ความคิดเห็นที่ 1 http://www.onelook.com/ ลองดูละกัน ถ้าหัดค้นเป็น จะได้ความรู้อีกแยะเลย จากคุณ : ก็แล้วแต่ - [ 2 ธ.ค. 48 22:00:12 A:58.11.41.52 X: TicketID:106200 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ต้องยกประโยคมามากกว่านี้เพราะมันขึ้นอยู่กับ context ด้วย อ้อ คห 1 บางทีรู้แหล่งอ้างอิงก็มิใช่ว่าจะตึความประโยคได้ง่ายๆ มันขึ้นอยู่กับหลายๆ อย่าง ประสบการณ์ด้วย จากคุณ : K.Senior - [ 2 ธ.ค. 48 23:51:58 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้าไม่เริ่มหัดค้นคว้าและตีความแล้วเมื่อไหร่จะมีประสบการณ์ล่ะครับ คุณ #2 ก็คงทราบดีอยู่ว่า ใน dictionary หลายเล่มนั้น มีตัวอย่างประโยคให้ดูมากมาย จริงอยู่ที่ว่าในบางครั้งนั้น แม้ว่าเราอาจจะหาสิ่งที่เราต้องการไม่พบ แต่ในกระบวนการของการแสวงหานั้นก็อาจจะนำมาซึ่งความรู้อื่นๆได้อีกมาก จึงได้แนะนำให้ จขกท ลองหัดค้นดู (ไม่รู้ว่าเอามะพร้าวห้าวมาขายสวนหรือเปล่า) สิ่งที่ จขกท ถามมานั้น ไม่แน่ว่าจะหาได้ในแหล่งอ้างอิงที่ผมแนะนำไปหรือเปล่า (แต่ถ้าเข้าไปค้นดู เชื่อว่าน่าจะรู้อะไรที่ยังไม่รู้อีกหลายอย่างซึ่งอาจจะมีประโยชน์ในอนาคต) ผมเพียงแต่อยากแนะนำว่า ความรู้นั้นมีอยู่รอบตัว การเก็บเกี่ยวเอาจากผู้รู้โดยการถามนั้นก็เป็นวิธีหนึ่ง การไปค้นหาเอาจากแหล่งต่างๆ ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง วิธีใดจะดีกว่ากันหรือเหมาะสมกว่ากันนั้นก็แล้วแต่สถานการณ์ (แต่ก็ไม่ควรที่จะต้องเลีอกแต่เพียงทางเดียวนี่นะ) ผมอาจคิดไม่เหมือนคุณ #2 แต่ว่าผมคิดของผมอย่างนี้ละครับ ถ้าไม่ถูกใจใครยังไงก็ผ่านๆไปก็ได้ครับ จากคุณ : ก็แล้วแต่ - [ 3 ธ.ค. 48 09:00:24 A:58.11.41.53 X: TicketID:106200 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ความรู้ถ้าอยากได้จริง แค่อ่าน Oxford Advanced Dic มันก็เรียนไม่หมดในชีวิตแล้ว แต่ในบางสถานการณ์ แค่รู้แหล่งก็ตอบไม่ได้เพราะมันด้อยประสบการณ์ครับ แค่ตัวอย่างกระทู้ คุณตอบได้ไหม? คุณก็รู้แหล่งดีนี่ครับ ผมยอมรับว่าตอบไม่ได้ เพราะไม่อยากเดา อาจผิดได้ ถึงบอก จขกท ให้ยกประโยคเพิ่มมาอีก ที่พูดอย่างนี้เพราะผมวัยทองแล้ว เรื่องค้นเอง ศึกษาเองทำมาหลายสิบปีแล้ว แต่บางทีก็ยังไม่ได้คำตอบ ดังเช่น ตย ที่ จขกท ยกมาเป็นต้น ดังนั้นไม่ควรเหมานะครับ รู้แหล่งสมัยนี้มันง่ายมาก แต่การตีความ แปลความหมายไม่ใช่จะทำได้ง่ายๆ เลย ไม่งั้นจะมีอาจารย์ไว้ทำไม หรือพวก นศ ยอมเสียเงินหลายหมื่นเพื่อเรียน Toefl, Toiec etc ผมคิดว่าพวกเขารู้แหล่งหาความรู้ แต่ฐานไม่แน่นพอที่จะเอาใช้ทำประโยชน์ได้ครับ ถ้าอ่านกระทู้ห้องสมุดบ่อยๆ จะเห็นว่าผมแนะนำให้คนเรียนเอง ศึกษาเองเพราะประหยัด จำได้ขึ้นใจ แต่ผมก็ไม่ต่อต้านคนที่ยอมเสียเงิน เพราะจริตการเรียนรู้ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน พื้นฐานความเข้าใจก็ไม่เท่ากันด้วย โลกนี้มันไม่ง่ายๆ เหมือนสูตรสำเร็จหรอกครับ จากคุณ : K.Senior - [ 3 ธ.ค. 48 23:31:54 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณคำตอบทั้งสองความคิดมากนะคะทีให้คำแนะนำดีๆ สำหรับเวปทางอินเตอร์เนตก็หามาแล้วค่ะ รวมทั้งเวปตามคำแนะนำของความคิดที่หนึ่่งด้วย แต่ไม่เจอความหมายจริงๆ ค่ะ เลยเอาประโยคมาเพิ่มตามคำแนะนำของคุณ k.senior ค่ะ "The chemistry that exists between us...I think, at  end of the day, that convinced the producers that I was their girls". the actress says. "when I went in to the test for it, the chemistry just kind of bounced off the wall." It was crazy. We were just very comfortable in each other's space. จากคุณ : บันไดไม้ - [ 4 ธ.ค. 48 00:33:55 ]

