ความคิดเห็นที่ 1 แล้วแต่พระราชวงศ์นั้นอยู่ในสกุบใด มีเป็นร้อยราชสกุลครับ  ถ้าพระราชวงศ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน อยู่ในราชสกุล มหิดล ครับ จากคุณ : น้องหอมแดง - [ 16 ต.ค. 48 17:55:50 ]

ความคิดเห็นที่ 2 - ขออธิบายเพิ่มเติมเท่าที่รู้บ้าง และยินดีให้เข้ามาแย้งได้ หากที่ไกด์ไม่เก่าบอกมา ถูกต้องไม่หมดในเรืองของราชสกุลและเรื่องในวัง - พระมหากษัตริย์สมัยโบราณ ทรงนิยมการมีพระมเหสี เจ้าจอม เจ้าจอมมารดาหลายๆพระองค์ ดังเช่นรัชกาลที่ 4 ทรงมีพระชายามากมาย เช่นสมเด็จพระนางเจ้า โสมนัสวัฒนาวดี , พระนางเธอ พระองค์เจ้ารำเพยภมราภิรมย์ แม้ได้รับการสถาปนาในรัชสมัยพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว( สมเด็จพระเทพศิรินทรา บรมราชินี - โรงเรียนเทพศิรินทร์ มีดอกรำเพยเป็นดอกไม้ประจำโรงเรียน ) โดยรัชกาลที่ 5 ทรงเป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระเทพศิรินทรา บรมราชินีนี้เอง มีโอรส พระธิดา 4 พระองค์ สมเด็จเจ้าฟ้าชายจุฬาลงกรณ์ สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงจันทรมณฑล สมเด็จเจ้าฟ้าชายจาตุรนต์รัศมี(ต้นสกุลจักรพันธ์)  และสมเด็จเจ้าฟ้าชายภาณุรังษี สว่างวงศ์(ต้นสกุลภาณุพันธ์) - ทรงมีเจ้าจอมมารดา ( ชายาที่มีพระโอรสหรือพระธิดา ) 33 พระองค์ และทรงมีเจ้าจอม ( ไม่มีพระโอรส พระธิดา ) 10 พระองค์ ( ที่เหลือไม่แน่ใจ เอาแค่นี้ก็เยอะแล้ว ) - สมัยรัชกาลที่ 4 มีพระมหากษัตริย์อีกพระองค์คือพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว และสวรรคตก่อนพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ราชบัลลังก์จึงตกทอดสู่พระราชโอรส ( เจ้าฟ้าชายจุฬาลงกรณ์ ) ถ้าพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวสวรรคตไปก่อน สายการครองราชย์จะไม่เป็นไปดังเช่นปัจจุบัน - เมื่อรัชกาลที่ 5 ครองราชย์ ทรงมีพระมเหสี 3 พระองค์หลักๆ ( มีทีละองค์ และเป็นราชธิดาคนละมารดาที่ประสูติจากพระบิดา รัชกาลที่ 4 ) คือพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์(พระนางเรือล่ม)  พระนางเจ้าสว่างวัฒนา(พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าในรัชกาลที่ 8 และ 9 ) และพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี ( พระราชมารดาในรัชกาลที่ 6 ) - รัชกาลที่ 5 ทรงมีพระโอรสและพระธิดารวม 77 พระองค์ พระภรรยาเจ้าชั้นลูกหลวง 5 พระองค์ ชั้นหลานหลวง 3 พระองค์ พระราชชายา 1 พระองค์ ( พระราชชายา เจ้าดารารัศมี ) เจ้าจอมมารดา 27 พระองค์ เจ้าจอม 29 พระองค์ ( มากกว่านี้ไหม เดี๋ยวขอไปค้นก่อน ) - รัชกาลที่ 6 ทรงครองราชย์และไม่มีพระราชโอรส มีเพียงพระราชธิดา กับพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี หรือเคือแก้ว ( ติ๋ว ) อภัยวงศ์ ที่ต้นสกุลคือพระยาอภัยภูเบศวร์ ( พระธิดาคือ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรัตนราชสุดา สิริโสภาพรรณวดี จึงอัญเชิญพระโอรสอันดับที่ 76 องค์สุดท้ายในสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี คือเจ้าฟ้าประชาธิปกศักดิเดชน์และไม่มีรัชทายาท จึงอัญเชิญพระโอรสในเจ้าฟ้าชาย"มหิดล"อดุลยเดช ( ที่คือพระโอรสในพระนางเจ้าสว่างวัฒนาในรัชกาลที่ 5 ) คือ รัชกาลที่ 8 และ 9 - นี่แหละ ทำไมราชสกุลเยอะมากๆ และมีที่มาที่ไปคร่าวๆดังนี้ เพือความบังควร จึงขอจบเพียงเท่านี้ ใครมีข้อเห็นแย้งอย่างไร เพิ่มเติมทีนะ จากคุณ : ไกด์ไม่เก่า - [ 16 ต.ค. 48 20:46:52 ]

