PANTIP.COM : L4203501 ช่วยเราจัดกระเป๋าไปเที่ยวทะเลหน่อยค่ะ...จะไปเที่ยวประมาณสองวันค่ะ [โภชนาการและความงาม]

ความคิดเห็นที่ 5

เก็บมาฝากค่ะ จาก siam2u

Sun Protect factor (SPF)

SPF คือตัวเลขที่แสดงถึงประสิทธิภาพของครีมกันแดด ในการป้องกันอาการแดง ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดจาก UVB สามารถหาได้จากอัตราส่วน ระหว่างปริมาณแสงน้อยที่สุด ที่ทำให้เกิดอาการแดง หลังรับแสง 24 ชั่วโมง โดยไม่ทาครีมกันแดด กับปริมาณแสงน้อยที่สุด ที่เกิดอาการแดงโดยทาครีมกันแดด ถ้า SPF ยิ่งสูงจะสามารถป้องกันอาการแดง (sunburn) ได้ยิ่งดี

การป้องกันแสง UVA

การหาตัววัดประสิทธิภาพการป้องกันแสง UVA จะยุ่งยากกว่า UVB มีการใช้ immediate pigment darkeving (IPD) มาเป็นตัววัด แต่เนื่องจากอาการคล้ำจะจางเร็วมาก ทำให้มีปัญหาในการอ่านผล จึงได้มีการใช้ persistent pigment darkening (PPD) แทน นอกจากนี้ยังมีการใช้ erythema หรือ tanning หลังจากฉายแสง UVA 24 ชั่วโมง มาเป็นตัววัด จากมติการประชุมของคณะการทำงาน American Academy of Dermatology ซึ่งประกอบด้วยผู้แทน จากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสหรัฐอเมริกาและยุโรปในปี 2000 ได้กำหนดไว้ว่า ครีมกันแดดที่เป็น Broad Spectrum จะต้องสามารถป้องกันได้ทั้ง UVB และ UVA และต้องป้องกัน UVA ได้อย่างน้อย 4 เท่า โดยการใช้ค่า PPD หรือ PFA เป็นตัววัด และมี critical wavelevgth ไม่ต่ำกว่า 370 nm (critical wavelevgth คือช่วงคลื่นที่ต่ำกว่านี้จะสามารถดูดซับได้โดยครีมกันแดดได้ 90%)

Substantive

คือประสิทธิภาพของครีมกันแดดที่สามารถป้องกัน UV ได้แม้จะเปียกน้ำ ซึ่งมีความสำคัญมาก เนื่องจากประเทศไทยมีอากาศร้อนความชื้นสูง และมีเหงื่อมาก ครีมกันแดดที่เป็น water resistant หมายความว่า สามารถป้องกัน UV ได้หลังจากอยู่ในน้ำนาน 40 นาที ส่วน waterproof สามารถอยู่ในน้ำได้นานถึง 80 นาที ดังนั้นการจะเลือกใช้ครีมกันแดดชนิดใด จึงขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการใช้

การทาครีมกันแดด

โดยทั่วไป ควรทาครีมกันแดดก่อนถูกแดด ประมาณ 20 -30 นาที เพื่อให้สารกันแดดซึมเข้าสู่ผิวหนัง และหลังจากว่ายน้ำ หรืออกกำลังกาย ซึ่งมีเหงื่อออกมาก ควรทาซ้ำ และควรทาบริเวณที่ไม่มีเสื้อผ้าปกปิดด้วย ไม่ใช่ทาเฉพาะใบหน้าเท่านั้น ควรทาทุกครั้งที่อยู่กลางแจ้ง ไม่ใช่เฉพาะวันที่เล่นกีฬา หรือถูกแดดมาก

ปริมาณที่ทา มีความสำคัญต่อประสิทธิภาพ ของครีมกันแดดมาก เนื่องจากการหาค่า SPF ของครีมกันแดดจะใช้ปริมาณ 2 มิลลิกรัมต่อตารางเซนติเมตร แต่พบว่าคนทั่วไป มักจะทาครีมกันแดด ประมาณ 1.3 มิลลิกรัมต่อตารางเซนติเมตรเท่านั้น ทำให้ค่า SPF ลดลงไปมากกว่า 50%

ผลข้างเคียงของครีมกันแดด

ผลข้างเคียงที่พบบ่อย คืออาการระคายเคือง จากสารกันแดด ครีมกันแดดที่ยิ่งมีส่วนผสมของสารกันแดดชนิด organic มาก ยิ่งจะเกิดอาการระคายเคืองได้ง่าย ดังนั้น ถ้าผู้ป่วยจำเป็นต้องทาครีมกันแดด บริเวณที่มีผื่นควรเลือกใช้สารกันแดดชนิด inorganic ส่วนอาการแพ้ชนิด allergic contact dermatitis หรือ photoallergic contact dermatitis พบได้น้อยเมื่อเทียบกับปริมาณที่ใช้ นอกจากสารกันแดดแล้ว อาจแพ้สารกันบูด น้ำหอม หรือส่วนผสมอื่น ของครีมกันแดดได้ ดังนั้น การเลือกครีมกันแดด จึงต้องคำนึงถึงความปลอดภัยด้วย

การทดสอบอาการแพ้ครีมกันแดดนั้นสามารถทดสอบได้โดยใช้ครีมกันแดด ทาที่บริเวณท้องแขน จากนั้นดูอาการ 24 ชั่วโมงหากไม่มีอาการใด ๆ ก็สามารถใช้ครีมกันแดดนั้นได้
แก้ไขเมื่อ 18 มี.ค. 49 13:07:31

จากคุณ : KEZIA - [ 18 มี.ค. 49 13:06:57 ]