ความคิดเห็นที่ 1 เดี๋ยวกลับบ้านไปเปิดดูให้นะครับ มีหนังสือที่สมเด็จพระพันวัสสา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้พิมพ์ จากคุณ : natthaset - [ 23 ก.ย. 48 19:31:46 ]

ความคิดเห็นที่ 2 2. สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ สมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าแผ่นดินสยาม ขอตั้งแต่งนามบุตรหญิงที่เกิดแต่เปี่ยม ในวัน 7 แรม 12 ค่ำ เดือน12 ปีวอก โทศกนั้นว่า พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ วรรคศรี อาทิอักษร วรรคบริวารและเดช เป็นอันตอักษร จงเจริญด้วยอายุ วรรณ สุข พล ปฏิภาณ โภคสมบัติ บริบูรณ์สรรพทั้งปวงทุกประการเทอญ ตั้งนามไว้ ณ วันที่1 ขึ้น4ค่ำ เดือน2 ปีวอก โทศก เป้นวันที่ 3504 ในรัชชกาลปัจจุบันนี้ อายุบิดานับได้ 20513 วันมาแล้ว คาถาพระราชทานพระนาม สุนนฺทากุมารีรตนาติ..........................เอวนฺนามา อยํ สุตา อโรคา สุขินี โหตุ..............................นิทุกฺขา นิรุปทฺทวา อทฺธา มหทฺธนา สา จ.........................มหาโภควตี สทา ยสสฺสินี อเวกลฺลา..............................ปริวารวตี ตถา พุทฺโธ ธมฺโม จ สํโฆ จ........................อโถ อารกฺขเทวตา นิจฺจํ นํ อภิรกฺขิโน.............................อนฺตรายวิมุตฺติยา ................................สิทฺธิ  อสฺตุ............................... คำแปลคาถานี้ ขอบุตรหญิงผู้มีนามว่า “สุนันทากุมารีรัตน์”นี้ จงเป็นผู้ไม่มี โรค มีความสุข นิราศทุกข์ไร้อุปัทวะ และเป็นผู้มั่งคั่ง มีโภคทรัพย์สมบัติมาก กอบด้วยอิสริยยศ บริวารยศ ไม่ขาดแคลนทุกเมื่อ ขอพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อีกทั้งอารักขเทวดา จงอภิบาลรักษาบุตรหญิงนั้น ให้พ้นอันตรายเป็นนิจ ขอจงสัมฤทธิ์ เทอญ จากคุณ : จะทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี.. (WeeN the Listener) - [ 23 ก.ย. 48 19:32:42 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ขอบพระคุณ มากๆครับคุณ natthaset ผู้ด้อยจะรอคำชี้แนะครับ จากคุณ : จะทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี.. (WeeN the Listener) - [ 23 ก.ย. 48 19:34:09 ]

ความคิดเห็นที่ 4 3. สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า สมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าแผ่นดินสยาม ผู้พระบิดา ขอตั้งนามกรแก่บุตรี ที่ประสูติแต่เปี่ยมผู้มารดา ในวัน 4 แรม 2 ค่ำ เดือน10 ปีจอ จัตวาศก ศักราช 1224 นั้นว่า พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าสว่างวัฒนา วรรคมูลคู่ธาตุ เป็นอาทิอักษร วรรคอายุเป็นอันตอักษร ขอจงให้เจริญชนมายุ พิบุลยผลทุกประการเทอญ ตั้งนามมาวันที่ 4 แรม7ค่ำ เดือน 11  ปัจอจัตวาศก ศักราช 1224 เป็นปีที่12 ฤา เป็นวันที่ 4173 ในรัชชกาลปัจจุบันนี้ คาถาพระราชทานพระนาม สฺวางฺวฑฺฒนาติ นามํ.........................ยสฺสาเยว กตํ อิธ สา โหตุ สุขินี ปุตฺตี...........................อโรคา นิรุปทฺทวา อทฺธา มหทฺธนา จาปี.........................โภคินี จ ยสสฺสินี จิรฏฺฐายินี วํสมฺหิ..............................เสฏฺฐุตฺตรา หิ เปติเก คำแปลคาถา นาม “สว่างวัฒนา” เราตั้งให้แก่บุตรีใดในที่นี้ ขอบุตรีนั้น จงเป็นผู้มีความสุข หาโรคมิได้ ไร้อุปัทวะ จงเป็นผู้มั่งคั่ง มีโภคทรัพย์มาก และมีอิสรินยศอยู่ยั่งยืน เป็นบุตรีประเสริฐยิ่งในวงศ์ของบิดา เทอญ จากคุณ : จะทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี.. (WeeN the Listener) - [ 23 ก.ย. 48 19:52:47 ]

ความคิดเห็นที่ 5 4. สมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ ศุภมัสดุ สมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้ากรุงสยาม ผู้พระบิดา ขอตั้งนามบุตรหญิง ซึ่งประสูติแต่เปี่ยมเป็นมารดา ในวัน 6 แรม 7 ค่ำ เดือน1 ปีกุน เบญจศก ว่าดังนี้ พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าเสาวภาผ่องศรี วรรคบริวารนามเดิมเป็นอาทิและอันตอักษร ขอพรคุณพระรัตนตรัย และพรเทวดารักษาพระนครและพระราชวัง จงได้โปรดให้ให้เจริญชนมายุ พรรณ สุข พล ปฏิภาณ สิริสารสมบัติ ศรีสวัสดิพัฒนมงคล ศุภพิบูลยผลทุกประการเทอญ ตั้งนามมาวันที่ 3 แรม10ค่ำ เดือน 2  ปีกุนเบญจศก เป็นวันที่ 5647 ในรัชชกาลปัจจุบันนี้ คาถาพระราชทานพระนาม โสภา สุทฺธสิรีมตี...........................อิติ นาเมน วิสฺสุตา โหตุ มยฺหํ อยํ ธีตา.........................ปิยมาย สุปุตฺติกา สุขินี จ อโรคา จ...........................โหตุ เสฏฺฐา ยสสฺสินี สพฺพทาเยว นิทฺโทสา.....................อปฺปสยฺหาว เกนจิ อทฺทา มหทฺธนา โภค-....................วตี พหูหิ เนญฺชิตา ปิตุโน มาตุยา จาปิ........................สพฺพทา รกฺขตํ ยสํ สุหิตา โหตุ ภาตูนํ........................ภคินีนญฺจ สาธุกํ พุทฺธาทิวตฺถฺวานุภาโว....................สทา ตํ อภิรกฺขตุ คำแปลคาถา ขอธิดาของเรา ซึ่งเป็นบุตรีงามของเปี่ยมนี้ จงปรากฏโดยนามว่า “เสาวภาผ่องศรี” เถิด ขอธิดาผู้นี้ จงมีความสุขปราศจากโรค เป็นใหญ่ มีอิสริยยศ ปราสจากความผิด ใครๆข่มมิได้ ในกาลทั้งปวงทีเดียว จงเป็นผู้มั่งคั่งมีโภคทรัพย์มาก อันคนหมู่มากให้หวั่นไหวมิได้ รักษาเกียรติยศของบิดามารดาไว้ตลอดไป และจงเป็นผู้เกื้อกูลแก่พี่น้อง ชายหญิงด้วยดี ขออานุภาพพระผู้เป็นที่พึ่งมีพระพุทธเจ้าเป็นต้น ได้โปรดอภิบาลรักษาธิดานั้นทุกเมื่อเทอญ จากคุณ : จะทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี.. (WeeN the Listener) - [ 23 ก.ย. 48 20:54:12 ]

