า นายทหาร/ตำรวจ สัญญาบัตร   นี่ก็เป็นการสืบเนื่องจากโบราณประเพณี แก้ไขเมื่อ 19 ก.ย. 48 20:00:35 จากคุณ : กัมม์ - [ 19 ก.ย. 48 19:58:45 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ถึง คุณ กัมม์ ไม่ทราบว่าทาง คุณ กัมม์ จะรังเกียจที่จะเสวนากับข้าพเจ้าทาง E - mail หรือไม่ หากคุณไม่รังเกียจแล้วไซร้ โปรดแจ้ง E - mail แก่ข้าพเจ้าด้วย เนื่องจากข้าพเจ้ามีบางสิ่งอยากจะถามคุณ กัมม์ จากคุณ : ขุนนางอยุธยา - [ 20 ก.ย. 48 00:04:22 A:203.156.68.175 X: TicketID:032642 ]

ความคิดเห็นที่ 12 โอ๊ะโอ๋ ... คุณขุนนางอยุธยาก็เข้ามากระทู้ผมด้วย เป็นเกียรติกับผู้ด้อยมากๆครับ จากคุณ : จะทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี.. (WeeN the Listener) - [ 20 ก.ย. 48 00:30:34 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ตามที่ปรากฏหลักฐานในสมัยรัชกาลที่ ๕ - ๖ และ ๗ นั้น  ในการตั้งบรรดาศักดิ์ข้าราชการชั้นเจ้าพระยา  จะโปรดให้จารึกนามผู้ที่ได้รับพระราชทานสถาปนาลงใน สุพรรณบัฏ หิรัญบัฏ และสัญญาบัตร ตามเกณพ์ดังนี้ สุพรรณบัฏ  สำหรับเจ้าพระยาเสนาบดีที่มีฐานันดรเดิมเป็นหม่อมราชวงศ์ หรือหม่อมหลวง เช่น เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี (ม.ร.เปีย  มาลากุล) เสนาบดีกระทรวงธรรมการ  หรือผู้ที่ทรงพระมหากรุณาพิเศษ เช่น เจ้าพระยาสุธรรมมนตรี (ปลื้ม  สุจริตกุล) อธิบดีศาลต่างประเทศ หิรัญบัฎ พระราชทานแก่เจ้าพระยาเสนาบดีที่มิได้เป็นเชื้อพระวงศ์ เช่น เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น  เทพหัสดิน ณ อยุธยา) หรือผู้ที่มีฐานันดรเดิมเป็นเชื้อพระวงศ์แต่มิได้มีตำแหน่งเป็นเสนาบดี เช่น เจ้าพระยาศรีพิพัฒน์ (ม.ร.ว.มูล  ดารากร) อธิบดีกรมพระคลังข้างที่ สัญญาบัตรนั้น พระราชทานแก่ผู้ที่มิได้เป็นเสนาบดีแต่ทรงยกย่องเป็นพิเศษ เจ้าพระยาศรีวิไชยชนินทร์ (ชม  สุนทรศารทูล) สมุหเทศาภิบาลมณฑลนครไชยศรี  หรือเจ้าพระยาสุรบดินทรสุรินทรฦาชัย (พร  จารุจินดา) อุปราชมณฑลภาคพายัพ แต่ในรายเจ้าพระยายมราช (ปั้น  สุขุม) เมื่อแรกเป็นเสนาบดีกระทรวงนครบาลในรัชกาลที่ ๕ นั้นก็ได้รับพระราชทานหิรัญบัฏมาก่อน  ในรัชกาลที่ ๖ ได้โปรดพระราชทานเลื่อนเป็นสุพรรณบัฏด้วย ขุนนางชั้นรองลงมาคือ พระยา พระ หลวง ขุน นั้นได้รับพระราชทานสัญญาบัตร  แต่หลวง และขุนบางราย  เสนาบดีเจ้ากระทรวงก็เป็นผู้ออกประทวนตราตั้ง  