CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    --[ไปตรวจเท้ามาแล้วครับ แต่ว่า ไปก็เหมือนไม่ได้ไป เรามาดูกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับ ผู้ป่วยประกันสังคม!!]--

    กระทู้นี้ยาวมากนะครับ เพราะผมบ่นอย่างเดียว บ่นให้กับโรงพยาบาลที่ผมไปใช้สิทธิ์ประกันสังคมมาวันนี้


    จากกระทู้นี้ครับ เรื่องที่ผมเป็นแผลที่นิ้วเท้า

    http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L4468559/L4468559.html



    และได้บอกว่า วันนี้ผมจะไปหาหมอ โดยเมื่อวานนี้ทางออฟฟิตผม ได้โทรไปติดต่อหมอเพื่อให้ไปรักษา

    แต่ปรากฎว่า วันนี้ทางโรงพยาบาลโทรมาบอกว่า ผมไม่ได้ใช้ประกันสังคมกับที่นั่น ถ้าจะไป ก็ต้องจ่ายเงินสด ซึ่ง นั่นก็คือปัญหาเพราะผมไม่มีเงินจ่ายเค้า ลำพังตัวเองเอาไว้กินยังจะเอาตัวไม่รอด!!!

    ผมต้องห่วงปากท้องผมไว้ก่อนใช่ไหม...

    ทำให้ผมต้องกลับไปหาหมอที่โรงพยาบาลเดิมที่มีสิทธิ์ใช้ประกันสังคมอยู่
    เหตุผลที่ผมเลือกใช้บริการกับโรงพยาบาลแห่งนี้ ก็เพราะว่า ส่วนหนึ่ง
    เกิดจากความประทับใจ ในการให้บริการของเค้า แต่ว่า นั่นมันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
    เมื่อประมาณ 5 - 6 ปีที่แล้ว ที่ผมได้รับอุบัติเหตุจากการแข่งบาส แล้ว ตกลงมาข้อมือหัก!!!!
    ครั้งแรกที่ไป หมอที่เข้าเวรอยู่ตอนนั้น ส่งผมเข้าห้อง X-RAY บริเวณข้อมือ แล้ววินิจฉัยว่า กระดูกร้าว!!!!

    ครั้งนั้น เค้าใส่ เฝือกดาม ให้ผม (เค้าเรียกอย่างนี้หรือเปล่าผมก็ไม่ทราบนะครับ) ก็คือเฝือกที่มันเอาไว้ดามเฉย ๆ นั่นแหล่ะครับ ถอดออกได้
    โดยเค้านัดให้ผมไปตรวจหลังจากนั้นอีก 1 อาทิตย์

    X-RAY ใหม่อีกครั้ง คราวนี้ บอกว่า กระดูกแตก!!!!  เออ ดีเหมือนกัน อาทิตย์ที่แล้วมันร้าว มาอีกอาทิตย์นึง แตกเลย T_T

    แต่หมอคนตรวจผม ยกฟิมล์ขึ้นดู แล้วทำหน้าไม่แน่ใจ แกเลยตัดสินใจบอกว่า  

    หมอก็ไม่แน่ใจ รอให้หมอกระดูกตรวจดีกว่า ซึ่ง ตอนนั้น หมอกระดูกไม่อยู่ต้องรออีกวันนึง  
    หมอเวร (หมอที่อยู่เวรนะครับ เดี๋ยวจะคิดว่าผมด่าหมอ)
    จึงนัดผมไปอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น โดยเขียนลงในใบนัดว่า ให้ไปพบหมอคนนี้เป็นกรณีพิเศษ!!!!

    ผมไปอีก วันนี้ หมอกระดูกตัวจริง ส่ง X-RAY อีกรอบ เพราะบอกว่า ไอ้ฟิมล์ที่ดูอันแรกนั้น เค้ามองไม่ค่อยชัด เลยไปถ่ายใหม่ดีกว่า

    ผลปรากฎว่า จากกระดูกร้าว เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว มาถึง กระดูกแตกเมื่อวานนี้  พอมาวันนี้ กลายเป็น กระดูกหัก!!!