ความคิดเห็นที่ 6 The chemistry that exists between us...I think, at  end of the day, that convinced the producers that I was their girls". the actress says. "when I went in to the test for it, the chemistry just kind of bounced off the wall." It was crazy. We were just very comfortable in each other's space. ความรู้สึกทีเข้ากันได้ดีระหว่างพวกเรา ทำให้ฉันคิดว่า สามารถทำให้ผู้อำนวยการสร้างเชื่อว่า พวกเรา เป็นนักแสดงหญิงที่เขาต้องการ เมื่อฉันต้องเข้าไปทดสอบ (screen test) จริงๆ ความรู้สึกที่เข้ากันได้มันไม่เกิดได้จริง (เข้ากันไม่ได้ สะท้อนกลับมาอย่างกับชนกำแพง แทนที่จะกลมกลืนกัน) มันบ้าไปแล้ว พวกเราไม่ได้รู้สึกอืดอัดอะไรเลยเมื่ออยู่ด้วยกัน (แต่ทำไมทดสอบ screen test จึงเข้ากันไม่ได้ดี) ผมขยายความหน่อยนะครับ จากคุณ : K.Senior - [ 4 ธ.ค. 48 00:58:15 ]

ความคิดเห็นที่ 7 chem-is-try             (kemi-stre)n.pl. chem-is-tries. Abbr. chem. 1. The science of the composition, structure, properties, and reactions of matter, especially of atomic and molecular systems. 2. The composition, structure, properties, and reactions of a substance. 3. The elements of a complex entity and their dynamic interrelation: "Now that they had a leader, a restless chemistry possessed the group" (John Updike). 4. Mutual attraction or sympathy; rapport: The chemistry was good between the partners. --------------------------------------------------------- Excerpted from American Heritage Talking Dictionary Copyright © 1997 The Learning Company, Inc. All Rights Reserved. ตามอ้างข้างบน chemistry ในที่นี้หมายถึงmutual attraction ตามความหมายที่4 ความหมายของประโยคที่สร้างความสับสนคือความหมายในลักษะ metaphor (อุปมาอุปมัย)คือ chemistry ที่หมายถึงแรงดึงดูดที่กลับกลายเป็นแรงสท้อนกลับbounce off คือผลที่ตรงข้ามกัน ที่จริงแล้วมันไม่ถึงกับเป็นattraction มันเป็นเพียงแค่ comfortable เมื่ออยู่ด้วยกันเท่านั้น clear? จากคุณ : Cyber Sage - [ 4 ธ.ค. 48 19:46:25 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เอ...ผมอ่านแล้วจับใจความได้ตรงกันข้ามกับ K.Senior กับ คุณCyber Sageนะครับ ผมอ่านเป็นว่า chemistry ระหว่าง producer กับนักแสดงนั้นแรงมากจนเด้งสะท้อนไปมาระหว่างกำแพงเลย (คิดถึง pinball เลยครับ) จากคุณ : HotChoc - [ วันพ่อแห่งชาติ 16:34:42 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ลองไปอ่านใหม่ครับ แยกแต่ละส่วนจะเข้าใจความหมาย chemistry ในประโยคไม่เกี่ยวกับ producer กับนักแสดงเลย มันระหว่างนักแสดงด้วยกัน คือก่อนเข้าทดลองแสดง อยู่ด้วยกันแบบ informal มันเข้ากันได้ดี แต่เมื่อแสดงมันเข้ากันไม่ได้ เธอจึงประหลาดใจมาก จากคุณ : K.Senior - [ วันพ่อแห่งชาติ 22:52:57 ]

ความคิดเห็นที่ 10 K.Senior น่าจะถูกนะครับว่า chemistry เป็นระหว่างนักแสดงด้วยกัน แต่ผมก็ยังคิดว่านักแสดงผู้หญิงคนนี้ได้บทก็เพราะมี chemistry ดี It was crazy. We were just very comfortable in each other's space. ก็เป็น positive meaning ทั้งคู่ crazy ความหมายดีก็ได้นะครับ แบบดีเหลือเชื่อ :) คือพอขึ้นประโยคแรกมา "The chemistry that exists between us...I think, at  end of the day, that convinced the producers that I was their girls" นักแสดงเขาก็บอกแล้วว่า ท้ายที่สุดแล้วเป็นที่ chemistry นี่แหละที่ทำให้ producer เลือกเขา ทำให้ผมอ่านประโยคต่อๆมาเป็น positive ไปหมด จากคุณ : HotChoc - [ 6 ธ.ค. 48 04:26:32 ]