ความคิดเห็นที่ 3 - เครือแก้ว อภัยวงศ์ - ต้นตระกูลอภัยวงศ์ คือ เจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ พระบิดาของพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวีคือ พระยาอภัยภูเบศร์ - รัชกาลที่ ๖ ทรงตั้งเจ้าฟ้าประชาธิปกเป็นรัชทายาทอยู่แล้วครับ และมีพระราชพินัยกรรมว่า หากพระกุมารในพระครรภ์พระนางเจ้าสุวัทนาเป็นพระราชโอรส ก็ให้เจ้าฟ้าประชาธิปกฯ ทรงเป็นผู้สำเร็จราชการ จนกระทั่งพระกุมารเจริญพระชนมายุ บรรลุพระราชนิติภาวะแล้ว จึงมีพระราชอำนาจอย่างเต็มที่ในประเทศ แต่หาก พระกุมาร ประสูติเป็นพระราชธิดา ก็ให้เจ้าฟ้าประชาธิปก เสด็จเสวยสิริราชสมบัติสนองพระองค์ต่อไป ขณะนั้น ผู้อยู่ในข่ายเสวยราชย์คือ เจ้าฟ้าประชาธิปก เจ้าฟ้ามหิดล และเจ้าฟ้าบริพัตรฯ แต่ตามพระราชประสงค์ในรัชกาลที่ 5 และ 6 เจ้าฟ้าทั้งสองพระองค์จึงทรงยอมโดยดี ปราศจากความวุ่นวายต่างๆ จากคุณ : natthaset - [ 16 ต.ค. 48 22:03:44 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ส่วน เรื่องพระราชสกุล กล่าวคร่าวๆโดยสรุปนะครับ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นสมาชิกราชสกุลมหิดล เนื่องจากเป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระมหิตลาธิเบศรฯ(เจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช) ต่อมา เสวยราชสมบัติ เป็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีนามพระราชสกุลว่า "พระราชวงศ์จักรี" (พูดง่ายๆว่า นามสกุล"จักรี") นั่นเอง สถิตเป็นประธานแห่งพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระราชสกุล หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร พระธิดาในพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้านักขัตรมงคล กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ พระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ ต้นราชสกุล"กิติยากร" ต่อมา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลฯ พระราชวงศ์จักรี (นามพระราชสกุลเดิม มหิดล) ประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส กับ หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ทั้งโดยโบราณประเพณี และนิติประเพณี หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร จึงใช้นามพระราชสกุล ตามพระบรมราชสวามี คือ "พระราชวงศ์จักรี" สมเด็จเจ้าฟ้าที่เป็นพระราชโอรส พระราชธิดา จึงใช้นามพระราชสกุล มหิดล ทั้งหมด สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ในรัชกาลปัจจุบัน คือสมเด็จเจ้าฟ้าวชิราลงกรณ มีพระราชสิทธิสมบูรณ์ในการตั้งนามพระราชสกุลเอง แต่ด้วยทรงเป็นพระราชโอรสพระองค์เดียว และ ได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระบรมฯ ตั้งแต่พระชนมายุยังน้อย จึงไม่ทรงตั้งนามพระราชสกุลใหม่ กระทั่งต่อมา จึงทรงตั้งนามพระราชสกุล "วิวัชรวงศ์" พระราชทานแก่พระโอรส อันประสูติแต่ นางสุจาริณี(ฯลฯ) ผลประเสริฐ (หม่อมสุจาริณี มหิดลฯ) หม่อมหลวงโสมสวลี กิติยากร ธิดาในหม่อมราชวงศ์อดุลยกิติ์ กิติยากร และ คุณหญิงพันธุ์สวลี กิติยากร(ยุคล) ต่อมาอภิเษกสมรส กับสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฏราชกุมาร โดยโบราณประเพณี และนิติประเพณีแล้ว จึงเปลี่ยนนามพระราชสกุลตามพระสวามี เป็น "หม่อมหลวงโสมสวลี มหิดล" ซึ่งต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม สถาปนาพระอิสริยยศเป็น พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรชายาฯ ราชสกุล มหิดล ต่อมาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ทรงหย่ากับ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรชายาฯ  ทำให้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี (ต่อมาทรงฯสถาปนาเป็นพระวรราชาทินัดดามาตุ)ทรงใช้นามพระราชสกุลเดิมคือ "กิติยากร" กล่าวโดยสรุป ใอดีตพระราชโอรส ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงตั้งราชสกุลได้ แต่พระราชธิดาจะไม่มีพระราชสกุล แต่ ในปัจุบัน อนุโลมให้พระราชธิดา ใช้พระราชสกุลเดิมของทูลกระหม่อมพระราชบิดา ครับ จากคุณ : natthaset - [ 16 ต.ค. 48 22:48:28 ]

ความคิดเห็นที่ 5 คือขอขยายคุณเครือแก้วนิดนึง พระราชโอรสของกษัตริย์ ที่เป็นชาย และไม่ได้ขึ้นครองราชย์ ทุกพระองค์ ไม่ว่าเจ้าฟ้าหรือพระองค์เจ้า จะเริ่มราชสกุลใหม่ครับ คำกล่าวที่ว่า ราชสกุลในรัชกาลที่ 4 หรือรัชกาลที่ 5 อะไรนี้ จริงๆแล้วก็สามารถ Trace Back ไปถึงรัชกาลที่ 1 ได้หมดแหละครับ แต่ราชสกุลในรัชกาลที่ 4 หมายความว่า ไล่ลงมาจากพระราชโอรสของรัชกาลที่ 4 ทุกพระองค์ที่ไม่ได้ขึ้นครองราชย์ แต่ถ้าขึ้นครองราชย์ก็เป็นกษัตริย์ดังที่ว่าครับ แก้ไขเมื่อ 17 ต.ค. 48 00:43:27 จากคุณ : TauRuZ_PaSSeRBy - [ 17 ต.ค. 48 00:42:13 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ขอเรียนถามคุณ natthasetหรือคุณTauRuZ_PaSSeRByนะค่ะว่า แสดงว่านามสุกล วิวัชรวงศ์ ที่พระบรมท่านตั้งให้กับพระราชโอรสที่ประสูติกับหม่อมสุจาริณีนั้นก็หมายความว่าเป็นนามสกุลที่ตั้งขึ้นมาใหม่ให้กับโอรสที่ไม่ได้ขึ้นครองราชย์ ใช่ป่ะคะ และทายาทของหม่อมเจ้าเหล่านี้รุ่นต่อๆ ไปก็จะใช้ วิวัชรวงศ์ ณ อยุธยา ใช่ป่ะค่ะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : ไพร่ฟ้า - [ 17 ต.ค. 48 11:03:11 A:61.228.84.94 X: ]

ความคิดเห็นที่ 7 อีกนิดนึงนะค่ะ แล้วทำไมหม่อมเจ้าเหล่านั้น ท่านจึงไม่สามารถใช้นามสกุลมหิดล ค่ะ แล้วไม่ทราบว่าพระองค์หริภา กับพระองค์ติ๊ด ท่านใช้มหิดลตามพระมารดา หรือใช้นามกสุลตามพระบิดาของท่านคะ จากคุณ : ไพร่ฟ้า ฯ - [ 17 ต.ค. 48 11:07:15 A:61.228.84.94 X: ]

