นี่คือข้อความในจดหมายพี่อิน
รินจ๋า..
สองวันหลังที่นูเมีย พี่ว่านูเมียมันขาดเสน่ห์ไปพะเรอ
พี่คิดถึงริน แต่ต้องทำเป็นไม่สนใจ พี่สงสารจิ๋ม พี่นี่เลวมากๆ พี่ยังรักจิ๋มอยู่ เขาเป็นแม่ของลูก แต่พี่ก็รักรินด้วย พี่เข้าใจอารมณ์ผู้ชายที่มีเมียน้อยเอาตอนนี้เอง
พี่เลวมากเลยใช่ไหมครับริน
พี่ขอโทษ ถ้าทำอะไรให้รินไม่สบายใจ พี่อยากเห็นรินสดใสร่าเริง ยิ้มหวาน หน้าบานเหมือนดอกชบานูเมีย
เราคงไม่มีโอกาสได้คุยกันอีกซักเท่าไหร่ 'cause we're meant to be apart
พี่ขอให้รินรู้ไว้ว่า พี่จริงใจ แต่ไม่อาจทำอะไรให้รินได้ พี่ผิด พี่ไม่ดี
รู้ไหมว่า เมื่อวานนี้ พี่ออกไปเดินคนเดียวเกือบทั่วเกาะ
เห็นอะไร ในใจมันร่ำร้อง...ริน ริน ริน
เดินจนเหนื่อย กลับมาหลับเป็นตาย ตื่นมาบินนี่แหละครับ
พี่พูดมากไปแล้วใช่ไหม แต่มันอยากพูดนี่ครับ
.....พี่รักรินมากเสมอนะครับ...
จาก.... พี่อิน
(เขียนใน cockpit เที่ยวบิน.....NOUMEA-BANGKOK)
โอย อ่านแล้วจะร้องไห้ แต่ร้องไม่ได้ รีบนึกว่าจะเก็บจดหมายพี่อินไว่ที่ไหนดีที่พี่หนิงจะไม่เห็น ฉันรู้ว่าพอลงจากเครื่องได้ พีหนิงต้องค้นของฉันกระจุยแน่ เพื่อหาหลักฐานที่จะเอามาปรักปรำฉันอีก
รู้ละ ฝากไว้ที่หนุ่ยดีกว่า แล้วค่อยนัดไปเอาวันหลัง
ฉันเลยไปฝากจดหมายไว้กับหนุ่ย นัดว่าค่อยเจอกันวันหลังที่เราว่างตรงกัน และพี่หนิงไปบิน
กลับถึงกรุงเทพฯ จริงดังที่หนุ่ยพูดไว้ เรื่องของฉันดังไม่เท่าเรื่องพี่ปิ๋ม
ชีวิตฉันดำเนินต่อไปโดยไม่ได้ข่าวพี่อิน ฉันนึกถึงเขาบ่อยๆ แต่ความปรารถนาทางกายกับพี่หนิงก็รุนแรงเพิ่มขึ้นตามลำดับ
จนวันหนึ่งที่ฉันรู้ว่าตัวเองท้อง
ฉันบอกพี่หนิง พี่หนิงโกรธว่าท้องได้ยังไง ป้องกันอย่างดีแล้ว แถมยังโทษอีกว่า ฉันไปมีอะไรกับใครอีกหรือเปล่า เขาว่าฉันน่ะเชื่อไม่ค่อยได้
โถ... พี่หนิง กิตติศัพท์ความโมโหหึงของพี่หนิงระบือไปทั่วขนาดนี้ ใครเค้าจะมายุ่งกับริน
แล้วฉันก็แต่งงานกับพี่หนิงหลังจากมีเรื่องวุ่นวายนานาประการจากครอบครัวของเราทั้งคู่