เช่นเดียวกับบรรดาศักดิ์ชั้นหมื่น และพัน สำหรับพระสงฆ์นั้น  ชั้นสุพรรณบัฏ ก็จะประกอบด้วย สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และสมเด็จพระราชาคณะ  พระราชาคณะเจ้าคณะรองนั้นได้รับพระราชทานหิรัญบัฏ  ในลำดับรองลงไปคือ พระราชาคณะชั้นธรรม เทพ ราช สามัญ และพระครูนั้นได้รับพระราชทานสัญญาบัตร ขอแสดงความเห็นแย้งความเห็นที่ ๘ ที่ว่า "...สำหรับ "อ้ายศร" ในโหมโรง เป็นที่ หลวงประดิษฐไพเราะ คู่ของท่านคือ  หลวงประดับดุริยกิจ  ตำแหน่งปลัดกรมพิณพาทย์หลวง..." คุ๋ของหลวงประดิษฐ์ไพเราะ (ศร  ศิลปบรรเลง) นั้นคือ หลวงประดิษฐบาทุกา เจ้าของร้านเซ่งชง  ถนนเจริญกรุง  สองท่านนี้ได้รับพระราชทานสัญญาบัตรบรรดาศักดิ์เป็นหลวงพิเศษสังกัดกรมมหาดเล็กพร้อมกัน ทั้งสองท่านนี้ไม่ได้มีตำแหน่งราชการประจำ  แต่เป็นบรรดาศักดิ์ที่พระราชทานเป็นเกียรติยศพิเศษ ส่วนคู่ของหลวงประดับดุริยกิจ  คือ พระประสานดุริยศัพท์  ราชทินนามทั้งสองนี้สังกัดกรมพิณพาทย์หลวง  ซึ่งเป็นกรมขึ้นในกรมมหรสพ  ซึ่งสังกัดกรมมหาดเล็กในรัชกาลที่ ๖ จากคุณ : V_Mee (V_Mee) - [ 20 ก.ย. 48 01:46:16 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบพระคุณมากๆครับคุณ วี-มี(อ่านแบบนี้รึเปล่าครับ?) "เสนาบดีเจ้ากระทรวงก็เป็นผู้ออกประทวนตราตั้ง" มาอีกคำถามนึงแล้วครับ แล้วคำว่าประทวนตราตั้ง หรือข้าราชการชั้นประทวน คำว่าประทวนนี้หมายถึงอะไรครับ เป็นการจารึกอีกรูปแบบหนึ่งรึเปล่า? ถามต่อแบบนี้ จะโดนรำคาญไหมเอ่ย จากคุณ : จะทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี.. (WeeN the Listener) - [ 20 ก.ย. 48 04:05:46 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เรียน คุณขุนนางอยุธยา ดังนี้ครับ บอกกันอย่างไม่อาย (เพราะแก่แล้ว) ผมส่ง e-mail ไม่เป็นครับ  เคยลองหัดใช้ outlook หลายต่อหลายครั้งไม่เคยสำเร็จเลย เห็นว่าไม่เป็นประโยชน์สำหรับตัวเองก็เลยถอด outlook ออกเสียแล้ว เคยเรียนความจริงอย่างนี้กับ ท่าน นิรนาม  แต่กับโกรธผมว่า "ผมตระหนี่ตัว"  ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร คุยกันทางหลังไมค์ก็ได้ครับ  ที่ดีที่สุดคือ บนบอร์ด จะได้ช่วยกันดูหลายคน ว่าผิดพลาดอะไรยังไง ดีไหมครับ ไม่ได้หวงอีเมลนะครับ (แปะไว้เพราะบริสุทธิ์ใจจริงๆ) aungsangpagon@yahoo.com แต่ไม่ค่อยได้เข้าไปเช็คข้อความเท่าไร  นี่ก็เดือนกว่าแล้ว   แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 48 09:43:22 จากคุณ : กัมม์ - [ 20 ก.