หวัดดีจ้า
หายไปนานอีกเช่นเคย ช่วงนี้ ภูมิแพ้กำเริบหนักจ้า หายใจไม่ค่อยเข้า ต้องกินยาแก้แพ้ตลอด กินแล้วก็ง่วงๆ โง่ๆ นอนทั้งวัน บวกกับช่วงนี้เว็บแก้วมีปัญหาเรื่อง ล่มบ่อย เข้าไม่ค่อยได้ เลยเซ็งๆชีวิต อยากมี Server เป็นของตัวเอง แต่มันแพงอ่ะ
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ที่เว็บแก้วก็มีกิจกรรมค่ะ พาน้องๆเด็กกำพร้าที่ติดเชื้อ HIV จากบ้านแกรืด้า 69 คน ไปทัศนศึกษา พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง ฟาร์มจรเข้สามพราน และ ไหว้พระปฐมเจดีย์
งานนี้ ชิโร่ น้องคนนึงในเว็บ ที่เป็นคุณครู เป็นเจ้าของโครงการ ชิโร่เตรียมงานมานานแล้วค่ะ หาเงินหาทุน แล้วก็เตรียมความพร้อมของเด็กนักเรียนชั้น ม.ปลาย ที่ชิโร่สอน เพื่อจะให้มาเป็นพี่เลี้ยงพาน้องๆแกร์ด้าเที่ยว
ตอนแรกจะใช้ชื่อโครงการว่า "จูงมือน้องเดิน" อ่ะคะ เหมือนชื่อรายการทีวีที่หมูแก้วชอบ เพราะเราวางวัตถุประสงค์โครงการไว้ว่า ให้เด็กนักเรียนของชิโร่ ซึ่งกำลังอยู่ในวัยซ่าส์ วัยอยากรู้ อยากลอง วัยอวดเก่ง ได้มาทำอะไรที่มีประโยชน์ ได้เสียสละเพื่อคนอื่น และที่สำคัญได้เรียนรู้เรื่องการติดเชื้อ HIV โรค AIDS อย่างถูกต้อง
ให้เรียนรู้ว่า เอดส์น่ากลัว เพระเป็นโรคที่รักษาไม่หายขาด แต่ ผู้ติดเชื้อ HIV ไม่ได้เลวทรามต่ำช้า น่าเกลียดน่ากลัวเสมอไป และให้เรียนรู้ว่า เราอยู่ร่วมกันได้ เพระ HIV มันก็ไม่ได้ติดกันง่ายๆ จูงมือกัน กอดกัน ไปเที่ยวด้วยกัน กินข้าว กินน้ำด้วยกัน ไม่ติดเชื้อ
นอกจากนี้ อยากให้เด็กๆแกร์ด้าได้มาทัศนศึกษา และ ได้เห็นพี่ๆที่วัยไม่ห่างจากพวกเค้ามากนัก อยากให้เรียนรู้ชีวิตของเด็กธรรมดาๆที่ไม่ได้ติดเชื้อ ว่าเค้ามีความคิดอย่างไร มีความหวัง ความฝันอย่างไร
ชิโร่ เตรียมเรื่องเสนอผู้อำนวยการโรงเรียน ก็ได้รับการอนุมัติด้วยดี แต่ให้ทำจดหมายขออนุญาตผู้ปกครองเด็กด้วย ชิโร่ก็ทำให้ บอกทุกอย่างโดยละเอียด มีเด็ก 45 คน ที่ผู้ปกครองอนุญาตให้มาเป็นพี่เลี้ยงเด็กติดเชื้อ HIV
เรื่องทุกอย่างผ่านด้วยดี จนมาถึงวันพฤหัส วันนั้น ITV พาเด็กเล็กๆของบ้านแกร์ด้าประมาณ 30 คน มาดูหนังก้านกล้วย และ เที่ยวดรีมเวลิด์ หมูแก้วก็ไปช่วยงาน กำลังชุนมุลวุ่นวายจับเด็กอยู่ ชิโร่โทรมาหา เสียงเครียดมาก