ในงานแต่งงานของฉันนั่นเองที่ลูกสาวพี่หนิงมาก่อเรื่องให้ฉันหน้าแตก
ฉันเคยเจอเด็กคนนี้มาบ้างก่อนที่จะแต่งงานกับพี่หนิง พี่หนิงจะไปรับเธอมาจากภรรยาเก่าของพี่หนิง ที่พี่หนิงชอบบอกฉันลับหลังว่า
"พี่ไม่ได้รักอรเลย พ่อแม่รู้จักกัน ให้แต่งก็แต่ง อยู่กันไม่ได้ก็เลิก"
ฉันเชื่อพี่หนิงตามเคย
ลูกสาวพี่หนิงชื่อน้องหนอน เป็นเด็กหน้าตาไม่น่ารักเลย ไม่เหมือนพี่หนิงซักนิด ฉันไม่เคยเห็นพี่อร ภรรยาเก่าพี่หนิง แต่เคยได้ยินมาว่าเธอสวยนะ อ้าว แล้วทำไมลูกออกมาหน้าตาแปลกๆ สงสัยเอาส่วนไม่ดีของพ่อแม่มามั้ง
เด็กคนนี้เป็นคนหนึ่งที่ต้องเคยเป็นเจ้ากรรมนายเวรของฉันมาแต่ชาติปางก่อนแน่ๆ
เวลาพี่หนิงพาเธอไปไหนกับฉัน ฉันจะตามใจน้องหนอนมาก อยากได้อะไรได้หมด เพราะฉันอยากเอาใจพี่หนิง และสงสารน้องหนอนด้วย รวมกับเห็นว่าพี่หนิงดูรักน้องหนอนไม่น้อยเลย
ตอนนั้นน้องหนอนอายุยังไม่ถึงสามขวบ แต่ฉลาด ช่างพูด จนฉันให้อภัยความล้นๆ เอาแต่ใจของเจ้าหล่อนไป คิดว่าเด็กมีปัญหาเป็นแบบนั้นเอง ฉันต้องเอาใจเธอมากๆ เธอจะได้รักฉัน
หารู้ไม่ว่าฉันไม่เคยได้ "ใจ"น้องหนอนเลย
เรื่องหน้าแตกที่น้องหนอนก่อขึ้นในวันแต่งงานของฉันคือ ในขณะที่พี่หนิงกับฉันเดินถ่ายรูปกับแขกตามโต๊ะ น้องหนอนมองตาม และอยู่ๆ เธอก็ลุกขึ้นปีนไปยืนบนโต๊ะ พร้อมกับทำท่าเหมือนร่ายรำและร้องเพลงเหมือนตะโกนว่า
"พ่อหนิงของหนอน เจอผู้หญิงสะตอ เบอรี่คนใหม่ จะเอามาเป็นแม่หนอน ..."
ทุกสายตาหันไปตามเสียงน้องหนอน
น้องสาวฉันพุ่งไปจับน้องหนอนลงจากโต๊ะ อุ้มไปนอกห้องจัดเลี้ยง
น้องสาวฉันบอกกับฉันในตอนหลังว่าจากการสอบสวนของคุณแม่และน้องสาวฉัน น้องหนอนให้ปากคำว่า คนที่สอนให้เธอร้องเพลงนั้น และยุให้ขึ้นไปยืนบนโต๊ะ คือ พี่หนิม น้องสาวพี่หนิง เป็นแอร์รุ่นพี่ฉันประมาณสองปี และเธอไม่ชอบหน้าฉันเลย
ฉันทำให้ครอบครัวเป็นห่วงตั้งแต่นั้นมา
