ความคิดเห็นที่ 4
หลายคนอยากให้ใบหน้าขาวผ่อง เพราะ ทำให้ดูสวยขึ้น สดใส และมักจะดูอ่อนกว่า เมื่อเทียบกับผู้ที่มีใบหน้าหมองคล้ำ อีกทั้วงการมีใบหน้าขาวใสเมื่อแต่งเติมเครื่องสำอาง จะปรากฏสีของเครื่องสำอางชัดขึ้น นั่นคือสีสันบนใบหน้าจะดูสดใสตามสีเครื่องสำอางที่ทาตั้งแต่ แป้ง บรัสออน เนตรสำอาง ขนตาและคิ้ว อุปสรรค์ของการมีใบหน้าขาวผ่อง ก็คือ เซลล์สร้างเม็ดสีดำแบ่งตัวอย่างไม่มีวันหยุดพักผ่อน เมื่อมีเม็ดสีดำมากขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าจะดำคล้ำกระจายไปทั่ว หรือเกิดสีดำเป็นหย่อมๆ เรียกว่าฝ้า ซึ่งหลายคนเกลียดและกลัวการเป็นฝ้ามาก ถ้าไม่อยากให้หน้าดำให้หลีกเลี่ยงสิ่งต่อไปนี้ 1. แสงแดด มีคุณสมบัติให้เซลล์สร้างเม็ดสีดำแบ่งตัวเพิ่มจำนวน จึงมีสีดำกระจายทั้งผิว เห็นได้ชัดเจนว่า เมื่อเราตากแดดจัดๆสักระยะ จะปรากฎสีดำใน1-2สัปดาห์ต่อมา ถ้าผิวแข็งแรงดีผิวดำจะ 2. หลีกเลี่ยงการทาเครื่องสำอางที่มีกลิ่นหอมบนใบหน้า รวมตั้งแต่สบู่ ครีม โฟมล้างหน้ารองพื้น ครีมบำรุง แป้งทาหน้า เพราะสารเคมีที่ทำให้เกิดกลิ่นหอมหรือตัวน้ำหอมกลิ่นต่างๆ นั่นแหละ เป็นตัวการทำให้เกิดสีดำบนใบหน้าได้ในระยะยาว และกว่าจะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว 3. หลีกเลี่ยงการรับประทานยาโดยมีข้อบ่งชี้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะการซื้อยารับประทานเอง เพราะยาบางอย่างเช่น Tetracycline เมื่อเข้าสู่ร่างกายมนุษย์และถูกแสงแดด จะทำให้ผิวดำ โดยเฉพาะผิวบริเวณที่ถูกแสงแดด เช่น ใบหน้า คอและแขนสองข้าง 4. พันธุกรรมเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงยาก เพราะยีนที่ควบคุมผิวพรรณ มีลักษณะที่โน้มเอียงที่เกิดสีดำได้ง่าย 5. การตั้งครรภ์และรับประทานยาคุมกำเนิด หรือฮอร์โมนทดแทนในวัยทอง จะมีผลต่อการระดับฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งจะกระตุ้นการสร้างสีดำ และเห็นชัดบริเวณโหนกแก้ม เหนือคิ้ว และหนวด
เมื่อคนเราหลีกเลี่ยงสิ่งดังกล่าว 5 อย่างที่กล่าวแล้ว ไม่ใคร่ได้เครื่องสำอางต่างๆ ก็พยายามผลิตออกมาเพื่อหวังที่จะช่วยทำให้หน้าขาวขึ้น ครีมหน้าขาวในท้องตลาดเท่าที่สำรวจจะพบว่า ใส่สารที่มีคุณสมบัติดังนี้ 1. สารที่มีคุณสมบัติกันแสงแดด เช่น กลุ่ม Paba, Amino Benzoic , Benzoic Acid หรือ Salicylate หรือ Cinnimate ซึ่งจะป้องกันแสงอัลตราไวโอเลตชนิดเอ แต่ถ้าต้องการป้องกันแสงเอ และแสงบี จะต้องเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของ Benzophenone หรือ Camphor ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มี SPF มากกว่า 25 ถ้าต้องการป้องกันสีดำบนใบหน้าควรเลือกซื้อครีมกันแดดที่ป้องกันได้ทั้งแสงเอ และแสงบีจะได้ผลดีกว่า สารกันแสงแดดอาจจะทำออกมาในรูปของครีม น้ำนม เยล และโลชั่นคนผิวแห้งควรเลือกประเภทครีมหรือ น้ำนม ส่วนรายที่มีผิวมันควรเลือกประเภท เยลหรือโลชั่น จึงจะเหมาะสมกับผิงหน้า 2. สารที่มีคุณสมลอกผิวหน้าออกไปทีละน้อย โดยเจ้าตัวรู้สึกตัว ได้แก่ AHA (Alpha Hydroxy Aacid), BHA (Beta Hydroxy Aaicd) ซึ่งคนทั่วไปรู้จักกันในนามของกรดผลไม้ สารพวกนี้เมื่อทาจะทำให้เซลล์ต่างๆ เกาะตัวกันอย่างหลวมๆ พร้อมที่จะหลุดลอกออกจากกัน เป็นขุยบางๆ นั้นคือผื่นดำที่ผิวบนจะหลุดออดไป เหลือผิวใสๆ ให้เห็น จึงดูเป็นผิวอ่อนวัยและขาวนวลครีมหน้าขาวชนิดนี้ เมื่อใช้นานหรือที่แพ้ คันจะมีอาการคันยิบๆ หน้าลอกเป็นขุยไม่เหมาะสำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้ผิวแห้ง หรือหญิงในวัยทอง เพราะอาการแพ้จะเร็ว ทำให้ต้องเลิกใช้ นอกจากนี้แม้วัยหนุ่มสาวถ้าใช้ครีมชนิดนี้เป็นเวลานานและไม่มีข้อบ่งชี้ชัดเจน อาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองต่อแสงแดดเครื่องสำอาง และฝุ่นละอองต่างๆ ได้ง่าย และมีความโน้มเอียงจะเกิดผิวคล้ำได้ง่ายในอนาคต รวมถึงการเกิดฝ้าจะเป็นได้ง่ายขึ้นด้วย ผลิตภัณฑ์หน้าขาวชนิดนี้ มักทำออกมาในรูป ครีมหรือน้ำนม และมีเอกสารประกอบว่าทำให้หน้าขาว 3. สารที่หยุดยั้งการสร้างเม็ดดำ เช่น Licorice (ชะเอม) เมื่อทาบนผิวจะทำให้มีการหยุดยั้ง การสร้างเม็ดสีดำบนผิว จึงไม่มีสีดำคล้ำหวังว่าใบหน้าจะขาวขึ้น 4. Arbutin เป็นสารหนึ่งที่นิยมใส่ลงไปในครีม โลชั่น ที่บรรยายสรรพคุณว่าทำให้ผิวขาวได้ โดยยับยั้งการผลิตเม็ดสีดำ ริเริ่มใช้ในญี่ปุ่นในแห่งแรก 5. วิตามิน ซี เป็นสมุนไพรโบราณ ที่คนไทยใช้มานาน เช่น มะนาวทาผิว หน้าโดยตรง น้ำมันมะกอกผสมน้ำผึ่งทาหน้า ปัจจุบันบริษัทเครื่องสำอาง นำวิตามินผสมลงในครีม หรือโลชั่นโดยหวังผลให้ผิวขาว 6. Kojic Acid ตามทฤษฎี จะยับยั้งการผลิตเม็ดสีดำได้เช่นกัน บางบริษัทจึงนำมาผสมกับโลชั่น หรือครีมสำหรับให้ผิวขาว 7. เปลือกสนจากฝรั่งเศส ยังอธิบายเหตุผลทางทฤษฏีไม่ได้แน่ชัด ว่ายับยั้งการสร้างเม็ดผิวสีดำได้ตรงขั้นตอนไหน แต่พบในสรรพคุณในเครื่องสำอางว่า ทำให้ผิวขาวได้ ก็คงต้องพิจารณาให้รอบคอบ
ผลิตภัณฑ์ที่กล่าวมาทั้งหมด ได้แก่ สารกันแดด AHA,BHA,Licorice (ชะเอม) Arbutin, วิตามินซี, Kojic acid, เปลือกสน ผลิตออกมาในรูปเครื่องสำอางได้แต่ต้องใช้เปอร์เซ็นของสารดังกล่าว ตามที่องค์การและยากำหนดไว้ เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ จึงมีประสิทธิภาพในการทำให้ผิวขาวค่อนข้างต่ำ เมื่อเทียบกับราคาของเครื่องสำอางที่ตั้งไว้ ถ้ามีคำถามว่าควรใช้หรือไม่ คำตอบคือสามารถซื้อมาใช้ได้ถ้ามีเงินเหลือใช้ เมื่อนำมาทาแล้วให้หมั่นสังเกตอาการทางผิวพรรณถ้าผิดปกติ เช่น แสบๆ คันๆ ผิวแห้งลงและลอกเป็นขุย มีสิวอุดตันเพิ่มจำนวนบริเวณจมูกหน้าผาก หน้าขาวจริงแต่ขาวเป็นหย่อมๆ โหนกแก้มมีมีแดงเพิ่มขึ้น ควรรีบหยุดใช้และพบแพทย์ผิวหนังจะปลอดภัยยิ่งขึ้น เพราะจะได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็ว ส่วนยาที่ใช้ทำให้ผิวขาวค่อนข้างสรรพคุณดีแต่มีผลข้างเคียงมาก ไม่สามารถนำมาผสมในเครื่องสำอางได้ เพราะผิดกฎหมาย แพทย์เท่านั้นจึงจะสามารถสั่งจ่ายให้ประชาชนได้ มีตั้งแต่ประสิทธิภาพน้อยไปหามาก ได้แก่ Azaleic Acid,กรดวิตามิน เอ,Steroid Hydroquinone,Transamin เหล่านี้ทราบไว้ประดับความรู้ ส่วนสารที่ใช้ลอกหน้าโดยแพทย์เป็นผู้ทำให้มีอีกหลายอย่าง เช่น Trichloacetic Acid,Resorcinol อย่างไรก็ตาม การหลีกเลี่ยงไม่ให้ผิวคล้ำดังได้กล่าวเอาไว้ 5 ประการในตอนต้น ตั้งแต่การหลบแดด หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางกลิ่นหอม หลีกเลี่ยงการซื้อยารับประทานเองโดยไม่จำเป็น ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้งก็เป็นการป้องกันหน้าดำคล้ำได้ดี ส่วนพันธุกรรมคงต้องยอมรับบ้างเพื่อใจที่เป็นสุข
(update 26 กรกฎาคม 2002) [ ที่มา..หนังสือ นิตยสารใกล้หมอ ปีที่ 25 ฉบับที่ 10 เดือนตุลาคม 2544 ] <http://www.elib-online.com/doctors45/dermato_whitening001.html>
จากคุณ :
NIIIM
- [
5 มิ.ย. 49 09:34:52
]
|
|
|