'Step for Skincare'
เชื่อว่าคงมีใครอีกหลายคนที่ยิ่งลำดับการภาพผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าไม่ถูกต้องว่าจะทาอันไหนก่อนหรือหลังดี ไม่รู้ว่าเนื้อครีมแต่ละประเภทนั้นมีระดับการดูดซึมที่แตกต่างกัน และเพื่อประโยชนสูงสุดของการทาครีมบำรุงเหล่านี้ เราจึงควรเลือกใช้ให้ถูกต้องตามประเภทของผลิตภัณฑ์
มารู้จักประเภทของครีมบำรุงกันก่อน ซึ่งสามารถแบ่งออกได้หลายประเภท เช่น
แบ่งตามเนื้อของผลิตภัณฑ์
1. เนื้อครีม (Cream) เนื้อครีมจะเข้มข้นและหนักกว่าแบบโลชั่นเหมาะกับคนผิวแห้ง ผิวที่ต้องการความชุ่มชื้นมากเป็นพิเศษ เนื้อครีมจะซึมผ่านลงสู่ผิวใช้เวลานานกว่าแบบโลชั่นหรือเจล เพราะมีส่วนประกอบของนำ้มันมากกว่า
2. เนื้อโลชั่น (Lotion) เนื้อบางเบาซึมได้เร็วกว่าเนื้อครีม เหมาะสำหรับคนธรรมดา และมีชื่อเรียกอีกแบบหนึ่งว่า ฟลูอิด (Fluid) ส่วนคนผิวมันควรเลือกใช้โลชั่นประเภทไม่มีส่วนประกอบของน้ำมัน (Oil-free)
3. เนื้ออิมัลชัน (Emulsion) อยู่ในรูปของเหลวมีเนื้อหนักกว่าโลชั่นคล้ายน้ำนมแต่เบากว่าเนื้อครีม เหมาะสำหรับผิวธรรมดา-แห้ง
4. เนื้อเจล (Gel) เนื้อเจลจะมีส่วนประกอบของน้ำเป็นหลัก และมีน้ำมันน้อย จึงทำให้ซึมลงสู่ผิวได้ง่าย และรวดเร็วกว่าเนื้อครีมหรือโลชั่น เหมาะสำหรับผิวบอบบางและแพ้ง่าย
5. เนื้อเซรุ่ม (Serum) อยู่ในรูปของเหลว มีทั้งชนิด น้ำ น้ำมัน หรือเจลน้ำใส หรือเรียกว่าอาหารผิวที่มีความเข้มข้นสูง และในกลุ่มนี้ยังมีพวกคอนเซนเทรต (Concentrate) และบูสเตอร์ (Booster)ที่มีลักษณะของเนื้อผลิตภัณฑ์ที่ใกล้เคียงกัน
แบ่งตามประเภทการดูแลรักษา
1. ชุดดูแลผิวประจำวัน
มอยส์เจอไรเซอร์ (Moisturizer) คือ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวประจำวันมีหน้าที่เติมความชุ่มชื้นให้กับผิว สามารถแบ่งตามประเภทของผิวเช่น ผิวแห้งมาก ผิวแห้ง ผิวธรรมดา ผิวมัน หรือผิวแพ้ง่าย และยังจำแนกชนิดของมอยส์เจอไรเซอร์ได้ในรูปของ โลชั่น ครีม เจล และอีมัลชั่น
ครีมกันแดด (Sun Protection) คือ ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารป้องกันรังสียูวีและยูวีบี ช่วยต้านอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นจากแสงแดด เนื้อผลิตภัณฑ์มีหลายรูปแบบ เช่น ครีม โลชั่น หรือแบบแท่งสติ๊ก
2. ชุดดูแลผิวพิเศษ ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้จะมีสารอาหารในการบำรุงเข้มข้นสูง ช่วยฟื้นฟูสภาพผิวเพิ่มความกระชับให้ผิวที่ต้องการดูแลเป็นพิเศษ เช่น เซรั่ม (Serum), คอนเซนเทรต (Concentrate) ทั้งสองชนิดนี้มีลักษณะคล้ายกัน ซึ่งเป็นสารบำรุงมีความเข้มข้นสูงเป็นพิเศษ, บูสเตอร์ (Booster) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ปรับสภาพผิวผิวหน้า ต้องใช้เป็นตัวแรก หลังจากเช็ดโทนเนอร์เสมอ,ไวน์เทนนิ่ง(Whitening) ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารผลัดผิวเพื่อเพิ่มความกระจ่างใส
3. ชุดดูแลผิวเฉพาะกิจ ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้มุ่งเน้นบำรุงและดูแลเฉพาะจุด เช่น
ดวงตา อายครีม (Eye Cream) อายบาล์ม (Eye Balm)
สิว เจลแต้มสิว (Blemish Gel) คอนซีลเลอร์รักษาสิว (Blemish Concealer)
คอ ครีมบำรุงสำหรับคอ (Neck Cream)
ริมฝีปาก ลิป ทรีทเม้นต์ (Lip Treatment)
:+: หลักวิธีใช้ง่าย ๆ :+:
ใช้บูสเตอร์และอายครีมก่อนเป็นลำดับแรกเสมอ
ถ้าเป็นสิวอักเสบให้ใช้ยาแต้มเฉพาะจุด แล้วเว้นการทาครีมบำรุงทุกชนิดในบริเวณที่ทายา
ครีมบำรุงในกลุ่ม Anti-Aging/ Whitening/Moisturizer ถ้ามีเนื้อเบาให้ทาก่อน (Serum/ Essence/ Concentrate)
ครีมบำรุงในกลุ่ม Anti-Aging/ Whitening/Moisturizer ถ้ามีเนื้อหนักให้ทาทีหลัง (Cream/ Lotion/ Emulsion)
ครีมบำรุงในกลุ่มผลัดผิว เช่น เอเอชเอ (AHA) และบีเอชเอ (BHA) หรือพวกทรีทเม้นท์ต่าง ๆ เช่น เรตินอล (Retinol) จะทาก่อนพวกมอยส์เจอไรเซอร์
:+: ข้อควรจำ :+:
ให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เนื้อบางเบาก่อนและเนื้อหนักทาทีหลัง เริ่มจาก
1. อายครีม
2. บูสเตอร์
3. เรตินอล / เอเอชเอ / บีเอชเอ
4. เซรั่ม / คอนเซนเทรต / เอสเซ้นท์
5. มอยส์เจอไรเซอร์ / โลชั่น / ครีม / อีมัลชั่น
ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณมีผลิตภัณฑ์อยู่ 5 ชนิด คือ
1.เซรั่ม
2.โลชั่นมอยส์เจอไรเซอร์
3.ครีมลดจุดด่างดำ
4.อายครีม
5.ครีมกันแดด
ลำดับการใช้คือ 4-1-2-3-5
ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ นั้นมีคุณสมบัติในการปรนนิบัติผิวที่แตกต่างกัน ถ้าเราเลือกใช้ครีมบำรุงที่ตรงกับสภาพผิวหน้าได้อย่างแท้จริงและ ลำดับขั้นตอนการใช้ที่ถูกต้องแล้ว คุณก็สามารถมีผิวในอุดมคติได้ไม่ยากเลย
ขอบคุณบทความจาก www.med.tu.ac.th ค่ะ
จากคุณ :
KEZIA
- [
8 ม.ค. 49 15:02:14
]