(ตอนนี้เป็นตอนสุดท้าย เห็นว่าเคยมีกระทู้เกี่ยวกับพระแสง พระชัย ในห้องประวัติศาสตร์หลายครั้ง เอามาลงไว้เผื่อใช้อ้างอิง)
เครื่องตั้งพระแท่นมณฑล
เครื่องตั้งพระแท่นมณฑลเมื่อบรมราชาภิเษกรัชกาลที่ ๒ ตั้งสิ่งใดบ้างมีปรากฏอยู่ในจดหมายเหตุ(โคลงลิลิตพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว) และมาปรากฏว่ามีสิ่งซึ่งเพิ่มขึ้นเมื่อในรัชกาลที่ ๔ อีกมาก บางสิ่งเพิ่มขึ้นต่อภายหลังพึ่งจะตั้งพระแท่นมณฑลพระบรมราชาภิเษกเมื่อรัชกาลที่ ๕ เป็นครั้งแรก(๑)จึงควรจะกล่าวถึงเครื่องตั้งพระแท่นมณฑลด้วย แต่เพื่อความสะดวกแก่ผู้อ่าน จะพรรณนาเป็นหมวดๆ และสิ่งไม่มีอธิบายบอกเป็นอย่างอื่นนั้น เข้าใจว่าเป็นของเคยตั้งพระแท่นมณฑลมาแต่รัชกาลที่ ๑ คือ
หมวดพระเจ้า
๑. พระบรมสารีริกธาตุ (เมื่อรัชกาลที่ ๒ ทำที่ตั้งรับกรัณฑ์เป็นระย้ากินนร จึงเรียกกันว่า "พระธาตุระย้ากินนร" เดิมตั้งที่พระสงฆ์สวดมนต์พระที่นั่งจักรพรรดิพิมานองค์ตะวันตก มาตั้งพระแท่นมณฑลเมื่อรัชกาลที่ ๔ และต่อมาทรงสร้างพระสถูปครอบนอกอีกชั้นหนึ่ง)
๒. พระพุทธบุษยรัตนฯ (ได้มาจากเมืองจำปาศักดิ์เมื่อรัชกาลที่ ๒ แต่พึ่งตั้งพระแท่นมณฑลพิธีเมื่อรัชกาลที่ ๔)
๓. พระเรือนแก้วทอง(ในหนังสืออื่นเรียกว่าพระเรือนแก้วก็มี เป็นพระหยกได้มาเมื่อรัชกาลที่ ๓ เห็นจะตั้งพระแท่นมณฑลมาแต่ในรัชกาลนั้น)
๔. พระแก้วเชียงแสน (ได้มาเมื่อรัชกาลที่ ๔ พึ่งตั้งงานบรมราชาภิเษกครั้งรัชกาลที่ ๕ เป็นทีแรก)
๕. พระชัยประจำรัชกาลที่ ๑
๖. พระชัยประจำรัชกาลที่ ๒
๗. พระชัยประจำรัชกาลที่ ๓
๘. พระชัยประจำรัชกาลที่ ๔ (เพิ่งตั้งงานบรมราชาภิเษกครั้งรัชกาลที่ ๕ เป็นทีแรก(๒))
๙. พระพิชัยพิธี (พระทรงเครื่องยืน หล่อด้วยเงินหุ้มทองแต่ในรัชกาลที่ ๑)
๑๐. พระชัยหลังช้าง (ครั้งรัชกาลที่ ๑)
๑๑. พระนิรันตราย (ทรงสร้างสรวมพระทองคำของโบราณ เมื่อในรัชกาลที่ ๔ พึ่งตั้งงานบรมราชาภิเษกครั้งรัชกาลที่ ๕ เป็นทีแรก(๓))
๑๒. คัมภีร์พระธรรม (คือพระไตรปิฎกย่อ สันนิษฐานว่าจะพึ่งตั้งพระแท่นมณฑลเมื่อในรัชกาลที่ ๔)
หมวดพระราชสิริ
๑. พระสุพรรณบัฏ
๒. ดวงพระชันษา (จารึกพร้อมพระสุพรรณบัฏ)
๓. พระราชลัญจกร (แต่เดิมเรียกว่า "พระอุณาโลมทำแท่ง" คือทำแท่งครั่งประทับพระราชลัญจกรมหาอุณาโลม หมายความว่า พระราชโองการ ตั้งแต่รัชกาลที่ ๔ โปรดฯให้ตั้งพระราชลัญจกร)
หมวดเครื่องพระมุรธาภิเษก
๑. ครอบพระกริ่ง(บางทีจะได้เคยตั้งแต่ครั้งราชาภิเษกรัชกาลที่ ๔(๔))
๒. พระมหาสังข์ทักษิณาวัฏ
๓. พระมหาสังข์ทอง
๔. พระมหาสังข์นาก (สร้างในรัชกาลไหนไม่แน่ แต่ปรากฏในหมายรับสั่งตลอดรัชกาลที่ ๓)