ความคิดเห็นที่ 6 5. คาถาพระราชทานนาม สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส จากพระหัตถเลขาอักษรอริยกะ ...................................................................... เอวํนาโม อยํ โหตุ...........................มนุสฺสนาคมานโว อิจฺเจว วิสฺสุโต โหตุ..........................อสฺมึ ราชกุเลว โร สุขี อยํ โหตุ สทา อโรโค มหานุภาโว นิรุปทฺทโว จ อทฺโธ มหตฺถี ธนวา ยสสํสี โหตุ ปติฏฺฐา สกญาตกานํ สทา สมตฺโถว อตนฺทิโต จ ทีฆายุโก โหตุ จิรัญฺจ ชีวี สมฺมา สกํ รกฺขตุ มาตรมฺยํ สุทธํ สทา เกนปิ อปฺปสยฺหํ วํสํ ฐเปตุ ปิตุโน สกสฺส สิทฺธิ อสฺตุ คำแปลคาถา กุมารนี้จงมีนามว่า “มนุษยนาคมานพ” ดังนี้เถิด ขอกุมารผู้ปรากฏดดยนามอย่างนี้ จงเป็นผู้ประเสริฐในราชตระกูลนี้ จงมีความสุขไม่มีโรค มีอานุภาพใหญ่ไร้อุปัทวะ และเป็นผู้มั่งคั่ง ได้ผลประโยชน์มาก มีทรัพย์ มีอิสริยยศ ทุกเมื่อ อนึ่งขอกุมารนี้จงเป็นผู้ไม่เกียจคร้าน สามารถเป็นที่พึ่งแห่งหมู่ญาติของตนได้ จงมีอายุยืนอยู่นาน รักษามารดาของตนไว้จงดี ให้ปราศจากราคี อย่าให้ใครข่มได้ เพื่อดำรงวงศ์ตระกูลบิดาตนไว้.....ขอจงสัมฤทธิ์เทอญ จากคุณ : จะทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี.. (WeeN the Listener) - [ 23 ก.ย. 48 21:05:01 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เดี๋ยวว่างๆมาต่อนะครับ จากคุณ : จะทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี.. (WeeN the Listener) - [ 23 ก.ย. 48 21:07:30 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ผมอึ้งกับเนื้อความ ในคาถาพระราชทานพร สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญานวโรรส (พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ)ว่า "อย่าให้ใครข่มได้ เพื่อดำรงวงศ์ตระกูลบิดาตนไว้" เหมือนทรงรู้ล่วงหน้าว่า พอเจ้านายพระองค์นี้เจริญวัยวุฒิขึ้น สมเด็จเจ้าพระยาองค์นั้น ก็ได้กระทำการ โดยอาจจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ คือ นำเท้าเขี่ยโดนพระเศียร พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์นี้ แล้วพูดเพียงว่า "ขอโทษ ไม่ทันเห็น" จากคุณ : natthaset - [ 23 ก.ย. 48 22:40:48 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอคัดความในหนังสือ "ความทรงจำ" สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ   มาลงไว้ เพื่อจะได้สังเกตบางอย่างในพระราชนิพนธ์ เพิ่มความสนุกยิ่งขึ้นนะครับ "....คาถาที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชนิพนธ์พระราชทานพระเจ้าลูกเธอนั้น  ประทานพรบางอย่างเหมือนกันทุกพระองค์  แต่มีบางอย่างแปลกๆกัน   สมเด็จกรมพระยาเทววงศวโรปาการได้ทรงพยายามรวบรวมคาถาพระราชทานพรแปลเป็นภาษาไทย  ตรัสว่าทรงพิจารณาดูพรที่พระราชทานแปลกกันนั้น  มักจะได้ดังพระราชทาน  พรที่ตัวฉันได้พระราชทานจะได้จริงเพียงไรแล้วแต่ผู้อื่นที่รู้จักจะพิจารณา แต่ลูกของฉันเองเพิ่งได้อ่านหนังสือประชุมคาถาพระราชทานพร  เมื่อกรมหมื่นราชศักดิ์สโมสรโปรดให้พิมพ์แจกเป็นของชำร่วยในงานฉลองพระชนมายุเสมอพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๒  อ่านแล้วพูดกันว่า "พรที่ทูลกระหม่อมปู่พระราชทานเสด็จพ่อ ไม่เห็นว่าให้มั่งมี"  เป็นทำนองว่าเพราะฉันไม่ได้พระราชทานพรข้อนี้จึงไม่รู้จักมั่งมี  ตามความเข้าใจของคนทั้งหลายในปัจจุบันนี้ ดูเหมือนจะหมายความว่าต้องมีเงินนับด้วยแสนจึงมั่งมี...." กำลังหาคาถาพระราชนิพนธ์ฉบับนี้อยู่พอดี  จบแล้วขออนุญาต save นะครับ จากคุณ : กัมม์ - [ 23 ก.ย. 48 23:56:14 ]

ความคิดเห็นที่ 10 6. สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ สมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้ากรุงสยาม ผู้พระบิดาขอตั้งแต่งนามบุตรชาย ที่ประสูติจากหญิงแฉ่พรรณราย ผู้มารดา ในวัน 3 ขึ้น 11 ค่ำ เดือน6 ปีกุนเบญจศกนั้นว่า พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าจิตรเจริญ สิงหนาม  ขอจงมีความเจริญชนมายุ พรรณ สุข พล ปฏิภาณ ศุภสารสมบัติ สุวรรณหิรัญรัตนยศบริวารศฤงคารศักดานุภาพ ตระบะเดชพิเศษคุณสุนทรศรีสวัสดิ พิพัฒนมงคลพิบุลยผล ทุกประการเทอญ ตั้งนามมา ณ วันที่6 แรม11 ค่ำ เดือน7 ปีกุนเบญจศก เป็นปีที่13 ฤาวันที่ 4412ในรัชชกาลปัจจุบันนี้ คาถาพระราชทานพระนาม อยํ จิตฺตจรญฺโญติ...........................ลทฺธนาโม กุมารโก อโรโค สุขิโต โหตุ..........................ทีฆายุโก สยํวสี อทฺโธ มหทฺธโน โภคี......................ยสสฺสี ปริวารวา เตชวา ถามสมฺปนฺโน.......................พหุชนปิโยปิ จ สกฺกโต ครุกโต จ............................มานิโต จ พหูหิปิ ตโต ปจฺจตฺถิเก สพฺเพ......................ชินาตุ อปราชิโต คำแปลคาถา ขอกุมารผู้ได้นามว่า “จิตร์เจริญ” นี้จงเป็นผู้หาโรคมิได้ ถึงซึ่งความสุข อายุยืน มีอำนาจในตน มั่งคั่งมีโภคทรัพย์มาก กอบด้วยอิสริยยศ บริวารยศ มีเดชานุภาพ ถึงพร้อมด้วยกำลัง อีกทั้งเป็นที่รักของคนหมู่มาก เป็นผู้อันชนหมุ่มากสักการะเคารพนับถือ แต่นั้นจงเป็นผู้ไม่พ่ายแพ้ มีแต่ชำนะศัตรูทั้งปวง เทอญ .............................................................. ยินดีเป็นอย่างยิ่งครับคุณกัมม์ แต่เสียดาย เอกสารที่อยู่กับผมนั้นไม่สมบูรณ์เสียแล้ว มีแค่9พระนามเท่านั้นครับ นอกนั้นกรอบดำเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปหมดแล้ว ถ้าผู้รู้ท่านใดมีเพิ่มเติมจากนี้ก็กรุณาเพิ่มเติมเป็นวิทยาทานแก่ผู้ด้อย ก็จะเป็นพระคุณยิ่งครับ จากคุณ : จะทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี.. (WeeN the Listener) - [ 24 ก.ย. 48 01:19:18 ]

ความคิดเห็นที่ 11 7. สมเด็จกรมพระสวัสดิ์วัตนวิศิษฎ์ คาถาพระราชทานนาม สุวตฺถิโสภณนาโมยํ........................โหตุ มยฺหํ กุมารโก อุเทตฺวายํ มม ปุตฺโต.......................ชาโต ปิยมาย มาตุยา เอโส ทีฆายุโก โหตุ........................นิทฺทุกฺโข นิรุปทฺทโว อทฺโธ มหทฺธโน โภคี .....................สุขี เสรี สยํวสี พุทฺโธ ธมฺโม สงฺโฆ จ......................อิจฺเจตํ รตนตฺตยํ เทวาทิรฏฺฐปาลา จ..........................อภิปาเลนฺตุ นํ สทา ยถา โส เตชวา อสฺส........................มหาถาโม มหิทฺธิโก ปญฺญวา อตฺถเฉโก จ.......................กุลํ รกฺเขถ สาธุกํ คำแปลคาถา กุมารของเราผู้นี้จงมีนามว่า “สวัสดิโสภณ” ขอกุมารบุตรของเราซึ่งเกิดแต่เปี่ยมเป็นมารดานี้ จงเจริญขึ้น มีอายุยืน นิราศอุปัทวทุกข์ มั่งคั่ง มีโภคทรัพย์มาก มีความสุข มีเสรีมีอำนาจในตน ขอพระรัตนตรัย คือ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ และภูติผู้รักษาบ้านเมืองมีเทพยดาเป้นต้น โปรดอภิบาลกุมารนั้น ให้เป็นผู้มีเดช  มีกำลังฤทธานุภาพมาก มีปัญญาฉลาดในอรรถคดี รักษาตระกูลไว้ได้ด้วยดีทุกเมื่อเทอญ จากคุณ : จะทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี.. (WeeN the Listener) - [ 24 ก.ย. 48 01:20:11 ]

ความคิดเห็นที่ 12 8. สมเด็จ ฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ สมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าแผ่นดินสยาม ผู้บิดาขอตั้งนามกุมารบุตร ที่เกิดแต่ชุ่มเล็กเป็นมารดานั้น และซึ่งคลอดในวัน 7 ขึ้น 9 ค่ำ เดือน7ปีจอจัตวาศกนั้น ว่าดังนี้ พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร นาคนาม  ขอจงเจริญชนมายุ วรรณ สุข พล ปฏิภาณ สรรพสิริสวัสดิ พิพัฒนมงคล ทุกประการ สิ้นกาลนานต่อไป เทอญ ตั้งนามมา  วันที่5 ขึ้น5 ค่ำ เดือน9 ปีจอจัตวาศก เป็นปีที่12 เป็นวันที่ 6096ในรัชชกาลปัจจุบันนี้ คาถาพระราชทานพระนาม สุขี อยํ โหตุ สทา กุมาโร นาเมน โย ติสฺสวโร กุมาโร อายุญฺจ วณฺณญฺจ สุขพฺพลญฺจ ติกฺขญฺจ ปญฺญํ ปฏิภาณภูตํ ลทฺธา ยสสฺสี สุชโน มหิทฺธี ปโหตุ สพฺพตฺถ จิรํ สุชีวี กุลญฺจ รกฺเขถ สมาจรญฺจ สพฺเพหิ สตฺตูหิ ชยํ ลเภถ สุขี ทีฆายุโก โหตุ...................ปุตฺโต ติสฺสวรวฺหโย กุมาโร ชุมปุตฺโตยํ..................อิทฺธิมา โหตุ สพฺพทา พุทฺโธ ธมฺโม จ สงฺโฆ จ...........อิจฺเจตํ รตนตฺตยํ ตสฺสาปิ สรณํ โหตุ..................สมฺมา รกฺขตุ นํ สทา คำแปลคาถา ขอกุมารผู้มีนามว่า “ดิศวรกุมาร” นี้จงเป็นผู้มีความสุขทุกเมื่อ ได้อายุ วรรณ สุข พละ และความมีปฏิภาณปัญญาอันแกล้วกล้า มีอิสริยยศ เป็นคนดีมีฤทธิมากทุกสถาน พึงดำรงชีพอยุ่ยืนนานด้วยดี รักษาตระกูล และขนบธรรมเนียมอันดีของตระกูลไว้ ได้ชัยชนะศัตรูทั้งปวง ขอบุตรผู้มีนามว่าดิสวรกุมาร ซึ่งเป็นบุตรที่เกิดแต่ชุ่มนี้ จงเป็นผู้มีความสุข อายุยืน มีฤทธานุภาพในกาลทั้งปวง ขอพระรัตนตรัย คือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ได้โปรดเป็นที่พึ่งของกุมารนั้น รักษากุมารนั้นไว้ด้วยดี เทอญ จากคุณ : จะทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี.. (WeeN the Listener) - [ 24 ก.ย. 48 01:20:37 ]

ความคิดเห็นที่ 13 9. กรมหลวงอดิศรอุดมเดช พระราชทานพระนามว่า พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าสุขสวัสดี อัชนาม จงมีตวามวัฒนาการ ด้วยชนมายุ วรรณ สุข พล ปฏิภาณ สมบัติสมบูรณ์ทุกประการ เทอญ คาถาพระราชทานนาม สุขโสตฺถิกุมาโรยํ......................สพฺพทา สุขวฑฺฒโน ชาตกาลาว ปฎฺฐาย...................ราชลาภปฺปวฑฺฒโน ทีฆายุโก สุขี โหตุ.....................อโรโค วุฑฺฒิวฑฺฒโน อนนฺตราโย ชินาตุ....................สพฺเพปิ สตฺตโว สทา เปติกํ มาติกญฺจาปิ....................ลภตํ วิภวํ สุขํ มา โหตฺวสฺส โกจิเทว.................อนฺตราโย กทาจิปิ สกลสฺสาปิ โลกสสฺ.....................ปมาณํ รกฺขตํว นํ คำแปลคาถา กุมารชื่อ “สุขสวัสดี” นี้จงเป็นผู้เจริญสุขทุกเมื่อ ตั้งแต่เกิดไปทีเดียว จงร่ำรวยด้วยราชลาภ อายุยืน อยู่สบายไม่มีโรค เพิ่มพูนวุฒิยิ่งขึ้น ไม่มีอะไรขัดข้อง จงชนะศัตรูทั้งปวงตลอดไป จงได้รับสมบัติทั้งของฝ่ายบิดาและของฝ่ายมารดาโดยสะดวก อันตรายอะไรๆ อย่าได้มีแก่กุมารนี้ไม่ว่าในกาลไหนๆ ขอสิ่งที่เป็นประมาณแห่งสกลโลก จงช่วยรักษากุมารนี้ด้วยเทอญ จากคุณ : จะทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี.. (WeeN the Listener) - [ 24 ก.ย. 48 01:21:02 ]

ความคิดเห็นที่ 14 10. กรมหมื่นทิวากรวงศ์ประวัติ คาถาพระราชทานนาม สุขี โหตุ กุมาโรยํ.....................ธาเรนฺโต อวฺหยํ อิทํ เขมสฺสิริสุภโยโค......................อิติ ทินฺนํ สุนามโต อทฺโธ มหทฺธโน โหตุ................มหาโภโค สุวฑฺฒโน ทีฆายุโก อโรโค จ...................ยสสฺสี ปริวารวา ชินาตุ อานุภาเวน....................สพฺเพ ปจฺจตฺถิเก สทา อสโยหฺ สพฺพสตฺตูหิ..................มหิทฺธิโก สุโรปิ จ ยํ ยํ อิจฺฉิตํ ปิตรา.....................สพฺพํ อสฺมึ สมิชฺฌตุ ยถา โส สมฺมา รกฺเขยฺย.............สกสฺส ปิตุโน ยสํ คำแปลคาถา ขอกุมารผู้ทรงนามอันเราผู้บิดาตั้งให้อย่างดีว่า “เกษมศรีสุภโยค”นี้ จงเป็นผู้มีความสุขมั่งคั่งเจริญรุ่งเรืองมีทรัพย์สมบัติมาก อายุยืน หาโรคมิได้ มีอิสริยยศ บริวารยศ มีอานุภาพปราบศัตรูทั้งปวงได้ทุกเมื่อ เป็นผู้เก่งกล้า ศัตรูทั้งปวงไม่อาจข่มได้ สิ่งใดๆที่บิดาปรารถนา ขอสิ่งๆนั้นจงสำเร็จในกุมารผู้นี้ทุกประการ ให้กุมารนั้นสามารถรักษาเกียรติยศของบิดาตนไว้อย่างดี เทอญ จากคุณ : จะทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี.. (WeeN the Listener) - [ 24 ก.ย. 48 01:21:30 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เอกสารที่ผู้ด้อยมีอยู่ที่พอจะพิมพ์ออกมาได้ก็มีเท่านี้ครับ เนื่องจากเอกสารอยู่ในลัง ในห้องเก็บของอีกที คุณตาผมท่านจะชั่งโลขายแล้วด้วยซ้ำ ดีที่ผมบังเอิญไปเปิดดูซะก่อน ได้หนังสือดีๆเก่าๆมาสามสี่เล่มครับ แล้วจะเอามาโพสอวดในโอกาสต่อไป แต่ถ้าท่านใดมีเอกสารชุดนี้ต่อเพิ่มเติมก็ช่วยกันเอามาลงนะครับ จะเป็นพระคุณยิ่ง จากคุณ : จะทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี.. (WeeN the Listener) - [ 24 ก.ย. 48 01:25:49 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณคุณ WeeN the Listener อย่างยิ่งค่ะ จากคุณ : ศุขสวัสดิ์ (sukh) - [ 24 ก.ย. 48 02:24:17 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขออนุญาตถามครับ คำว่า ดิศวรกุมาร นี้ นิยมอ่านว่า ดิด-วอ-ระ-กุ-มาน หรือ ดิด-สะ-วอน-กุ-มาน ครับ จากคุณ : ผู้น้อย - [ วันมหิดล 08:31:50 A:61.90.10.51 X: ]

ความคิดเห็นที่ 18 ตอบคำถามของความเห็นที่17 ด่วนเลยครับ อยากรู้มากเหมือนกัน แต่น่าจะเป็น ดิด-วอ-ระ-กุ-มาร หรือเปล่า จากคุณ : ..... - [ 24 ก.ย. 48 10:14:56 A:61.91.139.56 X: TicketID:107769 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เอ๊ะ..หรือว่า ดิด-สะ-วอ-ระ-กุ-มาน (คือมี สะ ตรง ดิศ ด้วย มี ระ ตรง วร ด้วย) ชักจะไปกันใหญ่แล้วอ่ะน่ะ คิ ๆ จากคุณ : ผู้น้อย - [ วันมหิดล 10:38:42 A:61.90.10.51 X: ]

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณ   คุณWeeN the Listener  ค่ะ จากคุณ : ธารกำนัล - [ 24 ก.ย. 48 11:46:03 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ดิด-สวน-กุ-มาน ครับ (แก้กลับเป็นเหมือนเดิม อีกรอบ ผมก็คุ้นๆอยู่ว่า "ดิด") แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 48 01:17:25 แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 48 19:50:18 จากคุณ : natthaset - [ 24 ก.ย. 48 13:04:15 ]

ความคิดเห็นที่ 22 จริงเหรอครับ แปลกดีนะครับ ดิด-สวน-กุ-มาน งั้นขอบคุณมากนะครับ คุณณัฐ จากคุณ : ผู้น้อย - [ วันมหิดล 16:22:04 A:61.90.10.51 X: ]

ความคิดเห็นที่ 23 ผู้ด้อยขออนุญาตแสดงความคิดเห็นครับ ............................................................ ขึ้นอยู่กับว่าอ่านแบบไทยหรืออ่านแบบสันสฤตนะครับ ดิศวรกุมาร ถ้าอ่านแบบไทย ก็น่าจะอ่านว่า ดิ-สวน-กุ-มารนะครับเช่น คำว่า พระพิฆเนศวร อ่านว่า พระ-พิก-คะ-เน-สวน คำว่า พระหริเกศวร อ่านว่า พระ-หะ-หริ-เก-สวน แต่ถ้าอ่านแบบสันสกฤต ต้องรัวลิ้นตรงคำว่า"ศวร" ให้เสียงขึ้นจมูก เป็นเสียงว่า "สะ-วะ-ระ" แต่รัวเร็วมากเป็นกึ่งเสียงไม่ใช่ สะ----วะ----ระ เต็มๆเสียงนะครับ (ลองรัวดูสิครับ) เช่นพระพิฆเนศวร อ่านว่า พระ-พิก-คะ-เน-สะ-วะ-ระ พระหริเกศวร อ่านว่า พระ-หะ-ริ-เก-สะ-วะ-ระ เช่นนั้นถ้าอ่านแบบนี้ คำว่าดิศวรกุมาร ก็น่าจะอ่านว่า ดิ-สะ-วะ-ระ-กุ-มาน ........................................................... เป็นความเห็นของผู้ด้อย ถ้าผิดพลาดประการใด ใคร่ผู้รู้ชี้แนะด้วยจะเป็นพระคุณครับ จากคุณ : จะทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี.. (WeeN the Listener) - [ 24 ก.ย. 48 18:22:28 ]