เนื่องจากฉันรีบแต่งงาน เรือนหอยังไม่มี พี่หนิงจึงบอกให้ไปอยู่กับเขาที่บ้านของเขาก่อน แล้วค่อยหาบ้านอยู่กันทีหลัง
แต่งงานได้ไม่กี่วันฉันไปลาพัก เอาทะเบียนสมรสไปยืนยันว่าท้อง
ใครๆเม้าท์ว่าฉันท้องก่อนแต่ง แต่แล้วก็เงียบๆไป เพราะฉันไช่คนแรกและคนสุดท้ายที่ท้องก่อนแต่ง
ช่วงที่ลาท้อง ทางบริษัทจะมีทางเลือกให้เราสองอย่าง คือ ทำงานภาคพื้นดิน รับเงินเดือนครึ่งเดียว
หรือ ลาพักไปเลยโดยไม่รับเงินเดือน เรียกว่า leave without pay
ฉันเลือกอย่างหลัง
เลือกผิดตามเคย
ฉันอยู่ร่วมบ้านกับครอบครัวพี่หนิงได้ไม่กี่วันเท่านั้น สามารถแยกแยะได้ว่า บ้านพี่หนิงนั้น ผู้หญิงทุกคน (นอกจากฉัน) เป็นใหญ่
คุณแม่พี่หนิงมีลักษณะธรรมดา แต่งตัวง่ายๆ แต่การพูดจา รวมทั้งการกระทำของคุณแม่ไม่เคยธรรมดา
พี่สาวพี่หนิงเป็นแอร์เฟิร์สคลาส เธอสวยและนิสัยดีมากในสังคม แต่อยู่ที่บ้าน เธอเป็นอีกคนหนึ่งที่แตกต่างจากที่ทุกคนรับรู้
เธอชื่อ พี่หน่อย เธอแต่งงานแล้วกับนักการธนาคารจากครอบครัวร่ำรวย ชื่อพี่ มณฑล
พี่หน่อยปลูกบ้านอยู่ในบริเวณอันกว้างขวางของบ้านคุณพ่อคุณแม่เธอ
น้องสาวพี่หนิง ตัวร้ายในชีวิตฉันอีกคนหนึ่งคือพี่หนิมคนที่เสี้ยมสอนน้องหนอนให้แอนตี้ฉัน แต่งงานแล้วเช่นกันกับนักธุรกิจลูกครึ่งจีน รวยมากเหมือนกัน
ฉันมารู้ทีหลัง(อีกละ)ว่า ครอบครัวนี้เค้าหายใจเป็นเงิน
ในเมื่อฉันท้อง และไม่ต้องไปทำงาน ฉันจึงนอนตื่นสาย เมื่อลงมาข้างล่าง คุณแม่พี่หนิงจะพูดลอยๆว่า
"ที่บ้านรินนี่ท่าจะตื่นสายกันหมดใช่มั้ย กินอาหารเช้ากันกี่โมงน่ะ"
ไม่ก็ดูนาฬิกา แล้วตวัดสายตามามองฉัน
แต่ทีลูกสาวตัวเองตื่นสายกลับไม่ว่าอะไร
"หน่อยท่าจะบินมาเหนื่อย ยังไม่ตื่นเลย แย้ม ไปทำกับข้าวไป๊ เดี๋ยวคุณหน่อยตื่นเดินมาบ้านนี้จะไม่มีอะไรกิน"
(ตอนนั้นบ่ายสามโมง)
กับฉัน คุณแม่ไม่สนใจว่าจะมีอะไรหรือไม่มีอะไรกิน
ผิดกับเวลาพี่หนิงอยู่ ที่คุณแม่มักจะมาเคาะห้อง โผล่หน้ามายิ้มแย้มแจ่มใส เช่น
"หนิงกับรินเอาต้มเลือดหมูหน้าปากซอยมั้ย แม่จะให้แย้มไปซื้อ..."