    เวรกรรม ตกลงว่า กระดูกผมนี่มันหักมาตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม
    คุณคิดดู คนกระดูกหัก มันจะเจ็บปวดทรมานขนาดไหน แต่ผมก็ทนมาได้ด้วยยาแก้ปวด กับเฝือกดามอันนั้นแท้ ๆ

    คราวหลังสุด ผมเจอเฝือกของแท้เข้าไป หายฮ้าวไปเลย T_T



    และอีกครั้งหนึ่งไล่เลี่ยกัน ผมโดนศอกเข้าที่ศรีษะแตก ต้องเย็บ 5 เข็ม!!!!  
    ผมประทับใจมาก ทั้ง ๆ ที่เค้าเย็บผมในขณะที่ยาชา มันเริ่มจะไม่ชาแล้วก็เหอะ
    เพราะหมอ มัวแต่สอนให้กับ อืมมม เค้าเรียกอะไรนะ แพทย์ฝึกหัดเหรอ ........

    นั่นแหล่ะครับ  ถึงผมจะได้รับการรักษาที่แปลกประหลาด  แต่ผมก็ประทับใจในการให้บริการผู้ป่วยที่ถือบัตรประกันสังคมเช่นผม.......ด้วยความใส่ใจ และรวดเร็ว

    นั่นทำให้ผมเลือกใช้โรงพยาบาลนี้มาตลอด จนช่วงหลัง ๆ มานี่ ผมเริ่มสังเกตุเห็นความเปลี่ยนแปลงในการให้บริการกับ ผู้ป่วยที่มาใช้บริการผ่านประกันสังคม

    จนวันนี้ ผมก็เจอเข้ากับตัวเองอย่างจัง ๆ  อีกครั้งหนึ่ง หลังจากช่วงหลัง ๆ นี่ ก็จะออกมาในแนวประมาณนี้แหล่ะ แต่คราวนี้หนักสุด

    ผมออกจากบริษัทฯ ไปตั้งแต่เวลาประมาณ 9.30 น. เดินทางโดยรถบริษัท มาถึงโรงพยาบาล ประมาณ 9.45 น.

    เดินเข้าสู่โรงพยาบาล โอว พระเจ้า คนทำไมมันเยอะแยะเช่นนี้
    มีแต่คนป่วย ๆ ๆ ๆ เต็มไปหมด ทำไมคนป่วยมันเยอะจังเลย นั่งกันเต็มไปหมด!!!

    ผมเอาบัตรไปยื่น มี บัตรประชาชน และ บัตรรับรองสิทธิ์การรักษาพยาบาล!!!

    เจ้าหน้าที่บอกให้รอเรียกชื่อ นับเวลารอได้ ประมาณ 15 นาที ซึ่งถ้าเทียบกับจำนวนคนที่มานั่งรออยู่ตรงนั้นแล้ว ก็ถือว่า ไม่ช้า และ ไม่เร็วจนเกินไปนัก!!!!

    แต่ที่น่าสังเกตุก็คือ มีหลาย ๆ คนที่ไม่ได้ยื่นบัตรประกันสังคมพวกนี้ จะได้เรียกชื่อทันที ไม่ถึง 3 นาทีด้วยซ้ำ เพราะว่ามีคนหนึ่งมานั่งอยู่ข้าง ๆ ผมนี่เอง ผมยังหันไปมองเลย ว่า เอ๊ะ มันเพิ่งยื่นบัตรเมื่อกี๊ ทำไมมันได้เรียกชื่อเร๊วเร็ว!!!!

    เอาน่ะ คิดไปก็ปวดกระบาลเปล่า ๆ  เราใช้บัตร เค้าใช้เงินสด มันจะเทียบกันได้ยังไง นั่นทำให้ผมต้องนั่งรอเรียกชื่อต่อไป!!!

    พอถึงคิวของผม ผมก็เดินไปที่เค้าท์เตอร์ เจ้าหน้าที่ ที่ผมมองดูแล้ว ยังไงก็ไม่ใช่ทั้งหมอ และ ก็ไม่ใช่เภสัชกร แน่ ๆ เป็นผู้รับเรื่อง เธอถามผม

    "มาทำอะไรคะวันนี้"
    "มาตรวจเท้าครับ"

    (ในใจก็คือว่า คุณจะถามทำไม ว่าผมมาทำอะไร ผมมาโรงพยาบาล ผมคงไม่บอกคุณว่ามาตัดผมหรอกนะ แทนที่จะถามว่า เป็นอะไรคะ ดันถามว่า มาทำอะไร!!!)