ย. 48 09:39:16 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณครับคุณ Vee ที่ช่วยแก้ไข ผมไปให้ความสำคัญกับตำแหน่ง(ปลัดกรม)มากเกินไป   เลยทำให้หลงครับ "ประสานดุริยศัพท์"  ต้องคู่กับ  "ประดับดุริยกิจ" ถูกต้องแน่   ขอแก้ไขตามคุณ Vee ท้วงนะครับ ข้าราชการในกรมพิณพาทย์หลวงในรัชกาลที่ ๖ พระราชทานเป็นเถาฟังแล้วลื่นดี  ผมชอบด้วยขอนำมาลงไว้นะครับ พระประสานดุริยศัพท์     (เจ้ากรม) หลวงประดับดุริยกิจ        (ปลัดกรม) หลวงประดิษฐไพเราะ     (ปลัดกรม) หลวงเสนาะดุริยางค์       (ผู้ช่วย) หลวงสำอางดนตรี          (ผู้ช่วย) ขุนศรีวาทิต.................ขุนสิทธิวาทิน ขุนพิณบรรเลงราช........ขุนพาทย์บรรเลงรมย์ ขุนประสมสังคีต...........ขุนปราณีตวรศัพท์ ขุนคนธรรพวาที...........ขุนดนตรีบรรเลง ขุนเพลงไพเราะ...........ขุนเพราะสำเนียง ขุนเสียงเสนาะกรรณ.....ขุนสรรเพลงสรวง ขุนพวงสำเนียงร้อย.......ขุนสร้อยสำเนียงสนธิ์ ขุนวิมลวังเวง...............ขุนบรรเลงเลิศเลอ ขุนบำเรอจิตจรุง...........ขุนบำรุงจิตเจริญ ขุนเพลินเพลงประเจิด....ขุนเพลิดเพลงประชัน ขุนสนั่นบรรเลงกิจ........ขุนสนิทบรรเลงการ ขุนสมานเสียงประจักษ์..ขุนสมัครเสียงประจิต หมื่นวาทิตสุรศิลป.........หมื่นวาทินสุรเสียง ขุนสำเนียงชั้นเชิง.........หมื่นสำเริงชวนชม หมื่นภิรมย์เร้า(?)..........ขุนพิไรรมยา หมื่นวีณาประจิณ..........หมื่นวีณินประณีต ขุนสังคีตศัพท์เสนาะ......ขุนสงเคราะห์ศัพท์สะอาง หมื่นดุริยางค์เจนจังหวะ...หมื่นดุริยะเจนใจ หมื่นประไพเพลงผสม.....หมื่นประโคมเพลงประสาน หลวงชาญเชิงระนาด.......ขุนฉลาดฆ้องวง ขุนบรรจงทุ้มเลิศ............หมื่นประเจิดปี่เสนาะ หลวงไพเราะเสียงซอ......ขุนคลอขลุ่ยคล่อง หลวงว่องจะเข้รับ............หมื่นขับคำหวาน จากคุณ : กัมม์ - [ 20 ก.ย. 48 10:07:48 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เรียน คุณ กัมม์ ข้าพเจ้าได้ส่ง Mail ไปยังคุณเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โปรดตอบ Mail ด้วย จากคุณ : ขุนนางอยุธยา - [ 20 ก.ย. 48 12:33:31 A:203.156.73.116 X: TicketID:032642 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ทำยังไงดีล่ะเนี่ยลองดูนะครับ   ยังไงก็แจ้งผลกลับมาด้วยครับ ถาม(ปลีก)ว่า ข้อ ๑. ผมมีอะไรพิเศษ กับพระยาดำรงราชานุภาพหรือเปล่า เห็นตั้งกระทู้เกี่ยวกับกรมพระยาดำรงบ่อยจนผิดสังเกต ข้อ ๒. โปรดตอบด้วย ตอบ ข้อ ๑. เป็นลูกพระองค์ท่านครับ  เพราะผมอาจเอื้อมเรียกพระองค์ท่านว่า "พระบิดาแห่งประวัติศาสตร์ไทย" หมายจะสนองพระเดชพระคุณพระองค์ท่าน ที่ได้ทรงมอบความรู้ประวัติศาสตร์โบราณคดีให้ผมมากมาย ข้อ ๒. ตอบแล้วครับ  ไม่รู้จะสำเร็จหรือเปล่า แจ้งผลด้วยครับ จะได้รู้ว่าหายโง่หรือยัง  ขอบพระคุณครับ จากคุณ : กัมม์ - [ 20 ก.ย. 48 14:31:29 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เรียน คุณ กัมม์ 1 ข้าพเจ้ายังไม่ได้รับการตอบจดหมายจากคุณแต่อย่างใด 2 เป็นลูกจริงๆ หรือว่านิยมชมชอบ กรมพระยาดำรง จริงใคร่อยากจะเป็นลูก จากคุณ : ขุนนางอยุธยา - [ 20 ก.ย. 48 17:08:52 A:61.19.218.129 X: TicketID:032642 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เรียน ขุนนาง ๑. เห็นจะไม่ได้เรื่อง  โง่ยังไม่หาย  รอไว้ทางหลังไมค์ดีกว่าครับ ๒. เป็นอย่างหลังครับ เคารพบูชา   ขอแค่เป็นข้าในพระองค์ให้ทรงใช้ก็พอครับ (ขออภัยท่านอื่นนะครับ  ที่ใช้เนื้อเป็นการส่วนตัว) แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 48 17:57:42 จากคุณ : กัมม์ - [ 20 ก.ย. 48 17:30:40 ]

ความคิดเห็นที่ 21 การออกทัพจับศึกในสมัยโบราณ ที่ว่า ต้องคัดเอาทหารที่ช่วยเสริมเดช บารมี ของจอมทัพ  ข่มนามแม่ทัพศัตรู ได้เห็น คุณ natthaset ตอบใน # ๓  ก็เข้าใจแล้วว่าอย่างไร  ต้องเลือกดูนามข้างท้าย (อัชนาม นาคนาม มุสิกนาม) ขอบพระคุณครับ นอกจากนั้นพาหนะของจอมทัพก็ยังแบ่งตามวันอีก  เพื่อจุดประสงค์เดียวกัน เช่น ม้า วันเสาร์หมู่ดำ(คือม้าสีดำระวางไว้สำหรับทรงวันเสาร์) กาฬากิรี......................ตรีอันธการ สยามพรรณ.................อัญชันโชติ เกศาสิณี.....................ภุมรีรัตน กฤษณาภรณ์................วรวานิล นิลวรรณา....................นิลพาหุ ...วันนั้นเป็นวันเสาร์วาร  เจ้าพญากลาโหมสุริยวงศ์ใส่เสื้อดำกางเกงดำ ขี่ม้าดำ  ขุนนางและไพร่ตามมาเป็นอันมาก  ครั้นถึงหน้าพระกาล  จึงลงจากม้าตั้งสัตย์อธิษฐานว่า  ข้าพเจ้าปรารถนาพระโพธิญาณ  ถ้าจะเสร็จแก่พระพุทธสมบัติเป็นแท้จะยกเข้าไปล้างผู้อสัตย์ขอให้สำเร็จดังปรารถนา... แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 48 17:58:21 จากคุณ : กัมม์ - [ 20 ก.ย. 48 17:54:43 ]

