ความคิดเห็นที่ 1 ดาวน์โหลดจากไหนอ่ะ อยากเข้าไปดูว่าเล่มนั้นเราพลาดหรือเปล่า  แต่เราได้อ่าน เล่ม คดีสุดท้ายปัวโรว์แล้ว แล้ว ๆ แง้ๆ ไม่รู้หนังสือหายไปไหนตอนย้ายบ้านง่ะ ฮือ ๆ จากคุณ : ลิตเติ้ลโคล่า - [ 15 ธ.ค. 48 16:03:32 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ลองไปโหลดของคุณดำน้ำดูสิคะ เธอโหลดเอาไว้ให้อ่านฟรี ที่นี่ค่ะ ขออนุญาตคุณพี่ดำน้ำนะคะ pantipebook@yahoo.com password : loveebook เข้าไปเลือก อยากอ่านอันไหนก็ส่งกลับไปเมล์ตัวเองได้เลยค่ะ จากคุณ : จอมยุทธเจ้าน้ำตา - [ 15 ธ.ค. 48 16:19:31 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เราเพิ่งอ่าน The Secret Adversary ไปได้หน่อยหนึ่ง ไปเจอของแข็งเพียบเลยง่ะ ภาษาอังกฤษโคตรเร้นลับเลยจริงๆ ตรง Prologue (อารัมภบท) อ่านๆไปก็ง่ายดี แต่พอถึงตอนเรือกำลังจะจม เจอของแข็งอันนี้เข้า The Lusitania settled with a more decided list to starboard. In answer to a quick command, the girl went forward to take her place in the boat. เนื่องผู้หญิงกับเด็กจะได้ลงเรือเล็กหนีตายไปก่อน พออ่านถึง paragraph นี้ เรางงๆแฮะ ทีแรกคิดว่า decided list คือรายชื่อผู้ที่ได้รับการตัดสินใจให้ขึ้นเรือได้ก่อน ให้ไปทาง starboard (กราบขวาของเรือ) แต่ที่ไหนได้ พอนั่งบริกรรมอยู่พักใหญ่ๆ แทบจะร้องเจ๊ยกออกมาดังๆ เฮ้ๆๆๆๆๆ คำว่า list แท้จริงแล้ว (ในบริบท) มันแปลว่า การเอียงกระเท่เร่ของเรือ ตกลงต้องตีความว่า เมื่อเรือลูซิทาเนียกำลังจะจมลง มันเอียงกระเท่เร่ไปทางกราบขวา .................. พอเข้าไปอ่าน Chapter 1 The Young Adventurers, Ltd. เราเจอของแข็งอีกเพียบเลย บทนี้ ถ้าใครไม่เข้าใจ British colloquialism (ภาษาชาวบ้านๆของคนอังกฤษ) ละก้อมีทางตีความผิดเพียบเลย เนื่องจากว่าศัพท์บางตัวมันเป็นภาษาโบราณก็มี เดี๋ยวเราอ่านๆไปจะค่อยๆเอามาแปะให้ดู จากคุณ : sensitive reader - [ 15 ธ.ค. 48 19:03:48 A:61.91.229.119 X: TicketID:113322 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ไอ้คำว่า decided นี้เรายังมึนๆไม่กล้าฟันธงนะว่ามีหมายถึงอะไรกันแน่ ฮ่าๆๆๆๆๆ คือว่าภาษาโบราณ decide แปลว่า 'หล่นลงมา' ก็ได้ แปลว่า 'ตัดออกไป' หรือ 'แยกออกจากกัน' ก็ได้ แต่ถ้าไม่คิดมากให้ปวดหัว น่าจะตีความว่า เขียนเป็นอุปมา คือ decided แปลว่า resolved คือ ลงเอยหรือเห็นได้ชัด ..........ถ้าให้เราแปล เราคงดำน้ำไปว่า The Lusitania settled with a more decided list to starboard. In answer to a quick command, the girl went forward to take her place in the boat. เมื่อเรือลูซิทาเนียกำลังจะจมลง มันเอียงกระเท่เร่ไปทางกราบขวาในที่สุด หญิงสาวก้าวไปข้างหน้าเพื่อไปประจำที่บนเรือเล็ก เธอทำตามคำสั่ง เป็นคำสั่งที่ออกมาอย่างรวดเร็ว ที่ต้องเขียนประโยครุ่มร่ามเหมือนคนบ้าเช่นนี้ก็เพราะว่าปัญหาความไม่ยืดหยุ่นของภาษาไทย ในการวาง modifiers (ส่วนขยาย) พลิกแพลงซ้ายขวาแบบของฝรั่งไม่ได้ คือของไทยต้องวางไป modifiers ทางขวา พอวางไปทางขวา "รวดเร็ว" กลายเป็นขยาย "การก้าวไปข้างหน้า" แทนที่จะเป็นขยาย "การออกคำสั่ง" ทีนี้พอวิเคราะห์ไปถึงจุดนี้แล้วเราก็ต้องมาวิเคราะห์คำว่า command ว่า แท้จริงแล้วเป็น "เสียงเรียก" (จากคนที่ควบคุมการลงเรือเล็) ให้ลงเรือเล็ก หรือเป็น "คำสั่ง" ที่ชายคนที่ฝากเอกสาร "สั่งให้ทำ" กันแน่??????????? เง็งแฮะ งานนี้ถ้าให้แปล เห็นทีเราจะต้อง "แทงกั๊ก" ว่ะ (ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการโดนยำ) ฮือๆๆๆๆๆ จากคุณ : sensitive reader - [ 15 ธ.ค. 48 19:24:58 A:61.91.229.119 X: TicketID:113322 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณครับที่มาช่วยถอดรหัส หนังสือคุณป้าอากาธา จะได้หูตาสว่างไม่ต้องไปซื้อหนังสือแปลมาอ่าน ตั้งใจจะเขียนต่อจนจบเรื่องหรือเปล่าครับ จะตามมาอ่าน จากคุณ : nicky - [ 15 ธ.ค. 48 21:25:19 A:61.91.178.207 X: TicketID:105682 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ชอบครับ..ได้ความรู้ดี..ถ้ามีอีกจะดีมากเลย จากคุณ : ตามลิง - [ 16 ธ.ค. 48 08:49:42 A:203.156.171.50 X: TicketID:076240 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อิอิ  เซนซิถีฟ จริงอ่ะ list             ไม่เตือนก็นึกไม่ถึง decided       เห็นชัด(easily notice) a quick command     อาจแปลว่า เสีบงเรียกอย่างกระชั้นจากเจ้าหน้าที่(ประจำเรือเล็ก)    เพราะในสภาพเช่นนั้นคงตะโกนเรียกกันโวกเวก ชอบอ่านภาษาอังกฤษ   ไม่ทราบศัพท์ทั้งหมด  อ่านๆไปก็เดาได้เข้ากับเรื่อง จากคุณ : แสนอักษร - [ 16 ธ.ค. 48 09:24:05 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เกี่ยวกับรหัสคดี   นักประพันธ์ย้ำเสมอว่าได้ให้เบาะแสเป็นระยะตามควร บางทีอ่านฉบับแปลแล้วสงสัยว่าทำไมจบเร็ว  ไม่เห็นเข้าใจเลย นักแปลบางท่านสำนวนดี  แต่การจำกัดเวลาจากบรรณาธิการ หรือสำนักพิมพ์ทำให้นักแปล มองข้าม ความละเอียดงดงามของภาษา งานแปลมีเสน่ห์ในตัวเอง     รักเคารพและติดใจนักแปลหลายท่าน   ที่นำทางให้เข้าสู่โลกของนักอ่าน จากคุณ : แสนอักษร - [ 16 ธ.ค. 48 09:33:41 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอ link ไปที่ The Secret Adversary ด้วยครับ จากคุณ : ืnicky - [ 16 ธ.ค. 48 21:52:46 A:61.91.178.178 X: TicketID:105682 ]