    "เป็นอะไรคะ"  (เออ ถามแล้ว)
    "ไม่ทราบเหมือนกันครับ นิ้วเท้าผมมันเป็นแผลเลยมาให้หมอตรวจดูหน่อย"

    เธอเงยหน้ามองผมนิดหนึ่ง แล้วก็เขียนลงไปในใบอะไรก็ไม่รู้ว่า เป็นแผลที่นิ้ว จากเชื้อรา!!!!!!
    เธอเขียนอย่างนี้จริง ๆ  จนผมเริ่มจะข้องใจแล้ว ว่าเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลนี้ เป็นหมอปลอมตัวมาหรือเปล่า เพราะแค่เธอถาม เธอก็สามารถเดาได้แล้วว่า  ตรีนผมที่เป็นแผล มันเกิดจากอะไร

    เธอเขียนเสร็จก็ยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้ผม แล้วบอกว่า ไปเค้าท์เตอร์ 1 ค่ะ!!!

    ด้วยความที่มาจนชิน ทำให้ผมรู้จักกับ เค้าท์เตอร์ 1 ที่เธอบอกเป็นอย่างดี
    ครับ ........ ผมเอากระดาษที่ผ่านการวินิจฉัยโรค จากเจ้าหน้าที่ท่านนั้น มายื่นให้กับพยาบาลที่เค้าท์เตอร์ 1

    และดูเหมือนจะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติไปแล้ว สำหรับโรงพยาบาลแห่งนี้ (ไม่รู้ว่าเป็นทุกแห่งหรือเปล่า) ที่ ไม่ว่าคุณจะเป็นอะไร แขนหัก ขาหัก หัวแตก โดนฟันมา คุณจะต้องมาชั่งน้ำหนัก และ วัดความดันก่อนทุกครั้ง!!!

    ไอ้วัดความดันน่ะ ไม่เท่าไหร่หรอก แต่ชั่งน้ำหนักนี่สิ จะชั่งไปทำไม ตอนที่ผมข้อมือหัก และ หัวแตก ผมก็ต้องมาชั่งน้ำหนักที่นี่นะ  
    ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน  ผมเป็นแผลที่นิ้วตรีน ผมก็ต้องมาชั่งน้ำหนักเหมือนกัน T_T

    ผมมานั่งรอเรียกไปชั่งน้ำหนัก และ วัดความดัน อยู่ที่เค้าท์เตอร์ 1 อีกประมาณ 30 นาที!!!!
    ครับ อ่านไม่ผิดหรอก 30 นาที!!!!  มีคนมาอยู่เรื่อย ๆ และหลาย ๆ คนก็มาปุ๊ป ได้เรียกปั๊ปอีกเช่นเคย จนผมเริ่มข้องใจแล้ว ว่า เค้าทำกระดาษใบนั้นของผมหายไปหรือเปล่า เพราะทำไมไม่เรียกซะที ในขณะที่คนอื่น ๆ โดนเรียกไปหมดแล้ว  

    หลังจากนั่งข้องใจอยู่ซักแป๊ป เค้าก็เรียกชื่อผมจนได้ ผมถอนหายใจด้วยความโล่งอกว่า
    เฮ้อ...... นึกว่าวันนี้กรูจะต้องนั่งรอชั่งน้ำหนักไปจนถึงเย็นซะแล้ว!!!!

    ใช้เวลาในการชั่งประมาณ 5 วินาที วัดความดันอีกประมาณ  1 นาที ครึ่ง ก็เสร็จเรียบร้อย
    พยาบาลที่วัดความดันผม บอกให้ผมไปนั่งรอหมอเรียก ที่ห้องตรวจกลาง ซึ่งอยู่ถัดไปอีกประมาณ 5 ก้าวจากตรงนั้น

    ผมก็ไปนั่งรอ ซึ่งตรงที่ผมไปนั่งนั่นเองมีผู้หญิงท้องคนหนึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้ว พอผมนั่ง เธอก็หันมาถามผมว่า ผมเป็นอะไร ผมก็ตอบกลับไปว่า  เท้าผมเป็นแผล ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นอะไร แต่เจ้าหน้าที่คนที่รับบัตรผมไป เค้าเขียนมาว่า ผมเป็นโรคเชื้อรา!!!!