ความคิดเห็นที่ 22 แล้วคำว่าประทวนตราตั้ง หรือข้าราชการชั้นประทวน คำว่าประทวนนี้หมายถึงอะไรครับ เป็นการจารึกอีกรูปแบบหนึ่งรึเปล่า? ถามต่อแบบนี้ จะโดนรำคาญไหมเอ่ย ไม่เป็นไรมิได้ครับ  และถึงแม้จะมิไดเป็นสมาชิกสยามสมาคม  แต่ผมก็ยังนิยมคำขวัญของสมาคมที่ว่า "วิชชา  ยังให้เกิดมิตรภาพ" ครับ เรื่องประทวนตราตั้งนี้  ต้องขอย้อนไปกล่าวถึงเรื่องดวงตราตำแหน่งในสมัยโบราณ  ซึ่งเสนาบดีจะถือตราสองดวง  ดวงหนึ่งเรียกว่าตราใหญ่  อีกดวงเรียกว่าตราน้อย  ตราใหญ่สำหรับใช้ประทับสารตราซึ่งก็คือใบบอกหรือหนังสือที่เสนาบดีอัญเชิญกระแสพระบรมราชโองการแจ้งออกไปยังหัวเมือง  ส่วนตราน้อยนั้นใช้ประทับท้องตรา ซึ่งคือใบบอกที่เสนาบดีสั่งราชการออกไปยังหัวเมืองด้วยตนเอง  ขนาดตราใหญ่และตราน้อยแต่เดิมมีขนากอย่างไรยังหาหลักฐานไม่พบ  มาพบเอาในสมัยรัชกาลที่ ๕ - ๖ ที่มีการกำหนดมาตรฐานเส้นผ่าศูนย์กลางตราใหญ่ไว้ที่ ๗ แ ๖ เซนติเมตรตามลำดับ  นอกจากนั้นยังมีตราพิเศษขนาด ๖.๕ เซนติเมตรสำหรับหน่วยงานที่ขึ้นตรงต่อองึพระมหากษัตริย์ เช่ยส่วนราชการในกรมมหาดเล็ก ขอย้อนมากล่าวถึงเรื่องการออกประทวนตราตั้ง  คือ พระมหากษัตริย์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาเสนาบดีออกคำสั่งตั้งบุคคลให้มียศและบรรดาศักดิ์ชั้นเสมียนพนักงานชั้นปฏิบัติงานซึ่งเป็นเจ้าพนักงานระดับล่าง  ที่ไม่มีตำแหน่งเฝ้าแหน  ในการออกประทวนตราตั้งนั้นอาจทำเป็นประกาศมีรายชื่อหลายๆ รายแล้วประทับตราตำแหน่ง  หรือทำเป็นใบๆ เป็นรายบุคคลเช่นเดียวกับสัญญาบัตรแล้วประทับตราตำแหน่งเสนาบดีก็ได้  แต่สัญญาบัตรที่พระราชทานแก่ราชการที่มีตำแหน่งเฝ้าแหนเป็นประจำนั้น  จะเป็นแผ่นกระดาษทรงลงพระปรมาภิไธยและประทับพระราชลัญจกร จากคุณ : V_Mee (V_Mee) - [ 20 ก.ย. 48 18:09:10 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ตัวอย่างสัญญาบัตร จากคุณ : V_Mee (V_Mee) - [ 20 ก.ย. 48 18:16:53 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณครับ คุณ V_Mee "วิชชา ยังให้เกิดมิตร"  ชอบมากครับ (พอดีนั่งพิมพ์อยู่ตอนที่คุณ V โพส  จึงต้องกลับเข้ามาเพิ่มเติมข้อความครับ) มีบรรดาศักดิ์อีกหลายตำแหน่ง  ที่ฟังชื่อแล้วไม่น่าเป็นเลย  แต่ข้าราชการพวกนี้เป็นประโยชน์สำหรับแผ่นดินมาก ประกาศเรื่อง ตั้งพันปากพล่อย มีพระบรมราชโองการดำรัสอ่อนๆออดๆว่า  ใครว่าในหลวงตั้งอ้ายกรุดปาราชิกเป็นพันปากพล่อย  เหมือนขุนหลวงตากตั้งพันสีพันลาดังนี้ ว่าไม่ถูกไม่เหมือนเลย  ใครอย่าเชื่อว่าคำนั้นถูกจริง  