ความคิดเห็นที่ 10 The Mysterious Affair at Styles http://www.gutenberg.org/dirs/etext97/masac11.txt Secret Adversary http://www.gutenberg.org/dirs/etext98/secad10.txt แปะ links ไว้ให้สองเรื่อง Secret Adversary ต้นฉบับ ถ้าเป็นขนาด pocketbook คงมีจำนวนหน้าประมาณ 250 หน้า ถ้าแปลงเป็น A4 คงเหลือประมาณ 150 หน้า (กะเคร่าๆอาจคลาดเคลื่อนได้) ตอนนี้เราอ่านขนาด pocketbook ไปได้ประมาณ 100 หน้า อ่านแบบผ่านๆเร็วๆเพื่อจับเนื้อเรื่อง ไม่เจาะลึกไปค้นหาศัพท์ยากๆ หากแต่ไล่จับประโยคที่ "เป็นปริศนา" เอามาวางไว้ใน file แยกต่างหากเพื่อการศึกษาเป็นการส่วนตัว คำว่า "เป็นปริศนา" เราไม่นับประโยคที่มีคำศัพท์ยากๆเป็นคำโดดๆ ชนิดที่เปิดดิดพั๊วเดียวหมดปัญหา แต่คำว่า "เป็นปริศนา" เราหมายถึงประโยคที่ตีความยากมากๆเนื่องจาก เมื่ออาศัยบริบทแล้ว ถึงคำศัพท์จะง่ายหรือจะยาก แต่ก็ยังตีความยากมากๆ เนื่องจาก "ไม่เข้าใจเจตนารมย์ของผู้ประพันธ์ และไม่เข้าใจความลึกลับของภาษาหรือวัฒนธรรมอังกฤษ" นั่นเอง พออ่านครบทุกหน้า เราจะลองไปไขปริศนาดู แต่ไม่ค่อยมั่นใจว่าเราจะไขปริศนาได้ทุกประโยค เนื่องจากบางประโยคทำให้เรามึนหัวมากๆเลยทีเดียวในขณะนี้ เรายอมรับมันว่าภาษามันยากมากจริงๆ ถ้าอ่านเพื่อจับเนื้อเรื่องให้สนุก ใครๆที่รู้ภาษาอังกฤษระดับปานกลางพออ่านหนังสือพิมพ์ฝรั่งรู้เรื่อง ก็สามารถอ่าน Secret Adversary "ให้สนุก" ได้ แต่จะ "อ่านตีความแม่นๆทุกถ้อยคำ เพื่อการแปลอย่างถูกต้อง คงหมดโอกาส" เว้นเสียแต่คนผู้นั้นจะรู้ภาษาอังกฤษใกล้เคียงฝรั่งเจ้าของภาษา จากคุณ : sensitive reader - [ 16 ธ.ค. 48 23:05:37 A:61.91.227.19 X: TicketID:113322 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณมากครับ กระทู้ดีมีสาระ แวะเข้ามาเซ๊นสิถีฟแถวนี้บ่อยๆนาครับ แก้ไขเมื่อ 17 ธ.ค. 48 00:25:51 แก้ไขเมื่อ 17 ธ.ค. 48 00:25:41 แก้ไขเมื่อ 17 ธ.ค. 48 00:24:13 แก้ไขเมื่อ 17 ธ.ค. 48 00:12:51 จากคุณ : เอวังด้วยประการฉะนี้ - [ 17 ธ.ค. 48 00:03:32 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ตอนอารัมภบท พอเรือโดยสาร Lusitania โดนตอปิโดเข้าไปกำลังจะล่ม ชายผู้หนึ่งชื่อ Danvers เป็นชาวอเมริกันถือสารลับมา เกรงว่าตัวเองจะไปไม่รอดเพราะต้องให้สตรีและเด็กลงเรือเล็กก่อน เลยมอบเอกสารลับให้หญิงสาวอเมริกันชื่อ Jane Finn ให้เอาไปให้ที่สถานทูตอเมริกันในอังกฤษ แล้วก็มาถึงบทที่ 1 มีเด็กหนุ่ม Tommy กับหญิงสาว Tuppence เป็นตัวเอก ทั้งสองคนตกงาน ก็เลยมารวมหัวกันหาอะไรที่น่าตื่นเต้นทำ เปิดฉากบทที่ 1 มาก็เจอแต่ภาษาชาวบ้านกับภาษาแสลง มีศัพท์ยากง่ายคละกัน Tommy เรียก Tuppence ว่า old bean (คำที่เรียกคนสนิท รักเอ็นดูกัน ไม่ได้หมายความว่าแก่) Tuppence เรียก Tommy ว่า old thing (คำนี้เรียกคนแก่ก็ได้ คนไม่แก่ก็ได้ ที่เป็นคนสนิท รักเอ็นดูกัน) ถ้าจะแปลคำว่า old bean กับ old thing ไม่ให้มีคำว่าแก่ ก็จะดูน่ารักดี แต่ก็คงทำลำบากเนื่องจากป้า Agatha เล่น"มัดมือชก" โดยการเขียนว่า "TOMMY, old thing!" "Tuppence, old bean!" The two young people greeted each other affectionately, and momentarily blocked the Dover Street Tube exit in doing so. The adjective "old" was misleading. Their united ages would certainly not have totalled forty-five. ที่มัดมือชกก็ตรงประโยคว่า The adjective "old" was misleading. Their united ages would certainly not have totalled forty-five. จากคุณ : sensitive reader - [ 17 ธ.ค. 48 00:15:37 A:61.91.227.19 X: TicketID:113322 ]

ความคิดเห็นที่ 13 นั่งลุ้นๆ ว่าท่านจะแปลแบบ "ถูกเขามัดมือ" อย่างไร จากคุณ : เอวังด้วยประการฉะนี้ - [ 17 ธ.ค. 48 00:27:31 ]

ความคิดเห็นที่ 14 "เฮ้! ตาเฒ่าทอมมี่" "ว่าไง! ยายเฒ่าทัพเพ็นซ์" คนทั้งสองหยุดทักทายกันด้วยความยินดี จึงทำให้การสัญจรตรงทางออกจากสถานีรถไฟใต้ดินขึ้นสู่ถนนโดเวอร์ชะงักไปชั่วคราว เพราะคนทั้งสองกีดขวางทางเดินเอาไว้  อันที่จริงคำว่า "เฒ่า" นั้นไม่เหมาะที่จะใช้กับคนทั้งสองเลย เพราะอายุของทั้งคู่รวมกันแล้วไม่เกินสี่สิบห้าปี นักแปลสมัยก่อนท่านหนึ่งแปล แก้ไขเมื่อ 17 ธ.ค. 48 00:46:10 จากคุณ : เอวังด้วยประการฉะนี้ - [ 17 ธ.ค. 48 00:33:26 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ก็ไม่แปลนะซี คุณเอวังฯ ....อ้าหวัดดีจ้า ฉากสนทนาของหนุ่มสาวยังดำเนินต่อไป ตอนนี้มี slang เริ่มโผล่มาแล้ว แต่ไม่ของแข็งมากนัก พอเดาได้จากบริบท "Tommy, you're stony!" "ทอมมี่ นี่นายถังแตกแล้วละซี่!" "Not a bit of it," declared Tommy unconvincingly. "Rolling in cash." "เฮ้ยไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย" ทอมมี่ยืนยันแบบฟังแล้วไม่ค่อยน่าเชื่อถือนัก "เงินน่ะหรือ มีเป็นฟ่อนๆเล๊ย" stony ย่อมาจาก stony-broke แปลว่า hard up หรือถังแตกนั่นเอง Rolling in cash คงใกล้เคียงกับภาษาไทยว่า มีเงินเป็นฟ่อนๆเลย (ก็เพราะประโยคนี้นั่นแหละ จึงทำให้พอเดาความหมายของคำว่า stony ได้ หรือถังแตกนั่นเอง จากคุณ : sensitive reader - [ 17 ธ.ค. 48 00:34:01 A:61.91.227.19 X: TicketID:113322 ]

ความคิดเห็นที่ 16 อีกอย่าง ขอแย้งคุณ sensitive reader ครับ อ้างอิงประโยคที่เสนอมาตอนแรก Her hand closed on the oilskin packet that had lain in his palm. The Lusitania settled with a more decided list to starboard. In answer to a quick command, the girl went forward to take her place in the boat. รู้ไหมครับ ว่าฝรั่งเขาเขียนเกิน ที่จริงฉบับแปลมันมีแค่นี้: เธอรู้สึกในขณะนั้นว่าเขาได้สอดซองหนังมันที่เขากำอยู่เข้ามาในมือของเธอ แล้วเธอก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อลงเรือโบตอย่างรวดเร็ว จริงๆมีสั้นๆเท่านี้ ฝรั่งชอบเขียนกันเกินจริงๆ วัยรุ่นเซ็ง จากคุณ : เอวังด้วยประการฉะนี้ - [ 17 ธ.ค. 48 00:45:23 ]

