ความคิดเห็นที่ 1 เขียนจดหมายไว้ซิคะ อ่ะ ให้ จขกท.แก้เหนื่อยนะคะ ไม่ว่าจะกับอะไรในชีวิต จากคุณ : ไปนอนละค่ะ (ปุ้ม หญิง) - [ 16 พ.ค. 49 01:32:15 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ตายแล้วอาจจะไปเกิดในที่ที่เหนื่อยกว่าเดิมก็ได้ เราทำได้แค่ดีที่สุดนะคะ มากไปกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว เหนื่อยก็พักค่ะ ความตายไม่ได้เป็นจุดสิ้นสุดนะคะ จากคุณ : ลูกแม่ดอกบัว - [ 16 พ.ค. 49 01:34:50 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ทุกวันนี้  ผมอยากมีชีวิตอยู่  เพราะคิดถึงตอนแม่ตั้งท้อง แล้วลำบาก  แบกท้อง เก้าเดือนทั้งหนักและเหนื่อย บางวัน ผมก็เหนื่อย บางวันผมก็เครียด เราไม่อาจมีเครื่องวัดชนิดใดในโลก ที่จะวัดได้ว่า ใครเหนื่อยกว่าใคร ใครเครียดกว่าใคร แต่ที่แน่ๆ  สิ่งที่เราเหนื่อยและเครียด  ในชีวิต ไม่ว่าจะเวลาไหน รับรองว่า  น้อยกว่าแม่ตอนตั้งท้องและเลี้ยงดูเรามา มากมายนัก ......................................................... เข้าใจว่า เจ้าของกระทู้ คงยังไม่มีภรรยาและมีลูก แนะนำให้รีบมี ครับ  แล้วคุณจะรู้ว่า ชีวิตที่มีความหมายเป็นอย่างไร ไม่ต้องมีชื่อเสียง  ไม่ต้องมีความสำคัญให้ใครจดจำ แค่คนในครอบครัว สองสามคน  มันก็มากเกินพอแล้ว ............................................... ทุกวันนี้  ผมอ่านงานเขียนของ ไอแซคอาซิมอฟ ด้วยความบ้า  เพราะหวังว่า  สักวัน   ผมอาจจะ มีวิธีกลายเป็นหุ่นยนต์  ผมจะไปแอบเป็น แบบ ไบเซนเทนเนียลแมน ดูแลภรรยาและลูก จนกว่าเขาจะตายก่อน แล้วผมไปเป็นหุ่นยนต์ อาจารย์นอนให้นิสิตคณะ โรบ็อท บึมบึมศาสตร์ ผ่าเล่น  เรียนและศึกษา ผมเลยไม่เคยคิดถึงงานศพของตัวเอง ด้วยประการฉะนี้ ...................................................... เจ้าของกระทู้  ผมว่าคุณเขียนหนังสือ ดีออก เขียนมีจังหวะจะโทน  เขียนมีช่องไฟของความนึกคิด เขียนแล้วได้เห็นพลังของความท้อแท้จริงๆ  มันมีอีโมชั่น อ่านแล้วสะเทือนใจ ลองเอาความท้อถอยและท้อแท้ของคุณ   มาพลิกให้เป็นโอกาสสิ ผมอาจจะเห็นคนเขียนหนังสือขาย เพิ่มขึ้นอีกคนในโลกก็ได้   แล้วคุณจะคิดถึงงานศพของ ตัวเองทำไม รีบไปคิดถึงมันทำไม แก้ไขเมื่อ 16 พ.ค. 49 02:09:53 จากคุณ : สะติมม๊อนโสสะโตเบ้ว - [ 16 พ.ค. 49 02:04:16 ]

ความคิดเห็นที่ 4 บางครั้งอยู่ดีๆ มันก็แว๊บขึ้นมาเหมือน แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยหนักหนาสาหัสนัก  ถ้าเกิดเป็นอะไรไปจริงๆ ไม่อยากให้จัด  เผาทิ้งก็พอแล้ว จากคุณ : ฉั่วเป่งใช้ - [ 16 พ.ค. 49 02:23:59 ]

ความคิดเห็นที่ 5 พักเถอะนะคนดี หลังลงตรงนี้ ที่ ๆ มีแต่เรา 2 คน จากคุณ : Ban me piz. - [ 16 พ.ค. 49 02:39:22 ]