ความคิดเห็นที่ 24 จาก "ความทรงจำ" ".....ฉันได้พระราชทานชื่อว่า "พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร"  คนทั้งหลายเรียกกันว่า "พระองค์ดิศ" มาจนได้รับกรมในรัชกาลที่  ๕  นาม "ดิศ" ที่พระราชทานเป็นชื่อของฉันนั้นในทางพระศาสนาถือว่ามีสิริมงคล  ด้วยเป็นพระนามพระพุทธเจ้าก็มี เป็นพระนามของพระเจ้าแผ่นดินซึ่งทรงพระเกียรติในการอุปถัมภกพระพุทธศาสนาก็มี  แต่ตามคำของท่านผู้ใหญ่ในวงศ์ญาติซึ่งรับราชการอยู่ใกล้ชิดพระองค์สมัยนั้น  ท่านว่าพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเอานามคุณตา(ท่านชื่อ "ดิศ" เป็นพระยาบำเรอภักดีอยู่ในเวลานั้น)มาพระราชทาน....." http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/K3569691/K3569691.html จากความข้างบนนี้ชัดเจนว่าต้องออกเสียงว่า พระองค์เจ้า "ดิด-สวน-กุ-มาน"   (พระองค์ "ดิศ") จากคุณ : กัมม์ - [ 25 ก.ย. 48 12:23:38 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบพระคุณครับ  ขออนุญาต save ไว้นะครับ จากคุณ : กัมม์ - [ 25 ก.ย. 48 12:26:45 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ตกลงผมถูกแล้วใช่ไหมครับ คุณกัมม์ จากคุณ : natthaset - [ 26 ก.ย. 48 01:16:23 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ผู้ด้อยขออนุญาตแสดงความเห็นครับ ............................................................. เอ่อ ... เรียนคุณ natthaset ครับ ขออนุญาตยกเอาตัวอย่างเดิมนะครับ เช่น พระพิฆเนศวร อ่านว่า พระ-พิก-คะ-เน-สวน แต่ คำว่า พระพิฆเนศ อ่านว่า พระ-พิก-คะ-เนด ถ้าใช้หลักเดียวกันเช่นนั้น การเอ่ยพระนามโดยลำลองว่า พระองค์ดิศ ย่อมต้องอ่านว่า พระ-อง-ดิศ ถูกต้องแล้ว แต่คำว่า ดิศวรกุมาร ก็น่าจะอ่านว่า ดิ-สวน-กุ-มาน นี่ครับ เอ.......นี่สงสัยจริงๆนะครับ ไม่ใช่ดื้อ ใครพอจะฟันธงได้บ้างครับ ............................................................... คุณ natthaset ครับ เห็นในคห.ที่1 คุณบอกว่ามีหนังสือที่สมเด็จพระพันวัสสา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้พิมพ์ อยู่ไม่ทราบว่ามีเพิ่มเติมจากที่ผมได้ลงไว้ไหมครับ เกี่ยวกับพระคาถาพระราชทานพระนามนี้ ผมก็อยากได้เพิ่มมากว่านี้เช่นกันครับ รบกวนด้วยครับผม ขอบพระคุณมากครับ ^___^ ปล. เห็นเรียกผมว่า คุณจะทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี..  คุณธารกำนัลก็เรียกผมว่าคุณWeeN the Listener เอ่อ มันยาว แล้วก็ฟังดูแปลกๆ ถ้าไม่รังเกียจ ผมชื่อวีนครับ เรียกนายวีนหรือวีนเฉยๆก็ได้นะครับ ขอบพระคุณครับ^__^ แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 48 07:47:38 จากคุณ : จะทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี.. (WeeN the Listener) - [ 26 ก.ย. 48 07:46:02 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ครับ  น่าจะใช่   คุณ natthaset (ขอเป็นกลางๆไว้ก่อน) ในกาถาพระราชทาน  ก็จารึกว่า "นาเมน โย ติสฺสวโร  กุมาโร"   แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 48 21:57:54 แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 48 21:56:46 จากคุณ : กัมม์ - [ 26 ก.ย. 48 21:47:37 ]

ความคิดเห็นที่ 29 (ขออภัยนะครับเป็นเพียงความเห็นส่วนตัวเท่านั้นนะครับ) ผมคิดว่าไม่น่าจะอ่านว่า ดิด-สวน-กุ-มาน ข้อสังเกตคือ ภาษาบาลีสันสกฤตที่ไทยเรานิยมออกเสียงว่า สวน นั้นไม่ค่อยเห็นศัพท์ที่มาจาก วร (หากท่านใดพบกรุณาตอบให้ด้วยนะครับ) คือมีตัวอย่างดังนี้ นร+อิสฺสร แล้วแปลงสระอิ เป็นสระเอ ตามหลักภาษาสำเร็จรูปเป็น นเรศวร (นะ-เร-สวน หรือ น-เรด) ศวร ตัวนี้หาได้มาจาก วร ศัพท์ไม่ คนละตัวกับ ดิศวร อย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นพระนามนี้ไม่น่าจะอ่านว่า ดิด-สวน ได้เนื่องจากคนละศัพท์ (ดิศ+วร = ดิศวร) จึงน่าจะอ่านว่า ดิด-สะ-วอน นะครับ ยิ่งดูจากคาถาประพันธ์ภาคบาลีแล้วยิ่งน่าจะเป็น ดิศ-วร แน่เพราะประกอบเป็นศัพท์เดียวกันด้วย สรุปแล้วผมเห็นว่า ดิศวรกุมาร น่าจะอ่านตามหลักภาษาว่า ดิด-สะ-วอน-กุ-มาน หรือ ดิด-สะ-วอ-ระ-กุ-มาน นะครับ ส่วนตัวพระองค์และคนสมัยนั้นขนานอย่างไร อันนี้ไม่อาจทราบแน่ชัดได้ ต้องให้ท่านที่เกิดทัน ไขความให้จึงจะสรุปตายตัวได้แน่นอน... จากคุณ : ขออนุญาตแจม - [ 27 ก.ย. 48 10:32:00 A:61.90.10.39 X: ]

ความคิดเห็นที่ 30 เป็นความรู้ที่หาได้ยากมากนะครับ ขอบคุณทุกๆท่านเลย เคยอ่านพระราชนิพนธ์ ร. 5 ว่าด้วยรายพระนาม พระราชโอรสธิดา ใน ร.4 ทรงผูกเป็นโคลงสี่สุภาพไพเราะมาก ขอความกรุณาอีกอย่างครับ คืออยากให้ช่วยนำเสนออะครับ จากคุณ : จำปูน - [ 27 ก.ย. 48 13:22:16 A:203.144.198.246 X: TicketID:033075 ]

ความคิดเห็นที่ 31 กระทู้ เยี่ยมครับ ขอเก็บไว้เป็นคลังกระทู้เก่า นะครับ มีประโยชน์ หลายครับ จากคุณ : karoon_t - [ 27 ก.ย. 48 14:49:23 ]

ความคิดเห็นที่ 32 อิบ...ขึ้นก่อนแล้วกันนะครับ ท่านจำปูน พระราชนิพนธ์ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว .....โอรสบรมนารถเจ้า...............จอมประยูร ปรเมนทรนเรนทรสูรย์................สืบเชื้อ ขัติยราชวางกูร.........................เก็บรวบ รวมแฮ ไว้เพื่อประโยชน์เกื้อ..................แก่ผู้เพียรจำ ฯ .....นามสุริยนาถหน่อไท้.............ปฎิสนธิ์ พระปิ่นภูธราดล........................แต่งตั้ง เอารสสุรโศภณ.........................เจริญยิ่ง ยศแฮ เจ้าร่วมปิตุราชทั้ง......................เผ่าเชื้อชายหญิง ฯ .....นภวงศองค์ใหญ่ต้น.............จำนวน หนึ่งแฮ กรมหมื่นมเหศวร.......................ศักดิ์ได้ สุประดิษฐ์วิศิษฐ์ควร.................ยศยิ่ง กรมวิษณุนารถไท้.....................ธิราชตั้งนามกร ฯ .....ที่สามศุภลักษณ์ล้ำ...............ธิดา ท่านนา นามยิ่งเยาวลักษณา.................เรศนั้น อีกทักษิณาวัฏกุมา....................รีที่ สี่แฮ สุดสิ้นพระชนม์สั้น......................แต่เบื้องยังเยาว์ ฯ แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 48 17:17:19 แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 48 17:15:00 จากคุณ : กัมม์ - [ 27 ก.ย. 48 17:12:44 ]

ความคิดเห็นที่ 33 เดี๋ยวขอหาก่อนครับ ไม่รุ้อะไรเต็มห้องไปหมด จากคุณ : natthaset - [ 27 ก.ย. 48 22:12:41 ]