ความคิดเห็นที่ 17 อืมม์ ตาเฒ่า ยายเฒ่าก็เพราะดีนะ อ่านๆไปเจอ ชุดนี้เข้ามีศัพท์น่าสนใจ ตัวหนึ่ง Tommy chuckled. "I should think I did! Wasn't the old cat in a rage when she found out? Not that she was a bad sort really, old Mother Greenbank! Good old hospital--demobbed like everything else, I suppose?" ตอนนี้กำลังนินทาคนที่โรงพยาบาล น่าจะเป็นพยาบาลนะ เพราะเห็น paragraph ก่อนหน้านั้นมีคำว่า Sister ไอ้คำว่า old cat เนี่ยน่าสนใจ ว่าจะแปลอย่างไรจึงจะได้ความหมายครบถ้วน เพราะอะไร? เพราะคำว่า cat หมายถึงผู้หญิงที่ร้ายกาจน่ะ คงเป็นเพราะแมวมันข่วน แล้วคนก็เคยเห็นผู้หญิงข่วนมั๊ง คำว่า cat ถึงมีความหมายนี้น่ะ ตัวอย่างแนวคิดฝรั่ง เราเคยนั่งๆคุยกับฝรั่งอยู่ แล้วอยู่ดีๆมีเสียงแมวกัดกันดัวแว๊ว!ขึ้นมา เจ้าฝรั่ง(ผู้ชาย) มันพูดว่า That sounds like my wife! (มันว่ามันฟังเสียงแมวกัดกันแล้วเสียงเหมือนเมียมันแฮะ) แต่อย่าคิดว่า old cat ในบริบทนี้ แปลได้หมูๆนะ เพราะอะไร? เพราะป้า Agatha อาจจะวางทุนระเบิดเอาไว้ก้อได้ นั่นก็เพราะว่าคำว่า cat ภาษาโบราณแปลว่า "โสเภณี" ก็ได้..........เป็นไง เป็นไง ภาษาอังกฤษลึกลับดีหรือไม่ จะแปล old cat ยังไงให้ได้ความหมายครบถ้วน ป้า Agatha ตั้งใจพูดว่าอะไรกันแน่? คำที่นักแปลปวดหัวที่สุดในนิยายคือ hall เพราะไม่รู้ว่าเป็นห้องโถงหรือทางเดิน เราเคยเจอนักแปลคนหนึ่งแทงกั๊กมา เธอแปลว่า โถงทางเดิน เออเข้าใจคิดนะ จากคุณ : sensitive reader - [ 17 ธ.ค. 48 00:49:36 A:61.91.227.19 X: TicketID:113322 ]

ความคิดเห็นที่ 18 มาช่วยลอกคำแปลสมัยก่อน "ทอมมี่ แต่เธอถังแตกนี่นะ" "ไม่จริง" ทอมมี่ท้วงด้วยเสียงที่ไม่หนักแน่นน่าเชื่อถือนัก "ฉันมีเงินเป็นฟ่อนเลย" จากคุณ : เอวังด้วยประการฉะนี้ - [ 17 ธ.ค. 48 00:50:03 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ทอมมี่หัวเราะลงลูกคอ "ฉันยอมรับว่าทำเช่นนั้นจริง จำได้ไหมว่ายายแมวแก่นั่นโกรธเกรี้ยวแค่ไหนเมื่อรู้ความจริง ความจริงคุณแม่กรีนแบ็งก์ก็ไม่ใช่คนร้ายกาจอะไรเลย ฉันเดาว่าตอนนี้โรงพยาบาลก็คงปลดทหารเหมือนกับที่อื่นๆใช่ไหม?" จากคุณ : เอวังด้วยประการฉะนี้ - [ 17 ธ.ค. 48 00:54:53 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ลืมสวัสดี... สวัสดีครับ แต่ว่านะ "โถงทางเดิน" เป็นข้าพเจ้าก็คงจะเอาอย่างนั้นนะ เหอะเหอะ จากคุณ : เอวังด้วยประการฉะนี้ - [ 17 ธ.ค. 48 00:58:35 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ก่อนไปนอน ขอลองแปลมั่ง "เรือลูสิตาเนียเริ่มจมโดยเอียงไปทางกราบขวา เพื่อทำตามคำสั่งอันเร่งเร้านั้น หญิงสาวตรงดิ่งไปนั่งในเรือบด" ไม่ใช่มืออาชีพ แต่ลองดู... นิทราราตรีสวัสดิ์ แก้ไขเมื่อ 17 ธ.ค. 48 01:37:11 แก้ไขเมื่อ 17 ธ.ค. 48 01:12:09 จากคุณ : เอวังด้วยประการฉะนี้ - [ 17 ธ.ค. 48 01:10:30 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ชุดนี้สิมีคำศัพท์น่าสนใจ Tuppence sighed. "Yes. You too?" Tommy nodded. "Two months ago." "Gratuity?" hinted Tuppence. "Spent." "Oh, Tommy!" "No, old thing, not in riotous dissipation. No such luck! The cost of living--ordinary plain, or garden living nowadays is, I assure you, if you do not know----" สรุปใจความก็คือสาวถามว่าเงินหายไปไหนหมด หนุ่มบอกว่าใช้หมดแล้วก็พยายามอ้างว่ามันเป็นค่าครองชีพ พอเราอ่านๆไป เจอศัพท์ garden living เราหลงคิดว่า "ขนาดมันไปอยู่ในสวน เงินมันยังไม่เหลือเลย" แต่โหเกือบเสียคนแน่ะ แท้จริงแล้ว garden ตามบริบท มันไม่ได้แปลว่า "สวน"นะ มันแปลว่า "common" อ๊ะจ๊าก! คือ common living หรือใช้ชีวิตแบบทั่วๆไปนั่นเอง เย้ๆๆๆๆ ดีใจตีบทแตก แต่เดี๋ยวจะค่อยๆงัดเอา paragraph ที่เราอ่านไม่รู้เรื่องมืดแปดด้านมาให้ดู ฮ่าๆๆๆ จากคุณ : sensitive reader - [ 17 ธ.ค. 48 01:14:16 A:61.91.227.19 X: TicketID:113322 ]