ความคิดเห็นที่ 6 fight!!!!!!!!!!!!!!!!!! จากคุณ : *.* (WeakW) - [ 16 พ.ค. 49 03:24:19 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เหนื่อยก็พัก หาไรหนุกๆทำดีกว่านะ เราว่ามนุษย์ เมื่อมีปัจจัย4ครบ ก็น่าจะมีความสุขได้แล้ว สิ่งที่เหลือ(ความคิดเรานะ) ก็มนุษย์นั่นแหละที่อุปโลกขึ้นมา แล้วก็งุนงันพันตูกันจนวุ่นไปหมด ระบบต่างๆที่มนุษย์คิดขึ้นมา บางทีก็ถูกทำให้ซับซ้อนจนคนคิดก็งงเอง ลองจิตนาการว่าสิ่งที่ทำให้คุณเหนื่อย เครียด เป็นทุกข์ เป็นถังน้ำ ถ้าคุณวางมันลง คุณก็เบาสบายแล้วล่ะ ถังน้ำอาจจะเป็นหน้าที่ที่เราต้องทำเพื่อเติมน้ำในตุ่มให้เต็ม แต่เราวางมือ พักหน่อยก็ได้นินา หายเหนื่อยค่อยทำต่อ สู้ๆ สู้ตาย จากคุณ : trml - [ 16 พ.ค. 49 05:10:07 ]

ความคิดเห็นที่ 8 บริจาคอวัยวะให้สภากาชาติไทยไปแล้วค่ะ เขาคงจะจัดการให้เอง  ในเรื่องที่จะมีคนร้องไห้ไหม คงมี แต่จะนานแค่ไหนขึ้นอยู่กับคุณว่า  ทำตัวมีคุณค่าแค่ไหน  เราแนะนำให้อ่านหนังสือเรื่อง  ผมเป็นมะเร็งตอนอายุ  5 ขวบ คุณอาจจะรู้สึกว่าปัญหาคุณเล็กนิ้ดเดียวก็ได้ จากคุณ : nuch_tiew - [ 16 พ.ค. 49 06:55:02 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อย่าเพิ่งตายเลยครับ ตอนนี้ในนรกกำลังยุ่ง แย่งกันกินแย่งกันอยู่ จะขึ้นต้นงิ้ว ก็ต้องรอคิวทั้งวัน กระทะทองแดง ก็น้ำร้อนไม่ทัน อีกาปากเหล็กก็จิกไม่ไหวแล้ว ต้องทำงานทั้งวัน ยมบาลก็คิวยาว แถม Server ล่มเป็นประจำ เครือข่ายมือถือ busy ตลอด จากคุณ : เฒ่าอ่ำ - [ 16 พ.ค. 49 08:22:18 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ตอนยังไม่ตายเป็นอาจารย์วิศวะ พอตายแล้วเป็นอาจารย์หมอ บริจาคศพให้รรแพทย์แล้วค่ะ เราว่าคงเท่ดี ถ้าอัดวีดีโอกล่าวขอบคุณผู้มาร่วมงานเตรียมไว้เปิดในงาน จากคุณ : ม่ายค่ะ - [ 16 พ.ค. 49 08:40:22 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ผมว่า คนที่อยากให้ความตายมาถึง อยากนอนแล้วหลับ ไม่ตื่นอีกเลย คือคนที่กำลังมีความทุกข์ เวลาเครียด ท้อแท้ เหนื่อยกับชีวิต ผมมักจะไปยังสถานที่หนึ่ง ซึ่งทำให้ผมรู้สึกว่ามีคนที่แย่กว่าอีกมากมาย สถานที่นั้นคือโรงพยาบาลครับ ของรัฐบาล ที่ไหนก็ได้ คุณจะได้ภาพที่เป็นจริงมากกว่าเอกชน ภาพความเจ็บปวดทางกาย ร่างที่ใกล้จะหมดลม ความโศกเศร้าอาลัยที่สะท้อนออกมาบนใบหน้า ทำให้ผมรู้ว่า ปัญหาของผมนั้นเล็กนิดเดียว เมื่อเทียบกับเขาเหล่านั้น ลองวิธีนี้ดูก็ได้นะครับ หวังว่าจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น จากคุณ : Mint@da{-"-} - [ 16 พ.ค. 49 08:40:43 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เคยคิดบ่อยๆ ค่ะ ^_^ ก็พอจะมีพี่ๆ เพื่อนๆ ที่รักใคร่กันดีน่ะค่ะ ถ้าตายไป ตามปกติ ก็คงมีคนจัดงานศพให้ มีคนนึกถึงบ้าง... แต่ถ้าไม่มี ถึงจะตายแบบน่าเวทนา กลายเป็นศพไร้ญาติ จริงๆ ก็คงไม่รับรู้แล้วอะ ช่างมันเต๊อะ ^_^ เหนื่อยก็พักเนอะ ไว้สู้กันใหม่ ^_^ ... จากคุณ : Spirited A's way - [ 16 พ.ค. 49 10:35:09 ]