เรื่องที่ว่าตั้งพันสีพันลานั้น  คือขุนหลวงตากแต่งให้อ้าย ๒ คน  สืบว่ามีใครมั่งมีแล้วให้หาโจทย์ทนสาบาลได้ฟ้องเท็จๆ  ว่าเอาเข้าเอาเกลือแลสินค้าต้องห้ามลงสำเภา  แล้วพาโลปรับเอาเงินมากๆ  ใครรับชื่นตาปรับต่อเดียว  โจทย์สาบาลได้ยืนยันแลต้องผูกยกหนึ่งหรือหลายยก ปรับทวีคูณบ้าง ตรีคูณบ้าง จัตุคูณบ้าง  พันสีพันลาเป็นพันในราชการอื่น  ครั้นรับอาสาเที่ยวส่ความเท็จแก่คมั่งมี  ได้รับเบี้ยปรับมามากมีความชอบ  ขุนหลวงตากจึงให้เป็นขุนจิตรจูล พันลาเป็นขุนประมูลราชทรัพย์  ก็อ้ายกรุดนี้มันพูดไม่เกรงใจใครเหมือนบ้า  มันได้เห็นได้ยินอะไรก็พูดไม่มีประมาณ  ในหลวงจึงตั้งให้เป็นอ้ายพันปากพล่อยตามที่มันได้เป็นบ้านั้น  แลมันว่าอะไรในหลวงก็ไม่เอาเป็นจริงนัก เอาแต่ที่มีสลักสำคัญจริงๆ สำคัญๆเหมือนอ้ายกรุดว่า  มหาขำเป็นปาราชิกในหลวงก็ไม่เอา  ว่าพระประดิษฐ์นิเวศน์ทำอะไรพูดอะไรประหลาดๆก็ไม่เอา  ว่าใครหยาบช้าต่อในหลวงก็ไม่เอา  ว่าปลัดกรมเปรมดูถูกหม่อมเจ้าเกียรติคุณก็ไม่เอา  ว่าหลวงพัสดีพึ่งปล่อยเชิงลาคนคุก ที่มีบรรดาศักดิ์ก็ไม่เอา  อื่นๆอีกหลายเรื่องก็ไม่เอา..... (อีกเรื่องหนึ่งคัดจากสาส์นสมเด็จ  ลายพระหัตถ์สมเด็จฯกรมพระยา ลงวันที่ ๑๓ มรกาคม พ.ศ. ๒๔๘๐) ....ชื่อ ศรีทนนชัย นั้น  หม่อมฉันเคยได้ยินว่าเป็นชื่อ "ขุน" ในทำเนียบกรมธรรมการ  มาแปลงเป็นขุนศรีประชานนท์  ทูลกระหม่อมเลยทรงตั้ง "ขุนซุกซนสังฆาธิกรณ์"ต่อ  เพราะคนแรกได้เป็นที่นั้น (หม่อมฉันทันรู้ตัว) ชอบถวายฎีกาฟ้องพระ  ทำนองเดียวกับนายกรุดซึ่งทรงตั้งเป็น "พันปากพล่อย" เพราะชอบถวายฎีกาฟ้องข้าราชการ  แต่พิจารณาได้ความจริงดังฟ้องมาก  จึงทรงตั้งเป็นขุนและเป็นพัน  แต่ชื่อขุนซุกซนสังฆาธิกรณ์นั้นถึงสมัยเจ้าพระยาวิชิตวงศ์ เมื่อยังเป็นพระวุฒิการบดีว่ากรมธรรมการ(ก่อนตั้งเป็นกระทรวงธรรมการ)แปลงเป็น "ขุนพิสณฑ์สังฆธิกรณ์"  ตาคนที่เคยซุกซนนั้นเองได้เปลี่ยนชื่อเมื่อแก่ชรามากแล้ว...   เรื่องรับสั่งทรงตั้งข้าราชการนั้น เห็นได้ว่าไม่ใช่เรื่องล้อเล่น   เมื่อรับสั่งให้เป็นแล้วจะชอบชื่อหรือไม่ ก็ต้องเป็น แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 48 18:48:00 จากคุณ : กัมม์ - [ 20 ก.ย. 48 18:39:59 ]

ความคิดเห็นที่ 25 สัญญาบัตรนี่ก็คล้ายๆกับใบกำกับเครื่องราชฯเลยนะครับ จากคุณ : จะทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี.. (WeeN the Listener) - [ 20 ก.ย. 48 23:04:17 ]