ความคิดเห็นที่ 34 รอสัก หน่อยนะครับ หากมีโอกาสจะถามท่านผู้เป็นทายาทให้ จากคุณ : natthaset - [ 27 ก.ย. 48 22:22:36 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ล่วงหน้าไปก่อนอีก ๔ บทนะครับคุณ natthaset .....สมเด็จเจ้าฟ้าราช.................เอารส โสมนัศ นามปรากฏ.................เกียรติก้อง สุดสิ้นพระชนม์ปลด...................แต่ประ สูติแฮ อีก ทักษิณชา พร้อง................เพรียกรู้เรียงนาม ฯ .....ที่เจ็ดที่แปดนั้น....................บุตรี ท่านนา หนึ่ง โสมาวดี........................เลิศล้ำ หญิง ยังบได้มี..........................นามอีก องค์นา เพราะสูติวารซ้ำ........................สุดสิ้นชัณษา ฯ .....สมเด็จเจ้าฟ้าลูก..................ภูธร นาม จุฬาลงกรณ์....................ที่เก้า กรมขุนมิ่งมหิศร........................สรรเศก ให้นา พินิจประชานาถเจ้า....................แผ่นหล้าประทานพร ฯ .....พระองค์หญิงที่สิบนั้น............นาม ศรี อีก พัฒนา บุตรี........................ต่อสร้อย ชาย เศวตวรลาภ มี.................ที่สิบ เอ็ดเฮย สิ้นพระชนม์แต่น้อย...................บยั้งยืนนาน ฯ จากคุณ : กัมม์ - [ 27 ก.ย. 48 23:23:00 ]

ความคิดเห็นที่ 36 (ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับต้องกลับเข้ามา เพิ่งแว่บขึ้น) อ้า...ท่านจำปูนบอกใบ้บอกรหัสไขความลับกันนี้เอง พระราชนิพนธ์ ตรงพระนาม "พระองค์ดิศ" มีว่า "ดิศวรกุมาร พันธุ์...........เผ่าเชื้อ" ตามฉันทลักษณะอ่านได้ ๔ อักษร   คำแรก "ดิศ" ตามกถาพระราชทานว่า "ติสฺ" แต่คงไม่ใช่ ดิด-วอน-กุ-มาน แน่ๆ ยอดเยี่ยมครับท่านจำปูน จะออกหนังสือเรื่อง "The Chumpoon Code" สู้กับ "The Davinci Code" ของแดน บราวน์ ที่กำลังดัง จากคุณ : กัมม์ - [ 27 ก.ย. 48 23:53:25 ]

ความคิดเห็นที่ 37 โอ้ !....ล้ำลึกมากๆครับคุณจำปูน คุณกัมม์ บอกแล้วว่า ดิ-สวน-กุ-มาน อิอิ จากคุณ : จะทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี.. (WeeN the Listener) - [ 28 ก.ย. 48 07:10:09 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เป็นความรู้ที่ดีจริง ๆ ครับทุกท่าน น่ารุ้ทั้งนั้นเลย เอ่อ..คุณกัมม์หากไม่รบกวนอีกครั้ง อยากให้นำบทเต็มคคห.๓๖ มาแบ่งปันกันแบบเต็ม ๆ หน่อยได้เปล่าครับ ใคร่รุ้เช่นกัน ขอบคุณครับ จากคุณ : ผู้น้อย - [ 28 ก.ย. 48 08:02:46 A:61.90.10.209 X: ]

ความคิดเห็นที่ 39 ขอบคุณคุณกัมม์ ที่นำเสนออย่างรวดเร็วปานกามนิตหนุ่มเลยนะครับ ถ้าอ่านว่า ดิด-สวน ผมต้องไปแก้โคลงเฉลิมพระเกียรติซะแล้ว แต่ที่บอกว่า ตามฉันทลักษณะอ่านได้ ๔ อักษร นั้นในบางบทก็ยาวไปถึง ๗ พยางค์เชียวนะครับเช่น นามยิ่งเยาวลักษณา.................เรศนั้น อีกทักษิณาวัฏกุมา....................รีที่ สี่แฮ จากคุณ : จำปูน - [ 28 ก.ย. 48 08:37:39 A:203.144.198.246 X: TicketID:033075 ]

ความคิดเห็นที่ 40 แจมนิดด้วยคนครับ ฮิ ๆ อยากร่วมบ้าง ถ้าอย่างนั้นตามที่คุณจำปูนกรุณานำเสนอว่าบางบทก็ยาวถึง ๗ พยางค์ ดังนั้นเป็นไปได้ไหมครับว่า ดิศวรกุมารพันธุ์..............เผ่าเชื้อ อ่านเป็น ดิด-สะ-วอน-กุ-มาน-พัน.....เผ่า-เชื้อ (๖ พยางค์) (ว่าไปเรื่อยแฮ่ะ) แต่ถ้า สวน ก็น่าจะดิ เป็น ดิ-สวน (เพราะดี ผมว่านะ) ถ้าดิด - สวน (อย่างไงไม่รู้ ฟังดูแปลก ๆ) แต่ผมก็คิดไปตามประสาว่าอย่างไรพระนามพระองค์คงไม่เป็น ดิ เป็นแน่ อันเนื่องมาจาก พระองค์ตรัสเองว่า เรา พระองค์ดิศ ดังนั้นไม่น่าจะเป็น พระองค์ดิ ได้เลย (คิดว่างั้นนะครับ ขออภัยด้วย) แล้วท่านที่เกิดครานั้นทันได้ยินได้ฟัง ไม่พอจะมีเหลือบ้างเลยเหรอขอรับ (ว่าไปนั้น ฮิ ๆ) แล้วกลอนอย่างนี้เข้าเรียกกลอนอะไรเหรอครับผม... จากคุณ : ผู้น้อย - [ 28 ก.ย. 48 09:42:43 A:61.90.10.209 X: ]

ความคิดเห็นที่ 41 ถ้าอ่านตามคาถาพระราชทานนามว่า   "ติสฺสวโร"   =   ติด - สะ  - วะ  -  โร   ผมเห็นด้วยกับความคิดเห็นที่  29  ครับ  "ดิศวรกุมาร"  น่าจะอ่านว่า  "ดิด -  สะ - วอน - กุ - มาน"  หรือ  "ดิด - สะ - วอ - ระ - กุ - มาน"  มากกว่าครับ อีกประการหนึ่งผมไม่คิดว่าพระนามของท่านจะอ่านว่า  "ดิ"  ครับ  เพราะคำว่า  "ดิศ"  สันนิษฐานกันว่ารัชกาลที่  4  ทรงตั้งตามชื่อเจ้าคุณตาของพระกุมาร  ซึ่งต้องออกเสียงว่า  "ดิด"  ครับ จากคุณ : รอยใบลาน - [ 28 ก.ย. 48 11:02:41 ]

ความคิดเห็นที่ 42 วังท่านคือวังวรดิศ อ่านอย่างไรเอ่ย วอ-ระ-ดิด หรือ วอน-ดิด หรือ ววน-ดิด ครับ ในพระปรมาภิไธย ร.๔ มีส่วนหนึ่งว่า พงศ์อิศวรกษัตริย์ ซึ่งน่าจะเป็น อิ-สวน จากคุณ : จำปูน - [ 28 ก.ย. 48 11:02:57 A:203.144.198.246 X: TicketID:108588 ]

ความคิดเห็นที่ 43 เอ่อไช่ครับ วังวรดิศ ก็อ่านว่า วอ-ระ-ดิด หรือ วอน-ระ-ดิด ดังนั้นพระนามก็น่าจะอ่านว่า ดิด-สะ-วอน หรือ ดิด-สะ-วอ- (ระ กุ-มาน) ผมคิดว่านะครับ เป็นไปได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ ฮิ ๆ ครับ จากคุณ : ผู้น้อย - [ 28 ก.ย. 48 12:03:23 A:61.90.10.209 X: ]

ความคิดเห็นที่ 44 วังวรดิศ = วอ-ระ-ดิด ครับ อย่างบุตรชาย หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี พระราชทานนามว่า "เด็กชายวรดิศ ดิศกุล ณ อยุธยา" (วอ-ระ-ดิด) ส่วนเรื่อง พระองค์ดิศวรกุมาร เดี๋ยวจาเข้ามาตอบไม่นานนี้นะครับ จากคุณ : natthaset - [ 28 ก.ย. 48 12:42:25 ]

ความคิดเห็นที่ 45 จะรอนะครับผม น่าศึกษาประวัติศาสตร์จุดนี้มาก ๆ เลยครับ จากคุณ : ผู้น้อย - [ 28 ก.ย. 48 13:03:14 A:61.90.10.209 X: ]

ความคิดเห็นที่ 46 คุณจำปูนครับ คำว่า  "วร"  อ่านได้  2  แบบ  คือ   "วอ - ระ"  หรือ  "วะ - ระ" ส่วนวังวรดิศนั้นก็ตามที่คุณณัฐบอกครับ  อ่านว่า "วอ - ระ - ดิด" เพราะเกิดจากคำว่า  วร  +  ดิศ  (สมาส) วร  แปลว่า  พร  หรือของขวัญ ดิศ  ไม่มีความหมายในพจนานุกรม  แต่เข้าใจว่าหมายถึง  พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร วังวรดิศ  จึงแปลว่า  วังที่พระราชทานให้เป็นของขวัญแก่พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร  ซึ่งก็สอดคล้องกับที่มาของวังครับ สำหรับพระนาม  "ดิศวรกุมาร"  ผมเห็นว่าน่าจะมาจาก ดิศ + วร +  กุมาร  (สมาส) ดิศ(ดิด)  มาจากชื่อเจ้าคุณตาของท่าน วร  ซึ่งเมื่อนำมาใช้เป็นราชาศัพท์โดยมากจะแปลว่า  "พระ"  และมักอ่านว่า  "วอ -  ระ"   เช่น  วรกาย  วรพักตร์  วรอาสน์  วรจันทร  เป็นต้นครับ กุมาร  ก็คือ  ลูกชาย ซึ่งผมแปลความหมายเองว่า  "ดิศผู้เป็นลูกชายของพระราชา"  ครับ ++  ยังไงรอคำตอบจากคุณณํฐก็คงจะชัวร์สุดครับ  ++ แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 48 13:08:07 แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 48 13:07:27 แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 48 13:07:00 จากคุณ : รอยใบลาน - [ 28 ก.ย. 48 13:06:02 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ขอบคุณคุณรอยใบลานและคุณ natthaset ครับ คำว่า วร อาจจะแปลได้ว่า ดี ประเสริฐ ถ้างั้นผมบังอาจแปล ดิศวรกุมาร ว่า ดิศผู้เป็นลูกอันประเสริฐ แหมช่างเป็นกระทู้ที่ให้ความสนใจกันมากทีเดียวครับ จากคุณ : จำปูน - [ 28 ก.ย. 48 13:29:17 A:203.144.198.246 X: TicketID:108588 ]

