ก็แค่ข่มขืน--ใช่ก็แค่ข่มขืน
จะสนใจอะไรกันนักหนา
กฎหมายอะ จะแก้ไปทำไม ก็ปล่อยให้มันอ่อนแบบนี้ล่ะดีแล้ว
วัยรุ่น30คนรุมโทรมผู้หญิงข้างวัด
แล้วส่งขึ้นศาลเยาวชน
เพื่อที่จะส่งเยาวชนที่ใสซื่อทั้ง30คนไป
"ฝึกงานให้ออกมาเป็นคนดีของสังคม"
ดีจังนะคะ วิธีแก้ปัญหาแบบสันติ
วัยรุ่นข่มขืนผู้หญิง ส่งเข้าศาลเยาวชนไปอบรม
แล้วให้มันออกมาทำความเลวได้อีก
ดีจังเลยเนอะ
คนข่มขืนผู้หญิง ติดคุกไม่กี่ปี
แล้วก็ออกมาเดินบนถนนร่วมกับคนทั้งหลาย
โคดดีเลยอะ ลวนลามผู้หญิงโทษแค่นิดเดียวเอง
เเหม ก็แค่ลวนลาม แค่ทำอนาจาร
ยังไม่ได้สอดไอ้นั่นเข้าไปซะหน่อย
แค่จับหน้าอกนิดเดียวเอง
ยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย
สังคมเมืองไทยนี่เป็นเมืองพุทธที่บริสุทธิ์จังเลยนะคะ
สอนผู้หญิงไม่ให้แต่งตัวโป๊ ไม่ให้เดินในซอยเปลี่ยว
ให้รักนวลสงวนตัว ห้ามเที่ยวผับ อย่ากลับดึก
อย่ากินเหล้านะลูก อย่าใส่สายเดี่ยวนะลูก
อย่าไปกับแฟนสองต่อสองนะลูก...
แต่ไม่เคยสอนให้ผู้ชายบังคับ"ไอ้นั่น"ให้อยู่ในที่ถูกที่ควร
สร้างค่านิยม "พรหมจรรย์จอมปลอม" ให้ผู้หญิง
แต่กับผู้ชาย.....ไม่มีการปลูกฝังอะไรเลย
ไม่ให้เปิดsex shop แต่มีอาบอบนวดกับโสเภณีเต็มเมือง
บอกว่าวีซีดีโป๊ผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรม
แต่ทุกคนก็กระเหี้ยนกระหือที่จะดูคลิปวีดีโอดารา
เวลาผู้หญิงถูกข่มขืน
ก็มักจะมองว่า
แต่งตัวโป๊หรือเปล่า ไปคนเดียวหรือเปล่า เดินที่เปลี่ยวใช่ไหม
โดยที่ไม่เคยคิดเลยว่า นักรบตอลีบันมันยังข่มขืนผู้หญิงที่มีผ้าคลุมทั้งตัวได้
ไม่เคยคิดเลยว่า หลายครั้งที่อาชญากรรมเหล่านี้เกิดขึ้นกลางเมือง
และไม่เคยสำเหนียกว่า การถูกข่มขืน มันเกิดขึ้นกับผู้หญิงดีดีที่แต่งตัวเรียบร้อยนี่ล่ะ
และแม้ว่าผู้หญิงจะแต่งตัวโป๊ เดินกลางซอยเปลี่ยว แต่คุณก็ไม่มี"สิทธิ์"ไปข่มขืนเขา
สังคมพุ่งเป้าไปให้ผู้หญิง ซึ่งเป็นผู้ถูกกระทำอยู่แล้วเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด
แต่ผู้กระทำ คือผู้ชาย ซึ่งเป็นต้นเหตุ กลับไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย
กฎหมายกำหนดให้การข่มขืนหญิงอื่น"ที่มิใช่ภรรยา"เป็นความผิด
แสดงว่าผัวข่มขืนเมียได้?
แสดงว่าแต่งงานไปแล้วเมียตกเป็นสมบัติของผัว?
นี่คืออีกหนึ่งความไม่เท่าเทียมในสังคม
การข่มขืน ยังคงเกิดขึ้นทุกนาที
และมีแนวโน้มมากขึ้นเรื่อยเรื่อย
และสังคมก็ยังคงเพิกเฉยต่อไปเช่นนี้
บางที...เหยื่อรายต่อไปอาจเป็นคนที่คุณรัก
>>เราเจ็บปวดทุกครั้งที่ได้เห็น ได้ยินความคิดของคนที่บอกว่า---
"ก็แต่งตัวโป๊เองทำไม ไปเดินซอยเปลี่ยวเองทำไม"
แล้วคนที่ถูกข่มขืน ก็โดนรุมโทรมซ้ำ...จากสังคมไทย
สังคมที่หน้าไหว้หลังหลอก สังคมที่ชายเป็นใหญ่
สังคมที่เหยียบเพศหญิงไว้ใต้ฝ่าเท้า แต่ทำเป็นเทิดทูนไว้เหนือศรีษะ
สังคมที่ชอบเหยียบย่ำผู้อื่น แต่พูดเสมอว่า "เราคือเมืองพุทธ"
>>คุณคะ--เราเคยเกือบตกเป็น"เหยื่อ" ครั้งหนึ่ง
จากคนที่เรียกตัวเองว่า"ครู"
ตอนนั้นเราอายุแค่13ปี
เรายังเป็นเด็กมากในตอนนั้น
และเราแน่ใจว่าการแต่งตัวของเราเรียบร้อย มิดชิดทุกกระเบียดนิ้ว
เด็กอายุ13ยั่วใครไม่เป็นหรอกค่ะ
เขาพยายามลวนลามเรา
ตอนนั้นเราไม่เข้าใจว่าเขากำลังทำอะไรกับเรา
หลายคนอาจจะคิดว่า13นี่โตแล้วนะ
แต่เราไม่--เพราะที่บ้านเลี้ยงมาแบบประคบประหงมมาก
เรียกว่าเป็นคุณหนูเลยล่ะ
เรารู้แต่ว่า เราไม่ชอบ เรารู้สึกขยะแขยง
แต่เราก็ไม่กล้าบอกใคร
เพราะกลัว.....