    เธอหัวเราะ แล้วก็บอกว่า รอนานหรือยัง  ผมบอกเธอว่า ก็ประมาณ 7 ชั่วโคตรได้แล้วแหล่ะครับ
    เธอหัวเราะอีกครั้ง บอกว่า เธอก็นั่งรออยู่ตรงนี้มาเกือบ ๆ 30 นาทีแล้ว ถ้านับเป็นชั่วโคตร ก็คงได้ประมาณ 10 ชั่วโคตร!!!  และแน่นอน เธอใช้บัตรประกันสังคมเหมือนของผม!!!!

    ในขณะที่สาวท้องที่ดูไฮโซ ๆ คนหนึ่ง เดินมาติดต่อกับ เจ้าหน้าที่ที่อยู่หน้าห้องตรวจคนท้อง เธอยื่นปุ๊ป ก็เข้าไปตรวจปั๊ป!!!!  ผมสะกิดพี่คนท้องข้าง ๆ บอกว่า ทำไมคนนั้นเค้าได้เข้าไปก่อนล่ะพี่ เค้ามาก่อนพี่เหรอ  เธอหันมาบอกว่า เธอก็ไม่รู้เหมือนกัน เธอก็เพิ่งจะเห็นผู้หญิงคนนี้เดินมา แล้วเธอยังบอกอีกว่า เห็นมาอย่างนี้หลายคนมากแล้ว และ ได้เข้าไปตรวจเลย ในขณะที่เธอยังนั่งรอเรียกชื่ออยู่!!!  

    แน่นอน เธอคิดเหมือนผม ว่า เจ้าหน้าที่คงจะทำหลักฐานของเธอตกหล่นแน่ ๆ ถึงยังไม่เรียกซักที เธอเลยเดินอุ้มท้องโย้ ๆ ของเธอไปที่เค้าท์เตอร์เจ้าหน้าที่ท่านนั้น เพื่อสอบถาม เธอเดินกลับมาด้วยสีหน้าที่ผิดหวัง พร้อมบอกว่า

    “เค้าให้รอ หลักฐานยังอยู่แต่ยังไม่ถึงคิว!!!!”

    ทั้ง ๆ ที่ใจผมก็รู้อยู่ว่า อะไรมันเป็นอะไร แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า

    “อ้าว แล้วคนเมื่อกี๊ล่ะ ทำไมถึงไม่ต้องรอคิวเลยล่ะ ทำไมถึงได้เข้าไปตรวจเลยไม่ต้องรอ”

    รู้ทั้งรู้ว่า คำตอบมันก็จะเป็น  “ก็เค้าจ่ายเงินสดนี่หว่า ไม่ได้ใช้บัตรประกันสังคมเหมือนเอ็ง!!!!”

    นั่นก็ทำให้ผมเงียบไป และหันไปคุยเรื่องอื่นกับเธอต่อ เธอบอกว่า วันนี้สามีเธอไม่ว่าง เธอเลยต้องเดินทางมาเอง เธอเรียกแท็กซี่มาจากบ้านตั้งแต่เช้าแล้ว ซึ่งจากการคุย คาดว่า น่าจะมาเช้ากว่าผมซะอีก เพราะตอนผมมานั่ง เธอก็นั่งอยู่ก่อนแล้ว  นั่งคุยอยู่ได้ซักพัก เธอก็ถูกเรียกเข้าไปนั่งต่อคิวที่หน้าห้องตรวจ ซึ่งจากที่ดูแล้ว น่าจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมง กว่าเธอจะถูกเรียกเข้าไปในห้องตรวจห้องนั้น  ในขณะที่ผมก็ยังนั่งรออยู่ที่เดิม และไม่มีเพื่อนคุย ผมก็หยิบหนังสือที่เพิ่งจะซื้อมาเมื่อวานนี้ ขึ้นมาอ่าน ยิ่งอ่านก็ยิ่งมึน เพราะมันเป็นหนังสือของ  ปราบดา หยุ่น กับ วินทร์ เลี้ยววารินทร์  อ่านไปก็เริ่มรู้สึกตัวว่า ตัวเองผิดปกติหรือเปล่า ทำไมถึงได้แตกต่างจากนักเขียนสองท่านนี้เหลือเกิน

    อ่านไปเกือบ ๆ ครึ่งเล่ม ชื่อผมก็ยังไม่ถูกเรียก!!!!!