ความคิดเห็นที่ 8 #6 ไม่เกี่ยวครับ นามสกุลวิวัชรวงศ์ เป็นนามสกุลในหม่อมสุขาริณีและท่านชายทั้ง 4 เฉยๆครับ ท่านชายทั้ง 4 ท่านเคยใช้ราชสกุลมหิดลครับ ดำรงยศเป็นหม่อมเจ้าแต่ต่อมาท่านเปลี่ยนไปใช้นามสกุลวิวัชรวงศ์ และเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อเป็น นาย ครับ สมมุติว่าท่านชายทั้ง 4 ยังใช้ราชสกุลมหิดลอยู่นะครับ บุตรของท่านจะมีคำหน้าชื่อเป็น หม่อมราชวงศ์ และหลานของท่านก็จะมีคำนำหน้าชื่อเป็น หม่อมหลวง แต่ยังใช้ราชสกุลมหิดลอยู่ครับ หากหมดจากหม่อมหลวงไปแล้วถึงเติมคำว่า ณ อยุธยาต่อท้าย พระองค์หริภากับพระองค์ติ๊ด ใช้นามสกุลตามพระมารดาของพระองค์ครับ จากคุณ : TauRuZ_PaSSeRBy - [ 17 ต.ค. 48 11:29:56 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ถูกต้องครับ ฉะนั้น เจ้านายในรัชกาลปัจจุบัน จึงทรงใช้ นามพระราชสกุลมหิดล เกือบทุกพระองค์ครับ ต่อมา เจ้านายตั้งแต่ชั้นหม่อมเจ้า ลงมา จะมีนามพระราชสกุลต่อท้ายครับ ส่วน "เจ้า"ฟ้า พระองค์"เจ้า" หม่อม"เจ้า"   ไม่มีบัตรประชาชนครับ แต่ส่วนใหญ่หม่อมเจ้าจะทรงทำไว้ เพื่อสะดวกในการติดต่อราชการ หรือ สำแดงสถานะความเป็นคนไทย นอกเหนือไปจากเลขประจำพระองค์(เลขประจำตัวประชาชนไทย) เพราะว่า ข้าราชการปัจจุบันก็ไม่ได้รู้จักเจ้านายสักเท่าไรใช่ไหมครับ แต่เลขประจำตัวประชาชนท่าน มีอยู่ในทะเบียนบ้านของท่านนะครับ อย่างสมเด็จพระเทพฯ ท่านก็มีบัตรประจำตัวประชาชนไว้ครับ ผมยังจำพระฉายาลักษณ์ท่านได้ ที่ท่านไปสำนักงานหรือที่ไหนสักที่ รู้สึกว่า ตามสำนักงานเขตบางเขตก็จะเห็นพระฉายาลักษณ์ท่านติดไว้ครับ อย่างหม่อมเจ้าภาณุมา ยุคลที่มีคดีความเมื่อสักกลายเดือนก่อน ต.ม.ชายแดนก็ไม่ได้มีคนรู้จัก จนกระทั่งแสดงบัตรประชาชน จึงทราบว่า เป็นหม่อมเจ้า และเป็นข่าวดังเมื่อตอนนั้นนะครับ จากคุณ : natthaset - [ 17 ต.ค. 48 12:50:02 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เคยเข้าเผ้าสมเด็จพระเทพฯ เมื่อสักสองปีที่แล้ว ในที่นั้นเผอิญมีคนทูลถามเรื่องนี้ขึ้นมา ทรงตรัสว่าเคยทรงถามไปยังหน่วยราชการเหมือนกัน ว่าถ้าจะทำนิติกรรมที่กำหนดว่าจะต้องมีสำเนาบัตรประชาชนประกอบจะทรงทำอย่างไร เพราะแม้ในกฎหมายจะไม่ทรงกำหนดให้มีบัตรประชาชน แต่ในการที่จะทรงทำนิติกรรมก็จะต้องมีหลักฐานเหล่านี้อยู่ดีไม่งั้นจะรู้ได้ยังไงว่าพระองค์เป็นผู้มอบฉันทะให้ข้าราชบริพารไปทำแทนพระองค์จริงๆ หน่วยราชการตอบกลับมาว่าให้ทรงใช้พาสปอร์ต พระองค์ท่านก็ตรัสว่าไม่เอาสิ ทรงเป็นคนไทยแท้ๆ จะให้มาใช้พาสปอร์ตเป็นฝรั่งญี่ปุ่นได้ยังไง แถมบางที่กำหนดให้ใช้ 2 อันอีก ก็เลยทรงไปทำบัตรประชาชน ถ้าจำไม่ผิดเหมือนว่าวันนั้นยังทรงใช้ให้คุณข้าหลวงไปหยิบมาโชว์ด้วย... แก้ไขเมื่อ 17 ต.ค. 48 15:47:35 จากคุณ : Lawเก้อ - [ 17 ต.ค. 48 15:46:59 ]

ความคิดเห็นที่ 11 แหม ชักสนุกแล้วสิห้องนี้ สงสัยต้องเข้ามาดูบ่อยๆแล้ว จากคุณ : ไกด์ไม่เก่า - [ 17 ต.ค. 48 17:59:00 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณค่ะสำหรับคำตอบในความเห็น 8 ของคุณTauRuZ_PaSSeRBy แต่จากความเห็น 4 ของคุณnatthaset ที่กล่าวว่า "สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ในรัชกาลปัจจุบัน คือสมเด็จเจ้าฟ้าวชิราลงกรณ มีพระราชสิทธิสมบูรณ์ในการตั้งนามพระราชสกุลเอง แต่ด้วยทรงเป็นพระราชโอรสพระองค์เดียว และ ได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระบรมฯ ตั้งแต่พระชนมายุยังน้อย จึงไม่ทรงตั้งนามพระราชสกุลใหม่ กระทั่งต่อมา จึงทรงตั้งนามพระราชสกุล "วิวัชรวงศ์" พระราชทานแก่พระโอรส อันประสูติแต่ นางสุจาริณี(ฯลฯ) ผลประเสริฐ (หม่อมสุจาริณี มหิดลฯ)" มันแย้งกันค่ะ เลยทำให้ดิฉันยังงงๆว่า ตกลงหม่อมท่านและพระโอรสทั้งสี่ได้เปลี่ยนนามสกุลไปเองหรือได้เปลี่ยนนามสกุลไปใช้นามสกุลที่ได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระบรมฯคะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : ไพร่ฟ้า ฯ - [ 17 ต.ค. 48 19:28:59 A:211.72.108.19 X: ]

ความคิดเห็นที่ 14 ถึง คุณไพร่ฟ้า สมเด็จพระบรมฯ มีพระราชโอรสธิดาอันประสูติแต่หม่อมสุจาริณี  มหิดล ณ อยุธยา (ยุวธิดา ผลประเสริฐ) ทั้งหมด 5 พระองค์ ต่อมาทรงหย่าจากหม่อมสุจาริณี มหิดล ณ อยุธยา ด้วย"เหตุผลส่วนพระองค์" ทำให้ไม่มีสถานะเป็นหม่อมอีกต่อไป จึงเป็น "นางสุจาริณี ผลประเสริฐ" (นามสกุลเดิม)ต่อมาเป็น"นางสุจาริณี วิวัชรวงศ์"ครับ พระราชโอรสทั้งสี่ และพระมารดาเสด็จไปทรงศึกษาต่อต่างประเทศ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ใช้คำหน้านามเป็นสามัญชน และใช้นามสกุล วิวัชรวงศ์ ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯตั้งขึ้นพระราชทานแก่พระโอรส และนางสุจาริณีครับ ขอให้ทุกท่านคิดคล้ายๆกับ ในหลวงรัชกาลที่ 5 ทรงส่งพระราชโอรสไปศึกษาต่อต่างประเทศ แล้วทรงให้ใช้ esquire(เขียนถูกเป่าเนี่ย) หมายถึง ชนชั้นสูง แทนคำว่า His Royal Highness ด้วยเหตุผลหลายประการ ครับ แต่ปัจจุบัน esquire ก็ไม่ได้นิยมใช้ ใช้ Mister ก็ไม่แปลกนะครับ เพราะในต่างประเทศ เจ้าหรือไม่เจ้าก้เหมือนกัน   อย่างไรก็ตาม ท่านคือเจ้านายไทย ซึ่งหากเสด็จกลับมาสู่ประเทศแล้ว อย่างไรท่านคือเจ้านายไทย ตกลงไหมครับ อ่อ หากมีข้อสงสัย ถึงสาเหตุต่างๆนานา ก็ขอให้อ่านคำว่า "เหตุผลส่วนพระองค์" ให้ดีนะครับ หวังว่าคนอ่านคงจะไม่อยากรู้ไปถึง"เหตุผลส่วนพระองค์" นะครับ ที่เตือนเพราะปรารถนาดี และผมเองก็ไม่ทราบว่า ท่านมีเหตุผลอย่างไร ถ้าผู้อ่านอยากรู้อย่างไร คงมีแต่ "ท่าน" ผู้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯลงมา เท่านั้นที่จะมีพระราชวิสัชนา ผู้อ่านที่ curiousได้ แก้ไขเมื่อ 17 ต.ค. 48 20:22:59 จากคุณ : natthaset - [ 17 ต.ค. 48 20:15:40 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณคุณ natthaset มากค่ะ ดิฉันหายสงสัยแล้วค่ะ ตอนแรกดิฉันก็ลังเลคิดว่าคำถามนี้จะเหมาะสมหรือเปล่าที่จะเรียนถามคุณไป เพราะกลัวจะเป็นการมิบังควร และกลัวกระทู้จะล่ม เหมือนกระทู้ที่ผ่าน ๆ มาอีกค่ะ ตอนนี้ก็หายสงสัยแล้วค่ะ ขอขอบคุณมากค่ะ ดิฉันรู้สึกว่าคุณเป็นความหวัง และผู้รู้เกี่ยวกับราชวงศ์จริง ๆค่ะ ดิฉันหวังไว้ว่าสักวัน ดิฉันคงมีโอกาศได้รู้จักตัวและเจอกับตัวจริงของคุณค่ะ คุณ natthaset จากคุณ : ไพร่ฟ้าฯ - [ 17 ต.ค. 48 20:35:52 A:211.72.108.2 X: ]