ลืมบอกไป เราไปเรียนพิเศษดนตรีค่ะ
แล้วห้องนี่มันจะเป็นห้องปิด เผอิญว่าเวลาที่เราเรียนมันไม่มีเด็กคนอื่นเรียนด้วย เลยกลายเป็นความซวยของเราไป
แต่ในความโชคร้ายก็มีความโชคดีอย่างหนึ่งคือ ประตูห้อง มันจะมีช่องกระจกเล็กเล็ก
ทำให้เขาไม่กล้าทำอะไรมากไปกว่าการ"ลวนลาม"
จนมันหลายครั้งเข้า
เราก็เริ่มรู้สึกไม่ดีขึ้นเรื่อยเรื่อย
จึงตัดสินใจบอกแม่......
แม่ฟังแล้วก็อึ้ง.....และให้เราหยุดเรียนวิชานั้นทันที
แต่แม่ก็บอกเราว่าอย่าบอกพ่อนะ
เพราะถ้าพ่อรู้พ่อคงจะโกรธมาก
แม่ไม่ไปแจ้งความ
ตอนนั้นเรายังไม่เข้าใจเหตุผลของแม่
แต่ตอนนี้เราคิดว่าเราเข้าใจแล้วค่ะ
แม่ไม่อยากให้เราเจอกับกระแสสังคมที่พร้อมจะมอง และเหยียบย่ำแบบนี้ไง
แม่ไม่อยากให้เราพบกับความอับอาย
ไม่อยากให้เราถูกคนถาม ถูกคนมอง ถูกคนสงสาร
และเพราะแบบนี้
คนคนนั้น ยังคงลอยหน้าทำอาชีพที่เรียกตัวเองว่า"ครู"ต่อไป อย่างสงบสุข....
ทุกวันนี้ มันเหมือนว่าทุกคนจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว
เราเองก็ทำราวกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น
เเละเราคิดว่า เมื่อเวลาผ่านไปก็คงจะลืมได้เอง
แต่มันไม่ใช่.....
ยิ่งเราโตขึ้นทุกวัน ความเกลียด ความแค้น ความรู้สึกแย่แย่มันก็เพิ่มขึ้น
เราหวาดระเเวงเพศชาย แต่ก็ทำเป็นไม่กลัว ทำเป็นกล้า เป็นเด็กผู้หญิงที่ไม่เคยเจอเรื่องร้ายอะไรเลย
ซึ่งเราก็ไม่รู้จะทำยังไงดีกับความรู้สึกเหล่านั้น
ทุกวันนี้ พ่อก็ยังคงไม่รู้ และเราคิดว่าจะเก็บเรื่องนี้ไม่ให้พ่อรู้ตลอดไป ....
แม้เราจะไม่โดนทำอะไรไปมากกว่านั้น แต่มันก็กลายเป็นจุดดำจุดหนึ่งในชีวิตเรา เป็นจุดที่ทำให้เราไม่มีความสุขมากเท่าที่คนที่มีทุกอย่างอย่างเราควรจะเป็น
เราจึงอยากบอกกับทุกคนว่า-----
ไม่มีใครอยากตกเป็นเหยื่อ
คนที่ตกเป็นเหยื่อ ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร แต่งตัวยังไง เดินในซอยเปลี่ยวและกลับดึกแค่ไหน
หรือเขาอาจจะเดินกลางวันแสกแสก แต่งตัวมิดชิด
แต่จิตใจของพวกเขานั้นเหมือนกันคือมันเจ็บช้ำมาก
เราอยากเป็นตัวแทนขอ"ความเข้าใจ"จากสังคมให้พวกเขา
แทนที่จะพูดว่า"สมควรแล้ว" ให้แปรเปลี่ยนเป็นคำสาปแช่งพวกเดรัจฉานนั่นได้ไหม
ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะเปลี่ยนความคิดกันใหม่
ให้สังคมที่แหลกเหลวทุกวันนี้ ดีขึ้นกว่าเดิม--แม้สักนิดก็ยังดี
จากคุณ :
กอหญ้าพาฝัน
- [
19 มี.ค. 49 15:53:16
]