ความคิดเห็นที่ 23 สี่ paragraphs ถัดไปนี้ ศัพท์ยากๆไม่มีแต่ตีความยากมากๆ ต้องนั่งทางในจึงจะรู้ว่าป้า Agatha ตั้งใจจะพูดว่าอะไร ตรงที่ตีความยากอยู่ตรง paragraph ที่สอง ฉากนี้เป็นตอนที่ Tommy กับ Tuppence เข้าไปในร้าน Lyons' (เป็นร้านอาหารเครื่องดื่ม) The place was full, and they wandered about looking for a table, catching odds and ends of conversation as they did so. สถานที่แห่งนี้มีคนแน่นขนัด ทั้งสองคน (หมายถึง Tommy กับ Tuppence) เดินไปรอบๆเพื่อหาโต๊ะว่าง (จำเป็นต้องแปลเกิน) ในขณะนั้น (ฟังเข้าท่ากว่าในขณะที่ทำเช่นนั้น)ก็ได้ยินเสียงคนพูดคุยกันเป็นช่วงๆ วรรคถัดไปสิยุ่ง ทีแรกเราหลงคิดว่า Tommy กับ Tuppence คุยกัน แต่มันเป็นเรื่องอะไรที่จับต้นชน ปลายไม่ได้เลย (เล่นเอามึนเลย เมื่ออ่านทีแรก) เราเลยนึกขึ้นมาได้ว่า "น่าจะเป็นบทสนทนาของคนอื่น ที่ Tommy กับ Tuppence ได้ยินเสียมากกว่า......... เมื่อตีบทแบบนี้แล้วปัญหาที่ตามมาก็คือว่า ไม่สามารถเดาได้ว่ามันอะไรกันแน่ ลองดูดีๆ "And--do you know, she sat down and CRIED when I told her she couldn't have the flat after all." "แล้ว--เธอรู้ไหมว่าหล่อนนั่งร้องไห้เมื่อฉันบอกว่ายังไงยังไงหล่อนก็ไม่มีทางได้ flat นั้นหรอก" *****ของแข็งก็คือ flat มันแปลว่าอะไรกันหว่า???? ในอังกฤษคำว่า flat คือ apartment แต่ใช่ความหมายนี้หรือ??? ลองดูประโยคต่อไปสิ "It was simply a BARGAIN, my dear! Just like the one Mabel Lewis brought from Paris----" "มันคุ้มค่าจริงๆนะเธอเอ๋ย! เหมือนกับ the one ที่มาเบล เลวิสซื้อจากปารีสเลยหละ---" ปัญหาก็คือว่า the one หมายถึง flat (ตามลักษณะความสอดคล้องของรูปประโยค) ถ้าเช่นนั้นแล้วก็ต้องวิเคราะห์ว่า ร้าน Lyons' อยู่ในลอนดอน แล้วจะซื้อ flat มาจากปารีสได้อย่างไรกัน ตกลง flat ก็ไม่ใช่ apartment แล้วมันเป็นอะไรกันล่ะ? ลองหาๆศัพท์ดู ความน่าจะเป็นไปได้ก็คือ "รองเท้าส้นเตี้ย" แต่ก็ไม่ใช่อีกนั่นแหละ เพราะถ้าเป็นรองเท้ามันจะต้อง "มี s" ข้างท้ายคำว่า flat เนื่องจากว่ามันมีสองข้าง ก็เลยค้นๆหาต่อไป พบว่า flat แปลว่า "หมวกแบนๆที่ผู้หญิงใส่กัน" ก็ได้ พอขยับจะแปลก็ต้องมีปัญหาอีก เพราะคำว่า bargain แปลว่า " คุ้มค่าเงินหรือซื้อของดีราคาถูก" นั่นเอง แต่มันก็มีความหมายว่า "การต่อรอง" ได้อีกด้วย เป็นไปได้ไหมว่า พอ she (คนที่ร้องไห้) นั่นร้องไห้ อีกคนหนึ่งก็เจรจาต่อรองกับหล่อน???? แต่อพอนั่งทางในดูแล้ว (คุยกับป้า Agatha ด้วย) น่าจะเข้าเค้าว่า ซื้อของดีราคาถูกมากกว่า แต่ซื้อหมวกแน่ๆหรือ ............ไม่แน่หรอก? เพราะอะไร? ให้สังเกตดูดีๆว่าสองประโยคนี้อยู่ในเครื่องหมายคำพูดสองชุดแยกจากกัน มันอาจเป็นคำพูดของคนๆเดียวกันสองครั้ง หรือคำพูดของคนสองคนก็ได้ ถ้าเป็นของคนสองคนอาจไม่นั่งที่โต๊ะเดียวกัน เพราะคุยกันคนละเรื่องแบบนี้อาจได้ต้องตบกันตายในที่สุด...........เป็นคำพูดของคนๆละโต๊ะกันแต่ผู้ประพันธ์เอามาวางรวมใน paragrap เดียวกัน...........โหถ้าเป็นแบบนี้นะ นักแปลก็หวานหมูสิ เพราะแปล flat เป็นอะไรก็ได้เนี่ย แล้วอ้างว่า ก็คนพูดมันอยู่กันคนละโต๊ะกันเฟ้ย! ฮ่าๆๆๆๆ ดูวรรคถัดไป มีหลุมพรางอีกแห่งหนึ่ง "Funny scraps one does overhear," murmured Tommy. "I passed two Johnnies in the street to-day talking about some one called Jane Finn. Did you ever hear such a name?" "เราได้ยินอะไรต่อมิอะไรแปลกๆมาแฮะ" ทอมมี่พึมพัม "วันนี้เจอ two Johnnies บนถนนพูดถึงคนที่ชื่อเจน ฟินน์ เธอเคยได้ยินคนชื่อนี้หรือเปล่า?" วรรคนี้ก็ยุ่ง ที่แรกเราอ่านแล้วงง หลงคิดว่า two Johnnies เป็นคนชื่อ Johnny สองคนล่ะ แต่......แฮ่ๆๆๆ ความน่าจะเป็นไปได้มันแทบไม่มีเลย แท้จริงแล้ว Johnny แบบว่า "ผู้ชาย" อ้าอย่าเพิ่งดีใจนะว่าหมู เพราะอะไร เพราะ Johnny แปลว่า "ตำรวจ" ก็ได้ ทีนี้ละยุ่งเซ่พับผ่า......... คงต้องไล่อ่านกลับไปกลับมาทั้งเล่มว่ามีฉากไหน ที่ตำรวจสองคนยืนปรึกษากันข้างถนนเรื่อง Jane Finn หรือไม่ ความหมายอีกอัน (ให้ไว้เป็นความรู้แบบจี้เส้นง่ะ หวังว่าไม่โดนเซ็นเซ่อร์นะ) เป็นความหมายที่เป็นไปไม่ได้ นั่นก็คือก็คือ Johnny เป็นภาษาชาวบ้านของคนอังกฤษ มันแปลว่า "ไอ้จู๋ของผู้ชาย" ฮาาาาาาาาาาาาาาาาาา But at that moment two elderly ladies rose and collected parcels, and Tuppence deftly ensconced herself in one of the vacant seats. แต่ในขณะนั้นหญิงชราสองคนก็ลุกขึ้นแล้วรวบรวมข้าวของ ทัพเพ็นซ์จึงขยับตัวอย่างคล่องแคล่วว่องไวไปปักหลักอยู่ที่เก้าอี้ว่างตัวหนึ่งอย่างสบายใจเฉิบ อ้าวทีนี้ยุ่งอีกแล้ว เป็นไปได้หรือไม่ที่ สองประโยคใน paragraph ที่สอง แท้จริงเป็นบทสนทนาของหญิงชราสองคนนี้ ถ้างั้น flat ก็คงซื้อจากปารีส มันก็ไม่ใช่ apartment น่ะซี เพราะใครจะแบก apartment มาจากปารีสได้ คุยกันไม่รู้เรื่องยัยแก่สองคนอาจตบกันตายไปแล้วก้อได้ เอมันยังไงกันหว่าป้า Agatha จ๋า เราจะนั่งทางในถามป้าว่าป้าตั้งใจพูดว่าไงนะ เอชักมันแล้วสิ เออก่อน ไปเที่ยวดิสโก้ดีกว่าฮ่าๆๆๆ (ไม่นอนกลางคืน ส่วนใหญ่นอนกลางวัน) เรามาลองดูประโยคที่คุณเอวังฯพูดถึง นั่นก็คือ Her hand closed on the oilskin packet that had lain in his palm. ไอ้คำว่า closed on น่ะ บางคนพอเห็นพล๊าบ อาจคิดว่า close แปลว่า "ปิด" แล้ว "on" แปลว่า "บน" เลยติดว่า ผู้หญิงเอามือกำห่อเอกสารแล้ว "ปิด" มือ "บน" ห่อเอกสาร แต่เราเคยเห็นฝรั่งมันใช้คำว่า close on คู่กัน เป็น phrasal verb นะ มันแปลว่า "เข้าไปใกล้" ไม่เป็นไร ........เดี๋ยวคืนนี้ บางทีเราจะเล่นผีถ้วยแก้วหรือนั่งทางในคุยกับคุณป้า Agatha ดู แล้วจะมาแปะบอกว่าคุณป้าตั้งใจพูดว่าไง ดีมะล่ะ อิๆๆๆๆ จากคุณ : sensitive reader - [ 17 ธ.ค. 48 03:20:51 A:61.91.225.130 X: TicketID:113322 ]

ความคิดเห็นที่ 24 คนแน่นร้านไปหมด ในขณะที่ทั้งสองสอดส่ายสายตาหาโต๊ะว่าง หูก็จับได้แต่ตอนท้ายของการสนทนาอันกระท่อนกระแท่นของคนอื่น "แล้วเธอรู้ไหม พอฉันบอกหล่อนว่าหล่อนไม่ได้แฟลตเท่านั้นแหละ หล่อนก็ทรุดลงนั่งแล้วปล่อยโฮออกมา" "โธ่ มันก็อยู่ที่การต่อรองราคากันเท่านั้นแหละที่รัก อันนี้มันเหมือนกับอันที่มาเบิล ลูอิสเอามาจากปารีสนั่นแหละ" "ไอ้ที่เราแอบได้ยินเขาคุยกันนี่ดูไม่เป็นเรื่องเป็นราวน่าขันดีนะ" ทอมมี่พึมพำ "วันนี้ฉันเดินผ่านผู้ชายสองคนได้ยินเขาคุยกันถึงคนที่ชื่อเจน ฟินน์ คุณเคยได้ยินชื่อนี้ไหม" จากคุณ : เอวังด้วยประการฉะนี้ - [ 17 ธ.ค. 48 09:59:11 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เข้าใจเล่นนะ แปลไปตามเนื้อผ้าหละได้เงินเร็วดี คิดมากแบบเรา จะบ้าตายเสียก่อน คือจริงๆแล้ว เราอยากเห็นหนังสือแปลมีภาษาอังกฤษกับภาษาไทยเทียบกันเลย แล้วตรงไหน นักแปลไม่ sure ก็ให้อธิบายความน่าจะเป็นไปได้ทั้งหมดออกมาให้คนอ่านใช้ imagination เอาเอง น่าจะดีกว่าเนอะ เอแต่เรื่อง two Johnnies นะ เรานั่งทางในแล้วคุณป้า Agatha มาบอกเราว่า เป็น "ตำรวจสองคนง่ะ" ถ้าใครม่ายเชื่อเราจาส่งคุณป้าให้ไปเข้าฝันนะ อิๆๆๆๆ ตอนนี้มีการบ้านอื่นต้องทำ คือว่าสถานการณ์บังคับให้อ่านเรื่องนักสืบอื่นโดยเร่งด่วน อาจมีเวลามาเขียนเรื่องนี้ได้น้อย แต่ก็จะพยายามกลับมาเขียนอีกเท่าที่เวลาอำนวยให้ ถ้าใครอยากติดตามข่าวเรื่อง "นักสืบสมองเพชร" ก็ลองตาม link นี้ไปดู http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K3947251/K3947251.html จากคุณ : sensitive reader - [ 18 ธ.ค. 48 05:04:44 A:61.91.226.4 X: TicketID:113322 ]