ความคิดเห็นที่ 16 พูดง่าย ๆ ก็คือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยุ่หัว ทรงนามสกุล มหิดล ตามพระบรมชนกนาถองค์ต้นราชสกุลนั้นเอง แต่พระองค์ทรงเป็นองค์ประมุขแห่งราชวงศ์จักรีในขณะนี้ และทรงเป็นใหญ่กว่าราชวงศ์ราชสกุลทั้งมวลในประเทศขณะนี้ฉะนี้แล... จากคุณ : เอาด้วย - [ 17 ต.ค. 48 22:15:40 A:61.91.160.37 X: ]

ความคิดเห็นที่ 17 แล้วทำไมท่านไม่ให้พระนัดดาของ(หลาน)ที่ประสูติจากสมเด็จพระบรม และหม่อมสุจาริณี จึงไม่ได้ใช้นามสกุลมหิดลไปตลอด แต่ให้เปลี่ยนเป็น วิวัชรวงศ์ ค่ะ และยังไม่รับหม่อมเจ้าทั้งสี่พระองค์ให้เป็นพระเจ้าหลานเธอ เหมือนพระองค์หญิงสิริวรรณวลี ขอคำตอบแบบที่ถูกต้องถามหลักเหตุผลหน่อย ไม่เอาคำตอบแบบที่ว่า "เพราะเหตุผลส่วนพระองค์" จากคุณ : วันรุ่นไทย - [ 18 ต.ค. 48 10:09:47 A:61.228.88.37 X: ]

ความคิดเห็นที่ 18 ฐานันดรศักดิ์ของหม่อมเจ้าชายทั้งสี่องค์มิได้เปลี่ยนนะครับ ยังคงเป็นหม่อมเจ้า ในราชสกุล "มหิดล" แต่เนื่องจากประทับ ณ ต่างประเทศ การใช้ฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์ อาจจะไม่สะดวกด้วยเหตุผลบางประการ จึงทรงใช้พระนามอย่างสามัญ และนามสกุลวิวัชรวงศ์ ตามที่พระบิดา ทรงขอประทานจากสมเด็จพระสังฆราช เพื่อพระราชทานแก่ อดีตหม่อมมารดา (อดีตหม่อมซึ่งเป็นมารดา) ครับ ส่วนเรื่องการปฏิบัติต่อท่านชายทั้งสี่ที่ต่างกับพระขนิษฐา นั้น คงไม่สามารถตอบได้ เพราะเป็นพระบรมราชวินิจฉัย แต่ส่วนตัวเดาว่า เพราะพระองค์สิริวัณฯ เป็นเจ้านายสตรี การประทับในต่างแดน คงไม่ค่อยเหมาะสมนัก ต่างจากท่านชายทั้งสี่ครับ จากคุณ : ทับศานต์ใจ - [ 18 ต.ค. 48 10:42:50 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ผมขอตอบคุณ วัยรุ่นไทยนะครับ ผมเกรงว่า  คุณวัยรุ่นไทย คงจะอ่านคำอธิบายของคุณ natthaset ไม่ละเอียดพอนะครับ เหตุผลส่วนพระองค์  ก้อคือเหตุผลส่วนพระองค์นะครับ  ผมจะเทียบง่าย ๆ แบบชาวบ้านชาวเราก้อคือ  สมมติว่ามีครอบครัวข้างบ้านคุณ  ที่คุณรู้จักมักจี่เป็นอย่างดีนั้น  ฝ่ายภรรยาเกิดหายไปเฉย ๆ คุณทราบเลา ๆ ว่า  เขาหย่าขาดจากกัน  ด้วยเหตุผลบางอย่าง  คุณก้อกระตือรืนร้นด้วยอยากทราบเหตุผลนั้นมาก  แต่เพื่อนข้างบ้านคุณก้อไม่ยอมบอกสักที  คุณจึงถามเขาไปว่า  หย่าร้างกันด้วยเหตุผลใด  เขาตอบว่า  ด้วยเหตุผลส่วนตัว  คุณจะซักเขาต่อไหมครับ? เรื่องบางเรื่องเป็นเรื่องส่วนพระองค์จริง ๆ  บางทีอาจจะไม่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เผยแพร่  เราก้อไม่บังควรจะไปรบกวนเบื้องพระยุคลบาทท่าน  จำได้ว่าเมื่อครั้งกาญจนาภิเษก  มีการฉายวิดีทัศน์ซึ่งเป็นภาพยนตร์ส่วนพระองค์ที่ถ่ายไว้เมื่อครั้งเสด็จประพาสต้นตามเมืองต่าง ๆ  ทางผู้จัดทำและสำนักพระราชวัง  ยังขึ้นข้อความว่า  ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้นำมาเผยแพร่  ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้  เพราะภาพยนตร์ชุดนี้เป็น "ของส่วนพระองค์จริง ๆ" ที่ไม่เคยออกสู่สายตาประชาชนเลย  เป็นบุญตาของพวกเราจริง ๆ ผมว่า  การเขียนแสดงความคิดเห็นในครั้งต่อไป  บางทีความอยากรู้บางเรื่องซึ่งหมิ่นต่อการระคายเบื้องพระยุคลบาท (พูดตรงๆ ว่่า  วัยรุ่นสมัยนี้ไม่ค่อยมีสำนึึกเรื่องนี้หรอกครับ  -  ขออนุญาตใช้คำพูดแบบนี้  และขอโทษด้วยครับ) พระราชวงศ์ไทยคือประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งที่เราควรศึกษา  ผมเองสนใจศึกษาเฉพาะช่วงเปลี่ยนแปลงการปกครองมาก  จึงมีหนังสือและได้อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวไว้ค่อนข้างมาก  สิ่งเหล่านั้นทำให้ผมรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบรมราชจักรีวงศ์และบรรพกษัตริย์ทุกพระองค์  ไม่คิดจาบจ้วงหรืออกตัญญุตาต่อพระองค์ท่านเลย  ผมเองอ่านกระทู้ในนี้ตลอดสังเกตว่า  จะมีส่วนน้อยที่มักเขียนแสดงความเห็นในทำนองนี้  และมักทำให้บรรยากาศและวัตถุประสงค์ของผู้ตั้งกระทู้คลาดเคลื่อนไป  จึงอยากฝากให้ขาวห้องสมุดช่วยปรับปรุงและระวังในการแสดงความคิดเห็นด้วยนะครับ  ดังพระราชนิพนธ์ใน สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถที่ว่า (จำได้เลา ๆ ทำนองนี้นะครับ)  นักศึกษาบางกลุ่มถือว่าตนเองเป็นผู้มีเสรีภาพในการวิจารณ์ได้อย่างเต็มที่  จนลืมคำนึงถึงขอบเขตของเสรีภาพในการแสดงความเห็นและกาละเทศะ ฝากไว้สักนิดนะครับ - คำพระท่านว่า  รู้ก้อเท่านั้น  ไม่รู้ก้อเท่านั้น  บางทีไม่รู้เสียยังจะดีกว่า  ฝากให้คุณวัยรุ่นไทยได้ปลงกันนะครับ แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 48 11:11:48 จากคุณ : PeeEm - [ 18 ต.ค. 48 11:10:12 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เดี๋ยวนี้อะไรก็เจริญขึ้น  ยิ่งมีอินเทอร์เน็ตด้วย ดิฉันเห็นว่าข่าวลือส่วนใหญ่ก็มาจากในอินเทอร์เน็ตทั้งนั้น และคำถามอย่างคุณวัยรุ่นไทยก็จะมีมากขึ้นทุกๆวัน แน่ๆเลยค่ะ ดิฉันเห็นใจนะคะคุณวัยรุ่นไทย  ตอนนี้สำหรับเรื่องที่คุณสงสัย ในหัวดิฉันมีหลายเวอร์ชั่นมากเลยค่ะ  ที่ได้ยินพูดต่อๆกันมา ไม่บอกดีกว่าเพราะไม่แน่ใจว่าจะเชื่อถืออันไหนได้ค่ะ แม้โลกจะก้าวไกล  แต่การรับรู้ความเป็นไปของสมาชิกราชวงศ์ในมุมส่วนพระองค์สำหรับชาวไทยยังไม่ไปไหน มีก็แต่ข่าวพระราชสำนักทุกค่ำคืน ขอบอกว่าทำใจเถอะค่ะ  อย่าไปอยากรู้เลย  ถือเสียว่า พระบรมวงศานุวงศ์ไทยต้องทรงงานหนักอยู่แล้ว  ไม่เหมือนประเทศใดๆ อย่าไปอยากรู้เรื่องที่จะทำให้ระคายเบื้องพระยุคลบาทเลย จากคุณ : ธารกำนัล - [ 18 ต.ค. 48 12:26:20 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เพิ่มเติมค่ะ เรื่องท่านทั้ง 4 และพระมารดา  ดูจะเป็นเรื่องที่ชาวไทยอยากรู้มากที่สุด ถามกันมามากมายเหลือเกิน  ทั้งหลังไมค์ และอีเมล์ ดิฉันเองจนปัญญาที่จะตอบ   หากจะนำข่าวลือที่เคยได้ยินมาเล่าให้พิจารณา  ก็ล้วนมีแต่ในทางร้าย จากคุณ : ธารกำนัล - [ 18 ต.ค. 48 12:43:10 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เห็นด้วยกะอาจารย์ธารกำนัลค่ะ ดิฉันได้มาอ่านกระทู้นี้แล้วนึกกลั๊ว กลัว กลัวว่ากระทู้นี้จะล่มเหมือนกระทู้ก่อนซะแล้ว นี่ก็แสดงให้เห็นว่าประชาคนทุกคนยังระลึกถึงหม่อม และพระโอรสทั้งสี่พระองค์ ดิฉันก็เช่นกันค่ะ ยังระลึกถึงพวกท่านๆ ดิฉันได้เข้าเฝ้าท่าน ๆ ครั้งสุดท้าย ก็เมื่อประมาณสิบปีก่อนคะ ตอนนี้ก็ได้แต่หวังไว้ว่าสักวันคงมีโอกาสได้กราบเข้าเผ้าท่านอีกค่ะ อ้อ ตำหนิคุณวัยรุ่นไทยสักหน่อยนะ วัยรุ่นสมัยนี้ไม่ค่อยรู้จักสิ่งที่ควรหรือไม่ควรเลย แถมชอบมั่วอีก เฮ้อ หนักใจแทนคุณพี่ระเบียบรัตน์เขาจริง ๆ จากคุณ : ไพร่ฟ้า - [ 18 ต.ค. 48 17:04:04 A:211.72.233.3 X: ]