ความคิดเห็นที่ 13 คนเราเกิดและตายทุกวันค่ะ ว่ากันอย่างหยาบๆ เกิดคือช่วงตื่น ตายคือช่วงหลับ ว่ากันโดยละเอียด เกิดคือช่วงที่เราหายใจ ตายคือช่วงหยุดระหว่างลมหายใจเข้าออก เรามีชีวิตใหม่ทุกลมหายใจนะคะ อย่าเพิ่งท้อแท้ จากคุณ : ปลาทูอยู่ในเข่ง - [ 16 พ.ค. 49 11:18:06 ]

ความคิดเห็นที่ 14 งานศพผม เพื่อนๆ ในกลุ่ม คงพากันมาเล่นมุขฮาๆ กัน เพราะทุกคน เคยพูดกันไว้ก่อนแล้ว ว่างานศพของเพื่อนแต่ละคน ห้ามเศร้าเด็ดขาด ทุกคนโตมาด้วยกัน สนุกมาด้วยกัน วันตายก็ไม่อยากให้เพื่อนต้องมาเศร้า อยากให้สนุก คิดซะว่า เพื่อนเราไปก่อน เดี๋ยวเราก็ตามไป... จากคุณ : หมูหยองน้อย - [ 16 พ.ค. 49 12:23:17 ]

ความคิดเห็นที่ 15 .....อย่าเพิ่งรีบตายเลยค่ะ มีโอกาสเข้ามาอยู่บนโลกนี้แล้ว เรียนรู้ และ อยู่ไปเรื่อยดีกว่าค่ะ .....เวลาท้อๆแท้ๆ เนี่ย พ่อกะแม่ช่วยได้เยอะนะ แค่นึกถึง หน้าท่าน ก็ซึ้งจะแย่แล้ว สู้ๆ นะคะ จากคุณ : leonymb21 - [ 16 พ.ค. 49 12:35:05 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ชาติหน้าจะได้เกิดเป็นคนหรือเปล่ายังไม่รู้เลยคะ เมื่อก่อนตอนที่หนักๆสุดๆ เบื่อๆ ก็มีคิดขึ้นมาว่าถ้าตายได้ง่าย จะขอตายซะไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกแล้ว แต่พอเราแก้ปัญหาอะไรได้ ทำชีวิตให้มันดีขึ้นเข้าที่ี่เข้าทาง มองอะไรที่ต่ำกว่าเรา มองดูคนพิการ ที่เค้ามีร่างกายไม่ครบถ้วนเค้ายังต้องต่อสู้ชีวิตเลย แล้วเราหละ.... ร่างกายครบ32แท้ๆ ทำไมถึงไ่ม่อยากอยุ่ไม่อยากสู้ ท้อไปทำไม ชีวิตนี้ยังอีกยาวไกล เราอยากอยุ่ดูลูกโต อยากดูแลคนที่เรารัก เลี้ยงหลานมีชีวิตในวัยแก่ เอาเป็นว่าขอแก่ตายดีกว่า จากคุณ : aleena - [ 16 พ.ค. 49 12:37:58 ]