ความคิดเห็นที่ 26 http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K3947251/K3947251.html ยังสงสัยนิด ๆ ว่าที่คุณ sensitive reader บอกว่า johny ในที่นี้หมายถึงตำรวจ แสดงว่าต้องมีตอนใดในหนังสือ ที่แสดงหรือบอกกล่าวหรือทำให้เข้าใจได้ว่า ตำรวจต้องทราบแล้วว่า Jane Finn  เป็นใครหรือสำคัญอย่างไร ถูกไหมคะ (ถ้าไม่รู้เรื่องเลย ก็คงไม่มีตำรวจถึง 2 คน พูดถึงชื่อเดียวกัน) จากคุณ : scuba734 - [ 18 ธ.ค. 48 07:39:59 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เช้านี้ เราตื่นนอนขึ้นมาแล้วแหกปากร้องดังๆออกมาว่า 'Eureka ฮ่าๆๆๆๆๆ!!!!!' คือว่า เราเพิ่งคิดได้ว่า ถึงเราไม่ได้เล่นผีถ้วยแก้วหรือนั่งทางในเพื่อคุยกับคุณป้า Agatha Christie เราก็กล้าฟันธงได้ว่า two Johnnies แปลว่า "ตำรวจสองคน" อย่างแน่นอน เพราะอะไร? คำตอบก็คือ ภ้าเราอ่านรหัสคดีเรื่องหนึ่ง เราก็เรียนรู้ตรรกะ เพื่อนำมาใช้กับการอ่านรหัสคดีอีกเรื่องหนึ่งได้ ตอนเราอ่าน Thinking Machine (นักสืบสมองเพชร) ของ คุณทวด Futrelle นะ เราจำได้ว่า นักสืบสมองเพชรมักจะพูดว่า "ตรรกะ ตรรกะ สองบวกสองต้องเป็นสี่ ไม่เพียงแต่บางครั้งเท่านั้น แต่ต้องเป็นทุกครั้งไป " เราเรียนจาก Thinking Machine (นักสืบสมองเพชร) แล้วมาไขปริศนาเรื่อง two Johnnie ของคุณป้า Agatha ......พุดโธ่เอ๋ย! แท้จริงมันง่ายนิดเดียว แค่เส้นผมบังภูเขาจริงๆง่ะ ลองคิดดูว่า ตามหลักความจริงในชีวิตจริง ถ้าคุณเดินผ่านถนนสีลมที่มีผู้คนเดินขวักไขว่จอแจอยู่ แล้วเดินผ่าน "ผู้ชายสองคน" คุยกันเรื่อง "ยัยศรี" แล้วพอคุณไปเจอเพื่อนสนิทของคุณ คุณจะถามเพื่อนสนิทของคุณไหม ว่ายังศรีเป็นใครกัน???? คำตอบก็คือว่า "ไม่ถามอย่างแน่นอน" เพราะผู้ชายธรรมดาๆสองคนไม่ทำให้ยัยศรีมีความน่าสนใจขึ้นมาได้ แต่ถ้าเป็น "ตำรวจสองคน" คุยกันเรื่องยัยศรีแล้วละก้อ ยัยศรีก็จะกลายเป็นบุคคลที่น่าสนใจของคุณขึ้นมาทันที เนื่องจากว่าคุณก็ต้องสงสัยว่าตำรวจคงจะต้องสืบอะไรเรื่องยัยศรีเป็นแน่แท้ หรือยัยศรีคงมีวีรกรรม หรือก่ออาชญากรรมอะไรที่น่าสนใจ แล้วอีกประการหนึ่ง ในกรณีของ Jane Finn นั้น ถ้าเราคิดว่าตำรวจสองคนพูดถึงเรื่อง Jane Finn มันก็สอดคล้องกับ plot เรื่องที่ป้า Agatha ผูกเอาไว้เป็นใยแมงมุม (เนื่องจากป้า Agatha มักจะพูดว่าเธอบอกไบ้ไว้เสมอ ที่ฉากหนึ่ง ว่าอีกฉากหนึ่งอะไรจะเกิดขึ้น) ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ นั่นก็คือ ในอีกไม่กี่ฉาก ทั้ง Tommy และ Tuppence ต่างก็ต้องไปตามหาหญิงสาวที่ชื่อ Jane Finn จริงๆ เป็นไง เป็นไง ป้า Agatha เรานี่ลึกไหม? สุดยอดเลยจริงๆเซ่พับผ่าเลย ถ้าไม่ได้วิชาจากคุณทวด Futrelle แล้วละก้อ เราคงเดาความคิดป้า Agatha ไม่ได้เลยถึงแม้จะรู้ศัพท์ภาษาอังกฤษก็เถอะ ดังนั้น ในแวดวงรหัสคดี จึงมีคำเล่าขานกันว่า หากคุณทวด Futrelle ไม่ด่วนตายเสียก่อนเมื่ออายุเพียงแค่สามสิบกว่าๆ (จมลงไปพร้อมกับเรือ Titanic) แล้วละก้อ เขาต้องเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของคุณป้า Agatha อย่างแน่นอนทีเดียว โหสรุปแล้วนะ ป้า Agatha นี้ความคิดล้ำลึกไม่เบาเลยทีเดียว กว่าเราจะตีความได้ว่า two Johnnies แปลว่าอะไร เราต้องใช้เวลานั่งทางในตั้ง 2-3 วันแน่ะ! จากคุณ : sensitive reader - [ 18 ธ.ค. 48 10:48:00 A:61.91.230.73 X: TicketID:113322 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ดีจัง อ่านแล้วสงสัยไปด้วย มีโอกาสอ่านฉบับภาษาอังกฤษเกือบครบแล้ว ขาดเรื่องสั้นบางเรื่อง แต่อ่านแค่รู้เรื่อง ไม่ได้เปิดหรือสงสัยทุกคำอะค่ะ จากคุณ : scottie - [ 18 ธ.ค. 48 14:20:25 ]

ความคิดเห็นที่ 29 อ่านเรื่องตาหลอด เอ่อ...Lord Peter Wimsey ของ Dorothy L. Sayers ไปหนึ่งเล่ม แล้วยอมแพ้อ่ะค่ะ ปวดหัว เลือดกำเดาจะพุ่ง เหนื่อยกว่าไปวิ่งอีกค่ะ จากคุณ : จอมยุทธเจ้าน้ำตา - [ 18 ธ.ค. 48 17:45:39 ]

ความคิดเห็นที่ 30 การอ่านวรรณกรรมให้สนุก  แค่รู้ศัพท์พอเข้าใจเนื้อเรื่องหลัก เหมือนที่คุณ scottie ทำก็พอแล้ว  แต่การอ่านเพื่อการแปลต้องเจาะลึกกว่านั้น  ที่ลองวิเคราะห์ดูก็เพื่อผู้อ่านหนังสือแปลจะได้เข้าใจว่าการแปลนั้นเป็นกระบวนการที่ยุ่งยากซับซ้อนมากๆ  และหนังสือประเภทวรรณกรรมบางเรื่องยากมากๆจนจะแปลให้ถูกหมด 100% คงทำได้ยากมากๆ  อีกอย่างที่เราอ่านเจาะลึกเพราะกำลังเรียนปรับปรุงการเขียนภาษาอังกฤษอยู่  คืออ่านๆไปเจาะลึกแล้วจำเอาประโยคไปเขียนเองโดยการดัดแปลงรูปประโยคไปตามสถานการณ์ที่เราจะใช้ เมื่อก่อนเราอ่านหนังสือยากๆก็มีปัญหาเหมือนคุณจอมยุทธ์เจ้าน้ำตา  คืออ่านๆไปติดศัพท์แล้วกางหนังสือไว้โดยเอาดิกเล่มหนึ่งวางเป็นน้ำหนักกดไว้ให้หนังสือที่อ่านมันเปิดคาอยู่ แล้วก็เปิดดิกอีกเล่มหนึ่ง (กับดิกเล่มอื่นอีกหลายๆเล่ม)   ถ้าหาศัพท์ไม่เจอก็เปิดดิกเล่มอื่นๆไปเรื่อยๆ ตอนจบเรามีดิกวางรอบตัวสิบกว่าเล่ม  หันกลับไปกลับมาเหมือนวงดนตรีไทยเดิมที่เขาตีฆ๊องวงเลยอ่ะ   ปัจจุบันนี้เราใช้กลยุทธ์ใหม่ ลองใช้วิธีนี้ดูดิ  เราฉีกหนังสือแล้วใช้ Adobe Acrobat 7 Professional ทำการ scan มันเข้าไปหมดเลย  แล้ว save เป็น *.pdf file แต่แบ่งเป็นหลายๆ files นะ คือหนึ่งบทก็หนึ่ง file เพื่อไม่ให้เปลืองทรัพยากรของเครื่องคอมพิวเตอร์  แล้วเราก็เปิดอ่านมันบนเครื่องคอมฯเลย  ติดศัพท์ตัวไหนก็เปิดดิกที่เป็น software โดยการเปิดเป็นหลายๆหน้าต่างพร้อมๆกัน  บางทีเราเจอหนังสือยากเราต้องเปิดดิกที่เป็น software ด้วยกันพร้อมๆกันถึง 10 ชุด (10 applications) เลยทีเดียว  นั่นก็หมายความว่าเราต้องซื้อ RAM ใส่เครื่องคอมฯเราเยอะๆไว้   คราวหน้าลองอ่านด้วยวิธีนี้  จะได้ไม่ปวดหัว เลือดกำเดาจะพุ่งอีก  คือว่าการเปิดดิกมันเหนื่อยอีตรงยกดิกยังไงล่ะ เพราะดิกมันหนัก  เปิดหลายๆเล่มมือเมื่อยสุดๆเลยอ่ะ  ตอนนี้เราเลยติดนิสัยอ่านหนังสือบนเครื่องคอมฯ  นั่นก็หมายความว่าเร็วๆนี้หนังสือทั้งหมดของเราจะโดนฉีก(เพื่อเอาไป scan) เรียบหมดเลย เพิ่งได้ log in name มา  เร็วนี้ถ้าทำ blog เรื่องวรรณกรรมเล่นคงสนุกดีเหมือนกันนะ แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 48 23:21:28 จากคุณ : sensitive reader (chatterbot) - [ 20 ธ.ค. 48 23:19:17 ]