    มองดูเวลาที่ข้อมือ  11.15 น.  โอ้ย ตายห่า นี่ผมนั่งรออยู่ในโรงพยาบาลนี้นานแค่ไหนแล้วเนี่ย และ ก่อนที่จะได้คิดอะไรต่อ ชื่อผมก็ถูกเรียกขึ้นมา

    “คุณสมันน้อย เบอร์ 14 เชิญตรวจได้ที่ห้องตรวจ 4 ค่ะ!!!”

    ผมเอาหนังสือเก็บเข้าใส่ในกระเป๋าสะพายตามเดิม และ เดินเข้าไปที่ห้องตรวจ 4

    และต่อจากนี้เป็นเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้น เพื่อน ๆ อ่านให้ทันนะครับ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น!!!

    ผมเดินเข้าไปนั่งปุ๊ป หมอผู้หญิงก็ถามว่า เป็นอะไร
    ผมบอก “ไม่ทราบครับ นิ้วเท้าเป็นแผล”  ในขณะที่พูด ผมก็พยายาม เลื่อนนิ้วเท้าไปให้หมอดู แต่หมอก็ยังไม่สนใจ

    “โอเค วันนี้หยุดวันนึงนะ อย่าเดินมาก  เดี๋ยวหมอจัดยาให้ ไปรับยาได้เลย!!!!!”
    แล้วก็ตะโกนบอกพยาบาลหน้าห้องว่า ให้เรียกคนต่อไปเข้ามา....................


    ผมสาบาน ให้รถชนผมตายโหงตายห่าไปเลย ว่า มันมีอยู่แค่นี้จริง ๆ  หมอท่านนั้น พูดอยู่แค่นี้
    แม้แต่เท้าผม เธอก็ยังไม่ชายตามอง เธอดูแต่ไอ้ใบที่เจ้าหน้าที่เขียนมาให้ตอนแรกว่า ตรีนผมเป็นเชื้อรา แค่นั้น!!!!

    แค่นั้นจริง ๆ

    ผมไม่มีโอกาสได้ถามอะไรหมอเลย เพราะเธอไม่เปิดโอกาสให้ถาม และพยาบาลก็เร่งให้ผมออกจากห้องไปเร็ว ๆ เพราะคนต่อไปมายืนรออยู่หน้าห้องแล้ว

    ผมรับใบสั่งยาจากหมอผู้หญิงท่านนั้น มาด้วยความมึน ๆ งง ๆ ว่า ตกลง กรูมาทำส้นตรีนอะไรกันแน่
    ผมเดินออกมาจากห้องตรวจ ก็เจอเข้ากับพี่คนท้องคนเมื่อกี๊ ที่เธอตรวจเสร็จพอดี เธอถามว่า เพิ่งเห็นเข้าไปเมื่อตะกี๊นี้เอง ทำไมออกมาเร็วนัก  ที่เธอเห็นเพราะว่าเธอตรวจเสร็จแล้ว และกำลังยืนคุยอยู่กับเจ้าหน้าที่ เรื่องนัดมาตรวจครั้งต่อไป  เธอเลยเห็นตอนผมโดนเรียกชื่อเข้าไปตรวจ โดยที่เธอก็คงไม่คิดว่า มันจะเร็วเยี่ยงนี้

    ไม่ถึง 3 นาทีครับ จริงๆ  ไม่ถึง 2 นาทีด้วยซ้ำ ที่ผมเข้าไปนั่งในห้องนั้น ไม่ถึงจริง ๆ ผมกล้าเอาหัวเป็นประกัน!!!!


    ...ต่อครับ...

    แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 49 14:46:06

    จากคุณ : สมันน้อย เบอร์ 14 - [ 20 มิ.ย. 49 14:39:49 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com