ความคิดเห็นที่ 17 สำหรับตาลนะคะ เป็นลูกคนเดียว ญาติพี่น้องก็ไม่มีเลยซักคน   พ่อก็มีครอบครัวของเค้า  แม่ก็ช่วยอะไรเราไม่ได้ เค้าก็มีครอบครัวของเค้าเหมือนกัน ตาลเป็นคนเกิดมาตรงกับคอนเซปต์ที่ว่า "หัวเดียวกระเทียมลีบ" อย่างมาก ก็เคยแอบไปบริจาคดวงตาให้สภากาชาดไทยไปแล้วนะ   แต่ว่าสิ้นเดือนนี้จะไปบริจาคร่างกายที่ศิริราช เพราะไม่อยากตายไปเป็นแค่ปุ๋ยหรือขี้เถ้าอ่ะ   และจะไม่บอกใครเพราะที่บ้านไม่ค่อยเข้าใจ ทุกวันนี้อยากทำบุญมากๆ  บริจาคโลงศพก็แล้ว  ว่าจะไปอ่านหนังสือให้น้องพิการทางสายตาฟัง   ชีวิตมันก็เท่านี้จริงๆนะ  เลยอยากทำอะไรให้มีประโยชน์บ้างอ่ะ จากคุณ : น้ำตาลก้อนกลม - [ 16 พ.ค. 49 13:00:46 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอร้อง อย่าแต่งดำ ขอสีสด ๆ ลาย ๆ ดูครึกครื้นหน่อย ว่าจะให้มีงานฉลองด้วย ตลกคืนละคณะก็พอ แล้วก็วงดนตรีเล่นเพลงยุค 70-80 จากคุณ : Steeringwheel Father - [ 16 พ.ค. 49 14:10:17 ]

ความคิดเห็นที่ 19 หลับสักงีบ สมมุติว่าตนเองตาย พอตื่นมาก็ถือซะว่าเราเกิดใหม่ ไม่มีอะไรติดตัวมาเลย จะมาหาเอาใหม่แต่ดีหน่อยที่ยังเดินได้ พูดได้ กินได้ มีความรู้ ไม่ต้องไปเริ่มต้นใหม่เหมือนเด็กทารก ไม่เคยคิดถึงงานศพตัวเองหรอกค่ะ เคยแต่คิดถึงงานศพคนอื่น จากคุณ : mafai - [ 16 พ.ค. 49 14:40:34 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ไม่เคยคิดถึงงานศพของตัวเองคะ เพราะคิดว่าคงไม่ได้เป้นคนจัดการ อันนี้ต้องแล้วญาติคะ แต่ตอนนี้ขอทำความดีเท่าที่คนๆนึงจะทำได้ไปก่อนคะ จขกท อย่าเครียดเลยนะ หาเวลาพักผ่อนคลายเครียด แล้วจะรู้ว่าชีวิตมีอะไรดีๆเกิดขึ้นได้ในทุกๆวันคะ จากคุณ : hiyoko_j - [ 16 พ.ค. 49 14:58:13 ]

ความคิดเห็นที่ 21 คิดค่ะ จะมีหนังสืองานศพด้วยเตรียมไว้แล้ว จากคุณ : Alex on the rock - [ 16 พ.ค. 49 14:58:50 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เคยได้ยินมาว่าการตายไม่ใช่จุดสิ้นสุดแต่เป็นจุดเริ่มต้นต่างหาก ถ้าเลือกได้เราอยากตายแบบไม่ต้องมีใครมาเห็นหรือรับรู้ อยากไปตายให้ไกลๆ ไกลสุดโลก ไม่ต้องจัดงานศพให้มากเรื่อง (ส่วนตัวไม่ชอบอะไรที่เป็นพิธีการ) แต่ถ้ามีงานศพก็ห้ามเศร้า ห้ามจัดแบบงานศพตามธรรมเนียมปฏิบัติทั่วๆ ไป ถ้าจะเผาก็ต้องเอาสมบัติชิ้นโปรดของเราเผาไปพร้อมด้วย งานศพควรจะยิ้มให้ผู้ตายสิไม่ใช่มาร้องไห้ส่งศพ คนตายคงไม่ยินดีไปด้วยหรอกที่มีคนมาเสียน้ำตาให้ จากคุณ : No.12 - [ 16 พ.ค. 49 17:02:29 ]

ความคิดเห็นที่ 23 วันนี้ อ่านมีแต่กระทู้พาหดหู่ใจ...เฮ้อออออ... ถ้าหลับได้ จะขอหลับบ้างคะ หลับยาว พักนานๆ ... เป็นเดือนเลยได้ยิ่งดี... จากคุณ : hokuyuri - [ 16 พ.ค. 49 17:31:13 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ในความคิดจริงๆนะ คิดแค่คงมีพ่อแม่และพี่ชาย ยืนร้องไห้หน้าเมรุ เพียงแค่ 3 คน ไม่มีแขกท่านอื่นๆ เพราะ ถ้าผมจะตายจะเขียนจดหมายไว้ว่า ไม่ต้องเชิญใครมานะจ๊ะ เพราะ มันเปลืองทั้งอาหาร และของชำร่วย เลี้ยงผมมาก็หมดไปเป็นล้านแล้วมั้ง ยังจะให้สิ้นเปลืองจนวาระสุดท้ายอีกเหรอ ปล.ผมชอบกินกระเพาะปลา จากคุณ : Mr.Whoopie - [ 16 พ.ค. 49 19:55:19 ]