"พี่ๆๆ โครงการมีปัญหา โครการโดนยกเลิก" อึ้งไปเลยอ่ะคะ มึนตึ๊บ ตั้งสติอยู่สักครู่ แล้วให้ชิโร่เล่าให้ฟัง ปรากฎว่า มีท่านผู้ใหญ่ที่ใหญ่กว่า เจ้านายชิโร่ ทราบเรื่องโครงการนี้ ก็เลยสั่งห้าม เนื่องด้วยกลัวเด็กที่มาเป็นพี่เลี้ยง "จะติดเชื้อ HIV "
เฮ้อๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เอดส์ ไม่ใช่ หิด นะคะ ที่จูงมือกันแล้วจะติดกันได้ ไหนรัฐบาลรณรงค์ว่าเราอยู่ร่วมกันได้งัยค่ะ โกรธไปพักใหญ่ แล้วก็ตั้งสติได้ ช่างมัน ยังงัยก็จะทำ เช็คชิโร่เรื่อง เงิน เรือ่งตั๋วเข้าสถานที่ต่างๆ ก็ไม่มีปัญหา เพราะมีเงินสำรองเหลือจากโครงการครั้งก่อนมาโปะด้วย
สรุปคือ เราทำโครงการเหมือนเดิม เพียงแต่ เด็กนักเรียนไม่ได้มาเป็นพี่เลี้ยงให้น้องๆ เงินจัดงานก็มาจาก พวกเราเองช่วยกันบริจาค และ ชิโร่ไปขอรับบริจาคจากที่อื่นๆมา แล้ว มีเงินช่วยค่ารถ มาจากเงินเก่าที่เหลือ
วันงาน เพื่อนๆในเว็บก็น่ารักมาก แม้มันจะไกลๆๆๆๆๆ แต่เพื่อนๆก็ดิ้นรนที่จะไปช่วยงาน ไปให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ทำให้งานวันนั้นผ่านไปได้ด้วยดีค่ะ
มาถึงวันนี้ถามว่า รู้สึกยังงัยกับเรื่องแบบนี้ ก็ต้องต้องบอกว่า ต้องทำใจให้ชินอ่ะคะ เป็นเอดส์แล้วต้องแกร่ง ต้องเข้มแข็ง จะใจเสาะ ใจน้อยไม่ได้ ความจริงมีปัญหาเข้ามาบ้างก็ดี จะได้ไม่หลงระเริงว่าทำอะไรก็สำเร็จ หรือ ไม่หลงผิดคิดเอาเองว่า เดี๋ยวนี้เค้ายอมรับผู้ติดเชื้อ HIV ได้ทั้งหมดแล้ว
ในความจริงคือ สถานการณ์การยอมรับผู้ติดเชื้อ ดีขึ้น แต่ยังงัยก็ไม่มีทางทำให้ทุกคนยอมรับ และ เข้าใจได้ ถามว่าโกรธท่านผู้ใหญ่คนนั้นมั้ย แว๊บแรกที่ฟังก็โกรธมากอ่ะคะ แล้วก็ค่อยๆเย็นลง โกรธเค้าคงไม่ถูก ต้องไปโกรธรัฐบาลเมื่อสัก 20 ปีก่อน ตอนที่โรคเอดส์เข้ามาในเมืองไทยใหม่ๆ โกรธทีมประชาสัมพันธ์ ที่ทำโฆษณาเรือ่งเอดส์ได้อย่างเลวร้ายมาก
ตอนนั้นเค้าสร้างเรื่องให้คนกลัวเอดส์ คือ ทั้ง เกลียด กลัว ขยะแขยงเลยอ่ะ เหมือนว่ามันติดกันง่ายๆ อยู่ใกล้กันไม่ได้ แล้วเป็นแล้วต้องเละ ต้องทุเรศ เมื่อสื่อออกมาแบบนี้ คนไทยเกือบทั้งหมดในตอนนั้น ก็เชื่อไปแบบนี้
