ความคิดเห็นที่ 2
^ ^ ^ หนอย ... เจ้าตัวปลอม
พยายามจะให้สั้นๆ คร่าวๆ ได้ใจความนะคะ
Vitamin C เนี่ย มันเรียกว่า ascorbic acid ... ก็อันเดียวกับเม็ดๆ ขาวที่เรากินนี่แหล่ะ (อันที่ไม่หวานนะ) ... ประโยชน์ของ ascorbic acid (เอาเป็นว่าแบบทาละกันนะ ... ไม่นับแบบกิน) มันสามารถไปกระตุ้นการสร้าง collagen ในผิวหนังชั้นกลางได้ (ผิวหนังเรามา 3 ชั้น: นอก, กลาง, ใน) ... ถ้าผิวหนังชั้นกลาง (ที่เต็มไปด้วย collagen) ถูกทำลาย (อาจจะมาจากอายุที่มากขึ้นหรือสิ่งแวดล้อมภายนอก) หรือการสร้าง collagen ลดลง ... ริ้วรอยก็จะเกิดขึ้น
การช่วยกระตุ้นการทำสร้าง collagen ก็จะทำให้ริ้วรอยจางลงได้ (แต่มันก็ไม่ได้เกิดขึ้นปุปปับนะ) ... เร็วๆ ต้องพวก botox ... ต่อละกัน ... แล้วทีนี้ ascorbic acid มันไม่เสถียร อยู่ไม่นานก็เสื่อม ถูกแดด ถูกน้ำก็เสื่อม ... มันจะ oxidation กับอากาศเปลี่ยนเป็น oxide (สีเหลือง) ซึ่งจะไม่มีประสิทธิภาพในการกระตุ้น collagen ... นอกจากนี้ถ้าคนเคยใช้ ascorbic acid จะสังเกตุได้ว่าจะรู้สึกยิบๆ ... ถ้าใช้แบบเข้มข้นมากๆ อาจจะทำให้ผิวหน้าที่บอบบางแสบและไหม้ได้ (ก็มันเป็นกรดนี่)
... ทีนี้ด้วยเหตุผลหลัก 2 ประการ คือ ไม่เสถียร และระคายเคือง ... เลยมีคนคิดค้นตัว derivative ของ ascorbic acid ขึ้นมา ... ตัวแรกเรียกว่า Magnesuim ascorbyl phosphate ค่ะ ... ตัวนี้จะอ่อนโยนกว่า เสถียรกว่า แต่ยังคงคุณภาพที่สามารถซึมเข้าสู่ผิวหนังชั้นกลางได้ (ไปกระตุ้นการทำงานของ collagen ... คือพอมันซึมเข้าสู่ผิวหนัง มันสามารถเปลี่ยนสภาพไปเป็นตัวที่สามารถกระตุ้น collagen ได้) ... แต่ประสิทธิภาพก็ยังไม่สูงเท่า ascorbic acid (แบบสดๆ ใหม่) ... แต่ก็เรียกได้ว่าเป็นทางเลือกที่ดีทีเดียว ... เพราะไม่ต้องกังวลว่ามันจะเสื่อมเร็ว หรือ มันจะระคายผิว ... แต่ก็อย่าหวังว่ามันจะให้ผลเร็วไปกว่า ascorbic acid
แล้วอีกตัวที่เป็นตัว derivative ของ vitamin c ก็คือ Ascorbyl palmitate ตัวนี้เสถียรและไม่ระคายผิว ... แต่พอเข้าไปถึงผิวชั้นกลางแล้วเนี่ย ... มันไม่สามารถที่จะเปลี่ยนตัวเองเป็นสารที่ไปกระตุ้น collagen ได้ ... ตัว Ascorbyl palmitate จึงทำได้แค่เป็นตัว anti-oxidant เท่านั้น ... ซึ่งสารเคมีที่ราคาถูกกว่าอย่างพวก vitamin e ก็ทำได้ค่ะ
ดังนั้น เครื่องสำอางชั้นไหน โฆษณาว่ามีส่วนผสมของไวตามินซีที่ไปกระตุ้น collagen ซึ่งจะช่วยลดริ้วรอย ... สิ่งที่เราต้องสังเกตต่อไปคือ
1. ถ้าเป็น ascorbic acid หรือ magnesuim ascorbyl phosphate ก็โอเค ... ถ้า ascorbyl palmitate ไม่โอเค (ไม่ได้ช่วยเรื่อง collagen ... แต่ถ้าซื้อแค่เป็นตัว anti-oxidant ก็โอเค) 2. ให้ดูว่าส่วนผสมนี้มีความเข้มข้นกี่เปอร์เซนต์ 10% กำลังดีสำหรับเรา ... ต่ำกว่านี้ก็ไม่ควรต่ำกว่า 5% ... ถ้าเค้าไม่บอกว่าเข้มข้นกี่เปอร์เซนต์ ... ให้ดูส่วนผสมสองตัวนี้ต้องอยู่ในลำดับต้นๆ ... เช่นถ้ามีส่วนผสมสัก 20 ตัว ... ตัวนี้ต้องอยู่ในลำดับที่ไม่เกิน 5 จะดีมาก ... นั่นหมายความว่ามันควรจะมีความเข้มข้นพอที่จะไปกระตุ้น collagen ได้ (กฎหมายมีว่า ... ส่วนผสมข้างขวดต้องเรียงลำดับปริมาณจากมากไปหาน้อยค่ะ ... เป็นมาตรฐานสากล) ... ถ้าส่วนผสมสองตัวอยู่อยู่เป็นตัวท้ายๆ ... ลืมไปได้เลย ... มันเป็นแค่ส่วนผสมหางว่าวไม่ได้ช่วยอะไร 3. ถ้าเป็น ascorbic acid ... ควรจะบรรจุในหลอด ทึบแสง จะช่วยเก็บได้นานขึ้น 4. แต่ถ้าเป็น magnesuim ascorbyl phosphate ไม่จำเป็นต้องบรรจุในหลอดทึบแสงก็ได้ค่ะ
สรุป
- Ascorbic acid (ละลายในน้ำ) ... ช่วยเรื่องริ้วรอย และเป็นตัว antioxidant ได้ด้วย (แพง ไม่เสถียร มีประสิทธิภาพสูง) - Magnesuim ascorbyl phosphate (ละลายในน้ำ) ... ช่วยเรื่องริ้วรอย และเป็นตัว antioxidant ได้ด้วย (ถูกกว่า แต่ก็ไม่ถูกมาก เสถียร มีประสิทธิภาพค่อนข้างสูง) - Ascorbyl palmitate (ละลายในน้ำมัน) ... ไม่ได้ช่วยเรื่องริ้วรอย (ราคาถูก เสถียร)
ว่าจะพูดสั้นๆ นะเนี่ย
จากคุณ :
Phoebe Buffay (ตัวจริง)
- [
8 เม.ย. 49 22:18:48
A:24.72.93.160 X: TicketID:118642
]
|
|
|