ฉันเป็นคนหัวอ่อน ไม่ค่อยมีปากมีเสียง และรู้ตัวว่าครอบครัวพี่หนิงไม่ค่อยอยากต้อนรับคนท้องก่อนแต่งเท่าไหร่นัก
ดีนะที่ครอบครัวฉันพอมีฐานะอยู่บ้าง คุณพ่อฉันมีชื่อเสียงมากในวงการวิทยาศาสตร์
ไม่อย่างนั้นฉันอาจจะไม่ได้แต่งงานกับพี่หนิง
บางวันพี่หนิงไปบิน ฉันตัดรำคาญโดยไปค้างที่บ้านคุณพ่อคุณแม่จนกว่าพี่หนิงจะกลับ
วันหนึ่ง ฉันกลับจากบ้านคุณพ่อคุณแม่ แล้วเลยแวะรอพี่หนิงที่สนามบิน โดยพี่หนิงไม่รู้ล่วงหน้าว่าฉันจะมารับ
ฉันมองที่จอทีวี วงจรปิด ที่ติดไว้บอกเวลาเครื่องลง เครื่องพี่หนิงลงก่อนเวลาเล็กน้อย วันนั้นพี่หนิงกลับมาจากสิงคโปร์ เป็นไฟลท์ที่นอนค้างหนึ่งคืน มีเวลาไปทานอาหารค่ำ ช้อปปิ้ง และอยู่ต่ออีกวันหนึ่งเต็มๆ เหมือนที่ฉันเคยไปกับพี่หนิงและกิ๊บสมัยพี่หนิงจีบฉันใหม่ๆ
ผู้โดยสารเริ่มทยอยออกมา สักพักฉันเห็นกัปตันเดินมากับS.O น่าจะเป็นกัปตันไฟลท์พี่หนิงนะ ฉันจำได้ว่ากัปตันท่านนี้อยู่ fleet เดียวกับพี่หนิง
แต่ไม่มีพี่หนิง ตอนนั้นพี่หนิงเป็น CO-PILOT แล้ว
ฉันนึกไปว่า สงสัยพี่หนิงคงแวะโทรศัพท์หาฉันละมั้ง เลยรอต่อไป ไม่คิดอะไรมาก
โดยทั่วไป เวลาผู้โดยสารออกจากเครื่องหมดแล้ว นักบินจะออกจากเครื่องตามไปเลย แต่ลูกเรือยังต้องอยู่เก็บสัมภาระต่างๆก่อน เช่น เดินเก็บนิตยสารที่ผู้โดยสารอ่านทิ้งไว้ตามที่นั่ง เก็บเมนูอาหาร ผ้าห่ม ฯลฯ ไปรวบรวมไว้ในถุงผ้าขนาดใหญ่แยกสีตามของที่จะต้องเก็บ พวกเราเรียกว่า pouch
ที่ปากถุงจะมีรูกลมๆให้ใช้ห่วงเหล็กร้อย และใส่กุญแจไว้ด้วย
นอกจากนี้ยังต้องล็อกตู้ต่างๆที่สำคัญ โดยใช้กุญแจเหมือนๆกันหมด และลูกเรือทุกคนจะได้รับแจกกุญแจสำหรับไขตู้และ pouchเหล่านี้
การเก็บงานหลังจากผู้โดยสารลงจากเครื่องจะกินเวลาเกินสิบนาที บางคนที่ช่างเอาเปรียบอาจจะไม่สนใจเก็บงาน เก็บแต่ข้าวของตัวเอง ลากกระเป๋าลงจากเครื่องไปก่อนเพื่อนร่วมงานก็มี แต่มีน้อยมาก
ส่วนใหญ่จะช่วยกันจนเสร็จแล้วลงจากเครื่องพร้อมๆกัน
ฉันรอพี่หนิงจนเห็นลูกเรือเดินออกมา โน่น พี่หนิงอยู่รั้งท้าย กำลังคุยตาหวานกับแอร์หน้าหมวยคนนึง
ฉันระแวงขึ้นมาเดี๋ยวนั้น สัญชาตญาณบอกว่า พี่หนิงกำลังจะทำอะไรไม่ดีแน่เชียว
(มีต่อเร็วๆนี้ค่ะ)
จากคุณ :
แอร์กี่
- [
29 ก.ค. 49 16:55:43
A:202.57.173.36 X: TicketID:117784
]