ความคิดเห็นที่ 23 พระมหากษัตริ และพระบรมวงศ์ศานุวงศ์ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน พระองค์ทรงอยู่ในฐานะที่เราควรเคารพบูชาเหนือเกล้าฯ คุณวัยรุ่นไทย ถึงแม้ว่าคุณจะอยากรู้ แต่ผมขอบอกว่า ไม่สมควรจะรู้และไม่ต้องอยากรู้เลยจะดีกว่า น่าจะเข้าใจนำครับ ว่าอะไรควรไม่ควร พระราชวงค์จักรี ทรงสร้างบ้านแปลงเมืองและดูแลราษฎรมาถึง 200 กว่าปี เราๆ ท่านๆ ทั้งหลายสมควรอย่างยิ่งที่จะต้องสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณนานับประการ จากคุณ : Max2000 - [ 19 ต.ค. 48 01:23:38 ]

ความคิดเห็นที่ 24 คือ ว่าสมเด็จพระบรมทรงเป็นรัชทายาท ความหมายก็คือถ้าทรงเป็นรัชกาลที่ 10 ในภายภาคหน้า เข้าใจว่าพระองค์เจ้าชายทีปังกร ทรงเป็นพระรัชทายาท ท่านชายทั้ง 4 พระองค์ก็ต้องทรงเป็นต้นราชสกุลของพระองค์เองสิครับ ในฐานะเป็นพระโอรสของพระมหากษัตริย์ ก็คือมีราชสกุลใหม่ของแต่ละองค์เอง(คือไม่ใช่มหิดลแล้ว) ไม่ทราบว่าคิดถูกไหมครับ จากคุณ : miroslav - [ 19 ต.ค. 48 12:04:45 ]

ความคิดเห็นที่ 25 สงสัยคุณ วัยรุ่นไทย คงเกิดไม่ทันสัก 10 ปีก่อนนะคะ สมัยนั้นน่ะ ทั้งใบปลิว ทั้งแฟ็กซ์กันให้ว่อน แค่ชั่วคืนเดียวเขาก็ได้รับข่าวสารนี้กันทั้งเมือง โดยที่ไม่ต้องพึ่งอินเตอร์เนตเลยค่ะ จากคุณ : พี่แป๊ะ - [ 19 ต.ค. 48 15:59:51 A:58.11.104.34 X: TicketID:089860 ]