ความคิดเห็นที่ 31 บรรดาของ free ที่มีอยู่ใน internet สำหรับผู้ที่ไม่สามารถหาโปรแกรมมาลงในเครื่องได้ http://www.m-w.com/ นี่ของ merriam-webster online http://www.ldoceonline.com/ อันนี้ก็ longman http://www.askoxford.com/dictionaries/?view จากคุณ : ตามลิง - [ 21 ธ.ค. 48 10:03:12 A:203.156.171.50 X: TicketID:076240 ]

ความคิดเห็นที่ 32 http://www.m-w.com http://www.ldoceonline.com http://www.askoxford.com/dictionaries/?view จากคุณ : scuba734 - [ 21 ธ.ค. 48 15:16:15 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ถึงจะเลือดออกจมูกตายก็จะแปลเองค่ะ ตั้งใจไว้แบบนั้น คือมันสนุกกว่ากันเยอะเลยนะคะ ตรงที่เราให้ความหมายของคำพูดตัวละครเองได้ แต่แปลให้คนอื่นอ่านนี่ขอผ่านค่ะ ไม่สนุกน่ะ จากคุณ : จอมยุทธเจ้าน้ำตา - [ 23 ธ.ค. 48 19:20:43 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เอ่อ ไอ้2เล่มนี่นะ ทั้งทอมมี่กะทัพเพนเซทนั้นกะความลึกลับของคฤหาส สไตนล์อ่ะ เราเคยอ่านตั้แต่ตอนเราอยู่ม.1 ก้อเกือบๆ17ปีที่แล้ว เค้าแปลเปนภาษาไทยมา4รอบแล้วตั้งแต่เล่มแรกที่เสถียรโกเสฐ เปนคนแปล ไม่เข้าใจว่า จะไป หาโหลดภาษาอังกฤษมาอ่านทำไม  จริงๆเค้าแปลมาได้ดีมากๆด้วย  รึกลัวคนอื่นจะไม่รู้ว่าฉลาด คนฉลาดจริงไม่อวดตัว น่าแปลกที่เกิดเปนคนไทยแต่มาอวดตัวว่าเลือกอ่านแต่หนังสือภาษาอังกฤษ สมควรชื่นชมจริงๆ รึ จากคุณ : สาวน้อยช็อกกิ้งพิ้งก์ - [ 27 ธ.ค. 48 00:59:21 ]

ความคิดเห็นที่ 35 อิอิอิ เอ...  เป็นไรไปเนี่ยเธอ อืมม ท่านเสถียรแปลน่าจะดีนะ เพราะเคยอ่านกามนิต สุดยอดเลยเรื่องสำนวน ถูกไม่ถูกว่าอีกเรื่อง สมัยท่านคงไม่มีดิกดีๆ เท่าไหร่ แต่ผมว่าสนุกดีนะ ผมก็คงจะแปลไม่ได้เหมือนกันหละ ก็เลยได้ความรู้ดี ไอ้ที่ไม่รู้ หรือนึกว่าหมูๆ ก็ได้รู้กันวันเนี้ย แล้วก็เห็นด้วยกะคนชำแหละเค้าด้วยหล่ะ ว่าน่าจะจริงหยั่งว่า ที่แปลไปแล้วว่าไรเราคงไม่ว่ากันนะ เพราะไม่เคยอ่านเหมือนกันทั้งไทยทั้งอังกฤษ แต่ที่น่าติดตามคงไม่ใช่เรื่องนิยาย แต่เป็นเรื่องการแปลคำศัพท์ต่างๆ มากกว่า น่าสนใจมาก ช่วยดำเนินพิธีต่อด้วย ให้ไว  (นะครับ อิอิอิ) !!! จากคุณ : Ensign - [ 29 ธ.ค. 48 09:34:53 ]

ความคิดเห็นที่ 36 สมองคนเราเปรียบเสมือนโอ่งใส่น้ำ รูปร่างลักษณะต่าง ๆ กันไป ใบใหญ่บ้างเล็กบ้าง ปากโอ่งใหญ่บ้างเล็กบ้างก็แล้วแต่บุญแต่กรรมที่เคยทำเอาไว้แต่ชาติปางก่อน ในชาตินี้จะเป็นโอ่งแบบไหนก็แล้วแต่ ถ้าเปิดฝาโอ่งเอาไว้ ความรู้ข่าวสารข้อมูลก็จะเข้าไปได้ แต่ในเวลาเดียวกันก็ต้องคอยช้อนผงฝุ่นละอองออกทิ้งเสียบ้าง สติปัญญาก็จะเพิ่มพูนขึ้นมาเอง แต่ถ้าคิดว่าเป็นโอ่งที่เต็มแล้วไม่เปิดฝาโอ่งไว้ก็ไม่มีอะไรใหม่ ๆ เข้าไปได้ คุณ sensitive reader (chatterbot) ครับ รีบกลับมาเขียนใหม่ไว ๆ กำลังเปิดฝาโอ่งรออยู่ จากคุณ : โอ่งฝาเปิด - [ 29 ธ.ค. 48 15:56:17 A:61.90.21.41 X: TicketID:111895 ]

ความคิดเห็นที่ 37 กรี๊ดดดส์  น้าทหารเรือ......อิอิอิ หยุดยาวอะดิ ท่านเจ้าคุณมีเพื่อนที่ชื่อ นาคะประทีป(พระสารประเสริฐ)   ที่ยิ่งกว่าเยี่ยมพจนานุกรม ท่านทั้งสองแปล หิโตปเทศร่วมกันเป็นเรื่องแรก เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว กำลังทรงพระราชนิพนธ์เรื่องมัทนะพาธา  ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ หลวงธุรกิจภิธาน(ตรี นาคะประทีป)  ไปรับราชการใกล้ชิดพระองค์ชั่วคราว   มีหน้าที่คอยถวายศัพท์ ตอนที่ เสถียรโกเศศ แปล  คำว่า  mat   จากภาษาอังกฤษว่า อาสนะ  เพราะเป็นเรื่องของพระพุทธเจ้า พระสารประเสริฐหัวเราะ  และบอกว่า   ที่รองนั่งของพระพุทธเจ้า  ไม่เรียกว่า อาสนะ   มีคำเรียกใช้เฉพาะว่า  นิสีทนสันทัด  (ประวัตินักประพันธ์  ประกาศ วัชราภรณ์) เรื่องที่ท่านเจ้าคุณอนุมานราชธนแปลนี่  คงหายากมาก  มะเคยเห็น น้าทหารเรือแวะมาบ่อยๆนะ  สหายแถวนี้เล่าเรื่องสนุกๆ มี ง่า...น้าดำน้ำ    อิอิ  คุณหลานเอวัง     หลายคนความรู้เต็มพุงเลย แก้ไขเมื่อ 29 ธ.ค. 48 20:31:05 จากคุณ : แสนอักษร - [ 29 ธ.ค. 48 20:28:18 ]

ความคิดเห็นที่ 38 มากริ๊ดน้าทหารเรือด้วยคน  สบายดีหรือคะ อย่าอ่านตำรามากนักนะ เดี๋ยวแก่แย่เลย เมื่อไรกลับเมืองไทยคะ ตามอ่านกระทู้ของคุณ sensitive reader หลายแห่งแล้ว ทุกครั้งที่อ่านก็แหม่ง ๆ ในใจเหมือนกันว่า ตัวอย่างที่ยกมานั้นนะ แกล้งยกให้มันสุด ๆ ไปเลยหรือเปล่าคะ เพราะไม่คิดว่าจะมีใครที่คิดแบบนั้นได้ ยกตัวอย่างคำว่า garden living จริงอยู่ ถ้าแปลแบบตรง ๆ อาจคิดว่าอยู่แบบสวน ในสวน หรืออะไรก็ว่าไป แต่ในบริบทนี้ มันชัดเจน เพราะคำข้างหน้าบอกว่า ordinary plain, or garden living  ในเมื่อ ordinary หรือ plain ก็บอกชัดว่าอยู่แบบธรรมดา คือ ไม่มีเครื่องบำรุงบำเรอ แล้วคำต่อมาคือ or เพราะฉะนั้น คำว่า garden livimg มันก็ต้องความหมายเดียวกันกับ plain living มันจะเป็นอื่นไปได้อย่างไร อันนี้เป็นตัวอย่างนะคะ แต่เกือบทุกครั้งที่อ่านของคุณ sensitive reading จะรู้สึกแบบนี้บ่อยมาก อยากให้ยกตัวอย่างที่มันมีโอกาศหลุดได้จริง ๆ นะคะ ถ้าไม่พอใจก็ขออำภัยนะคะ เจตนาเพียงแต่อยากให้คุณ sensitive reader หาตัวอย่างที่มันมีสิทธิพลาดจริง ๆ มากขึ้นนะคะ จากคุณ : scuba734 - [ วันสิ้นปี 08:48:45 ]