ความคิดเห็นที่ 25 สมัยม.ปลาย เหมือนจะเล่นๆ แซวๆกันว่า งานศพชั้นนะ ชั้นไม่เลี้ยงข้าวต้มเฟ้ย ช้านจะเลี้ยงพิซซ่าโลดดด อย่าลืมมาล่ะกัน เพื่อนๆก็ เฮฮาขำกลิ้งงงงง กันใหญ่ เพิ่งนึกถึงตอนนั้นอีกทีก็เมื่อกี้ตอนอ่านกระทู้นี้แหละ เออ....คิดไปได้ พิซซ่ามันจะไปอร่อยสู้ข้าวต้มปลาร้อนๆ พร้อมเนื้อปลาชิ้นเบ้งได้ยังไง เปลี่ยนใจตอนนี้ เพื่อนจะกลับมาเตะมั้ยเนี่ย ปล. ตอบเจ้าของกระทู้ งานศพตัวเองแบบจริงๆจังๆจังไม่เคยคิดค่ะ กลัวคิดแล้วความคิดจะเตลิดไปกันใหญ่ แต่ถ้าเลือกได้นะ (เพราะตัวเราคงไม่ได้จัดให้ตัวเองได้หรอก) งานศพตัวเองก็อยากให้พระสวดเป็นภาษาที่ฟังแล้วเข้าใจง่ายๆ หรือเปลี่ยนเป็นเทศน์หน้าศพสักกัณฑ์แทนก็ได้ เผื่อจะมีประโยชน์กับคนหมู่มาก มากกว่านั่งพนมมือเฉยๆแต่ฟังไม่รู้เรื่องเลย (ความคิดเห็นส่วนตัว อย่าว่ากันนะคะ) จากคุณ : Chicky POP - [ 16 พ.ค. 49 20:32:46 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เคยคิดครับ เรียบง่าย และไม่อยากให้มีคนต้องเสียใจในงานศพเรา ก่อนอื่น คงไปบริจาคร่างกาย อวัยวะ และเตรียมหนังสืองานศพ (ตอนนี้เริ่มเตรียมแล้วครับ) เป็นหนังสือที่อยากให้คนที่มางานเรารู้ว่าเราเป็นคนยังไง และจะจำเราได้ยังไง และยังเก็บหนังสือนั้นไว้เป็นที่ระลึก เปิดมาอ่านได้เรื่อยๆ ผมจึงจะทำเป็นหนังสือเกี่ยวกับงานอดิเรกที่ผมรักที่สุด นั่นคือการดูหนัง จะรวบรวมหนัง 100 อันดับที่ตัวเองประทับใจ ข้อมูล ความเห็น จุดประทับใจ (ซึ่งจะสะท้อนตัวตนของผม) และรูปประกอบ หวังว่าคงทำได้สำเร็จก่อนถึงวันแจกจริงนะครับ จากคุณ : wu - [ 16 พ.ค. 49 20:35:57 A:130.54.130.67 X: TicketID:001892 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เคยคิดครับ ช่วงเด็กๆ ม.ปลาย ก็คิดว่างานศพเรา ครอบครับเราเค้าจะจัดให้แบบไหน จะมีเพื่อนๆ ไปร่วมงานเยอะมั้ย เค้าจะพูดถึงเราในลักษณะไหน จะมีใครร้องไห้ให้เรามั้ย แต่ตอนนี้ไม่ค่อยได้คิดแล้วครับ จากคุณ : freestyler - [ 17 พ.ค. 49 11:29:27 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ... ไม่ต้องมีพิธีอะไรหรอก สวดซักคืน แล้วก็เผา เสร็จก้อเอาไปอัฐิที่เหลือไปฝังดินโลด ... จากคุณ : GATACA - [ 17 พ.ค. 49 16:14:20 ]