ความคิดเห็นที่ 26 คุณ PEEEm ครับ อยากบอกว่า เยาวชนไทยตอนนี้ ต่างมีความจงรักภักดีต่อในหลวง พระราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์มาก แต่บางครั้งบางอย่าง อาจจะไม่เหมาะสม คือไม่ควรแก่กาละและเทศะ แต่ในใจของเยาวชนทั้งหลายก็ยังเคารพสักการะในหลวง พระราชินี พระบรมวงศานุวงศ์ทั้งหลายอย่างเอนกอนันต์ หากได้ลองเข้าไปในเวปไซท์ http://www.dek-d.com จะได้เห็นถึงความจงรักภักดีส่วนหนึ่งของเยาวชนที่เข้าถึงสื่ออย่างอินเตอร์เนตในปัจจุบัน กระทู้เกี่ยวกับในหลวง พระราชินี หรือพระบรมวงศานุวงศ์บางพระองค์ต่างติดอันดับท๊อป 5 ของเวปไซต์ คำcomment จากเยาวชนต่างๆ แม้ว่าจะไม่ถูกต้องตามราชาศัพท์ แต่ก็พยายามใช้เพื่อเฉลิมพระเกียรติในหลวง พระราชินี และพระบรมวงศ์พระองค์นั้น อย่างเต็มความสามารถ หรือแม้กระทั่ง กล่าวถึงพระอนุวงศ์บางพระองค์ไม่เหมาะสม เช่น นำ พระอนุวงศ์บางพระองค์ไปเทียบกับบุตรีท่านผู้นำคนหนึ่ง ว่าเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยได้ เยาวชนเหล่านั้นต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "อย่าเอาท่านไปเทียบกับมัน" "มันกะท่านคนละชั้นกัน" ซึ่งผมได้เห็นประจักษ์ว่า เยาวชนในปัจจุบัน ถึงแม้จะมีอารยธรรมตะวันตกเข้ามาสักเพียงใด ความรักชาติรักแผ่นดิน รักศาสนา พระเจ้าอยู่หัว ก็ยังอยู่ในจิตใจของชนเหล่านั้นอย่างมิเลือนลืม อันเนื่องมาจากที่ปลูกฝังมาแต่เมื่อเยาว์วัย จากคุณ : natthaset - [ 19 ต.ค. 48 21:45:37 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณลิงค์ที่คุณ natthaset ให้มานะครับ จากคุณ : PeeEm - [ 20 ต.ค. 48 08:01:51 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบคุณคุณณัฒมากค่ะ นู๋โดนรุมซะเกือบแย่ๆไปเลย ดีจังที่คุณณัฒเข้าขี่ม้าขาวมาช่วยนู๋ทันเวลาพอดี ฮิๆๆ จากคุณ : วันรุ่นไทย - [ 20 ต.ค. 48 20:16:52 A:211.72.233.3 X: ]

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณทุกกระทู้ครับ จากคุณ : หล่อร้อยเมตร - [ 21 ต.ค. 48 01:40:20 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ฝากหนูวัยรุ่นไทยเอาไปคิด และบอกเพื่อนๆของหนูด้วยนะจ๊ะ จากคุณ : ลำดวน - [ 21 ต.ค. 48 10:43:24 A:203.185.133.132 X: TicketID:080171 ]

ความคิดเห็นที่ 31 คิดว่า คนไทยโดยส่วนใหญ่  จะรุ่นใหม่หรือ รุ่นเก่าต่างก็รักแผ่นดินและเทิดทูนพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ด้วยกันทั้งสิ้น ด้วยใจเคารพและภักดี เราจะจดบันทึก ประวัติศาสตร์ของชาติ อย่างไร หากมี ประวัติศาตร์มีแต่เสียงกระซิบ จะสอนให้ลูกหลาน เยาวชน  อย่างไร หากมีคำถามเกิดขึ้นอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่อธิบายไม่ได้ บางที สังคมไทยในหลาย ๆ ส่วน อาจจะขาด ความโปร่งใส ที่มา และที่ไป  ทำให้ประวัติศาสตร์ขาดช่วงตอนไป หลายคนอาจจะยิ้มและประทับใจ กับ ข้อเขียนมากมาย เช่น บทความ "ทรงพบรัก" ระหว่างพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีนาถ  ที่เต็มไปด้วยรายละเอียด ชัดเจน กระจ่างใจ ให้บรรดาไพร่ประชาชนได้ปลื้มปิติ เป็นบุญของไพร่ฟ้าอย่างเหลือคณาที่ได้รับรู้ พระราชประวัติและเรื่องราวของพระองค์ท่าน นำมาซึ่งความจงรักภักดีของไพร่ฟ้าอย่างที่สุดมิได้     ในกาลข้างหน้า จะเป็นอย่างไร หากความไม่ชัดเจนยังเป็นสิ่งที่ปกคลุมใจ ของไพร่ฟ้า หากมีแต่เสียงกระซิบทั้งร้ายและดี ให้ไพร่ฟ้าจัดเก็บเป็นประวัติศาสตร์ฉบับเล่าลือฉบับกระซิบ และเราจะตอบคำถามนี้อย่างชัดเจนให้กับลูกหลานที่เกิดต่างยุคต่างสมัย ได้อย่างไร หากความคิดเห็นนี้ถูกลบ  ก็เข้าใจได้ ด้วยความหวังดีและเคารพของมิตร ณ ห้องนี้ ต้องขออภัยด้วย จากคุณ : ฉันไม่รอวันนั้น (ฉันไม่รอวันนั้น) - [ 25 ต.ค. 48 02:51:21 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ผมเห็นว่าในอนาคตโอกาสที่จะเกิดราชสกุลใหม่นั้นมีน้อยครับ  เพราะเมื่อมีการพระราชทานนามสกุลในสมัยรัชกาลที่  6  เจ้านายก็ทรงถูกจัดหมวดหมู่ตามสายตระกูลของตนเอง  และการสืบสายสกุลก็คงตกเป็นของทายาทต่อกันไปในแต่ละรุ่น  จะอ้างธรรมเนียมว่าพระราชโอรสของพระมหากษัตริย์จะทรงเป็นต้นราชสกุลใหม่ในทุกแผ่นดินผมไม่เห็นด้วยครับ  เพราะบัดนี้เมื่อพระมหากษัตริย์ทรงเป็น  มหิดล  พระรัชทายาทก็เป็น  มหิดล  ไม่ว่าจะมีพระราชโอรสกี่พระองค์ก็ยังคงเป็นมหิดลอยู่  เว้นแต่จะทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยเป็นอย่างอื่น จากคุณ : รอยใบลาน - [ 26 ต.ค. 48 08:35:28 ]

ความคิดเห็นที่ 33 เห็นด้วยกับความเห็นที่ 31 และ 32 อย่างยิ่งครับ จากคุณ : ทับศานต์ใจ - [ 26 ต.ค. 48 16:56:00 ]