ความเชื่อนี้ยังอยู่มาจนถึงทุกวันนี้อ่ะคะ แก้ไขยากมากๆๆ
พูดถึงเรื่องนี้ ก็มีอีกเรื่อง ที่ ทั้งเศร้า ทั้งขำมาเล่าให้ฟัง เรือ่งนี้เกิดกับตัวเราเอง
เรื่องเกิดที่ โรงพยาบาลที่เราต้องไปหาเป็นระยะๆนี่หล่ะคะ วันนั้นไปตรวจตา มันต้องขยายม่านตา แล้วนั่งรอในห้องตรวจใหญ่ๆ มีคนนั่งอยู่ประมาณ 10 คน คะเนดูแล้ว ไม่น่าจะมีใครติดเชื้อ HIV เพระดูจะแก่ๆแล้ว แล้วเห็นคุยเรื่อง ต้อ เรื่องผ่าตัด
หมูแก้ว นั่งหยอดตา รอให้ม่านตาขยายอยู่ มีลุงคนนึงนั่งไออย่างมาก ป้าตรงนั้นก็ไอ สักพักเราก็คันๆคอ ก็เลยไอบ้าง 2 แค๊ก แต่มีผ้าเช็ดหน้าปิดปากเรียบร้อย
แค๊ก แค๊ก สิ้นเสียงไอเท่านั้นหล่ะ คุณพยาบาลเดินมาหา พร้อมหน้ากากคาดหน้า ยื่นหน้ากากให้ใส่อ่ะ อืมมมมมมมมมมมมม เดาได้มั้ยค่ะ ว่าเกิดอะไรขึ้น
น้ำตาร่วงค่ะ ร้องไห้เลย แต่ทำเนียนอ่ะ เพราะหยอดตาอยู่ ทำเหมือนตาหยอดตามันไหล อายคนเค้าอ่ะ ก็นั่งกันเป็นสิบ คนอื่นไอมากกว่าเราอีก ไม่โดนให้คาดหน้ากาก เพราะแฟ้มประวัติเราระบุไว้ใช่ป่าวว่าติดเชื้อ HIV ก็เลยต้องกลัว
ก็น่าเห็นใจนะคะ เพราะผู้ติดเชื้อ HIV มักจะเป็นวัณโรคด้วย และ เป็นตัวการทำให้เชื้อวัณโรคแพร่กระจาย เค้าก็เลยต้องระวังไว้ แต่มันก็น้อยใจอ่ะนะ อายอีก ก็เลยพยายามคิดแง่บวกว่า เค้าคงเป็นห่วงเรา คงกลัวเราติดโรคจากตาลุงนั่นแน่ๆเลย เลยให้เราใส่หน้ากาก
เอ แต่ ลุงนั่นเป็นคนไอ ทำไมไม่ให้ลุงเค้าใส่หน้ากาก ทำไมต้องเป็นเราหล่ะ
รู้ตัวว่าติดเชื้อมา 5 ปีแล้ว วันนั้นเป็นวันที่เรารู้สึกอายที่ติดเชื้อ รู้สึกน้อยใจ มากกว่าวันใดๆ มันก็มีข้อดีนะคะ จะได้ไม่ลืมตัว อย่าคิดว่ามีแต่คนรัก คนที่เค้ารังเกียจก็มี เจียมตัวเจียมใจซะบ้าง
ก็เสียใจแค่วันนั้นอ่ะคะ แล้วก็ไม่เป็นไรแล้ว เตรียมแผนสำหรับการไปหาหมอครั้งหน้า เราจะเอากระติกน้ำอุ่นอันเล็กๆไว้ไว้จิบ มีลูกอมอมไว้ไม่ให้คอแห้ง จะได้ไม่กระแอมกระไอ ให้ผู้คนเค้ากลัวอีก
มาเล่าให้ฟังแค่นี้ก่อน ยาแก้แพ้ออกฤทธิ์ให้ง่วงแล้ว ไปนอนก่อนหล่ะคะ
จากคุณ :
++MooKaew++
- [
6 ก.ค. 49 21:45:39
]