๕. พระมหาสังข์เงิน
๖. พระมหาสังข์ (รัชกาลที่ ๓)
๗. พระเต้าเบญจครรภใหญ่
๘. พระเต้าเบญจครรภรอง (รัชกาลที่ ๔)
๙. พระเต้าเบญจครรภห้าห้อง (รัชกาลที่ ๔)
๑๐. พระเต้าประทุมนิมิตรทอง
๑๑. พระเต้าประทุมนิมิตรนาก
๑๒. พระเต้าประทุมนิมิตรเงิน
๑๓. พระเต้าประทุมนิมิตรสัมฤทธิ์
๑๔. พระเต้าห้ากษัตริย์ (รัชกาลที่ ๔)
๑๕. พระเต้าบัวหยกเขียว (รัชกาลที่ ๔)
๑๖. พระเต้าบัวแดง (รัชกาลที่ ๔)
๑๗. พระเต้าจารึกอักษร (รัชกาลที่ ๔)
๑๘. พระเต้าศิลายอดเกี้ยว (รัชกาลที่ ๔)(๕)
๑๙. พระเต้าบังกสี
๒๐. พระเต้าเทวบิฐ (รัชกาลที่ ๔)
๒๑. พระเต้าไกรลาศ (รัชกาลที่ ๔)
๒๒. พระเต้านพเคราะห์ (รัชกาลที่ ๔)
๒๓. ครอบพระมุรธาภิเษก
หมวดเครื่องต้น(๖)
๑. พระมหามงกุฎ
๒. พระแสงขรรค์ชัยศรี
๓. ธารพระกร
๔. วาลวิชนี (พัดฟักมะขาม ก็เรียก)
๕. ฉลองพระบาท
๖. พระภูษารัตกัมพล
๗. พระมหาสังวาล
๘. พระนพ
๙. พระสังวาลพราหมณ์
๑๐. พระมาลาเพ็ชร์ (หนังสือบางฉบับเรียกว่า พระชฎาเพ็ชร์)
๑๑. พระแส้หางช้างเผือก (เห็นจะแรกตั้งในรัชกาลที่ ๔)
๑๒. พระแส้จามรี
หมวดเครื่องพิชัยสงคราม
๑. หีบเครื่องพระพิชัยสงคราม
๒. หีบเครื่องพระมนต์พิเศษ
๓. พระมาลาเบี่ยง
๔. ฉลองพระองค์เกราะเหล็ก
๕. ฉลองพระองค์เกราะนวม
๖. เครื่องทรงลงยันต์ราชะ ๗ สี
หมวดพระแสง(๗)
๑. พระแสงดาบเชลย
๒. พระแสงจักร
๓. พระแสงตรีศูล
๔. พระแสงธนู
๕. พระแสงดาบเขน
๖. พระแสงหอกชัย
๗. พระแสงปืนคาบชุดข้ามแม่น้ำสะโตง
๘. พระแสงของ้าวเจ้าพระยาแสนพลพ่าย
๙. พระแสงดาบคาบค่าย
๑๐. พระแสงดาบใจเพ็ชร
๑๑. พระแสงเวียต(๘) (เมื่องานบรมราชาภิเษกรัชกาลที่ ๒ ทรงในงานไม่ได้เข้าพิธี)
๑๒. พระแสงทวน
๑๓. พระแสงง้าว
๑๔. พระแสงปืนคาบศิลาเคยทรง(คือพระแสงปืนพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงสำหรับพระหัตถ์ในการศึกสงครามมาแต่เดิม)
๑๕. พระแสงขอตีช้างล้ม
๑๖. พระแสงขอคร่ำด้ามไม้เท้า
๑๗. พระแสงชนักต้น
๑๘. พระแสงศร ๓ ลูก (สร้างในรัชกาลที่ ๔ พึ่งตั้งงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเป็นทีแรกเมื่อครั้งรัชกาลที่ ๕)
หมวดเครื่องสูง
๑. พระเศวตฉัตร (คือพระเศวตฉัตรพระคชาธาร)
๒. พระเสมาธิปัตย
๓. พระฉัตรชัย
๔. พระเกาวพ่าห์(๙)
๕. ธงชัยกระบี่ธุช
๖. ชัยครุฑพ่าห์
หมวดเครื่องราชูปโภค
๑. พานพระขันหมาก
๒. พระสุพรรณศรีบัวแฉก
๓. พระเต้าพระสุธารส
๔. พระสุพรรณราช
....................................................................................................................................................