ความคิดเห็นที่ 34 แหมะ คุณเคนนี่พูดได้จับอกจับใจจริงๆเลยเนอะ ชัดเจนแจ่มชัด นับถือๆ จากคุณ : ผ่านมา - [ 26 ต.ค. 48 22:44:19 A:61.90.10.145 X: TicketID:108996 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ดิฉันคิดว่า ประวัติศาสตร์ไทยมีลักษณะเฉพาะของมันเอง คุณจะไปเปรียบเทียบหรือจะให้กระจ่างแจ้งแบบประวัติศาสตร์ประเทศอื่นไม่ได้หรอกค่ะ คุณต้องทราบว่านี่คือลักษณะเฉพาะของประเทศไทย ถ้า "ท่าน" ไม่โปรดให้ทราบ ก็ไม่จำเป็นต้องทราบหรือคาดคั้นจะรู้ให้ได้ ขอย้ำอีกครั้งค่ะว่า นี่คือลักษณะเฉพาะของประเทศไทย ทุกคนรักเคารพและเทิดทูน การจะไปกระซิบ บอกต่อ หรือคุยกันเองอย่างไรเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง ราชวงศ์ไทยนะคะไม่ใช่ราชวงศ์ญี่ปุ่นหรืออังกฤษจะได้ตอบคำถามประชาชนหรือสื่อมวลชนในทุกเรื่อง ปล่อยให้เป็นเรื่องพระบรมราชวินิจฉัยเถอะค่ะ จากคุณ : รมณีย์ - [ 27 ต.ค. 48 08:54:26 ]

ความคิดเห็นที่ 36 การใช้นามสกุลวิวัชรวงศ์ ในปัจจุบันจะเหมือนกับ การใช้ทองเจือในสมัยต้นตระกูลก่อน หรือเปล่าครับ เพราะเหมือนจะมาในแนวเดียวกัน จากคุณ : mcpan - [ 27 ต.ค. 48 12:48:16 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เหมือนจะใช่แต่ไม่ใช่ครับ เพราะ "ทองเจือ" ไม่ได้รับการยอมรับตั้งแต่แรก ขณะที่ "(ท่านผู้ใช้นามสกุลพระราชทานตามอดีตหม่อมมารดา) วิวัชรวงศ์" นั้น ได้รับการยอมรับแต่แรกประสูติที่ดำรงพระยศ "หม่อมเจ้า" ด้วยประสูติจากเจ้าฟ้าและหม่อมสามัญชน ถูกต้องตามกฎมณเฑียรบาลทุกประการ แม้ว่าอดีตหม่อมท่านนั้นจะไม่ได้รับการยอมรับโดยการพระราชทานเครื่องราชฯ ตระกูลจุลจอมเกล้า ในฐานะสะใภ้หลวง แต่ก็ได้รับการยอมรับจากสามีด้วยการจดทะเบียนสมรสด้วย มีสิทธิในนามราชสกุล (ณ อยุธยา) ต่อท้ายนาม และหย่าในเวลาต่อมา ท่านชายทั้งสี่ยังทรงเป็น "หม่อมเจ้า" ในราชสกุล เสมอ แต่ในการประทับต่างประเทศนั้น อาจจะไม่สะดวกและเหมาะสมกับพระสถานะ จึงทรงใช้พระนามลำลอง คงคล้าย ๆ กับ สมัยสมเด็จพระมหิตลาธิเบศรฯ ประทับศึกษาที่สหรัฐฯ ทรงใช้พระนามว่า "มหิดล สงขลา" นั่นเองครับ ในอนาคตหากท่านทั้งสี่เสด็จนิวัติมาตุภูมิ ก็จะต้องทรงใช้พระนามอย่างเป็นทางการต่อไป หรืออาจจะทรงได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระยศที่สูงขึ้น เหมือนพระขนิษฐา ก็เป็นได้ครับ ทั้งนี้ต้องแล้วแต่พระบรมราชวินิจฉัยครับ ต้องขอเรียนอีกครั้งว่า "วิวัชรวงศ์" นั้นมีผู้ใช้อย่างถูกต้องตามกฎหมายเพียงท่านเดียวเท่านั้นครับ (เป็นนามสกุลที่พระราชทานเฉพาะท่าน) จากคุณ : ทับศานต์ใจ - [ 29 ต.ค. 48 18:02:35 ]

ความคิดเห็นที่ 38 แล้วสกุลทองเจือเป็นยังไงค่ะเหมือนกันตรงไหนอ่านแล้วงง เพิ่งเข้ามานะค่ะ จากคุณ : ณภพ - [ 31 ต.ค. 48 09:37:30 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ลองค้นกระทู้เก่าดูนะครับ แต่ผมจะสรุปคร่าว ๆ ว่า กรมหลวงสรรพศาสตร์ศุภกิจ (พระองค์เจ้าทองแถมถวัลย์วงศ์) พระราชโอรสในรัชกาลที่ 4 ทรงมีชายาเอก คือ หม่อมเจ้าเม้า รองทรง ซึ่งทรงมีพระอุปนิสัยขี้หึง ทรงห้ามเสด็จในกรมฯ มิให้ยอมรับโอรสของเสด็จในกรมฯ ที่ประสูติจากหม่อมท่านหนึ่ง ต่อมาสมเด็จพระพันปีในรัชกาลที่ 6 ทรงรับโอรสองค์นั้นไปอุปการะ และพระราชทานนามว่า "ทองเจือ" เมื่อมีพระราชบัญญัตินามสกุล รัชกาลที่ 6 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานนามสกุลว่า "ทองเจือ" ต่อมาท่านนั้นมีบรรดาศักดิ์เป็น พระยาไพชยนต์เทพ (ทองเจือ ทองเจือ)  ต้นตระกูลของคุณภิญโญ ทองเจือ  คุณเผ่าทอง ทองเจือ ถ้าเทียบแล้วชั้นนี้ต้องเป็น หม่อมหลวง ครับ แก้ไขเมื่อ 31 ต.ค. 48 11:19:26 จากคุณ : ทับศานต์ใจ - [ 31 ต.ค. 48 11:18:29 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ขอบุณคุณทับศานตร์ใจมากน่ะที่ให้ความรู้ที่ดิฉันเคยอยากรู้มาตลอด ส่วนว่าทองเจือได้รับการยอมรับไหม ถ้าบุคคลระดับพระเจ้าแผ่นดินและพระญาติผู้ใหญ่ทรงพระกรุณาแสดงพระองค์เช่นนี้ ดิฉันคิดว่าก็น่าจะคือการยอมรับน่ะค่ะ  ยอมรับของดิฉันคือถ้าได้พานพบผู้คนในตระกูลทอเจือ ดิฉันจะให้ความเคารพเป็นพิเศษในฐานะที่ได้มีเชื้อสายของราชวงศ์จักรกรีอันเป็นที่รักยิ่งของดิฉัน จากคุณ : cyberbow - [ 1 พ.ย. 48 15:39:05 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ขอเคารพเป็นรายๆ ไปได้ป่ะค่ะ แบบว่าส่วนตัว ไม่ค่อยชอบพีส ทองเจือน่ะค่ะ จากคุณ : ไพร่ฟ้า ฯ - [ 1 พ.ย. 48 22:44:17 A:61.228.86.26 X: TicketID:110465 ]

ความคิดเห็นที่ 42 อารายนะ พิท ทองเจือ เป็นเชื้อพระวงศเหรอนี่ เพิ่งรู้แท้ ๆอุ้ยตายว้ายกรีด จากคุณ : แต๋วแตก - [ 2 พ.ย. 48 15:24:52 A:61.90.10.254 X: ]