ความคิดเห็นที่ 39 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W3960459/W3960459.html จากคุณ : ตามลิง - [ 2 ม.ค. 49 13:01:52 A:203.156.171.50 X: TicketID:076240 ]

ความคิดเห็นที่ 40 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W3960459/W3960459.html อาชีพหลัก สร้าง link ค่ะ (เฉพาะคนชอบ ๆ กัน) จากคุณ : scuba734 - [ 2 ม.ค. 49 16:43:29 ]

ความคิดเห็นที่ 41 อิอิอิ ทักทายครับ ทุกท่าน ทักทายๆ ก็หยุดยาวนะแหละครับ แต่ก็ยังต้องอ่านหนังสืออยู่ คงจะแวะมาบ้างตามโอกาสอันควร ขอขอบคุณที่ยังนับญาติ เพราะไม่เห็นหน้าเห็นหนวดกันมาเป็นเวลานานนนนน!!! อิอิอิ แต่คงอีกสักระยะ ยาวๆ กว่าจะได้กลับมาร่วมบรรเลงด้วยเต็ม ๆ วง อีกสักครา วาว ผมก็เพียงแค่ทราบว่าเรื่อง The Pilgrim Kamanita กามนิต-วาสิฏฐี เนี่ย ที่ว่าท่านเสถียรโกเศส กับท่านนาคะประทีปแต่งแปลร่วมกัน  ว่าที่จริงก็เพิ่งทราบจากคุณแสนอักษรว่าท่านหลังเนี่ย คือกุนซือชั้นหนึ่งเลยนะเนี่ย อย่างที่เคยบอกครั้งแรกที่อ่านเรื่องนี้ ประมาณบรรทัดแรกเลยก็หลงรักซะและ เคยท่องได้คำต่อคำจากบทแรกพระพุทองค์เสด็จกลับเบญจคีรีนคร(?) จนบทที่เจ็ด (?) ดอกฟ้า หรือไงเนี่ย มันก็นานมาละ สำนวนสุดยอดดดดดดดดดดด!!! คนอื่นไงไม่รู้แต่ผมวางไม่ลง แค่สำนวนบรรทัดแรกๆ ก็กินใจและ ต่อไปนี้คือความทรงจำนะครับ ไม่ใช่โควตจริงๆ อิอิอิ " ปางเมื่อพระพุทธองค์เสด็จนิวัตรมาถึงเบญจคีรีนครก็เป็นสมัยใกล้วิกาล แดดยามเย็นทอแสงแผ่สร้านไปทั่วสาลีเกษตร และละลิ่วเห็นเป็นประเทศสว่างไสวสุดสายตา ชาวนาและโคที่เมื่อยล้าต่างพากันเดินดุ่มกลับเคหสถานที่เห็นอยู่ไรๆ เงาไม้โดดเดี่ยวกอเดียวก็ทอดยาวออกไปทุกที...." อะไรประมาณเนี้ย!!!! ตอนนี้จินตนาการได้เลยว่า ท่านนาคะประทีบอะแหละเป็นคนแนะนำว่า นี่ๆ ท่าน ไม่ใช่นาข้าวสาลีนะ ให้ว่า สาลีเกษตรสิ เกษตรก็ที่นาไงท่าน อะไรประมาณเนี้ย  คุณแสนอักษรมาเติมเต็มจินตนาการผมแท้ๆ อิอิอิ ถึงว่าคำศัพท์ท่านในเรื่องนั้นร้ายกาจไม่อาจรับมือจริงๆ อ่านแล้วยอมศิโรราบเลย และยิ่งตอนบรรยายความงามของนาง "นกน้อยในกรงทอง" วาสิฏฐี สาวน้อยผู้เดาะคลีบูชาเทพเจ้าแห่งเทือกเขาวินธัย ผู้ที่ "เหลืออยู่นางเดียวท่ามกลางเวทีแห่งนั้น ...และท่ามกลางใจของข้าพเจ้าด้วยเช่นกัน"  ผู้ที่ "ใช้หัตถ์ทั้งสองตบคลีทองสองลูกอย่างอ่อนช้อยรวดเร็วจนเห็นเป็นสาย อุปมาประหนึ่งว่านางก็คือนกน้อยที่กระโดดโลดเต้นอยู่ในกรงทองก็มิปาน" และที่สำคัญ มีความงามระดับ " ดูก่อนภราดา หากจะให้ข้าพเจ้าเริ่มบรรยายความงามของนางให้ท่านซึมซาบดั่งหลับตาแลเห็นแล้วละก็ ข้าพเจ้าต้องมีความสามารถเทียบเท่าท่านมหากวีพจน์เสียก่อน และถึงจะมีความสามารถปานนั้น ท่านก็จะได้เห็นความงามของนางแต่เพียงลางๆ เท่านั้น" โอ! มายบุ๊ดด้า!!!  เล่นเอาหัวใจหนุ่มน้อยวัยสิบสามอย่างผม ต้องนอนอ่านทั้งคืนเลยอ่ะ อิอิ อะไรจะปานนั้นฟะ เพื่อนสาวๆ สมัยนั้น ผมยาวๆ กระโปรงยาวๆ ถักเปียมงามๆ ที่โรงเรียนยังไม่เทียมทานเลยอ่ะ อิอิอิ และไม่ต้องแปลกใจที่ไม่เคยเปลี่ยนใจไปยกที่หนึ่งให้นางอื่นที่ลือล่ำ เป็นต้นว่า นางบุษบา ที่มีวงพักตร์แม้ไม่ได้ launched a thousand ships ก็เป็นต้นเหตุของศึกหลายเมืองละน่า launched some thousand troops ไง!! อิอิอิ!!! อืมมม ....หิมะตกอีกละหรือนี่ แทบไม่รู้ตัวเลย แดดอ่อนดินอุ่นกรุ่นกลบ ตรลบลมแผ่ว แผ่วหนาว สดชื่นคืนวันนานยาว เหมือนข่าว.... ว๊าววว หนาวจัง ไปทำเปเปอร์ต่อก่อนนะครับ พรุ่งนี้ต้องส่งละ ขี้เกียจจังเลยเรา ฟุ้งซ่าน ฟุ้งซ่าน ฟุ้งซ่าน อิอิอิ ราตรีสวัสดิ์ จากคุณ : Ensign - [ 3 ม.ค. 49 00:19:54 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เหมือนข่าวคราวเตือนจิตคิดคนึง ขอบังอาจต่อ... ทึ่งเหลือเกินในความทรงจำ.. ขณะพระองค์เสด็จมาใกล้เบญจคิรีนครคือราชคฤห์ เป็นเวลาจวนสิ้นทิวาวารแดดในยามเย็นกำลังอ่อนลงสู่สมัยใกล้วิกาล ทอแสงแผ่ซ่านไปยังสาลีเกษตร แลละลิ่วเห็นเป็นทางสว่างไปทั่วประเทศสุดสายตา ดูประหนึ่งมีหัตถ์ทิพย์มาปกแผ่อำนวยสวัสดี เบื้องบนมีกลุ่มเมฆเป็นคลื่นซ้อนซับสลับกันเป็นทิวแถว ต้องแสงแดดจับเป็นสีระยับวะวับแววประหนึ่งเอาทรายทองไปโปรยปราย เลื่อนลอยลิ่ว ๆ เรี่ย ๆ รายลงจดขอบฟ้า ชาวนาและโคก็เมื่อยล้าด้วยตรากตรำทำงาน ต่างพากันดุ่ม ๆ เดินกลับเคหสถานเห็นไร ๆ เงาหมู่ไม้อันโดดเดี่ยวอยู่กอเดียว ก็ยืดยาวออกทุกที ๆ ผู้ใดอยากอ่านเพื่อความทราบซึ้งเชิญที่นี่ ภาษาไทยนะ http://www.khonnaruk.com/html/book/liturature/kamanita/kamanita-01.html ผู้แต่ง ที่จริงนับว่าเป็นชาวเดนนิช แต่ตอนนั้นเดนมาร์คคงถูกอิทธิพลครอบงำจากเยอรมันมาก เลยโดนนับเป็นนักเขียนเยอรมัน เพราะท่านเขียนด้วยภาษาเยอรมัน ตอนที่ท่านได้รับรางวัลโนเบลในปี คศ ๑๙๑๗ นั้น ทั่วโลกก็ไม่ให้ความสนใจเท่าไหร่ เพราะรังเกียจว่าเป็นเยอรมัน Karl Gjellerupตีพิมพ์เรื่อง Der Pilger Kamanita (The Pilgrim Kamanita) ในปี คศ ๑๙๐๖ และเพิ่มเติมจากคุณ นกข ด้วยความเคารพในท่านครูทั้งสอง คือท่าน เสฐียรโกเศศ - นาคะประทีป ผมขอเรียนว่า อ่านกามนิต-วาสิฏฐี ภาคภาษาไทยเทียบกับต้นฉบับแล้ว เห็นได้ว่าท่านผู้แปลทั้งสองไม่ได้แปลตรงกับต้นฉบับเป๊ะๆ แต่มีการเรียบเรียงใหม่ ตัดและขยายความบางส่วนด้วย ส่วนที่ขยายขึ้นนั้น เห็นได้ว่าเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา เพราะท่านนาคะประทีปเป็นปราชญ์ใหญ่ทางพระพุทธศาสนาอยู่เองและมีความรู้สูงทางบาลีสันสกฤต ดังนั้นในที่ๆ ฝรั่งเจ้าของเรื่องบรรยายไว้น้อย ท่านก็สามารถขยายความออกไปได้เพิ่มเติม และใช้ภาษาสละสลวยเป็นสำนวนวัดอย่างไทย ไม่มีกลิ่นนมเนยเลย และผมออกจะลำเอียงเห็นว่าภาษาไทยที่ถอดความมาไพเราะกว่าต้นฉบับอังกฤษเสียอีก มีบางตอนเติมใหม่ทั้งย่อหน้าเช่นตอนพระพุทธปรินิพพาน ซึ่งของเดิมกล่าวไว้สั้นๆ แต่ในภาคภาษาไทยบรรยายไว้อย่างไพเราะ เพิ่มขึ้นมา 1 ย่อหน้าเต็มๆ แต่ส่วนที่ตัดลงไปหรือแปลข้ามไปเลยก็มี เช่น ตอนที่ไปเกิดในพรหมโลกหรือโลกของดาวนี้ ท่านผู้เขียนเดิมที่เป็นฝรั่ง ให้รายละเอียดที่เอามาเทียบเคียงกับฟิสิกส์ดาราศาสตร์สมัยใหม่ได้อย่างน่าทึ่ง ตรงนี้ ท่านผู้แปลไทยทั้งสองท่านแปลเก็บแต่ใจความ ไม่ได้ลงรายละเอียดครับ วันที่ 12 มิ.ย. 2544 - 17:10:14 โดย: นกข. [IP: 156.106.223.98] จากคุณ : ตามลิง - [ 3 ม.ค. 49 13:13:18 A:203.146.234.180 X: TicketID:076240 ]

