CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ใครที่ยังมีชีวิตที่น้ำเน่ายิ่งกว่าในนิยายอีกหรือเปล่านะ

    ดูจากกระทู้ข้างล่าง เลยอยากทราบว่าใครที่มีชีวิตน้ำเน่ายิ่งกว่าในนิยาย ช่วยโพสเล่าด้วยนะครับ จะได้เอามาศึกษาหรือประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันของผมบ้าง

    ผมจะบอกว่าผมเนี่ยแหละที่รู้สึกว่าชีวิตนี้ช่างน้ำเน่าเหลือเกิน

    ผมเป็นลูกคนเดียว เกิดมาในครอบครัวคนจน ตั้งแต่เด็กจำความได้ ผมช่วยพ่อกับแม่เด็ดถั่วงอกอยู่เลย จากนั้นพ่อกับแม่ผมก็ทำงานเป็นคนงานในโรงงานทำเซรามิกส์จนกระทั่งทุกวันนี้

    ผมไม่ได้เรียนอนุบาล (ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม จำไม่ได้แล้ว)

    เข้าเรียน ป.1 ครั้งแรก ที่ รร.วัดแถวๆดาวคนอง
    และได้ย้ายไปที่บางนาเพราะย้ายโรงงาน ก็เรียน ป.1 ซ้ำ(ที่ รร.วัดเช่นกัน)เพราะว่าอายุไม่ถึงเกณฑ์

    เมื่อ ป.1 ผมสอบได้ที่โหล่ (จำได้)

    ตอน ป.2-ป.3 ได้เป็นตัวแทนไปแข่งวิชาการที่ต่างโรงเรียน แต่ไม่เคยได้รางวัลเลยซักครั้งเดียว และสอบได้ที่ 1 ตลอด อาจจะเนื่องมาจากหัวไปโขกกับระเบียงตอนที่เพื่อนๆเล่นเกาะหลัง(รถไฟ) ตอนป.1

    แล้วจบ ป.3 ก็มีเหตุต้องย้ายไปที่ จ.สมุทรปราการ เนื่องจากโรงงานย้ายไปอยู่ที่นั่น

    ป.4-ป.6 ก็ได้เรียนที่ รร.เทศบาลที่วัดแห่งหนึ่ง และได้เป็นตัวแทนแข่งระดับ รร.และจังหวัด

    ตอน ป.6 ประกวดพานพุ่มได้ที่ 2 และแข่งสปช.และเลขได้ที่ 1

    หลังจากจบ ป.6 ก็ได้เข้ารร.วัดแห่งหนึ่งที่จังหวัดและอำเภอเดียวกัน เพราะได้โควต้า ไม่ต้องสอบเข้า

    พอเข้า ม.1 ก็ต้องย้ายบ้าน เพราะเค้าย้ายโรงงานไปอีกจังหวัดหนึ่งที่มีคำว่า "สมุทร" เหมือนกัน แต่ก็ยังเรียนที่ รร.เดิมที่ จ.สมุทรปราการ เพราะตั้งปณิธาณเอาไว้ว่าจะต้องเรียนให้จบ ม.6 ที่ รร.นี้ให้ได้ เพราะไม่อยากย้ายแล้ว

    จึงทำให้ผมต้องตื่นตั้งแต่ตี 4 เพื่อเตรียมตัวขึ้นรถเมล์ไปเรียน ซึ่งอยู่อีกจังหวัดหนึ่ง

    ม.1-ม.3 ก็เป็นตัวแทนของห้องในการไปแข่งขันกับ รร.ต่างๆเรื่อยมา

    พอจบ ม.3 ก็เข้า ม.4 ที่ รร.เดิม เพราะได้โควต้าไม่ต้องสอบเข้า และ ม.4-ม.6 ก็ได้เป็นตัวแทนไปแข่งเช่นเคย

    ม.1-ม.6 เป็นชีวิตที่สนุกดี เพราะต้องตื่น ตี 4 ทุกวันเลย :D

    พอจบ ม.6 ก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่งได้ และก็เรียนที่นั่นมาจนจบ 4 ปี

    โดยตอนอยู่มหาวิทยาลัยก็กู้เงินเรียน โดยที่ไม่ได้พึ่งพ่อแม่เลย

    หลังจากจบแล้วก็ต่อปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยของรัฐอีกที่นึง ถึงปัจจุบัน

    ในตอนแรก กะจะให้ญาติช่วยส่งเสียให้เรียน ป.โท (ญาติแต่ละคนที่ผมจะไปขอพึ่งก็มีฐานะพอสมควร) แต่ทุกคนบ่ายเบี่ยงหมด และบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเค้าต้องมีภาระเลี้ยงดูคนอื่นอีก ออกมาทำงานเถอะ ไม่ต้องรงต้องเรียนมันแล้ว ป.โทเนี่ย เสียเวลา!

    ตอนผมเรียน ป.ตรีก็พอมีเงินเก็บเอาไว้บ้าง บวกกับให้ญาติอีกคนนึงช่วยออกค่าเทอมเทอมแรกให้ผมก่อน แล้วผมจะผ่อนใช้คืน ดังนั้นผมจึงได้เรียน และทำงานพิเศษไปด้วย จึงมีเงินผ่อนเค้าจนหมด

    จนมาถึงปัจจุบันนี้ ผมว่าชีวิตผมทรหดพอสมควร แต่อาจจะมีคนที่ลำบากกว่าผม ซึ่งผมก็อยากทราบด้วย จะได้ศึกษาว่าเค้าทำอย่างไรกันถึงมีชีวิตอยู่ได้ถึงทุกวันนี้
    ซึ่งคำถามที่ผมไม่อยากเจอเลยก็คือ "ที่บ้านทำอะไร" "พ่อแม่ทำอาชีพอะไร"

    ซึ่งผมมักจะบอกว่า "ไม่บอกได้ไหมครับ"
    นอกจากอาจารย์จะถาม หรือว่าถามตอนสอบสัมภาษณ์

    แม้กระทั่งเพื่อนที่สนิทที่สุดของผม ยังไมรู้เลยว่าบ้านผมเป็นยังไง ประกอบอาชีพอะไร

    คือว่า รู้ได้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องที่บ้าน ประมาณนั้น

    แล้วชีวิตของชาวสวนลุมล่ะครับ เป็นยังไงกันบ้าง?

    ปล.ขออภัยที่ต้องถอดอมยิ้มเอาไว้

    จากคุณ : ขออนุญาตใช้บัตรผ่าน - [ 10 มี.ค. 49 10:16:29 A:10.7.9.36 X:202.28.180.201 TicketID:104467 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป