น้าครับ เอามาเขียน ที่จริงอยากเขียนอีกหลายๆเรื่องเยยย แต่เวลาหมดแล้ว อยากเขียนเรื่อง
"เอาอะไร ทาตรงไหน"
กับเรื่อง
"ทาเมื่อไหร่ ทาทำไม"
ชื่อน่ารักมั้ยครับ เอาเป็นว่าคราวนี้ผมเขียนมาฝากแค่เรื่องเดียวก่อนแล้วกัน เพื่อนๆคนไหนที่ทราบแล้ว ก็ไม่เป็นไร คนที่ยังไม่ทราบ ก็อ่านๆไปแล้วกันนะครับ คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์จิงงงงงงงๆๆๆๆ จิงงงงง ๆๆๆ
**********************
ตามปรกติระยะเวลาในการผลัดเซลล์ผิวตามปรกติของคนเราก็คือ 28 วัน ผิวใหม่ของเราก็จะเผยขึ้นมา สว่างสดใสมีสุขภาพดี, เราจะเห็นได้ว่าตอนเด็กๆ เราวิ่งตากแดดตัวดำ พอไม่กี่วัน ก็กลับมาขาวเหมือนเดิมแล้ว แต่เมื่อเวลาผ่านไป (แบบเดียวกับตัวผมนี้) รอบ 28 วันมันก็เริ่มตีออกห่างไปเรื่อยๆทุกที การผลัดเซลล์ผิวเพื่อเผยผิวใหม่ก็จะใช้เวลามากขึ้น และขบวนการผลัดเซลล์ผิวก็ทำได้ไม่มีประสิทธิภาพเต็มที่แบบสมัยก่อน ดังนั้นผิวก็จะดูหมองขึ้น, โทรม, ซากเซลล์ผิวบางส่วนก็อุดตันรูขุมขนจนกลายเป็นสิว, ผิวขรุขระ ไม่เรียบเนียน ดังนั้นพวกผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว จึงเป็นที่นิยมมากขึ้น ซึ่งแบ่งได้ 2 ประเภทคือแบบผลัดเซลล์ผิวทางเคมี เช่น AHA peeling และผลิตภัณฑ์อะไรก็แล้วแต่ที่ไปเร่งอัตราการเมตาบอลิซึมของเซลล์ผิว และแบบกายภาพเช่นการทำ MD หรือการใช้สครับเป็นต้น ในบทความนี้ผมจะเขียนเรื่องของการผลัดเซลล์ผิวทางเคมีเท่านั้นนะครับ ส่วนทางกายภาพ อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ (ไม่ได้ทำลิงค์นะครับ)
ผลิตภัณฑ์ที่ผลัดเซลล์ผิวทางเคมีนั้นก็มีแบบที่ระบุเฉพาะเจาะจงไปว่าใน 1 เดือนนั้น ควรจะใช้สักกี่ครั้งเช่นพวก AHA peeling kit เป็นต้น
แต่ว่าผลิตภัณฑ์หลายๆตัวนั้นกลับไม่ได้ระบุไว้ โดยเฉพาะพวก skin care ที่ใช้ประจำวัน ที่มีคุณสมบัติหลักคือช่วยในการผลัดเซลล์ผิว ยกตัวอย่างที่นิยมในห้องสวนลุมฯตอนนี้ก็เช่น SK-II essence (รวมทั้ง line อื่นๆทั้งหมด เพราะว่าผสม Pitera เกือบหมด), Clinique Total Turnaround, Biotherm Line Peel และอื่นๆ
โดยปรกติที่พวกเราใช้ผลิตภัณฑ์พวกนี้กัน ก็คือ ใช้ทุกวัน ใช่มั้ยครับ ?? หรือว่าอาจจะหนักกว่านั้น ถึง 2 ครั้งต่อวันไปเลยก็มี พอใช้ไปถึงจุดๆหนึ่งกลับพบว่า ไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงอะไรต่ออีกแล้ว กลายเป็นเฉยๆไป บางคนก็สันนิษฐานกันไปต่างๆนานาว่า หน้ามันชิน หน้ามันด้าน ผลิตภัณฑ์มันไม่ดีพอ ฯลฯ
ที่จริงแล้ว ผิวหน้าเราไม่ได้ชิน ไม่ได้ด้าน หรืออยู่ดีดีผลิตภัณฑ์กลับไม่ได้ผลขึ้นมา แต่เป็นเพราะว่า ผิวหน้าของเรา ได้รับการผลัดเซลล์จนกระทั่งซากเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้ว มันหลุดออกไปมากพอสมควรแล้วนั่นเอง เปรียบได้กับแท่งเหล็กกับสนิมเหล็ก ถ้าเราขัดสนิมออกทุกๆวัน พอถึงวันนึง มันก็สะอาดหมดจด ไม่มีสนิมเกาะ ถึงจะขัดต่อไป มันก็ไม่ได้สะอาดมากขึ้น ทั้งยังเปลืองแรงเปล่าๆ และยังเสียดสีเนื้อเหล็กโดยไม่จำเป็นอีกด้วย ดังนั้นทำไมเราต้องไปทำแบบนั้น !?
ครับ เข้าถึงใจความหลักซ้าที คือผมอยากจะบอกว่า ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวพวกนี้ ไม่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้ต่อเนื่องกันทุกๆวันตลอดไป เช่นพวก SK-II, Total Turnaround เมื่อถึงจุดอิ่มตัว นั่นก็คือจุดที่คุณรู้สึกว่าผิวของคุณไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงต่อไปอีกแล้ว ให้หยุดการใช้ผลิตภัณฑ์ตัวนั้นไปสักช่วงเวลาหนึ่งครับ เพราะว่าการใช้ผลิตภัณฑ์พวกนี้เป็นเวลาต่อเนื่องนานๆคงไม่เป็นผลดีมากนัก เพราะผิวหน้าจะไวแสงเกินไป และจะสูญเสียความสมดุลได้ง่ายๆ ดังนั้นการใช้เป็นช่วงๆจึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุดครับ ส่วนตัวผมลองมาแล้วหลายแบบ ทั้งใช้สลับวันเว้นวันไปเรื่อยๆ หรือ ใช้ 4 วันเว้น 3 วัน แต่แบบที่ได้ผลมากที่สุดจริงๆ นั่นคือสูตร 20+10 ครับ คือใช้ 20 วันต่อเนื่อง และหยุดพัก 10 วัน คือเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 จนถึง 20 และหยุดใช้ตั้งแต่วันที่ 21-30 ในแต่ละเดือน ผมสังเกตตัวเองแน่ชัดว่า ในช่วง 10 วันที่ไม่ได้ใช้นั้น ผิวหน้าก็แทบไม่มีความเปลี่ยนแปลงไปเลย พอกลับมาใช้ใหม่ ก็เห็นผลเปลี่ยนแปลงขึ้นเล็กน้อย ก็ถือว่าเป็นวิธีที่ดีมากๆเลยครับ เพราะว่า
1. ช่วยเราประหยัดได้ 33% เต็มๆ เพราะว่าใช้ผลิตภัณฑ์น้อยลง
2. ช่วงที่เราหยุดใช้ ก็ไม่ได้ทำให้ผิวหน้าดูแย่ลงไปเลยแม้แต่น้อย
3. อีกทั้งยังเป็นการหยุดพักผิวหน้า เป็นการให้ผิวได้รับการรบกวนน้อยลง ระคายเคืองน้อยลง และไวแสงน้อยลง เป็นการเคารพผิวและคืนความสมดุลให้กับผิว
4. ประหยัดเวลา เพราะไม่ต้องทาเพิ่ม
5. มีแต่ผลดี ไม่มีผลเสียครับ !!
ดังนั้น ส่วนตัวผมแนะนำตามนี้นะครับ ใช้สูตร 20+10 คือคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวโดยตรงครับ เพราะว่ามีแต่ผลดี 100% ครับผม :-)
ป.ล. สำหรับท่านที่ใช้ผลิตภัณฑ์พวกนี้เป็นครั้งแรก หรือว่าใช้เวลาเห็นผลกับผลิตภัณฑ์นานกว่า / เร็วกว่า อาจเริ่มด้วยสูตรนี้ หลักจากที่หาระยะเวลาของตัวเองได้แล้วว่า ผิวของตัวเอง เริ่มไม่เห็นความเปลี่ยนแปลง เมื่อผ่านไปกี่วัน หลังจากนั้นค่อยหยุดไป 10 วัน (หรือมากกว่านั้นก็ได้ แล้วแต่ผิวของตนเอง) แล้วค่อยกลับมาเริ่มใช้ใหม่ ก็จะเห็นผลเหมือนเดิม ดังนั้นสูตรนี้เอาไปปรับใช้กับตัวเองได้เลยครับ
ไม่ได้ใส่ tag พวกตัวหนาตัวเอนนะครับ เพราะว่ายุ่งยากละ (ขี้เกียจ) ทำไว้แล้วที่ Blog นะครับ http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=peerapatara&date=08-05-2006&group=10&blog=1
แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 49 00:27:21