ความคิดเห็นที่ 48 เห็นด้วยครับ  รอ คุณ natthaset  ดีกว่า ใจเย็นครับ คุณ ผู้น้อย   พระองค์ดิศ  เป็นลำดับที่ ๕๘   เพิ่งพิมพ์ ๘ บท ได้ลำดับที่ ๑๑ เท่านั้น นี่จะไม่มีใครช่วยเลยหรือครับ .....ปีขานฉอศกฉั้น......................หญิงสาม เหล่านา ประภัศร แสดงนาม....................หนึ่งนี้ อีก ภัตรพิมล ตาม.....................ลำดับ เยาวยอด มัณยา ชี้....................เชิดอ้างออกแถลง ฯ .....ชายแดง ประสูติแล้ว.............เสียชนม์ สมเด็จ จันทรมณฑล.................ลูกไท้ เจ้าฟ้าบุตรียล.............................แต่เอก องค์นา สิ้นพระชนม์แต่ได้........................ครบเก้าพรรษา ฯ .....กฤดา เติมต่อท้าย..................ภินิหาร เฉลิมลักษณเลิศ กุมาร.................หนึ่งผู้ ศรีนาคสวาสดิ์ ขาน.....................นามธิ ดาแฮ คัคณางค์ยุคล รู้..........................สฤษไว้โดยประสงค์ ฯ .....เอกองค์นามออกอ้าง.................กรรณิกา แก้วเฮย หนึ่งบมีสมณา...............................ชีพม้วย ชาย สุขสวัสดิ์ สถา.........................พรราช บุตรแฮ ทั้ง ทวีถวัลยลาภ ด้วย....................ดั่งนี้นามสนองฯ แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 48 13:55:54 แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 48 13:52:17 จากคุณ : กัมม์ - [ 28 ก.ย. 48 13:49:51 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ขอบคุณคุณรอยใบลานด้วยคนครับ วิเคราะห์เก่งกันทั้งนั้นเลยนะครับ แหมคุณจำปูนก็แปลได้เข้าท่าเพราะดีนะครับ "ดิศผู้เป็นลูกอันประเสริฐ" ทราบว่าพระองค์เองยังบอกอีกว่า ดิศ เป็นพระนามของพระพุทธเจ้าด้วยครับ ชื่อเดียวกับพระองค์เลย คือ พระพุทธเจ้า ติสสะ หรืออย่างไทยก็ว่า ดิศ ดุจพระนามพระราชทานพระองค์ว่า ติสฺส (วโร) เลยเนาะครับ ได้ศึกษาไต่ถามแลกเปลี่ยนกันอย่างนี้สนุกดีนะครับ เป็นความรุ้ดี จากคุณ : ผู้น้อย - [ 28 ก.ย. 48 13:50:37 A:61.90.10.209 X: ]

ความคิดเห็นที่ 50 เอ๊ะ..ทำไมผมเป็นแบบนี้ปล่อยจังคือโพสต์ไปแล้วจึงเห็นอีกท่าน ขอบคุณคุณกัมม์ด้วยนะครับที่กรุณานำมาอ่านมาให้อ่านดีจริง ๆ ครับเป็นความรู้ดี เห็นใจเหมือนกันนะครับ ผมไม่รู้และไม่มีข้อมูลจริง ๆ ครับ จึงไม่อาจช่วยได้ คงไม่ว่ากันนะครับคุณกัมม์... จากคุณ : ผู้น้อย - [ 28 ก.ย. 48 13:55:38 A:61.90.10.209 X: ]

ความคิดเห็นที่ 51 แหมนึกว่าไปไหนครับคุณกัมม์ คาถาก็ยังไม่ครบ โคลงพระราชนิพนธ์ ก็อีกตั้งยาว น่าเห็นใจ น่าเห็นใจ แต่มิมีปัญญาช่วยขอรับ จากคุณ : จำปูน - [ 28 ก.ย. 48 14:01:06 A:203.144.198.246 X: TicketID:108588 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ขอบคุณครับคุณจำปูน  คุณผู้น้อย  ผมลืมไปเลยว่า  "วร"  แปลว่า  ประเสริฐด้วย  ส่วนคำว่า "ดิศ"  ผมค้นไม่พบในพจนานุกรม  ถ้าคุณผู้น้อยไม่บอกว่าเป็นพระนามพระพุทธเจ้าผมก็คงยังไม่รู้ความหมาย ส่วนเรื่องคำว่า  "อิศวร"  กับ  "ดิศวร"  ผมไม่แน่ใจว่า  อิศวร  เป็นคำสำเร็จรูป  หรือเกิดจากการสนธิคำว่า  อิศร  +  วร  เพราะทั้ง  2  แบบให้ความหมายว่า  "พระผู้เป็นใหญ่"  เหมือนกันครับ  และถ้าเป็นคำสนธิจริงจะเปรียบเทียบการออกเสียงกับ  "ดิศวร"  ซึ่งเป็นคำสมาสไคงยากครับ สำหรับความหมายที่ผมแปลไว้  ลืมไปครับว่าคำสมาสต้องแปลจากหลังมาหน้า  ก็ต้องแปลใหม่ว่า  "ลูกชายของพระราชาผู้มีนามว่า  ดิศ" อย่างไรก็ตามผมยังเห็นว่า  "...คำ “วร” เมื่อสมาสกับคำอื่นแล้ว เมื่อนำมาเป็นราชาศัพท์ในภาษาไทย แผลงเป็น “พระ”  ..."  ครับผม  แต่อาจจะใช้ไม่ได้กับวิสามานยนามก็ได้ครับ  ผมก็มั่วๆไป จากคุณ : รอยใบลาน - [ 28 ก.ย. 48 16:59:32 ]

ความคิดเห็นที่ 53 มีคนมาล้วงตับ  แจ้งผมว่าลืมรหัสผ่าน ต้องขอขอบคุณ  ทีมงาน pantip.com ครับ  รอบครอบมาก นำมาเตือน เพื่อนสมาชิกที่เป็นสุจริตชนนะครับ ฮ่ะฮ่ะฮ่า ใครลืมรหัสผ่านเขาแจ้งทาง อีแมว กันนะจ๊ะ เอาก็เอาครับ ท่านจำปูน   .....ทองกองก้อนใหญ่ นี้..........เป็นปลาย ปีแฮ เถาะสัปตศกหมาย.....................มากอ้าง สิบเอ็ดรวมหญิงชาย..................ตลอดรอบ ปีนา ล้วนแต่ปีเดียวสล้าง...................สลับน่าอัศจรรย์ ฯ .....เกษมสันต์โสภาค เชื้อ........ระพิพันธุ์ ที่ยี่สิบหกบัญ...........................จบถ้วน กมลาศนเลอสรร....................เสนอแนะ นามแฮ สองกุมารเลิศล้วน.....................ประสูติต้นปีมะโรง ฯ .....สมเด็จเจ้าฟ้าที่....................สี่มี นาม เฮย จตุรนต์รัศมี...........................เกียรติก้อง ที่ยี่สิบเก้าศรี............................สุริยราช วงศ์แฮ องค์ อุณากรรณ พร้อง.............เพราะด้วยแถลงหาญ ฯ .....เกษมศรีศุภโยค ถ้วน..........ไตรทัศ องค์เอย หญิงหนึ่ง นามบ่ชัด....................เชิดไว้ สิ้นพระชนม์แต่ในสัต..................วารหย่อน อยู่แฮ หญิงหนึ่ง เสมอสมัย ได้.............สืบสร้อยหรรษา ฯ แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 48 10:49:33 แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 48 17:04:47 จากคุณ : กัมม์ - [ 28 ก.ย. 48 17:01:59 ]

