ความคิดเห็นที่ 2
หนึ่งเมื่อเวลาประสูติเจ้าฟ้านั้น ครบเดือนเข้าแล้ว พราหมณ์จะยกขึ้นอู่ ต้องว่าคาถาสรรเสริญไกรลาส เหมือนหนึ่งเอาหงส์ขึ้นบนเปลแล้วกล่อมด้วยคาถาของพราหมณ์ แลมีเครื่องมโหรีอย่างหนึ่ง เฉพาะทำได้แต่การหลวง แลการของเจ้าฟ้า คือมีซอคัน ๑ มีบัณเฑาะว์ ๒ อัน มีคนขับคน ๑ เรียกว่า ขับไม้
ตั้งแต่ขึ้นพระอู่แล้ว มีข้าหลวงสำหรับร้องเพลงเห่ในเวลาประทม เรียกว่าช้าลูกหลวง ทำนองแลถ้อยคำไม่เหมือนกันกับที่เห่เจ้านายตามธรรมเนียม เป็นคำสูงๆเป็นต้นว่า อย่างเช่น พระเสด็จมาผ่านพิภพปกป้องพระวงศานุวงศ์แลราษฎร ดังนี้
พี่เลี้ยงนางนมนั้น เติมยศพระข้างหน้าเรียกเป็น พระพี่เลี้ยงพระนม ข้าในกรมมีตำแหน่ง ตั้งนายเวร ๔ ปลัดเวร ๔ อย่างละ ๖ บ้างตามที่นายเวรตำรวจ นายเวรมหาดเล็ก นายเวรฝีพาย มากบ้างน้อยบ้าง ตามแต่เจ้าของจะตั้ง วิเศษกว่าเจ้านายตามธรรมเนียม
แลเมื่อพระชนมพรรษาครบ ๙ ขวบ มีการแห่ลงสรงในแม่น้ำ ภายใต้มณฑปตั้งอยู่บนแพในน้ำ เมื่อพระชนมพรรษาครบกำหนดโสกันต์ก็มีเขาไกรลาส การแห่โสกันต์นั้น เป็น ๖ วัน ๗ วัน ทั้งลอยพระเกศา แลเมื่อโสกันต์เจ้าฟ้าต้องนั่งอยู่บนหนังราชสีห์ ฤารูปราชสีห์ปัก อย่างเช่นพระเจ้าแผ่นดินขึ้นพระภัทรบิฐ แลจุกที่แบ่งผมเวลาจะตัดตามธรรมเนียมเจ้านายทั้งปวงแบ่งเป็นสามแหยม แต่เจ้าฟ้าต้องแบ่ง ๕ แหยม เรียกว่า เบญจสิงขร คือเอาอย่างเทวดาองค์หนึ่ง ซึ่งเป็นคนดีดพิณของพระอิศวรได้ทำผมเป็นห้าแหยม แลสรงน้ำด้วยปากสัตว์ทั้ง ๔ ดังเช่นการโสกันต์ที่เคยมีมาแล้ว
แลเจ้าฟ้านั้นไม่มียศที่สมควรจะเป็นกรมหมื่น ถ้าจะได้เป็นกรม ต้องเป็นตั้งแต่กรมขุนขึ้นไป แลมีศักดินาแปลกกว่าเจ้านายตามธรรมเนียมหลายเท่า คือถ้าเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้า ทรงศักดินา ๒๐,๐๐๐ ถ้าเป็นต่างกรม ทรงศักดินา ๕๐,๐๐๐ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้า ทรงศักดินา ๑๕,๐๐๐ ถ้าเป็นต่างกรม ๔๐,๐๐๐ เจ้าทั้งสองชั้นนี้ถ้าเป็นอุปราชทรงศักดินา ๑๐๐,๐๐๐ พระองค์เจ้าตามธรรมเนียม ถ้าเป็นพระเจ้าน้องยาเธอ ทรงศักดินาแต่ ๗,๐๐๐ ลูกยาเธอ ๖,๐๐๐ สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้า ทรงศักดินา ๖,๐๐๐ ถ้าเป็นต่างกรมทรงศักดินา ๑๕,๐๐๐ เท่ากันทั้งสามชั้น แต่ถ้าเป็นพระเจ้าหลานเธอเหมือนหนึ่งเจ้านายวังหน้า ศักดินา ๔,๐๐๐ ถ้าเป็นต่างกรม ศักดินาจึงขึ้นเป็น ๑๑,๐๐๐ ตำแหน่งมานี้เป็นของโบราณ ตั้งมาแต่ในแผ่นดินสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถที่ ๑ ซึ่งได้เถลิงราชสมบัติในจุลศักราช ๗๙๖ ปี ยังอยู่ในตอน ๒๐๐ ปีข้างต้น เมื่อดูตำแหน่งศักดินานี้แล้วก็จะเห็นว่า เจ้าฟ้ายศมากกว่าพระองค์เจ้าเท่าใด