(๑) ในพระราชพงศาวดารรัชกาลที่ ๔ ซึ่งเจ้าพระยาทิพากรวงศ์แต่งตรงว่าด้วยงานพระบรมราชาภิเษก ก็พรรณนาสิ่งซึ่งตั้งพระแท่นมณฑลไว้โดยพิสดาร แต่สังเกตเห็นว่าสิ่งซึ่งเกิดในรัชกาลที่ ๔ ตอนหลังก็มี เช่นพระเต้าเทวบิฐเป็นต้น จึงนึกสงสัยว่าหรือท่านจะได้หมายรับสั่งครั้งรัชกาลที่ ๕ ไปใช้เป็นหลักโดยทราบจากสมเด็จเจ้าฟ้าฯกรมพระยาบำราบปรปักษ์ ว่าทำอย่างเดียวกับครั้งรัชกาลที่ ๕ ก็มิได้สังเกตไปถึงสิ่งซึ่งเพิ่มเติมขึ้นต่อภายหลัง
(๒) พระชัยประจำรัชกาลอื่นนอกจากรัชกาลที่ ๑ สร้างภายหลังงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เพราะฉะนั้นย่อมตั้งพระชัยประจำรัชกาลก่อน
(๓) ในพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๔ ของเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ บันทึกไว้ว่า "อนึ่งพระเกรียงไกรกระบวนยุทธ ปลัดเมืองฉะเชิงเทรา ขุดได้พระพุทธรูปนั่งสมาธิที่ดงมหาโพธิองค์หนึ่ง ทองคำหนกห้าตำลึง พระราชทานรางวัลเป็นเงินตราสี่ชั่งชื่อว่า พระนิรันตราย แลเปนรูปพระไสยสาตร์ รูปพระศิวลึงค์บ้าง แล้วผลึกบ้างของคนโบราณ ซึ่งจมอยู่ในแผ่นดินก็มีคนขุดได้"
มีพระพุทธรูปอีกองค์หนึ่ง ซึ่งทรงได้มาในรัชกาลที่ ๓ ตำนานว่าเมื่อได้มาไม่นานกรมหมื่นรักษ์รณเรศ(หม่อมไกรสร)ก็ต้องพระราชอาญา พ่ายแพ้พระบารมีไป จำไม่ได้แน่ว่า "เจ้าฟ้าพระ" โปรดฯพระราชทานนามว่า "พระนิรันตราย" หรือเปล่า**
(๔) โปรดฯให้ตรึงพระกริ่งกับขันครอบ มีอธิบายพระราชดำริในหนังสือความทรงจำ หรือที่ลิงก์นี้
http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/K3616062/K3616062.html
(๕) ยอดแกะเป็นพระเกี้ยว สันนิษฐานว่าสร้างในรัชกาลมที่ ๔ แต่เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ท่านว่าตั้งพระแท่นมณฑลมาแล้วแต่ในรัชกาลที่ ๔ และบรรดาพระเต้ารัชกาลที่ ๔ ดูเหมือนจะใช้ในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกรัชกาลที่ ๕ เป็นครั้งแรก
(๖) เครื่องต้นแต่ ๑ ถึง ๕ กำหนดว่าเป็นเบญจราชกกุธภัณฑ์ แต่ในตำราราชาภิเษกไม่ตรงกันทุกตำรา ในปทุมชาดก ที่ธารพระกรว่าผ้ารัตกัมพล ที่วาลวิชนีว่าพระเศวตฉัตร ในหนังสือมหาวงศ์ ที่ธารพระกรว่าเศวตฉัตร ในหนังสืออภิธารทีบีกา ที่วาลวิชนีว่าจามร
(๗) แต่ ๑ ถึง ๘ เรียก พระแสงอัษฎาวุธ
(๘) ที่เรียก พระแสงเวียต เพราะพระเจ้าเวียตนัม(องค์เชียงสือ)ถวายในรัชกาลที่ ๑
(๙) พระเสมาธิปัตย พระฉัตรชัย พระเกาวพ่าห์ เรียกรวมกันว่า พระกรรม์ภิรมย์ เป็นฉัตรแพรขาวลงยันต์เส้นทอง สมเด็จเจ้าฟ้าฯกรมพระนิศรานุวัดติวงศ์ทรงสันินษฐานว่า "เดิมคงเป็นเครื่องหมายแทนตัวแม่ทัพ" คือ ทัพหน้า(วังหน้า)คัน ๑ ทัพหลวง(วังหลวง)คัน ๑ ทัพหลัง(วังหลัง)คัน ๑ ที่เอาขึ้นหลังพระคชาธาร ก็คือฉัตรเครื่องหมายนี่เอง ฉัตรพระคชาธารวังหน้า ๕ ชั้น วังหลวง ๗ ชั้น วังหลังไม่เคยเห็น อาจเป็น ๓ ชั้นก็ได้ เวลาใดเวลาหนึ่งไม่มีวังหน้าวังหลัง จึงรวมเอาฉัตร ๓ คันมาไว้วังหลวงหมด เลยหลงทำเป็น ๗ ชั้นเหมือนกันหมดทั้ง ๓ คัน
แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 48 09:59:07
แก้ไขเมื่อ 02 ธ.ค. 48 13:30:21
แก้ไขเมื่อ 02 ธ.ค. 48 13:28:18
แก้ไขเมื่อ 02 ธ.ค. 48 13:24:18