ความคิดเห็นที่ 54 สู้ๆครับคุณกัมม์ ผู้ด้อยจะเป็นกำลังใจ ตั้งหน้าตั้งตารอเซพนะครับ ^__^ วันนี้ผมไปถามอาจารย์ที่ภาควิชาศิลปศาสตร์มา เอ่อ...ท่านก็ตอบฟันธงไม่ได้ครับ ท่านหนึ่งบอกว่า ต้องอ่านว่า ดิด-สะ-วอ-ระ-กุ-มาน แต่อีกท่านเถียงว่า ควรเป็น ดิส-วอ-ระ-กุ-มาน ผมถามท่านว่า อ่านว่า ดิส-สะ-วะ-ระ-กุ-มาน หรือว่า ดิ-สวน-กุ-มาน ล่ะได้ไหม ท่านว่า มันก็ได้นี่นา ท้ายที่สุดท่านบอกผมว่า ......... มันน่าจะอ่านได้หลายอย่าง เพราะฉนั้นให้ลองไปถามอาจารย์ที่ภาคมนุษย์ศาสตร์ดู น่าจะเป็นการอ่านแบบเฉพาะพระองค์ T__T ผู้ด้อยขอโทษที่นำเรื่องน่าฉงนงงงวยมารบกวนสมองทุกท่านครับ จากคุณ : จะทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี.. (WeeN the Listener) - [ 28 ก.ย. 48 17:43:44 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ไม่น่าฉนนหรอกครับ ดีออกได้วิเคราะห์กันดี สนุกออกนะครับผมว่า ขอบคุณจขกท.มากนะครับ สำหรับพระนามพระพุทธเจ้านั้นต้องยกความดีความชอบให้แก่คุณกัมม์ครับผม เนื่องจากผมได้ทราบมาจากกระทู้ของคุณกัมม์ที่กรุณานำมาถ่ายทอดครับว่าพระองค์ทรงเล่าว่า ดิศ เป็นพระนามของพระพุทธเจ้าด้วย ของคุณตาท่านด้วย อย่างนี้ล่ะครับ สำหรับ อิศวร นั้นทราบว่าเป็นชื่อหนึ่งของพระศิวะ แต่ไม่ทราบที่มาที่ไปของศัพท์ หากทราบที่มาที่ไปแน่นอน คือเผื่อว่าจะมีที่มาที่ไปเช่นเดียวกับ ดิศวร หากเป็นเช่นนั้นก็เป็นสรุปได้เลยว่า ดิศวร(กุมาร) นี่น่าจะอ่านว่า ดิด-สวน แน่อย่างที่หลายท่านกล่าวไว้ข้างบน รบกวนทุกท่านที่ที่พอจะมีแหล่งค้นคว้าหรือที่สอบถาม กรุณาสอบถามเป็นความรู้ให้ด้วยนะครับว่า อิศวร แยกศัพท์เป็นอย่างไงมีที่มาที่ไปอย่างไง ขอบคุณครับผม...... จากคุณ : ผู้น้อย - [ 28 ก.ย. 48 20:29:23 A:61.90.10.209 X: ]

ความคิดเห็นที่ 56 รอแปปละกันครับ เสาร์หรืออาทิตย์ จามาตอบ พอดีทายาทท่านไม่ว่างนะครับ กลับมืดตลอดทุกวันเลย จากคุณ : natthaset - [ 28 ก.ย. 48 21:52:58 ]

ความคิดเห็นที่ 57 รอได้เสมอครับ เพราะเป็นความรู้นั่นเอง และอยากรุ้ด้วย ฮิ ๆ ครับ... จากคุณ : ผู้น้อย - [ 28 ก.ย. 48 21:55:37 A:61.90.10.209 X: ]

ความคิดเห็นที่ 58 เอ๊ะ...อีกนิดครับ (จากคคห.๕๕) อิศวร ออกเสียงว่า อิ แน่นอน แต่ ดิศวร นี่ไม่น่าจะออก ดิ เนื่องจากพระองค์ทรงยืนยันเอง แล้วยังไงกันน๊อนี่... จากคุณ : ผู้น้อย - [ 28 ก.ย. 48 22:00:32 A:61.90.10.209 X: ]

ความคิดเห็นที่ 59 กว่าจะครบ ๘๐ กว่าพระองค์ คุณกัมม์ผมคงจะแย่แน่เลย พักรับยาดองซักเป๊ก สองเป๊กก่อนนะครับ ใครหนอบังอาจปลอมเป็นงูเขียว มาเลี้ยวล้วงตับได้ แหมกำลังนึกอยากกินตับหวานอยู่พอดี แหมขอแล้วก็ขออีก คือให้ช่วยแก้ตรง หญิงหนึ่ง เสมอสมัย ได้.............สืบสร้อยหรรษา ฯ คำว่า หรรษา ก็เป็นส่วนหนึ่งในพระนามครับช่วย Hilight นิดนึงนะครับ ร.๔ เมื่อเป็นเจ้าฟ้ามงกุฎ พระนามท่านมีคำว่า พงษาอิศวรกระษัตริย์ เมื่อเถลิงราชย์ฯแล้วมีพระปรมาภิไธย ส่วนหนึ่งว่า " สุทธสมมติเทพยพงษ์วงษาดิศวรกษัตริย์ " ดิศวร ในที่นี้ จะอ่านเหมือนกันกับ ดิศวรกุมารหรือไม่ครับ เฮ้อ มีแต่คำถามกันเนอะ จากคุณ : จำปูน - [ 29 ก.ย. 48 08:35:11 A:203.144.198.246 X: TicketID:108588 ]

ความคิดเห็นที่ 60 แก้(ทำ)ให้แล้วนะครับ  เนอะ..อยู่ๆจะมา"หรรษา" ก็ดูพิลึกอยู่  ขอบคุณครับ สำหรับทางสันนิษฐานใน # 59  เข้าที่มากครับ  ดูดีผิดกับ #36  หลายช่วง ....หนึ่งองค์กุมาเรศเชื้อ.................ภูวนัย ศรีสิทธิธงชัย.............................แช่มช้า ทองแถมถวัลย ไอ......................สุริยราช อีก อนงค์นพคุณ อ้า....................เอี่ยมอ้างอัปศร ฯ ....กนกวรรณ วรนาฏทั้ง...............ชุมพล สมโภช กุมารยล.........................ยิ่งผู้ อรุณวดี วิมล.............................ภักตร์ผ่อง ผิวนา วาณีรัตนกัญญา รู้.....................เชิดอ้างนามกร ฯ ....มณฑานพรัตน สิ้น..................ชนม์ปลง กาพกนกรัตน์ ยง........................ฤทธิ์กล้า เทวัญอุไทยวงศ์.........................เชลงอัก ษรแฮ ราชบุตรพระเจ้าหล้า......................เดชล้ำรณไชย ฯ ....อรไทยเทพ สร้อย..................กัญญา แลฤา หญิงหนึ่ง นามบปรา......................กฏไว้ สุดสิ้นพระชนมา...........................ยุย่อม เยาว์แฮ จึงบมีนามให้...............................เรียกรู้สืบมา ฯ แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 48 13:16:24 แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 48 11:20:43 จากคุณ : กัมม์ - [ 29 ก.ย. 48 11:19:24 ]

ความคิดเห็นที่ 61 กนกวรรณ วรนาฏทั้ง...............ชุมพล สมโภชกุมารยล...........................ยิ่งผู้ Hilight นิดนึงนะครับตรง สมโภช จากคุณ : จำปูน - [ 29 ก.ย. 48 12:39:59 A:203.144.198.246 X: TicketID:108588 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ....สมเด็จเจ้าฟ้าที่.....................เบญจมางค์ ภานุรังษี วราง........................กรูเกล้า บุษบงเบิกบาน นาง.................อรอัป ศรเอย มนุษยนาค น้อมหนุ่มเหน่า........อีกทั้งชาย เจริญ ฯ ....สวัสดิประวัติ เรื้อง...............วิทยา องค์หนึ่ง สุนันทา.....................แน่งน้อย อีก จันทรทัตจุธา.....................ธาร ต่อ กันเฮย สุขุมาล มีสร้อย.......................อีกไซร้ มารศรี ฯ ....นารีรัตน ราชไท้.................ธิดา ท่านนา หญิงหนึ่ง นามบ่ปรา..................กฏแท้ ไชยานุชิต สา........................มารถรุ่ง เรืองแฮ บรรจบเบญจมา แม้.................ห่อนห้าโดยจง ฯ ....อีกองค์หนึ่งนั้น.....................วรวรรณ ดิศวรกุมาร พันธุ์.....................เผ่าเชื้อ นงคราญอุดม วรรณ................โฉมเฉิด องค์ศรีเสาวภางค์ เนื้อ..............หน่อไท้ธิบดินทร์ ฯ แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 48 13:12:59 จากคุณ : กัมม์ - [ 29 ก.ย. 48 13:07:25 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ขอบคุณครับ   พระองค์เจ้าชุมพลสมโภช จากคุณ : กัมม์ - [ 29 ก.ย. 48 13:15:41 ]

ความคิดเห็นที่ 64 อยากมีอมยิ้มกับเค้าบ้าง เลยต้องขอเปลี่ยนชื่อหน่อยนะครับ “จำปูน” ปูนร่อนแล้ว............. จางหาย เป็น “อ่างหยก” เย็นสบาย......... ค่ำเช้า คอยคิดครุ่นมิคลาย..................สหายเพื่อน  ผองนา ยามยุ่งยวนหยอกเย้า................ยั่วยิ้มเยินยอ แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 48 15:14:53 จากคุณ : จำปูน (อ่างหยก) - [ 29 ก.ย. 48 15:04:12 ]

ความคิดเห็นที่ 65 แหม..เพิ่งสังเกต คุณจำปูน เปลี๋ยนไป๋จริง ๆ ด้วย เพราะดีนะครับ น่ารักด้วย "อ่างหยก" จากคุณ : ผู้น้อย - [ 29 ก.ย. 48 16:20:16 A:61.90.10.193 X: ]