อนึ่งเจ้าฟ้าเป็นต่างกรม จะเป็นกรมขุน กรมหลวง กรมพระ อย่างไรก็ดี ไม่ได้เรียกพระนามตามกรม เปลี่ยนพระนามเดิม เหมือนเจ้าต่างกรมทั้งปวง เพราะเจ้าฟ้านั้น เมื่อจะได้รับพระนามกำหนดต่อพระชนมพรรษาได้ ๘ ปีเศษ ฤา ๙ ปี พระนามนั้นจาฤกในสุพรรณบัฏนี้ สร้อยยาวดังเช่นตัวเราเอง ได้รับสุพรรณบัฏจาฤกชื่อว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ บดินทรเทพยมหามงกุฎ บุรุษยรัตนราชรวิวงศ์ วรุดพงศบริพัต ศิริวัฒนราชกุมาร ฤาศิริวัฒนราชวโรรส ตามเวลาเด็กเวลาหนุ่ม
แต่ในสร้อยชื่อเจ้าฟ้า ได้รับทุกองค์นั้น คงจะมีว่าเป็นลูกคนนั้น คือออกพระนามพระบาทสมเด็จพระเจ้าแผ่นดิน ซึ่งเป็นพระราชบิดาทุกๆพระองค์เหมือนหนึ่งพระนามพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีว่า พงศาอิศวร กระษัตริย์ พระนามสมเด็จพระบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลามีว่า มหิศราธิราชรวิวงศ์ คือเป็นพระราชโอรสของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ซึ่งทรงพระนามว่า อิศรสุนทร แลตัวเราเองมีว่า บดินทรเทพยมหามกุฎบุรุษรัตนราชรวิวงศ์ ท่านกลางมีว่า มกุฎราชวรางกูร คือเป็นพระราชโอรสของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงพระนามว่า มหามงกุฎ แต่เจ้าฟ้าหญิงนั้น มีสร้อยพระนามสั้นๆ ไม่มีพระนามพระราชบิดา
แลตั้งเจ้ากรมปลัดกรมสมุหบัญชีเป็นหมื่นได้เหมือนเจ้าต่างกรม เมื่อเลื่อนขึ้นเป็นกรมขุนกรมหลวง ฤากรมพระ นามเดิมที่ได้รับพระสุพรรณบัฏแต่ทรงพระเยาว์นั้นไม่เลิกถอน พระนามซึ่งตั้งเป็นกรมนั้นไม่เป็นพระนามของเจ้า เป็นชื่อของเจ้ากรม ถาจะเรียกพระนาม ต้องเรีกพระนามเดิม ตลอดถึงชื่อเจ้ากรมด้วย เหมือนอย่างสมเด็จพระบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ์ เจ้ากรมเป็นพระบำราบปรปักษ์ ปลัดกรมเป็นหลวง สมุหบัญชีเป็นขุนตามลำดับยศ
อนึ่งเครื่องพานหมากเสวย พระเต้าบ้วนพระโอษฐ์ ใช้เครื่องลงยาราชาวดี ผิดกับเจ้านายทั้งปวง ถ้าเจ้านายทั้งปวงถึงจะมียศใหญ่เป็นต่างกรมอย่างสูง ถึงกรมสมเด็จพระ ก็จะใช้เครื่องลงยาไม่ได้ ต้องใช้ทองเปล่า เว้นแต่ทำใช้เองในเวลานอกจากหน้าพระที่นั่งพระเจ้าแผ่นดิน ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดฯพระราชทานเครื่องในพานนั้นลงยา พานทองเปล่า แก่ท่านผู้ที่ได้ช่วยราชการแผ่นดินบ้าง น้อยคนที่เดียว