ความคิดเห็นที่ 43 อืมมม อ่านแล้วนึกถึงคำกล่าวที่ว่า "บางครั้งสิ่งที่สวยงามในชีวิต ก็ไม่ได้เกิดจากการวางแผนมาก่อน" อันที่จริงนั่นเป็นโฆษณาให้อย่าทำให้เด็กที่กำลังจะเกิดแท้งไปซะก่อนเพราะท้องไม่ต้องการ  แต่กรณีผม คือพร่ำๆ บ่นๆ แล้วได้เรื่องกามนิตต้นฉบับภาษาไทยมาอ่านอีกอย่างไม่ตั้งใจ ตามหามานานละ ขอขอบคุณในความกรุณาครับ อืมม ท่านตามลิงนี่ ไม่เสียเที่ยวนะครับ คงเป็นลิงพระโพธิสัตย์ ขนาดขยันไปอ่านต้นฉบับเทียบกับไทยเลย แล้วไปเอาต้นฉบับภาษาอังกฤษมาจากที่ไหนละครับเนี่ย เผื่อผมจะไปแวะดูมั่งว่าสำนวนอังกฤษเค้าเป็นอย่างไร และเผื่อจะเกิดอินไซต์ว่าทำไมครูของเรา แปลหรือไม่แปล หรือหักหรือเพิ่มเพราะอะไร โสตถิ ภราดา!! จากคุณ : Ensign - [ 5 ม.ค. 49 05:32:20 ]

ความคิดเห็นที่ 44 "There's No Such Thing as a Free Lunch" Milton Friedman ในเครือข่ายใยพิภพนี้ ยังไม่มีฉบับภาษาอังกฤษที่ John E. Logie แปล เผยแพร่ไว้ คงมีไว้แต่ต้นฉบับภาษาเยอรมันเท่านั้น.. จากคุณ : ตามลิง - [ 5 ม.ค. 49 14:54:15 A:203.156.171.50 X: TicketID:076240 ]

ความคิดเห็นที่ 45 คุณน้าทหารเรือนี่สุดยอดจริง ๆ จำเรื่องกามนิตวาสิฏฐีเอามาโควทปากเปล่าได้แม้วันวารจะเนิ่นนานมาหลายขวบปีแล้ว ขอคารวะจากก้นบึ้งของหัวใจ ทำให้ระลึกถึงอาจารย์ที่เคยสอนหนังสือท่านหนึ่ง เป็นครูที่ผมยังรำลึกถึงอยู่เสมอในความเป็นอัจฉริยะและความเป็นครูของท่าน ท่านเรียนมาทางวิศวะ แต่เป็นอาจารย์คณะอักษรศาสตร์ ท่านมาสอนที่คณะผมชั่วโมงสอนของท่านสนุกมาก นาน ๆ ท่านก็โควตโคลงกลอนต่าง ๆ ในวรรณคดีไทยไห้นักเรียนหายง่วง เรื่องอะไรยาก ๆ ท่านก็สอนให้เข้าใจได้อย่างง่าย ๆ เป็นบุญอย่างยิ่งที่เคยเรียนกับท่าน ท่านเป็นนักเขียน เรื่องจีน เป็นทูตหลายประเทศ เป็นรัฐมนตรีหลายกระทรวง เป็นราชบัณฑิตย์ เป็นนักสะสมหนังสือเก่า คงไม่ต้องบอกต่อนะครับว่าท่านชอบเลี้ยงนก แลัวนามของท่าน ประเดี๋ยวคนจะทายอายุถูกรู้ว่าเราเป็นคนตกยุคหรือไดโนเสาร์ตัวสุดท้าย เรื่องกามนิตนี่สมัยทีเรียนก็ซึ้งเอามากทีเดียว ทราบว่าเป็นหนังสือแปล ระยะหลังหลายต่อหลายปี ไปร้านหนังสือเก่าที่ไหนร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำพยายามเมียงมองเสาะแสวงหาต้นฉบับเดิมที่ท่านแปลซึ่งคาดว่าเป็นภาษาอังกฤษ เพราะติดใจในภาษาซึ่งท่านกำจัดกลิ่นนมกลิ่นเนยฝรั่งออกไปได้อย่างไม่เหลือจนหมดสิ้น ใส่กลิ่นกำยานนิด ๆ เครื่องเทศหน่อย ๆ ให้เหมาะกับบรรยากาศภารตะอินเดียโบราณ แล้งในเวลาเดียวกันใส่ความเป็นไทยเข้าไปมาก ๆ เพิ่งทราบจากท่านตามลิงว่าเป็นการเสาะหา The Holy Grail เพราะไม่มีฉบับภาษาอังกฤษมีแต่ภาษาเยอร์มัน วิชาภาษาเยอร์มันก็คืนครูไปหมดแล้ว ถึงได้ฉบับภาษาเยอร์มันหรือภาษากรีกมาก็คงจะมีค่าเท่ากันคืออ่านไม่ออกทั้งคู่ จากคุณ : Nicky - [ 7 ม.ค. 49 14:43:20 A:61.91.84.19 X: TicketID:105682 ]

ความคิดเห็นที่ 46 คุณตามลิง เขียนน่าอ่านมากค่ะ  ให้ความรู้ สี่สิบปีที่แล้ว   ได้ข่าวว่าห้องสมุดของท่านไปเยอรมันเสียแล้ว (น้าทหารเรือทำเป็นไม่เห็นปีพ.ศ.นะ...) ปีที่แล้ว  นักแปลวรรณกรรมหน้าใหม่คนดังแถวๆนี้     ได้แจ้งเบาะแสให้ทราบว่ามีความเป็นไปได้ที่ หนังสืออันมีค่าเหล่านี้ อาจอยู่แถวๆถนนเพลินจืตต์ ไม่มีทางเข้าถึงผู้ครอบครองผู้สูงด้วยวัยวุฒิ  คุณวุฒิ  และมั่งคั่งด้วยธนสารสมบัติ เฮ้อ.....แบบว่า อยากเห็นเท่านั้น จากคุณ : แสนอักษร - [ 7 ม.ค. 49 19:25:07 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ใครอยากอ่านเรื่องรักๆใคร่ๆ เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ ก็ลองตาม link นี้ไป http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K4009452/K4009452.html จากคุณ : sensitive reader (chatterbot) - [ 9 ม.ค. 49 19:52:54 ]

ความคิดเห็นที่ 48 อ้าวโดนลบไปแล้ว กระทู้ที่ว่านี้น่ะ คือมีคนไปตั้งกระทู้ว่าเรื่อง sex เป็นเรื่องที่เลวร้ายไปเสียหมด แบบมองโลกในแง่ลบ เราก็เลยเข้าไปแปลคัมภีร์ของเต๋าเรื่องประโยชน์ของ sex แบบมองโลกในแง่บวก เขียนเป็นบทกวี ไม่เห็นจะโป๊เลย แต่ทำไมโดนลบได้ แปลไปตั้งหลายหน้าแน่ะ เสียดายแฮะ จากคุณ : sensitive reader (chatterbot) - [ 10 ม.ค. 49 11:41:48 ]