ความคิดเห็นที่ 66 แหมขอบคุณครับ คุณผู้น้อย ก็วนไปวนมาใน "อ่าง" เนี่ยแหละครับ ไม่เป็นไรครับ เรียก จำปูน ชื่อเดิมก็ได้ จำกันง่ายดี ผมก็ลง ไว้ทั้งสองชื่อ อะคับ แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 48 16:40:53 จากคุณ : จำปูน (อ่างหยก) - [ 29 ก.ย. 48 16:36:07 ]

ความคิดเห็นที่ 67 คุณจำปูนใช้นามว่า  "อ่างหยก"  ทำให้นึกถึงใครบางคนที่โด่งดังในบอร์ดนี้มาแล้วครับ  ระวังจะตกเป็นผู้ต้องสงสัยนะครับ  อิอิ จากคุณ : รอยใบลาน - [ 29 ก.ย. 48 16:44:46 ]

ความคิดเห็นที่ 68 อ้าว มีอย่างนี้ด้วยหรือครับคุณรอยใบลาน ไม่รู้นะเนี่ย ตายละหวา admin ไม่เห็นบอกให้ระแคะระคายเลย แล้วเค้าไปทำอาชญากรรม อะไรล่ะครับ ชื่อนี้คิดไว้ตั้งนานแล้วนา กะจะไม่ใช้แล้วเชียว อยากมีอมยิ้มแต่ไม่อยากมีทุกข์อะครับ ทำงัยดีน้อ สงสัยต้องกล่าวคำอำลา แบบคุณเดือนแรมที่แจ่มจาง กับ คุณธารกำนัลซะแล้ว แอ่น แอ๊น จากคุณ : จำปูน (อ่างหยก) - [ 29 ก.ย. 48 17:13:03 ]

ความคิดเห็นที่ 69 อย่ากระนั้นเลย ครับคุณจำปูน อ่างหยก อยู่ดูใจกันไปก่อนเถิดขอรับ แหม..ขออภัยติดสำนวนคุณพจนารถมา ดูน่ารักดีนะ จากคุณ : ผู้น้อย - [ 29 ก.ย. 48 20:01:30 A:61.90.10.193 X: ]

ความคิดเห็นที่ 70 อย่าเพิ่งรีบไปใหนกันซิครับ ผู้ใช้นามอ่างหยกอันมีเรื่องโด่งดังเรื่องนั่นน่ะ ก็ นะ เงียบหายกันไปแล้ว ไม่รู้อะไรจริงไม่จริง เหมือนกับอยู่ มีใครไม่รู้มาตีฆ้องร้องป่าว ว่ากล่าวกันไป ทะเลาะกันโขมงโฉงเฉง แล้วก็เงียบ ว่าแต่คุณกัมม์เถอะ กว่าจะครบทุกพระองค์ มือหงิกซะก่อนนะครับ อย่างช่วยเหมือนกัน แต่สงสัยช่วยได้แต่กำลังใจนะครับ จากคุณ : กริชครับผม - [ 29 ก.ย. 48 20:06:28 ]

ความคิดเห็นที่ 71 อยู่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันก่อนดีกว่าครับคุณจำปูน  ณ  อ่างหยก  ...แฮะๆๆ ล้อเล่นครับ  เรื่องมันก็เป็นอดีตไปแล้ว  คนที่ใช้นามอ่างหยกคนก่อนนั้นถูกกล่าวหาว่าแสดงตัวว่าเป็นผู้ใกล้ชิดกับราชสำนัก  จนถึงขนาดบอกว่าเป็น  "คุณข้างใน"  ก้เลยโดนแฉอ่ะครับ  ซึ่งก็โด่งดังอยู่พักนึงแล้วก็หายไปน่ะครับบบบบ จากคุณ : รอยใบลาน - [ 30 ก.ย. 48 07:22:30 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ....พระองค์หญิง สว่าง สร้อย........วัฒนา นามแฮ โสณบัณฑิต ปรา......................กฏแท้ จิตเจริญ ยศะวรา......................ดิเรกราช วงศ์เฮย วัฒนานุวงศ์ แล้.......................เลิศล้ำสำอาง ฯ ....หนึ่งนางกฤษณาแก้ว...............กัญจนา กร เอย อีก บุษปัณณา.........................เลิศเลื้อง วิไลยลักษณ เสาวภา.................พักตร์ ผ่อง ศรี แฮ แนวนับ แขไข เรื้อง...................ศิริพ่างจันทรา ฯ ....นถาพร ภูวนารถเนื้อ............หน่อไท ดำรงฤทธิ์ ครรไล....................ล่วงแล้ว ประสานสุทธศรีใส..................สนองเสนาะ นามนา หญิง ประพาฬรัศมี แผ้ว...........ผ่องเพี้ยงเพ็ญบูรณ์ ฯ ....จรูญฤทธิ์เดช ม้วย..............ชีพชนม์ เสาวภาคพรรณ พิมล...............แช่มช้อย ประดิษฐา สวัสดิโสภณ............พูนเพิ่ม หนึ่งอีก ไชยันต์ น้อย...............นุชท้ายกุมาร ฯ แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 48 14:42:03 จากคุณ : กัมม์ - [ 30 ก.ย. 48 14:40:55 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ......ชื่อ จำปูน แรกนั้น................เพียงยิน คาดจำปี จำปูน สิ้น.....................แน่แท้ ยังเชย จำปูน กลิ่น.....................ยังติด นาสา เผยใช่ จำปูน นั่นแล้...................โธ่แท้ จำปูน ฯ แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 48 19:12:10 จากคุณ : กัมม์ - [ 30 ก.ย. 48 14:54:59 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ....สร้อยสอางค์ องค์หนึ่งนั้น.....กุมารี องค์หนึ่ง ประไพศรี.................สอาดอ้าง หญิง ยังบ่ได้มี.........................นามอีก องค์นา พุทธาประดิษฐ์ ร้าง.................ชีพม้วยชนม์ปลง ฯ ....พระองค์หญิง ประสูติ............พระชนม์ อีกหนึง บเป็นตน.....................ตกผ้าย หญิงเยาว เจริญกระมล...........สุขสวัสดิ์ เป็นที่สุดสุดท้าย.....................สุดสิ้นเสวยสวรรค์ ฯ ....รวมชายสามสิบเก้า.............พระองค์ หญิงสี่สิบสามอนงค์................บ พลั้ง ตกเสียอีกสองคง...................นับควบ กันแฮ รวม แปดสิบสี่ ทั้ง..................เสร็จถ้วนชายหญิง ฯ เอวํ ก็มีด้วยประการฉะนี้และนาท่านนา..เอ้ย- แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 48 18:02:42 จากคุณ : กัมม์ - [ 30 ก.ย. 48 18:01:52 ]

ความคิดเห็นที่ 75 อีกองค์หนึ่งนั้น.....................วรวรรณ ดิศวรกุมาร พันธุ์.....................เผ่าเชื้อ นงคราญอุดม วรรณ................โฉมเฉิด องค์ศรีเสาวภางค์ เนื้อ..............หน่อไท้ธิบดินทร์ ฯ ความเห็นนะครับ อีก-อง-หนึ่ง-นั้น...........วอ-ระ-วัน ดิด-สะ-วอน-กุ-มาน-พัน.........เผ่า-เชื้อ (กับ ดิด-สวน-กุ-มาน-พัน...........เผ่าเชื้อ) ทุกท่านมีความเห็นในความไพเราะของคำอ่านสองคำนี้อย่างไรกันบ้างครับ ? ปลีกย่อยครับ ค่าเวลารอคำตอบจากคุณณัฐ =ทราบมาคร่าว ๆ มาว่ามีราชทินนามที่พระราชทานแด่พระสงฆ์รูปหนึ่งว่า สีลสังวรวิมล (สี-ละ-สัง-วอน-วิ-มน) คืออ่านออกเสียงว่า ละ ตรง สีล แต่ตรง วร ไม่ออก ระ ดังนั้นผมจึงคิดว่าเป็นไปได้ไหมจะกรณีเดียวกับ ดิศวรกุมาร (ดิด-สะ-วอน-กุ-มาน) คืออ่านออกเสียงว่า สะ ตรง ดิศ แต่ตรง วร ไม่ออก ระ ปลีกย่อยนะคร๊าบผม... จากคุณ : ผู้น้อย - [ 30 ก.ย. 48 21:20:26 A:61.90.9.97 X: ]

ความคิดเห็นที่ 76 ....."จำปูน" ปูนใช่ร้าง..........จางหาย   อยู่ "อ่างหยก" ทอดกาย.......เล่นน้ำ สามวันอยู่สุขสบาย..............นาพ่อ ขอบอกขอตอกย้ำ...............เพื่อนพ้อง   ว่าคิดถึง จากคุณ : จำปูน (อ่างหยก) - [ 3 ต.ค. 48 09:28:44 ]

ความคิดเห็นที่ 77 นึกว่าคุณจำปูนจะรินหาย ไปตามสายธาราในอ่างศรี แต่พอเห็นขึ้นมาจากวารี ก็ยินดีที่ได้พบประสบกัน  *_* จากคุณ : รอยใบลาน - [ 3 ต.ค. 48 10:56:32 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ไปวนในอ่าง นานไปหน่อยครับ จากคุณ : จำปูน (อ่างหยก) - [ 3 ต.ค. 48 11:11:46 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ข่าวดีครับ  เพื่อนๆกลับมากันแล้ว http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K3780708/K3780708.html#2 http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K3780855/K3780855.html#3 จากคุณ : กัมม์ - [ 3 ต.ค. 48 19:58:44 ]