ถ้าเจ้าฟ้าได้เป็นพระเจ้าแผ่นดิน ใช้สร้อยพระนาม อุภโตสุชาติสังสุทธเคราหณี ซึ่งเป็นคำนับถือของพวกนักปราญช์ชาวสยามว่า เป็นผู้บริสุทธิ์ คำว่าอุภโตสุชาตินั้นว่ามีความเกิดดีแต่ฝักฝ่ายทั้งสอง สังสุทธเคราหณีว่ามีครรภเป็นที่ถือเอาปฏิสนธิบริสุทธิ์พร้อม คือถ้าจะรวมความตามเข้าใจ ว่ามีครรภ์ที่เกิดปฏิสนธิบริสุทธิ์เป็นอันดีพร้อมทั้งสองฝ่าย
อนึ่งถ้ามีช้าลูกหลวงเมื่อเวลาประสูติแล้ว เวลาสิ้นพระชนม์ก็ต้องมีนางร้องไห้ แลทำพระเมรุกลางเมือง ใหญ่บ้างย่อมบ้างตามกาลเวลา
อนึ่งยังมีคำของคนทั้งปวงที่เรียกยกยอนอกจากยศที่พระเจ้าแผ่นดินให้ เคยเรียกอยู่ในเจ้าฟ้าซึ่งเป็นลูกเธอว่า ทูลกระหม่อม คำซึ่งเรียกว่าทูลกระหม่อมนี้ไม่เป๋นยศในตำแหน่ง เป็นแต่เรียกกันขึ้นลอยๆ เหมือนดังขุนนางเป็นพระยา แล้วบ่าวไพร่ฤาใครๆที่มียศต่ำกว่า ฤาขุนนางด้วยกันเองที่มียศเสมอกัน เคยเรียกว่าเจ้าคุณ แต่คำที่เรียกเจ้าคุณนี้ ถ้าจะกราบทูลในราชการ ก็ใช้ไม่ได้ต้องเรียกชื่อพระยาอันนั้นตามที่ตั้ง ฉันใดคำที่เรียกว่า ทูลกระหม่อม นี้ก็เหมือนกันอย่างนั้น แต่บางทีถ้าไม่เป็นที่ใช้ในหนังสือราชการ แลคำกราบทูลที่ไม่เป็นราชการแท้ ก็กราบทูลว่า ทูลกระหม่อม ได้บ้างเป็นแต่ไปรเวต
คำว่าทูลกระหม่อมนี้ บางทีคนที่ฟังจะสงสัยไปว่าเรียกไม่ทั่วกันเป็นเฉพาะแห่ง แต่ที่จริงนั้นถ้าเป็นเจ้าฟ้าชั้นเอก แล้วเรียกทูลกระหม่อมได้ทั้งสิ้น ถึงโดยผู้อื่นจะเรียกบ้างไม่เรียกบ้าง ข้าไทคนใช้นั้นคงเรียกว่า ทูลกระหม่อม
อนึ่งพระเจ้าลูกเธอ เรียกพระเจ้าแผ่นดินผู้เป็นพระราชบิดา ว่าทูลกระหม่อมบ้าง ลูกเจ้าฟ้าเหล่านี้ก็เรียกเจ้าฟ้าผู้เป็นพระบิดาว่า ทูลกระหม่อม เหมือนกัน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวก็รับสั่งว่าอย่างนี้ เป็นการถูกธรรมเนียมแล้ว แต่ยศนี้เจ้าแผ่นดินไม่ต้องตั้ง คนทั้งปวงเรียกเองได้ ก็เป็นยศของเจ้าฟ้าผิดกับพระองค์เจ้าด้วยอย่างหนึ่ง
ธรรมเนียมยศอย่างนี้ เป็นของมีมาแต่กรุงเก่าแต่ในตอน ๒๐๐ ปีข้างต้นบ้าง มาเกิดขึ้นภายหลัง ๒๐๐ ปีบ้าง ยศอย่างนี้ เจ้าฟ้ายังได้รับอยู่เสมอจนถึงปัจจุบันนี้ เว้นแต่การโสกันต์แลการลงสรงที่เป็นการใหญ่ๆ ต้องใช้ผู้คนมาก เวลามีราชการบ้านเมืองขัดขวางก็ไม่ได้ทำ ถ้าว่างเปล่าสมควรจะทำได้ก็ได้ทำ
จากคุณ :
กัมม์
- [
11 พ.ย. 48 16:12:23
]
|
|
|