ความคิดเห็นที่ 43 ขอถามผู้รู้ครับ ไม่ทราบว่าตอนนี้พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาธินัดดามาตุ ทรงอยู่ในราชสกุลใด เป็นพระองค์เจ้าในราชสกุลกิติยากร (ราชสกุลเดิม) หรือว่าพระองค์เจ้าในราชสกุลมหิดล (ยังทรงใช้ราชสกุลนี้ได้อยู่หรือเปล่า) จากคุณ : mcpan - [ 18 พ.ย. 48 12:00:42 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ตามความเข้าใจนะครับ เนื่องด้วยพระองค์เป็นเจ้านายฝ่ายใน (ผู้หญิง) ดังนั้นไม่น่าจะเป็นราชสกุลมหิดล ในเมื่อทรงหย่าแล้ว และถึงแม้พระองค์จะไม่มีบัตรประชาชนในฐานะราชวงศ์ ดังนั้นคิดว่าพระองค์ก็น่าจะจัดเข้าราชสกุลกิติยากร อยู่เช่นเดิมนั่นแหล่ะครับ เพียงแต่ว่าพระองค์นับเนื่องเข้าใน ในหลวงรัชกาลปัจจุบัน คือเป็นพระองค์เจ้าใน ร.ปัจจุบัน (นับเนื่องคือทรงเป็น พระวรราชาทินัดดามาตุ ใน รัชกาลปัจจุบัน) ดังนั้นจึงไม่น่าจัดเข้าในราชสกุลมหิดลได้ครับ เนื่องจากทรงหย่ากับสมเด็จพระบรมฯ แล้วนั่นเอง... จากคุณ : เอาด้วย - [ 18 พ.ย. 48 19:58:56 A:61.90.14.49 X: ]

ความคิดเห็นที่ 45 เคยเข้าใจว่าเชื้อพระวงศ์ เช่น พระองค์เจ้า หม่อมเจ้า หม่อมราชวงศ์ และหม่อมหลวง เป็นโดยกำเนิด และสามารถสถาปนาให้ดำรงพระยศสูงขึ้นได้ เช่นหม่อมเจ้าหญิงวิภาวดีรังสิต เป็นพระองค์เจ้าหญิง เป็นต้น แล้วถ้าตั้งคนธรรมดาสามัญชนเป็นเชื้อพระวงศ์(เช่น เป็นพระองค์เจ้า) จะต้องนับสกุลเดิมของพ่อแม่เป็นราชสกุลด้วยหรือไม่ จากคุณ : คนไทย - [ 6 ธ.ค. 48 16:25:19 A:168.120.76.50 X: ]

ความคิดเห็นที่ 46 ไม่เลยค่ะ ราชสกุลสืบมาจากพระมหากษัตริย์ วังหน้า วังหลัง และ ปฐมวงศ์เท่านั้น จากคุณ : สิบสองพระกำนัล - [ 6 ธ.ค. 48 20:58:54 A:61.19.185.107 X: TicketID:111006 ]

ความคิดเห็นที่ 47 คืนวันที่ 4 ธันวาคม ได้ฟังพระกระแสรับสั่งของในหลวงแล้วปลื้มปิติมากที่พระองค์จะครองราชย์ต่ออีก 40 ปี จนพระชนมายุ 118 พรรษา(ขอให้ฟ้าเมตตาคนไทยด้วย แม้ดิฉันอาจจะไม่อยู่แล้วก็ตาม) และใช้ไบโอดีเซลเป็นเชื้อเพลิง เป็นบุญที่จะมีชีวิตอยู่ในใต้ร่มโพธิสมภารของราชวงศ์จักรี 9 พระองค์ จากคุณ : supaneektk@au.edu - [ 9 ธ.ค. 48 11:41:30 A:168.120.76.51 X: ]

ความคิดเห็นที่ 48 พระโอรสองค์ล่าสุดของสมเด็จพระบรมฯก็ประสูติจากหม่อมสามัญชนเช่นกัน แต่เพราะเหตุใดจึงได้พระอิสริยยศพระองค์เจ้า ซึ่งน่าจะเป็นหม่อมเจ้า เหมือนพระโอรสธิดาของเจ้าฟ้าองค์อื่นๆที่ประสูติจากหม่อมสามัญชน เช่น พระธิดาองค์โตของเจ้าฟ้ามหิดลฯและหม่อมสังวาลย์ คือหม่อมเจ้าหญิงกัลยาณิวัฒนา เป็นต้น (ต่อมาจึงสถาปนาพระอิสริยยศเป็นพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้ากัลยาณิวัฒนา) คือว่าน่าจะดำรงฐานันดรศักดิ์แต่กำเนิดก่อน แล้วจึงสถาปนาในภายหลัง จากคุณ : คนไทย - [ 13 ธ.ค. 48 13:52:04 A:168.120.76.51 X: ]

ความคิดเห็นที่ 49 พระวรชายาในสมเด็จพระบรมฯเป็นเชื้อพระวงศ์ชั้นพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ (แต่ไม่แน่ใจว่าสืบเชื้อสายจากราชสกุลใด อาจจะกิติยากร หรือยุคล หรือสนิทวงศ์ หรือเปล่า เพราะหน้าคล้ายกับพระองค์โสมตอนยังเด็ก) พระโอรสจึงเป็นพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้า ไม่ใช่หม่อมเจ้า หนูก็ดูข่าวพระราชสำนักมาเพื่อทำรายงาน จากคุณ : นักเรียนม. 1 - [ 14 ธ.ค. 48 15:05:28 A:168.120.76.51 X: ]

ความคิดเห็นที่ 50 ไม่ไช่แล้วฮ่ะอย่างนั้น ขออนุญาตตอบไปตามลำดับดังนี้นะฮ่ะ ที่พระองศ์ชายน้อยทีปังกรฯ ได้รับพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ เป็น "พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้า" โดยเฉพาะพระนามว่า "ทีปังกร" อันเป็นพระนามของพระพุทธเจ้าองค์สำคัญในอดีตอย่างนี้นั้น ก็เพราะ ๑. พระมหากรุณาธิคุณส่วนพระองค์โดยแท้ครับ เนื่องจากกฎที่ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงไว้ซึ่งอำนาจในการตั้ง-ถอนยศศักดิ์นั่นเองครับ ตามจริงก็โปรดแต่แรกเริ่มกล่าวคือ รับหม่อมศรีรัศมิ์ เป็นสะใภ้หลวง และพระราชทานน้ำสังข์ จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย และสถาปนาหม่อมเป็น พระวรชายา ทั้งที่ยังไม่ทรงสถาปนาพระโอรสตามกฎที่ว่าตั้งยศแม่เพื่อผดุงยศลูก (นี่ถือเป็นประวัติการณ์โดยแท้) ๒. อาจทรงเล็งเห็นด้วยพระญาณสมาธิส่วนพระองค์ก็เป็นได้ โดยเฉพาะพระนามว่า "ทีปังกร" ไม่ไช่ใครจะใช้ได้ง่าย ๆ ยิ่งในหลวงเราทรงเลืองลือทางพระญาณสมาธิด้วยแล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึง สำหรับคุณนักเรียน ม.1 นั้นไม่ไช่อย่างนั้นครับ พระวรชายา เป็นสามัญชนแต่กำเนิด แต่ได้รับโปรดเกล้าฯ สถาปนาเป็นราชวงศ์เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาครับ... จากคุณ : แจมครับ - [ 15 ธ.ค. 48 10:18:10 A:61.90.10.38 X: ]